..วันนี้เราพามารีวิวโครงการ คาซ่า วิลล์ วงแหวน – จตุโชติ ซึ่งเค้าเคยเปิดตัวไปเมื่อ 4 ปีก่อน และเฟสที่ 1 ก็ได้ sold out ไปเมื่อ 1 – 2 ปีก่อนเป็นที่เรียบร้อย แต่คราวนี้กลับมาพร้อมกับการเปิดเฟสใหม่ที่ 2 และแบบบ้านใหม่ที่มีให้เลือกมากถึง 4 Type เลยทีเดียว โดยความน่าสนใจหรือ Highlights ของโครงการผมได้รวบรวมมาให้มีดังนี้เลยครับ
- ทำเลใกล้ทางด่วนจตุโชติ และวงแหวนกาญจนาภิเษก สามารถเดินทางได้สะดวก
- ตั้งอยู่ในโซนที่ราคาบ้านเดี่ยวจับต้องได้ไม่ยากในย่านวัชรพล-สายไหม โดยการขยับออกมาทางฝั่งวงแหวนสักหน่อย แต่ยังสามารถมาจับจ่ายใช้สอยแถวๆสุขาภิบาล 5 ได้ไม่ยากนัก
- ฟังก์ชันบ้านเยอะ บ้านทุกแบบจอดรถได้ถึง 3 คัน และพื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวาง ซึ่งได้รับการปรับปรุงและพัฒนามาจากบ้านในเฟสที่ 1
- ตัวบ้านเป็นโครงสร้างก่ออิฐมวลเบา สามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย ซึ่งเข้ากับแบบบ้านที่มีฟังก์ชันค่อนข้างยืดหยุ่นของทางโครงการเป็นอย่างดี
ข้อมูลโครงการ
Casa Ville Wongwaen – Chatuchot (คาซ่า วิลล์ วงแหวน – จตุโชติ) ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2566
ชื่อโครงการ | Casa Ville Wongwaen – Chatuchot (คาซ่า วิลล์ วงแหวน – จตุโชติ) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซ.วงศกร 1 เขต คลองสามวา |
ที่ดิน | 65-1-28.55 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 257 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ราคาเริ่มต้น | 6.1 – 8.9 ล้านบาท |
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.5 – 3 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 80,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2562 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2568 |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.qh.co.th/project/Casa-Ville/CVWWC |
Call Center | 1388 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ใกล้กับทางด่วนฉลองรัชด่านจตุโชติ และถนนกาญจนาภิเษก สามารถเข้าเมืองได้ง่าย
- อยู่ภายในซอยย่อยที่ไม่วุ่นวาย และเป็นทางลัดเข้า-ออกได้ 2 ทาง
- เป็นโซนบ้านเดี่ยวที่มีราคาจับต้องได้ไม่ยาก หากเทียบกับเพื่อนบ้านในย่านใกล้เคียง โดยแลกกับความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ที่อาจมีความคึกคักน้อยกว่าหน่อย แต่ก็ยังไปจับจ่ายใช้สอยแถวๆสุขาภิบาล 5 ได้ไม่ยากนัก
พิกัด Google Maps : 13.913718, 100.694019
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
..ที่ตั้งโครงการของ “คาซ่า วิลล์ วงแหวน – จตุโชติ” จะอยู่ในซอยวงศกร 1 ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมต่อระหว่างถนนหทัยราษฎร์ และทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษกครับ โดยคนในย่านก็มักจะใช้เป็นซอยลัดในการไปขึ้นทางด่วนจตุโชติกันอยู่บ่อยๆ จึงเป็นทำเลที่เหมาะกับคนมองหาบ้านเน้นใช้ทางด่วนเพื่อเข้าไปทำงานในเมืองเป็นหลัก หรือจะเป็นคนในย่านที่ใช้ชีวิตอยู่ทั้งในโซนสายไหม-ลำลูกกา หรือจะไปทางคู้บอน-รามอินทราก็ได้
แต่ทั้งนี้ก็แลกมากับความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ ที่อาจไม่ได้คึกคักเท่ากับโซนเพื่อนบ้านอย่างสุขาภิบาล 5 ซึ่งโครงการบ้านเดี่ยวที่อยู่ในบริเวณนั้น หรือโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่ๆ ก็มักจะมีราคาเริ่มต้นเกือบ 10 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวเริ่มต้น 6 – 7 ล้าน ก็จะต้องขยับออกมาทางฝั่งวงแหวน หรืออาจมองเลยไปทางลำลูกกาที่อาจมีความอุดมสมบูรณ์ที่น้อยลงบ้างนั่นเอง
และถ้าจะให้มองลึกเข้าไปอีก บ้านเดี่ยวที่อยู่ในโซนใกล้กับวงแหวนก็จะมีทั้งฝั่งเดียวกับสุขาภิบาล 5 และฝั่งตรงข้ามถนนกาญจนาภิเษกใช่มั้ยครับ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบตรงที่ โครงการนี้จะยังอยู่ฝั่งเดียวกับความอุดมสมบูรณ์และสามารถไปขึ้นทางด่วนจตุโชติได้สะดวกกว่า ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเค้าอาจต้องเสียเวลากลับรถอยู่บ้าง ดังนั้นหากเป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่มีราคาและพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกัน ก็จะทำให้ “คาซ่า วิลล์ วงแหวน – จตุโชติ” มีความน่าสนใจในแง่ของทำเลไม่น้อยเลยทีเดียว
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
สำหรับทางด่วนที่ใกล้โครงการมากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นทางพิเศษฉลองรัชด่านจตุโชติ ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3 km. โดยในช่วงเข้าก็จะมีรถติดตรงทางขึ้นบ้างเป็นเรื่องปกติครับ ส่วนขากลับผมก็แนะนำให้ลงที่ถนนสุขาภิบาล 5 เพื่อแวะซื้อกับข้าวก่อนเข้าบ้านจากทางถนนหทัยราษฎ์ได้ อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่คึกคักและไม่เปลี่ยวในตอนกลางคืนอีกด้วยนั่นเอง
อีกจุดหนึ่งก็คือถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเราจะต้องกลับรถที่ใต้สะพานก่อน แล้วย้อนกลับไปขึ้นที่ถนนลำลูกกาตรงหน้า BigC โดยจะมีระยะทางประมาณ 6 km. และอาจต้องเผื่อเวลาสัก 10 – 20 นาทีนะครับ หรือถ้าใครที่ต้องการเดินทางไปแถวๆคู้บอน-รามอินทราอยู่แล้ว เราก็สามารถขับเลียบทางคู่ขนานไปเรื่อยๆ ได้โดยไม่ต้องไปเข้าเส้นทางหลักให้เสียเวลาเลยก็ได้
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านแนวราบเหมือนกันครับ อีกทั้งยังเป็นซอยย่อยที่มีความเงียบสงบมากกว่าบ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่ จึงเหมาะแก่การอยู่อาศัยและไม่วุ่นวาย แต่ก็แลกมากับความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยที่อาจไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ ส่วนด้านอื่นๆของตัวโครงการจะสามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับ หมู่บ้าน Neighbour Homes และที่ว่าง
- ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่าง
- ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าหลักของโครงการ ติดกับ ถนนซอยวงศกร 1 และฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่าง
- ทิศตะวันตก : ติดกับคลองบึงพระยาสุเรนทร์ และฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้านภัสสร
ภาพบรรยากาศบริเวณถนนซอยวงศกร 1 ด้านหน้าโครงการ จะเป็นถนน 2 เลนที่รถขับสวนทางกันได้ โดยทางด้านซ้ายของโครงการจะเป็นทางที่ไปเชื่อมต่อกับทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษก และสามารถไปขึ้นทางด่วนจตุโชติได้นั่นเอง
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นซอยที่สามารถลัดเลาะไปออกถนนหทัยราษฎร์ เชื่อมต่อไปยังถนนสายไหม-สุขาภิบาล 5 และยังใช้เป็นเส้นทางไปจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดต่างๆได้นั่นเอง โดยตลาดที่ใกล้ปากซอยมากที่สุดก็คือ “ตลาดวงศกร” ครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า
- ตลาดวงศกร ~ 2.1 km.
- Big C Place ลำลูกกา ~ 7.1 km.
- Fashion Island ~ 10.8 km.
- The Promenade ~ 11.2 km.
- เซ็นทรัล พลาซา รามอินทรา ~ 18.3 km.
โรงพยาบาล
- รพ.สายไหม ~ 2.2 km.
- รพ.สินแพทย์ ~ 11.1 km.
โรงเรียน
- รร.สารสาสน์วิเทศ สายไหม ~ 2.3 km.
- ม.เวสเทิร์น ~ 2.8 km.
- รร.นวมินทราชินูทิศเบญจมราชาลัย ~ 2.9 km.
- รร.สาธิตพัฒนา ~ 6.4 km.
- รร.โชคชัย หทัยราษฎร์ ~ 11.8 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- มีการวางพื้นที่สวนเป็นแนวยาวขนานไปกับถนนหลัก จึงทำให้เวลาขับรถเข้า-ออก เราจะได้สัมผัสกับความร่มรื่นและสดชื่นได้ตลอดเวลา
- มีซุ้มประตู 2 ชั้น (Double Gate) ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยให้กับการอยู่อาศัย
- ผังโครงการไม่ได้มีการแบ่งเป็นซอยแยกย่อยมากนัก จึงสามารถขับรถวนภายในได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลากลับรถ
- บ้านในเฟสใหม่ที่อยู่ด้านในจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะไม่ค่อยมีเพื่อนบ้านผ่านไป-มาเยอะเหมือนทางโซนด้านหน้า
บ้านเฟสใหม่ และแบบบ้านใหม่ :
..“คาซ่า วิลล์ วงแหวน – จตุโชติ” เป็นโครงการที่เปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อ 3 – 4 ปีก่อน ซึ่งก็ได้ปิดการขายบ้านเฟส 1 ไปสักพักแล้วล่ะครับ และได้ทิ้งช่วงมาประมาณ 1 – 2 ปีก็ได้ฤกษ์กลับมาเปิดขายบ้านในเฟสที่ 2 กันอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการสร้างใหม่สดๆร้อนๆ ไม่ได้นำบ้านเก่ามาขายแต่อย่างใดนะ
โดยในช่วงที่เค้าหยุดการขายไปนี้ ก็จะเป็นช่วงที่มีการเก็บข้อมูลและสอบถามจากลูกบ้านในเฟสแรก ว่ามีความชอบหรืออยากให้ปรับปรุงแก้ไขบ้านนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งทางโครงการก็จะนำมาพัฒนาโปรดักส์ใหม่ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น จึงได้ออกมาเป็นแบบบ้านใหม่ที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้นั่นเอง
Master Plan โครงการจะมีลักษณะเป็นผืนผ้าแนวยาว โดยโซนด้านหน้าจะเป็นเฟสแรกที่ปิดการขาย และมีลูกบ้านเข้าอยู่เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนโซนด้านในจะเป็นเฟสที่ 2 ซึ่งจะเป็นแบบบ้านใหม่ทั้งหมดเลย สิ่งที่โดดเด่นอย่างแรกเลยก็คือ ทางเข้าแบบ Double Gate เพราะถัดจากซุ้มประตูแรกเข้ามาหน่อยจะมีถนนภาระจำยอมตัดผ่าน ดังนั้นทางโครงการจึงได้ทำประตูแยกอีกชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว และมีความปลอดภัยในการอยู่อาศัยของลูกบ้านมากขึ้น
เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับ “พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่” ที่ทอดยาวขนานไปกับถนนหลัก จึงทำให้เวลาที่ขับรถเข้า-ออกโครงการก็จะได้มองเห็น และสัมผัสกับความร่มรื่นได้ตลอดเวลา แถมถนนก็กว้างขวางขับสบายมากๆครับ โดยถนนภายในจะไม่ได้มีการแบ่งเป็นซอยแยกย่อยมากนัก ดังนั้นเวลามีแขกมาเยี่ยมหาก็อาจต้องหาจุดสังเกตอย่างอื่นแทนชื่อซอยสักหน่อยนะ
และถึงแม้ว่าบ้านในเฟสใหม่จะไม่ได้อยู่ใกล้พื้นที่ส่วนกลาง แต่ก็จะค่อนข้างได้ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวเข้ามาแทน เพราะไม่ค่อยมีเพื่อนบ้านผ่านไป-มาเยอะเหมือนทางด้านหน้า และด้วยลักษณะที่ดินโครงการที่มีการป้านออกกว้างมากกว่าโซนด้านหน้า จึงทำให้ถนนหลักสามารถทำฟุตบาทสีเขียวหน้าบ้านเพิ่มขึ้นได้อีกด้วยครับ จึงทำให้บ้านบริเวณนี้มีบรรยากาศที่ดีและสวยงามมากกว่าโซนปกตินั่นเอง
บรรยากาศซุ้มประตูด้านหน้าโครงการ จะเป็นสไตล์โมเดิร์นที่มีหลังคาคลุม และแบ่งทางเข้า-ออกชัดเจน โดยจะใช้เป็นประตูเหล็กรางเลื่อนที่มีความแข็งแรงและปลอดภัย
นอกจากนี้ยังแบ่งเป็นทางเข้าของลูกบ้านทางซ้ายมือ ซึ่งจะต้องใช้สัญญาณ Bluetooth ในการเข้า-ออก และทางขวาก็จะเป็นช่องสำหรับ Visitor ที่จะต้องแลกบัตรกับยามก่อนตามปกติครับ
เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับสะพานข้ามคลองเล็กๆ และบ้านในเฟสแรกด้านหน้าสุด ซึ่งจะอยู่แยกออกมาเป็นส่วนตัวเพียงไม่กี่ยูนิต
ถัดเข้ามาอีกนิดเราจะเจอกับประตู Gate 2 ซึ่งจะกั้นอยู่ระหว่างถนนภาระจำยอมที่ตัดผ่านที่ดินโครงการ โดยบริเวณนี้ก็จะต้องใช้ Bluetooth ในการเปิดประตู หรือถ้าเป็น Visitor พี่ยามก็จะมองเห็นและคอยเปิดให้เพื่อความปลอดภัยครับ
(ปล. ตอนแรกที่มีการทำถนนภาระจำยอมนี้ มีการคาดการว่าชาวบ้านที่อยู่ในซอยทางซ้ายและขวา อาจใช้สัญจรผ่านไป-มาด้วยครับ แต่ปัจจุบันเจ้าของที่ดินข้างๆทางขวามือ เค้าปิดไม่ได้ให้สัญจรผ่านได้แล้ว ดังนั้นจึงกลายเป็นซอยตันที่ปกติก็จะไม่ได้มีใครขับผ่านมาอยู่แล้วนั้นเอง)
เมื่อผ่านซุ้มประตูที่ 2 เข้ามาก็จะเจอกับถนน Main ซึ่งทางซ้ายมือก็จะเป็นพื้นที่สวนแนวยาวลึกเข้าไปด้านใน จึงทำให้เวลาขับรถผ่านก็จะได้มองเห็นพื้นที่สีเขียวสดชื่นๆได้ตลอดเวลา และด้วยอายุโครงการที่ได้ปลูกต้นไม้มานานกว่า 3 – 4 ปีแล้ว ต้นไม้จึงเติบโตเต็มที่พอสมควร และได้บรรยากาศที่ร่มรื่นดีทีเดียวครับ
สำหรับพื้นที่สวนจะมีขนาด 2-3-74.7 ไร่ โดยจะปลูกต้นไม้พร้อมพื้นที่นั่งเล่นกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ รวมถึงยังมี Jogging Track ให้วิ่งออกกำลังกาย และมีเครื่องเล่นเด็กให้พาลูกๆหลานๆมาเล่นกับเพื่อนๆได้ด้วยครับ
ถัดเข้ามาเราจะเจอกับอาคาร Clubhouse ซึ่งจะเป็นอาคารชั้นเดียว แต่มีการยกระดับพื้นให้สูงขึ้นไป จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานมากขึ้น
ปล. ในวันที่ผมเข้ามาถ่ายรีวิวนี้ทางโครงการกำลัง Renovate ทั้งพื้นที่สวนและตัวอาคาร Clubhouse ใหม่อยู่นะครับ ดังนั้นหากใครที่ได้เข้าไปชมหลังจากนี้ก็อาจได้เห็นส่วนกลางที่อยู่ในสภาพดีและสวยงามมากขึ้น (หรือถ้าผมได้ภาพถ่ายใหม่มาจากทางโครงการ ก็จะรีบมาอัพเดตให้นะครับ)
ภายในอาคารจะเป็นเหมือน Lobby และพื้นที่ Co-Working ให้เราได้มานั่งเล่นพักผ่อน และยังมานั่งทำงานอ่านหนังสือในห้องแอร์เย็นๆได้อีกด้วย โดยจุดเด่นก็คือผนังกระจกขนาดใหญ่ ที่เราสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำภายนอกได้ทั้งหมดเลยนั่นเองครับ
ส่วนทางด้านหลังอาคารก็จะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้ใช้งาน ซึ่งด้านในก็จะมีทั้งโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำให้ใช้งานครบ
ถัดมาทางด้านขวามือของสระว่ายน้ำ จะเป็นทางเข้าห้อง Fitness และยังมีตู้ล็อคเกอร์ให้นำของมาฝากไว้ตอนไปออกกำลังกายได้อีกด้วย
ภายในห้อง Fitness จะเป็นห้องกระจกขนาดใหญ่ที่สามารถออกกำลังกายไป และชมวิวสระว่ายน้ำภายนอกไปด้วยได้ โดยเครื่องออกกำลังกายที่เตรียมไว้ให้ก็ค่อนข้างครบครันเลยทีเดียว
ถัดมาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นริมสระ และยังมีจุดให้ล้างตัวก่อนลงสระด้วยครับ
บริเวณปลายสระจะเป็น Kids Pool ขนาด 10 x 4 m. ให้เด็กๆมาสามารถมาว่ายน้ำเล่นกันได้ โดยจะอยู่ใกล้กับ Day Bed เพื่อที่ผู้ปกครองจะได้คอยดูแลอย่างใกล้ชิดได้ตลอดเวลานั่นเอง
ส่วนสระว่ายน้ำหลักจะมีขนาด 10 x 25 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง โดยจะเป็นสระแบบกลางแจ้งที่แนะนำให้มาใช้งานตอนแดดร่มๆหน่อยจะดีครับ
แต่ที่ชอบก็คือ บริเวณด้านข้างจะมีการปลูกแนวต้นไม้ เพื่อช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้มาใช้งานได้เป็นอย่างดีเลยนั่นเอง
สุดท้ายคือภาพบรรยากาศของโซนที่อยู่อาศัย โดยภาพแรกจะเป็นบ้านที่อยู่ตรงถนน Main ด้านในสุด ซึ่งอย่างที่บอกว่าจะมีฟุตบาทสีเขียวอยู่หน้าบ้านด้วย ทำให้มีบรรยากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียว ส่วนภาพที่ 2 จะเป็นบ้านที่อยู่ในซอยปกติที่แยกออกมาครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Lobby & Co-Working Space
- Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 10 x 25 m.
- แบ่งเป็นสระเด็ก ขนาด 10 x 4 m.
- Fitness
- Playground
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด รวมประมาณ 2-3-74.7 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- Key Card Access ระยะไกลด้วยระบบ Bluetooth
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ เลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน 2 ชั้น (Double Gate)
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor บริเวณชั้น 1 ทุกหลัง
แบบบ้าน
Highlights :
- พื้นที่ใช้สอยมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง โดยเฉพาะ Common Area ชั้น 1 และห้องนอนใหญ่ที่อยู่บนชั้น 2
- บ้านทุกแบบสามารถจอดรถได้ 3 คัน
- ฟังก์ชันมีความยืดหยุ่น สามารถทุบผนังเพื่อเชื่อมต่อห้องนอนชั้นบนให้กลายเป็น Master Bedroom หรือจะกั้นผนังตรงพื้นที่อเนกประสงค์เพื่อเพิ่มฟังก์ชันอีกห้องก็ได้
- ช่องแสงมีขนาดใหญ่ และได้ฝ้าเพดานสูง จึงทำให้ภายในบ้านมีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่ง และดูกว้างขวางดีมากๆ
โครงการ “คาซ่า วิลล์ วงแหวน – จตุโชติ” มีแบบบ้านทั้งหมด 4 Type ซึ่งจะเป็นแบบบ้านที่ได้มีการปรับปรุงพัฒนามาจากเฟส 1 เมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ โดยหลักๆก็จะเป็นเรื่องพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ตัวห้องนอนมีขนานที่กว้างขวางและใหญ่มากขึ้น รวมถึงยังปรับปรุงชานพักบันไดให้ใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้นด้วยครับ โดยแบบบ้านจะประกอบด้วย
- AVA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ - AILEEN บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 184 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + มุมนั่งทำงานอเนกประสงค์ - AMELIA (EX) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 219 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + พื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบน - ARISTA (EX) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 71 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 258 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + พื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบน และห้องแม่บ้าน
นอกจากนี้ยังมีการใช้โครงสร้างแบบก่ออิฐมวลเบา ซึ่งจะมีความแข็งแรงและสามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่ายมาก เหมาะกับแบบบ้านที่มีฟังก์ชันยืนหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามต้องการครับ
- AILEEN บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 184 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + มุมนั่งทำงานอเนกประสงค์
จุดเด่นของบ้านหลังนี้อย่างแรกก็คือ พื้นที่จอดรถที่ได้ถึง 3 คัน และมีพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่มากๆครับ ซึ่งจะเห็นว่ามีพื้นที่ให้เราสามารถจัดสรรหรือปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระเลย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ด้านหน้าที่สามารถกั้นห้องเป็นสัดส่วน หรือจะทำเป็น Pantry ไว้เตรียมอาหารเพิ่มเติมก็ได้ และบางคนอาจมีไอเดียในการทำเป็นมุมนั่งทำงานเล็กๆได้ด้วยเช่นกัน
ส่วนครัวปิดก็จะอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วน สามารถทำอาหารจริงจังได้ และยังมีประตูทางเข้าที่ 2 ซึ่งเราสามารถขนของจากรถเข้ามาเก็บในครัวได้สะดวก หรือสามารถขึ้น-ลงชั้น 2 ได้โดยไม่ต้องเดินผ่าน Living Area ให้เสียเวลานั่นเอง
ชั้นที่ 2 Highlight คือห้อง Master Bedroom ที่ได้มีการขยายพื้นที่ใช้สอยให้ใหญ่ และกว้างมากขึ้นจากแบบเดิม โดยจะมีขนาดเท่ากับ Common Area ชั้นล่างเลยทีเดียวครับ ทำให้เราสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเป็นสัดส่วน แถมยังมีห้องน้ำให้ใช้งานในตัวด้วย ส่วนห้องนอนเล็กทั้ง 2 จะต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกัน แต่ก็ทำให้เราได้ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ทุกห้องเลยนั่นเอง หรือหากใครมีลูกคนเดียวก็สามารถทุบผนัง เชื่อมต่อให้กลายเป็น Master Bedroom อีกห้องไปเลยก็ได้ครับ
เริ่มกันที่บริเวณพื้นที่จอดรถ จะแบ่งออกเป็นที่จอดรถในร่มกว้าง 4.8 m. และที่จอดรถกลางแจ้งด้านข้างกว้าง 2.2 m. ซึ่งเป็นระยะที่จอดรถได้แบบพอดีๆ โดยที่เราอาจต่อเติมหลังคายื่นออกมา เพื่อช่วงบังแดดบังฝนเพิ่มเติมเองได้นะครับ
โครงสร้างพื้นจะเป็น Slab on Ground ซึ่งจะมีการตัด Joint แยกจากพื้นตรงแนวเสาใต้ชายคาบ้าน เพื่อที่เวลาพื้นดินเกิดการทรุดตัวในอนาคต ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของบ้านนั่นเอง โดยจะปูเป็นพื้นคอนกรีตธรรมดา หรือเราอาจปูเป็นวัสดุอื่นๆเพื่อความสวยงามตามต้องการเลยก็ได้ครับ
นอกจากนี้บริเวณหน้าบ้านก็จะมีช่องทิ้งขยะที่เปิดได้สะดวกทั้ง 2 ด้าน และมีตู้จดหมายที่ซ่อนอยู่ด้านหลังป้ายเลขที่บ้านแบบเนียนๆมาให้ด้วยครับ ซึ่งเราอาจหาป้ายมาติดเพิ่มเติม เพื่อให้คนส่งไปรษณีย์สังเกตได้ง่ายขึ้นอีกหน่อยก็ได้นะ
ทางเข้าบ้านจะมีอยู่ 2 ทางหลักๆ คือประตูบานเล็กที่เข้าได้จากพื้นที่จอดรถโดยตรง และประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่เข้าได้จากทางด้านหน้าบ้านครับ
อีกทั้งตรงผนังก็ยังมีช่องเก็บของเล็กๆที่มีหน้าบานปิดเรียบร้อยมาให้ใช้งานด้วย สามารถเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดรถและทำสวนได้นะครับ
เพิ่มเติมสำหรับประตูกระจกหน้าบ้าน จะมีการทำทางเดินเชื่อมต่อมาให้ใช้งานเรียบร้อย โดยบริเวณนี้ก็จะอยู่ใต้ชายคาพอดี เพียงแต่หลังคาบ้านอาจไม่ได้ยื่นออกมาเยอะมากนัก
จึงทำให้มีความกว้างประมาณครึ่งนึงของทางเดินเท่านั้น ดังนั้นเวลาช่วงเที่ยงวันหรือตอนฝนตกก็อาจไม่สามารถบังแดดบังฝนได้เต็มที่มากนักนะครับ
ประตูหน้าต่างของบ้านจะเป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำ พร้อมกระจกเขียวตัดแสง โดยบริเวณชั้น 1 ของบ้านก็จะมีการติด Magnetic sensor มาให้ทุกจุดเพื่อความปลอดภัยด้วยครับ
เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ซึ่งผนังโดยรอบจะเป็นช่องแสงที่ทำให้ภายในบ้านสว่างโปร่งโล่ง และยังสามารถมองเชื่อมต่อกับสวนที่อยู่ข้างบ้านได้อีกด้วย ส่วนพื้นบ้านจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ และได้ฝ้าสูง 2.5 m. เป็นมาตรฐาน
โดยพื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Living Area ซึ่งมีระยะดูทีวีกว้าง 3.6 m. สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆ 50 – 60 นิ้วได้สบายๆเลยครับ อีกทั้งยังมีพื้นที่มากพอที่จะใช้ชุดโซฟาขนาดใหญ่ ให้ได้นั่งร่วมกันได้หลายๆคนอีกด้วย
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ และมีเสากลางบ้านอยู่ 1 ต้นนะครับ ซึ่งหากวัดความกว้างกันจริงๆแล้ว Common Area จะมีขนาดใหญ่ถึง 6.5 m. กันเลยทีเดียว
ดังนั้นทางโครงการจึงกั้นฟังก์ชันมาให้ดูเป็นไอเดีย เพื่อทำให้เกิดพื้นที่ใช้สอยที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นแบบนี้ อีกทั้งยังช่วยทำให้ระยะดูทีวีไม่กว้างเกินไปอีกด้วย
บริเวณนี้ก็จะเหมาะกับการทำเป็นพื้นที่นั่งทำงานอยู่บ้าน หรืออาจเป็นห้องดูหนังเล่นเกมส์ และกั้นทำเป็นห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุก็ได้นะครับ โดยภายในมีขนาด 2.85 x 2.7 m. ซึ่งวิธีการกั้นห้องก็จะมีอยู่ 2 แบบหลักๆคือ
- กั้นฟังก์ชันแบบชั่วคราว : โดยการใช้ฉากกั้นหรือเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมากั้นไว้บางส่วน วิธีนี้จะมีความยืนหยุ่นสูง เพราะอนาคตเรายังสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย อีกทั้งยังคงได้ความโปร่งโล่งของพื้นที่ได้ดีอีกด้วย
- กั้นฟังก์ชันแบบจริงจัง : โดยการใช้ผนังเบา/ผนังทึบ หรือผนังกระจก วิธีนี้จะทำให้เกิดฟังก์ชันที่เป็นส่วนตัวสูง ซึ่งจะมีความยุ่งยากในการทำและปรับเปลี่ยนในภายหลังมากกว่าแบบแรกพอสมควร แต่ถ้าคิดว่าต้องการฟังก์ชันแบบจริงจังและถาวรก็ลุยได้เลยครับ
สำหรับโซนด้านหลังบ้านก็จะเหมาะกับการวางโต๊ะทานอาหาร โดยเราสามารถใช้โต๊ะใหญ่ๆ 6 – 8 ที่นั่งได้สบายๆ ซึ่งหากเรามีการจัดสวนข้างบ้านสวยๆ ก็จะสามารถมองผ่านช่องแสงหรือจะเปิดประตูด้านข้างเพื่อออกไปเดินชมสวนได้อีกด้วย
ถัดเข้ามาบริเวณกลางบ้านจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์อีกจุดหนึ่ง ซึ่งบ้านตัวอย่างจัดมาให้ดูเป็น Pantry สำหรับเตรียมอาหาร หรือเราอาจทำเป็นมุมนั่งเล่น/นั่งทำงานเล็กๆก็ได้นะครับ เพราะของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆให้มาตกแต่งด้วยตัวเอง
โดยหากเป็นฟังก์ชัน Pantry แบบนี้ก็เหมาะจะกลายเป็นมุมจิบกาแฟ หรือทานอาหารเช้าก่อนออกไปทำงานมากๆ แบบว่าพอเราเดินลงมาจากบันไดก็แวะทานอะไรเสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยเปิดประตูขึ้นรถขับออกไปทำงานได้เลยนั่นเอง
โถงทางเดินจะเชื่อมต่อมายังฟังก์ชันใช้งานอีกด้านหนึ่งของบ้าน สิ่งที่ผมชอบมากๆก็คือ ประตูของพื้นที่จอดรถและห้องครัว ซึ่งมีการทำเป็นช่องแสงด้านบนเพื่อให้มีแสงสว่างส่องผ่านเข้ามา และทำให้โถงกลางบ้านไม่มืดทึบเลยนั่นเอง
อีกทั้งยังทำให้เราไม่ต้องเปิดประตูชนกัน ช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยครับ แต่ทั้งนี้ก็อาจแลกมากับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงนิดหน่อย เพราะภายนอกก็อาจมองเข้ามาเห็นได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเราอาจหามู่ลี่หรือม่านมาติดช่วยพรางสายตาด้วยก็ได้นะ
ขวามือเป็นห้องน้ำที่มีฟังก์ชัน Shower เผื่อไว้รองรับการทำห้องนอนชั้นล่างเพิ่มเอาไว้แล้วด้วย ภายในมีขนาดกว้าง 1.35 x 1.8 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก American Standard และมีช่องหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้ด้วยครับ
ต่อมาจะเป็นห้องครัวที่ทำอาหารได้อย่างจริงจัง เพราะเราสามารถเปิดประตูและหน้าต่างทั้ง 2 ด้านเพื่อระบายอากาศได้เต็มที่เลย
ซึ่งบ้านของจริงก็จะก่อเคาน์เตอร์ครัวมาให้แบบนี้ครับ (ให้ทุกหลังยกเว้นหลังเล็กสุดจะเป็นห้องเปล่า) Top เคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีดำ พร้อมอ่างล้างจานขนาดใหญ่ โดยเราอาจติดหน้าบานที่ช่องด้านล่าง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยเพิ่มได้นะครับ
พื้นที่ใช้สอยกว้าง 1.95 x 3.2 m. สามารถใช้งานได้สะดวก และยังมีมุมที่ไว้วางตู้เย็นได้อีกด้วย ส่วนประตูหลังบ้านนี้ก็จะเปิดออกไปยังลานซักล้างได้นะครับ
พื้นที่ลานซักล้างจะเป็นพื้นปูนแบบ Slab on Ground แยกโครงสร้างออกจากตัวบ้านมาเช่นเดิม แต่จุดที่น่าสนใจจริงๆก็คือ เค้าจะมีการทำช่องสำหรับถังแก๊สเพิ่มมาให้ด้วย
ซึ่งจะช่วยในเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” เวลาที่คนมาส่งแก๊สก็ไม่จำเป็นต้องผ่านเข้าไปในบ้าน รวมถึงช่วยเรื่อง “ความปลอดภัย” อย่างเวลาที่เกิดอุบัติเหตุเช่นถังแก๊สระเบิด ก็จะมีผนังทึบช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในบ้านได้นั่นเอง
บันไดจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้มีความแข็งแรงและเดินขึ้น-ลงก็ไม่เกิดเสียงดังรบกวน มีความกว้าง 1 m. เป็นมาตรฐาน และปิดผิวด้วยไม้ยางพารา
โดยบ้านในเฟสใหม่ของจริงจะมีการปรับชานพักบันได ให้เป็นพื้นสี่เหลี่ยมแบบเต็มๆ ไม่ได้เป็นขั้นสามเหลี่ยมแบบบ้านหลังนี้แล้วนะครับ ซึ่งก็จะทำให้การใช้งานสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นนั่นเอง
ชั้นบนเป็นโถงบันไดที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มาก เพราะเค้าจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยในห้องนอนมากกว่า โดยฝ้าเพดานชั้นบนจะสูงขึ้นเป็น 2.9 m. และใช้วัสดุปูพื้นเป็นไม้ลามิเนตครับ
เริ่มกันที่ห้องแรกด้านซ้ายมือ จะเป็นห้องนอนเล็กสุดของบ้าน ขนาดกว้าง 3 x 4 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ และจุดเด่นของห้องนอนที่อยู่ด้านหน้าบ้านแบบนี้ก็คือ เราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่เป็นพิเศษนั่นเองครับ จึงทำให้มีบรรยากาศสว่างโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ
ติดกันจะเป็นห้องนอน 2 ที่อยู่ทางโซนด้านหลังบ้าน ภายในมีขนาด 2.9 x 5 m. ซึ่งใหญ่กว่าห้องนอนด้านหน้าพอสมควร จึงเหมาะที่จะเป็นห้องของลูกคนแรกก็ได้ครับ เพราะมีพื้นที่ให้จัดเป็นทั้งมุมนั่งทำงาน และชั้นวางทีวีแบบจริงจังเพิ่มเติมได้สบายๆ
หรือหากใครมีลูกแค่คนเดียว ก็อาจทุบผนังเพื่อเชื่อมต่อห้องนอนทั้ง 2 ให้กลายเป็น Master Bedroom อีกห้องไปเลยก็ได้ ซึ่งจะทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และไม่ต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกับใครเลยนั่นเอง
ตรงกลางบ้านจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นอาบน้ำที่เป็นวัสดุอะครีลิคแบบใส ซึ่งจะคอยกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาเปียกด้านนอกได้ดี
โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.45 x 1.45 m. และพื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.45 x 0.75 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก American Standard ครบเช่นเดิม เพิ่มเติมคือจะมี Junction สำหรับต่อเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ด้วยครับ
แต่จุดที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือ ผนังที่กรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนแบบนี้ ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและทำให้ห้องน้ำดูหรูหรามากขึ้นดีทีเดียว
สุดท้ายคือห้อง Master Bedroom ที่ภายในมีขนาดใหญ่มาก (เท่ากับ Common Area ที่อยู่ชั้นล่างเลย) อีกทั้งยังมีช่องแสงที่ใหญ่และฝ้าเพดานที่สูงถึง 2.9 m. จึงทำให้ห้องนี้ดูกว้างขวางและโปร่งโล่งมากเป็นพิเศษเลยทีเดียว
โดยหากวัดโซนหน้าบ้านก็จะกว้างถึง 6.5 m. ซึ่งเราสามารถแบ่งพื้นที่เป็นเตียงนอน และพื้นที่โซฟานั่งเล่นแบบบ้านตัวอย่างนี้ได้เลยครับ แถมยังสามารถใช้เป็นทีวีจอใหญ่ๆ เพื่อนอนดูบนเตียงสบายๆได้อีกด้วยนะ
อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ ให้เราสามารถทำเป็น Walk-in Closet แบบจริงจังได้อีกด้วย ส่วนห้องน้ำจะอยู่แยกออกไปทางด้านหน้าห้องครับ
ภายในห้องน้ำจะมีฟังก์ชันเหมือนกับห้องด้านนอกก่อนหน้านี้เลย เพียงแต่จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และเราจะได้อ่างล้างหน้าที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงได้โถสุขภัณฑ์แบบเพิ่มแรงดันน้ำมาให้ด้วยครับ (จะมีให้ในห้อง Master Bedroom ทุกแบบเลย)
- AMELIA (EX) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 219 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + พื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบน
หลังนี้เป็นบ้านขนาดเกือบใหญ่สุดของโครงการ จุดเด่นคือมีการเพิ่มห้องนอนชั้นล่างเข้ามา ซึ่งเหมาะกับครอบครัวที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยนั่นเองครับ หรือเราอาจปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ตามต้องการ
ส่วนชั้น 2 จะมีพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่กลางบ้าน ซึ่งเราก็สามารถทำเป็น Family Area แบบส่วนตัวของสมาชิกในบ้านได้ หรือจะกั้นทำเป็นห้องพระ/ห้องทำงานก็ได้นะครับ นอกนั้นฟังก์ชันอื่นๆก็จะคล้ายกับบ้านหลังก่อนหน้านี้เลย
ประกอบด้วยห้องนอนเล็ก 2 ห้องที่ต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกัน หรือหากใครมีลูกคนเดียวก็อาจทุบผนัง และเชื่อมต่อเป็น Master Bedroom อีกห้องไปเลยก็ได้ ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัว ซึ่งห้องน้ำนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง Highlight ที่น่าสนใจมากๆ เพราะเค้าจะมีระเบียงส่วนตัวให้ใช้งานด้วยนั่นเอง
รอบนี้ผมพามาชมบ้านมาตรฐานกันนะครับ ซึ่งเราจะได้เห็นประตูรั้วที่ทางโครงการติดตั้งมาให้ด้วย โดยจะเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนแบบ 2 ตอนที่ใช้งานได้ง่าย มาพร้อมกับ Junction ที่เราสามารถติดตั้งประตูอัตโนมัติในภายหลังเพิ่มได้เองหากต้องการ
พื้นที่จอดรถกว้าง 7.65 m. ซึ่งจะเป็นการจอดรถในร่มได้ 3 คันสบายๆ โดยจะปูเป็นพื้นคอนกรีต และตัด Joint แยกโครงสร้างออกจากตัวบ้านมาให้เช่นเดิมครับ
ด้านหน้าบ้านจะมีเฉลียงมาให้ พร้อมเชื่อมต่อไปยังสวนที่อยู่ข้างบ้าน ซึ่งขนาดก็จะมีความกว้างไม่เท่ากันแล้วแต่ตำแหน่งของแปลงที่ดิน (ขนาดมาตรฐานจะเริ่มต้นที่ 2 m.)
โดยทางโครงการจะจัดสวนมาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้เลยครับ ประกอบด้วยการปูหญ้ารอบบ้าน มีแนวต้นโมกให้ที่รั้วด้านหน้า และปลูกไม้ยืนต้นขนาดกลางให้อีก 1 ต้น
เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ซึ่งจุดเด่นก็คือ “ช่องแสง” ที่มีมาให้ถึง 3 ด้าน พร้อมกับประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดเชื่อมต่อไปยังสวนข้างบ้านได้ด้วย โดยพื้นจะปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้และได้ฝ้าสูง 2.6 m. เป็นมาตรฐาน
พาแวะมาชมบ้านตัวอย่างที่สำนักงานขายกันสักหน่อย ซึ่งบริเวณชั้นแรกจะมีการจัดพื้นที่มาให้ดูบรรยากาศกันด้วย โดยด้านหน้าสุดก็จะเป็น Living Area ที่มีระยะดูทีวีกว้าง 5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 50 – 60 นิ้วได้เลย ส่วนทางด้านในก็เหมาะจะเป็นโซนทานอาหารครับ
อีกด้านหนึ่งของบ้านจะมีโถงทางเดินแยกออกไปเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังมีประตูที่เปิดเชื่อมต่อไปยังพื้นที่จอดรถโดยตรงได้อีกด้วย ทำให้เราสามารถขนของเข้ามาเก็บในครัวได้สะดวก หรือสามารถขึ้น-ลงชั้น 2 ของบ้านได้แบบไม่ต้องผ่าน Living Area ให้เสียเวลานั่นเอง
ห้องน้ำชั้นล่างมีฟังก์ชันอาบน้ำแยกมาให้เป็นสัดส่วน แต่เราอาจต้องติดฉากกั้นหรือม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองนะครับ ส่วนสุขภัณฑ์ก็จะเป็นของ American Standard ครบเช่นเดิม
ติดกันจะเป็นห้องครัวที่มีการใช้ประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อความโปร่งโล่ง ภายในมีขนาด 1.8 x 2.6 m. สามารถใช้งานได้สะดวก และมีการก่อเคาน์เตอร์ครัวมาให้เหมือนเดิม
ส่วนห้องข้างๆจะเป็นห้องนอนชั้นล่างที่มีขนาด 3 x 4 m. กว้างพอที่จะวางเตียง 5 ฟุต และทำเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุที่เดินขึ้นชั้น 2 ไม่ค่อยสะดวกได้สบายๆ
หรือเราอาจทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ เช่น ห้องทำงาน หรือห้องดูหนังเล่นเกมส์ก็ได้นะครับ โดยจุดที่ชอบก็คือมีช่องหน้าต่าง 2 ฝั่ง ที่เราสามารถเปิดให้ลมพัดผ่านได้ดีมากๆเลยนั่นเอง
บันไดที่อยู่กลางบ้านจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่จะมีการเพิ่มราวจับให้ตลอดทางเพื่อความปลอดภัย รวมถึงยังมีดีไซน์ขยายพื้นที่บันไดด้านข้างเพิ่มอีก 45 cm.
ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์ในการวางของตกแต่ง หรือจะทำเป็นมุมนั่งเล่นเก๋ๆตรงขั้นบันได แบบที่เรามักจะเห็นกันตามคาเฟ่หรือ Co-Working Space บ่อยๆได้นั่นเองครับ
ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งมีขนาดกว้าง 2.6 x 2.8 m. โดยกรณีที่ชั้นล่างมีแขกอยู่เราก็สามารถทำเป็น Family Area สำหรับนั่งเล่นเป็นส่วนตัวของคนในบ้านได้เลย
หรืออาจกั้นผนังทำเป็นห้องส่วนตัวเพิ่มก็ยังได้นะครับ เช่น ห้องพระ หรือห้องทำงาน เป็นต้น ซึ่งก็แนะนำให้ใช้เป็นผนังกระจกเพื่อความสว่างโปร่งโล่งของพื้นที่ชั้นบนครับ โดยพื้นจะเป็นไม้ลามิเนต และได้ฝ้าสูง 2.7 m. เป็นมาตรฐาน
สำหรับห้อง Master Bedroom จะอยู่ทางขวามือ ภายในกว้าง 5 x 4.55 m. และมีจุดเด่นก็คือ ช่องแสงที่สูงจากพื้นเกือบถึงฝ้าเลยทีเดียว แถมบริเวณด้านหลังก็ยังมีพื้นที่ให้จัดเป็น Walk-in Closet หน้าห้องน้ำได้อีกด้วย
ภายในห้องน้ำถือเป็นอีกหนึ่ง Highlight ของชั้น 2 นี้เลยก็ว่าได้ เพราะจะมีระเบียงในตัวที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อความสว่างโปร่งโล่ง แต่ก็จะไม่ได้เสียความเป็นส่วนตัว เพราะด้านนอกจะมีการก่อผนังทึบมาบังสายตาเอาไว้อีกทีครับ
สำหรับพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.6 x 1.8 m. มีการกั้นโซนแยกจากพื้นที่ยืนอาบน้ำด้วยฉากกั้นกระจกแบบครึ่งบานเหมือนโรงแรม ภายในมีขนาด 1.8 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ
ส่วนระเบียงภายนอกจะกว้าง 2.5 x 0.8 m. สามารถออกไปใช้งานได้นะครับ ซึ่งเราอาจทำเป็นจุดตากผ้า หรือจะจัดเป็นพื้นที่สีเขียวสวยๆ เอาไว้ชมวิวตอนมาใช้งานห้องน้ำนี้ก็ไม่เลว
ถัดมาจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ทางโซนหน้าบ้าน ภายในมีขนาด 3.9 x 3.75 m. สามารถใช้เตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ มาพร้อมกับช่องแสงด้านหน้าขนาดใหญ่เช่นเดิม เหมาะที่จะเป็นห้องนอนลูกคนโตครับ
สุดท้ายคือห้องนอนเล็กที่อยู่โซนหลังบ้าน ภายในมีขนาด 3.3 x 3.7 m. เล็กกว่าห้องเมื่อครู่แค่นิดเดียวเท่านั้น สามารถทำเป็นห้องนอนของลูกคนที่ 2 ได้สบายๆเช่นกันครับ
หรือหากใครที่มีลูกแค่คนเดียว ก็สามารถทุบผนังตรงกลางออก เพื่อเชื่อมต่อห้องนอนเล็กทั้ง 2 ให้กลายเป็น Master Bedroom อีกห้องไปเลยก็ได้ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นข้อดีของบ้านที่มีโครงสร้างแบบก่ออิฐมวลเบา ที่มีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามต้องการแบบนี้นั่นเอง
ส่วนห้องน้ำจะอยู่ทางด้านนอก และใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และเราอาจต้องติดฉากกั้นหรือติดม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองนะครับ
- AVA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
บ้านหลังนี้จะเป็น Type เล็กสุดของโครงการ ซึ่งจะมีการปรับมาจากแบบเก่าของเฟสแรกตรงที่ ห้องน้ำชั้นล่างจะถูกย้ายไปอยู่โซนด้านหลัง พร้อมเพิ่มประตูที่สามารถเข้า-ออกได้จากพื้นที่จอดรถได้สะดวกอีกทางหนึ่งด้วย จึงทำให้การสัญจรภายในบ้านมีการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น
และถึงแม้ว่าจะเป็นหลังเล็กที่สุด แต่ก็ยังสามารถจอดรถได้ถึง 3 คันไม่ต่างจากหลังใหญ่ ส่วนบนชั้น 2 ก็จะมีฟังก์ชันที่เหมือนกับหลังอื่นๆ และแน่นอนว่ายังคงมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง สามารถใช้เตียง 5 – 6 ฟุตได้ทุกห้องเลยทีเดียว โดยบ้านหลังนี้จะมีบ้านตัวอย่างให้ชมกันด้วย บรรยากาศจะเป็นอย่างไรสามารถคลิกดูได้ใน Gallery ด้านล่างนี้เลยครับ
- ARISTA (EX) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 71 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 258 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + พื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบน และห้องแม่บ้าน
สำหรับหลังนี้จะเป็น Type ใหญ่ที่สุดของโครงการ โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ห้องนอนชั้นล่างจะมีห้องน้ำให้ใช้งานแบบส่วนตัวด้านใน ทำให้เหมาะกับใช้เป็นห้องนอนของผู้สูงอายุที่สะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงยังมี “ห้องแม่บ้าน” เพิ่มเข้ามาอยู่ด้านนอกบ้านด้วย แต่ด้วยตำแหน่งฟังก์ชันของตัวห้องพักที่ไม่ได้อยู่ใกล้กับห้องน้ำ จึงอาจทำให้การใช้งานไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่นักนะครับ ซึ่งจริงๆก็อาจใช้เป็นห้องเก็บของไปก็ได้นะ
ส่วนห้องชั้น 2 เราจะมีห้องน้ำเป็นส่วนตัวทุกห้องเลยครับ แถมยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางให้ใช้งานร่วมกันได้ด้วย ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ โดยเฉพาะคนที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยยิ่งเหมาะเลย รวมถึงเป็นครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนในห้องนอนมากๆนั่นเอง
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
Casa Ville วงแหวน – จตุโชติ ราคา ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2566
- AVA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 6.1 ล้านบาท (Promotion) - AILEEN บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 184 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + มุมนั่งทำงานอเนกประสงค์
– ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท (Promotion) - AMELIA (EX) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 219 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + พื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบน
– ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท (Promotion) - ARISTA (EX) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 71 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 258 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ + พื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบน และห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท (Promotion) - ค่าจอง 50,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 0 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 80,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- Promotion (ภายใน 31 ก.ค. 66) : แถมปั๊มน้ำ+แทงค์น้ำ / ส่วนลดเงินสด / ฟรีค่าส่วนกลางล่วงหน้า 2 ปี / ฟรีค่าโอน / ฟรีจัดสวนตามมาตรฐานโครงการ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตัวโครงการตั้งอยู่ภายในซอยวงศกร 1 ย่านวัชรพล-สายไหม ที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางทั้งถนนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก และถนนหทัยราษฎร์ โดยจะเป็นโซนที่อยู่ใกล้กับฝั่งวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งมีข้อดีคือยังคงอยู่ฝั่งเดียวกับความอุดมสมบูรณ์ของย่านสุขาภิบาล 5 ที่เต็มไปด้วยตลาดและร้านค้ามากมาย อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปขึ้นทางด่วนจตุโชติ หรือถนนกาญจนาภิเษกได้สะดวกในระยะเพียง 3 – 6 km. อีกด้วยครับ
ความน่าสนใจอีกอย่างก็คือ “ราคา” เพราะหากเทียบกับเพื่อนบ้านที่เป็นบ้านเดี่ยวเหมือนกันในย่าน โครงการนี้นับว่ามีราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ง่ายกว่าทางฝั่งโซนสุขาภิบาล 5 หรือบ้านเดี่ยวที่อยู่ติดถนนใหญ่ที่มีราคาเริ่มประมาณ 10 ล้านบาทกันไปแล้ว โดยจะต้องแลกมากับทำเลในซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์น้อยกว่า แต่ยังสามารถเดินทางไปจับจ่ายใช้สอย หรือไปขึ้นทางด่วนได้สะดวกไม่แพ้กัน และได้บ้านในราคาเริ่มต้นที่ 6.1 – 9 ล้านบาทแบบนี้นั่นเองครับ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : บริเวณด้านหน้าจะเป็นซุ้มประตูแบบ Double Gate หรือประตูแบบ 2 ชั้น เข้า-ออกด้วยระบบสัญญาณ Bluetooth พร้อมทั้งกั้นด้วยประตูเหล็กรางเลื่อนทุกๆชั้น จึงมีความปลอดภัยที่ดีทีเดียว มาพร้อมกับกล้อง CCTV และ รปภ. ที่ดูแลตลอด 24 ชม. ส่วนภายในบ้านก็จะมีการติดตั้ง Magnetic Sensor บริเวณชั้น 1 มาให้เป็นมาตรฐานทุกหลังครับ
การออกแบบโครงการ : มีเพื่อนบ้านทั้งหมด 257 ยูนิต โดยเฟสที่เปิดใหม่จะอยู่ทางด้านในสุด ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวและไม่ค่อยวุ่นวาย แลกกับการที่เราอาจต้องอยู่ไกลจากพื้นที่ส่วนกลางมากกว่าเฟสแรกอยู่สักหน่อยนะครับ แต่ทั้งนี้เวลาที่ขับรถผ่านเข้า-ออก ก็ยังสามารถมองเห็นและสัมผัสความร่มรื่นของพื้นที่สวนสีเขียว ที่ได้มีการวางเป็นแนวยาวไปตลอดเส้นทางได้เป็นอย่างดี อีกทั้งโครงการนี้จะไม่ได้มีการแบ่งโซนที่อยู่อาศัยออกเป็นซอยแยกย่อยเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงทำให้เราสามารถขับรถสัญจรวนได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาขับรถ เพียงแต่เวลาที่มีแขกมาเยี่ยมหาก็อาจต้องมีจุดสังเกตให้ดีๆกันสักหน่อย
การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : สำหรับบ้านในเฟสที่ 2 จะเป็นบ้านแบบใหม่ทั้งหมดครับ ซึ่งได้มีการพัฒนาและปรับปรุงมาจากบ้านในเฟสแรก เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 4 Type จุดเด่นของแต่ละหลังคือ สามารถจอดรถได้ถึง 3 คัน มีการปรับขั้นบันไดให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น เพิ่มทางเข้าจากพื้นที่จอดรถให้เดินสัญจรได้สะดวก รวมถึงมีพื้นที่ใช้สอยที่เยอะและกว้างขวางมากขึ้นด้วยครับ
โดยเฉพาะห้องนอนใหญ่จะกว้างเท่ากับ Common Area ที่อยู่ชั้น 1 เลยทีเดียว แถมยังมีห้องน้ำในตัวให้ใช้งานด้วย ส่วนห้องนอนเล็กทั้ง 2 ถ้าเรามีลูกแค่คนเดียวก็สามารถทุบผนังตรงกลางออก เพื่อเชื่อมต่อให้กลายเป็น Master Bedroom อีกห้องไปเลยก็ได้ ส่วนถ้าใครที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย หรือต้องการบ้านที่มีพื้นที่ฟังก์ชันยืดหยุ่นเข้าไปอีก ก็จะแนะนำเป็นบ้านหลังใหญ่ทั้ง 2 แบบ ซึ่งจะมีพื้นที่อเนกประสงค์และห้องนอนชั้นล่างเพิ่มเข้ามาให้ใช้งานนั่นเองครับ
วัสดุ : โครงสร้างบ้านเป็นแบบก่ออิฐมวลเบา จึงสามารถทุบ/เจาะผนัง และต่อเติมได้ง่าย ซึ่งเหมาะกับแบบบ้านที่ค่อนข้างยืดหยุ่นของทางโครงการมากๆครับ อีกทั้งยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ และห้องครัวก็จะก่อเคาน์เตอร์มาให้พร้อมใช้งาน (ยกเว้นหลังเล็กสุด) สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นของ American Standard โครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก และพื้นที่จอดรถจะเป็น Slab on Ground ส่วนจุดที่ผมแอบเห็นว่ามีการให้มาดีขึ้นจากบ้านแบบเก่าก็คือ Facade ที่จะมีการปิดผิวด้วยวัสดุอื่นๆ เช่น กระเบื้อง ทำให้ตัวบ้านมีความสวยงามและดูมีรายละเอียดมากขึ้นครับ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ด้วยตัวโครงการนี้เปิดมาแล้วกว่า 4 ปี ดังนั้นพวกต้นไม้ต่างๆจึงเติบโตเต็มที่ และดูค่อนข้างร่มรื่นดีทีเดียวครับ โดยเฉพาะบริเวณถนน Main และสวนที่อยู่ด้านหน้าโครงการ ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการ Renovate ครั้งใหญ่ เพื่อต้อนรับบ้านเฟสใหม่ที่กำลังเปิดขายอยู่ด้วย รวมถึงภายในบ้านก็จะมีการปลูกต้นไม้จัดสวนเอาเป็นมาตรฐานทุกหลังเลยครับ
สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ และเพียงพอกับจำนวนยูนิตครับ ประกอบด้วย Co-Working Space / Fitness / Swimming Pool / Kids Pool / Jogging Track / Playground และสวนสาธารณะขนาดใหญ่
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 6.1 – 8.9 ล้านบาท, 6 มิถุนายน 2566
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – อยู่ในซอยทางลัด ใกล้ทางด่วน 2 สาย ในราคาจับต้องได้ไม่ยาก แลกกับความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ที่อาจมีไม่มากนัก
- ความปลอดภัย 7.75/10 – ซุ้มประตู Double Gate 2 ชั้น / ระบบ Bluetooth / CCTV / รปภ. 24 ชม. และ Magnetic Sensor ชั้น 1 ทุกหลัง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – พื้นที่ใช้สอยเยอะ ภายในกว้างขวาง ฟังก์ชันยืดหยุ่น จอดรถได้ 3 คัน
- วัสดุ 7.5/10 – โครงสร้างก่ออิฐมวลเบา ช่องแสงขนาดใหญ่ วัสดุอื่นๆทั่วไปตามระดับราคา
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – พื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ ต้นไม้โตร่มรื่นเต็มที่ พร้อมจัดสวนในบ้านตามมาตรฐาน โดยอายุโครงการคือประมาณ 4 ปี
- สาธารณูปโภค 7.25/10 – มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ เพียงพอต่อจำนวนยูนิต สระว่ายน้ำและสวนมีขนาดใหญ่
- 7.66 / 10.00
Casa Ville วงแหวน – จตุโชติ เหมาะกับใคร
โครงการ คาซ่า วิลล์ วงแหวน – จตุโชติ เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวในย่านวัชรพล-สายไหม ใกล้ทางด่วนจตุโชติ โดยยอมขยับออกมาทางโซนใกล้วงแหวน เพื่อให้ได้บ้านในราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก ซึ่งเป็นบ้านที่สามารถจอดรถได้ถึง 3 คันทุกแบบ พื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวาง ฟังก์ชันยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ รวมถึงส่วนกลางที่มีอายุถึง 4 ปี ต้นไม้ในสวนจึงเติบโตให้ร่มเงาได้เต็มที่แล้ว โดยจะต้องมีงบประมาณเริ่มต้นที่ 6.1 – 8.9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 43,000 – 55,000 บาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc