ไม่ค่อยได้เห็นโครงการแนวราบ เกิดขึ้นในย่านลาซาล-แบริ่งกันบ่อยๆนะครับ ซึ่ง The Park Lane สุขุมวิท – แบริ่ง จาก อาเวีย พร็อพเพอร์ตี้ เป็นทาวน์โฮม 4.5 ชั้น ที่อยู่ในซอยแบริ่ง 13 และซอยลาซาล 24 ทำเลเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า BTS แบริ่ง โครงการมีจำนวนยูนิตน้อย ได้ความเป็นส่วนตัว พร้อมส่วนกลางให้ใช้งานครบ ในราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท โดยมี Highlights ที่น่าสนใจดังนี้
- ทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้า BTS แบริ่ง และเดินทางด้วยรถยนต์สะดวก
- มีความเป็นส่วนตัว จำนวนยูนิตที่น้อย และตัวบ้านมี Facade กับต้นไม้ช่วยพรางสายตา
- มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ พร้อมมีดาดฟ้าให้ใช้งาน ถ้าคิดราคาเฉลี่ยต่อพื้นที่ใช้สอย ก็นับว่าถูกกว่าคอนโดในย่านเดียวกัน
- ฝ้าเพดานสูง ฟังก์ชันในบ้านมีความโปร่งโล่งดี
ข้อมูลโครงการ
5 February 2021
- The Park Lane Sukhumvit – Bearing (เดอะ พาร์คเลน สุขุมวิท – แบริ่ง)
- บริษัท อาเวีย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถนน สุขุมวิท เขต บางนา
- เนื้อที่โครงการ 2-1-35.6 ไร่ จำนวน 20 ยูนิต
- ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 30.5 – 51.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. (ไม่รวมดาดฟ้า)
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท - ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 1 = 6.5 เมตร / ชั้นลอย = 3.5 เมตร / ชั้น 2 และ 3 = 2.85 เมตร
- ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 230,000 บาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2562
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปลายปี 2563
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-8215641, 089-6925111, 089-6925222
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- เป็นโครงการจัดสรรแนวราบเพียงไม่กี่แห่ง ในย่านคอนโดลาซาล-แบริ่ง และอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS แบริ่ง 1.9 km.
- ทำเลเดินทางด้วยรถยนต์สะดวก มีทางลัดไปออกถนนใหญ่ได้หลายซอย
- มีทางด่วนให้ใช้อยู่ไม่ไกล เข้าเมืองได้ง่าย
- แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทั้งห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และโรงเรียนนานาชาติ
พิกัด Google Maps : 13.657791, 100.613139
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
หากพูดถึงที่อยู่อาศัยในย่านลาซาล-แบริ่ง หลายๆคนอาจนึกถึงคอนโดมิเนียมกันใช่มั้ยครับ เพราะเป็นทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าสายสุขุมวิทเส้นหลักอย่าง BTS แบริ่ง ที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่าย แต่สำหรับโครงการที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้คือ The Park Lane Sukhumvit – Bearing ซึ่งเป็นทาวน์โฮมที่ตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง 13 ที่เชื่อมต่อกับซอยลาซาล 24 จึงทำให้เข้า-ออกได้ 2 ทาง
ส่วนความอุดมสมบูรณ์โดยรอบนับว่ามีครบเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ ร้านค้าร้านอาหารต่างๆที่อยู่ตรงปากซอย หรือจะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง Lasalle’s Avenue ที่อยู่ตรงกลางซอย และถ้าเป็นห้างที่ใกล้ที่สุดก็คือ Central บางนา ซึ่งมีอาคารสำนักงานที่คึกคักที่สุดของย่านบางนาอยู่โดยรอบอีกด้วย ส่วนตรงสี่แยกบางนาก็จะมีทั้งไบเทคบางนา รวมถึงอนาคตก็จะมี Bangkok Mall เกิดขึ้นอีกด้วยนะ
และถึงแม้ว่าโครงการจะตั้งอยู่ใกล้กับฝั่งแบริ่งก็จริง แต่โดยส่วนตัวผมมองกลับมองว่า คนที่อยู่โครงการนี้น่าจะได้ใช้ถนนทางฝั่งซอยลาซาลเป็นหลักมากกว่า เพราะเป็นซอยที่มีทางลัดไปออกถนนใหญ่อย่างบางนา-ตราดได้ง่าย รวมถึงถนนภายในซอยลาซาล 24 ก็ยังมีความกว้างมากกว่าฝั่งซอยแบริ่ง 13 อยู่เล็กน้อย จึงขับรถได้ง่ายและปลอดภัยกว่าครับ โดยผมสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 เส้นทางหลักๆดังนี้
- BTS แบริ่ง : อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.9 km. โดยใช้เส้นทางผ่านซอยแบริ่งจะเป็นระยะทางที่ใกล้ที่สุด เหมาะกับคนใช้รถไฟฟ้าเดินทางเข้าเมืองบ่อยๆ หรือจะเลี้ยวซ้ายไปทางสมุทรปราการก็ได้
- ปากซอยลาซาล : อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.6 km. ซึ่งถ้าใครที่มีลูกเรียนอยู่ที่ St. Andrews International School ก็น่าจะได้ใช้เส้นทางนี้บ่อยๆนะครับ เพราะเมื่อส่งลูกเสร็จก็สามารถวนรถกลับบ้านผ่านทางซอยแบริ่งได้เลย
- ซอยลาซาล 23 : อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.8 km. สามารถออกถนนบางนา-ตราดได้ เหมาะกับคนที่ต้องการมายังสี่แยกบางนา เพื่อมาไบเทคบางนา หรือข้ามสี่แยกไปขึ้นทางด่วน และยังสามารถกลับรถตรงสี่แยกเพื่อไปส่งลูกเรียนที่ Berkeley International School ได้ง่ายอีกด้วย
- ซอยหมู่บ้านถาวรนิเวศน์ 2 : อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.8 km. สามารถออกถนนบางนา-ตราด ซึ่งเป็นช่วงที่ยังขึ้นทางด่วนได้ทัน โดยไม่ต้องเสียเวลารถติดที่สี่แยกบางนานั่นเองครับ
- ซอยลาซาล 55 : อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3.2 km. สามารถออกถนนบางนา-ตราดได้ ซึ่งเป็นช่วงที่เราจะขึ้นสะพานกลับรถเพื่อไปฝั่ง Central บางนา ได้ทันครับ
- ซอยลาซาล หรือสุขุมวิท 105 : ถ้าตรงมาเรื่อยๆจะสามารถเชื่อมต่อกับถนนศรีนครินทร์ได้ ซึ่งปากซอยลาซาลจะเป็นสามแยกไฟแดงพอดี ได้เปรียบกว่าปากซอยแบริ่ง เพราะเราสามารถเลือกที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าเมืองไปทางบางกะปิ จะตรงไปโรงพยาบาล หรือจะเลี้ยวขวามาสมุทรปราการ และยังไปห้าง Makro หรือ Big C ได้อีกด้วย
ภาพบรรยากาศถนนซอยแบริ่ง 13 และซอยลาซาล 24 ที่อยู่ด้านหน้าโครงการ จะเป็นซอยขนาดเล็กที่รถสามารถสวนกัน 2 เลนได้แบบพอดีๆ (ในบางช่วงจะแคบกว่าปกติ หรือถ้ามีรถจอดริมทาง จะต้องใช้ความระมัดระวังสักหน่อยนะครับ) และนอกจากนี้ก็จะมีวินมอไซค์ขับผ่านเป็นระยะๆด้วยครับ สามารถเรียกเพื่อไปปากซอยได้ไม่ยากนัก
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- รร.บางกอกพัฒนา ~ 1.2 km.
- BTS แบริ่ง ~ 1.9 km.
- Lasalle’s Avenue ~ 2.1 km.
- CenterPoint Entertainment ~ 2.3 km.
- รร.ลาซาล กรุงเทพ ~ 2.7 km.
- St. Andrews International School ~ 2.9 km.
- ไบเทค บางนา ~ 3.1 km.
- Berkeley International School ~ 3.4 km.
- รพ.ศิครินทร์ ~ 4.2 km.
- Makro ศรีนครินทร์ ~ 4.5 km.
- Big C ศรีนครินทร์ ~ 4.6 km.
- JAS URBAN ~ 4.7 km.
- Central บางนา ~ 5.7 km.
- Megabangna ~ 11.2 km.
รายละเอียดโครงการ
โครงการ The Park Lane สุขุมวิท-แบริ่ง ถูกพัฒนาโดยบริษัท อาเวีย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯมาแล้วหลายแห่ง และทาวน์โฮมแบรนด์นี้ก็ถือเป็นโปรดักส์ระดับ Luxury ที่แพงที่สุดของเค้าอีกด้วยครับ โดยนี่จะเป็นโครงการ The Park Lane แห่งที่ 3 แล้วนะ (โครงการที่ 1 และ 2 ของเค้าอยู่ที่ซอยเอกมัย) ซึ่งมี Highlights ที่น่าสนใจดังนี้
- จำนวนยูนิตน้อย เป็นส่วนตัว
- มีอาคาร Clubhouse ให้ใช้งาน แม้จะเป็นโครงการขนาดเล็ก
- สายไฟลงใต้ดินทั้งหมด และเดินระบบไฟ 3 Phase
- บ้านฝั่งตรงข้ามจะตั้งอยู่เยื้องกันเล็กน้อย ลดปัญหาการมองเห็นจากช่องหน้าต่างโดยตรง
โครงการมีขนาดที่ดิน 2-1-35.6 ไร่ และมีเพื่อนบ้านเพียง 20 ยูนิต จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากๆครับ โดยบ้านแต่ละหลังจะตั้งอยู่เยื้องกันเล็กน้อย ช่องหน้าต่างชั้นบนจึงไม่ตรงกัน ช่วยลดปัญหาการมองเห็นบ้านฝั่งตรงข้ามลงได้ และถึงแม้ว่าจะเป็นโครงการจัดสรรขนาดเล็ก แต่ก็มีอาคาร Clubhouse และส่วนกลางให้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งผมมองว่าค่อนข้างสะดวกดีทีเดียว
เพราะเราสามารถมาออกกำลังกายได้ภายในโครงการได้ โดยไม่ต้องออกไปเล่นที่ยิมด้านนอกให้เสียเวลาเดินทาง หรือเสี่ยงโควิดกับคนเยอะๆ รวมถึงเรายังสามารถใช้เป็นพื้นที่พบปะแขก แทนการพาเข้าบ้านตัวเองได้ ทำให้บ้านของเราจะไม่เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับค่าส่วนกลาง 140 ตร.วา/เดือน เนื่องจากมีเพื่อนบ้านช่วยแชร์ค่าส่วนกลางน้อยนั่นเอง โดยบรรยากาศโครงการจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ
ปัจจุบันโครงการกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอยู่นะ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ โดยจุดเด่นคือ พื้นถนนภายในโครงการปูด้วย Concrete Stamp และเดินสายไฟใต้ดิน จึงไม่มีสายไฟด้านบนมาบังสายตา และยังดูสวยงามเรียบร้อยมากขึ้นอีกด้วยครับ
ซึ่งทางโครงการยังแจ้งให้ทราบอีกว่า เค้าได้เดินระบบไฟ 3 Phase ไว้ทั้งโครงการ เพื่อรองรับการใช้งานไฟหนักๆได้ หรือถ้าใครที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า แล้วต้องการติดตั้ง EV Charger ก็ทำได้ง่าย เพียงแค่ติดตั้งแท่นชาร์จเพิ่มเติมเท่านั้น
ส่วนภาพบรรยากาศ Clubhouse สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างได้เลยครับ
Lobby บริเวณชั้น 1 มองเห็นสระว่ายน้ำด้านข้างได้ เหมาะที่จะมานั่งเล่นและพบปะแขกครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- สระว่ายน้ำ
- ห้องออกกำลังกาย
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม
- ถนนหลักกว้าง 9 ม.
- สายไฟลงใต้ดินทั้งโครงการ และเดินระบบไฟ 3 Phase
- Key Card Access ระยะไกล
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
แบบบ้าน
แบบบ้านของโครงการนี้จะมีแค่แบบเดียวเท่านั้นคือ
- ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 30.5 – 51.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. (ไม่รวมดาดฟ้า)
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
ซึ่งถ้าดูจากภายนอกจะรู้สึกว่า ตัวบ้านค่อนข้างสูงกว่าปกติมาก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะระแนงที่อยู่ด้านบนเค้าสูงเลยดาดฟ้าขึ้นไปซะอีกครับ และแต่ละชั้นของตัวบ้านเองก็มีฝ้าเพดานสูงถึง 2.85 m. ซึ่งจะทำให้ภายในโปร่งโล่งแค่ไหนนั้น เรามาดูแปลนบ้านและประเด็นที่น่าสนใจกันก่อนครับ
ลักษณะของบ้านทาวน์โฮมเค้าจะเน้นพื้นที่ใช้สอยแนวตั้งเป็นหลัก เพราะจะไม่ค่อยมีที่ดินรอบบ้านให้ใช้งานมากนัก ดังนั้นทางโครงการจึงมีพื้นที่ชั้นดาดฟ้าให้ขึ้นไปใช้ได้ครับ ซึ่งเราสามารถจัดสวน ปลูกต้นไม้ ทำมุมปาร์ตี้ส่วนตัว หรือจะเอาไว้ตากผ้าก็ได้
ส่วนฟังก์ชันในบ้านจำเป็นต้องเดินขึ้น-ลงบันไดบ่อยๆ (ไม่มีลิฟต์) จึงอาจไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย แต่จะเหมาะกับคนที่ชอบความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ เพราะนอกจากฝ้าเพดานจะสูงกว่าปกติแล้ว ทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้านยังมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ที่สามารถรับแสงและเชื่อมต่อกับภายนอกได้เต็มที่ ซึ่งวันไหนอากาศดีๆก็เปิดประตูให้ลมพัดผ่านเย็นสบายได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์เลยครับ และจะมี Highlights อื่นๆที่น่าสนใจดังนี้
- สามารถจอดรถได้ 3 คัน
- พื้นที่โถงกลางชั้น 1 และห้องนั่งเล่นบนชั้นลอย มีฝ้าเพดานสูงกว่าปกติ
- Master Bedroom มีขนาดใหญ่ กินพื้นที่ทั้งชั้นเหมือน Penthouse
- ต้นไม้และระแนง Facade ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว
- การออกแบบฟังก์ชันห้องน้ำที่น่าสนใจ
- เพิ่มพื้นที่ใช้สอยและกิจกรรมกลางแจ้งด้วยชั้นดาดฟ้า
1. สามารถจอดรถได้ 3 คัน
ปกติแล้วทาวน์โฮมหน้ากว้าง 6 m. จะสามารถจอดรถเรียงกันได้ 2 คันครับ แต่ด้วยการออกแบบที่ทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งของชั้นล่างเว้าเข้าไป จึงทำให้จอดรถด้านในเพิ่มอีกคันได้ (ความกว้างด้านหน้า 5.7 m. และด้านใน 3.25 m.) ถือว่าเหมาะกับทำเลที่ต้องใช้รถยนต์เป็นหลักแบบนี้ และคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็อาจเป็นครอบครัวใหญ่ ที่มีรถหลายคันด้วยนั่นเองครับ
ซึ่งพื้นจะลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้านมาให้ และปูด้วย Concrete Stamp ส่วนด้านบนเหนือประตูรั้วก็จะมีระแนงบังแดดมาให้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ถ้าต้องการจอดรถทั้ง 3 คันในร่มทั้งหมด ก็อาจต้องทำกันสาดเพิ่มนะครับ
ประตูหน้าบ้านเป็นเหล็กรางเลื่อน ใช้งานง่าย แต่จะมีน้ำหนักพอสมควร จะติดเป็นประตูอัตโนมัติก็ได้นะครับ
2. พื้นที่โถงกลางชั้น 1 และห้องนั่งเล่นบนชั้นลอย มีฝ้าเพดานสูงกว่าปกติ
เริ่มจากโถงกลางบริเวณชั้น 1 ของตัวบ้าน จะมีฝ้าเพดานแบบ Double Volume 6.5 m. ที่สูงขึ้นไปจนถึงชั้นลอยที่อยู่ด้านบน รวมกับมีช่องเปิดที่อยู่ด้านหลังบ้าน จึงทำให้พื้นที่นี้ดูโปร่งโล่งมากขึ้นครับ (บ้านตัวอย่างเป็นแปลงมุม เลยมีช่องเปิดด้านข้างเพิ่มมาด้วย)
โดยฟังก์ชันหลักๆก็คือ เป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งก็สามารถใช้โต๊ะขนาดใหญ่ 6 – 8 ที่นั่งได้สบายๆเลยครับ รวมถึงอาจใช้เป็นพื้นที่รับแขกชั่วคราวที่เราไม่ค่อยสนิทก็ได้ด้วย ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า ถ้าเค้าทำบันไดให้อยู่ชิดด้านใดด้านหนึ่งไปเลย (ไม่แบ่งเป็น 2 ฝั่งแบบนี้) จะทำให้ประหยัดพื้นที่และฝ้าเพดานก็จะดูโปร่งโล่งมากขึ้นกว่านี้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความสวยงามและดูแปลกตาดีไปอีกแบบดีเหมือนกันครับ
ประตูกระจกเปิดไปยังลานซักล้างหลังบ้านได้ ทำให้พื้นที่ภายในและภายนอกเชื่อมต่อกันดี อาจทำสวนเล็กๆ เสริมสร้างบรรยากาศภายในบ้าน หรือบางเวลาก็อาจใช้เป็นลานซักล้างได้ครับ
อีกหนึ่งฟังก์ชันสำคัญของบ้านคือ “ชั้นลอย” มีความพิเศษตรงที่ เราจะได้ฝ้าเพดานแบบ High Ceiling ที่สูงกว่าชั้นปกติอยู่ที่ 3.5 m. และยิ่งโปร่งโล่งมากขึ้นด้วยการเชื่อมต่อพื้นที่กับโถงชั้น 1 และประตูระเบียงกระจกขนาดใหญ่ ลองจินตนาการดูว่าถ้าเราเปิดประตูระเบียงชั้นลอยทางซ้าย และประตูหลังบ้านชั้น 1 เอาไว้พร้อมๆกัน ก็จะทำให้ลมพัดผ่านตัวบ้านเย็นสบาย และถ่ายเทอากาศได้ดีทีเดียวครับ
ชั้นนี้เหมาะที่จะทำเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัว ซึ่งได้ความเป็นส่วนตัวกว่าการอยู่ชั้นล่างเยอะเลย หรืออาจใช้รับแขกและเพื่อนๆที่สนิทกันด้วยก็ได้ครับ รับรองว่าพื้นที่นี้กว้างมากพอที่จะวางชุดโซฟาตัวใหญ่ๆ และจัดปาร์ตี้กันได้สบายๆเลยล่ะ ส่วนพื้นชั้นบนเค้าจะเปลี่ยนจากกระเบื้องมาเป็นไม้ลามิเนตสีแบบนี้เลยครับ
บันไดให้ตามนี้เลยนะครับ โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัย (Tempered Glass) และจุดเด่นเลยคือ เค้าใช้เป็นไม้เต็งที่เป็นไม้จริงครับ
3. Master Bedroom มีขนาดใหญ่ กินพื้นที่ทั้งชั้นเหมือน Penthouse
ห้องนี้จะอยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้านครับ (ซึ่งต้องผ่านชั้นลอยขึ้นมาก่อน ความสูงเลยเทียบเท่าชั้น 3 ของทาวน์โฮมแบบปกติ) และเป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน จนสามารถแบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกได้หลายส่วนตาม Lifestyle ของเจ้าของบ้าน
ในบ้านตัวอย่างเค้าทำพื้นที่ปลายเตียงให้กลายเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ส่วนพื้นที่รอบห้องก็ยังมีเหลือให้ทำเป็นชั้นวางของ มุมโต๊ะทำงาน หรือมุมพักผ่อนส่วนตัวก็ได้ และนอกจากนี้เค้ายังมีทั้งพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำขนาดใหญ่ในตัวพร้อม เรียกได้ว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่บนห้องนี้ได้แบบส่วนตัวเลยครับ
สิ่งที่ชอบอย่างแรกคือ "หน้าต่างขนาดใหญ่" ซึ่งด้านนอกเป็นวิวส่วนพุ่มไม้ของต้นหมากเม่าที่อยู่ชั้นลอย ทำให้นอกจากเราจะได้วิวธรรมชาติสีเขียวที่สดชื่นแล้ว ยังช่วยพรางสายตาจากบ้านฝั่งตรงข้ามได้ดีอีกด้วยครับ
4. ต้นไม้และระแนง Facade ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว
ในชั้น 2 ของห้อง Master Bedroom ก่อนหน้านี้ เราจะมีพุ่มไม้จากชั้นลอยขึ้นมาบังสายให้ และตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไป บริเวณหน้าบ้านจะมีระแนงเป็น Facade ซึ่งช่วยบังแดดและยังพรางสายตาจากบ้านฝั่งตรงข้ามได้ครับ โดยระแนงนี้จะเป็นบาน Fixed ไม่สามารถปรับเปลี่ยนองศาได้นะ และห้องที่ได้ประโยชน์จากจุดนี้คือห้องนอนเล็กทั้ง 2 ที่อยู่โซนหน้าบ้านนั่นเอง
ชั้น 3 จะมีประตูอยู่ 4 ห้องครับ ซึ่งบ้านตัวอย่างนี้เค้าเป็นหลังมุม เลยทำให้มีช่องแสงด้านข้างเพิ่มมา ดูโปร่งโล่งดีทีเดียว ส่วนถ้าเป็นหลังมาตรฐานก็จะเป็นผนังทึบ สามารถทำชั้นวางของเต็มผนังเลยก็ได้
5. การออกแบบฟังก์ชันห้องน้ำที่น่าสนใจ
เมื่อพูดถึง “ห้องน้ำ” ก็ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของบ้านโครงการนี้ครับ โดยเฉพาะช่อง Skylight ที่อยู่บนฝ้าเพดาน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้มีแสงสว่างในตอนกลางวันโดยไม่ต้องเปิดไฟแล้ว ยังมีทั้งความร้อนและ UV จากแสงแดดส่องลงมาช่วยฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย และป้องกันกลิ่นอับในห้องน้ำได้ดีอีกด้วยครับ
ถือว่าแก้ปัญหาเรื่องห้องน้ำไม่มีหน้าต่าง เพราะไม่ได้อยู่ติดกับผนังภายนอกของทาวน์โฮมแบบนี้ได้ดีทีเดียว ซึ่งเราก็สามารถทำพื้นข้างหน้าต่างเหล่านั้น ให้เป็นมุมรับวิวสวยๆ แทนที่จะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำนั่นเองครับ ส่วนช่องแสงนี้ก็จะเชื่อมต่อขึ้นมาบนพื้นชั้นดาดฟ้า ซึ่งนอกจากจะทำความสะอาดง่ายแล้ว ลักษณะของทรงจั่วแบบนี้ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุ ไม่ให้เราเผลอเดินเหยียบลงไปได้อีกด้วยครับ
6. เพิ่มพื้นที่ใช้สอยและกิจกรรมกลางแจ้งด้วยชั้นดาดฟ้า
เนื่องจากทาวน์โฮมเป็นที่อยู่อาศัยที่สร้างเกือบเต็มที่ดิน จึงทำให้ไม่ค่อยมีพื้นที่รอบบ้านให้ใช้สอยเท่าไหร่นัก ดังนั้น ชั้นดาดฟ้าจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะมาทดแทนสิ่งนั้นได้ครับ โดยเราสามารถปลูกต้นไม้ จัดสวนสวยๆ วางศาลานั่งเล่น และทำเป็นพื้นที่ปิ้งย่างสำหรับครอบครัวก็ได้
หรือถ้าในช่วงเวลากลางวันที่แดดดีๆแบบนี้ เราอาจใช้เป็นพื้นที่ตากผ้าได้อีกด้วยนะ ซึ่งผมแนะนำให้ทำพื้นที่ Laundry เล็กๆเพิ่มก็ได้ เวลาจะซักก็สามารถขนเสื้อผ้าจากห้องนอนชั้น 2 และ 3 ขึ้นมาตากที่ด้านบนนี้ได้เลย ซึ่งใกล้กว่าขนลงไปชั้น 1 แถมยังไม่รบกวนสายตาจากโถงกลางชั้น 1 อีกด้วยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
5 February 2021
- ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 30.5 – 51.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. (ไม่รวมดาดฟ้า)
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท - จอง 100,000 บาท
- ทำสัญญา 500,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 230,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 140 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- Promotion : ระบบ Smart Home ทั้งหลัง, แอร์ 4 Way Cassette Type ทุกห้อง, ผ้าม่าน 2 ชั้นทั้งหลัง, วอลล์เปเปอร์ทั้งหลัง, สวนบนชั้นดาดฟ้า, ปั๊มน้ำ และแท้งค์น้ำ 1 ชุด
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
โครงการ The Park Lane สุขุมวิท-แบริ่ง มีจุดเด่นในเรื่อง “ทำเล” ที่ตั้งอยู่ในย่านลาซาล-แบริ่ง ใกล้รถไฟฟ้า BTS และมีทางลัดให้ใช้เข้า-ออกถนนใหญ่บางนา-ตราดได้หลายซอย จึงทำให้เดินทางได้สะดวกมากๆ และโดยปกติเราจะเจอเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในย่านนี้กันซะมากกว่า นานๆทีถึงจะมีโครงการจัดสรรแนวราบออกมาให้เห็นกัน
ซึ่งถ้าเป็นโครงการแพงๆที่รู้จักกันดีก็คือ Grand Bangkok Boulevard Sukhumvit จาก SC Asset ที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 35 – 60 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 848 ตร.ม. ถือเป็นราคาเงินก้อนที่ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกันครับ ดังนั้นโครงการ The Park Lane สุขุมวิท-แบริ่ง ที่อยู่ในย่านเดียวกันจึงมี “ราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า”
ลองคิดดูคร่าวๆ ถ้าหากเราซื้อทาวน์โฮมของ The Park Lane จำนวน 2 ยูนิต ก็จะได้ราคา จำนวนฟังก์ชัน และขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใกล้เคียงกับบ้านของ SC Asset เพียงแต่จะได้เป็นรูปแบบทาวน์โฮมไม่ใช่บ้านเดี่ยวครับ หรือถ้าลองหารราคาต่อพื้นที่ใช้สอยดูก็จะเป็น 45,000 บาท/ตร.ม. และนั่นก็ถูกกว่าราคาคอนโดแถวนั้น ที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 75,000 – 100,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถ้าใครที่มีงบหลัก 10 – 20 ล้านบาท การเลือกซื้อทาวน์โฮมที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าก็นับว่าคุ้มค่าอยู่เหมือนกัน
ส่วนตัวโครงการก็มีจุดเด่นในเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” เพราะมีเพื่อนบ้านเพียง 20 ยูนิตเท่านั้น อีกทั้งยังมี Clubhouse ให้ใช้งานส่วนกลางได้ด้วย และในเรื่องการออกแบบตัวบ้านจะเหมาะกับคนที่ชอบ “ความโปร่งโล่ง และฝ้าเพดานสูง” …แต่อาจ “ไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ” สักเท่าไหร่นัก เพราะไม่มีห้องนอนชั้นล่าง พื้นมีการเล่นระดับหลายจุด และไม่มีลิฟต์ให้ขึ้น-ลงชั้นสูงๆได้สะดวกครับ
BOTTOM LINE
The Park Lane สุขุมวิท-แบริ่ง เหมาะกับคนที่มองหาทาวน์โฮมในย่านลาซาล-แบริ่ง ใกล้รถไฟฟ้า BTS แบริ่ง และเดินทางด้วยรถยนต์สะดวก เน้นความเป็นส่วนตัว พื้นที่ใช้สอยเยอะ มีชั้นดาดฟ้าให้ใช้งานได้ และไม่มีปัญหาในการขึ้น-ลงบันไดหลายชั้นบ่อยๆ โดยมีราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาทขึ้นไปครับ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc