รีวิวโครงการ
บ้านเดี่ยวพร้อมส่วนกลางสไตล์ยุโรป เริ่ม 8.99 ล้าน | Grandio 2 พระราม 2 | คิดเรื่องอยู่ EP.777
20 กรกฎาคม 2024
..วันนี้เราพามาชมบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ในอาณาจักร The Grand 2 จาก Frasers Property Home ที่มีชื่อว่า แกรนดิโอ 2 พระราม 2 ซึ่งเป็นบ้านสไตล์ยุโรปหลังใหญ่ เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในที่เยอะมาก มาพร้อมกับฟังก์ชันพิเศษอย่าง Glasshouse Laundry และ Double Master Bedroom รวมถึงบ้านหลังใหญ่สุดก็ยังมี Private Pool ให้ได้ใช้งานกันอีกด้วย ส่วนความน่าสนใจอื่นๆของโครงการจะมีดังต่อไปนี้เลยครับ
- ทางเข้าหลักอยู่ติดถนนใหญ่พระราม 2 ด้านหน้าเป็นที่ตั้งของคอมมูนิตี้มอลล์ และมีจุดให้กลับรถเข้าเมืองใต้สะพาน รวมถึงยังมีทางลัดของหมู่บ้านข้างๆ ให้ใช้ขึ้นสะพานไปสมุทรสาคร-มหาชัยได้ด้วย
- บ้านหลังใหญ่สไตล์ยุโรป พื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันเยอะ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-ใหญ่ บรรยากาศภายในกว้างขวางและโปร่งโล่ง
- บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางและอาคาร Clubhouse มีความสวยงามและอลังการมาก มีความน่าใช้งานและใช้รับแขกเป็นหน้าเป็นตาได้สบายๆ
- ภายในโครงการมองไปทางไหนก็จะเห็นต้นไม้อยู่เสมอ เพราะเค้ามีการกระจายสวนไว้ 2 จุด และริมถนนทุกๆซอยจะปลูกไม้พุ่มไว้ตลอดแนว รวมถึงยังทำสวนกับให้ต้นไม้ใหญ่ในบ้านทุกหลังด้วย
ข้อมูลโครงการ
Grandio 2 Rama 2 (แกรนดิโอ 2 พระราม 2) ณ วันที่ 3 เมษายน 2566
ชื่อโครงการ | Grandio 2 Rama 2 (แกรนดิโอ 2 พระราม 2) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จํากัด |
SEGMENT CLASS | HIGH – LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนน พระราม 2 จ.สมุทรสาคร |
ที่ดิน | 75-2-34.1 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 276 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ราคาเริ่มต้น | 9.99 – 17.59 ล้านบาท |
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.8 – 2.9 เมตร และพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume 6.4 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 80,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2568 |
เว็บไซต์โครงการ | https://home.frasersproperty.co.th/House |
โทร | 065-503-1222 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- มีทางเข้าหลักติดถนนใหญ่พระราม 2 เป็นฝั่งขาออกไปทางสมุทรสาคร-มหาชัย
- เดินทางสะดวก ใกล้จุดกลับรถเข้ากรุงเทพ และมีทางลัดให้ไปขึ้นสะพานไปสมุทรสาคร-มหาชัยได้ทัน
- The Grand 2 ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าจะเปิดเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ในอนาคต ส่วนโซนพักอาศัยที่อยู่ด้านในก็จะเงียบสงบและเป็นส่วนตัวดีมากๆ
- อนาคตจะมีการตัดทางด่วนเส้นใหม่ ทำให้เดินทางเชื่อมต่อเข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากขึ้น
พิกัด Google Maps : 13.587238, 100.347565
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ แกรนดิโอ 2 พระราม 2 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ฝั่งขาออกในย่านสมุทรสาคร ซึ่งเป็นช่วงก่อนจะถึงมหาชัยพอดีครับ ดังนั้นทำเลนี้จึงเหมาะกับคนที่อาจเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือเจ้าของโรงงานต่างๆที่อยู่ในย่านมหาชัยอยู่แล้วนั่นเอง
ถือเป็นโซนช่วงรอยต่อสำคัญของกรุงเทพ-สมุทรสาคร ที่คนทางฝั่งมหาชัยมักจะมาหาบ้านหลังใหญ่ๆแถวๆนี้ เพราะต้องการบ้านที่สามารถเดินทางมาทำงานในมหาชัยก็ได้ หรือจะเข้าไปติดต่อธุรกิจในกรุงเทพก็สะดวก
โดยความอุดมสมบูรณ์หลักๆก็จะอิงไปทางมหาชัย ที่มีทั้งตลาดขนาดใหญ่ ซูเปอร์มาร์เก็ต และจุดแวะพักรถชื่อดังที่หลายๆคนคุ้นเคยดี ในเวลาที่ขับรถไปเที่ยวหัวหิน-ชะอำกันอย่าง Porto Chino และอีกจุดหนึ่งก็จะเป็นฝั่งกรุงเทพบริเวณแถวๆ BigC กับ Lotus’s นั่นเองครับ
อาณาจักร The Grand 2 กับทางลัดสำหรับคนฝั่งมหาชัย :
..ทางเข้าหลักของตัวโครงการจะอยู่ก่อนถึงจุดกลับรถใต้สะพานพอดี ซึ่งก็จะเลยจุดขึ้นสะพานข้ามคลองไปมหาชัยมาแล้วนิดนึง แต่ช้าก่อน..!! ถนนภาระจำยอมด้านในโครงการจะมีทางลัดเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับซอยสาธารณะของหมู่บ้านข้างๆได้ด้วย ซึ่งจะทำให้เราสามารถขึ้นสะพานเพื่อไปยังมหาชัย-สมุทรสาครได้ทันพอดีนั่นเองครับ
ตัวโครงการจะตั้งอยู่ในอาณาจักร The Grand 2 ของบริษัท Frasers Property Home ซึ่งด้านหน้าสุดจะเป็น Community Mall ที่จะมีร้านค้าร้านอาหารต่างๆมาเปิดให้บริการในอนาคต จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้เป็นอย่างดี ส่วนภายในโซนที่พักอาศัยปัจจุบันภายในจะมีอยู่ 3 โครงการด้วยกันครับ (อนาคตจะมีบ้านหรูเพิ่มอีก 1 โครงการ รอติดตามข่าวสารเร็วๆนี้นะ)
ภาพบรรยากาศของถนนด้านหน้าโครงการ จะเป็นทางคู่ขนานถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นจุดกลับรถใต้สะพานที่อยู่ด้านหน้าพอดีครับ
The Grand 2 เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะรวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมาไว้ที่นี้ ซึ่งคนภายนอกก็สามารถเข้ามาใช้งานได้ด้วยนะครับ แต่คนที่จะได้ประโยชน์เต็มๆก็คือลูกบ้านของ Frasers ที่อยู่ด้านใน
โดยในโซนของที่พักอาศัยจะมีซุ้มประตูขนาดใหญ่อยู่ทางด้านซ้าย แยกออกมาจาก Community Mall เพื่อช่วยคัดกรองและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านนั่นเองครับ
และนี่ก็คือภาพบรรยากาศส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้มอลล์ The Grand 2 ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองและเทือกเขาอัลไพน์ (หรือเทือกเขาแอลป์) โดยภายในก็จะมีพวกร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ที่จะเปิดให้บริการในอนาคต (กรรมสิทธิ์เป็นของ Frasers Property Home)
ส่วนภาพนี้จะเป็นบรรยากาศของถนนภาระจำยอมโซนที่พักอาศัย ที่อยู่ภายในอาณาจักร The Grand 2 ของ Frasers Property Home เป็นถนนขนาดใหญ่และปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่นตลอดทาง
และเมื่อเข้ามาด้านในประมาณ 400 m. ก็จะเจอกับทางแยกไปด้านซ้าย ซึ่งมีป้ายเล็กๆเขียนว่าเป็นทางไปสมุทรสาครได้ โดยจะเป็นทางลัดที่เชื่อมต่อไปยังถนนซอยสาธารณะของหมู่บ้านข้างๆครับ
ส่วนภาพนี้ก็คือบรรยากาศของซอยสาธารณะหมู่บ้านข้างๆในปัจจุบัน ที่เราสามารถใช้ลัดมาขึ้นสะพานข้ามไปยังฝั่งสมุทรสาคร-มหาชัยได้นั่นเอง
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
สำหรับจุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ “ถนนกาญจนาภิเษก” ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 10 km. เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเข้าไปติดต่อธุระต่างๆในกรุงเทพครับ
และนอกจากนี้ในอนาคตจะมีทางด่วนสายใหม่เชื่อมต่อจาก ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนกาญจนาฯ โดยเป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ซึ่งจะช่วยทำให้การเดินทางคมนาคมของย่านนี้สะดวกมากขึ้น (ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ตามแผนเดิมคาดว่าจะเปิดใช้งานในปี 2568)
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการ เนื่องจากตั้งอยู่ภายในอาณาจักร The Grand 2 ซึ่งมีแต่โครงการที่อยู่อาศัยของ Frasers Property Home ด้วยกันเองเพียง 3 – 4 โครงการเท่านั้น จึงค่อนข้างมีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากๆเลยทีเดียวครับ สามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : เป็นทางเข้าหลักของโครงการ ติดกับ ถนนภาระจำยอมของ The Grand 2
- ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่าง
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่าง
- ทิศตะวันตก : ติดกับ โครงการ Prestige 2 Rama 2
ภาพนี้จะเป็นบรรยากาศของถนนภาระจำยอม ที่อยู่ด้านหน้าโครงการแกรนดิโอ 2 พระราม 2 ซึ่งจะมีขนาดใหญ่และปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่นทั้ง 2 ข้างทาง ดูสวยงามและเป็นส่วนตัวดีทีเดียวครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Porto Chino ~ 8 km.
- เซ็นทรัล มหาชัย ~ 9 km.
- เซ็นทรัล พระราม 2 ~ 14.2 km.
โรงพยาบาล
- รพ.เอกชัย ~ 8.3 km.
- รพ.นครธน ~ 13.6 km.
- รพ.บางมด ~ 16.8 km.
โรงเรียน
- รร. อัสสัมชัญ พระราม 2 ~ 5.6 km.
- รร. โรงเรียนนานาชาตินอร์ริช ~ 7.5 km.
- รร. เลิศหล้า ~ 19.7 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- กระจายพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ 2 จุด ทำให้บ้านในแต่ละเฟสสามารถใช้งานกันได้อย่างทั่วถึง
- บ้านทุกหลังจะอยู่ภายในซอยแยกย่อย ทำให้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวดี โดยเฉพาะบ้านในเฟสแรกที่จะเป็นซอยเล็กสั้นๆเป็นส่วนใหญ่
- ตั้งแต่บริเวณซุ้มประตูทางเข้ามาจนถึง Clubhouse ที่อยู่ตรงกลาง จะเป็นพื้นที่สีเขียวของส่วนกลางทั้งหมด ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับและเพิ่มความสวยงามได้ดี
- บรรยากาศภายในโครงการค่อนข้างดี มีทั้งอาคาร Clubhouse และตัวบ้านที่เป็นสไตล์ยุโรป รวมถึงยังปลูกต้นไม้ไว้ทั่วทั้งโครงการอีกด้วย
แกรนดิโอ 2 พระราม 2 เป็นโครงการขนาด 276 ยูนิต บนที่ดินกว่า 75-2-34.1 ไร่ ลักษณะจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆครับ เพราะเค้าจะมีลำรางสาธารณะมาคั่นกลางด้วยนั่นเอง ปัจจุบันกำลังเปิดขายและก่อสร้างอยู่ในเฟสทางด้านหน้า ซึ่งตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้ามาจนถึงอาคาร Clubhouse ตรงกลางจะเป็นพื้นที่สวนสีเขียวทั้งหมด จึงทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับได้ดีและยังมีความสวยงามมากๆอีกด้วย
บ้านในเฟสแรกส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้สวนและอาคาร Clubhouse ทำให้สามารถมาใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังมีการวางผังบ้านแยกเป็นซอยย่อย ที่มีเพื่อนร่วมซอยเพียงไม่กี่หลังเท่านั้น จึงค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว และถ้าสังเกตดีๆจะมีบ้านอยู่ 2 ซอยย่อย ที่จะเป็นซอยตันและไม่มีเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ซึ่งถือว่าเป็นซอยที่เหมาะกับคนชอบความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆเลยครับ
ส่วนบ้านที่อยู่ในเฟสด้านในจะเป็นซอยแยกย่อยที่ลึกกว่า ก็เลยทำให้มีเพื่อนร่วมซอยที่เยอะกว่าหน่อยนึง และพื้นที่ส่วนกลางก็จะเป็นสวนแบบแนวยาวที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี และสามารถมาวิ่งวนรอบเพื่อออกกำลังกายกันได้สบายๆ โดยถ้าเป็นแบบบ้านก็จะอยู่คละกันไป แต่ถ้าเป็นหลังใหญ่ส่วนมากจะเป็นแปลงมุมที่อยู่ติดถนนหลัก และอยู่รอบๆพื้นที่ส่วนกลางครับ
เริ่มกันที่ซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้าโครงการ จะเป็นซุ้มขนาดใหญ่สไตล์ยุโรปที่เป็นคอนเซ็ปต์หลักของโครงการ และจะเห็นได้ว่ามีรายละเอียดต่างๆที่เยอะมาก
ไม่ว่าจะเป็นขอบบัวต่างๆ มีหอคอยขนาดใหญ่ และมีน้ำพุประดับไว้ด้วย ซึ่งโดยภาพรวมก็ถือว่ามีความสวยงามและดูหรูหราดีเลยทีเดียวครับ
Main Gate จะแบ่งทางเข้า-ออกแยกออกจากกันชัดเจน และยังแบ่งออกเป็นช่องของลูกบ้านกับ Visitor แยกออกจากกันด้วยครับ เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาต้องจอดรอกันไป-มา ในเวลาต้องแลกบัตรกับพี่ยามที่ป้อมตรงกลางนั่นเอง
โดยถ้าเป็นลูกบ้านก็สามารถใช้ Key Card Access แตะเพื่อเปิดประตูเหล็กรางเลื่อนขนาดใหญ่ผ่านไปได้เลย (อาจต้องใช้เวลานานกว่าพวกไม้กั้นกระดกนิดนึง แต่ก็มีความแข็งแรงและปลอดภัยมากขึ้น) มาพร้อมกับกล้อง CCTV ที่ดูแลตลอด 24 ชม.
เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับถนน Main ขนาดใหญ่ ที่หากสังเกตดีๆเราจะไม่เห็นบ้านพักอาศัยบริเวณนี้เหมือนโครงการทั่วไปเลยครับ
เพราะทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นพื้นที่สีเขียวและแนวต้นไม้ที่ดูสดชื่นเย็นตา โดยวิวของอาคาร Clubouse หลังใหญ่ด้านหน้าก็ชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นเส้นทางไปสู่คฤหาสน์หลังใหญ่ดีๆนี่เอง
อาคาร Clubhouse เป็นอาคารชั้นเดียวที่ออกแบบมาเป็นสไตล์ยุโรปแบบ Over Scale ให้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และให้กลิ่นอายเหมือนเป็นปราสาท/พระราชวังในต่างประเทศเลยครับ
เรามาเริ่มจากสวนภายนอกอาคารกันก่อน ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดจะมีขนาดใหญ่ประมาณ 1 ไร่ เป็นสวนสไตล์อังกฤษที่เน้นพันธุ์ไม้และดอกไม้สวยงาม มากกว่าที่จะเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา จึงเหมาะที่จะมาเดินเล่นพักผ่อนในตอนเย็นๆแดดร่มๆนั่นเอง
ตรงกลางสวนจะมี Pavilion หรือซุ้มศาลาอเนกประสงค์ตั้งอยู่ โดยจะไม่ได้เป็นจุดให้มานั่งเล่นนะครับ แต่เป็นเหมือน Sculpture ให้ได้บรรยากาศสวนสไตล์อังกฤษมากขึ้น ซึ่งถ้าถ่ายรูปออกมาก็ค่อนข้างสวยเลยทีเดียว
ใกล้ๆกันจะเป็นเครื่องเล่นเด็กอย่าง “ม้าหมุน” ที่สามารถใช้งานได้จริง ซึ่งเราสามารถพาเด็กๆมาเล่นกันตรงนี้ได้โดยไม่ต้องขับรถไปถึงสวนสนุกด้านนอกครับ
และด้านข้างของอาคาร Clubhouse ก็จะเป็นสนามพัตกอล์ฟเล็กๆ ซึ่งเราสามารถมาฝึกซ้อมการเล่นได้ทุกวัน เหมือนมีสนามกอล์ฟมาตั้งอยู่หน้าบ้านแบบนี้เลย
อาคาร Clubhouse ภายนอกดูสวยงามและมีขนาดใหญ่มาก เวลาขับรถผ่านไป-มาก็รู้สึกได้ว่าอลังการงานสร้างสุดๆไปเลย โดยบริเวณด้านหน้าอาคารก็จะมีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งประดับเอาไว้ด้วย
เข้ามาภายในอาคารจะเป็นทางแยกที่แบ่งออกไปในแต่ละฟังก์ชัน
เริ่มจากห้องทางซ้ายมือจะเป็นเหมือนพื้นที่ Lobby ขนาดใหญ่ ที่เราสามารถมานั่งเล่นพักผ่อนหรือเอาไว้ใช้รับแขกได้ โดยปัจจุบันยังเป็นสำนักงานขายอยู่นะครับ และด้านในสุดก็จะเป็นออฟฟิศของนิติบุคคลนั่นเอง
ส่วนห้องทางขวามือจะเป็นเหมือนพื้นที่ Co-Working Space ที่เชื่อมต่อกับ Fitness ซึ่งเราก็สามารถเข้ามานั่งเล่น อ่านหนังสือ นั่งทำงาน หรือจะมานั่งรอคนที่กำลังออกกำลังกายอยู่ก็ได้
พื้นที่ด้านในที่เป็น Fitness ก็มีอุปกรณ์หลักๆให้ใช้งานครบ โดยตรงกลางจะเป็นลู่วิ่งและเครื่องปั่นจักรยาน
ส่วนด้านซ้ายเป็นดัมเบล และด้านขวาเป็นเครื่องเล่น Weight Training ขนาดใหญ่ ซึ่งห้องฟิตเนสของที่นี่จะไม่เน้นชมวิวนะครับ ดังนั้นหากใครที่กลัวเบื่อก็อาจพกไอแพดมาดูหนังฆ่าเวลาไปด้วยได้นะ
ถัดมาจะเป็นโซนที่อยู่ด้านหลังอาคาร Clubhouse ซึ่งจะมีโถงทางเดินเชื่อมต่อมายังห้องน้ำและลานจอดรถได้ด้วย
ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่ทั้งชายและหญิง รวมถึงยังมีห้องให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนกลับบ้านได้สะดวกอีกด้วย
บริเวณต้นสระจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและ Shower ให้ล้างตัว รวมถึงยังมีการแบ่งเป็นสระน้ำตื้นสำหรับเด็กแยกเป็นสัดส่วนด้วยครับ
ส่วนสระใหญ่จะมีขนาดประมาณ 9 x 33 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจังเลย โดยจะเป็นสระแบบกลางแจ้งที่แนะนำให้มาใช้ตอนช่วงแดดไม่แรงครับ
สุดท้ายคือบริเวณด้านหลังของอาคาร Clubhouse จะมีจุดให้ขับรถมาจอดได้สะดวกแบบนี้เลย (ถ้าเพิ่มพื้นทางลาดสำหรับรถเข็นด้วย ก็จะทำให้เป็นการออกแบบ Universal Design ที่ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นครับ)
ส่วนภาพนี้จะเป็นบรรยากาศภายในซอยที่อยู่อาศัย ซึ่งจุดที่ผมชอบก็คือ บริเวณริมรั้วหน้าบ้านทุกหลังจะมีการปลูกแนวต้นไม้ให้ตลอดทาง จึงทำให้ดูสดชื่นมากๆเลยทีเดียว
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Lobby
- Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 9 x 33 เมตร
- Kids Pool
- Fitness
- Co-Working Space
- สนามพัตกอล์ฟ
- สนามเด็กเล่น (เครื่องเล่นม้าหมุน)
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 2 จุด รวมประมาณ 1 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 12 – 22 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor ทุกหลัง
แบบบ้าน
Highlights :
- บ้านหลังใหญ่พื้นที่ใช้สอยภายในเยอะ ไม่เน้นพื้นที่สวนรอบบ้าน
- ทุกแบบบ้านจะมีห้องนอนชั้นล่างหรือห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งาน
- ห้องครัวเชื่อมต่อกับ Laundry ที่ทำเป็นเหมือน Glass House ให้สามารถซัก/ตากผ้าได้
- แบบบ้านหลังกลางและใหญ่จะได้ Double Master Bedroom รวมถึงโถงบันได Double Volume ด้วยครับ
- ให้วัสดุมาค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นวัสดุปิดผิวนอกตัวบ้าน และลายกระเบื้องในห้องน้ำก็สวยมากๆเลยทีเดียว
แบบบ้านของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 3 แบบ โครงสร้างเป็นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปหรือ Precast ที่มีความแข็งแรงทนทาน แถมยังสามารถเก็บเสียงได้ดี และไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการรั่วซึมอีกด้วยครับ เพียงแต่จะไม่สามารถทุบ/ต่อเติมได้เหมือนบ้านทั่วไป ทำให้คนที่ซื้อบ้านโครงการนี้ก็จะต้องมีความชอบในฟังก์ชันที่ทางโครงการจัดมาให้แล้วในระดับหนึ่ง ประกอบด้วย
- Siena บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 216 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ - Milano บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 251 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ - Luzern บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 320 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน + 1 สระว่ายน้ำส่วนตัว
- Luzern บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 320 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน + 1 สระว่ายน้ำส่วนตัว
เป็นแบบบ้านหลังใหญ่สุดของโครงการที่มีจุดเด่นคือ “Private Pool” ที่เป็นคอร์ดอยู่ตรงด้านหลังบ้าน โดยจะเป็นการเว้าพื้นที่เข้ามาด้านในและทำเป็นผนังกระจกล้อมรอบ ทำให้หลายๆฟังก์ชันในบ้านสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ และยังได้ความสว่างโปร่งโล่งมากๆอีกด้วย ซึ่งจะใช้ต้อนรับแขกหรือจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ก็เหมาะครับ นอกจากนี้ยังเป็น “การสร้างบ้าน เต็มพื้นที่ใช้สอย” จึงไม่ค่อยมีพื้นที่สวนรอบบ้านให้ใช้งานมากนัก เพราะเค้าต้องการเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในเป็นหลักนั่นเอง
แปลนบ้านชั้น 1 นอกจากจะสามารถจอดรถได้ถึง 3 คันแล้ว ยังมีห้องชั้นล่างให้ใช้งานได้อีก 2 ห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็กที่อาจปรับเป็นห้องผู้สูงอายุได้ รวมถึงยังมีห้องอเนกประสงค์อีกห้องให้ใช้งานได้ตามต้องการ ส่วนอีกด้านของบ้านจะเป็นโซนของแม่บ้าน ที่มีห้องพักและห้องน้ำอยู่แยกออกไปไม่ปะปนกับเจ้าของบ้าน แต่ที่โดดเด่นต่างจากเพื่อนบ้านก็คือ เค้าจะมีฟังก์ชัน Laundry ที่ทำเป็นลักษณะเหมือน Glass House ให้ใช้งานด้วยครับ
แปลนชั้น 2 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด จุดเด่นคือเราจะได้ Master Bedroom 2 ห้องเลยครับ ซึ่งภายในมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่และกว้างขวาง ส่วนห้องนอนเล็กตรงกลางก็มีห้องน้ำเป็นส่วนตัวให้ใช้งานด้วย แต่ที่ผมชอบมากๆก็คือ พื้นที่โถงบันไดหน้าห้องที่มีขนาดใหญ่มาก เวลาเดินขึ้นมาข้างบนก็จะรู้สึกกว้างขวางเป็นพิเศษ ซึ่งก็จะมีพื้นที่อเนกประสงค์ 2 จุดให้ใช้งาน แถมยังช่วยทำให้ห้องนอนแต่ละห้องมีระยะห่างออกจากกัน จึงเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนได้ดีเลยทีเดียวครับ
พามาดูประตูรั้วและพื้นที่รอบๆจากบ้านเปล่ามาตรฐานกันก่อนนะครับ โดยเราจะได้เป็นรั้วเหล็กรางเลื่อนที่สามารถใช้งานได้ง่าย แต่ก็อาจมีความหนักๆนิดนึง เพราะเป็นรั้วแบบตอนเดียวยาวต่อเนื่องกันนั่นเอง
หรือเราอาจติดตั้งเป็นประตูรั้วไฟฟ้าอัตโนมัติก็ได้ครับ ซึ่งทางโครงการก็ได้เตรียม Junction Box เอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย และอีกหนึ่งข้อสังเกตก็คือ ที่นี่จะไม่มีประตูบานเล็กสำหรับคนเดินครับ ดังนั้นจึงต้องเปิดเข้า-ออกที่ประตูเลื่อนใหญ่เป็นหลักนะ
ด้านขวามือจะเป็นช่องทิ้งขยะที่สามารถเปิดใช้งานได้ทั้งด้านนอกและด้านในสะดวก
พื้นที่สีเขียวรอบบ้านของจริงก็จะมีการจัดสวนมาให้แบบนี้เลยครับ โดยถ้าเป็นบ้านหลังใหญ่สุดก็จะได้ต้นไม้ใหญ่มากกว่า 1 ต้นนะ
และขนาดของสวนข้างบ้านก็จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของแปลงบ้าน อย่างบ้านหลังนี้เค้าจะเป็นแปลงมุมที่มีสวนข้างบ้านใหญ่น่าใช้งานมากเลยทีเดียว
ที่จอดรถในร่มกว้าง 7.5 m. สามารถจอด 3 คันได้สบายๆ พื้นปูด้วยกระเบื้องที่มีลวดลายคล้าย Concrete Stamp ดูสวยงามดีทีเดียว แถมยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
โดยจะเป็นโครงสร้าง Slab on Ground ที่แยก Joint ออกมาจากตัวบ้านแบบทั้งผืน เวลาที่พื้นดินเกิดการทรุดตัวในอนาตคก็จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของบ้านนั่นเองครับ
นอกจากนี้ยังมี Junction สำหรับต่อ EV Charger บริเวณนี้อีกด้วย โดยจะเป็นไฟแบบ 1 เฟส 30/100 มาพร้อมกับช่องเก็บของและประตูทางเข้าบ้านที่ 2 แบบนี้เลย
แต่สำหรับทางเข้าหลักของบ้านจะอยู่บริเวณด้านหน้าครับ โดยบ้านของโครงการนี้จะมีการใช้วัสดุต่างๆมาปิดผิวรอบตัวบ้าน ทำให้ดูสวยงามและมีรายละเอียดมากขึ้นกว่าบ้านที่ทาสีอย่างเดียว ประกอบด้วย
- หินเทียม : เจ้าหน้าที่อธิบายเพิ่มเติมว่า เค้าจะมีการเคลือบด้วยสารที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดคราบ ฝุ่น หรือมีตะไคร่น้ำมาเกาะได้ง่ายๆ จึงหมดกังวลไปได้ส่วนหนึ่งว่าผนังหินของเราจะไม่สกปรกง่ายนั่นเองครับ
- สีทอง : กรอบทองที่เห็นตามวงกบของบ้านจะเกิดจากการทาสี ไม่ได้ใช้เป็นกรอบอลูมิเนียมสีทองใดๆ ซึ่งเป็นไปตาม Segment และระดับราคาของบ้านนี้เป็นเรื่องปกติครับ
- กระเบื้องลายหินอ่อน : ถูกนำมาใช้ตรงบริเวณทางเข้าบ้านเพื่อเพิ่มความหรูหรา ซึ่งแน่นอนว่ากระเบื้องจะสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ง่ายมาก แค่มีฝนตกก็ชะล้างฝุ่นต่างๆออกไปได้แล้ว จึงทำให้ตัวบ้านดูมีความสวยงามไปได้ยาวๆเลย
ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นไม้บานทึบที่เปิดได้กว้าง 2 ฝั่ง ทำให้สามารถขนพวกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆเข้าบ้านได้สบาย อีกทั้งยังมีการติดตั้ง Magnetic Sensor เพื่อความปลอดภัยที่ประตูหน้าต่างทุกจุดอีกด้วย
เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับพื้นที่ Double Volume ฝ้าเพดานสูง 6.4 m. สามารถมองเชื่อมต่อไปยังชั้นบนของบ้านได้ และยังทำให้ดูโอ่โถงมากๆอีกด้วย
ติดกันจะเป็นพื้นที่ Living Area ที่เอาไว้ใช้รับแขก หรือจะใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนของสมาชิกในครอบครัวก็ได้
จุดเด่นคือความโปร่งโล่งของช่องแสง และยังสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำได้อีกด้วย ซึ่งฝ้าเพดานบริเวณนี้จะสูง 2.8 m. นะครับ
Court ที่เว้าเข้ามาในบ้านจะเป็นช่องกระจกขนาดใหญ่ และกระจกแบบเข้ามุม จึงช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งภายในบ้านได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ภายนอกได้ด้วย
สระว่ายน้ำมีขนาด 3.7 x 2 m. โดยจะเป็นสระที่ติดตั้ง Jet Pool ให้เราสามารถว่ายออกกำลังกายแบบทวนกระแสน้ำไปเรื่อยๆได้ และมีพื้นที่รอบสระกว้างประมาณ 80 cm. ให้เดิน/นั่งเล่นได้แบบพอดีๆ
นอกจากนี้ยังเป็นสระในร่มที่เราสามารถมาว่าย/แช่น้ำได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งผนังทั้ง 3 ด้านจะเป็นกระจกทั้งหมด จึงทำให้เชื่อมต่อมุมมองกับฟังก์ชันต่างๆของตัวบ้านได้เป็นอย่างดี
ติดกันจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารได้ 6 – 8 ที่นั่ง ซึ่งเราสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำได้ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกถึงความสดชื่นเย็นสบายของผืนน้ำ รวมถึงยังสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อเพื่อจัดเป็น Pool Party ได้อีกด้วย
อีกด้านหนึ่งจะมีทางเดินของห้องนอนชั้นล่าง ห้องอเนกประสงค์ และห้องน้ำ อยู่แยกออกไปจาก Common Area เพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์หรือมาใช้งานได้ง่าย
เช่น ถ้าห้องนอนชั้นล่างเป็นห้องผู้สูงอายุ ก็สามารถเปิดประตูออกมาเจอลูกๆหลานๆได้ง่ายๆ หรือตอนที่เราเพิ่งว่ายน้ำเสร็จใหม่ๆ ก็สามารถเดินมาอาบน้ำ/เช็ดตัวที่ห้องน้ำใกล้ๆนี้ได้ โดยไม่ต้องเดินให้พื้นเปียกไปทั่วบ้านนั่นเองครับ
เรามาเริ่มที่ห้องนอนชั้นล่างทางขวามือกันก่อนครับ ภายในกว้าง 3.5 x 3 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตกับตู้เสื้อผ้าได้สบายๆ โดยยังมีพื้นที่รอบเตียงให้ขึ้น-ลงสะดวก
อีกทั้งยังเป็นห้องที่ได้ช่องแสง 2 ด้าน ทั้งจากบริเวณหน้าบ้านและข้างบ้าน จึงทำให้มองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ตลอดเวลา เหมาะที่จะเป็นห้องนอนผู้สูงอายุที่อาจขึ้น-ลงบันไดไม่ไหวนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีประตูที่สามารถเปิดเชื่อมต่อไปยังสวนข้างบ้านได้ด้วยครับ ซึ่งอย่าว่าแต่ผู้สูงอายุที่พักห้องนี้เลย ขนาดเราเองบางครั้งก็ยังรู้สึกได้ว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ออกมาเดินเล่น พักผ่อน หรือปลูกต้นไม้ทำสวนไปตามอารมณ์บ้างเหมือนกัน
อีกด้านหนึ่งของห้องนอนเล็กจะเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า และมีห้องน้ำให้ใช้งานในตัวได้สะดวกด้วย
โดยห้องน้ำนี้จะสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางนะครับ และเราจะได้สุขภัณฑ์จาก Kohler ครบเป็นมาตรฐานเหมือนบ้านตัวอย่างเลย
ความประทับใจส่วนตัวคือ “ผนังกระเบื้องแบบต่อลาย” ที่มีความสวยงามและโดดเด่นมากๆครับ โดยแต่ละห้องก็จะมีความแตกต่างกันออกไปนะ
อีกด้านของห้องน้ำจะเป็น Shower Box ที่กั้นด้วยผนังกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้เป็นมาตรฐาน และด้านในก็จะมีขนาด 95 x 95 cm. ให้ใช้งานพอดีๆ
ติดกันจะเป็นห้องอเนกประสงค์ขนาด 2.9 x 3.3 m. ซึ่งจริงๆก็มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะเรียกว่าเป็นห้องนอนอีกห้องได้เลยครับ หรือเราจะทำเป็นห้องอื่นๆเช่น ห้องทำงาน ห้องเล่นเกมส์ และห้องออกกำลังกายแบบนี้ก็ได้
โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ เราจะสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำแบบนี้ได้ด้วยนั่นเอง
ต่อมาเราจะไปดูอีกด้านหนึ่งของตัวบ้านกันบ้างนะครับ
โดยบริเวณนี้ก็จะมีโถงทางเดินแยกฟังก์ชันใช้งานอื่นๆออกไป เพื่อความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนของเข้าของบ้าน
รวมถึงยังมีประตูบานเล็กที่เปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่จอดรถก่อนหน้านี้ ซึ่งเอาไว้เป็นช่องทางสำหรับการขนของเข้าไปเก็บในครัว หรือจะเดินขึ้นชั้น 2 ได้เลยแบบไม่ต้องผ่าน Living Area ด้านหน้าก่อนนั่นเองครับ
ตรงกลางเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่จะไม่มีส่วนอาบน้ำให้ใช้งานครับ ภายในมีขนาด 1.35 x 1.9 m. เหมาะที่จะใช้เป็นห้องน้ำแขก
และถึงแม้จะเดินไกลจาก Living Area มากกว่าห้องน้ำก่อนหน้านี้สักหน่อย แต่ก็จะช่วยให้แขกไม่ต้องไปใช้งานปนกับห้องนอนชั้นล่างให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ
ติดกันจะเป็นห้องครัวที่มีขนาด 3.7 x 3.1 m. โดยของจริงเราจะได้เป็นห้องโล่งๆที่ต้องมา Built-in เพิ่มเองนะครับ
พื้นครัวจะอยู่ในระดับเดียวกับพื้นในบ้าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากพื้นต่างระดับครับ
จุดเด่นอีกอย่างก็คือ “มีช่องแสงที่เยอะมาก” โดยเฉพาะผนังกระจกเข้ามุมในบ้านที่ช่วยทำให้ดูกว้างขวางและโปร่งโล่ง รวมถึงยังมีช่องหน้าต่างบานเลื่อน ให้เปิดรับ-ส่งอาหารเป็นทางลัดได้อีกด้วย ส่วนอีกด้านจะเป็นช่องหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศสู่ภายนอก
แต่สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือไม่อยากให้แขกมองเห็นภายในครัว ที่ชีวิตจริงอาจไม่ได้สวยงามเรียบร้อยเหมือนบ้านตัวอย่าง ก็อาจติดม่านหรือมู่ลี่เพิ่มเติมได้นะครับ
อีกด้านของครัวจะเป็น Laundry ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อความโปร่งโล่ง
ภายในจะเป็นพื้นที่รูปตัว L กว้างด้านละ 1.6 – 1.9 m. ซึ่งเราสามารถ Built-in ตู้และราวแขวนเสื้อผ้าได้ตามต้องการ จุดเด่นของฟังก์ชันนี้คือ ช่องแสงแบบ Skylight ที่แสงแดดสามารถส่องผ่านเข้ามาด้านในได้ ซึ่งเราก็อาจใช้เป็นพื้นที่ตากผ้าได้แบบไม่ต้องกลัวฝนหรือฝุ่นภายนอก
และจากบ้านตัวอย่างเราจะเห็นว่าเค้าใช้ผ้าลูกไม้มาปิดตรงช่องแสงอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เป็นการทำแค่เพื่อตกแต่งสวยงามหรือช่วยกรองแสงเท่านั้น แต่ยังช่วยพรางสายตาไม่ให้เห็นสิ่งสกปรกที่อาจติดอยู่ตรงกระจกด้านนอกง่ายๆนั่นเอง เพราะชีวิตจริงเราคงไม่ได้ปีนขึ้นหลังคาไปทำความสะอาดบ่อยๆจริงมั้ย โดยเราอาจนำไอเดียนี้ไปใช้กับบ้านจริงด้วยก็ได้นะครับ
ประตูหลังบ้านจะเป็นช่องกระจกขนาดใหญ่ และด้านล่างก็จะเป็นช่องระบายอากาศ ที่จะช่วยระบายความชื้นจากเสื้อผ้าที่แขวนเอาไว้ ทำให้ด้านในบ้านจะไม่มีกลิ่นอับชื้นนั่นเองครับ พร้อมมีการติดตั้งมุ้งลวดกันแมลงมาให้ด้วย
และลานซักล้างด้านนอกก็จะเป็นพื้นปูนแบบ Slab on Ground หรือใครจะเทพื้นเพิ่มเติม และทำเป็นครัวไทยด้านนอกสำหรับแม่บ้านแยกออกมาก็ได้นะครับ
ห้องพักของแม่บ้านจะมีขนาด 2.1 x 1.7 m. สามารถวางเตียง 3.5 ฟุต กับตู้เสื้อผ้าเล็กๆได้พอดี หรือถ้าใครที่ไม่ได้มีแม่บ้านพักอยู่ด้วย ก็อาจปรับเป็นห้องเก็บของอื่นๆไปก็ได้ครับ
ติดกันจะเป็นห้องน้ำขนาด 1 x 1.75 m. มาพร้อมกับสุขภัณฑ์ให้ใช้งานครบ
และอย่างที่เกริ่นไปในช่วงแปลนแล้วว่า บ้านของโครงการนี้จะเป็นการสร้างบ้าน เต็มพื้นที่ใช้สอย เพื่อเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และมีพื้นที่ข้างบ้านเหลือไม่มากนัก
โดยบางจุดเหลือกว้างแค่ 50 – 60 cm. ให้เดินผ่านพอดีๆเท่านั้น จึงเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้เน้นปลูกต้นไม้จัดสวนอยู่แล้วด้วยนั่นเอง
อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบก็คือ เค้าจะมีการทำรางระบายน้ำยื่นออกมาจากผนังบ้านทุกจุด ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ผนังบ้านสกปรกหรือเป็นคราบน้ำเลอะเทอะในอนาคตได้ดี
กลับมาที่โถงบันไดด้านหน้าบ้านอีกครั้ง ซึ่งโครงสร้างจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรงทนทาน ปิดผิวด้วยไม้ยางพารา พร้อมราวเหล็กให้จับได้ตลอดทาง ส่วนใต้บันไดก็จะมีพื้นที่ให้เก็บของได้ด้วยครับ
โดยบ้านตัวอย่างก็จะทำชั้นวางรองเท้ามาให้ดูเป็นไอเดียนะ ซึ่งผมก็มองว่าน่าสนใจดี ถ้าเราออกแบบให้ยังมีช่องเปิดเก็บของด้านในได้เหมือนเดิม จะได้เป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดนั่นเอง
และด้วยความสูงฝ้าแบบ Double Volume เราจึงสามารถหา Chandelier สวยๆมาติดได้อีกด้วยครับ
พื้นที่โถงบันไดชั้นบนจะมีความกว้างและใหญ่มาก ซึ่งเป็นการเพิ่มระยะห่างให้แต่ละฟังก์ชันมีความเป็นส่วนตัวแยกออกจากกัน ฝ้าเพดานสูง 2.9 m. และปูพื้นด้วย SPC ลายไม้สวยงาม
โดยพื้นที่แรกทางด้านขวาของบันไดจะเป็นมุมอเนกประสงค์เล็กๆกว้าง 1.45 x 2.5 m. เหมาะที่จะวางโต๊ะหมู่บูชาได้แบบนี้เลยครับ
นอกจากนี้บริเวณผนังก็จะมีแผงควบคุมของระบบกรองอากาศ Frasers Clean & Cool Air ที่จะทำงานควบคู่กับพัดลมดูดอากาศบนฝ้าเพดานในทุกๆห้อง
ซึ่งจะช่วยระบายอากาศและกรองฝุ่น PM 2.5 รวมถึงยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่ม Oxygen ทำให้อากาศภายในบ้านสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย
ส่วนห้องนอนที่อยู่ติดกันจะเป็น Master Bedroom ที่ 2 ซึ่งภายในก็มีขนาดใหญ่มาก และสามารถแบ่งฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนตามต้องการ
สำหรับช่องแสงขนาดใหญ่ด้านข้างเตียงจะมีราวกันตกด้านนอก ทำหน้าที่เป็นกึ่งๆระเบียงให้เปิดชมวิวสูดอากาศได้เต็มที่
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็น Walk-in Closet ให้เราได้ Built-in เป็นมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำได้
ภายในห้องน้ำมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์ต่างๆครบเหมือนบ้านตัวอย่างเลยครับ แน่นอนว่าจุดที่ชอบก็ยังเป็นลวดลายของกระเบื้องบนผนัง ที่ยังคงความสวยงามโดดเด่นเหมือนเดิม (พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.35 x 1.8 m. พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.35 x 95 cm.)
ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่บริเวณตรงกลางบ้าน ภายในมีขนาดกว้าง 3 x 6 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต และแบ่งพื้นที่วางโต๊ะอเนกประสงค์ได้อีกตัวสบายๆ
อีกด้านหนึ่งจะเป็นมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำ ทำให้เป็นห้องที่ลูกๆสามารถอยู่ได้ตั้งแต่เด็ก-โต แถมยังมีห้องน้ำให้ใช้งานเป็นส่วนตัวอีกด้วย
ภายในห้องน้ำมีการแบ่งฟังก์ชันให้ใช้งานครบ อีกทั้งยังมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้างเท่ากับห้องน้ำก่อนหน้านี้เลยครับ จึงสามารถใช้งานได้สะดวกเป็นปกติ
จุดเด่นที่เพิ่มเข้ามาคือ ผนังบริเวณ Shower Box จะมีการเจาะช่องทำเป็นกระจกเอาไว้ เพื่อให้ในห้องดูโปร่งโล่งและได้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามามากขึ้น
ซึ่งผมแนะนำให้ติดม่าน/มูลี่เพิ่มสักหน่อยจะดี เพราะช่องแสงนี้จะอยู่ตรงกับประตูห้องเลย เวลาเราอาบน้ำอยู่แล้วมีคนเปิดประตูเข้ามาจะได้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวนะครับ
อีกด้านของบ้านชั้น 2 จะเป็นห้อง Master Bedroom และยังมีพื้นที่อเนกประสงค์บริเวณหน้าห้องให้ใช้งานด้วย ขนาดประมาณ 2.5 x 3.2 m. สามารถจัดเป็น Family Area ส่วนตัวของคนในบ้านได้นะครับ
ภายในห้อง Master Bedroom จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องแรกก่อนหน้านี้ซะอีก จึงเหมาะที่จะใช้เป็นห้องของเจ้าของบ้านนั่นเอง
อีกทั้งยังมีระเบียงเล็กๆที่กว้างประมาณ 30 cm. ให้ออกไปใช้งานยืนสูดอากาศได้ด้วย
ส่วนอีกด้านก็จะเป็นมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำ ที่เราสามารถกั้นโซนทำเป็น Walk-in Closet แบบจริงจังเลยก็ได้ หรือถ้าปล่อยให้เชื่อมต่อกันเอาไว้แบบนี้ก็ดูกว้างขวางดีครับ
ภายในห้องน้ำจะมีฟังก์ชันอ่างอาบน้ำเพิ่มเข้ามา จึงทำให้มีตัวเลือกในการใช้งานได้ว่าจะยืนอาบแบบปกติ หรือจะนอนแช่น้ำทำสปาส่วนตัวเพื่อความผ่อนคลายก็ได้
โดยช่องหน้าต่างนี้จะเน้นการระบายอากาศ และทำให้ห้องนี้สว่างมากกว่าที่จะไว้นอนชมวิว รวมถึงยังเพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งานได้ดีอีกด้วยครับ
ส่วนฟังก์ชันอื่นๆก็จะได้มาเหมือนกับบ้านตัวอย่างนี้เลยครับ พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 90 – 110 cm. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.3 x 0.9 m. ใช้งานได้ตามปกติ
สำหรับบ้านเปล่ามาตรฐานของจริงจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมภาพใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
- Siena บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 216 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
สำหรับบ้านหลังนี้จะเป็น Type เริ่มต้นของโครงการ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง โดยจะมีการลดทอนฟังก์ชันบางอย่างออกไป เพื่อให้ฟังก์ชันจำเป็นส่วนที่เหลือยังคงมีพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่และกว้างขวางครับ
แปลนชั้น 1 จะจอดรถได้ 2 คัน และภายในจะเน้นพื้นที่ Common Area ให้มีขนาดใหญ่ รวมถึงยังมีห้องอเนกประสงค์ให้ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย เพียงแต่หากทำเป็นห้องนอนก็อาจมีระยะที่เดินไกลจากห้องน้ำอยู่สักหน่อย และห้องครัวก็ยังคงมีขนาดใหญ่ รวมถึงยังมี Laundry ที่เป็น Glass House ให้ได้ใช้งานกันอยู่เหมือนเดิมครับ
แปลนชั้น 2 จะมีการเล่นระดับนิดนึงตรงบริเวณ Family Area ที่อยู่ตรงโถงบันได ซึ่งจะได้ฝ้าเพดานที่สูงกว่าบริเวณอื่นๆเป็นพิเศษ ส่วนห้องนอนทั้ง 3 ก็จะมีพื้นที่ใช้สอยภายในที่ใหญ่ และมีห้องน้ำให้ใช้งานเป็นส่วนตัวทุกห้องเลย
เริ่มกันที่พื้นที่จอดรถจะมีโครงสร้างและการใช้วัสดุที่เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ เพียงแต่จะมีความกว้างที่น้อยกว่าอยู่ที่ 5.3 m. ให้เพียงพอสำหรับการจอดรถ 2 คันสบายๆนั่นเองครับ
ทางเข้าบ้านหลักจะมีประตูบานทึบที่เปิดได้กว้าง 2 ฝั่งเหมือนเดิม เพียงแต่โถงทางเข้าจะไม่ได้เป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบหลังอื่นๆนะครับ
เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ซึ่งเราอาจกั้นผนังเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อทำให้เกิดเป็น Foyer บริเวณประตูที่ดูจริงจังมากขึ้น แถมยังช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับ Living Area ได้อีกด้วย
สำหรับมุมรับแขกหรือ Living Area เราสามารถใช้ชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบายๆ โดยมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 3.5 m. อีกทั้งยังได้ช่องแสงถึง 2 ด้าน ทำให้มีความสว่างและสามารถชมสวนข้างบ้านได้อีกด้วย
รวมถึงยังมีประตูที่สามารถเปิดออกไปยังข้างบ้านได้อีกครับ ซึ่งของจริงจะเป็นขั้นบันไดเล็กๆกับพื้นหญ้า แต่ถ้าใครที่อยากทำเป็นระเบียงออกมานั่งเล่นจริงจัง ก็สามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้เองตามต้องการ
ข้างๆกันจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน โดยเราอาจติดม่านไว้คอยเลื่อนปิดเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้นะครับ
ภายในมีขนาดกว้าง 3.25 x 2.7 m. สามารถปรับเปลี่ยนเป็นฟังก์ชันต่างๆได้ตามต้องการ เช่น ห้องทำงาน ห้องดูหนัง ห้องเล่นเกมส์ หรือห้องออกกำลังกาย เป็นต้น
อีกด้านของตัวบ้านจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารได้ 6 – 8 ที่นั่ง ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าโถงบันไดติดกับส่วนครัว
และเช่นเดียวกับบ้านหลังใหญ่ที่เราจะมีประตูทางเข้าที่ 2 จากพื้นที่จอดรถ ให้สามารถขนของเข้ามาเก็บในครัวได้สะดวกแบบนี้ครับ
รวมถึงยังมีห้องน้ำให้ใช้งาน ซึ่งจะมีฟังก์ชันอาบน้ำไว้รองรับด้วย เผื่อใครที่อาจทำห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างเป็นห้องนอน เพียงแต่อาจมีระยะที่เดินไกลสักหน่อย
สุขภัณฑ์ยังเป็นของ Kohler ครบเหมือนบ้านตัวอย่าง พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.35 x 1.7 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.35 x 0.8 m. โดยผนังก็ยังมีการใช้กระเบื้องลายหินอ่อนนำมาต่อลายสวยงามเหมือนเดิมครับ
สำหรับครัวภายในก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่ กว้างประมาณ 4.55 x 1.9 m. ของจริงจะได้เป็นห้องโล่งๆที่เราจะต้องมา Built-in เพิ่มเติมเอง
แต่ที่ชอบก็คือเราจะได้ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ที่ช่วยทำให้แสงสว่างส่องผ่านเข้าไปถึงในตัวบ้านผ่านทางช่องแสงอีกด้านหนึ่งได้
รวมถึงยังทำให้เราสามารถเปิดระบายอากาศได้เต็มที่มากขึ้นอีกด้วย ส่วนตรงกลางห้องจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นโซน Laundry ที่อยู่ถัดไปครับ
Laundry จะเป็นพื้นที่แบบ Glass House ที่มีช่องแสง Skylight ด้านบน ส่วนตัวผมคิดว่าพื้นที่นี้ดูสวยงามและน่าใช้งานกว่าของบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ซะอีก
อาจเป็นเพราะมีช่องหน้าต่างให้เราได้เปิดระบายอากาศได้ทั้ง 2 ด้านนั่นเองครับ ก็เลยรู้สึกโปร่งโล่งและสว่างเป็นพิเศษ โดยขนาดพื้นที่ใช้สอยจะกว้าง 1.9 x 2.75 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ
ส่วนประตูหลังบ้านก็จะเปิดออกไปสู่ภายนอก ซึ่งมีส่วนเชื่อมต่อกับพื้นที่จอดรถหน้าบ้านก่อนหน้านี้ได้ด้วย
กลับมาที่โถงบันไดตรงกลางบ้านจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรง เพียงแต่บริเวณนี้จะไม่ใช่พื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume เหมือนบ้านหลังใหญ่แล้วนะครับ เลยทำให้การแขวน Chandelier อาจต้องคำนึงถึงเรื่องความสูงที่เหมาะสมสักนิดนึงด้วย
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างของบ้านหลังนี้ก็คือ Family Area ที่อยู่บริเวณชานพักบันได ซึ่งจะได้เป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงกว่าจุดอื่นๆเป็น 3.8 m. อีกทั้งยังได้ช่องแสงถึง 2 ด้านจึงมีความโปร่งโล่งมากๆ
โดยขนาดพื้นที่จะกว้างประมาณ 2.35 x 3.2 m. สามารถวางโซฟาและชั้นวางทีวีได้พอดี หรือเราอาจจัดเป็นมุมพักผ่อนและมุมนั่งทำงานอื่นๆตามต้องการก็ได้
โถงบันไดชั้นบนจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เพราะเค้าต้องการเน้นพื้นที่ในห้องนอนทั้ง 3 ให้มีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งทำเป็นมุมวางหิ้งพระได้เหมือนเดิมครับ
ห้องนอนแรกทางซ้ายมือจะเป็น Master Bedroom ที่ภายในจะมีพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ที่สุดของชั้น และสามารถจัดฟังก์ชันได้หลากหลายตามต้องการ
พื้นที่ข้างเตียงจะเป็นระเบียงเล็กๆด้านหน้าบ้าน มีขนาดประมาณ 3.25 x 0.7 m. สามารถออกไปใช้งานได้ครับ
ส่วนอีกด้านก็จะเป็น Walk-in Closet ที่อยู่หน้าห้องน้ำ
และภายในห้องน้ำก็จะได้สุขภัณฑ์เหมือนกับบ้านตัวอย่าง โดยห้องนอนใหญ่ของหลังเล็กนี้จะตัดฟังก์ชันอ่างอาบน้ำออกไป เพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอยในส่วนอื่นๆครับ
พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.35 x 1.8 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.35 x 0.95 m. สามารถใช้งานได้สะดวก
สำหรับห้องนอนตรงกลางจะมีขนาด 3.2 x 3.5 m. สามารถใช้เตียง 5 – 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้สบายๆ
ส่วนอีกด้านก็จะเป็นมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วน
ภายในห้องน้ำมีฟังก์ชันครบ พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.25 x 1.7 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.25 x 0.85 m.
สุดท้ายคือห้องนอนเล็กสุดจะอยู่ทางด้านขวาของบันได ภายในมีขนาด 3.35 x 3.4 m. สามารถใช้งานได้สะดวก
ส่วนห้องน้ำก็มีขนาดและฟังก์ชันเท่ากับของห้องก่อนหน้านี้เลยครับ
- Milano บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 251 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
หลังนี้จะเป็นบ้าน Type กลางที่ฟังก์ชันจะคล้ายกับบ้านหลังใหญ่สุดทุกอย่างเลย เพียงแต่จะสามารถจอดรถได้ 2 คัน และตัดฟังก์ชันสระว่ายน้ำ + ห้องแม่บ้านออกไปเท่านั้น จึงเป็นบ้านที่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง ที่ต้องการบ้านพื้นที่ใช้สอยภายในกับฟังก์ชันห้องเยอะๆ เพื่อรองรับความต้องการที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายนั่นเอง
เช่น อาจเป็นครอบครัวที่มีลูกแค่คนเดียว ห้องที่เหลือก็ทำเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนัง และห้องออกกำลังกายอื่นๆได้ หรือถ้าจะมีลูก 2 คน พี่น้องก็อาจใช้รถร่วมกันแค่กันเดียว เพราะมีที่จอดจำกัดแค่ 2 คันเท่านั้น รวมถึงยังอาจเหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย ก็มีห้องนอนชั้นล่างรองรับ
ส่วนภาพบรรยากาศของบ้านตัวอย่างหลังนี้ ก็สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
แกรนดิโอ 2 พระราม 2 ราคา ณ วันที่ 3 เมษายน 2566
- Siena บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 216 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท - Milano บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 251 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 12.59 ล้านบาท - Luzern บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 320 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน + 1 สระว่ายน้ำส่วนตัว
– ราคาเริ่มต้น 17.59 ล้านบาท - ค่าจอง 50,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 100,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 80,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 32 บาท/ตร.วา/เดือน + ค่าส่วนกลางทางร่วม The Grand 2 = 8 บาท/ตร.วา/เดือน
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ทางเข้าหลักอยู่ติดถนนใหญ่พระราม 2 เป็นฝั่งขาออกที่ไปโซนสมุทรสาคร-มหาชัยได้ง่าย เหมาะกับคนที่ทำธุรกิจหรือใช้ชีวิตอยู่แถวๆนี้ อีกทั้งยังมีทางลัดจากซอยหมู่บ้านข้างๆ ให้ไปขึ้นสะพานข้ามคลองได้ทัน หรือถ้าจะเข้าเมืองก็มีจุดกลับรถใต้สะพานอยู่หน้าโครงการเลยครับ
โดยปัจจุบันจะมีเพียงถนนกาญจนาภิเษกให้ใช้เข้าเมืองได้ และความอุดมสมบูรณ์ก็อยู่แถวๆมหาชัยหรือพระราม 2 เป็นหลัก แต่ในอนาคตทำเลนี้จะใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น เพราะจะมีการทำทางด่วนตัดใหม่ไปลงที่พระราม 3 ได้เลย รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์ The Grand 2 ที่อยู่ด้านหน้าก็จะมีร้านค้าร้านอาหารต่างๆมาเปิดด้วย
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : มีซุ้มประตูของ The Grand 2 ช่วยคัดกรองด้านหน้าสุดให้แล้วรอบหนึ่ง ส่วนบริเวณซุ้มประตูโครงการจะใช้เป็นรั้วเหล็กรางเลื่อนไฟฟ้า ซึ่งจะมีความแข็งแรงและปลอดภัยดี โดยทางโครงการยังใช้เป็นระบบ Key Card Access ที่ต้องยื่นบัตรมาเปิดในระยะใกล้อยู่ ส่วนตัวคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็น Bluetooth ก็จะสะดวกมากขึ้น หน้าป้อมยามจะมี รปภ. และกล้อง CCTV คอยดูแล 24 ชม. รวมถึงในตัวบ้านก็จะมี Magnetic Sensor ให้มาทุกหลังครับ
การออกแบบโครงการ : จุดที่ชอบมากๆคือ บริเวณด้านหน้าตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้ามาจนถึงอาคาร Cluhouse จะเป็นพื้นที่สวนสีเขียวทั้งหมด ซึ่งเราจะยังไม่เห็นบ้านพักอาศัยอยู่ติดถนน Main เลยสักหลัก จึงนับว่าเป็นส่วนต้อนรับที่ดีมากๆ เพราะมีความสวยงาม ดูสดชื่น และเป็นส่วนตัว สำหรับโซนพักอาศัยจะแบ่งออกเป็น 2 เฟสใหญ่ๆ โดยเฟสที่อยู่ด้านหน้าจะได้อยู่ใกล้ส่วนกลาง และยังมีซอยแยกย่อยที่มีเพื่อนบ้านที่น้อย จึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากกว่าเฟสที่อยู่ด้านใน ที่จะมีเพื่อนบ้านร่วมซอยเยอะกว่าหน่อย แต่ก็มีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ให้ใช้งานครับ
การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : มีบ้านให้เลือก 3 แบบ จุดเด่นคือพื้นที่ใช้สอยเยอะ 216 – 320 ตร.ม. เป็นบ้านสร้างเกือบเต็มที่ดินเพื่อเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในเป็นหลัก โดยทุกแบบบ้านจะมีห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนชั้นล่างให้ใช้งาน จึงสามารถรองรับครอบครัวที่อาจมีผู้สูงอายุที่ขึ้นบันไดไม่ไหวได้ดี หรืออาจปรับเป็นห้องอื่นๆก็ได้ตามต้องการ
อีกทั้งยังมีการเพิ่มฟังก์ชัน Laundry ที่เป็นลักษณะเหมือน Glass House เข้ามาให้ใช้งานด้วย ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่ซักผ้า/ตากผ้าในร่มได้แบบไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน รวมถึงผมยังเห็นถึงการออกแบบช่องเปิดให้มีความโปร่งโล่งเป็นพิเศษอีกหลายๆจุด โดยเฉพาะตรงส่วนครัวและห้องน้ำครับ
สำหรับครอบครัวขนาดเล็กผมคิดว่าแบบบ้าน Siena ที่เป็นหลังเริ่มต้นกำลังเหมาะ แต่ถ้าเป็นครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันห้องที่เยอะขึ้น ก็จะแนะนำเป็นหลังกลาง Milano ที่มีฟังก์ชันแทบจะคล้ายกับหลังใหญ่สุดเลยครับ ส่วนครอบครัวใหญ่และคนที่เป็นสายชอบจัดปาร์ตี้ก็จะแนะนำเป็นแบบ Luzern ที่จะมีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเข้ามาไม่เหมือนใคร อย่างที่จอดรถ 3 คัน สระว่ายน้ำส่วนตัว ห้องแม่บ้าน และยังมีห้องเล็กชั้นล่างให้ใช้งานได้ถึง 2 ห้องอีกด้วย
วัสดุ : โครงสร้างบ้านเป็นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปหรือ Precast ซึ่งเป็นผนังรับน้ำหนักที่ไม่สามารถทุบ/ต่อเติมได้ ดังนั้นคนที่ซื้อบ้านแบบนี้ก็อาจต้องมีความชอบในฟังก์ชันบ้านเดิมอยู่แล้วพอสมควร แต่ก็มีข้อดีในเรื่องความแข็งแรง สามารถป้องกันเรื่องเสียงได้ดี แถมยังไม่ค่อยมีปัญหาการรั่วซึมในระยะยาวอีกด้วย ส่วนพื้นที่จอดรถจะเป็น Slab on Ground แยกออกมาจากตัวบ้าน พื้นชั้นบนเป็น SCP และวัสดุปิดผิวรอบตัวบ้านก็ถือว่าให้มาโอเคทีเดียว เพราะไม่ใช่แค่การฉาบเรียบทาสีปกติ แต่ยังมีการกรุด้วยกระเบื้องและหินเทียมอีกด้วย
จุดที่ชอบมากๆเป็นการส่วนตัวคือห้องน้ำ ที่ให้สุขภัณฑ์+ฉากกั้นมาครบเหมือนบ้านตัวอย่าง อีกทั้งยังมีการกรุผนังเป็นกระเบื้องต่อลายหินอ่อนสวยงาม ดูหรูหรามากๆทุกห้องเลยครับ รวมถึงยังมีระบบกรองอากาศ Frasers Clean & Cool Air ติดตั้งมาให้ภายในบ้านด้วย และพวกระบบรักษาความปลอดภัยก็ให้มาเป็นมาตรฐานนะ เพิ่มเติมสำหรับบ้านหลังใหญ่สุดเราจะได้ทั้งสระว่ายน้ำส่วนตัว + Jet Pool มาด้วย
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : โดยภาพรวมถือว่าจัดบรรยากาศออกมาได้ดีทีเดียว มีการกระจายพื้นที่สวนออกเป็น 2 จุดใหญ่ๆ ซึ่งจะเป็นสวนสไตล์อังกฤษที่เน้นความสวยงามมากกว่าความร่มรื่น บริเวณริมถนนทั้งโครงการจะมีการปลูกแนวต้นไม้เอาไว้ทั้งหมด ทำให้เวลาขับรถไปทางไหนก็จะได้มองเห็นสีเขียวของไม้พุ่มและไม้ยืนต้นอยู่ตลอด ส่วนด้านในบ้านก็จะมีการปลูกต้นไม้จัดสวนมาให้เป็นมาตรฐานทุกหลักด้วยครับ
สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สวน Lobby / Co-Working Space / Fitness และ Swimming Pool รวมถึงยังมีฟังก์ชันเสริมที่โครงการอื่นๆไม่ค่อยมีอย่าง เครื่องเล่นม้าหมุน และสนามพัตกอล์ฟ แต่ที่โดดเด่นจริงๆก็คือ การออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปของอาคาร Clubhouse ที่มีความสวยงามและดูโออ่ามากๆ เหมาะที่จะใช้เป็นหน้าเป็นตาเพื่อรับรองแขกได้เป็นอย่างดี
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 9.99 – 17.59 ล้านบาท, 3 เมษายน 2566
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – ทางเข้าหลักติดถนนใหญ่พระราม 2 อยู่ในอาณาจักร The Grand 2 เป็นส่วนตัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกและทางด่วนเพิ่มในอนาคต
- ความปลอดภัย 8.5/10 – ซุ้มประตู 2 ชั้น รั้วเหล็กเลื่อนไฟฟ้า รปภ. 24 ชม. CCTV และ Magnetic Sensor
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – บ้านสไตล์ยุโรป พื้นที่ใช้สอยภายในเยอะ ได้ Double Master Bedroom และมีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างทุกแบบ
- วัสดุ 7.75/10 – ระบบก่อสร้าง Precast ช่องแสงเยอะ กระเบื้องห้องน้ำสวย พร้อมระบบ Fraser Clean & Cool Air
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 – พื้นที่สีเขียว 2 จุด พร้อมจัดสวนในบ้านให้ทุกหลัง ถนนในโครงการเต็มไปด้วยต้นไม้สดชื่นดี
- สาธารณูปโภค 8.25/10 – อาคาร Clubhouse ขนาดใหญ่สวยงาม มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ส่วนใหญ่เน้นไว้โชว์และรับแขกเป็นหลัก
- 7.9 / 10.00
แกรนดิโอ 2 พระราม 2 เหมาะกับใคร
โครงการ แกรนดิโอ 2 พระราม 2 เหมาะกับ คนที่มองหาบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีทางเข้าหลักติดถนนพระราม 2 ในโซนสมุทรสาคร-มหาชัย เป็นบ้านดีไซน์สไตล์ยุโรป พื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันเยอะ สามารถรองรับครอบครัวขนาดเล็ก-ใหญ่ได้ มาพร้อมกับฟังก์ชันพิเศษอย่าง Glasshouse Laundry และ Double Master Bedroom รวมถึงยังมีส่วนกลางและอาคาร Clubhouse ขนาดใหญ่ ที่มีบรรยากาศที่สวยงามเหมือนคฤหาสน์หรูๆในเมืองนอก มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 9.99 – 17.59 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 70,000 – 123,000 บาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc