รีวิวฉบับที่ 2171 … วันนี้เราจะพาไปรีวิว Eco HAUS ปิ่นเกล้า-ศาลายา บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 2 ชั้น จาก SL Estate กันค่ะ บ้านที่นี่มี 3-4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 141-193 ตร.ม. ราคาอยู่ในช่วง 3.5 -7 ล้านบาท ซึ่งทำเลนี้รอบๆเรียกได้ว่าก็มีโครงการจัดสรรอยู่หลายโครงการให้เลือกนะคะ แต่จุดเด่นของโครงการนี้เลยเรามองว่าเป็นโครงการที่จำนวนยูนิตไม่เยอะ ได้ความเป็นส่วนตัว (ไม่ถึง 200 หลังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับโครงการข้างเคียง) มีส่วนกลางให้ใช้งาน และเมื่อเทียบราคาบ้านและพื้นที่ใช้สอยก็ถือว่าคุ้มค่ากว่าโครงการอื่นอีกด้วยนะ ดังนั้น ถ้าใครกำลังคิดจะซื้อบ้านในโซนนี้อยู่ เราไม่อยากให้พลาดอ่านรีวิวนี้ค่ะ
ข้อมูลโครงการ
20 November 2020
- Eco HAUS Pinklao-Salaya (อีโคเฮ้าส์ ปิ่นเกล้า-ศาลายา)
- บริษัท เอส.แอล.เอสเตท จำกัด
- MAIN to UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านปี 2020 ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถนนสำเร็จพัฒนา ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
- เนื้อที่โครงการประมาณ 36 ไร่ จำนวน 192 ยูนิต
- บ้านแฝด 2 ชั้น WILLOW พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม.
– 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น BIRCH พื้นที่ใช้สอย 149 ตร.ม.
– 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น PINE พื้นที่ใช้สอย 159 ตร.ม.
– 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ASPEN พื้นที่ใช้สอย 183 ตร.ม.
– 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น SPRUCE พื้นที่ใช้สอย 193 ตร.ม.
– 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 1 – 2.55 เมตร / ชั้น 2 – 2.7 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
- ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ n/a บาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2562
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ 2564
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-409-5777
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.80973,100.3449463
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ โครงการ Eco HAUS ปิ่นเกล้า-ศาลายา ตั้งอยู่บนถนนสำเร็จพัฒนา สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทางเลยค่ะ และในอนาคตก็จะมีการก่อสร้างเส้นทางใหม่เรียกว่าโครงการถนนเชื่อมต่อถนนนครอินทร์-ศาลายา จังหวัดนนทบุรีและจังหวัดนครปฐม ซึ่งจะเป็นถนนใหม่ ขนาด 6 ช่องจราจร เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนกาญจนาภิเษกและถนนบรมราชชนนี คาดว่าจะก่อสร้างในช่วงปี 2567-2569 นี้อีกด้วยค่ะ
ทำเลของ Eco HAUS ปิ่นเกล้า-ศาลายา เป็นทำเลชานเมืองฝั่งตะวันตก ที่ปัจจุบันมีหมู่บ้านจัดสรรเยอะพอสมควร เนื่องจากซอยนี้มีความน่าสนใจที่สามารถใช้เดินทางลัดเลาะไปได้หลายเส้นทาง เชื่อมระหว่างถนนกาญจนาภิเษก และถนนศาลายา นอกจากนี้ยังใกล้ทางด่วน แต่ด้วยความที่มีหลายหมู่บ้านในช่วงเวลาเร่งด่วนจะมีปริมาณรถหนาแน่นนะคะ ซึ่งโครงการก่อสร้างถนนตัดใหม่นครอินทร์-ศาลายาที่เราเล่าไปเมื่อย่อหน้าก่อนก็จะมาช่วยระบายการจราจรบริเวณนี้ได้มากขึ้นค่ะ
ฝั่งถนนกาญจนาภิเษก(ฝั่งตะวันตก) : จากโครงการสามารถขับออกไปยังฝั่งถนนกาญจนาภิเษกได้ โดยผ่านซอยวัดส้มเกลี้ยง หรือซอยวัดศรีประวัติค่ะ ซึ่งจากถนนฝั่งนี้ก็ขับขึ้นเหนือไปโซนบางใหญ่, ปทุมธานี, อยุธยา หรือวิ่งลงใต้ไปโซนบางแค,พระราม 2 และเชื่อมเข้าทางด่วนกาญจนาฯ ที่วิ่งไปพระราม3, สมุทรปราการ, บางนาได้ นอกจากนี้ใกล้กับ ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่ไปสิ้นสุดบริเวณจตุจักร-หมอชิต และเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชเข้าตัวเมืองไปย่านต่างๆได้ง่าย (แต่จะเสียค่าทางด่วน 2 ต่อนะคะ)
ฝั่งถนนศาลายา : ขับไปออกบริเวณม.มหิดล ศาลายา โดยใช้ถนนสำเร็จพัฒนา ถนนศาลาธรรมสพน์เชื่อมต่อไปถนนพุทธมณฑล 4,3,2 ที่พอขับลงใต้แล้วจะไปเจอถนนบรมราชชนนีวิ่งเข้าปิ่นเกล้า หรือขับออกไปตัวเมืองนครปฐม ถัดลงมาอีกเป็นถนนเพชรเกษมวิ่งไปบางแค, ท่าพระ, วงเวียนใหญ่ หรือจะใช้ถนนทวีวัฒนาตรงยาวไปเอกชัย,บางบอนได้
” สำหรับโครงการบ้านพักอาศัยทำเลนี้นั้น ส่วนใหญ่เราจะเห็นเป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ช่วงราคา 4-6 ล้านบาท (โครงการเราอยู่ที่ 3.5-7 ล้านบาท) ถือว่าถูกกว่าโซนข้างเคียงเช่นโซนราชพฤกษ์ที่ช่วงราคาบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวจะอยู่ที่ 6-8 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนถ้าเป็นบ้านติดถนนบรมราชชนนีก็จะเป็นบ้านเดี่ยวหรู 20-30 ล้านขึ้นไปเลยค่ะ ดังนั้นใครที่มองหาบ้านในงบน้อยลงมานิด แลกกับการเดินทางที่ขับเข้าซอยลึกหน่อย ก็มักจะต้องมองหาบ้านในโซนนี้เป็นตัวเลือกนะคะ “
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ ทำเลนี้เป็นโซนที่มีร้านสะดวกซื้อ(7-eleven) มาเปิดในซอยเยอะมาก เนื่องจากมีชุมชนและมีหมู่บ้านจัดสรรเปิดใหม่อยู่เรื่อยๆ และก็มีทั้ง Mini Big-C, Tesco Lotus Express หรือร้านสะดวกซื้อขนาดย่อมๆมาเปิดตามเต็มไปหมด และด้วยความเป็นชุมชนก็มีตลาดใกล้เคียงหลายแห่ง เช่น ตลาดลุงออม, ตลาดน้องเล็ก ขับไปหน่อยมีตลาดสดศาลายา, ตลาดหน้าม.มหิดล, ตลาดพุทธมณฑลสาย 2 เป็นต้น
โดยรวมแล้วสภาพแวดล้อม ส่วนใหญ่เป็นโรงงาน อาคารพาณิชย์ สถานศึกษา(ม.มหิดล ศาลายา) และที่อยู่อาศัยแนวราบ ด้วยความที่มีทั้งแหล่งงานและสถานศึกษา ทำให้ย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์ครบครัน แต่บรรยากาศก็ยังคงความเป็นชานเมือง ไม่ได้ดูคึกคักหรือพลุกพล่านแบบในตัวเมืองกรุงเทพ แต่เป็นทำเลที่ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกไกล มีสถานที่สำคัญคือสวนพุทธมณฑล, สถานีรถไฟศาลายา, ตลาดดอนหวาย, วัดไร่ขิง, Makro ศาลายา, Tesco Lotus Plus Mall บางใหญ่ และ The Brio Mall ส่วนห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงก็มีทั้ง Central ศาลายา, Central Westgate และ The Mall บางแคค่ะ
เส้นทางการเดินทาง
สำหรับเส้นทางการเดินทางที่เราเลือกใช้ในวันนี้ เราจะเดินทางมาจากถนนบรมราชชนนีนะคะ หลังจากนั้นก็ขับเข้ามายังเส้นพุทธมณฑลสาย 3 กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยศาลาธรรมสพน์ หลังจากนั้นเลี้ยวขวาเข้าศาลาธรรมสพน์ 48 ที่วิ่งเชื่อมกับถนนสำเร็จพัฒนาอีกที ฟังดูอาจจะงงนิดหน่อย แต่ว่าเส้นทางจริงไม่ยากเลยค่ะ ถนนหลายเส้นก็เชื่อมต่อกันได้หลายทางนะ เราลองไปดูบรรยากาศเส้นทางการเดินทางจาก Gallery ด้านล่างได้เลยค่ะ
เริ่มต้นกันที่ถนนบรมราชชนนีค่ะ ข้างทางโซนนี้ก็จะมีร้านวัสดุ อุปกรณ์สร้างบ้าน แต่งบ้านหลากหลายเลยค่ะ ที่เห็นก็จะผ่านบุญถาวร
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
ทำเลนี้ถือว่าเป็นโซนที่เพิ่งจะเกิดหมู่บ้านจัดสรรขึ้นเยอะ ดังนั้นภายในซอยก็จะมีที่ดินเปล่าอยู่ค่อนข้างมาก สามารถพัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรรได้อีกเยอะ นอกจากนั้นก็จะมีสถานที่ราชการอยู่ด้วยค่ะ แปลว่าถนนหนทางย่อมดี เดินทางได้ไม่ยาก และหาของกินได้ไม่ลำบาก
ทิศเหนือ เป็นถนนหน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ม.มหิดล ศาลายา ~ 4.4 km.
- Makro ศาลายา ~ 6.1 km.
- วัดส้มเกลี้ยง ~ 7.8 km.
- วัดศรีประวัติ ~ 8 km.
- Tesco Lotus Plus Mall บางใหญ่ ~ 9.2 km.
- ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ~ 11 km.
- Central ศาลายา ~ 12.5 km.
- รพ.ธนบุรี2 ~ 13.1 km.
- The Walk ราชพฤกษ์ ~ 13.9 km.
- Central Westgate ~ 14.1 km.
- The Mall บางแค ~ 19.5 km.
- Central ปิ่นเกล้า ~ 20.8 km.
รายละเอียดโครงการ
โครงการ Eco HAUS ปิ่นเกล้า-ศาลายา เป็นโครงการบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว บนที่ดินขนาดประมาณ 36 ไร่ รวมจำนวนบ้านในโครงการ 192 หลัง แนวความคิดในการออกแบบโครงการคือ ‘COZY SPACE NORDIC STYLE’ โดยเน้นพื้นที่กว้าง โปร่งสบายสไตล์ NORDIC ซึ่งหมายถึงบรรยากาศทางยุโรปตอนเหนือ เช่น สวีเดน กรีนแลนด์ ไอซ์แลนด์ เป็นต้นค่ะ
รูปแบบการวางผังของโครงการก็ถือว่ามีจุดที่น่าสนใจอยู่นะคะ สำหรับเรื่องพื้นที่ส่วนกลางนั้น ทางโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนค่ะ
1) ส่วนแรกคือซุ้มประตูทางเข้าและ Clubhouse ที่ตั้งอยู่โซนหน้าสุดของโครงการเลย ติดกับถนนใหญ่ เป็นอาคารสูง 2 ชั้น ถือว่าเป็นการออกแบบทางเข้าโครงการให้เป็นจุดสนใจและลูกบ้านทุกคนสามารถเข้าถึงได้สะดวกค่ะ
ฟังก์ชันภายใน Clubhouse ก็จะมีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และ Co-working Space ซึ่งมีทั้ง Wifi ให้ใช้งานและมีเครื่องดื่มให้บริการด้วยนะคะ ตกแต่งสวยงาม สามารถมานั่งพักผ่อน ทำงาน หรือนัดคุยธุระตรงนี้ได้เลยค่ะ
2) สวนสาธารณะภายในโครงการ สวนนี้จะมีขนาดประมาณ 1 ไร่ ตั้งอยู่กลางโครงการค่ะ เป็นพื้นที่พักผ่อน มาเดินเล่น ออกกำลังกาย และมีสนามเด็กเล่นเล็กๆท่ามกลางสวนด้วยนะ
ในส่วนของการวางผังบ้านนั้น บ้านส่วนใหญ่จะหันหน้าเข้าสู่ซอยย่อย ซึ่งแต่ละซอยนั้น มีไม่เกิน 8 หลังค่ะ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวนะ นอกจากนั้นก็จะวางหน้าบ้านหันไปยังทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งเป็นทิศทางที่รับลมได้ดีค่ะ จุดนี้ก็จะช่วยเรื่องการระบายอากาศภายในบ้านได้ดีนะ
พาไปดูบรรยากาศจากโครงการจริงกันบ้างค่ะ ส่วนแรกที่เจอหน้าโครงการจะเป็นซุ้มประตูทางเข้า ตรงนี้จะออกแบบซุ้มประตูกับ Clubhouse เป็นอาคารเดียวกัน มีการแต่งสวนเล็กๆ สนามหญ้า และ ป้ายชื่อโครงการ เป็นจุดสังเกตให้กับคนที่มายังโครงการได้ค่ะ
ทางเข้า-ออกรถยนต์จะแยกคนละฝั่ง มีป้อมยามอยู่ตรงกลาง เราชอบการออกแบบที่เอา Clubhouse เป็นส่วนเดียวกับซุ้มประตูทางเข้า ทำให้ขณะจอดรถ Scan บัตรเข้า-ออก หรือแลกบัตรติดต่อกับรปภ. พื้นที่ตรงนี้ก็จะมีหลังคาปกคลุม กันแดดกันฝนได้ค่ะ
ทางเข้า-ออกของโครงการจะมีประตูรั้วบานเลื่อนอัตโนมัติ ใช้ Key Card และมีกล้องวงจรปิดอยู่ค่ะ
ด้านข้างจะเป็นทางเท้า และเดินเข้าไปใช้งานยัง Clubhouse ได้เลย
อาคาร Clubhouse จะเป็นอาคารสูง 2 ชั้น ประกอบด้วย Co-Working Space , Fitness และสระว่ายน้ำค่ะ
ดีไซน์ก็จะคง Concept Nordic อยู่นะคะ เน้น Form เหลี่ยม และใช้ไม้เป็นองค์ประกอบ ในแต่ละฟังก์ชันภายใน Clubhouse จะหันหน้าเข้าภายในโครงการเป็นหลัก เวลาใช้งานก็จะเห็นส่วนสระว่ายน้ำค่ะ
ตัวสระว่ายน้ำและชั้น 1 ของ Clubhouse จะยกระดับสูงจากพื้นถนนนะคะ สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่มาใช้งาน
เข้ามายังส่วน Co-working space มีการเลือกใช้โทนสีเหลือง ช่วยให้บรรยากาศดูสดใสมากขึ้น มีการจัดโต๊ะนั่งทำงาน นั่งเล่น คุยงานเอาไว้หลายรูปแบบค่ะ พื้นที่ส่วนนี้จะมี Wifi ให้ใช้บริการ และก็มีเครื่องดื่มเตรียมไว้ให้อีกด้วย บรรยากาศเหมือนนั่งในร้านกาแฟดีค่ะ ไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลาเดินทางไปไหนเลย แถมถ้ามีธุระคุยงาน หรือทำงานกลุ่มของลูกๆที่เรียนอยู่ก็มาใช้งานพื้นที่ตรงนี้ได้เต็มที่
สระว่ายน้ำที่นี่จะยาว 18 เมตร ลึก 1.3 เมตร สำหรับสระเด็กจะลึก 65 ซม.ค่ะ ครอบครัวไหนมีลูกก็พามาเล่นน้ำได้ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็นั่งทำงานหลบร้อนที่ด้านใน Co-Working Space แทน
สำหรับ Clubhouse และสระว่ายน้ำจะมีห้องน้ำบริการอยู่จุดเดียวที่ชั้น 1 แยกชาย-หญิงค่ะ
ภายในห้องน้ำหญิงก็จะมีอ่างล้างมือ 2 ชุด
มีห้องสุขา และห้องอาบน้ำ เผื่อใครที่มาเล่นน้ำหรือเล่นฟิตเนสก็มาอาบน้ำล้างตัวก่อนและหลังเล่นได้นะคะ
ห้องน้ำชายก็จะได้ฟังก์ชันเดียวกันค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นฟิตเนสค่ะ
ตัวห้องค่อนข้างกว้างเลยค่ะ จัดวางเครื่องเล่นไม่หนาแน่นมาก แต่ก็มีหลากหลายนะคะ เนื่องจากโครงการนี้จำนวนบ้านไม่เยอะด้วย ดูจากปริมาณคาดว่าเพียงพอต่อการใช้งานอยู่นะคะ
ถนนหลักของโครงการกว้าง 12 เมตรค่ะ เราชอบการปลูกต้นไม้ และการจัดพื้นที่สีเขียวสองข้างทาง คิดว่าถ้าต้นไม้โตขึ้นก็น่าจะแผ่ร่มเงามากขึ้นอีก
ตัวบ้านแต่ละหลังจะหันหน้าเข้าสู่ซอยย่อยค่ะ จุดที่น่าสนใจของโครงการนี้อีกเรื่องคือการจัดสวนภายในบ้านมาให้ด้วย เราจึงจะเห็นว่าบรรยากาศรวมๆดูร่มรื่น มีต้นไม้หลายพันธุ์ค่ะ
ในขณะที่ซอยย่อยของโครงการหรือว่าถนนหน้าบ้านจะกว้าง 8 เมตร ถือว่าขับเข้า-ออกบ้านสะดวกนะคะ
มาดูที่สวนสาธารณะภายในโครงการกันค่ะ วันที่เราไปยังจัดสวนไม่เสร็จดีนะ
ขนาดสวนจะอยู่ที่ประมาณ 1 ไร่เลย เลือกพันธุ์ไม้ตามสไตล์ Nordic เลยค่ะ
มีสนามหญ้า ทางเดินให้เดินเล่นออกกำลังกาย
และมีสนามเด็กเล่นเล็กๆกลางสวยด้วยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Clubhouse
- สระว่ายน้ำยาว 18 เมตร
- Fitness
- Co-working space พร้อมบริการเครื่องดื่มและ Wifi
- สวนสาธารณะขนาดประมาณ 1 ไร่
- ซุ้มประตูทางเข้า เข้า-ออกโครงการด้วย Key Card Access
- กล้อง CCTV ด้านหน้าโครงการและในโครงการ
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- รั้วสูง 3 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 12 เมตร และถนนภายในกว้าง 8 เมตร
- สัญญาณกันขโมยภายในบ้าน ระบบ Magnetic Sensor ที่ชั้น 1
แบบบ้าน
สำหรับแบบบ้านภายในโครงการนี้จะมีทั้งบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวรวมทั้งหมด 5 แบบค่ะ รายละเอียดดังนี้
- บ้านแฝด 2 ชั้น WILLOW พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม.
– 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น BIRCH พื้นที่ใช้สอย 149 ตร.ม.
– 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น PINE พื้นที่ใช้สอย 159 ตร.ม.
– 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ASPEN พื้นที่ใช้สอย 183 ตร.ม.
– 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น SPRUCE พื้นที่ใช้สอย 193 ตร.ม.
– 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
ถ้าสังเกตดู บ้านแฝดจะได้ 3 ห้องนอน ส่วนบ้านเดี่ยวจะได้ 4 ห้องนอน(เพิ่มห้องนอนชั้นล่างมาอีก 1 ห้อง)
– บ้าน 3 แบบเล็กการจัดวางฟังก์ชันจะคล้ายคลึงกัน
– Birch จะมีห้องอเนกประสงค์(ที่สามารถปรับเป็นห้องนอนได้) เพิ่มจาก Willow ที่ชั้นล่าง
– Pine ก็จะได้ห้องนอนที่ชั้น 2 ใหญ่กว่า Birch (เหมือนได้ master bedroom 2 ห้อง)
– บ้าน 2 แบบใหญ่ Aspen และ Spruce จะมีห้องนอนชั้นล่างและ Family Area ที่ชั้น 2 เพิ่มมา
– Spruce จะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาจากแบบ Aspen
– ทุกแบบบ้านจะมีห้องครัวอยู่ในตัวบ้าน โดยจะก่อเคาน์เตอร์ครัวมาให้ พร้อมหน้าบานตู้ใต้เคาน์เตอร์ค่ะ (ยกเว้นบ้านแฝด Willow)
– ภายในบ้านจะให้ระบบรักษาความปลอดภัยเป็น Magnetic Sensor โดยจะส่งสัญญาณมายัง Alarm ที่อยู่หน้าบ้านค่ะ
ระบบการก่อสร้างของโครงการนี้จะใช้ระบบ Pre-cast ค่ะ ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องการทุบนะ แต่สำหรับการต่อเติมเช่นเพิ่มประตูกระจกหรือก่อผนังเบา แบบนี้โอเคค่ะ สามารถทำได้อยู่ และด้วยแบบบ้านภายในโครงการมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ ในฟังก์ชัน 3-4 ห้องนอน ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ ครอบคลุมทั้งเรื่องขนาดและฟังก์ชันแล้วค่ะ
สำหรับบ้านที่เราจะไปรีวิวกันวันนี้จะเป็นบ้านแบบใหญ่สุด Spruce และบ้านแฝด Willow ส่วนบ้านอีก 3 แบบที่เหลือ เราถ่ายรูปมาให้ดู ลงไว้เป็น gallery ด้านล่างนะคะ โดยจะมีบ้านตัวอย่างแบบ Pine ส่วน Birch และ Aspen จะเป็นบ้านมาตรฐาน ไม่ได้ตกแต่งภายในไว้ค่ะ ใครสนใจแบบไหนลองเลื่อนลงไปดูได้เลยนะ
SPRUCE
ขอเริ่มที่ผังบ้านใหญ่ที่สุดในโครงการนี้กันค่ะ ตัวบ้านจะได้เป็นบ้านหน้ากว้าง เมื่อมองจากหน้าบ้านก็จะดูใหญ่นะคะ ภายในบ้านชั้น 1 จะแบ่งเป็นสองฝั่ง ฟังก์ชันบริการอย่างบันได ครัว และห้องน้ำจะอยู่ตรงกลางบ้านค่ะ ด้านหลังที่จอดรถจะเป็นห้องนอนชั้นล่าง สำหรับสมาชิกในบ้าน เข้าบ้านมาจากทางที่จอดรถได้ และตรงไปยังบันไดขึ้นชั้น 2 ได้เลย ไม่รบกวนคนที่ใช้งานพื้นที่นั่งเล่น ส่วนฟังก์ชันนั่งเล่น กินข้าวนั้นจะต่อเนื่องกันจากหน้าบ้านไปยังหลังบ้าน และมีพื้นที่เพิ่มมาเป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถจัดเป็นห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือ ทำการบ้านเพิ่มเติมได้ค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับ Family area กลางบ้าน ตรงกับบันไดเลย ถือว่าเป็นมุมพักผ่อนที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจากชั้นล่างนะคะ พื้นที่ฝั่งหนึ่งของบ้านจะเป็น Master Bedroom ที่จะมีระเบียงในตัว มีพื้นที่แต่งตัว และห้องน้ำในตัว ส่วนพื้นที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องนอนรอง 2 ห้อง ที่ใช้ห้องน้ำร่วมกันค่ะ
มาดูที่ตัวบ้านจริงกันค่ะ บ้านจะเป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์ modern มีหลังคาและกันสาดยื่นออกมาเยอะหน่อย ช่วยบังแดดไม่ให้ภายในบ้านร้อนค่ะ รั้วบ้านก็จะเป็นรั้วเหล็กโปร่ง ดีไซน์เดียวกับประตูรั้วที่จอดรถของบ้าน แต่มีการจัดสวนช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้ภายในบ้านค่ะ
ทางเข้าบ้านจะเป็นประตูรั้วเลื่อน เปิดสุดไปฝั่งเดียวเลย
บริเวณรั้วก็จะมีกริ่งพร้อมไฟส่องสว่าง ตู้จดหมายพร้อมเลขที่บ้าน และถังขยะไว้ให้ เราสามารถทิ้งขยะจากภายในบ้านได้ และรถขยะก็จะเปิดประตูห้องขยะที่รั้วและเก็บขยะไปค่ะ ซึ่งดีไซน์แบบนี้ก็จะช่วยให้หน้าบ้านดูเรียบร้อยสวยงาม ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆด้วย
จุดที่น่าสนใจที่บอกไปอีกอย่างคือ สวนภายในบ้าน โครงการนี้มีการจัดสวนที่เป็นไม้พุ่ม ไม้ใหญ่ สนามหญ้ามาให้ ถ้าใครไปดูที่โครงการก็จะเห็นว่าบ้านแต่ละแปลงก็อาจจะลงต้นไม้ไว้ให้ไม่เหมือนกันนะคะ แต่ได้บรรยากาศที่ดูเขียวสดชื่นแบบที่เห็นในรูปค่ะ
ที่จอดรถจะสามารถจอดในร่มได้เลย 4.75 เมตร แทบจะไม่ต้องต่อเติมกันสาดหรือหลังคาที่จอดรถเพิ่มเติม ส่วนความกว้าง 4.9 เมตร จอดได้ 2 คัน อาจจะเป็นรถขนาดกลางคัน และรถที่เล็กหน่อยแบบ Eco car คันกำลังดีค่ะ
จากที่จอดรถจะมีประตูเข้าไปภายในบ้านค่ะ ยกระดับขึ้นไปประมาณ 2 ขั้น บริเวณหน้าประตูเราจะเห็นสัญญาณกันขโมยอยู่ ตรงนี้จะเชื่อมกับ Magnetic Sensor ที่ติดไว้บริเวณประตู หน้าต่างภายในบ้าน ถ้าเกิดเหตุอะไร สัญญาณตรงนี้ก็จะดังขึ้นค่ะ
มาดูที่ทางเข้าหลักของบ้านกันนะคะ เป็นประตูบานเลื่อนกระจก เปิดได้ 2 ฝั่ง
มีเฉลียงหน้าทางเข้า จัดเป็นม้านั่ง มุมนั่งเล่น ใส่รองเท้าเล็กๆได้ค่ะ
เข้ามาภายในบ้านจะเจอกับส่วนนั่งเล่นและกินข้าว เปิดโล่งต่อเนื่องกัน หน้ากว้าง 3.8 ลึก 7.2 เมตร ผนังฉาบเรียบทาสีขาว พื้นปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.55 เมตรค่ะ
ในบ้านตัวอย่างจะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นไม้ บรรยากาศภายในก็จะดูอบอุ่นมากขึ้น เอาไว้เป็นไอเดียแต่งบ้านเพิ่มเติมได้นะคะ
Living area มีขนาด 3.8×4.0 เมตร ถือว่ากว้างมากเลยค่ะ จัดโซฟาขนาดใหญ่ได้นะ 4-5 ที่นั่ง เราว่าไหวค่ะ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นมุมสำหรับโต๊ะกินข้าว จัดได้ 6-8 ที่นั่งเลย เดินรอบโต๊ะได้สบาย สามารถตั้งชั้นวางของไว้ติดผนังทางฝั่งหลังบ้านได้อีกนะคะ พื้นที่เหลือเยอะพอสมควร
หันไปทางซ้ายจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ค่ะ
ในบ้านมาตรฐานจะเป็นช่องเปิดโล่งแบบนี้นะคะ ตัวบ้านเป็น Pre-cast ที่ทุบไม่ได้ก็จริง แต่ก็สามารถต่อเติมได้ค่ะ จะกั้นเป็นห้องทึบ หรืออยากได้แค่ประตูบานเลื่อนกระจกก็ต่อเติมเองได้เลย
ห้องนี้จะมีขนาด 3.2×2.7 เมตร มีประตูบานเลื่อนเปิดไปยังสนามข้างบ้านได้ด้วยค่ะ สามารถปรับใช้เป็นห้องนอนเพิ่มอีกห้องได้นะคะ แต่อาจจะวางเตียงได้แค่ 3-3.5 ฟุต
ในบ้านตัวอย่างจะจัดไว้เป็นมุมทำงาน พอแยกฟังก์ชันออกมาเป็นสัดส่วนก็จะได้ความสงบดูเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ เหมาะสำหรับทำกิจกรรมที่ต้องการสมาธิสูง
ส่วนอีกฝั่งของโต๊ะกินข้าวจะเป็นห้องครัวค่ะ
ครัวของบ้านนี้จะเป็นครัวในบ้าน ห้องปิด ขนาด 2.3×2.6 เมตร ระดับพื้นจะเท่ากับภายในตัวบ้านส่วนอื่นนะคะ
ในบ้านมาตรฐานจะก่อเคาน์เตอร์ให้ เข้ามุมเป็นรูปตัว L มีอ่างล้างจาน หน้าบานตู้ใต้เคาน์เตอร์ให้มา ส่วน top เคาน์เตอร์จะเป็นหินแกรนิตดำจีน
จากห้องครัวจะมีประตูทางออกไปยังส่วนซักล้างที่อยู่หลังบ้าน และมีหน้าต่างระบายอากาศค่ะ เวลาทำอาหารประเภทผัดหรือทอดก็เปิดประตูและหน้าต่างระบายควันออกไปยังหลังบ้านได้เลยนะคะ
พื้นที่หลังบ้านจะทำลานซักล้างเล็กๆเอาไว้ให้ค่ะ วางเครื่องซักผ้าได้ แนะนำให้ติดกันสาดเพิ่มเติมก็จะช่วยบังแดดบังฝนให้กับเครื่องซักผ้าได้นะคะ
ต่อไปมาดูอีกฝั่งของตัวบ้านกันค่ะ จากพื้นที่นั่งเล่นและกินข้าว จะมีทางเดินไปยังห้องนอนชั้นล่างที่อยู่อีกฝั่งของตัวบ้านนะ โดยจะผ่านบันได ห้องเก็บของข้างบันได และห้องน้ำไปค่ะ
ที่ชั้นนี้จะมีห้องน้ำอยู่ห้องเดียวนะคะ จึงเป็นห้องที่มีทั้งส่วนเปียกและส่วนแห้งรวมกันอยู่
สุขภัณฑ์จะมีทั้งของ mogen และ cotto คละกันค่ะ ห้องน้ำนี้จะไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะคะ แต่พื้นที่ส่วนอาบน้ำจะลดระดับลง เพื่อที่เวลาใช้งาน น้ำจะได้ไม่ไหลไปทั่วห้อง แต่เราแนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำหรือม่านเพิ่มเติม เพื่อความสะดวกและสะอาดเวลาอาบน้ำค่ะ
ในบ้านแบบนี้จะมีห้องนอนไว้ที่ชั้นล่างด้วย เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุค่ะ ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากเดินขึ้นลงบันได ตำแหน่งของห้องก็แยกมาอีกฝั่งจากพื้นที่นั่งเล่น เวลาดูทีวีเสียงรบกวนก็จะได้ไม่ดังมาที่ห้องนี้มาก นอกจากนั้นก็จะมีทางเดินและหน้าต่างเปิดมุมมองไปยังฝั่งหลังบ้าน ถ้าจัดสวนสวยๆก็กลายเป็นวิว สร้างความสดชื่นให้กับคุณตาคุณยายที่อาศัยอยู่ในห้องนี้ได้ด้วย
ห้องนี้มีขนาด 2.6×4.1 เมตร คือมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า จึงทำให้เวลาวางเตียงนอนไปแล้วก็ยังคงเหลือพื้นที่ข้างเตียงกว้างเลยค่ะ
สามารถเลือกเตียงใหญ่ได้ตามความต้องการเลย
ต่อมาเราขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันบ้างค่ะ บันไดถือว่ากว้างเดินสบาย มีราวจับให้ และมีช่องแสงขนาดใหญ่ เดินขึ้นลงก็ไม่มืดค่ะ ส่วนตรงชานพักจะแบ่งเป็น 2 ขั้น แรกๆก็อาจจะต้องเดินระวังหน่อย แต่ถ้าชินก็ไม่อันตรายค่ะ
พอขึ้นมาที่ชั้น 2 เราจะเจอกับ Family area เลย ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องนอนรองสองห้อง ทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ
Family area แยกพื้นที่เป็นสัดส่วน สามารถต่อเติมประตู กั้นเป็นห้องปิดได้ค่ะ ภายในห้องมีขนาด 2.7×2.7 เมตร
มาดูห้องนอนรองที่อยู่ฝั่งขวามือกันก่อนค่ะ ห้องจะอยู่ฝั่งด้านหน้าและด้านหลังบ้านฝั่งละห้อง ทั้งคู่จะใช้ห้องน้ำที่อยู่ตรงกลางร่วมกัน ตำแหน่งถือว่าใช้งานสะดวกนะคะ
ภายในห้องน้ำก็จัดผังคล้ายกับห้องน้ำชั้นล่างเลย มีหน้าต่างเป็นช่องแสงและช่วยระบายอากาศด้วย
สุขภัณฑ์ต่างๆที่ได้ในห้องน้ำค่ะ
ห้องนอนรองฝั่งหลังบ้าน เป็นห้องที่ได้กระจกสองด้านของผนังเลย ลมสามารถผ่านเข้า ออก ถ่ายเทอากาศได้ดีนะ ห้องนี้มีขนาด 2.6×3.9 เมตร
เพราะรูปร่างห้องที่ยาว ในกรณีที่อาศัยคนเดียวก็สามารถวางเตียงชิดผนังและจัดมุมโต๊ะเขียนหนังสือกลางห้องได้เลย
สำหรับห้องนอนรองทางฝั่งหน้าบ้านนั้นจะได้หน้าต่างฝั่งเดียวของผนัง แต่ดีไซน์บานจะใหญ่ขึ้นค่ะ ขนาดของห้องนี้ก็จะใหญ่ขึ้นอีกด้วยอยู่ที่ 3.1×4.1 เมตร
สามารถวางเตียงใหญ่ได้เลยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงก็กว้าง จัดมุมทำงานส่วนตัวได้เช่นกัน
พื้นที่ข้างเตียงก็จะกลายเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้
โดยรวมเรามองว่าห้องนอนรองทั้งสองห้องถือว่าเป็นห้องขนาดใหญ่นะคะ จะอยู่ 2 คนก็พอได้ แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็จะมีมุมส่วนตัวเพิ่มขึ้นมาจากที่นอนด้วย
สำหรับห้องสุดท้ายของบ้านนี้จะเป็น Master Bedroom เมื่อเข้ามาจะเป็นส่วนกลางห้องค่ะ
หันไปทางซ้ายจะเป็นพื้นที่พักผ่อน อยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน พื้นที่ส่วนนี้ถ้าดูจากในบ้านมาตรฐานก็ถือว่าโล่ง โปร่งดีนะคะ มีขนาด 3.8×4.9 เมตรเลย
จะวางเตียงใหญ่ขนาดไหนก็ได้ และมีพื้นที่ข้างเตียงจัดมุมโต๊ะทำงาน หรือว่าจะวางโซฟาอ่านหนังสือส่วนตัวภายในห้องก็ได้นะ
สำหรับห้องนี้จะได้ระเบียงส่วนตัวด้วยค่ะ ออกไปยืนสูดอากาศได้ ราวกันตกเป็นกระจก และพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 3.50×0.60 เมตร
ขนาดห้องกว้าง อยู่อาศัยได้สบายเลยค่ะ ทางเดินรอบเตียงก็กว้างด้วย
ฝั่งด้านในของห้องจะเป็นห้องน้ำค่ะ และมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า และทำ Walk-in Closet อยู่ที่หน้าห้องน้ำ มีขนาด 1.7×2.7 เมตร
ส่วนในห้องน้ำนั้นก็จะมีการเลือกใช้กระเบื้องพื้นและผนังที่ต่างจากห้องอื่นๆ นอกจากนั้นสุขภัณฑ์ก็จะเลือกใช้รุ่นที่ดีขึ้นด้วย อย่างอ่างล้างมือก็จะเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์ มีชั้นวางของอยู่ใต้อ่าง เพิ่มพื้นที่เก็บของได้
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.90×1.50 ใช้งานสะดวก แต่น่าจะติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มนะคะ
WILLOW
บ้านอีกแบบที่จะพาไปดูเป็นบ้านแฝด แบบเริ่มต้นของโครงการค่ะ สำหรับแบบนี้เป็นบ้านแฝดก็จริง แต่ส่วนที่ติดกับเพื่อนบ้านนั้นจะเป็นห้องเก็บของที่อยู่บริเวณที่จอดรถค่ะ แปลว่าฟังก์ชันใช้งาน พักอาศัยอื่นๆก็จะไม่ได้ใช้ผนังร่วมกับบ้านข้างๆเลย ไม่ต่างจากบ้านเดี่ยวเลยนะคะ
ส่วนฟังก์ชันภายในบ้านนั้น ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ส่วนรวม ห้องนั่งเล่น พื้นที่กินข้าว ครัว และห้องน้ำ ส่วนชั้น 2 ก็จะเป็นห้องนอน 3 ห้องค่ะ พื้นที่แต่ละส่วนก็มีขนาดไม่เล็กมากนะ ถือว่าอยู่อาศัยได้สบายค่ะ ลองไปดูบ้านตัวอย่างจริงกันเลยดีกว่า
หน้าบ้านแฝด Willow เราจะเห็นว่าส่วนที่ติดกันจะเป็นที่จอดรถนะคะ
ห้องที่ชั้น 2 ก็จะไม่ได้ใช้ผนังร่วมกันเลย เสียงรบกวนจากบ้านข้างๆก็ไม่มีแน่นอน
ตำแหน่งที่เชื่อมกันนั้นก็จะเป็นห้องเก็บของบริเวณที่จอดรถค่ะ
พื้นที่ส่วนนี้ก็จะมีประตูปิดเรียบร้อย เอาไว้เก็บของ อุปกรณ์ทำสวน ล้างรถ เก็บจักรยานได้เลย
ส่วนที่จอดรถจะมีหน้ากว้าง 4.9 เมตร เท่ากับบ้านใหญ่สุด Spruce เลยค่ะ
ทางเข้าทางฝั่งหน้าบ้านก็จะมี 2 ทาง จากที่จอดรถและประตูหลัก จุดที่น่าสนใจคือมีการออกแบบชุดประตูทางเข้าเป็นกระจกเข้ามุมด้วย ทำให้แสงสว่างส่องเข้าไปภายในตัวบ้านได้เต็มที่
บริเวณหน้าบ้านก็จะมีเฉลียงขนาดใหญ่อยู่ค่ะ จัดวางม้านั่งสำหรับใส่รองเท้าหรือแต่งสวนกระถางเพิ่มเติมได้นะคะ
เข้ามาภายในบ้านจะเป็น Living area ที่เชื่อมต่อกับ Dining area ที่อยู่ด้านใน
พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะมีขนาด 3×3 เมตร ถือว่ากว้าง จัดวางโซฟาพักผ่อน ดูทีวี 3-4 ที่นั่งได้สบายเลยค่ะ ระดับฝ้าเพดานที่ชั้นนี้อยู่ที่ 2.55 เมตร เราว่าไม่เตี้ยไป และไม่สูงมาก กำลังดีเลย
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะกินข้าวค่ะ มุมนี้จัดวางโต๊ะ 4 ที่นั่งกำลังดี แต่จะเผื่อเก้าอี้เสริมจัดเป็น 6 ที่นั่งก็ได้ เอาไว้รองรับแขกหรือเพื่อนที่มาเยี่ยมบ้านทำอาหารกินกันได้ มีทางเดินโดยรอบไม่อึดอัดค่ะ และยังเชื่อมต่อไปยังสวนที่อยู่ด้านข้างได้ค่ะ
ส่วนอีกฝั่งของบ้านจะเป็นฟังก์ชัน services อย่างบันได ห้องครัว และห้องน้ำ
จุดที่น่าสนใจคือข้างๆโซนโต๊ะกินข้าวเราสามารถจัดเป็น Pantry ได้นะคะ ต่อเติมเป็นเคาน์เตอร์ชิดผนัง หรือว่ามุมนั่งทำงานเพิ่มเติมได้ค่ะ ขนาดพื้นที่ประมาณ 2.6×1.5 เมตร
ถัดมาเราจะเห็นประตูจากที่จอดรถ ติดกันจะเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 เรียกได้ว่ากลับบ้านมาก็เดินขึ้นห้องได้เลยค่ะ ส่วนห้องน้ำชั้นล่างจะอยู่ใต้บันไดนะคะ
ถึงแม้จะเป็นส่วนที่อยู่ใต้บันได แต่ก็ไม่ได้มีฝ้าเพดานที่เตี้ยค่ะ เข้าไปใช้งานได้ปกติเลย
พื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งแยกคนละฝั่งกัน มีหน้าต่างระบายอากาศและเป็นช่องแสงด้วย ช่วยให้ภายในห้องน้ำไม่ชื้นมาก ลดการเกิดเชื้อราภายในห้องน้ำได้
ส่วนห้องครัวจะได้พื้นที่โล่งค่ะ เฉพาะบ้านแฝดที่ไม่ได้ก่อเคาน์เตอร์ให้ ห้องนี้มีขนาด 3.145×2.6 เมตรค่ะ
สามารถก่อครัวเป็นรูปตัว L หรือจะจัดเป็นรูปตัว U เลยก็ได้ค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้ให้เคาน์เตอร์มา แต่ก็เดินงานระบบไฟฟ้าและประปาเตรียมไว้ให้ค่ะ
จากห้องครัวจะมีประตูเปิดมายังฝั่งหลังบ้าน เป็นโซนซักล้าง ตรงนี้มีพื้นปูนเตรียมไว้ให้เล็กๆ
หมดฟังก์ชันที่ชั้น 1 แล้ว เราขึ้นไปดูฟังก์ชันพักอาศัยที่ชั้น 2 กันต่อนะคะ บริเวณบันไดชานพักบันไดจะมีหน้าต่างนำแสงเข้ามาสู่พื้นที่บันได ไม่ให้มืดเวลาเดินค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 เราจะเจอทางเดินแบบนี้ ทางขวามือจะเป็นห้องนอนรองและห้องน้ำ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็น Master Bedroom
พามาดูห้องนอนรองห้องแรกทางขวามือค่ะ ในบ้านตัวอย่างจะจัดเป็นห้องทำงาน ด้วยขนาดก็ดูใช้งานได้สบายเลย
ห้องนี้มีขนาด 3.35×2.6 เมตร มีหน้าต่างอยู่ฝั่งเดียวค่ะ ในกรณีที่จะใช้เป็นห้องนอน เรามองว่าเหมาะกับการอยู่ 1 คน วางเตียง 3-3.5 ฟุตนะคะ
ถัดมาจะเป็นห้องน้ำค่ะ ห้องนี้จะใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนรองสองห้อง โทนสีกระเบื้องกรุผนังจะเน้นสีขาว ห้องนี้เลยดูสะอาดตาดีค่ะ
ส่วนสุขภัณฑ์จะใช้ของ Mogen เป็นหลักนะคะ อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง ฝักบัวแบบ hand shower ไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาค่ะ
ห้องนอนรองอีกห้องจะมีขนาดใหญ่ขึ้น 2.9×3.65 เมตร มีหน้าต่างอยู่ 2 ฝั่งผนัง
สำหรับห้องนี้เราชอบการจัดวางแบบให้บ้านตัวอย่าง ที่เอาเตียงชิดผนังแล้วเหลือพื้นที่ตรงกลางจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะอ่านหนังสือได้
อยู่อาศัย 1 คนก็สบาย ไม่อึดอัดเลยค่ะ
สุดท้ายมาดู Master Bedroom กันค่ะ เข้ามาเราจะเห็นว่าเป็นห้องที่ได้หน้าต่างขนาดใหญ่มากเลย ขนาดห้อง 4.2×3.5 เมตร
ปลายเตียงก็กว้างขวาง จัดโซฟาเล็กๆปลายเตียงได้ เดินเข้า-ออกสะดวก
ห้องนอนนี้จะไม่ได้มีระเบียงนะคะ แต่จะได้ Walk-in Closet และห้องน้ำส่วนตัว
พื้นที่ Walk-in Closet จะมีขนาด 2.4×1.5 เมตร อยู่หน้าห้องน้ำพอดี
เข้ามาภายในห้องน้ำจะเห็นได้ว่าชนิดของสุขภัณฑ์จะ upgrade ขึ้นมาจากห้องอื่นๆ และดีไซน์ลายกระเบื้องก็จะแตกต่างเช่นกันค่ะ
ฝักบัวจะได้แบบมือจับ มี junction box ต่อเครื่องทำน้ำอุ่นได้ ตัวกระจกเงาก็จะได้บานใหญ่เลยค่ะ
BIRCH
Birch เป็นบ้านเดี่ยวเริ่มต้นของโครงการนี้ค่ะ ถ้าดูจากฟังก์ชันบ้านจะเหมือนกับบ้านแฝดที่ชื่อว่า Willow ของโครงการเลย เพียงแต่เพิ่มห้องนอนชั้นล่างมา 1 ห้อง และจะได้เนื้อที่ดินมากขึ้นเริ่มต้น 50 ตร.วา จึงเหมาะกับคนที่ต้องการที่ดินเอาไว้ปลูกต้นไม้ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และต้องการพื้นที่เผื่อไว้ชั้นล่าง เป็นห้องทำงาน หรือว่าใช้เป็นห้องนอนได้อีก 1 ห้องค่ะ
PINE
ส่วนบ้านแบบ PINE นั้นก็จะมีฟังก์ชันคล้ายกับ Birch ค่ะ แต่ว่าที่ชั้นสอง ห้องนอนรองจะมีขนาดใหญ่ขึ้น 1 ห้อง กลายเป็นว่ามี Master Bedroom 2 ห้องเลย ซึ่งก็เหมาะกับคนที่มองหาห้องนอนขนาดใหญ่นะคะ
ASPEN
Aspen เป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่เกือบสุดค่ะ ถ้าดูจากผังฟังก์ชันต่างๆจะเหมือนกับบ้านใหญ่สุด Spruce เลย เพียงแต่จะตัดพื้นที่อเนกประสงค์ที่ชั้น 1 ออกไปค่ะ บ้านแบบนี้จึงเหมาะกับครอบครัวที่อยู่กันแบบ 3 generations ไม่ต้องการห้องอเนกประสงค์ พื้นที่ภายในบ้านแต่ละส่วนก็มีขนาดอยู่อาศัยสบายค่ะ
สำหรับ Aspen นั้น วันที่เราไปยังโครงการกำลังเปิดขายโซนหน้าสวน (ส่วนกลาง) ซึ่งแปลงโซนนี้มีข้อดีเรื่องวิวที่มองออกไปเป็นสวน และที่ดินหน้าบ้านที่มีลึกกว่าแปลงอื่นๆ กลายเป็นว่าสามารถจอดรถได้มากขึ้นเป็น 3-4 คันเลยค่ะ
บ้านแบบนี้เราได้ถ่ายบ้านมาตรฐานรวมไว้เป็น gallery ด้านล่าง คลิกเลื่อนดูรูปได้นะคะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
20 November 2020
- บ้านแฝด Willow ขนาดที่ดิน 36.30 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม. ราคา 3.79 ล้านบาท
- บ้านเดี่ยว Birch ขนาดที่ดิน 51.07 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 149 ตร.ม. ราคา 4.49 ล้านบาท
- จองและทำสัญญา 50,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 28 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
ที่ตั้งของ Eco HAUS ปิ่นเกล้า-ศาลายา จะอยู่ในซอยสำเร็จพัฒนา ซึ่งลึกเข้ามาจากถนนใหญ่หน่อย แต่ว่าเป็นทำเลที่เชื่อมต่อไปยัง ศาลายา, บรมราชชนนี และ กาญจนาภิเษกได้ ซึ่งบ้านโซนนี้ก็จะราคาต่ำกว่าเส้นราชพฤกษ์หรือบรมราชชนนีลงมาค่ะ ถือว่าเป็นทำเลที่ไปใช้ถนนต่างๆเพื่อนเข้าเมืองได้สะดวก และมีความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการอยู่มาก สะดวกกับการใช้ชีวิต
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
โครงการมีจำนวนยูนิตไม่มาก เมื่อเทียบกับโครงการข้างเคียง และก็ให้ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการมาตามมาตรฐาน มี CCTV, รปภ., Key card scan เข้าโครงการ ส่วนในตัวบ้านก็จะมี Magnetic Sensor มาให้ด้วย โดยจะติดตั้งที่ประตูหน้าต่างชั้นล่าง และส่งสัญญาณไปยัง Alarm ที่ติดอยู่บริเวณที่จอดรถของบ้าน
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
รูปแบบโครงการจะอิง Concept Nordic ทำให้หน้าตาของบ้านจะดู Modern เป็นบ้านหน้ากว้างที่ใช้ไม้มาเป็นองค์ประกอบค่ะ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นมากขึ้นด้วย การวางผังบ้านจะเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว โดยการหันหน้าบ้านแทบทุกหลังเข้าสู่ซอยย่อย ในส่วนฟังก์ชันก็จะอยู่ที่ 3-4 ห้องนอน แต่ก็มีแบบบ้านให้เลือกถึง 5 แบบ ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการเฉพาะของแต่ละครอบครัวค่ะ
วัสดุ :
สำหรับวัสดุภายในบ้านก็จัดว่าได้ตามมาตรฐานค่ะ โครงสร้างใช้ระบบ Precast ก่อเพิ่มเติมภายในบ้านได้ แต่ทุบไม่ได้ ตัวพื้นจะมีทั้งกระเบื้องแกรนิตโต้และลามิเนตลายไม้ ผนังฉาบเรียบทาสี ครัวถ้าเป็นบ้านเดี่ยวจะก่อเคาน์เตอร์ล่างให้พร้อมหน้าบานตู้ ส่วนห้องน้ำก็จะเลือกใช้สุขภัณฑ์ของ Mogen และ Cotto คละกันไป นอกจากนั้นก็จะมี Magnetic Sensor ให้ที่ชั้นล่างของบ้านด้วยค่ะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
บรรยากาศโครงการบริเวณพื้นที่ส่วนกลางทั้งทางเข้าและสวนก็ถือว่าจัดสวนได้ออกมาดูร่มรื่นและตรง Concept ของโครงการนะคะ ถนนภายในโครงการด้านข้างก็มีการจัดสวนและปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้ให้ร่มเงาด้วย ส่วนภายในตัวบ้านก็จะมีลงต้นไม้ให้(มากกว่าโครงการอื่นๆที่เคยเห็นมา) ทำให้บรรยากาศภายในโดยรวมมีพื้นที่สีเขียวเยอะ แลดูสดชื่นดีค่ะ
สาธารณูปโภค :
ส่วนกลางของที่นี่แบ่งออกเป็นสองจุด มีที่ Clubhouse รวมกับซุ้มประตูทางเข้า 1 จุด และสวนกลางโครงการขนาดประมาณ 1 ไร่อีกจุด ฟังก์ชันที่ได้ก็จะมี Co-Working Space, Fitness และสระว่ายน้ำ มองจากขนาดเทียบกับจำนวนบ้านแล้วถือว่าเหมาะสมค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 3.5 – 7 ล้านบาท, 20 November 2020
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – อยู่ในซอยรอง แต่เชื่อมต่อถนนใหญ่ได้หลายเส้นทาง
- ความปลอดภัย 7.25/10 – รปภ. 24 ชม., CCTV และมี Magnetic sensor
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – มีแบบให้เลือกหลากหลาย
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – สภาพดูร่มรื่น
- สาธารณูปโภค 7.25/10 – จัดมาเหมาะสมกับจำนวนยูนิต
- 7.49 / 10.00
BOTTOM LINE
Eco HAUS ปิ่นเกล้า-ศาลายา เป็นโครงการที่เหมาะกับครอบครัวที่มองหาบ้านในโซนศาลายา งบอยู่ที่ 3-7 ล้านบาท ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน บรรยากาศที่โปร่งโล่ง มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งาน แต่ก็ไม่ต้องการโครงการที่จำนวนยูนิตเยอะ เพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ มีกำลังในการผ่อนต่อเดือนที่ประมาณ 24,500 – 49,000 บาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc