วันนี้เราพามาชม Baan Nirada Ekkachai-Wongwaen (บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน) เป็นอีกหนึ่งโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ในเครือเซ็นทรัล ที่ได้มีการเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องมา 3 ทำเลด้วยกัน และนี่ก็เป็นโครงการล่าสุดที่ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เองครับ โดยจะเป็นโครงการเดียวที่มีดีไซน์ Concept แตกต่างจากรุ่นพี่ 2 ทำเลก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน แต่ยังคงความโดดเด่นของบ้านเดี่ยวหน้ากว้าง และพื้นที่ใช้สอยเยอะได้เป็นอย่างดี ส่วนจุดเด่นที่น่าสนใจอื่นๆก็จะมีดังต่อไปนี้ครับ
- ทำเลติดถนนใหญ่เอกชัย และใกล้ถนนกาญจนาภิเษก ทำให้เข้าเมืองได้สะดวก
- บ้านเดี่ยวที่ดิน 100 ตร.วาขึ้นไป หน้ากว้างช่องแสงเยอะ มีความสว่างโปร่งโล่ง และมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ ฟังก์ชันตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ที่อยู่ด้วยกัน 3 Generationได้สบายๆ
- จัดผังโครงการได้เป็นส่วนตัว Double Security Gate 2 ชั้น และมีเพื่อนร่วมซอยน้อยเพียง 3 – 6 ยูนิตเท่านั้น
ข้อมูลโครงการ
Baan Nirada Ekkachai-Wongwaen (บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน) ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567
ชื่อโครงการ | Baan Nirada Ekkachai-Wongwaen (บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH – LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนน เอกชัย เขต บางบอน |
ที่ดิน | 37-1-62.5 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 72 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.9 – 3 เมตร และ Double Volume 6.7 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 120,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2566 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2570 |
เว็บไซต์โครงการ | https://residence.centralpattana.co.th/th/house/baan-ekkachai-wongwaen |
โทร | 092-615-7726 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ติดถนนใหญ่ และใกล้กาญจนาภิเษก สามารถเข้าเมืองได้สะดวก
- อยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ตในย่านพระราม 2 อุดมสมบูรณ์พอสมควร
พิกัด Google Maps : 13.653826, 100.390673
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ทำเลที่ตั้งของโครงการ บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน จะอยู่ติดกับถนนใหญ่เอกชัยย่านบางบอน ซึ่งจะแตกต่างกับเพื่อนบ้านในย่านส่วนใหญ่ที่มักจะอยู่ภายในซอยต่างๆนะครับ จึงทำให้โครงการนี้มีความสะดวกในการเดินทางค่อนข้างมาก เพราะเราสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนกาญจนาภิเษก และสามารถตรงเข้าเมืองได้เลยอีกด้วย
โดยความอุดมสมบูรณ์หลักๆของโซนนี้จะอยู่บนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก และถนนพระราม 2 เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น Makro / Central พระราม 2 / BigC และ Lotus’s หรือจะเป็นฝั่งตรงข้ามก็มีตลาด 101 Market ให้อุดหนุนกันได้ใกล้ๆด้วยครับ อีกทั้งย่านนี้ยังโดดเด่นในเรื่องโรงงานต่างๆ ซึ่งมีนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของกิจการเก่าในพื้นที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นใครที่เน้นใช้ชีวิตหรือทำงานอยู่ในย่านนี้อยู่แล้วก็จะเหมาะกับที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
แน่นอนว่าจะเป็นถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.9 km. โดยเราสามารถขับเข้าเมืองไปทางบางแค-ท่าพระ-ราชพฤกษ์ได้ หรือถ้าใครจะไปทางสมุทรปราการ-ศรีนครินทร์-บางนา ก็จะสามารถกลับรถเพื่อไปอีกทางหนึ่งได้ไม่ยากครับ
การเดินทางด้วยรถรางสาธารณะ (ในอนาคต) :
อีกหนึ่งความน่าสนใจ แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่เราอาจต้องรอจับตามองในอนาคตก็คือ ทำเลย่านนี้เคยมีข่าวว่าจะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย) ตัดผ่านด้วยนะครับ
โดยทำเลของเราจะอยู่ระหว่างสถานีวงแหวนและสถานีบางบอน 3 ระยะห่างประมาณ 400 – 1 km. ซึ่งหากมีการก่อสร้างตามแผนนี้จริงๆ ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางด้วยรถสาธารณะ เพื่อเข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากขึ้นนั่นเอง
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่ว่างและบ้านพักอาศัย ทำให้มีความเงียบสงบและเหมาะแก่การอยู่อาศัยพอสมควรครับ จะมีเพียงก็แต่ทางด้านทิศตะวันออกที่จะเป็นทาวน์โฮมสูง 5 ชั้น ที่เค้าอาจมองเข้ามาเห็นภายในโครงการได้อยู่บ้าง ซึ่งทางโครงการก็ได้วางผังให้หันด้านข้างของตัวบ้านเอาไว้ เพื่อให้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากนักนั่นเองครับ
- ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างและคลองสาธารณะ
- ทิศใต้ : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ ถนนใหญ่เอกชัย
- ทิศตะวันออก : ติดกับ บ้านพักอาศัยและทาวน์โฮม 5 ชั้น
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่างและบ้านพักอาศัย
และนี่ก็คือบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการครับ ซึ่งจะอยู่ติดกับถนนใหญ่เอกชัยแบบนี้เลย จึงทำให้สามารถเข้า-ออกได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปในซอยลึกๆนั่นเอง
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- 101 Market ~ 1.6 km.
- Makro บางบอน ~ 3.9 km.
- The Explace Mall กาญจนาภิเษก ~ 6.9 km.
- Home Pro กัลปพฤกษ์ ~ 7.6 km.
- Central พระราม 2 ~ 7.8 km.
- The Mall บางแค ~ 8.2 km.
- Index Living Mall พระราม 2 ~ 8.5 km.
- Lotus’s พระราม 2 ~ 9.6 km.
- Big C พระราม 2 ~ 12.4 km.
โรงพยาบาล
- รพ.บางปะกอก 8 ~ 3.5 km.
- รพ.นครธน ~ 6.6 km.
- รพ.พีเอ็มจี ~ 7.5 km.
- รพ.เกษมราษฎร์ บางแค ~ 8.5 km.
- รพ.พญาไท 3 ~ 16 km.
โรงเรียน
- รร.สารสาสน์บางบอน ~ 3.6 km.
- รร.กรพิทักษ์ศึกษา ~ 6 km.
- BASIS International School Bangkok ~ 6.4 km.
- British Columbia International School ~ 7.6 km.
- รร.นานาชาติรุ่งอรุณ ~ 14.8 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- Double Security Gate 2 ชั้น ทำให้โครงการมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น
- ซอยพักอาศัยมีเพื่อนบ้านเพียง 3 – 6 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูง
- พื้นที่ส่วนกลางมีการแบ่งโซนได้ดี แยกกันระหว่างโซนรับแขกออกจากโซนใช้งานอื่นๆ ทำให้ลูกบ้านมาใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัว
..’บ้านนิรดา’ เป็นหนึ่งในแบรนด์บ้านเดี่ยวหรูระดับ Luxury จาก Central Pattana ซึ่งจะมีความแตกต่างจากโครงการรุ่นพี่ 2 ทำเล ที่ได้เปิดก่อนหน้านี้แล้วอย่าง บ้านนิรดา พระราม 2 และ บ้านนิรดา อุทยาน อักษะ ที่เค้าจะเป็นคอนเซ็ปต์สไตล์ Modern Mediterranean ใช่มั้ยครับ
แต่สำหรับโครงการ บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน แห่งนี้จะเป็นสไตล์ Modern English ที่มีความแตกต่างทั้งหน้าตา Facade ของตัวบ้าน รวมถึงอาคารพื้นที่ส่วนกลาง และแปลนบ้านด้วยครับ ซึ่งก็ทำให้ดูสวยงามหรูหราและทันสมัยดีไปอีกแบบมากๆเลยทีเดียว
Master Plan :
ผังโครงการมีความน่าสนใจในเรื่อง ‘ความปลอดภัย และเป็นส่วนตัว’ ที่มีค่อนข้างสูงเลยทีเดียวครับ โดยสิ่งที่โดดเด่นอย่างแรกก็คือ Double Securiity Gate ที่จะเป็นประตูโครงการแบบ 2 ชั้น ทำหน้าที่ช่วยคัดกรอง Visitor ให้สามารถเข้ามาติดต่อ หรือนั่งคอยได้แค่บริเวณ Clubhouse เท่านั้น และไม่ต้องขับรถเข้าไปด้านในให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ
สำหรับโซนที่พักอาศัยจะมีการแบ่งออกเป็นซอยแยกย่อยสั้นๆ และมีเพื่อนบ้านร่วมซอยเพียง 3 ยูนิตเท่านั้น จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยที่ดีทีเดียวครับ เพราะจะไม่มีความพลุกพล่านและวุ่นวายเหมือนโครงการใหญ่ๆทั่วไป ซึ่งถ้าใครชอบใช้งาน Facilities บ่อยๆ ก็แนะนำเป็นบ้านในซอยแรกๆ เพราะจะสามารถมาใช้งานส่วนกลางได้ค่อนข้างสะดวกเลย
บริเวณด้านหน้าโครงการนอกจากจะมีซุ้มประตูขนาดใหญ่แล้ว ยังมีการทำเป็นพื้นที่สวนเป็นส่วนต้อนรับอีกด้วยครับ จึงทำให้บรรยากาศด้านหน้าดูแล้วสดชื่นดีทีเดียว
และผมยังชอบที่เค้ามีระยะร่นเข้าไปจากถนนใหญ่แบบนี้ ซึ่งจะช่วยให้การเข้า-ออกโครงการมีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น เราอาจต้องมีการจอดรถรอเพื่อหาจังหวะออกสู่ถนนใหญ่ เป็นต้น
ซุ้มประตูนอกจากจะแบ่งทางเข้า-ออกกันชัดเจนแล้ว ยังมีการแบ่งช่องแยกกันระหว่าง Owner และ Visitor อีกด้วยนะ มาพร้อมกับ CCTV และ รปภ. ดูแลตลอด 24 ชม.
โดยถ้าเป็น Owner ก็จะสามารถขับผ่านได้เลย เพราะเข้า-ออกด้วยระบบ License Plate Recognition System จดจำป้ายทะเบียนรถยนต์ที่สะดวกมากๆ
ส่วนถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อน หรือจะใช้ระบบ VMS สแกน QR Code นัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้าโครงการก็ได้เช่นกัน
เมื่อผ่าน Main Gate เข้ามาแล้ว เราก็จะเจอกับอาคาร Clubhouse ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าคอยต้อนรับอยู่เป็นส่วนแรกเลยครับ ซึ่งถ้าเป็น Visitor ก็สามารถจอดรถ และเข้ามานั่งคอยอยู่ที่นี่ได้เลย
สำหรับที่จอดรถจะมีหลังคาให้จอดในร่มแบบดีๆให้อย่างนี้เลยครับ ซึ่งก็จะอยู่ติดกับทางเข้าอาคารให้เดินเชื่อมต่อกันได้ง่ายๆ
โดยเราสามารถเดินเชื่อมต่อในร่มเพื่อมายัง Lobby ที่อยู่ด้านหน้าได้แบบนี้
ภายใน Lobby จะเป็นห้องที่ล้อมรอบไปด้วยกระจก ทำให้มีความสว่างโปร่งโล่ง และจะมีโซฟาให้นั่งเล่นพักผ่อน หรือนั่งคอยเจ้าของบ้านได้ 2 ชุดใหญ่ๆแบบนี้
อีกด้านหนึ่งจะเป็น Private Room ที่มีการกั้นห้องแยกออกไป เพื่อให้สามารถใช้งานนั่งพูดคุยกันแบบส่วนตัวได้ด้วยครับ
สำหรับพื้นที่โซนต่อมาก็จะสามารถเดินเชื่อมต่อมาตามโถงทางเดินได้ โดยจะเป็นฟังก์ชันที่อยู่บนชั้น 2 และด้านหลังอาคาร Clubhouse แบบนี้
ซึ่งผมมองว่าเค้าจัดโซนการใช้งานแยกจากพื้นที่ Lobby ที่ใช้รับแขกได้ดีมากๆ เพราะทำให้ลูกบ้านที่มาใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ จะไม่เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเองครับ
บริเวณนี้จะเป็นโถงบันไดที่จะแยกออกไปยังฟังก์ชันใช้งานอื่นๆ เริ่มจากด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง พร้อมทั้งยังมีห้องน้ำสำหรับผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์ให้ใช้งานด้วยครับ
ภายในห้องน้ำจะมีทั้งโถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์ให้ใช้งานครบตามมาตรฐาน
ขึ้นมาดูบนชั้น 2 กันต่อครับ ซึ่งหลักๆจะประกอบด้วย Co-Working Room และ Fitness ให้ใช้งาน
เริ่มจาก Co-Working Room ภายในมีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับ ซึ่งจะล้อมรอบด้วยผนังกระจกทั้ง 3 ด้านเลย และจะมีการแบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็น 2 โซน
ทางขวามือจะเป็นมุมโซฟาสำหรับนั่งเล่นพักผ่อนแบบชิวๆ และทางซ้ายมือจะเป็นโต๊ะตัวใหญ่แบบ 6 ที่นั่ง ซึ่งเราสามารถมานั่งทำงานเป็นกลุ่มร่วมกับเพื่อนๆหลายคนได้ครับ
แต่ทีเด็ดของห้องนี้จริงๆคือ ‘วิว’ ที่มองออกมาจากหน้าต่าง ซึ่งจะเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำและสวนที่อยู่ด้านหลังได้ทั้งหมดเลยครับ
ถัดมาจะเป็น Fitness ที่ภายในจะมีอุปกรณ์ต่างๆให้ใช้งานครบครันเลย
แต่จุดแรกที่เราจะพามาดูคือ จะมีหน้าจอ Digital ที่จะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และให้เราสามารถออกกำลังกายกับ Personal Trainer ของเราได้แบบระยะไกลนั่นเองครับ
ส่วนอุปกรณ์อื่นๆก็มีครบเลย ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่งและเครื่องปั่นจักรยานสำหรับ Cardio กับอุปกรณ์เพิ่มกล้ามเนื้อ Weight Training
โดยที่ช่องหน้าต่างของโซนนี้อาจไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก แนะนำอาจหาพวกโทรศัพท์หรือไอแพดมาเปิดดูอะไรไปด้วย จะได้ออกกำลังกายได้เพลินๆไม่เบื่อครับ
มาต่อกับโซนด้านหลังอาคาร Clubhouse หลักๆจะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำครับ ซึ่งเค้าจะมีผนังกั้นแยกจากโซนด้านหน้าโครงการอย่างชัดเจน ทำให้ลูกบ้านที่มาใช้งานมีความเป็นส่วนตัวมากๆเลยทีเดียว
สระว่ายน้ำมีขนาด 25 x 5 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจังเลยครับ โดยจะเป็นสระแบบกลางแจ้งที่ผมแนะนำให้มาใช้งานช่วงแดดร่มๆหน่อยจะดี ซึ่งด้านข้างของสระจะมีพื้นที่สวนของโครงการให้ได้ชมกันเพลินๆแบบนี้ด้วย
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบเลยก็คือ Day Bed ของเค้าจะอยู่ในร่มแบบนี้ เลยทำให้เราสามารถมาใช้งานได้ตลอดทั้งวันไม่ต้องกลัวแดดร้อนเลยครับ ส่วน Shower ล้างตัวจะอยู่ด้านหลังติดกับทางลงสระเลย
ถัดมาเราจะเจอกับฟังก์ชันห้องกระจกที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำแบบนี้ด้วย
ภายในคือ Lounge ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ เราจะสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำและสวนได้แบบเต็มๆ โดยที่ยังอยู่ในห้องแอร์สบายๆแบบนี้ครับ ถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่ามาใช้งานมากๆเลย
ถัดมาจะมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังสวน และฟังก์ชันอื่นๆแบบนี้ครับ
ทางด้านซ้ายมือจะเห็นว่ามีอยู่ 2 Pavilion เล็กๆให้ใช้งาน
เริ่มจากส่วนที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็น Kids Pool ซึ่งผมคิดว่าเค้าออกแบบมาได้ดีและเหมาะกับเด็กมากๆครับ เพราะเค้าจะมีการแยกออกมาจากสระหลักอย่างชัดเจน ทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งาน รวมถึงยังมีหลังคาที่ช่วยให้ร่มเงา ทำให้น้องๆไม่ร้อนอีกด้วย
ในส่วนของ Pavilion ใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองก็สามารถมานั่งดูแลลูกใกล้ๆตรงนี้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งที่ส่วนตัวแล้วผมมองว่าน่าใช้งานมากๆ
ถัดมาจะเป็นสวนสไตล์อังกฤษ English Garden มีขนาดประมาณ 1 ไร่ และจะเน้นเป็นพื้นที่สนามหญ้าโล่งๆ พร้อมกับมี Jogging Track ให้มาเดินหรือวิ่งออกกำลังกายกันได้ รวมถึงอนาคตก็จะมีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งมาลงให้เพิ่มเติมด้วยครับ
อีกด้านหนึ่งจะเป็น Playground หรือสนามเด็กเล่น ซึ่งจะมีอุปกรณ์เครื่องเล่นของน้องๆให้ใช้งาาน 2 – 3 อย่าง รวมถึงจะมีการปูพื้นยางเพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บ เวลาที่น้องๆเกิดหกล้มจากการเล่นซนกันได้ด้วยครับ
ด้านหลังของสนามเด็กเล่นจะมีทางเดินที่เชื่อมต่อไปยัง Clubhouse รวมถึงยังมีประตูเล็กๆให้เปิดออกไปยังที่จอดรถอีกโซนหนึ่งได้ด้วยครับ
อีกหนึ่ง Highlight หลักของโครงการนี้คือ Double Security Gate ซึ่งจะเป็นประตูชั้นที่ 2 ของโครงการ ที่กั้นระหว่างโซนของ Clubhouse ที่อยู่ด้านหน้า และโซนพักอาศัยที่อยู่ด้านใน ทำให้โครงการมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้นครับ
เมื่อผ่าน Gate ที่ 2 เข้ามาเราจะเจอกับถนน Main ที่จะวิ่งเลียบไปทางด้านขวาตลอดทั้งโครงการ และมีบ้านพักอาศัยอยู่ในซอยแยกย่อยทางซ้ายมือ ซึ่งรั้วกำแพงด้านขวานี้จะมีความสูงรวมกว่า 6 m. พร้อมปลูกต้นไม้เอาไว้ตลอดทาง เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆได้ครับ
ส่วนจุดแรกจะเป็นจุดจอดของลูกบ้าน ที่ต้องการขับรถมาใช้งานส่วนกลางครับ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องผ่าน Gate ประตูเข้า-ออก ทำให้มีความสะดวกมากขึ้น และสามารถเดินลัดเข้าไปส่วนกลางได้จากประตูเล็กๆที่เห็นก่อนหน้านี้ได้เลย
สุดท้ายจะเป็นบรรยากาศภายในซอยพักอาศัย จะเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีเพื่อนร่วมซอยเพียง 6 หลังเท่านั้น จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวาย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Lobby & Private Room
- Co-Working Room
- Lounge
- Fitness
- Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 25 x 5 m.
- Kids Pool
- Pavillion
- Playground
- Jogging Track
- Outdoor Exercise
- พื้นที่สีเขียว English Garden ขนาด 476.5 ตร.วา (หรือประมาณ 1 ไร่)
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 48 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 3 เมตร หรือรั้วเหล็กแหลม 50 cm.
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วเหล็กรางเลื่อนไฟฟ้า
- ลูกบ้านเข้า-ออกด้วยระบบจดจำป้ายทะเบียน (License Plate Recognition System) และระบบ VMS สแกน QR Code เพื่อขอเข้าโครงการสำหรับ Visitor
- Double Gate Security ประตูรั้ว 2 ชั้น
- Privilege สิทธิพิเศษจากแบรนด์ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป (สอบถามรายละเอียดอีกครั้ง)
แบบบ้าน
Highlights :
- บ้านเดี่ยวที่ดิน 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยเยอะ
- ฟังก์ชันตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ 3 Generation มีห้องนอนผู้สูงอายุชั้นล่าง พร้อมออกแบบตามหลัก Universal Design และจอดรถได้ 4 คันทุกหลัง
- เน้นออกแบบให้ห้องทุกห้องมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง สามารถจัดฟังก์ชันได้หลากหลายตามต้องการ
- Double Volume สูงโปร่ง เชื่อมต่อพื้นที่ชั้นบนและชั้นล่าง บรรยากาศโปร่งโล่ง
- ด้านบนมีฟังก์ชันห้องพระและห้องเก็บของจริงจังให้ใช้งาน ซึ่งปกติจะไม่ค่อยเห็นในโครงการอื่นๆเท่าไหร่นัก
โครงการ Baan Nirada Ekkachai-Wongwaen (บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน) มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบด้วยกันครับ ซึ่งนอกจากหน้าตา Facade ภายนอกจะเป็นดีไซน์แบบใหม่แล้ว ฟังก์ชันภายในบางส่วนก็ยังมีการปรับใหม่ด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าจุดเด่นยังคงเป็นบ้านหน้ากว้างไซส์ใหญ่ ที่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ และยังมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางอีกด้วย โดยจะมีแบบบ้านให้เลือกดังนี้
- Rada บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 102 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 370 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน - Radapat บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 112 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 416 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน - Radathon บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
วัสดุและโครงสร้างบ้าน :
- โครงสร้าง : Conventional หรือผนังก่ออิฐมวลเบา
- พื้นที่จอดรถ : Slab on Beam ลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน กรุด้วยกระเบื้อง Bezen
- พื้นที่ซักล้านหลังบ้าน : Slab on Beam กรุกระเบื้องเซรามิค
- โครงสร้างบันได : คอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวไม้ประสาน Top ไม้สัก
- พื้นชั้น 1 : กระเบื้อง Porcelain 80 x 80 cm. / ห้องนอนชั้นล่าง Vinyl Absorption Floor
- พื้นชั้น 2 : Engineering Wood ปิดผิวไม้โอ๊ค
- สุขภัณฑ์ : Cotto + อ่างอาบน้ำ Ispa และ Top เคาน์เตอร์หินแกรนิต
- ประตู-หน้าต่าง : กรอบเฟรมอลูมิเนียม ทำสี Powder Coat + กระจกเขียวตัดแสง
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ชั้น 1 – 2 ทุกหลัง + CCTV 4 ตัว และ Digital Door Lock ทุกหลัง
- เดินไฟฟ้า 3 เฟส รองรับ Junction EV Charger ทุกหลัง
- ระบบ Smart Technology มาตรฐานจาก Central ทุกหลัง
- ระบบ Active Air Quality กรองอากาศภายในบ้าน
- ระบบ Smart Airflow เติมอากาศภายบริสุทธิ์ในบ้าน (บริเวณช่องหน้าต่าง และบนฝ้าเพดาน)
- Radapat บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 112 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 416 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
แบบบ้านของโครงการ บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน จุดที่มีความแตกต่างจากแบบบ้านนิรดาทำเลอื่นๆก็คือ ‘ตำแหน่งของบันได’ ที่จะถูกปรับให้ไปอยู่ทางด้านหลังของบ้าน (ปกติจะอยู่ด้านหน้าตรงทางเข้าบ้าน) ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานขึ้น-ลงบันไดของเจ้าของบ้านมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่แน่นอนว่าความโอ่โถงของทางเข้าตรงพื้นที่ Double Volume ด้านหน้าก็จะลดลงด้วยเช่นกัน
และแปลนบ้านนี้จะเป็นไซส์กลางของโครงการนี้ครับ ซึ่งเป็นบ้านหน้ากว้างที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจต่างจากแบบบ้านหลังอื่นๆพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะชั้น 1 จะเห็นว่าเค้ามีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นสัดส่วนได้ดีมาก เพราะจะมีผนังทึบกั้นแยกกันระหว่างโซนรับแขกด้านหน้า และโซนพักผ่อนของเจ้าของบ้านที่อยู่ด้านหลังบ้าน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวดีเลย
แต่จุดที่ผมชอบมากๆคือ Double Volume หรือพื้นที่ฝ้าเพดานสูงของบ้านหลังนี้ ที่จะอยู่ทางด้านหลังบ้านและมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งเวลาที่เราเดินเข้ามาถึงโซนด้านหลังบ้านนี้ก็จะรู้สึกถึงความ Shock Space สร้างความ Surprise หรือประทับใจได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว (เดี๋ยวลองไปดูภาพจากบ้านตัวอย่างกันได้ครับ)
นอกจากนี้ยังมีห้องนอนชั้นล่างสำหรับคนที่มีผู้สูงอายุให้ใช้งาน จึงเป็นบ้านที่เหมาะกับการอยู่ด้วยกันแบบ 3 Generation ได้สบายๆ และที่นี่เค้ายังให้ความสำคัญกับโซนครัวและแม่บ้านอีกด้วยครับ เพราะเราจะได้ครัวขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่ซักล้างจริงจังที่ใหญ่มาก ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังห้องพักแม่บ้านได้เลย จึงทำให้เค้าสามารถมีพื้นที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ แบบไม่ต้องเข้ามารบกวนภายในบ้านให้เสียความเป็นส่วนตัวเลยครับ
แปลนชั้น 2 บริเวณโถงบันไดกลางบ้านจะเชื่อมต่อกับพื้นที่อเนกประสงค์ จึงทำให้เป็น Space ขนาดใหญ่และสว่างโปร่งโล่งมากๆ นอกจากนี้จุดเด่นของบ้านนิรดาคือ เค้าจะมีฟังก์ชันเล็กๆแยกออกมาให้ใช้งานได้จริงจังไม่เหมือนใคร ได้แก่ พื้นที่วางหิ้งพระ และห้องเก็บของด้านบน เป็นต้น ส่วนห้องนอนก็เรียกได้ว่ากว้างขวางทุกห้องเลยครับ โดยเฉพาะ Master Bedroom จะมีอ่างอาบน้ำและระเบียงส่วนตัวให้ใช้งานด้วย
ผมพามาดูบ้านเปล่ามาตรฐานกันก่อนนะครับ โดยประตูรั้วด้านหน้าเราจะได้เป็นเหล็กรางเลื่อนแบบ 2 ตอน ซึ่งสามารถใช้งานได้ง่ายเลย หรือจะเพิ่มความสะดวกโดยการติดตั้งเป็นประตูไฟฟ้าอัตโนมัติก็ได้
นอกจากนี้ยังมีถึงขยะที่เปิดได้ 2 ทางสะดวก และมีประตูทางเข้าคนเดินแยกมาให้อยู่ด้านข้างด้วย พร้อมกับ Junction สำหรับติดประตูไฟฟ้าอย่างที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ครับ
สำหรับพื้นที่สวนของโครงการจะให้ตามมาตรฐานคล้ายบ้านหลังนี้เลย หลักๆก็จะมีการปูพื้นหญ้า มีต้นโมกหรือไทรเกาหลีรอบๆรั้วบ้าน และจะให้ต้นไม้ขนาดกลางมาอีก 2 – 3 ต้นด้วย (สอบถามรายละเอียดจากทางโครงการอีกครั้ง เพราะแต่ละแปลงก็อาจได้แตกต่างกันไปบ้างครับ)
พื้นที่จอดรถกว้าง 7.3 m. สามารถจอดรถในร่มได้ 3 คันพอดีๆ และยังมีพื้นที่จอดรถด้านข้างยื่นออกมาด้วยอีก 1 ช่องจอด กว้าง 2.5 m. รวมเป็นจอดได้ทั้งหมด 4 คัน เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่อาจมีรถขับคนละคันได้สบายๆครับ
โดยพื้นที่จอดรถจะเป็นโครงสร้าง Slab on Beam ลงเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้านเลย และปูด้วยกระเบื้อง Bezen ที่มีลวดลายและให้ความรู้สึกคล้ายพื้น Concrete Stamp เลยครับ จึงมีความสวยงามและยังกันลื่นได้ดีอีกด้วย
สำหรับพื้นที่จอดรถกลางแจ้งด้านข้าง เราสามารถติดหลังคาแบบนี้เพิ่มเติม เพื่อที่รถจะได้ไม่ต้องตากแดดจากฝนครับ ซึ่งจะต้องยื่นแบบกับโครงการก่อน เพื่อที่จะได้คุม Theme ภาพรวมของโครงการให้ดูเรียบร้อยสวยงาม โดยหลักๆก็จะต้องเป็นหลังคาแบบ Modern แบบนี้ครับ
นอกจากนี้ภายในพื้นที่จอดรถก็จะประกอบไปด้วยฟังก์ชันต่างๆดังนี้
- Junction EV Charger : สำหรับติดตั้งแท่นชาร์จของรถไฟฟ้าได้เองในอนาคต โดยโครงการได้เดินไฟแบบ 3 เฟสมาให้เป็นมาตรฐาน
- CCTV : มีทั้งหมด 4 จุด (ภายนอก 2 จุด และภายใน 2 จุด) เชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย Home Automation ของบ้าน เพื่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัย
- ห้องเก็บของ : จะถูกซ่อนอยู่ภายในเสาขนาดใหญ่ พร้อมกับมีประตูปิดเรียบร้อย สามารถเก็บพวกอุปกรณ์ล้างรถ หรืออุปกรณ์ทำสวนชิ้นใหญ่ๆ และหยิบใช้งานได้สะดวกเลย
- ลวดลายบนผนัง : เป็นการเซาะร่องที่ผนังเพื่อป้องกันรอยแตกร้าวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ไม่เกิดการลามไปทั่วผนังเป็นวงกว้าง และช่างก็สามารถบำรุงรักษาได้ง่ายด้วยนั่นเองครับ
จากที่จอดรถจะมีทางเข้าเป็นประตูบานทึบ พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐานด้วยครับ ซึ่งเราก็สามารถใช้ขนของที่ซื้อมาจากซูเปอร์เข้าไปเก็บในครัวได้สะดวก รวมถึงยังใกล้กับบันไดให้ขึ้น-ลงชั้น 2 ได้สะดวกอีกด้วย
สำหรับทางเข้าหลักด้านหน้าของบ้านจะมีทางลาดให้ใช้งานแบบนี้ครับ กว้างประมาณ 1 – 1.35 m. สามารถใช้เข็นรถวีลแชร์หรือลากพวกกระเป๋าเดินทางได้สบายๆเลย
ทางเข้าหลักของบ้านจะเป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ เป็นจุดเด่นของ Facade ด้านหน้าที่โดดเด่นและสวยดีทีเดียวครับ ซึ่งช่วยทำให้มีความหรูหราและโอ่อ่ามากขึ้น
โดยกรอบของซุ้มทางเข้านี้จะเป็นผนังปูน ที่มีการ Stamp ลวดลายและทาสีแบบนี้ ซึ่งหากมองระยะไกลก็จะคล้ายกับวัสดุธรรมชาติอย่างหินเลย ทั้งนี้ก็เพื่ออนาคตจะได้บำรุงรักษาได้ง่ายๆนั่นเองครับ
ประตูทางเข้าจะเป็นบานไม้สักที่เกิดออกได้กว้าง 2 บาน ทำให้สามารถขนของชิ้นใหญ่ๆเข้า-ออกได้สะดวกมาก อีกทั้งยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ทำให้โปร่งโล่งอีกด้วย
เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับ Foyer หรือโถงต้อนรับก่อนครับ ซึ่งจากมุมนี้เราจะยังมองไม่ค่อยเห็นส่วนอื่นๆของตัวบ้านเลยนะ
ทางด้านซ้ายมือจะเป็นพื้นที่รับแขก ที่เราสามารถพาแขกมานั่งพูดคุยตรงนี้ได้ โดยไม่ต้องพาเข้าไปด้านในบ้านให้เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเอง
ถัดเข้ามาด้านในเราจะเจอกับพื้นที่ Shock Space อย่าง Double Volume หรือฝ้าเพดานสูงขนาดใหญ่ 6.7 m. ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เราเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกจากฝ้าสูงปกติ มาเป็นความโปร่งโล่งขนาดใหญ่ได้ดีทีเดียว
**หมายเหตุ : บ้านไซส์กลางนี้จะเป็นหลังเดียวที่ได้ Double Volume ด้านหลังบ้านแบบนี้นะครับ ถือว่ามีความพิเศษต่างจากหลังอื่นๆพอสมควรรเลย
ส่วนช่องแสงที่เชื่อมต่อด้านหลังบ้านจะเป็นกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดออกไปยังสวนด้านหลังได้ด้วยนะครับ (กรอบอลูมิเนียม + กระจกเขียวตัดแสง + Magnetic & Shock Sensor ทั้งหลัง)
โดยของจริงจะเป็นพื้นหญ้าไม่ได้เป็นชานพักแบบนี้ แต่เราก็สามารถนำไอเดียของบ้านตัวอย่างแบบนี้ไปใช้ได้ หรือบางคนก็อาจปลูกต้นไม้+ดอกไม้ หรือทำเป็นมุมน้ำตกสวยๆ เพื่อสามารถมองดูจากในตัวบ้านก็ได้นะครับ
ด้านซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ Living Area ซึ่งจะเห็นว่ามีผนังทึบกั้นแยกจากโซนรับแขกก่อนหน้านี้ด้วย จึงทำให้ฟังก์ชันโซนหลังบ้านทั้งหมดมีความเป็นส่วนตัวที่ดีทีเดียว
และที่ผมสังเกตได้อีกอย่างคือ ช่องแสงของบ้านหลังนี้มีหลายจุดมาก จึงทำให้มีความสว่างโปร่งโล่งดี แต่จะเป็นช่องแสงขนาดไม่ได้ใหญ่แบบเต็มทั้งผนัง ทั้งนี้ผมมองว่าเป็นดีไซน์ที่ช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัว จากมุมมองของคนภายนอกได้นั่นเอง
สำหรับพื้นที่ Living Area มีขนาดประมาณ 5 x 3.75 m. สามารถใช้โซฟาชุดใหญ่ๆ เพื่อนั่งดูทีวีกับครอบครัวพร้อมกันหลายคนได้ รวมถึงยังมีช่องแสง 2 ด้าน ให้เราได้ชมวิวสวนข้างบ้านได้อีกด้วยครับ
ส่วนบริเวณตรงกลางบ้านจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งกว้างมากพอที่จะใช้โต๊ะตัวใหญ่ๆ 8 – 10 ที่นั่งได้สบายๆเลยครับ สามารถรองรับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายๆคน หรือจะใช้สำหรับจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ก็ได้
ด้านขวาของบ้านจะมีโถงทางเดินแยกออกไปเป็นสัดส่วน โดยฟังก์ชันแรกที่เราจะเจอก็คือ ‘ห้องนอนชั้นล่าง’ ซึ่งจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกเพื่อความสว่างโปร่งโล่ง แต่ถ้าใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็สามารถปรับเป็นผนังและประตูบานทึบได้ครับ
ภายในห้องจะมีขนาด 3.15 x 4.15 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าได้สบายๆ เหมาะที่จะทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุที่อาจเดินขึ้นบันไดชั้น 2 ไม่ไหว หรือเราจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ตามต้องการ
พื้นห้องนอนจะเปลี่ยนจากพื้นกระเบื้องมาเป็น Vinyl Absorption Floor ซึ่งช่วยลดการกระแทกและอาการบาดเจ็บได้ดี รวมถึงยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อไปยังหน้าบ้านครับ จึงทำให้ห้องนี้มีความสว่างโปร่งโล่งพอสมควรเลย
อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีห้องน้ำให้ใช้งานในตัว โดยเค้าจะใช้เป็นประตูบานเลื่อนและพื้นแบบไม่มี Step แต่จะใช้เป็นรางน้ำแบบฝังในพื้นแทน จึงทำให้เหมาะกับการใช้งานของผู้สูงอายุ หรือคนที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ได้สะดวกครับ
นอกจากนี้พวกท่อน้ำอื่นๆของตัวบ้าน ก็จะใช้ระบบ Smart Drain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ CPN ที่เค้ามักจะใช้กับทุกๆโครงการ (ทั้งบ้านแนวราบและคอนโด) โดยจะเป็นฟังก์ชันที่ช่วยป้องกันเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี เพราะด้านในฝาท่อจะมีการเก็บกักน้ำไว้ได้เยอะ ทำให้ถึงแม้ว่าเราจะไม่อยู่บ้านหลายๆวัน ก็ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะแห้งแล้วจะมีกลิ่นง่ายๆครับ
ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง โดยจะถูกออกแบบด้วยหลัก Universal Design เพื่อให้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุครับ
สิ่งที่สังเกตได้ง่ายๆก็คือ ตามผนังและฟังก์ชันต่างๆจะมีราวจับให้ใช้งานทุกจุด รวมถึงอ่างล้างหน้าก็จะเป็นดีไซน์โค้งเว้า เพื่อรองรับคนที่ใช้งานนั่งรถเข็นวีลแชร์ได้ด้วยครับ (พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.55 x 2.4 m. สามารถใช้รถเข็นเข้ามาได้สะดวก)
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่อาบน้ำครับ ซึ่งภายในจะกว้าง 1 x 1.15 m. พร้อมกับมีที่นั่งและราวจับให้ใช้งานได้สะดวกด้วย
โดยที่ทางเข้าจะมีความกว้าง 65 cm. ซึ่งไม่สามารถนำรถเข็นเข้าไปด้านในได้ ดังนั้นการใช้งานของผู้สูงอายุก็จะต้องใช้ราวจับในการช่วยพยุงตัว และไปนั่งอาบที่ด้านในแทนนะครับ
ถัดมาจะเป็นฟังก์ชันใช้งานอื่นๆของบ้านอย่าง บันได ครัว ห้องน้ำ และมีประตูทางเข้าจากพื้นที่จอดรถที่ได้เห็นกันไปก่อนหน้านี้ด้วยครับ
งั้นเรามาเริ่มกันที่ห้องน้ำสำหรับแขกที่เป็น Powder Room มีขนาด 1.35 x 2 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก Cotto และยังได้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติอีกด้วย เพียงแต่ห้องนี้อาจอยู่ไกลจากฟังก์ชันอื่นๆอย่าง Living Area และพื้นที่รับแขกอยู่สักหน่อยนะครับ
ถัดมาจะเป็นห้องครัวปิดที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน จึงทำให้มีความโปร่งโล่ง และยังมีความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะเวลายกอาหารเข้า-ออก ก็จะไม่ต้องเปิดประตูชนกันให้เกิดอุบัติเหตุนั่นเอง แต่ก็ยังช่วยกันกลิ่น/ควันไม่ให้เข้ามารบกวนในบ้านได้อยู่ด้วยครับ
ภายในครัวมีขนาดกว้าง 2.9 x 4.5 m. ถือว่ามีขนาดใหญ่และใช้งานพร้อมกันหลายๆคนได้สบาย โดยของจริงจะมีการก่อเคาน์เตอร์มาให้เหมือนบ้านมาตรฐานนะครับ ซึ่งจะเป็น Top หินจริงสีดำสวยงาม พร้อมกับมีท่องานระบบต่างๆเตรียมไว้ให้ ซึ่งเราจะต้อง Built-in เพิ่มเองอีกทีตามความชอบ
พื้นห้องครัวจะอยู่ระดับเดียวกับพื้นในบ้าน จึงทำให้ไม่มี Step ของพื้นมารบกวนให้เดินสะดุด ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นประตูบานทึบที่เปิดเชื่อมต่อไปยังลานซักล้าง และพื้นที่ของแม่บ้านที่อยู่ด้านข้างบ้านได้ครับ
สำหรับลานซักล้างถือว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่น่าสนใจ และใช้งานได้ค่อนข้างดี โดยเค้าจะมีดีไซน์เป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor ให้เราสามารถวางเครื่องซักผ้าในร่ม และเดินออกมาตากผ้าตรงพื้นที่กลางแจ้ง หรือเดินเชื่อมต่อไปยังห้องแม่บ้านได้ด้วย
โดยจะเป็นเหมือนพื้นที่ทำงานของแม่บ้านทั้งหมดเลยครับ ซึ่งเค้าก็สามารถทำงานและใช้ชีวิตอยู่บริเวณนี้ได้แบบไม่ต้องเข้าไปรบกวนในบ้านเลย และภายในห้องแม่บ้านก็จะมีห้องน้ำให้ใช้งานในตัวด้วย หรือถ้าใครไม่มีแม่บ้านก็ยังสามารถปรับเป็นห้องเก็บของได้นะ
กลับมาที่บันไดทางขึ้นชั้น 2 จะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีความแข็งแรง และไม่มีเสียงดังรบกวนเวลาใช้งาน ปิดผิวด้วยไม้ประสานที่มี Top ด้านบนเป็นไม้สักสวยงาม รวมถึงด้านล่างก็จะมีห้องเก็บของใต้บันไดให้ใช้งานได้ด้วยครับ
ขึ้นมาด้านบนเราจะเจอกับโถงทางเดินที่มีความโปร่งโล่งมากๆ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Double Volume ทำให้เราสามารถมองเห็นชั้นล่างได้ด้วย
ซ้ายมือจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่มีขนาด 4.6 x 3.5 m. สามารถทำเป็น Family Area หรือพื้นที่นั่งทำงานส่วนตัวก็ได้ ถือเป็นจุดที่สมาชิกในครอบครัวสามารถมามีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้ดีครับ
โดยของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆที่เชื่อมต่อกับโถงทางเดินเลยครับ แต่ถ้าใครที่อยากให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น ก็อาจกั้นผนังกระจกแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้ และด้านในก็จะมีช่องแสง + ระเบียงขนาดใหญ่ 4 x 1.5 m. ให้ใช้งานด้วย
ติดกันจะเป็นห้อง Master Bedroom ที่อยู่แยกออกมาจากด้านซ้ายของตัวบ้านเพียงห้องเดียว จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากห้องอื่นๆ และภายในก็มีขนาดใหญ่ 6.9 x 3.3 m. สามารถแบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็นสัดส่วนได้ตามต้องการ
แต่ที่พิเศษกว่าฟังก์ชันอื่นๆของบ้านนี้ก็คือ เราจะได้ช่องแสงที่มีขนาดใหญ่และกว้างมากเป็นพิเศษ จึงทำให้บรรยากาศภายในห้องมีความสว่างโปร่งโล่งมากๆ และเราก็สามารถชมวิวภายนอกได้อย่างเต็มที่มากขึ้นครับ
เพิ่มเติมในส่วนของช่องหน้าต่างชั้นบน จะมี Smart Airflow ติดอยู่ที่ใต้หน้าต่างบานเล็กทุกจุดด้วย ซึ่งเป็นระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้าน ทำให้มีอากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดีตลอดเวลา พร้อมกับด้านในจะมีมุ้งลวดช่วยป้องกันแมลงมาให้แบบนี้เลยครับ
ส่วนอุปกรณ์ที่เราเห็นอยู่บนฝ้าเพดานในทุกๆฟังก์ชันคือ ระบบ Active Air Quality ที่จะช่วยกรองอากาศภายในบ้านให้บริสุทธิ์นั่นเองครับ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ต่างๆ
ส่วนบริเวณด้านข้างของเตียงจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดเชื่อมต่อออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ด้วยครับ
โดยจะมีขนาดกว้าง 4 x 1.5 m. สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนได้สบายๆ แถมทีเด็ดอีกอย่างก็คือ จะเป็นระเบียงแบบมุมที่มองเห็นวิวรอบๆได้กว้างขวางมากขึ้นอีกด้วย
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็น Walk-in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆนะครับ เราสามารถ Built-in และกั้นฟังก์ชันได้เองตามต้องการ
ส่วนภายในห้องน้ำก็จะมีขนาดใหญ่มาก โดดเด่นด้วยอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวจาก Ispa ที่จะตั้งอยู่ตรงกลาง ให้เราสามารถนอนแช่น้ำผ่อนคลายได้สบายๆ ซึ่งช่องแสงทั้งหมดจะเป็นกระจกฝ้าแบบนี้เลยครับ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเลย
ซ้ายมือจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His and Her ที่สามารถใช้งานพร้อมกันแบบ 2 คนสามีภรรยาได้สบายๆ โดยที่ Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินแกรนิตสีดำสวยงามแบบนี้เลย
แต่อาจต้องดูแลรักษาดีๆนิดนึง เพราะหินจริงจะมีรูพรุนตามธรรมชาติค่อนข้างเยอะ จึงอาจเป็นคราบรอยน้ำต่างๆในอนาคตได้ง่ายกว่าวัสดุสังเคราะห์อื่นๆครับ
ส่วนทางด้านขวาของห้องจะเป็น Shower และโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติให้ใช้งาน ซึ่งจะมีการกั้นด้วยกระจกนิรภัย Tempered Glass แบบบานเปลือยมาให้เป็นสัดส่วนสวยงาม
ภายในจะมีพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1 x 1.8 m. อีกทั้งยังมีที่นั่งให้ใช้งานได้สบายๆด้วยครับ ส่วนด้านบนจะเป็น Hand Shower + Rain Shower เหมือนบ้านตัวอย่างเลย
ซึ่งห้องนี้จะมีท่อน้ำร้อนที่ฝังอยู่ในผนังติดตั้งมาให้ด้วย (เครื่องทำน้ำร้อนจะอยู่ใต้อ่างล้างหน้า) จึงทำให้สามารถปรับอุณหภูมิน้ำได้ตามต้องการ
ถัดมาเราจะไปดูอีกด้านหนึ่งของชั้น 2 กันบ้างครับ ซึ่งติดกับพื้นที่อเนกประสงค์ก่อนหน้านี้จะเป็นพื้นที่เล็กๆอีกส่วนหนึ่ง ที่มีขนาด 2.2 x 4.4 m.
เหมาะที่จะเป็นห้องพระมากๆ และสามารถวางโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ได้สบายๆ (แนะนำให้กั้นประตูเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้กลิ่น/ควันธูปกระจายไปส่วนอื่นๆของตัวบ้าน)
และฝั่งตรงข้ามของห้องพระจะเป็นห้องเก็บของครับ ซึ่งภายในมีขนาด 1.65 x 3.3 m. ถือว่ามีขนาดใหญ่และใช้งานได้จริงจังมาก โดยเราสามารถ Built เป็นตู้เพื่อเก็บของได้เยอะเลย
ถ้าใครที่มีของเยอะๆ และต้องการที่เก็บขนาดใหญ่น่าจะถูกใจไม่น้อย (นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Signature ของบ้าน CPN ที่ปกติเราจะไม่ค่อยเจอในแบบบ้านของเจ้าอื่นๆเท่าไหร่ครับ)
ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งจะอยู่ทางด้านหน้าบ้านครับ ภายในมีขนาด 5 x 4.3 m. มีพื้นที่เหลือรอบๆเตียงให้ใช้งานได้สะดวกเลย
รวมถึงยังมีห้องน้ำให้ใช้งานแบบส่วนตัวด้วยครับ ซึ่งภายในจะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนตามมาตรฐาน โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.6 x 2.7 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 1.45 x 0.9 m. โดยเราสามารถกั้นผนังกระจกเพิ่มเติมเองได้นะครับ เวลาอาบน้ำจะได้ไม่กระเด็นเปียกออกมาด้านนอก รวมถึงบนผนังก็จะมี Junction Box สำหรับติดเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ด้วย
สุดท้ายคือห้องนอนเล็กสุดของบ้านที่จะอยู่ทางโซนด้านหลังครับ ภายในกว้าง 4 x 3.3 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ แถมยังมีห้องน้ำให้ใช้งานส่วนตัวด้วย
และภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันที่เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่จะมีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย แต่ยังใช้งานได้สะดวกเช่นเดิม
- Rada บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 102 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 370 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
บ้านหลังนี้จะเป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการครับ จุดเด่นคือ บริเวณทางเข้าหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume เป็นส่วนต้อนรับตรง Foyer รวมถึงยังเป็นพื้นที่ที่มีความกว้างขวาง เชื่อมต่อกับฟังก์ชันอื่นๆได้ทั้งหมดเลย จึงทำให้มีความโปร่งโล่ง แต่ก็ต้องแลกมากับความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ส่วนอื่นของบ้านที่ลดลงไปบ้างด้วยเช่นกัน จึงเหมาะกับครอบครัวที่อาจไม่ได้มีแขกมาหาบ่อยๆนัก หรือบางทีเราอาจต้องหา Partition มากั้นเพื่อพรางสายตาเพิ่มเติมก็ได้ครับ
และถึงแม้จะเป็นบ้านไซส์เล็กสุด แต่ก็ยังได้ที่จอดรถสูงสุดถึง 4 คัน และมีห้องนอนผู้สูงอายุรองรับที่ชั้นล่างเช่นเดิม จึงยังคงตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่แบบ 3 Generation ได้สบายๆเลยครับ ส่วนฟังก์ชันบนชั้น 2 ก็ยังคงมีมาให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ห้องพระ และห้องเก็บของ ส่วนห้องนอนที่ 2 จะพิเศษขึ้นตรงที่ เค้าจะมีระเบียงให้ใช้งานในตัวด้วยครับ
สำหรับประตูรั้วหน้าบ้านและพื้นที่จอดรถ จะมีลักษณะที่เหมือนกับบ้านหลังกลางก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถจอดรถในร่มได้ 3 คัน และกลางแจ้งด้านข้างเพิ่มอีก 1 คัน
แต่ในส่วนของทางลาดจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 1.35 m. ตลอดทางเดิน (เพราะไม่ต้องแบ่งพื้นที่ให้ภายในบ้านเหมือนหลังกลาง) จึงทำให้ใช้งานลากกระเป๋าเดินทาง หรือเข็นรถวีลแชร์ได้สะดวกมากขึ้น รวมถึงทางเข้าหลักของบ้านก็ยังคงเหมือนเดิมนะครับ
เมื่อเข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ Foyer ที่เป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume 6.7 m. เป็นส่วนต้อนรับแรก จึงทำให้มีความโปร่งโล่ง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับฟังก์ชันต่างๆของชั้นล่างทั้งหมดด้วย จึงทำให้ดูกว้างขวางดีทีเดียวครับ
โดยแลกกับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงไปบ้าง เพราะสมมุติว่ามีแขกมาเยี่ยม ก่อนที่เค้าจะเดินแยกไปพื้นที่รับแขกด้านข้าง เค้าก็จะมองเห็นพื้นที่ส่วนตัวอื่นๆที่อาจมีสมาชิกในครอบครัวใช้งานอยู่ได้ เลยแนะนำว่าอาจหา Partition มาพรางสายตา หรือถ้าใครไม่ค่อยได้รับแขกอยู่แล้วก็จะเหมาะกับบ้านหลังนี้เลยครับ
ซ้ายมือจะเป็นพื้นที่รับแขกที่กว้าง 4 x 3.1 m. สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ และยังมีช่องแสงเชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวภายนอกได้อีกด้วย โดยฟังก์ชันนี้จะเป็นส่วนที่แยกออกมาจาก Living Area ทำให้สามารถคุยธุระเป็นการส่วนตัวได้แบบไม่รบกวนกัน
ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งบ้านตัวอย่างก็มีไอเดียของการกั้น Partition ติดตั้งมาให้ดูด้วยครับ ซึ่งจะเห็นว่าพื้นที่นี้จะมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ก็ยังคงกว้างขวางและเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นๆได้ดีอยู่
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ที่สมาชิกในครอบครัวจะสามารถมาใช้งานร่วมกันได้ ซึ่งฟังก์ชันนี้จะมองเห็นเชื่อมต่อมาจากประตูทางเข้าบ้านโดยตรง จึงอาจเสียความเป็นส่วนตัวจากแขกได้ง่ายสักหน่อย
แต่สำหรับการใช้งานในครอบครัวผมมองว่าดีเลยทีเดียวนะ เพราะตำแหน่งนี้ถือเป็นจุดศูนย์กลางของบ้าน ที่ทุกคนจะต้องผ่านไป-มา และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ง่าย เช่น เวลาที่กลับเข้าบ้านมาเราก็สามารถแวะทักทายกับครอบครัว ก่อนที่จะเดินแยกขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนได้นั่นเอง
ติดกันจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่จะเชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวหลังบ้าน ทำให้เวลาที่เรานั่งเล่นดูทีวีอยู่ก็สามารถชมสวนภายนอกไปด้วยได้
หรือเราจะทำชานพักเพื่อออกไปใช้งานนั่งรับลมด้านนอกแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้นะครับ (ของจริงจะเป็นพื้นหญ้า ต้องทำเพิ่มเอง)
ซ้ายมือจะเป็นห้องนอนชั้นล่างที่กั้นด้วยประตูกระจก ซึ่งหากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเปลี่ยนเป็นผนังทึบได้นะครับ หรือจะเป็นการติดม่านเอาไว้แทนก็ได้
โดยสิ่งที่ผมชอบก็คือ ตำแหน่งของห้องนี้จะอยู่ติดกับ Living Area พอดี ซึ่งหากใช้เป็นห้องนอนสูงอายุล่ะก็ ท่านก็จะได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกหลานได้มากขึ้นตลอดเวลานั่นเอง เพราะสมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่ก็จะมานั่งเล่นดูทีวีกันอยู่ด้านหน้าตรงนี้อยู่แล้วครับ
ภายในห้องมีขนาด 2.7 x 3.5 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุต และมีพื้นที่เหลือรอบเตียงให้ใช้งานได้พอดีๆ ซึ่งนอกจากจะใช้งานเป็นห้องนอนผู้สูงอายุแล้ว เรายังสามารถปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ตามต้องการ เช่น ห้องนอนแขก ห้องดูหนังเล่นเกมส์ และห้องทำงาน เป็นต้น
ช่องแสงด้านในจะช่วยให้ภายในห้องมีความสว่างมากขึ้น แต่จะไม่ได้มีขนาดที่กว้างมากพอจะเป็นประตูเดินออกไปข้างบ้านได้นะครับ เหมาะสำหรับนอนชมวิวสวนบนเตียงสบายๆมากกว่า
ส่วนภายในห้องน้ำจะมีการออกแบบตามหลัก Universal Design และมีขนาดที่เหมือนกับบ้านไซส์กลางก่อนหน้านี้เลยครับ เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ใช้งานรถเข็นวีลแชร์มากๆ
อีกด้านหนึ่งของบ้านจะมีโถงทางเดินที่แยกออกไปฟังก์ชันอื่นๆ ซึ่งก็จะเหมือนกับบ้านตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ ประกอบด้วย บันได ห้องครัว ห้องน้ำ และประตูจากที่จอดรถ
เริ่มที่ห้องน้ำแขกภายในจะกว้าง 2 x 1.5 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ มาพร้อมกับโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก Cotto เช่นเดิม
ติดกันจะเป็นห้องครัวขนาด 2.7 x 3.5 m. ที่ของจริงก็จะมีเคาน์เตอร์แบบเปลือยมาให้เราได้ Built-in ต่อได้ตามชอบ รวมถึงยังมีลานซักล้างหลังบ้าน และห้องแม่บ้านให้ใช้งานต่อเนื่องกันได้สะดวกเช่นเดิม
ถัดมาเราจะขึ้นไปบันไดไปยังชั้น 2 กันต่อเลยครับ (บันไดก็เหมือนกับบ้านหลังที่แล้วเลยครับ)
ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับโถงทางเดินที่มีความสว่างโปร่งโล่งพอสมควร เพราะทั้งด้านหน้าบ้านและหลังบ้านจะมีพื้นที่ช่องแสงและ Double Volume เชื่อมต่อกับชั้นล่างได้แบบนี้เลย
ซ้ายมือจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาด 3.1 x 3.5 m. สามารถทำเป็น Family Area หรือพื้นที่นั่งทำงานก็ได้ รวมถึงด้านในจะมีระเบียงขนาด 3.4 x 1.5 m. ให้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งก็ใหญ่พอที่จะจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนรับลมด้านนอกได้สบายๆเลย
นอกจากนี้พื้นที่อเนกประสงค์ยังอยู่ติดกับ Double Volume ตรง Foyer หน้าบ้าน ที่เราสามารถมองลงไปเห็นแขกที่มาหาได้จากบนนี้ได้เลย ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ชั้นบนมีความโปร่งโล่งดีมาก
ติดกันจะเป็นห้องนอนที่ 2 ภายในกว้าง 3.3 x 5 m. อีกทั้งยังมีระเบียงส่วนตัวที่กว้าง 3.5 x 1.5 m. ให้ใช้งานอีกด้วยครับ ซึ่งการที่มีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่แบบนี้ ก็ช่วยทำให้ภายในห้องมีความสว่างโปร่งโล่งไปด้วยเช่นกัน
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นห้องน้ำครับ ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.65 x 2.3 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.65 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ แต่อาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองนะครับ
ถัดมาจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่โซนหลังบ้าน ภายในกว้าง 3.9 x 3.3 m. เหมาะที่จะเป็นห้องนอนลูกคนเล็กครับ หรือถ้าใครมีลูกคนเดียวจะเปลี่ยนเป็นห้องอื่นๆก็ได้ตามต้องการ
ส่วนห้องน้ำก็จะมีขนาดและฟังก์ชันเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถใช้งานได้สะดวก
ต่อมาเราจะไปดูห้องอื่นๆที่อยู่อีกฝั่งของตัวบ้านกันต่อครับ
เริ่มกันด้วยห้องที่อยู่ติดกับได้จะเป็นห้องพระ มีขนาดกว้าง 2.1 x 2.9 m. ของจริงจะเป็นผนังทึบนะครับ แต่ถ้าต้องการความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้น ก็สามารถทำเป็นผนังกระจกแบบบ้านตัวอย่างได้ และติดกันจะเป็นห้องเก็บของกว้าง 1.2 x 2.8 m. สามารถเก็บของได้จริงจังเช่นเดิม
สุดท้ายจะเป็นห้อง Master Bedroom ภายในกว้าง 6.3 x 4 m. สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ รวมถึงยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่ช่วยทำให้บรรยากาศสว่างโปร่งโล่งอีกด้วย
อีกด้านหนึ่งของห้องจะมี Walk-in Closet แยกออกไปเป็นสัดส่วน ซึ่งเราสามารถ Built-in เพิ่มเติมเองได้ตามต้องการครับ (ของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ)
ส่วนภายในห้องน้ำก็จะมีขนาดใหญ่ พร้อมทั้งมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนพร้อมใช้งาน
โดยห้องนี้เราจะได้เป็นอ่างอาบน้ำแบบฝังเคาน์เตอร์จาก Cotto นะครับ รวมถึงได้อ่างล้างหน้าแบบ His and Her และโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติเช่นเดิม ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 1.5 x0.9 m. ใช้งานได้สะดวก มาพร้อมกับฉากกั้นอาบน้ำและที่นั่งอาบแบบนี้เลย
- Radathon บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
บ้านหลังนี้จะเป็นขนาดใหญ่สุดของโครงการ ฟังก์ชันภายในจะมีลักษณะคล้ายกับบ้านอื่นๆก่อนหน้านี้ เพียงแต่จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่มากขึ้น และที่จอดรถทั้ง 4 คันก็จะเป็นการจอดแบบในร่มทั้งหมด รวมถึงยังมีการเพิ่มขนาดของระเบียงและลานซักล้างให้ใหญ่มากขึ้นอีกด้วยครับ
แปลนชั้น 2 เรียกได้ว่าเป็น Highlight หลักของบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเราจะได้ห้องนอนขนาดใหญ่ถึง 4 ห้อง โดยที่ห้องนอนรองด้านหน้าบ้านจะมีขนาดที่ไม่แพ้ Master Bedroom เลยครับ เลยอาจเรียกได้ว่าบ้านหลังนี้มี Double Master Bedroom เหมาะกับครอบครัวที่สามารถอยู่อาศัยร่วมกันได้หลายๆ Generation เช่น รุ่นลูกที่แต่งงานไปแล้วก็ยังอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ต่อได้ยาวๆเลยนั่นเอง
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะ
ราคา
บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน ราคา ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567
- Rada บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 102 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 370 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 23 ล้านบาท - Radapat บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 112 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 416 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท - Radathon บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 2 พื้นที่พักผ่อน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 32 ล้านบาท - ค่าจอง แบบบ้าน Rada = 100,000 บาท / Radapat = 200,000 บาท / Radathorn = 300,000 บาท
- ค่าทำสัญญา แบบบ้าน Rada = 400,000 บาท / Radapat = 500,000 บาท / Radathorn = 600,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 120,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่ากองทุนแรกเข้า 400 บาท/ตร.วา
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- Promotion : ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน* + ฟรีแอร์ทุกห้องนอน*
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ติดถนนใหญ่เอกชัย ทำให้สามารถเข้าเมืองได้ง่าย โดยใช้เส้นทางของถนนกาญจนาภิเษก หรือถนนพระราม 2 ก็ได้ ซึ่งจะต่างจากเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ที่มักจะอยู่ภายในซอยครับ จึงทำให้เป็นโครงการที่เดินทางสะดวกดีทีเดียว ทั้งนี้ก็แลกมากับราคาที่สมน้ำสมเนื้ออยู่พอสมควร เหมาะกับคนที่มีงบ 20 ล้านขึ้นไป
แต่ถ้ามองในอนาคตอีก 5 – 6 ปี ที่หากมีรถไฟฟ้าตัดผ่านมาจริงๆ ผมคิดว่าราคาที่ดินติดถนนแถวนี้คงไปไกลขึ้นอีกแน่นอน (อย่างต่ำๆบ้านคงเริ่ม 30 ล้าน ++) ส่วนความอุดมสมบูรณ์จะอิงอยู่แถวๆบางบอน-พระราม 2-มหาชัย เหมาะกับคนที่ทำงานและอยู่อาศัยในย่านนี้ หรือมีธุรกิจส่วนตัวอยู่ใกล้ๆครับ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ค่อนข้างมีความโดดเด่นมากๆ โดยโครงการจะมี Double Security Gate 2 ชั้น ช่วยคัดกรองคนในการเข้าสู่โครงการ รวมถึงมี CCTV และ รปภ. ดูแลตลอด 24 ชม. ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย มาพร้อมกับรั้วรอบโครงการที่มีความสูงเป็นพิเศษ ทำให้ช่วยบังสายตาจากเพื่อนบ้านข้างๆได้ดี ส่วนภายในบ้านก็จะมีทั้ง CCTV 4 ตัว + Magnetic & Shock Sensor ให้เป็นมาตรฐานครับ
การออกแบบโครงการ : จัดผังออกมาได้เป็นส่วนตัวดีทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็น Double Security Gate 2 ชั้น ที่แขกจะเข้ามาติดต่อได้ตรง Clubhouse ด้านหน้า ทำให้ไม่ต้องเข้ามาในโซนพักอาศัยให้เสียความเป็นส่วนตัว รวมถึงยังแบ่งบ้านพักทั้ง 72 ยูนิตออกเป็นซอยแยกย่อย ที่มีเพื่อนบ้านเพียง 3 – 6 หลังเท่านั้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากๆครับ
การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : เป็นบ้านเดี่ยวหน้ากว้างที่มีขนาด 100 ตร.วาขึ้นไปทั้งหมดเลย และสร้างเกือบเต็มพื้นที่ดินด้วย จึงทำให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในที่เยอะมากๆครับ อีกทั้งเค้ายังออกแบบให้ภายในห้องต่างๆมีขนาดใหญ่ และกว้างขวางเป็นพิเศษด้วย ดังนั้นหากใครที่มองหาบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่ในย่านนี้ ก็สามารถลองมาดูโครงการนี้ได้นะครับ
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเป็นครอบครัวใหญ่ 3 Generation ได้ดีอีกด้วย โดยจะมีที่จอดรถ 4 คัน และมีห้องนอนผู้สูงอายุชั้นล่างทุกหลัง ซึ่งออกแบบด้วยหลัก Universal Design ให้ใช้งานได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นพื้นทางลาด และราวจับต่างๆ เป็นต้น
อีกทั้งยังมีพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume และด้านบนก็มีฟังก์ชันพิเศษอย่าง ห้องพระ และห้องเก็บของแบบจริงจังให้ใช้งานด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่เราไม่ค่อยจะเห็นในบ้านแบรนด์อื่นๆ นอกจากในเครือของ CPN ดังนั้นใครที่ชอบฟังก์ชันแบบนี้รับรองว่าตอบโจทย์แน่นอน
วัสดุ : โครงสร้าง Concentional หรือก่ออิฐมวลเบาทั้งหลัง ข้อดีคือสามารถทุบ/เจาะ/ต่อเติมได้ง่าย ซึ่งเหมาะกับฟังก์ชันบ้านหลังนี้ที่มีความยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนได้เยอะตามความต้องการ ภาพรวมวัสดุต่างๆผมว่าเค้าให้มาดีพอสมควรเลย โดยเฉพาะพวกพื้นต่างๆที่ปิดผิวด้วยไม้จริง (บันได = ไม้สัก/พื้นชั้นบน = ไม้โอ๊ค) และ Top เคาน์เตอร์ต่างๆก็เป็นหินจริงด้วยเช่นกัน (ห้องน้ำ = หินอ่อน/ห้องครัว = หินแกรนิต) ซึ่งเราไม่ค่อยเจอในโครงการอื่นๆเท่าไหร่นัก
รวมถึงพวกพื้นที่จอดรถ + ลานซักล้างก็เป็น Slab on Beam ทั้งหมด และพื้นในห้องผู้สูงอายุยังใช้เป็น Absorption Floor ที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุด้วย นอกจากนี้ยังมีพวก Smart Technology จาก CPN อื่นๆที่นำเข้ามาใช้ เช่น Smart Drain / Smart Airflow และ Active Air Quality เป็นต้น ซึ่งจะช่วยทำให้การอยู่อาศัยภายในบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : โครงการมีพื้นที่สีเขียวรวมประมาณ 1 ไร่ ซึ่งจะเป็นสวนสไตล์ English Garden ที่จะเน้นเป็นพื้นหญ้าโล่งๆขนาดใหญ่มากกว่า แต่ก็พอจะมีต้นไม้ขนาดกลางคอยให้ร่มเงาได้อยู่บ้างครับ ภาพรวมผมถือว่าโอเคนะ ส่วนภายในบ้านก็จะมีการปลูกต้นไม้จัดสวนมาให้เป็นมาตรฐานโครงการเลย
สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ แต่ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ การออกแบบโซนการใช้งานของฟังก์ชัน ที่แยกกันระหว่าง Looby ที่เอาไว้รับแขกด้านหน้า กับโซน Activity อื่นๆของลูกบ้านออกจากกันได้อย่างชัดเจนมาก
โดยจะนำไปอยู่บนชั้น 2 และด้านหลังอาคารทางฝั่งบ้านพักอาศัยด้านใน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานสูง รวมถึงความสวยงามของอาคารผมก็ว่าทำออกมาได้ดี ชอบตรงรอบๆสระว่ายน้ำที่จะมี Pavilion แยกออกไป ทำให้พื้นที่แต่ละฟังก์ชันก็มีความเป็นส่วนตัวออกจากกันที่ดีทีเดียว
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 23 – 32 ล้านบาท, 13 กุมภาพันธ์ 2567
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนใหญ่เอกชัย ใกล้กาญจนาภิเษก เข้าเมืองสะดวก
- ความปลอดภัย 8/10 – Double Security Gate / CCTV / ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านทั้งหลัง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – บ้านเดี่ยวที่ดิน 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยเยอะ เหมาะกับครอบครัวใหญ่ แบ่งซอยย่อยได้เป็นส่วนตัว
- วัสดุ 8/10 – ให้มาค่อนข้างดี เน้นวัสดุจริงจากธรรมชาติ ผนังก่ออิฐต่อเติมง่าย
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – มีสวนขนาด 1 ไร่ พร้อมจัดสวยในบ้านตามมาตรฐาน
- สาธารณูปโภค 8/10 – ฟังก์ชันใช้งานครบ มีความเป็นส่วนตัว สวยงามน่าใช้
- 8.03 / 10.00
บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน เหมาะกับใคร
โครงการ Baan Nirada Ekkachai-Wongwaen (บ้านนิรดา เอกชัย-วงแหวน) เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยว 100 ตร.วาขึ้นไป ติดถนนใหญ่เอกชัยย่านบางบอน และใกล้ถนนกาญจนาภิเษกเข้าเมืองง่าย เป็นโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวสูง โดยเฉพาะการจัดโซนหรือผังต่างๆ และเป็นบ้านไซส์ใหญ่หน้ากว้าง ที่เหมาะกับการอยู่แบบ 3 Generation มีห้องนอนชั้นล่างและจอดรถได้ 4 คันทุกแบบ พร้อมพื้นที่อเนกประสงค์ภายในให้ใช้งานตาม Lifestyle ของผู้พักอาศัยได้เพียบ มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 23 – 32 ล้านบาท
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่