เราไม่ได้เห็น Noble Development เปิดตัวโครงการแนวราบกันมาสักพักแล้วนะคะ แต่ในช่วงปลายปี 64 ที่ผ่านมา โนเบิลได้เปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ Nue ชื่อโครงการว่า Nue Connex House Don Mueang เป็นทาวน์โฮม บ้านแฝดและโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น ใกล้กับสนามบินดอนเมืองค่ะ ซึ่งผลตอบรับก็เรียกว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว เรามองว่าจุดสำคัญที่น่าสนใจของที่นี่มีดังนี้ค่ะ

• ทำเลเข้าออกได้จากถนน 2 เส้น : ทั้งถนนวิภาวดีรังสิต และ ถนนพหลโยธิน ถือว่าเป็นจุดเด่นที่โครงการอื่นไม่มีแน่ๆ ซึ่งข้อดีคือความสะดวกสบายนั่นเอง ถ้าเราอยากไปใช้ทางด่วน…ก็ออกไปทางถนนวิภาวดีรังสิตได้ แต่ถ้าเราอยากหาของกินสะดวกๆ…ก็ขับออกมาทางฝั่งพหลฯ แทน ประหยัดเวลาการเดินทางไปได้เยอะเลยค่ะ
• ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย : บนถนนพหลโยธินนั้นจะเป็นถนนที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียววิ่งผ่าน ส่วนถนนวิภาวดีรังสิตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงผ่านเช่นกันค่ะ แม้ตัวสถานีจะไม่ได้ลงใกล้กับโครงการโดยตรง แต่ทางโครงการก็มีแผนว่าจะมี Shuttle Service รับ-ส่งจากโครงการไปยังรถไฟฟ้า ซึ่งบริการนี้ค่อนข้างหายากในบ้านแนวราบนะคะ
• แบบบ้านพื้นที่ใช้สอยเยอะ : แบบบ้านในโครงการจะเป็นทาวน์โฮม บ้านแฝด และ โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นค่ะ ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาถือว่าเยอะพอสมควรเลยอยู่ที่ 190-220 ตร.ม. เรียกได้ว่าเยอะกว่าบ้านเดี่ยวขนาดเริ่มต้นในละแวกนี้อีกนะคะ ทำให้ฟังก์ชันภายในบ้านนั้นสามารถจัดได้ 3-4 ห้องนอนเลยทีเดียว และยังเป็นบ้านหน้ากว้าง จัดพื้นที่ได้หลากหลาย (ซึ่งในบ้านตัวอย่างจัดไว้เป็นไอเดียที่ดีเลยค่ะ)

ตัวโครงการจริงจะเป็นอย่างไร Walk-in ไปพร้อมๆ กับเราได้เลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

นิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2564

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.9493907,100.6181329
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Nue Connex House Don Mueang เป็นโครงการที่อยู่ใกล้กับจุดบรรจบระหว่างถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิตค่ะ ในแง่การเดินทางถือว่าสะดวกมาก เพราะว่าติดกับถนนใหญ่สองเส้นทางหลักที่ใช้เชื่อมต่อเข้า-ออกตัวเมืองกรุงเทพฯชั้นใน ใกล้กับทางด่วนดอนเมือง-โทลเวย์ ใกล้กับสนามบินดอนเมือง และก็ยังใกล้กับรถไฟฟ้าถึง 2 สายด้วยกัน นั่นก็คือรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟฟ้าสายสีเขียวค่ะ

ด้วยทำเลนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นหลักของโครงการนี้เลยก็ว่าได้นะคะ เพราะถ้ามองโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม บ้านจัดสรร หรือแม้กระทั่งอาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่อยู่ในโซนนี้ ไม่มีโครงการไหนที่สามารถเข้า-ออกจากถนนใหญ่ 2 เส้นทางได้เหมือนกับ Nue Connex House Don Mueang ยิ่งโครงการบ้านจัดสรรที่เกิด ส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในซอยต่างๆ เป็นโซนที่พักอาศัยหนาแน่น ครั้นจะออกจากบ้านไปทำงานหรือกลับเข้าบ้าน ก็ต้องเผื่อเวลาเดินทางเข้า-ออกในซอยไว้ด้วยค่ะ แต่ถ้าเลือกอยู่ที่โครงการนี้ก็ประหยัดเวลาเดินทางไปได้เยอะเลย

นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาจากตัวโครงการที่เป็น Mixed-product มีทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด และ โฮมออฟฟิศ การเดินทางด้วยรถสาธารณะที่สะดวกก็เป็นอีกปัจจัยที่คนเลือกซื้อโฮมออฟฟิศใช้พิจารณาด้วยเช่นกัน ซึ่ง Nue Connex House Don Mueang นั้นนอกจากอยู่ติดถนนใหญ่ที่เดินทางด้วยรถสาธารณะหรือเรียกรถต่างๆสะดวกแล้ว ยังมีแผนที่จะมีรถ Shuttle Service รับ-ส่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ อีกด้วยค่ะ ดังนั้นเจ้าของบริษัทก็อุ่นใจได้ว่าพนักงานที่ไม่ขับรถส่วนตัวก็ยังเดินทางมาทำงานได้ไม่ยาก หรือครอบครัวที่ลูกต้องใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปเรียน ก็ไม่ต้องลำบากรับ-ส่ง ให้ลูกไปขึ้นรถไฟฟ้าเองได้ด้วยค่ะ

ในแง่ความอุดมสมบูรณ์หรือการหาของกิน เรามองว่าความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ จะเกาะอยู่ทางฝั่งถนนพหลโยธินเป็นหลักนะคะ เพียงแค่ข้ามถนนไปอีกฝั่งก็เจอกับตลาดปากทางแยกลำลูกกาแล้ว หรือจะขับรถเลยไปหน่อยก็จะเจอกับ Big-C รังสิต, เซียร์ รังสิต หรือจะเดินทางไปยังโซนฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต ก็อยู่ไม่ไกลมากค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

การคมนาคม

• รถไฟฟ้า SRT ดอนเมือง
• รถไฟฟ้า BTS แยก คปอ.
• รถไฟฟ้า BTS คูคต
• ทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์

ห้างสรรพสินค้า

• ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
• เซียร์รังสิต
• บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์
• แม็คโคร รังสิต

โรงเรียนและมหาวิทยาลัย

• โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา กรุงเทพมหานคร
• โรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง
• โรงเรียนสายปัญญารังสิต
• โรงเรียนธัญบุรี
• โรงเรียนศรีจิตรา
• โรงเรียนดอนเมืองจาตุรจินดา
• มหาวิทยาลัยรังสิต

โรงพยาบาล

• โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์
• โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
• โรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต)
• โรงพยาบาลแพทย์รังสิต
• โรงพยาบาลธัญญารักษ์
• โรงพยาบาลเปาโลรังสิต

โรงแรม

• โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท
• โรงแรมอมารี ดอนเมือง

ตลาดและร้านอาหาร

• ตลาดปากทางแยกลําลูกกา
• ตลาดสี่มุมเมือง
• ประตูกรุงเทพ
• เดอะลานสกา
• จิตรโภชนา พาร์ก
• โชคชัยสเต็คเฮ้าส์ รังสิต
• ครัวไท
• เวียดนาม มายฮาร์ท
• ร้านตำรับคุณยาย
• ร้านอาหารปาก ต่อ ปาก
• บ้านสวนสลัด
• บ้านสุทธิ์ลักษณ์
• ประสิทธิ์ โภชนา
• ครัวกรรณิการ์ กรุงเทพ
• การ์เด้นสเต็ก
• ครัวรังสิต
• บูมเมอแรง สเต็กเฮ้าส์
• ก๋วยเตี๋ยวเรือนายใช้
• แกรนด์ คอฟฟี่บอย

อื่นๆ

• อนุสรณ์สถานแห่งชาติ
• สนามกีฬากองทัพอากาศธูปะเตมีย์
• สนามบินดอนเมือง

รายละเอียดโครงการ

Nue Connex House Don Mueang เป็นโครงการประเภท Mixed-product ค่ะ คือมีทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด และ โฮมออฟฟิศรวมอยู่ในโครงการเดียวกัน ถือว่าเป็นโครงการที่ค่อนข้างหายากเลยนะคะ แต่จุดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อคือ…โครงการประเภทนี้แม้จะเป็นโครงการจัดสรร เป็นโครงการปิดที่มีรั้วรอบขอบชิด มีป้อมยามคอยดูแลรักษาความปลอดภัย แต่ก็จะเป็นโครงการที่มีคนผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เจ้าของหรือผู้อยู่อาศัยเท่านั้น แต่จะมีทั้งพนักงาน แขกที่มาติดต่อโฮมออฟฟิศเข้ามาเป็นประจำเช่นกันค่ะ ดังนั้นอาจจะเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความ Private เท่าไหร่ เหมาะกับคนที่ต้องการทำบ้านเป็นสถานที่ทำงานไปในตัว อาจจะอยู่ทาวน์โฮมทำงานออกแบบ ขายของออนไลน์ต่างๆที่อาจไม่มีพนักงานประจำ แต่มีคนมาติดต่อบ่อยๆ รับ-ส่งของก็จะเหมาะกับโครงการแนวนี้ค่ะ

อีกจุดที่ควรคำนึงถึงในโครงการที่มีโฮมออฟฟิศอยู่ด้วยคือเรื่องที่จอดรถค่ะ อยากที่บอกไปก่อนหน้าว่าทางโครงการมีแผนให้ Shuttle service รับ-ส่งที่สถานีรถไฟฟ้าเอาไว้ให้ ซึ่งตรงนี้ก็จะรองรับจำนวนพนักงานที่เข้า-ออกได้จำนวนหนึ่ง ในส่วนการออกแบบก็จะมีการแบ่งพื้นที่คร่าวๆให้ 12 ยูนิตทางฝั่งถนนวิภาวดีรังสิตเป็นโฮมออฟฟิศ ซึ่งโซนนี้จะมีบ้านอยู่ฝั่งเดียวของถนน ทำให้อาจจะจอดรถริมถนนได้บ้าง โดยไม่บังหน้าบ้านคนอื่นค่ะ และในตัวบ้านเองที่เป็น Duo-house หรือว่าบ้านแฝดกับโฮมออฟฟิศนั้นก็มีการออกแบบที่จอดรถรองรับเอาไว้ถึง 3 คันอยู่แล้ว ดังนั้นเรามองว่าสามารถแก้ปัญหาเรื่องที่จอดรถได้ดีประมาณหนึ่งเลยนะคะ

พื้นที่ส่วนกลาง

จุดต่อมาที่น่าสนใจสำหรับโครงการ Nue Connex House Don Mueang นี้คือเรื่องพื้นที่ส่วนกลางค่ะ ในโครงการที่เป็นโฮมออฟฟิศหรือทาวน์โฮมส่วนใหญ่มักจะไม่ได้มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานเท่าไหร่ แต่ภายในโครงการนี้ถือว่ามีส่วนกลางให้ใช้ครบครัน และมีหลากหลายฟังก์ชันที่เหมาะกับคนทำงานเช่น พื้นที่ BBQ, ห้องฟิตเนส หรือว่า Studio yoga fly เหมาะสำหรับช่วงเวลาเลิกงานก็ชวนกันมาออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายก่อนกลับบ้านกันได้ค่ะ

โดยตำแหน่งของ Clubhouse และพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดจะอยู่ใกล้ซุ้มประตูทางเข้าทางฝั่งพหลโยธินค่ะ

อาคาร Clubhouse จะเป็นอาคารสูง 2 ชั้น มีพื้นที่สวนรอบๆออกแบบมาน่าใช้งานดีค่ะ

ตัวสระว่ายน้ำจะมีรูปร่าง Freeform สูงจากพื้นเล็กน้อย อยู่ท่ามกลางสวน เป็นสระที่สร้างบรรยากาศให้พื้นที่ส่วนกลางนี้ดูเย็นสบายน่าใช้งานดีค่ะ เรามองว่าในการใช้งานจริงถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวอาจจะต้องมาใช้งานช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่คนน้อยๆนะคะ พาลูกๆมาเล่นน้ำได้เต็มที่ค่ะ

ชั้น 1

อาคาร Clubhouse จะไม่ได้ออกแบบให้เป็นอาคารทึบหรือห้องปิดทั้งอาคารค่ะ แต่จะมีพื้นที่แบบ Semi-outdoor มานั่งเล่นรับลมได้ไม่ร้อนมากเพราะยังมีหลังคาปกคลุมอยู่นะ

นอกจากพื้นที่แบบ Semi-outdoor แล้ว ที่ชั้น 1 ก็จะมีห้องอยู่ 1 ห้องค่ะเป็น Lobby บรรยากาศดี รองรับแขกได้ หรือจะมานั่งทำงานอ่านหนังสือใช้งานเป็น Co-working space ก็ได้เช่นกันนะคะ โดยจะมีบางจุดภายในห้องที่ได้ฝ้าเพดานสูงโปร่ง เป็นการออกแบบให้ภายในห้องดูน่าสนใจมากขึ้นด้วยค่ะ

ชั้น 2

ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 2 ของ Clubhouse จะเป็นฟังก์ชันที่เต็มไปด้วยกิจกรรมค่ะ มีห้องฟิตเนส ห้องเกมส์ ห้องโยคะ และห้องเล่นเด็ก เทียบกับชั้น 1 จะดูเป็นมุมนั่งเล่นมากกว่านะ

โดยจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองฝั่งในห้องมีพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-outdoor อยู่ตรงกลาง

ฟิตเนส

ห้องฟิตเนสจะออกแบบให้เป็นห้องกระจก มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำ สวน และบ้านที่อยู่รอบๆ มีขนาดใหญ่ใช้งานพร้อมกันได้หลายคน และมีฟังก์ชันให้ใช้งานหลากหลาย มีมุมสำหรับต่อยมวยด้วยค่ะ แต่สิ่งที่เราชอบที่สุดจะเป็นการออกแบบให้มีโทนสีเหลือง-ดำ ดูเป็นคู่สี ที่ดู Sport ชวนแอคทีฟดีนะคะ เลิกงานก็มาออกกำลังกายกับเพื่อนๆกันที่นี่ได้เลย หรือจะจ้างเทรนเนอร์มาช่วยสอนที่นี่ก็ได้เช่นกันนะ

ห้องเกมส์และ Kids Club 

เดินมาอีกฝั่งของอาคารจะเจอกับ Kids Club เป็นมุมสำหรับให้ครอบครัวพาลูกมานั่งเล่นตรงนี้กันค่ะ อาจจะเจอกับครอบครัวอื่นๆที่อยู่ในโครงการนี้ ให้ลูกๆได้พัฒนาทักษะการเข้าสังคมและมีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกันด้วยนะคะ

ห้องคิดส์คลับก็จะเชื่อมกับห้องเกมส์ค่ะ ระหว่างที่รอลูกๆเล่นกันกับเพื่อนคุณพ่อคุณแม่ก็มานั่งเล่นเกมส์ตรงนี้รอได้ด้วยนะคะ

ห้องโยคะฟลาย

และห้องสุดท้ายของ Clubhouse จะเป็นห้องโยคะค่ะ (วันที่เราไปโครงการยังไม่ได้ติดเชือกสำหรับโยคะฟลายนะ) ซึ่งเหมาะสำหรับคุณผู้หญิงสายโยคะ มีพื้นที่สว่าง โปร่ง สำหรับเล่นโยคะแบบปกติหรือโยคะฟลายก็ได้ และก็มีกระจกให้เราได้เช็คท่าทางเวลาเราเล่นไปในตัวด้วยค่ะ

ค่าส่วนกลาง

โดยค่าส่วนกลางของโครงการจะคิดที่ 65 บาทต่อตารางวาต่อเดือน ดูจากตัวเลขถือว่าค่อนข้างสูงอยู่นะคะ แต่ด้วยตัวโครงการที่เป็นทาวน์โฮมและบ้านแฝด ค่าส่วนกลางต่อเดือนจึงน่าจะอยู่ที่ราวๆ 1,500 บาทต่อเดือน(แปลงมาตรฐาน) สำหรับทาวน์โฮม และไม่เกิน 2,500-3,000 บาทต่อเดือนสำหรับดูโอ เฮาส์ที่เป็นบ้านแฝดและโฮมออฟฟิศค่ะ ซึ่งดูจากค่าใช้จ่ายต่อเดือนแล้วถือว่าไม่สูงมากนะคะเทียบกับฟังก์ชันที่ได้แบบนี้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

• ชั้น 1
  – โถงล็อบบี้ และบาร์
  – ที่นั่ง Outdoor และพื้นที่รองรับ BBQ
  – สระว่ายน้ำ
  – สวนส่วนกลาง
• ชั้น 2
  – ห้องเกมส์
  – Kids Club
  – โยคะฟลาย (Yoga Fly)
  – ห้องฟิตเนส
• ค่าส่วนกลางจัดเก็บ 65 บาท/ตร.วา/เดือน
• Shuttle Service รับส่งรถไฟฟ้า

ระบบรักษาความปลอดภัย

• Digital Door Lock ในบ้านทุกแบบ
• ควบคุมการเข้า-ออกอาคาร และที่จอดรถ ด้วยระบบ Access Control
• กล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
• พนักงานรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

แบบบ้าน

รูปแบบบ้านที่มีขายในโครงการ Nue Connex House Don Mueang จะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบค่ะ คือ ทาวน์โฮม, ดูโอ เฮาส์ที่จัดผังเป็นบ้านแฝด และ โฮมออฟฟิศ โดยดูโอ เฮาส์ที่เป็นบ้านแฝดและโฮมออฟฟิศนั้นจะมีหน้าตาบ้าน ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เหมือนกัน แต่จะมีการจัดแปลนภายในบ้านที่แตกต่าง ซึ่งในรีวิวนี้เราจะขอรีวิวบ้านแฝดและโฮมออฟฟิศไปพร้อมๆกันทีเดียวเลยนะคะ จะได้รู้ว่าในพื้นที่ที่มีขนาดเท่ากันนั้น จะสามารถจัดฟังก์ชันที่แตกต่างกันได้อย่างไรบ้าง และในช่วงท้ายเราก็จะมีบรรยากาศทาวน์โฮมของที่นี่มาให้ชมเช่นกันค่ะ

ในบ้านตัวอย่างที่จะได้เห็นกันนั้นจะมีการกั้นพื้นที่ภายในที่อาจจะแตกต่างจากบ้านมาตรฐานไปบ้าง ซึ่งเราอยากให้มองเป็นไอเดียในการตกแต่งและจัดพื้นที่ใช้สอยนะคะ เพราะต้องบอกว่าทางโนเบิลค่อนข้างเก่งเรื่องการจัดสรรพื้นที่เลยทีเดียว บรรยากาศบ้านตัวอย่างจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปชมพร้อมกันเลยค่ะ

บ้านแฝดและโฮมออฟฟิศ ดีไซน์โปร่งโล่ง

แบบบ้านที่เป็นตัวชูโรงของโครงการ Nue Connex House Don Mueang จะเป็นแบบบ้านแฝดสามชั้นที่ทางโนเบิลเรียกว่า Duo house ค่ะ โดยจะเป็นแบบบ้านที่มีรูปลักษณ์เป็นแบบบ้านแฝดประกบ กันเป็นคู่ๆ มีผนังฝั่งหนึ่งชิดกัน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นสวนข้างบ้าน โดยหน้าตาภายนอกของทั้งบ้านแฝดและโฮมออฟฟิศจะออกแบบมาเหมือนกัน (แตกต่างกันเล็กน้อยตรงดีเทลประตูทางเข้า) แต่การจัดฟังก์ชันภายในบ้านหรือว่าการกั้นห้องด้านในจะแตกต่างกันค่ะ

แบบ Oscar

สำหรับโฮมออฟฟิศจะมีชื่อแบบว่า Oscar ค่ะ โดยจะมีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 220 ตร.ม. 2 ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ของส่วนสำนักงาน ส่วนชั้น 3 จะเป็นห้องนอน 2 ห้องค่ะ โดยแบบบ้านนี้จะจอดรถได้ 3 คัน

ในการออกแบบจะมีการจัดฟังก์ชันอย่างระเบียงหรือว่าบันไดทางเดินเอาไว้อยู่ชิดกับผนังฝั่งที่ติดกับเพื่อนบ้านค่ะ เพื่อให้ฟังก์ชันที่เราต้องใช้งานจริงๆ นั้นไม่ชนกัน เสียงรบกวนต่างๆ ก็จะลดลงด้วย

ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ส่วนสำนักงานซึ่งจะเป็น Open plan เราสามารถแบ่งกั้น ต่อเติมได้ จะจัดเป็นส่วนสำนักงานเลยก็ได้ หรือจะจัดให้เป็นพื้นที่ reception มีห้องประชุม ห้องครัว มุมที่เหมาะให้พนักงานมากินข้าว พูดคุยกันได้ โดยจะมีห้องน้ำอยู่ 1 ห้อง (ใช้ร่วมกันระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ที่เป็นส่วนสำนักงาน)

ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ส่วนสำนักงานแบบยกชั้นค่ะ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ทางฝั่งหน้าบ้านและทางฝั่งด้านหลังบ้าน ตรงกลางจะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อไปยังโถงแบบ Double volume ชั้นล่าง ให้พื้นที่ส่วนที่เป็นสำนักงานทั้งหมดเชื่อมโยงถึงกัน ตรงนี้เราอาจจะแบ่งเป็นห้องเพื่อแยกเป็นแผนกก็ได้ หรือจะกั้นเป็นห้องเจ้าของบริษัทเพื่อความเป็นส่วนตัวเวลาคุยงานก็ไม่ติดค่ะ

ชั้น 3 ถือว่าเป็นส่วนพักอาศัยทั้งชั้น จะมีห้องนอน 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง และพื้นที่พักผ่อนตรงกลาง

แบบบ้านนี้ดูเป็นฟังก์ชันที่เหมาะสำหรับการทำเป็นสำนักงานขนาดย่อมของชาว SME ต่างๆ เหมาะกับคนที่ต้องทำงานติดต่อไปยังต่างจังหวัดทางฝั่งรังสิต-อยุธยา หรือว่าต้องติดต่อเดินทางขนส่งกับทางสนามบินดอนเมืองเป็นประจำนะคะ

แบบ Sierra

สำหรับคนที่มองหาที่พักอาศัยเป็นหลัก บ้านแฝดหรือว่าดูโอ เฮาส์ของที่นี่จะมีชื่อว่า Sierra เป็นบ้าน 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 220 ตร.ม. ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 3 คัน

ถ้าดูจากแปลนบ้านของที่นี่จะเห็นว่าภายในมีการออกแบบที่คำนึงถึงเรื่องแสงสว่างภายในบ้านและความเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควรเลยค่ะ อย่างผนังฝั่งที่ติดกับเพื่อนบ้านก็จะวางฟังก์ชันอย่างระเบียงหรือว่าบันไดเอาไว้ เพื่อให้เสียงจากการใช้งานจากเพื่อนบ้านข้างๆ ไม่รบกวนกัน และจากการเว้นพื้นที่ระเบียงที่จัดมาอยู่ด้านข้างนี้ก็ทำให้ผนังตรงกลางบ้านสามารถเจาะเป็นช่องเปิด ทำให้พื้นที่กลางบ้านดูสว่างแตกต่างจากบ้านแฝดที่เราเคยเจอมา เรียกว่าบรรยากาศภายในบ้านไม่แตกต่างจากบ้านเดี่ยวเลยค่ะ

ชั้น 1 ถูกออกแบบไว้ให้เป็น common area มีพื้นที่นั่งเล่น กินข้าว ต่อเนื่องเข้าไปในตัวบ้าน โดยเราสามารถกั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งให้กลายเป็นห้องครัวปิดภายในบ้านได้ด้วยนะคะ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นบันไดขึ้นชั้นบนของบ้าน มีห้องน้ำและมีห้องอเนกประสงค์ไว้ให้ 1 ห้องค่ะ

ชั้น 2 จะเป็น Master Bedroom แบบยกชั้น โดยจะมีพื้นที่กลางบ้านที่เว้นไว้เป็นพื้นที่ Double Volume เชื่อมกับโถงรับแขกที่ชั้น 1 บรรยากาศชั้นนี้จะเป็นห้องนอนที่สบายๆ แบ่งฟังก์ชันได้หลากหลาย สามารถเพิ่มพื้นที่นั่งเล่นหรือว่ามุมทำงานส่วนตัวไว้ภายในห้องนอนได้

ชั้น 3 จะถูกจัดไว้เป็นห้องนอนรอง 2 ห้อง โดยมี Multi-purpose area และระเบียงอยู่ตรงกลาง ให้เราได้ปลูกต้นไม้ จัดพื้นที่เป็นมุมพักผ่อนแบบ semi-outdoor ได้ เป็นการดึงพื้นที่ธรรมชาติเข้ามาสู่ใจกลางบ้านให้ชั้นพักอาศัยของเราน่าอยู่มากขึ้นค่ะ

บรรยากาศภายในบ้านตัวอย่าง

เราได้เห็นหน้าตาบ้านและผังบ้านและโฮมออฟฟิศกันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูภายในบ้านกันบ้างดีกว่าค่ะ โดยเราจะขอเทียบบรรยากาศด้านในไปพร้อมๆกันเลยนะคะ

ชั้น 1

พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ common area สำหรับบ้านก็จะเป็นพื้นที่ที่เหล่าสมาชิกภายในบ้านได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ส่วนในโฮมออฟฟิศก็จะเป็นพื้นที่ต้อนรับ และพื้นที่รวมตัวกันของเหล่าพนักงาน เป็นพื้นที่ที่เราได้พูดคุยสัพเพเหระ ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวอื่นๆด้วยก็ได้ โดยในการออกแบบนั้นจะจัดพื้นที่โล่งเอาไว้ให้ก่อนเป็น open plan ที่เราสามารถแบ่งซอยให้เป็นฟังก์ชันตามที่เราต้องการทีหลังได้ พื้นที่ภายในบ้านถือว่ามีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะจัดแบ่งให้มีห้องครัวหรือว่า Pantry ภายในบ้านได้เช่นกันค่ะ

ทางเข้าบ้าน

จุดแรกที่มีความแตกต่างกันคือทางเข้าบ้านค่ะ (ภาพบน) ทางเข้าโฮมออฟฟิศจะออกแบบให้เป็นประตูบานเลื่อนกระจก (ภาพล่าง) ส่วนบ้านพักอาศัยจะถูกออกแบบให้เป็นประตูบานทึบพร้อม Digital Door Lock เพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า

โถงต้อนรับและห้องนั่งเล่นแบบ Double Volume

เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับพื้นที่ส่วนแรกที่ออกแบบไว้ให้มีฝ้าเพดานสูง 6.2 เมตร (double volume) เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้น 2 ของบ้านได้ (ภาพบน) แบบที่เป็นสำนักงานสามารถจัดพื้นที่ให้เป็นโถงต้อนรับ รับรองแขกที่มาติดต่อออฟฟิศได้ (ภาพล่าง) ส่วนที่เป็นบ้านพักอาศัย ก็สามารถจัดให้เป็นห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นที่มีบรรยากาศโปร่งโล่ง สบายๆ

ไอเดียการจัดโถงต้องรับในโฮมออฟฟิศแบบ Oscar

ไอเดียการเพิ่มฟังก์ชันให้กับห้องนั่งเล่นในบ้านแบบ Sierra

ไอเดียการจัดชั้น 1 ของโฮมออฟฟิศ Oscar

ในบ้านตัวอย่างของแบบ Osacar ที่เป็นโฮมออฟฟิศได้จัดพื้นที่ด้านในของชั้น 1 เอาไว้น่าสนใจเลยค่ะ โดยพื้นที่ตรงนี้สามารถจัดเป็นห้องน้ำ ห้องครัว และห้องประชุมขนาดย่อมได้ถึง 2 ห้อง

ไอเดียการจัดห้องกินข้าวและครัวของบ้านแบบ Sierra

ห้องน้ำและห้องอเนกประสงค์ในบ้านแบบ Sierra

นอกจากครัวและพื้นที่กินข้าวแล้ว พื้นที่อีกมุมของบ้านก็ยังมีฟังก์ชันห้องอเนกประสงค์ให้มาอีกห้องค่ะ อยู่ใกล้กับห้องน้ำที่ชั้น 1 นี้ด้วย

ชั้น 2

ที่ชั้น 2 นี้ ในแปลนบ้านทั้ง 2 แบบก็จะวางไว้อยู่เพียงฟังก์ชันเดียวเท่านั้นค่ะ สำหรับแบบ Oscar ที่เป็นโฮมออฟฟิศก็จะเป็นพื้นที่สำนักงานแบบยกชั้น ส่วนในแบบ Sierra ที่เป็นบ้าน ก็จะเป็น Master Bedroom ทั้งชั้น บรรยากาศเหมือน Penthouse ส่วนตัวเลย

จุดที่ทั้งสองแบบบ้านมีเหมือนกันแล้วเรามองว่าน่าสนใจจะเป็นพื้นที่ส่วน Double Volume ที่เชื่อมต่อกับชั้น 1 ได้ และระเบียงแนวลึกด้านข้างบ้านที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับบันไดและพื้นที่ใจกลางบ้านค่ะ

Double Volume เชื่อมต่อชั้น 1 ของบ้าน

เนื่องด้วยอาคารเป็นบ้านตอนลึก พอมีพื้นที่กลางบ้านที่เจาะเป็น Double Volume แบบนี้ทำให้ตัวบ้านดูไม่ทึบตันดีนะคะ ชั้น 1 และชั้น 2 ก็เชื่อมต่อกันด้วยมุมมองทางสายตา แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน ทำให้แต่ละส่วนดูแล้วได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เป็นการออกแบบที่เรามักจะไม่ค่อยเจอในทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดกันสักเท่าไรนัก

(โฮมออฟฟิศ=ภาพบน, บ้านแฝดหรือดูโอ เฮาส์=ภาพล่าง) มองจากชั้นบนลงไปจะเจอกับโถงรับแขกด้านล่าง เป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ภายในบ้านเข้าหากันค่ะ

ระเบียงตอนลึกข้างตัวบ้าน

อีกจุดที่น่าสนใจคือวิธีการออกแบบระเบียงของที่นี่ โดยทั่วไปเราจะเห็นการออกแบบระเบียงแนวยาวที่อยู่หน้าบ้าน ซึ่งเวลาใช้งานจริงก็อาจจะเคอะเขินคนที่ผ่านไปมาซักหน่อย จะเอาผ้ามาตากก็ดูไม่เรียบร้อย แต่พอพลิกกลับนิดหน่อยให้พื้นที่ระเบียงลึกเข้ามาด้านในบ้านแทน ทีนี้เราจะออกไปใช้งาน ตากผ้าอะไรก็สะดวกใจมากขึ้นนะคะ และนอกจากประโยชน์ในแง่การใช้งานแล้ว เราว่าการนำระเบียงลึกเข้ามาภายในตัวบ้านทำให้ผนังด้านข้างภายในห้องสามารถออกแบบเป็นผนังกระจกได้ เพิ่มช่องแสงให้ภายในห้องหลายๆด้าน เปิดระบายอากาศลมก็พัดผ่านได้ดีขึ้น บรรยากาศด้านในก็ดูสบายขึ้นด้วยค่ะ

ไอเดียการจัดออฟฟิศในโฮมออฟฟิศแบบ Oscar

ที่ชั้น 2 ของโฮมออฟฟิศสามารถแบ่งพื้นที่ได้เป็น 2 ส่วนค่ะ ในบ้านตัวอย่างลองจัดให้ฝั่งหนึ่งเป็นที่ทำงานของพนักงาน เรามองว่ารองรับได้ 8-10 ที่นั่งหลวมๆสบายๆ เลยนะคะ ส่วนอีกฝั่งทางหน้าบ้านก็จัดให้เป็นห้องทำงานเจ้าของบริษัทไป มีโต๊ะทำงานพร้อมโซฟารับรองแขกภายในตัวได้ สามารถกั้นพื้นที่ตรงนี้เป็นห้องปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้ค่ะ

ไอเดียการจัดห้องนอนในบ้านแบบ Sierra

ในบ้านแบบ Sierra ก็ยังสามารถแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนได้เช่นกัน ในบ้านตัวอย่างจะออกแบบให้พื้นที่ฝั่งหลังบ้านเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งแบ่งพื้นที่วางเตียงนอน ชั้นวางของขนาดใหญ่ มุมตู้เสื้อผ้าเป็น walk-in closet ได้ภายในตัว และก็ยังมีห้องน้ำส่วนตัวอยู่ใกล้ๆด้วย

ห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่บ้านแบบ Sierra

มุมนั่งเล่นชั้น 2 ภายในบ้านแบบ Sierra

จากฝั่งห้องนอนเดินไปทางฝั่งหน้าบ้าน ทางเดินมีขนาดกว้างพอสมควร เราออกแบบชั้นวางของขนาบข้างทางเดินแบบในบ้านตัวอย่างก็ได้นะคะ แต่ถ้าใครเสื้อผ้าเยอะ เรามองว่าจัดผนังนี้เป็นตู้เสื้อผ้าเพิ่มอีกก็ได้ค่ะ

พื้นที่ฝั่งหน้าบ้านสามารถจัดวางโซฟาพักผ่อนส่วนตัวได้ รวมไปถึงมุมทำงานภายในห้องนอน ด้วยระยะห่างระหว่างพื้นที่ตรงนี้กับเตียงก็ไกลพอสมควร เรียกได้ว่าคุณผู้หญิงจะพักผ่อน คุณผู้ชายจะดูบอลก็ไม่รบกวนกันเท่าไหร่ค่ะ

ชั้น 3

ที่ชั้น 3 ของบ้านและโฮมออฟฟิศจะเป็นพื้นที่สำหรับพักอาศัยเป็นหลัก โดยจะแบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง ทางฝั่งหน้าบ้านหนึ่งห้องและทางฝั่งหลังบ้านอีกหนึ่งห้อง แต่จุดที่แตกต่างจะอยู่ที่พื้นที่ตรงกลางบ้าน โดยแบบที่เป็นบ้านแฝดจะจัดพื้นที่กลางบ้านเป็นระเบียงขนาดใหญ่หน่อย และมีพื้นที่อเนกประสงค์ย่อยๆ อยู่ ส่วนแบบที่เป็นโฮมออฟฟิศจะออกแบบมาเป็นพื้นที่ Family area หรือโซนพักผ่อนอยู่ตรงกลาง และมีระเบียงที่ขนาดเล็กลง เนื่องจากสองชั้นล่างจะเป็นส่วนออฟฟิศ ดังนั้นพื้นที่ที่เป็นห้องนั่งเล่นหรือพื้นที่พักผ่อนสบายๆจริงๆของเจ้าของบ้านจะมาอยู่ที่ชั้นนี้แทนค่ะ

พื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องนอน 2 ห้อง

(ภาพบน) จะเป็นส่วน Family area หรือห้องนั่งเล่นค่ะ โดยจะมีระเบียงอยู่ด้านข้าง ออกไปใช้งานได้ และช่วยให้พื้นที่ตรงกลางบ้านแสงสว่างส่องเข้าถึง (ภาพล่าง) ส่วนบ้านแฝดจะออกแบบพื้นที่กลางบ้านให้มีระเบียงขนาดใหญ่ และภายในบ้านจะเป็นทางเดินแทน เนื่องจากพื้นที่ห้องนั่งเล่นจะมีอยู่ที่ชั้นล่างอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นทางเดินตรงกลางหน้าห้องนอนนี้จึงมีความสว่างโปร่งที่ชวนผ่อนคลายมากขึ้น สมาชิกในบ้านก็สามารถมานั่งพักผ่อน จัดส่วนที่ระเบียงแบบ Semi-outdoor ตรงนี้ได้ค่ะ

บรรยากาศพื้นที่นั่งเล่นกลางบ้านของโฮมออฟฟิศแบบ Oscar

ห้องนอนฝั่งหลังบ้านของโฮมออฟฟิศแบบ Oscar

ห้องนอนฝั่งหน้าบ้านของโฮมออฟฟิศแบบ Oscar

พื้นที่อเนกประสงค์กลางบ้านแบบ Sierra

ห้องนอนรองฝั่งหลังบ้านของบ้านแบบ Sierra

ห้องนอนรอง ฝั่งหน้าบ้านของบ้านแบบ Sierra

ทาวน์โฮม 3 ชั้น ฟังก์ชันเท่าบ้านเดี่ยว

สำหรับแบบบ้านเริ่มต้นของโครงการนี้จะเป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้นที่มีชื่อว่า Tango ค่ะ แม้จะเป็นแบบบ้านเริ่มต้นแต่พื้นที่ใช้สอยถือว่าเยอะมากเลยทีเดียวเพราะได้มาถึง 190 ตร.ม. จัดได้ถึง 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และจอดรถได้ 2 คันค่ะ (บ้านมาตรฐานหน้ากว้าง 5 เมตร)

ชั้น 1 เป็นพื้นที่ common area ที่เหล่าสมาชิกภายในบ้านจะมาใช้งานร่วมกัน โดยผังบ้านจะแบ่งออกเป็นสองส่วนค่ะ ฝั่งบันไดจะมีห้องน้ำ มีพื้นที่อเนกประสงค์จัดเป็นมุมเก็บของ ทำงานได้ และมีพื้นที่สำหรับกั้นเป็นห้องครัวภายในบ้าน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและกินข้าวต่อเนื่องกัน พื้นที่ตรงนี้มีความลึกพอสมควรค่ะ จัดโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่พร้อม Pantry แบบ island แล้วมีทางเดินรอบๆได้เลย

ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่พักผ่อน โดยจะมีห้องนอน 1 ห้องทางฝั่งหน้าบ้าน มีห้องน้ำในตัว ส่วนพื้นที่ทางฝั่งด้านหลังเป็น Family area ซึ่งจุดนี้เรามองว่าสามารถปรับให้เป็นห้องนอนเพิ่มอีกห้องได้นะคะ

ชั้น 3 แบ่งออกเป็นสองห้องนอน ฝั่งหน้าบ้านและฝั่งหลังบ้าน ซึ่งมีพื้นที่ภายในห้องใหญ่พอสมควร วางเตียงขนาดใหญ่ได้ มีห้องน้ำในตัว และมีพื้นที่สำหรับจัดเป็น Walk-in Closet ภายในตัวได้ด้วย

เป็นแบบบ้านที่รองรับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ อยู่กันได้ 4-8 คนเลยค่ะ ภายในบ้านจะเป็นอย่างไรกดเลื่อนดูที่ Gallery ทางด้านล่างได้เลยนะ

ชั้น 1

Common Area

ห้องน้ำ ห้องอเนกประสงค์ และห้องครัว

อีกฝั่งของบ้านชั้น 1 จะถูกแบ่งฟังก์ชันกั้นออกมาเป็นห้องเป็นสัดส่วนค่ะ

ชั้น 2

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ของทาวน์โฮมจะแบ่งห้องเป็น 2 ฝั่งทางหน้าบ้านและหลังบ้านค่ะ

Family area

พื้นที่ทางฝั่งหลังบ้านจะเป็น Family area ขนาดใหญ่ ซึ่งเรามองว่าสามารถกั้นพื้นที่ตรงนี้เป็นห้องนอนอีกห้องก็ได้เลยนะ

ห้องนอน

เดินไปทางฝั่งหน้าบ้านที่ชั้นนี้จะมีห้องนอนอยู่ 1 ห้องค่ะ

ชั้น 3

ขึ้นบันไดไปยังชั้น 3 จะเป็นส่วนพักอาศัย แบ่งออกเป็น 2 ห้องนอนค่ะ ทางฝั่งหน้าบ้าน 1 ห้อง ทางฝั่งหลังบ้านอีก 1 ห้องนอน

ห้องนอนฝั่งหลังบ้าน

ห้องนอนฝั่งหน้าบ้าน

ข้ามมาทางฝั่งหน้าบ้านจะเจอกับห้องนอนอีกห้องขนาดพื้นที่ต่างๆจะใกล้เคียงกับห้องนอนที่ชั้น 2 ค่ะ

บทสรุป

นิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง เป็นอีกโครงการที่ค่อนข้างหาได้ยาก เรียกว่าเป็น rare item ก็ว่าได้… ทำไมเราถึงบอกว่าเป็นโครงการ rare item? สิ่งแรก คือเรื่องทำเลของโครงการที่ตั้งอยู่ระหว่างถนนใหญ่สองเส้น คือถนนวิภาวดีรังสิต และ ถนนพหลโยธิน เป็นถนนใหญ่เส้นสำคัญที่หลายๆคนใช้เข้า-ออกเมืองเป็นประจำ ใกล้ทางด่วน ใกล้สนามบิน และมีรถไฟฟ้าให้ใช้ มีห้างสรรพสินค้า ตลาด ความอุดมสมบูรณ์ถือว่าครบครัน จึงเป็นทำเลที่สะดวกสบายมากกว่าโครงการที่ตั้งอยู่ในซอยแน่ๆ
เรื่องที่สอง คือแบบบ้านที่มีให้เลือกเป็น ทาวน์โฮม, ดูโอ เฮาส์ และ โฮมออฟฟิศ 3 ชั้น ดีไซน์เรามองว่าดูทันสมัย แต่จุดที่ใครหลายคนน่าจะชอบคือขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านค่ะ แบบเริ่มต้นที่เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ก็มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 190 ตร.ม.แล้ว เผลอๆเยอะกว่าบ้านเดี่ยวบางโครงการด้วยนะคะ ส่วนแบบที่เป็นดูโอ เฮาส์และโฮมออฟฟิศก็จะมีขนาด 220 ตร.ม. เป็นบ้าน 4 ห้องนอนที่ห้องนอนใหญ่อยู่สบายด้วยค่ะ นอกจากพื้นที่ใช้สอยที่ได้มาเยอะแล้ว อีกจุดที่น่าสนใจของดูโอ เฮาส์และโฮมออฟฟิศคือพื้นที่ฝ้าเพดานสูง 6.2 เมตร เชื่อมระหว่างฟังก์ชันชั้น 1 กับชั้น 2 เอาไว้ ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูโปร่งโล่งต่อเนื่องกัน “ฟังก์ชันดี ดีไซน์สวย” นะคะโครงการนี้

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของ นิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง ถือว่ากำลังดีค่ะ มีส่วนกลางให้ใช้งาน ทั้ง Clubhouse สระว่ายน้ำ และพื้นที่สันทนาการ ซึ่งทั้งคนที่อยู่ออฟฟิศหรือคนที่อยู่บ้านก็มาใช้ร่วมกันได้ในบรรยากาศสบายๆ มีฟังก์ชันที่เอาใจคนทำงานอย่างฟิตเนสและห้องโยคะ ฟลาย ทำออกมาได้น่าใช้งานดีค่ะ

ในส่วนของราคาบ้านในโครงการนี้ ทาวน์โฮมโครงการนี้เปิดตัวมาในราคา 5.29 ล้านบาท ถือว่าเป็นราคาเปิดตัวที่ทำออกมาได้ดีสำหรับโปรดักส์ที่ได้พื้นที่ใช้สอยขนาดนี้บนทำเลนี้นะคะ ซึ่งปัจจุบันราคานี้อาจจะไม่มีแล้ว (ต้องไปสอบถามเพิ่มเติมกับทางสำนักงานขายอีกที) แต่ถ้าใครได้ราคานี้ไปก็ขอยินดีด้วยค่ะ ส่วนบ้านแบบดูโอ เฮาส์ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9.15 ล้านบาท ส่วนตัวเรามองว่าค่อนข้างสูงนะคะ เป็นราคาที่สามารถเลือกบ้านเดี่ยวในซอยแทนได้ แต่ก็เป็นราคาที่ทำให้คนที่เลือกโครงการนี้ได้ทำเลบ้านติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า และฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ ซึ่งบ้านเดี่ยวที่อยู่ในงบเท่านี้ก็อาจจะหาได้ไม่ง่ายเช่นกันค่ะ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณที่กำลังจะซื้อว่าให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากันนะ

นิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง เหมาะกับใคร?

นิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการหาสถานที่รองรับทั้งการทำงานและอยู่อาศัยไปในตัว ด้วยทำเลที่ติดกับถนนใหญ่ถึงสองเส้นทางคือถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้กับสนามบินดอนเมือง ธุรกิจที่ต้องติดต่อหรือเกี่ยวข้องกับสนามบินทำเลนี้ก็ถือว่าเหมาะ เหมาะทั้งในแง่การทำงานและเหมาะทั้งในแง่การเดินทางที่สะดวกสำหรับพนักงานนะคะ

สำหรับคนที่อยากได้บ้าน เรามองว่าต้องเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องทำเลเป็นอันดับแรก และแบบบ้านเป็นอันดับต่อมา ไม่ติดเรื่องราคาเท่าไหร่ เนื่องจากถ้าเราดูบ้านพักอาศัยโซนนี้ก็จะมีทั้งโซนคูคต สายไหม ที่เข้าซอยไปหน่อย มีตัวเลือกราคารองลงมาในแบบที่เป็นบ้านเดี่ยวที่ดินเยอะกว่า แต่สำหรับ นิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง จะเป็นบ้านที่ทำเลสะดวกกว่า และมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ เรียกว่าเยอะกว่าบ้านเดี่ยวในหลายๆโครงการด้วยซ้ำค่ะ แต่ด้วยตัวโครงการที่เป็น Mixed-product มีทั้งสำนักงานและที่อยู่อาศัยรวมกัน คนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยอย่างเดียวก็ต้องยอมรับเรื่องรูปแบบโครงการแนวนี้ให้ได้ เพราะจะมีคนเข้า-ออกเยอะ อาจจะมีรถจอดหนาแน่นบางช่วงเวลา เรื่อง Security และ Privacy อาจจะไม่ได้เข้มข้นเท่าโครงการที่เป็นที่พักอาศัยโดยเฉพาะค่ะ

สุดท้ายนี้เราก็ขอขอบคุณผู้อ่านที่อ่านมาจนจบนะคะ มีข้อสงสัยหรือคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับโครงการ นิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง นี้ก็สามารถ Comment มาได้ทางด้านล่าง และหวังว่ารีวิวจาก Think of Living จะเป็นประโยชน์ในการตามหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับผู้อ่านทุกคนได้นะคะ

สำหรับใครที่สนใจโครงการนี้สามารถลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท* + กู้เต็ม 100% ได้คลิก >> https://nobleurl.com/3DgnU0W

ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc