รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.103 – i-NINE พหลโยธิน by VIP Living
9 พฤศจิกายน 2014
รีวิวฉบับที่ 680 … I-NINE เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นใจกลางเมืองที่ตั้งอยู่บนถนนสุทธิสาร อินทามระ ซอย 9 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สะพานควายประมาณ 1 กิโลเมตร (หากวัดเป็นรัศมีจะอยู่ในระยะ 500 เมตร) ซึ่งจัดว่าเป็นทำเลเดียวกับพวกคอนโดมิเนียม อย่าง Sense, Haven, Socio, LPN … โปรเจคนี้จึงเป็นบ้านเดี่ยวที่น่าสนใจด้วยทำเลที่ไม่น่าจะหาได้อีกแล้วในราคา 13.5 – 25 ล้านบาท เพราะด้วยระดับราคาเดียวกันนี้เป็นโครงการอื่นๆก็ต้องอยู่ราชพฤกษ์บ้าง รามอินทราบ้าง รัตนาธิเบศร์บ้าง อย่างเก่งก็แถวพระราม 9 หรือเลียบทางด่วน ซึ่งไม่ได้อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า แต่ในขณะเดียวกันด้วยความที่เป็นบ้านใจกลางเมือง ก็ต้องแลกกับขนาดที่ดินที่จัดว่าเล็กและไม่มีพื้นที่ส่วนกลางใดๆครับ
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของบ้าน I-NINE นี้ไม่ใช่ทำเล แต่เป็นการออกแบบ เพราะเจ้าของโครงการเป็นสถาปนิกที่ออกแบบหมู่บ้านเองและดำเนินการก่อสร้างเอง ทำให้ฟังก์ชั่นต่างๆนั้นถูกคิดมาค่อนข้างครบถ้วน และบางอย่างก็แปลกแตกต่างไม่เหมือนหมู่บ้านจัดสรรทั่วๆไปในประเทศไทย จะเป็นอย่างไร มาอ่านรีวิวกันดีกว่าครับ
Fact @ 25 September 2014
- I-NINE (ไอ ไนน์)
- บริษัท V.I.P Living จำกัด
- Segment : SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : พญาไท แขวง สามเสนใน กทม.
- เนื้อที่โครงการ 3-3-39ไร่
- บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน
- Aqua พื้นที่ใช้สอย 390 ตารางเมตร + สระว่ายน้ำส่วนบุคคล
- Metro พื้นที่ใช้สอย 340 ตารางเมตร
- Green พื้นที่ใช้สอย 300 ตารางเมตร
- Urban พื้นที่ใช้สอย 290 ตารางเมตร
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 35 – 50 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 13.5 ล้านบาท หรือ 385,000 บาท/ตร.วา
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ต้นปี 2558
- http://www.ininehome.com
- สำนักงานขาย : 02-616-7979, 084-546-0404
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ
พิกัด : 13.790815, 100.553900
แผนที่โครงการ I-NINE
ผมจะพาเดินดูสภาพแวดล้อมของถนนโดยรอบก่อนนะครับ ด้านหน้าปากซอยอินทามระ 9 เป็นถนนใหญ่สุทธิสารวินิจฉัย ที่เชื่อมจากพหลโยธินไปถึงรัชดาภิเษก จนไปสุดที่ทางเชื่อมบริเวณถนนลาดพร้าว ซอย 64
ปากซอยอินทามระ 9 เป็นที่ตั้งของอพาร์ตเม้นท์สีส้มที่มี 7-11 อยู่ด้านล่าง ระยะจากปากซอยเข้าไปถึงตัวหมู่บ้านประมาณ 150 เมตร เดินออกมาได้สบายๆ
ถนนสุทธิสารนี้เป็นถนนเก่าแก่ มีชุมชนดั้งเดิมอาศัยอยู่มาก ขนาดธนาคารก็ยังเป็นอาคารสมัยเก่า โดยถนนนี้เป็นถนนขนาด 3 เลน แบ่งกันวิ่ง ในช่วงเวลาเร่งด่วนบางครั้งจะไม่สามารถเลี้ยวเข้าจากถนนวิภาวดีได้ แต่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีซอยลัดมากมาย สามารถใช้ทดแทนได้ทั้งหมด อาทิเช่น ทางลัดบริเวณสมาคมพระคริสตธรรมไทยและซอยอินทามระ 14 ที่เป็นที่ตั้งของโครงการคอนโด MetroLux ของ Property Perfect ครับ
เดินออกไปจากปากซอย 9 นิดเดียว ฝั่งตรงข้ามก็เจอ 7-11 อีกแล้ว โดยเป็นปากซอยอินทามระ 4 ที่เป็นที่ตั้งของปั๊มน้ำมัน Esso, B-Quick และคอนโดมิเนียมด้านในอีก 5 ตึก ได้แก่ Haven, Haven Luxe, Socio, Atrium และ Braxtor โดยจะสามารถลัดทะลุไปออกพหลโยธินซอย 2 และ 8 บริเวณอารีย์ก่อนถึงสนามเป้า ได้เลยครับ
เดินถัดไปอีกนิดนึง ก็จะเจอคอนโดตึกสูงใกล้กับซอย 1/1 เป็นคอนโด Sense พหลโยธิน ที่พึ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ตัวตึกค่อนข้างสวยงามทำให้เป็นหน้าเป็นตาของถนนเส้นนี้
ซอย 1/1 เป็นซอยทางลัดไปออกข้าง Big C สะพานควาย สามารถเดินไปรถไฟฟ้าได้ แต่โดยรวมก็ต้องมี 1 กิโลเมตรเศษๆ จากบริเวณหมู่บ้าน I-NINE จนไปถึง BTS ครับ
ฝั่งตรงข้ามเป็นซอยอินทามระ 2 ที่ตั้งของโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ … LPN
ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่ง บริเวณถนนสุทธิสารตัดกับวิภาวดีรังสิตก็สามารถวิ่งไปเลี้ยวขวาบริเวณนี้ เพื่อที่จะไปขึ้นทางด่วนดินแดงได้ค่อนข้างสะดวกครับ
กลับมาที่ปากซอยอินทามระ 9 กันบ้าง ที่ดินฝั่งที่เป็น 7-11 และอพาร์ตเม้นท์สีส้มนี้เป็นของ Landlord ท่านหนึ่ง จากปากซอยไปท้ายซอยเลย ทั้งหมดเป็นอาคารบ้านเช่าและอพาร์ตเม้นท์ทั้งสิ้น
ช่วงบริเวณต้นซอยก็มีร้านรวงเล็ก ขายข้าวราดแกง กาแฟสด และร้านซักอบรีด
ถัดไปอีกหน่อยก็จะเจอที่จอดรถของอพาร์ตเม้นท์ด้านหน้า
แล้วก็เจออพาร์ตเม้นท์กำลังก่อสร้างอีก 2 ตึก … รถที่จอดๆกันอยู่ในซอยก็ขนของมาก่อสร้างอพาร์ตเม้นท์ที่มีผ้าสีเขียวๆคลุมอยู่นี่ละครับ
ถัดจากอพาร์ตเม้นท์ก็จะเริ่มเป็นพื้นที่ของหมู่บ้าน I-NINE แล้ว เดี๋ยวเราเข้าไปชมโครงการกันเลย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ห้างสรรพสินค้า – La Villa อารีย์
- Hyper Market – Big C สะพานควาย
- ตลาดสด – ตลาด อตก.
- โรงพยาบาล – รพ. เปาโล, รพ. พญาไท 2, รพ. วิชัยยุทธ
พื้นที่ฝั่งซ้ายบริเวณก่อนถึงหมู่บ้าน I-NINE เป็นที่จอดรถ ซึ่งเป็นที่ดินของเจ้าของโครงการ อยู่ด้านนอกโครงการ ไม่ขายและไม่ให้ใช้จอดรถในอนาคต
บ้านหลังแรกเป็นสำนักงานขาย และเป็นบ้านที่เจ้าของโครงการเก็บไว้เองเช่นกัน หมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านทั้งหมด 36 หลัง แต่จะขายเพียง 35 หลังนะครับ
เนื่องด้วยหมู่บ้าน I-NINE เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก ทำการจัดสรรเล็กบางส่วน และสร้างขายในนามของบุคคลในส่วนที่เหลือ หมู่บ้านจึงไม่มีทรัพย์ส่วนกลาง ไม่มีนิติบุคคล และที่สำคัญไม่มีค่าส่วนกลางด้วย เวลาเราซื้อบ้านประเภทนี้ก็เหมือนกับซื้อบ้านในซอยธรรมดาทั่วๆไป ไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงส่วนกลางเหมือนหมู่บ้านขนาดใหญ่ แต่ก็จะไม่ได้ใช้สาธารณูปโภคอย่าง ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สโมสร รปภ. และสวนสาธารณะ ตามที่หมู่บ้านราคา 10 – 20 ล้านนี้เขามีกัน … ช่วยไม่ได้ครับ ทำเลตรงนี้เป็นทำเลในเมือง เราต้องเลือกว่าเราชอบแบบไหน ถ้าอยากได้บ้านในเมืองก็ต้องรับได้ตามแบบที่เขาเป็นนะจ๊ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- ไม่มีทรัพย์ส่วนกลาง
อุปกรณ์มาตรฐาน
- หลอดไฟ Photo Cell หน้าบ้าน
- สัญญาณกันขโมย
- ประตูม้วน รีโมท
- กล้องวงจรปิด 3 จุด
- แอร์ทั้งหลัง
- เครื่องทำน้ำร้อน
โดยหลังถัดมาเป็นบ้านที่จะเริ่มขายหลังแรก เจ้าของโครงการทำเป็นบ้านตัวอย่างเอาไว้ ชื่อรุ่นว่า AQUA เป็น Pool Villa ซึ่งมีทั้งหมด 5 หลังในโครงการ I-NINE นี้
AQUA เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาด 50 ตารางวา บวกลบ โดยมีพื้นที่ใช้สอย 390 ตารางเมตร 4-5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว ห้อง Laundry สระว่ายน้ำส่วนบุคคล และ Garage Store กับพื้นที่จอดรถได้ 3 คัน ครับ
แปลนชั้นล่าง
บ้านเลขที่ของที่นี่จะขึ้นต้นด้วย 9 โดยหลังแรกคือ 9/1 เป็นสำนักงานขาย 9/2 เป็นบ้านตัวอย่างไปจรดหลังสุดท้าย
หน้าบ้านกว้าง 11 เมตร (หลังที่แคบที่สุดกว้าง 10.7 เมตร) จอดรถได้ 3 คันทุกหลัง โดยจะมีประตูม้วนรีโมท เปิดปิดได้จากด้านในและนอกบ้าน ติดตั้งโคมไฟกิ่ง Solar Cell เป็น LED สองจุด ซึ่งจะส่องสว่างเองหลัง 6 โมงเย็นจนไปถึง 6 โมงเช้า … บ้านทุกหลังจะถูกบังคับเปิดไฟพร้อมๆกัน หลอดไฟ 72 ดวง จะทำให้ซอยนี้สว่างไสวในยามค่ำคืนครับ
เดินเข้าหน้าบ้านปุ๊บ สิ่งแรกที่เราจะเห็นก็คือ Garage Store อันเป็นพื้นที่ใช้สอยบริเวณโรงรถ ให้เก็บของ แขวนจักรยาน สายยาง ฯลฯ วางอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ได้ โดยพื้นโรงจอดรถจะยกสูงกว่าระดับถนนซอย 20 เซ็นติเมตร ป้องกันปัญหาฝนตกแล้วระบายไม่ทัน (ซึ่งซอยนี้ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอยู่แล้ว)
ตัวบ้านยกสูงขึ้นไปอีก โดยพื้นบ้านจะอยู่สูงจากถนนอย่างน้อย 1 เมตร ต่อให้น้ำท่วมแรงๆก็ยากที่จะเข้าบ้านครับ เจ้าของโครงการบอกว่าทำเอาไว้เผื่ออนาคตจะมีน้ำท่วมหนักกว่าปี 54 ทั้งๆที่ปี 54 น้ำก็มาไม่ถึงแถวนี้
บริเวณประตูเล็กหน้าบ้านเป็นฟุตบาท กล่องใส่จดหมาย ออดไฟฟ้า และพื้นที่ปลูกต้นไม้เล็กๆ โดยจะมีไม้ต้นไม่ใหญ่แถมให้ 1 ต้น กับประตูที่สูงจรดฝ้าชายคา 3.27 เมตร
ผมถามเจ้าของโครงการที่เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบว่าทำไมต้องทำอย่างนี้? ทำประตูสูงขนาดนี้ไปเพื่ออะไร
คำตอบที่ได้รับก็คือเพื่อ “ความปลอดภัย” จะเห็นว่าบ้านนี้ไม่มีช่องให้ปีน ประตูม้วนก็ปิดจรดพื้น ประตูเล็กก็ปิดจรดฝ้า ไม่มีช่องเปิดบริเวณรั้วหน้าบ้าน พร้อมกับติดกล้องวงจรปิดด้านบนและสัญญาณกันขโมยซ้ำลงไปอีก
ด้วยความที่ประตูสูงมาก ก็มีน้ำหนักมาก เป็นบานไม้หรือบานเหล็กก็คงจะเปิดกันไม่ไหว บ้านหลังนี้เลยเลือกใช้บานอลูมิเนียม ทนแดด ทนฝน แถมยังเบาอีกต่างหาก เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆก็เปิดได้สบายๆครับ
มุมนี้เด่นมากครับ ผมไม่เคยเห็นบ้านจัดสรรที่ไหนในประเทศไทยเขาทำกัน คือเป็นมุมให้ถอดรองเท้าหน้าบ้าน วางถุงกอล์ฟ ที่มีหลังคากันฝน
ซึ่งรองเท้าและฝุ่นที่มากับรองเท้า หรือร่มเปียกๆในวันฝนตก ฯลฯ ก็สามารถวางไว้ตรงนี้ ไม่ต้องเอาเข้าบ้าน และไม่เกะกะหน้าบ้านด้วยครับ
เดินขึ้นบ้านที่สูงกว่าพื้น 1 เมตรนั้นก็ต้องขึ้นบันไดสูงหน่อย ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ หรือผู้ใหญ่ที่สายตาไม่ค่อยดีก็กลัวพลัดตกลงไปเหมือนกัน บ้านไหนต้องระวังก็ควรจะทำราวกันตกเพิ่ม ให้จับตอนเดินขึ้นลง เพิ่มเรื่องความปลอดภัยครับ
ที่จอดรถนั้นลึก 5.575 เมตร วัดจากขอบประตูม้วนถึงผนังบ้าน ทำให้ไม่มีปัญหาในการจอดรถใหญ่ แต่ถ้าเป็นคันที่ยาวมากๆแบบ S-Class หรือ 7 Series ที่ยาว 5.2m ก็จะปิดประตูได้แต่เหลือพื้นที่เดินน้อยหน่อย ส่วนถ้าใครมีอันจะกินมากๆอยากจอด Rolls Royce Phantom, Bentley Mulsanne ก็คงจะปิดประตูบ้านไม่ได้นะครับ
ประตูด้านหน้าบ้านเป็นประตูไม้บานใหญ่ ขนาด Oversize แต่ไม่เท่าประตูเล็กหน้าบ้านนะ … แต่พอเปิดแล้วจะบอกว่าบานหนักกว่าประตูอลูมิเนียมด้านหน้าอีก
ภาพแรกที่เห็นหลังจากที่เปิดประตูเข้าบ้านเป็นภาพนี้นะครับ สามารถเดินขึ้นชั้นสองได้เลย และมีที่แขวนกระเป๋าอยู่บริเวณขวามือด้วย โดยพื้นบ้านทั้งหมดนั้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกแผ่นใหญ่
พอหันมามองทางซ้ายเท่านั้นละ ก็จะรู้สึกพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยความกว้าง 11 เมตรและความลึกราว 5 เมตร ทำให้พื้นชั้นล่างของบ้านหลังนี้ดูโล่ง รู้สึกโปร่งสบายมากกว่าที่เห็นจากภาพด้านนอก โดยห้องโถงด้านล่างนี้ประกอบด้วย 4 ฟังก์ชั่นหลัก คือมุมทำงาน ห้องนั่งเล่น โต๊ะทานข้าว และครัวฝรั่ง
ฟังก์ชั่นแรกเป็นมุมทำงานที่จัดเอาไว้ใต้บันได เรียกว่าพยายามใช้พื้นที่กันทุกเม็ด ตรงนี้นั่งนานๆอาจจะอึดอัดเพราะพื้นที่ใต้บันไดมันบีบลงมา แต่ถ้านั่งขีดเขียนโน่นนี่ชั่วคราว ระหว่างดูทีวีกับครอบครัว ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
ต่อมาเป็นตัวห้องโถงหลัก หากวัดระยะจากบันไดไปจนสุดขอบก็จะได้ 9 เมตรครึ่งเป็นอย่างน้อย
ระยะดูทีวีจัดได้ตามใจชอบ เพราะห้องมีความลึกเฉียดๆ 5 เมตร พร้อมกับช่องแสงให้สามารถมองออกไปที่โรงรถหน้าบ้านได้ด้วย
ส่วนทางซ้ายมือของภาพด้านบนนั้นเป็นห้องน้ำแขก (Powder Room) ที่อาบน้ำไม่ได้นะครับ
ขยายห้องน้ำให้ดูกันหน่อย จะบอกว่าบ้านหลังนี้ใช้ไฟ LED ทั้งหลัง ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องประหยัดไฟนะครับ
ถัดมาเป็นส่วนของแพนทรี่และโต๊ะรับประทานอาหารที่จัดไว้คู่กัน ซึ่งมีหน้าต่างบานเล็กๆให้มองทะลุไปยังสวนแนวดิ่งด้านหลังบ้าน พื้นที่ตรงนี้จัดโต๊ะไว้นั่งสำหรับ 6 คน ซึ่งถ้าใช้โต๊ะใหญ่กว่านี้ ต่อหัวท้ายก็พอจะขยายเป็น 8 คนได้ครับ
จุดเด่นของแพนทรี่ตรงนี้คือช่องแสงด้านบน และมุมมองที่เชื่อมต่อไปยังสวนและสระน้ำด้านหลังบ้าน
ช่องแสงด้านบนนี้เรียกว่า Sky Light … เป็นช่องที่เอาไว้ดูดแสงธรรมชาติมาใช้ในการทำงาน และด้วยกำแพงบ้านหลังข้างๆที่กั้นไว้ให้แบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องแดดร้อนกันล่ะ
หลายๆคนอาจจะสังสัย ทำไมเป็นบ้านเดี่ยวแล้วถึงปลูกติดกับหลังข้างๆได้? ก็เพราะว่าเจ้าของโครงการปลูกบ้านสองหลังที่ติดกันโดยการเซ็นยินยอมให้บ้านข้างๆนั้นปลูกชิดผนังกันได้ เฉพาะส่วนของ Sky Light ชั้น 1 เท่านั้น แต่ด้วยตัวโครงสร้าง ผนัง เสาเข็ม ทั้งหมดนั้นแยกกัน ไม่มีโครงสร้างใดๆเชื่อมกัน ไม่ใช่บ้านแฝดหรือทาวน์เฮาส์ ดังนั้นต่อให้บ้านข้างๆถูกรื้อออกไป ก็ไม่มีปัญหาใดๆกับบ้านหลังนี้ครับ
มุมที่เด็ดจริงๆของ I-NINE ก็คือมุมห้องนั่งเล่นต่อเชื่อมสระว่ายน้ำหลังบ้านนี่แหละ ที่เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน โดยจะเห็นสระว่ายน้ำ สวนแนวดิ่ง และได้ยินเสียงน้ำตกจำลองด้านหลังบ้านด้วย เหมือนกับพวก Pool Villa ตามรีสอร์ท 5 ดาว เลยครับ
แต่แน่นอนทุกอย่างไม่ Perfect … ด้วยเพราะเป็นบ้านเดี่ยวที่ปลูกติดกัน มันก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีนะครับ ข้อเสียคือพื้นที่ด้านข้างบ้านบริเวณ Pantry และบันไดนั้นจะเป็นพื้นที่ทึบทั้งสองฝั่ง ไม่มีหน้าต่างและพื้นที่นอกบ้าน บางคนอาจจะไม่ชอบครับ
ถ้าใครชอบนั่งชิลล์ๆ สบายๆ ไม่ต้องเปิดแอร์ ก็สามารถเดินออกมาบริเวณ Terrace หลังบ้าน เปิดพัดลม นั่งอยู่บนกระเบื้องลายไม้ข้างสระว่ายน้ำ ที่มีชุดครัวไทยอยู่ด้านหลัง
หรือถ้าใครชอบแบบห้องแอร์ ก็สามารถกั้นบานเฟี้ยม ปรับพื้นที่ให้กลายเป็น Semi-Indoor ก็ได้ (ภาพนี้คือบ้านหลังที่ 1 หรือหลังสำนักงานขายนะครับ)
ขอบสระว่ายน้ำที่นี่ทำไว้เป็นระยะที่พอดีกับการนั่ง วางขาวางก้นได้เป๊ะๆแบบ Human Scale สามารถนั่งชนแก้วกันได้
ด้านหลังชิงช้าเป็นสวนแนวดิ่งกับพื้นที่โรยกรวดไว้ ปรับภาพลักษณ์บ้านแคบๆในเมืองให้กลายเป็นโอเอซิสใจกลางเมือง
ผมไปลองนั่งชิงช้าตัวนั้นแล้ว ขอบอกว่าชิลล์สุดๆ ไม่ค่อยอยากลุกเลย
เพิ่มเติมเรื่องสระน้ำ ขอบด้านล่างจะเห็นว่าซ่อนไฟ LED เอาไว้ และมีการติดตั้งไฟในสระว่ายน้ำด้วย เวลาเปิดแล้วจะสว่างไสวยามค่ำคืน
น้ำตกตรงนี้ช่วยเรื่องบรรยากาศได้มาก ส่วนสระนี้เป็นระบบเกลือคลอรีน กว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 8 เมตร ลึกไม่เกิน 1.2 เมตร พอว่ายได้ ถ้าติดเครื่องว่ายทวนน้ำก็จะออกกำลังได้เหมือนกันนะ
ส่วนถ้าใครชอบฮิปๆ ก็สามารถไปหา LED มาติดที่บริเวณน้ำตก ให้มันเปลี่ยนสีวับๆสะท้อนน้ำในสระ จัด Pool Party ได้เลย
ครัวบริเวณนี้เป็นครัวไทยสำหรับต้มผัดแกงทอดแล้ว มี Island อีกชุดหนึ่ง ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการทำกับข้าว บ้านไหนแม่บ้านทำอาหารเก่ง อุปกรณ์ก็ต้องเยอะหน่อยนะครับ
ด้านหลังครัวเป็นพื้นที่ของห้องแม่บ้านพร้อมกับห้องน้ำในตัว ขนาดเล็กหน่อยแต่ก็พออยู่ได้ครับ
อีกอย่างก็คือ เนื่องจากหลังบ้านเป็นทิศตะวันตก ทางผู้ออกแบบจึงใส่อุปกรณ์ผ้าใบรีโมทเข้าไปด้วย ปรับให้กลายเป็นสระว่ายน้ำในร่มได้
และเช่นกันผ้าใบด้านซ้ายก็สามารถเปิดให้หมุนลงมาอัตโนมัติเวลาฝนตก โต๊ะกาแฟด้านซ้ายก็จะไม่เปียกฝน เราสามารถนั่งเย็นๆนอกบ้านเวลาฝนตกได้เลย
พอถึงเวลาแดดร่มลมตก ก็เอาผ้าใบเก็บเข้าไป กลายเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง มองไปเห็นสวนแนวดิ่งกับต้นไม้หลังบ้าน สบายตาดีครับ
จบพื้นที่ชั้นล่างสุดแล้ว เหลืออีก 2 ชั้น เราค่อยๆขึ้นบันไดไปดูกันดีกว่า
ก่อนที่จะขึ้นไปชั้นบน ผมจะให้ดูชั้นวางของตรงบันไดนี้ก่อน … ที่สามารถวางของลึกขนาดนี้ได้เป็นเพราะสถาปนิกเจ้าของโครงการออกแบบให้เป็นผนังหนา เบิ้ลผนังออกมา ลึก 30 เซนติเมตร เนื่องเพราะตรงนี้เป็นส่วนที่ติดกับผนังนอกบ้านที่ใกล้กับบริเวณ Sky Light / Pantry ของบ้านข้างๆ ทำให้ช่วยกันเสียงไม่ให้บ้านสองหลังรบกวนกันครับ
บันไดทั้งหมดเป็นระยะ Human Scale ที่ไม่มีขั้นสามเหลี่ยม และใช้ชานพักขนาดใหญ่ ความกว้างบันได 1.25 เมตร สำหรับบ้านไหนที่มีผู้สูงอายุก็สามารถติดตั้งลิฟท์เก้าอี้ที่ใช้วนตามบันไดได้ด้วย เผื่อระยะไว้แล้วครับ
ช่องแสงตามบันไดมีเรียบร้อย พร้อมกับพื้นที่ที่เหลือพอจะปรับเป็นชั้นวางหนังสือได้ด้วย
แปลนชั้น 2
ห้องแรกของชั้น 2 เป็นฟังก์ชั่นที่ผมไม่เคยเห็นในบ้านจัดสรรเมืองไทยเลยนะครับ … เพราะเป็นห้องที่ถูกลืมอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือ …
Laundry Room … ที่ปกติจะอยู่แต่ชั้น 1 ใกล้ๆห้องแม่บ้าน แต่ไม่เคยเห็นที่ไหนเอาขึ้นมาไว้ชั้น 2 นอกจากบ้านสไตล์อเมริกันต่างประเทศ
ห้องนี้ติดตั้งแอร์ พร้อมกับมีห้องน้ำในตัวที่อาบน้ำได้ ถ้าใครไม่อยากได้ Laundry Room ก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนที่ 4 ได้ครับ แต่ผมว่าห้องนอนมันเยอะพอแล้วนะ ทำเป็นห้องซักรีดนี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว
เนื่องเพราะพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดถูกใช้งานไปกับความสวยความงาม ห้องซักรีดก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกยกขึ้นมาไว้ชั้น 2 ซึ่งก็มีเหตุผลที่ดีๆอีกหลายประการก็คือ
1. ห้องนอนอยู่ชั้น 2-3 เช่นเดียวกับตู้เสื้อผ้า ถ้าต้องซักรีดที่ชั้นล่างก็ต้องแบกเสื้อผ้าขึ้นลง ทำให้เปลืองแรงเปล่าๆ
2. ชั้นล่างพื้นที่ไม่พอ และการตากผ้าข้างล่างก็จะทำให้สระว่ายน้ำดูไม่จืดเลย
3. มุมนี้เป็นทิศตะวันตก สามารถตากผ้าได้อย่างสบายใจ แห้งเร็วแน่นอน
จุดตากผ้าก็เป็นระเบียงอยู่ด้านนอก ปูพื้นกระเบื้อง มีการก่อผนังเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ใช้ผนังแบบที่มีช่องระบายอากาศให้ลมพัดเข้าออกได้
ด้านบนทำหลังคาด้วยวัสดุโปร่งใส ปล่อยให้แสงเข้าได้และไม่ต้องกลัวฝน หากไม่ใช่มืดฟ้ามัวดิน พายุเข้า ก็ไม่ต้องวิ่งมาเก็บผ้าแน่นอน
ชั้นสองของบ้านมีด้วยกันทั้งสิ้น 3 ฟังก์ชั่น ก็คือห้อง Laundry, ห้องอเนกประสงค์และห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) พื้นทั้งหมดของชั้น 2 ยกเว้นห้องน้ำและระเบียงจะปูด้วย Engineering Wood ผิวไม้จริง
หลายๆคนอยากได้พื้นที่เพิ่มก็สามารถรวมห้องนอนใหญ่กับห้องอเนกประสงค์เข้าด้วยกัน กลายเป็น En Suite Bedroom ก็ได้นะครับ
เนื่องเพราะห้องอเนกประสงค์นี้อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่เลย สามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นห้องนอนที่ 5, ห้องทำงาน, ห้องเด็กอ่อน ได้สบายๆ
ห้องนอนใหญ่มีพื้นที่กว้างขวาง วางเตียง King Size พร้อมกับโต๊ะ Night Table และ Armchair อีก 2 ชุดได้ด้วย
ห้องนอนลึกประมาณ 4 เมตร ทำให้มีพื้นที่เดินและวางชั้นวางทีวีเหลือเฟือ แต่ไม่ลึกพอที่จะวางโซฟาปลายเตียงได้
ทีเด็ดของห้องนอน Master Bedroom ไม่ใช่โซฟาปลายเตียง แต่อยู่ตรงนี้ครับ … พื้นที่วางแพนทรี่พิเศษพร้อมกับตู้เย็น
ถามว่ามีไว้เพื่อ ?? เรื่องแรกเลยก็คือน้ำเย็น ชา กาแฟ พวกเครื่องดื่มเล็กๆน้อยๆจะได้อยู่ใกล้มือ ไม่ต้องเดินลงไปเปิดตู้เย็นชั้นล่าง
สองคือเรื่องของบ้านไหนที่มีเด็กอ่อน ก็สามารถเก็บล้างขวดนมและอุปกรณ์อื่นๆที่เดี่ยวกับเบบี๋ได้ตรงนี้ รวมถึงแช่ขวดนมในตู้เย็นได้ด้วยนะ
Pantry ในห้องนอนเป็นฟังก์ชั่นที่ผมไม่เคยเห็น แต่ก็มีประโยชน์ใช้สอยที่ดี เหมาะกับบางครอบครัว ส่วนครอบครัวไหนที่ไม่ชอบเรื่องกลิ่น กลัวมด หรือไม่ชอบนำอาหารเข้าห้องนอน ก็สามารถปรับพื้นที่ตรงนี้เป็นตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า ได้ตามใจชอบเลยครับ ทางโครงการไม่ได้บังคับว่าจะต้องเป็นฟังก์ชั่นแบบนี้ แต่ออกแบบมาให้ดูเฉยๆในบ้านตัวอย่าง
เรามาถึงห้องน้ำและห้องแต่งตัวกันบ้างแล้ว ซึ่งในห้องนอนใหญ่จะมี Walk-in Closet แบบนี้เลย
พื้นที่บริเวณนี้ออกแบบให้เก็บเสื้อผ้า กระเป๋า ฯลฯ เอาไว้แต่งตัวสำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ รวมถึงโต๊ะเครื่องแป้งกับกระจกบานใหญ่ พร้อมกับแอร์อีก 1 เครื่องสำหรับคนขี้ร้อน
ส่วนห้องน้ำ Master Bathroom นั้นก็ประกอบด้วย 6 ฟังก์ชั่นหลัก แยกระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้งด้วยกระจก Tempered Glass
พื้นที่อาบน้ำมีด้วยกัน 2 ฟังก์ชั่น คือที่ยืนอาบน้ำและอ่างอาบน้ำพร้อมหัวฉีด โดยไฟที่ใช้เป็นไฟหลืบทั้งหมด มีช่องให้แสงธรรมชาติเข้าถึง 2 จุด ไม่ต้องกลัวชื้น กลัวขึ้นรา ละครับ
อีก 4 ฟังก์ชั่นก็คือ อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์, ราวตากผ้า และ ทีวี!
สามอันแรกฟังแล้วก็โอเค แต่พอเจออันสุดท้ายนี่ทำไว้สำหรับคนติดหนังติดละครเลย นั่งห้องน้ำไป ดูละครไปได้ด้วย
ซิงก์มีให้แบบ 1 ชุด วางบนท๊อปหินอ่อน น่าเสียดายไม่ได้เป็นแบบ His and Her แต่ผมว่าอันเดียวแบ่งกันใช้ก็ดีครับ ไม่ต้องขัดสองอัน
ราวตากผ้า ฟังก์ชั่นนี้เป็นฟังก์ชั่นที่ผมชอบที่สุดเลย ชอบมากกว่าทีวีอีก เพราะผมเองเป็นคนที่ลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำบ่อยมาก ถ้าสามารถตากตรงนี้ได้ด้วยแสงธรรมชาติ ไม่ต้องกลัวลืมแล้ว 😀
ย้อนกลับมาดูที่ห้องอเนกประสงค์บ้าง ตรงนี้สามารถทำประตูเชื่อมกับห้องนอน เป็นแบบ En Suite ได้ ถ้าคุณสามีหรือภรรยา ต้องการห้องทำงานที่เป็นสัดส่วนก็ควรจะใช้ห้องนี้ละครับ หรือถ้ามีเด็กอ่อน ก็ยิ่งเหมาะเลย อยู่ใกล้กับแพนทรี่ในห้องนอนด้วย หรือจะยกแพนทรี่มาไว้ในห้องนี้แทนก็ได้ เพราะพื้นที่เหลือเฟืออยู่แล้วครับ
จบชั้น 2 เดินขึ้นไปชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายกันได้แล้วครับ
แปลนชั้น 3
ฟังก์ชั่นแรกของชั้น 3 เลยก็คือหิ้งพระ ที่วางเอาไว้บริเวณขอบบันไดก่อนที่จะเข้าไปยังพื้นที่ชั้นบนสุด
ชั้น 3 นี้ทางบ้านตัวอย่างจัดเป็นพื้นที่สำหรับลูกๆ ให้ห้องแรกเป็นห้อง Family Room สำหรับเด็กๆมาทำกิจกรรมกัน นั่งเล่น ดูทีวี เล่นเกม ตรงนี้สะดวกมาก
ห้อง Family Room นี้ค่อนข้างใหญ่ และเป็นห้องเปิดไม่มีผนังกั้นบริเวณบันได ถ้าใครจะปรับเป็นห้องนอนที่ 6 ก็สามารถทำได้แต่ก็ต้องกันผนังทั้งแผงเพิ่มนะครับ โดยจะเริ่มกั้นจากขอบซ้ายของประตูฝั่งตรงข้ามก็ได้อยู่ครับ
วิวจากชั้น 3 จะค่อนข้างดี เพราะบ้านแถวนี้เป็นบ้านเช่า 1-2 ชั้นทั้งนั้น พื้นชั้น 3 อยู่สูงขึ้นมา 7.5 เมตรจากพื้นถนน เวลามองออกไปจริงๆก็จะสูงมากอยู่ครับ
มองออกไปด้านหน้าปากซอย เห็นอพาร์ตเม้นท์สีส้ม ระยะห่างจากปากซอย 150 เมตร
มองในมุมกลับจะเห็นว่าเพดานของชั้น 3 ค่อนข้างสูง ต้องมี 3 เมตรกว่าแน่นอน
ห้องที่ 2 เป็นห้องนอนด้านหน้าบ้าน ตรงนี้จัดเป็นห้องเด็กผู้ชาย แต่งได้เรียบแต่สวยมาก ผมชอบ Interior Design ห้องนี้ครับ
พื้นถูกยกขึ้นมากลายเป็นเตียงได้เลย วางฟูกแบบไม่ต้องซื้อเตียง ตรงนี้ทำให้ดูในบ้านตัวอย่างเฉยๆ ของจริงเป็นพื้นเรียบเสมอกันนะครับ
อีกห้องนอนหนึ่งผมจะบอกว่าใหญ่พอๆกับ Master Bedroom ด้านล่างเลย ก็คือห้องนอนลูกสาวพร้อม Studio ในตัว
ห้องลูกสาวแต่งออกโทนหวานๆ มีพื้นที่เพียงพอให้วางเตียง King Size เช่นกัน
จุดเด่นจริงๆคือ Studio ห้องนี้ … ที่เป็นเสมือน En Suite Bedroom ห้องที่ 2 ถ้าลูกๆมีกิจกรรมอดิเรก ก็สามารถปรับห้องนี้เป็นห้องกิจกรรมได้เลย เช่น ห้องซ้อมดนตรี (ต้องทำผนังกันเสียงเพิ่ม) ห้องเย็บปักถักร้อย ห้องฟิตเนส ห้องโยคะ ฯลฯ
โดยห้องนอนทั้งสองห้องบนชั้น 3 ทั้งห้องลูกชายและห้องลูกสาวนั้นมีห้องน้ำในตัว แต่ลักษณะห้องน้ำจะเล็กกว่าห้อง Master Bathroom ชั้น 2 อยู่บ้างนะครับ โดยทุกห้องจะติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน Stiebel ไว้ให้แล้ว ขนาด 6000 – 12000W แล้วแต่ความจำเป็นครับ
ห้องน้ำจะไม่มีอ่างอาบน้ำ ไม่มีทีวีนะครับ แต่ก็จะมี Rain and Hand Shower ให้เป็นมาตรฐานพร้อมกับฉากกั้นอาบน้ำและช่องระบายอากาศด้วยแสงธรรมชาติทุกห้องครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25 September 2014
- ราคาบ้าน 13.5 – 29.5 ล้านบาท
- จอง 100,000 บาท
- ทำสัญญา 500,000 บาท
- ดาวน์ 20% ผ่อนชำระไม่เกิน 6 เดือน
- ไม่มีค่าส่วนกลาง
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของ I-NINE เป็นทำเลที่เทียบเคียงได้กับคอนโดมิเนียมระดับ Upper Class ในตลาดปัจจุบัน ก็คือร่นออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สะพานควายประมาณ 1 กิโลเมตร แต่อยู่ใจกลางเมือง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ทำเลระดับนี้ก็จะทำเป็นคอนโดกันหมด มีส่วนน้อยที่จะเจอสินค้าประเภทอาคารพาณิชย์หรือทาวน์เฮาส์ 3-4 ชั้น ที่จะทำแล้วได้กำไรกว่ามาก ยกตัวอย่างเช่น Landmark ของ L&H ที่อยู่ใกล้ MRT ลาดพร้าว หรือ Residence 65 ของ แสนสิริที่อยู่ใกล้ BTS เอกมัย ราคาไม่ต่ำกว่า 15-20 ล้านด้วยกันทั้งคู่ แต่ด้วยความที่ I-NINE เป็นบ้านเดี่ยว ก็บอกได้ตรงๆเลยว่าทำเลอย่างนี้หาไม่ได้แล้วครับ
ซอยที่ตั้งของ I-NINE เป็นซอยที่ไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบจนเกินไป รถ 2 คันพอจะวิ่งสวนกันได้ แต่ถ้ามีรถจอดอยู่คันหนึ่งในซอยแล้วก็ต้องเข้าคิว แบ่งๆถนนกันหน่อย แต่ด้วยความที่ไม่ไกลจากปากซอย เพียง 150 เมตรจึงดูไม่ลึก ต่างจากพวกทาวน์เฮาส์ในเมืองหลายๆที่ที่ต้องเข้าซอยไป 2-3 กิโลเมตรนะครับ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านเช่า ปากซอยเป็นอพาร์ตเม้นท์ของแลนด์ลอร์ด ก็จะทำให้ซอยนี้ดูไม่หรูหราไฮโซอย่างที่คาดๆกันไว้ แต่ด้านในซอยลึกๆก็มีบ้านนายพลเหมือนกันนะ
บ้านเดี่ยว I-NINE จะว่าไปก็ไม่เชิงเป็นบ้านเดี่ยว 100% เหมือนที่อื่น เพราะชั้นล่างสุดนั้นทางเจ้าของโครงการออกแบบให้ปลูกติดกันบางส่วน โดยส่วนของ Skylight / Pantry จะไปชิดกับส่วนของบันไดขึ้นชั้นสองของบ้านหลังข้างๆ ดังนั้นมิติเรื่องความโปร่งจากด้านข้างก็จะหายไปจากบางส่วนของชั้นล่าง (ชั้น 1 ด้านหน้ากับท้ายและชั้น 2-3 มีผนังไม่ชิดกับบ้านข้างๆ) แต่ก็ยังคงความเป็นบ้านเดี่ยวได้ด้วยการออกแบบพื้นที่หลังบ้านได้ดีอย่างคาดไม่ถึง ใช้สวนแนวดิ่ง สระว่ายน้ำ และ Terrace มาเชื่อมกันสร้างบรรยากาศให้กลายเป็น Pool Villa ไปเสีย เข้ามาในตัวบ้านแล้วลืมซอยด้านหน้ากับทางเข้าบ้านไปหมดเลย
ความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูเพราะหมู่บ้าน I-NINE ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ปิดแบบหมู่บ้านจัดสรรทั่วๆไป แต่จะเป็นบ้านตามตรอกซอกซอยเหมือนกับบ้านส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นก็ต้องดูแลทรัพย์สินของตัวเองให้ดีของใครของมันนะครับ โดยทางโครงการก็ได้ให้มาตรการรักษาความปลอดภัยมาบางส่วนแล้ว ซึ่งผมว่ามันก็ดีระดับหนึ่งเลยล่ะ เช่น โคมไฟกิ่งหน้าบ้านที่เปิดปิดเองในเวลากลางคืน 6 โมงเย็นจนถึง 6 โมงเช้า, กล้องวงจรปิด 3 ตัวทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน, การใช้ประตูม้วนและประตูเล็กด้านหน้าบานใหญ่ ไม่มีช่องเปิดให้ปีนเข้าบ้านได้, ติดสัญญาณกันขโมยทุกหลัง, รั้วสูง 3 เมตรและยกพื้นบ้านสูงอีก 1 เมตร ขาดแต่ยามและป้อมรักษาความปลอดภัยที่จะมีในหมู่บ้านอื่นๆนะครับ
การออกแบบและพื้นที่ใช้สอยนั้นทำออกมาได้เยี่ยมยอด พื้นที่ 300 กว่าตารางเมตรถูกปรับให้เข้ากับ Life Style ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะหลังที่มีสระว่ายน้ำ ที่ทำให้พื้นที่ชั้นล่างดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก ส่วนการออกแบบพื้นที่ใช้สอยบนชั้น 2 และ 3 ยิ่งทำได้ดี ทั้งการมีห้องซักรีดบนชั้น 2 และ En Suite Bedroom ทั้งสองชั้น แต่ถ้าเป็นบ้านหลังเล็กไม่สามารถใส่สระว่ายน้ำลงไปหลังบ้านได้ ก็จะรู้สึกว่าฟังก์ชั่นชั้นล่างขาดๆไปบ้างเหมือนกัน เพราะไม่มีพื้นที่สีเขียวให้ปลูกต้นไม้เพียงพอ จนขาดเสน่ห์ของบ้านเดี่ยวไปพอสมควร
วัสดุอุปกรณ์ใช้ของดีเป็นส่วนใหญ่ มีอุปกรณ์ให้มากมาย แอร์ทั้งหลัง ประตูรีโมท เครื่องทำน้ำร้อน ห้องน้ำอย่างดี ปูพื้นด้วยไม้ Engineering Wood และใช้หลอดไฟ LED ทั้งหลัง ข้อเสียอาจจะเป็นเพียงเรื่องของชุดครัวกับสวนแนวดิ่งที่ไม่มีให้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะครับ ในราคา 15 – 20 ล้านโดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวที่อื่น หรือแม้แต่คอนโดใจกลางเมือง ผมว่าก็จัดว่าทำวัสดุได้ดีเลยละ
สาธารณูปโภคที่นี่ไม่มีให้ดังนั้นผมจะตัดออกไม่หยิบมาพิจารณานะครับ แต่ผมก็จะเขียนเอาไว้หน่อยสำหรับคนที่จะซื้อบ้านที่มีสระว่ายน้ำ โดยสระว่ายน้ำระบบเกลือคลอรีนที่ทาง I-NINE ให้มานี้จะดูแลง่ายกว่าแบบคลอรีน แต่ก็ต้องเสียค่าดูแลอยู่ดีนะครับ ค่าใช้จ่ายตรงนี้อยู่ที่ประมาณเดือนละ 3500 – 4000 บาท แต่ถ้าเราหาผู้ดูแลสระเจ้าที่ถูกๆหน่อยก็อาจจะลดลงมาได้บ้าง แต่ก็อยู่ในระดับ 2000 – 3000 บาทอยู่ดี สระว่ายน้ำขนาด 3 x 8 เมตร นี้อาจจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่มันช่วยในเรื่องของบรรยากาศและความน่าอยู่อาศัยได้มากๆครับ
สำหรับเรื่องราคา เรามองได้สองแบบ ถ้าหากเอาตารางเมตรมาหารเทียบกับราคาต่อตารางเมตรของพวกคอนโดมิเนียมทั่วๆไปนั่น ก็ต้องบอกเลยว่าถูก เพราะราคาตกที่ตารางเมตรละ 40,000 – 50,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง แถมด้วยที่ดินและที่จอดรถส่วนตัวอีกสามคัน ดีกว่าคอนโดเหลือๆ แต่ถ้าเอาปัจจัยอื่นมาเทียบด้วย ในเรื่องของวิว ความปลอดภัย สาธารณูปโภค คอนโดก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าก็ได้นะครับ การมองราคาอีกแบบหนึ่งคือการเทียบกับการสร้างบ้านในเมือง ตกตารางเมตรละ 20,000 – 25,000 บาท แล้วแต่ผู้สร้าง กับราคาที่ดินอีกไม่ต่ำกว่า 120,000 – 150,000 บาทต่อตารางวาในย่านนี้ ก็เทียบความคุ้มค่าดูเองนะครับ ส่วนจะเทียบกับบ้านเดี่ยวโครงการอื่นๆนั้น มันหาตัวเปรียบเทียบได้ยาก เพราะทำเลต่างกันเหลือเกินเลย
แต่จริงๆหมู่บ้าน I-NINE ก็มีข้อเสียเหมือนกันนะ คือเรื่องของสภาพแวดล้อมที่อยู่ในซอยใกล้กับบ้านเช่าและอพาร์ตเม้นท์ต่างๆ กับความที่ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน ไม่มีนิติบุคคล สวน สโมสร สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สนามเด็กเล่นตลอดจนสวนสาธารณะ การออกแบบช่วงกลางของตัวบ้านที่มีส่วนที่ไปสร้างผนังบ้านชิดกับผนังบ้านข้างๆ กับขนาดที่ดินที่จัดว่าเล็กกว่าบ้านเดี่ยวปกติทั่วไปพอสมควร ทั้งนี้ก็ไม่มีอะไรที่ Perfect ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาเป็นครอบครัวๆไป ว่าบ้านหลังนี้ เหมาะสมกับเราหรือไม่ อย่างไรครับ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 15 – 20 ล้านบาท, 25 September 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 10/10 – บ้านเดี่ยวในเมืองใกล้รถไฟฟ้า
- ความปลอดภัย 7/10 – ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน ลูกบ้านต้องดูแลกันเอง แต่มีตัวช่วยให้เยอะและออกแบบมาเผื่อไว้แล้ว
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – ใช้พื้นที่ได้ดีมาก
- วัสดุ 8.5/10 – วัสดุดีเมื่อเทียบกับราคา แอร์พร้อม ไม่มีครัวให้
- บรรยากาศและสภาพโครงการ 9/10 – สำหรับหลังที่มีสระว่ายน้ำ 7/10 – สำหรับหลังที่ไม่มีสระว่ายน้ำ
- สาธารณูปโภค – ไม่นำมาพิจารณา
- 8.83 / 10.00 สำหรับหลังที่ไม่มีสระว่ายน้ำ
- 9.05 / 10.00 สำหรับหลังที่มีสระว่ายน้ำ
BOTTOM LINE
บ้านเดี่ยวในเมืองปัจจุบันหาไม่ค่อยได้แล้ว I-NINE จึงเป็นคำตอบที่หาตัวเทียบได้ยาก แต่โครงการนี้ก็ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านอย่างที่หลายๆคนต้องการนะ ใครสนใจก็ต้องถามตัวเองก่อนเลยว่า 15 ล้าน ไหวหรือเปล่า?
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ