The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) ทาวน์โฮมราคาหยิบจับง่ายในโซนบางบ่อ จาก SK Land เริ่มต้น 2.29 ล้านบาท* เบื้องต้นมี Highlights ที่น่าสนใจ ดังนี้ค่ะ
- โดดเด่นด้วยสไตล์บ้าน Modern Nordic หลังคาทรงจั่วเหมือนหมู่บ้านสแกนดิเนเวีย ฝ้าเพดานสูงถึง 5.8 เมตร หน้าต่างบานใหญ่ ได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งเป็นพิเศษ
- โครงสร้างบ้านแบบ Conventional ก่อด้วยอิฐมวลเบา ทุบต่อเติมได้ต่างจากโครงสร้างแบบ Precast
- คุ้มค่าพื้นที่ใช้สอย เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ โครงการในละแวกนี้จะเห็นว่า The Ozone ให้พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ และห้องน้ำกว้างทุกห้อง โดยเฉพาะบ้าน Type ใหญ่ของโครงการ
- เข้าถึงง่ายจากถนนสุขุมวิท โดยมีระยะเพียง 400 เมตรจากถนนสุขุมวิทถึงโครงการ ซึ่งถนนทางเข้าเป็นของ SK Land จึงได้ความสงบเป็นส่วนตัว
รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ตามไปชมกันเลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) ณ วันที่ 14 กันยายน 2566
ชื่อโครงการ | The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เอสเคแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนสุขุมวิท อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ |
ที่ดิน | 25-2-0 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 280 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 50,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2568 |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.skland.co.th/ |
โทร | 062-338-2444 |
Line ID | @theozone |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.511349, 100.801418
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) ค่ะ
The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทในโซนบางบ่อ ซึ่งภาพรวมของโซนนี้ถือว่ามีความคึกคักเนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ซึ่งเป็นแหล่งงานสำคัญของคนในโซนนี้ การเดินทางหลักๆของโครงการจะมีถนนใหญ่ 3 สายที่สำคัญ คือ ถนนสุขุมวิท, ถนนบางนา-ตราด และ ถนนเทพารักษ์ ค่ะ
- ถนนสุขุมวิท : เป็นถนนหลักที่เชื่อมตั้งแต่บางนา บางปู บางบ่อยาวไปจนถึงฉะเชิงเทรา จึงใช้เดินทางในสมุทรปราการได้รอบ และมีจุดตัดกับถนนสายสำคัญๆ เช่น ถนนศรีนครินทร์, ถนนตำหรุ-บางพลี, ถนนเทพารักษ์และวงแหวนกาญจนาภิเษก เป็นต้น
- ถนนบางนา-ตราด : เป็นถนนที่ขนานกับเส้นสุขุมวิทและเป็นเส้นทางหลักที่ใช้เดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก เพราะมีทางพิเศษบูรพาวิถีให้ใช้เข้าเมืองได้ง่าย และสามารถใช้เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ, Market Village, Mega Bangna, Central Bangna ได้สะดวก
- ถนนเทพารักษ์ : เป็นถนนคู่ขนานกับถนนบางนา-ตราด และเชื่อมกับถนนสุขุมวิทยาวมาจนถึงบางบ่อ ตัดผ่านนิคมอุตสาหกรรมบางพลี บนถนนเส้นนี้มีความเป็นชุมชน เต็มไปด้วยโรงเรียน, โรงพยาบาล และตลาด
ภาพรวมของถนนสุขุมวิทนั้นจะไม่ได้คึกคักเท่าถนนเทพารักษ์และบางนา-ตราด ทำให้มีความเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อน แต่หากมองหาแหล่งความอุดมสมบูรณ์ก็จะต้องอาศัยรถเดินทางไปหน่อย เริ่มจากระยะใกล้ๆ ขับรถไปได้ง่ายก็ตลาดสดไทยรุ่งทิพย์ (คลองด่าน) สามารถช้อปปิ้งของเข้าบ้าน หรือหาของกินอร่อยๆราคาประหยัดได้ ถ้าขยับมาที่ตลาดใหญ่หน่อยก็จะมีตลาดเสริมสุข และตลาดบางบ่อในระยะประมาณ 10 km. ค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) ส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินสำหรับทำเกษตรกรรม มีพื้นที่สีเขียวอยู่เยอะ บรรยากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียว เงียบสงบ เป็นส่วนตัว รายล้อมด้วยธรรมชาติ
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ที่ดินแปลงด้านหน้านั้นเป็นที่ดินของ SK Land เอง ติดถนนใหญ่มีศักยภาพในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านหรือพื้นที่พาณิชยกรรมในอนาคตได้ ก็ต้องรอลุ้นกันว่าในอนาคตอาจจะมีแหล่งช้อปปิ้ง หรือ ตลาดอยู่ใกล้ๆ บ้านก็เป็นไปได้ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตลาดสดไทยรุ่งทิพย์ (คลองด่าน) ~ 2.4 km.
- Tesco Lotus บางบ่อ ~ 11.9 km.
- ตลาดบางบ่อ ~ 13.2 km.
- Tesco Lotus ซิตี้พาร์ค บางพลี ~ 14.9 km.
- Big C บางพลี ~ 24 km.
- Market Village สุวรรณภูมิ ~ 28.7 km.
- Central Village สุวรรณภูมิ ~ 28.9 km.
- เมกา บางนา ~ 32.1 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลบางบ่อ ~ 11.4 km.
- สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ~ 12 km.
โรงเรียน
- มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ บางนา ~ 19.3 km.
- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตบางพลี ~22.1 km.
อื่นๆ
- บจก. พานาโซนิค (ประเทศไทย) ~ 9 km.
- นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ~ 12.6 km.
- Swan Industries (Thailand) Limited. ~ 12.7 km.
รายละเอียดโครงการ
The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) เป็นโครงการทาวน์โฮมโครงการล่าสุด จากบริษัท เอสเคแลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเคยมีประสบการณ์พัฒนาด้านอสังหาฯ มาอยู่แล้วจนถึงแบรนด์บ้านล่าสุด “The Ozone” โดยโครงการที่กำลังเปิดขายอยู่ในปัจจุบันก็คือ The Ozone เทพารักษ์-บางบ่อ ที่ใกล้จะ Sold Out แล้วนะคะ
ในส่วนของ The Ozone สุขุมวิท-คลองด่าน นั้นมีสไตล์การออกแบบที่ฉีกไปจากโครงการอื่นเลยคือ มาในสไตล์ Modern Nordic ซึ่งสไตล์นี้เน้นการนำแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ตัวบ้านสว่างขึ้น
หากดูจาก Master Plan ประเด็นที่น่าสนใจจะมีอยู่ 3 เรื่องด้วยกันค่ะ อย่างแรกคือ “ส่วนกลางอยู่บริเวณหน้าโครงการ” เค้าวางพื้นที่สวนส่วนกลางและ Clubhouse ขนาดประมาณ 300 กว่า ตร.วา ไว้บริเวณหน้าโครงการติดถนนหลักเลยค่ะ นอกจากจะทำให้ลูกบ้านเข้าถึงได้ง่ายแล้ว ยังเป็นจุดนำสายตาสวยๆ ให้ลูกบ้านเวลาที่ขับรถเข้าออกโครงการด้วย
ประเด็นที่ 2 คือ “การจัดโซนบ้าน” โดยมีโซนที่เรามองว่าน่าสนใจอยู่ 3 โซนคือ 1. โซนรอบสวน (กรอบสีม่วง) จะได้วิวสวนส่วนกลาง มีบรรยากาศโดยรอบที่ร่มรื่น ซึ่งบ้านในตำแหน่งนี้จะเป็นแบบบ้านไซส์ใหญ่ Nora ทั้งหมด 2. โซนที่ไม่มีเพื่อนบ้านหันหน้าชนกัน (กรอบสีเขียว) เพราะฝั่งตรงข้ามจะเป็นหลังบ้านของซอยถัดไป ทำให้ซอยนี้ได้ความเป็นส่วนตัวมากเป็นพิเศษ มีจำนวนยูนิตในซอยน้อย มีบ้านเพียงฝั่งเดียวค่ะ 3. โซนที่แบ่งกลุ่มเป็นซอยสั้นๆ (กรอบสีส้ม) ทำให้มีจำนวนยูนิตในซอยประมาณ 6-10 หลัง เป็นอีกโซนที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากเป็นพิเศษเช่นกัน
ประเด็นที่ 3 คือ “ทิศของบ้าน” บ้านส่วนใหญ่ในโครงการจะหันทางทิศเหนือและใต้เป็นหลัก ซึ่งบ้านที่หันทิศเหนือจะได้แสงธรรมชาติที่ไม่แรงมาก ส่วนบ้านทิศใต้จะได้ลมดีทีเดียว
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) มีขนาดใหญ่ทีเดียว ภาพรวมออกแบบมาในสไตล์ Modern Nordic ดูสะดุดตาด้วยหลังคาทรงจั่วสูง แต่ก็ยังมีความมินิมอล ใช้เส้นสายและสีที่อิงจากธรรมชาติ ช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นให้กับโครงการค่ะ
การเข้า-ออกสำหรับลูกบ้านจะมี Keycard ให้สแกนได้สะดวก ประตูเข้า-ออกที่นี่จะใช้ไม้กั้นกระดกในช่วงเวลากลางวันที่มีลูกบ้านเข้า-ออกบ่อยๆ (ใช้ไม้กั้นจะเข้าออกได้รวดเร็วกว่า)
เข้ามาด้านในมุมมองแรก โครงการตั้งใจให้เป็นวงเวียนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่จ่ายลูกบ้านออกไปตามซอยต่างๆ และด้านหลังวงเวียนจะเป็นสวนส่วนกลางและ Clubhouse ที่สวยงาม เป็นบรรยากาศที่ดีตั้งแต่ด้านหน้าโครงการเลยค่ะ
Clubhouse คุมธีมมาในสไตล์ Modern Nordic เช่นกัน จึงมีดีเทลเป็นหลังคาจั่วทรงสูง ใช้โทนสีน้ำตาลเทาให้กลมกลืนกับธรรมชาติ เป็นสไตล์เก๋ๆ ไม่ซ้ำใคร ในส่วนของฟังก์ชันต่างๆ ก็จัดมาให้ครบครันดีนะคะ
อย่างชั้น 1 หลักๆ ก็จะมีสระว่ายน้ำ และ Fitness (ปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขายชั่วคราว) ส่วนชั้น 2 จะเป็นตำแหน่งของห้องนิติฯ นะคะ ไปชมแต่ละฟังก์ชันกันเลย
เริ่มจากสระว่ายน้ำเป็นสระกลางแจ้ง ระบบเกลือ จึงเหมาะกับการใช้งานในช่วงเย็นที่แดดร่มสักหน่อย ตัวสระแยกเป็น 2 โซนเพื่อรองรับการใช้งานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยสระของผู้ใหญ่ มีขนาด 8×6 m. ลึก 1.2 m.
โซนเด็กมีขนาด 3.6×2.5 m. ออกแบบให้ไม่ลึกนักเพื่อความปลอดภัย
พื้นที่นั่งเล่นริมสระเป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor มีหลังคาคลุมกันแดดกันฝน จึงใช้งานได้สะดวก สำหรับผู้ปกครองที่มารอเด็กๆ เล่นน้ำออกกำลังกาย ก็มานั่งรับลมชมวิวได้
ถัดเข้ามาด้านในจะมีทางเดินไปยังห้องน้ำ และมีบันไดให้ขึ้นไปติดต่อนิติฯ ที่ชั้น 2 ได้ค่ะ
ห้องน้ำจะหลบมุมเข้าไปด้านใน จึงได้ความเป็นส่วนตัว ดูมิดชิดขึ้น ภายในมีทั้งห้องสุขาและห้องอาบน้ำครบครัน
ตัว Clubhouse จะถูกล้อมรอบด้วยสวนส่วนกลาง ขนาดประมาณ 318 ตร.ว. ซึ่งถูกตกแต่งด้วยไม้ใหญ่และไม้พุ่ม ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นพอสมควร
พื้นที่วิ่งเล่นสำหรับเด็กๆ ถูกออกแบบให้มีหลากสีสันเพื่อช่วยเสริมทักษะ EQ และ IQ ไปพร้อมๆ กัน มาพร้อมเครื่องเล่นหลากหลาย ใกล้ๆ กันจะมีพื้นที่ให้คุณพ่อคุณแม่นั่งพักคอยได้อย่างใกล้ชิด
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse บริเวณหน้าโครงการประกอบไปด้วย
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ / สระผู้ใหญ่ ขนาด 8×6 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- แบ่งสระเด็กไว้เป็นสัดส่วน
- Fitness
- สวนหย่อมในโครงการขนาดประมาณ 318 ตร.ว.
- สนามเด็กเล่น
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 16 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 12 เมตร และถนนซอยกว้าง 8-9 เมตร
- Key Card Access ระยะไกล
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบไม้กั้นอัตโนมัติ
แบบบ้าน
โครงการ The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) โดดเด่นกว่าโครงการอื่นๆ ด้วยสไตล์การออกแบบที่มาในรูปแบบ Modern Nordic ซึ่งสไตล์นี้เน้นการนำแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ตัวบ้านสว่างขึ้น เราจึงได้เห็นการใช้หลังคาทรงจั่วสูงเหมือนหมู่บ้านสแกนดิเนเวีย ฝ้าเพดานสูงสุดถึง 5.8 เมตร ใช้หน้าต่างบานใหญ่ ตัวบ้านจึงได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งเป็นพิเศษ
หลังคาทรงจั่วออกแบบสโลป 45 องศา ช่วยให้ระบายน้ำได้ดี ออกแบบให้หลังคายื่นมา 7 cm. เพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนเข้าทางช่องหลังคา แต่ยังคงความสวยงามของรูปแบบสถาปัตยกรรมไว้
ในส่วนของฟังก์ชันออกแบบมาให้เหมาะทั้งเป็นบ้านหลังแรกสำหรับการเริ่มต้นครอบครัว ไปจนถึงครอบครัวขยายที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็จะมีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างไว้รองรับเช่นกัน โดยมีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ NORA และ VISBY
เราลองนำแปลนทาวน์โฮมทั้ง 2 แบบ มาเทียบกันให้ดูนะคะ มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ
- ความกว้างหน้าบ้าน : แบบบ้าน NORA กว้าง 6 m. ส่วน VISBY กว้าง 5 m. ซึ่งทั้ง 2 แบบจะสามารถจอดรถได้ 2 คัน ต่างกันแค่เรื่องการขึ้นลงรถที่อาจสะดวกสบายไม่เท่ากันค่ะ อ่านบทความเพิ่ม > ทาวน์โฮมหน้ากว้างเท่าไหร่ จอดรถแบบไหนได้บ้าง?
- หน้าตาบ้าน : จะคล้ายกันแตกต่างที่ขนาดของช่องหน้าต่างของ NORA จะได้หน้าต่างบานใหญ่กว่า VISBY โดยหน้าต่างจะสูงจากพื้นถึงฝ้าเลย จึงรับแสงธรรมชาติได้เยอะเป็นพิเศษ
- ฟังก์ชันภายใน : แบบ NORA จะมีห้องอเนกประสงค์ที่ชั้นล่าง จึงสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุได้ ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและต้องการห้องนอนที่ชั้นล่างก็แนะนำให้เลือกแบบนี้นะคะ ส่วน VISBY จะเหมาะกับการเริ่มต้นครอบครัวแบบพ่อแม่ลูกมากกว่า จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ ห้องน้ำทุกห้องของทั้ง 2 แบบบ้านมีความกว้าง พร้อมแบ่งพื้นที่อาบน้ำเป็นสัดส่วนทุกห้อง ใช้งานได้สะดวกสบายค่ะ
วัสดุในบ้าน
- วัสดุหลังคา Metal Sheet ของแบรนด์ BlueScope Zacs ขนาดความหนา 0.40 mm. ติดฉนวนช่วยลดความร้อนและเสียงใช้ Flashing ตัวจบงานหลังคาของ Bluescope ช่วยป้องกันน้ำซึมเข้าอาคาร
- โครงสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนก่อด้วยอิฐมวลเบา มีคุณสมบัติกันเสียงได้ดีและไม่อมความร้อนสามารถทุบต่อเติมได้ อ่านบทความเพิ่มเติม >> เทียบบ้าน Precast กับ ก่ออิฐฉาบปูน ดี-เสีย ต่างกันอย่างไร?
- พื้นชั้นล่าง – กระเบื้องเซรามิก
- พื้นชั้นบน – พื้นไม้สำเร็จรูปลามิเนต หรือพื้นกระเบื้องยาง SPC
- ที่จอดรถ – เทปูนคอนกรีตขัดผิวหยาบ แบบ Slab On Ground
- ลานซักล้าง – ปูกระเบื้องเซรามิก โครงสร้างแบบ Slab On Beam
- ประตูหลักหน้าบ้าน – ประตูกระจกตัดแสง กรอบอลูมิเนียม
- ประตูโรงจอดรถ/ หลังบ้าน – ประตู UPVC ลายไม้สีขาว
- ประตูทั่วไป – ประตูไม้เมลามีน ลายไม้สีน้ำตาลและสีขาว
- หน้าต่าง – กระจกตัดแสงช่วยลดความร้อนเข้าสู่อาคาร กรอบบานอลูมิเนียม
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ใช้ยี่ห้อ American Standard เป็นหลัก
- บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวบันไดด้วยไม้จ๊อยท์ ทำสีเคลือบผิว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
บ้านตัวอย่างแบบ NORA
แบบ NORA เป็นทาวน์โฮมไซส์ใหญ่ของโครงการ มีราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท มีหน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 24 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
ส่วนตัวมองว่าทาวน์โฮม Type นี้ให้ขนาดที่ดินและพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าโครงการส่วนใหญ่ในละแวกนี้ กล่าวคือ ในราคาเท่าๆ กัน โครงการส่วนใหญ่จะมีขนาดที่ดิน 20 ตร.ว. ในขณะที่โครงการนี้เริ่ม 24 ตร.ว. ซึ่ง 4 ตร.ว. กว่าๆ ที่เพิ่มมานั้นจะเห็นได้จากพื้นที่ใช้สอยในตัวบ้านที่ใหญ่กว่าโครงการที่มีราคาพอๆ กันในโซนนี้ด้วยเช่นกัน
ชั้นล่างเป็นพื้นที่พักผ่อนหลักของบ้านที่เป็นทั้งพื้นที่นั่งเล่น, ทานอาหาร, ครัว และห้องอเนกประสงค์ ส่วนห้องน้ำจะติดกับลานซักล้างเลย จึงมีหน้าต่างระบายอากาศด้วยนะคะ
ชั้นบนแบ่งเป็นห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง โดยห้องนอนใหญ่อยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน มาพร้อมห้องน้ำในตัวและระเบียงครบ ส่วนห้องนอนรองอีก 2 ห้องจะอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน ซึ่งจะต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันนะคะ
รั้วบ้านเป็นประตูเหล็กบานพับ หน้ากว้างประมาณ 6 m. ลึก 5.5 m. หากเป็นรถรุ่นที่มีความยาวเป็นพิเศษ เช่น รถกระบะ แนะนำให้มาลองจอดดูก่อนนะคะ พื้นที่หน้าบ้านจะมีชายคายื่นออกมากันแดดกันฝนได้ ด้านข้างจะมีห้องเก็บของปิดด้วยประตู UPVC ค่ะ
ห้องเก็บของเป็นพื้นที่ใต้บันได มีความกว้างพอให้เก็บของขนาดใหญ่ได้ อย่างพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด, อุปกรณ์ทำสวนก็ไว้ตรงนี้ได้สบาย
ประตูบ้านของที่นี่เป็นบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียม ความพิเศษคือ เปิดได้ 2 ฝั่ง จึงได้พื้นที่เข้าออกกว้างๆ สามารถขนของชิ้นใหญ่ เช่น กระเป๋าเดินทางเข้าออกบ้านสะดวก โดยทางเดินเข้าออกจะกว้างถึง 1.45 m. ส่วนสเปกกระจกสีเขียวตัดแสง จึงช่วยลดความจ้าของแสงที่ผ่านเข้ามาและยังช่วยลดความร้อนด้วย
เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ Common Area กว้างๆ เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่น – ทานข้าว ทำให้พื้นที่ดูโปร่ง
สำหรับบ้านมาตรฐานจะได้เป็นบ้านเปล่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ผนังฉาบเรียบทาสีขาว พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ตามรูปด้านล่างนะคะ
บ้านตัวอย่างจะมีระยะดูทีวี 4.7 m. สามารถติดตั้งทีวีขาดใหญ่แบบ 75 นิ้วได้เลยค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นรองรับชุดโซฟาขนาดใหญ่แบบ 3-4 ที่นั่ง และเมื่อวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินเข้า-ออกบ้านได้สะดวก
โซนหลังบ้านถูกจัดแบ่งเป็นฟังก์ชันย่อยๆ ได้แก่ พื้นที่ทานอาหาร, Pantry ครัว, ห้องอเนกประสงค์และห้องน้ำ
หากใครอยากทำ Pantry ครัวในบ้านก็สามารถ Built-in เคาน์เตอร์ชิดผนังตามแบบในบ้านตัวอย่างได้เลยนะคะ เป็นเคาน์เตอร์ที่มีความยาวเพียงพอสำหรับวางไมโครเวฟ ใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร เสิร์ฟน้ำดื่ม สำหรับครอบครัวไหนที่ชอบทำอาหารแบบจริงจังมีกลิ่นควันฉุนบ่อยๆ แนะนำให้ต่อเติมบริเวณด้านหลังบ้านจะใช้งานได้จริงจังกว่าค่ะ
พื้นที่ทานอาหารใช้วางโต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่ง กำลังดี มีช่องหน้าต่างรับแสงธรรมชาติเข้ามาในบริเวณนี้ทำให้ดูโปร่งโล่งดี
ในส่วนของห้องอเนกประสงค์จะอยู่ติดกับห้องน้ำเลย หากครอบครัวไหนมีผู้สูงอายุพักอยู่ชั้นล่าง ก็จะมีห้องน้ำให้ใช้งานได้สะดวก
ห้องอเนกประสงค์มีขนาดประมาณ 2×2.5 m. บ้านตัวอย่างตกแต่งห้องอเนกประสงค์ไว้เป็นห้องของเด็กเลยตอบโจทย์การเริ่มต้นครอบครัว หรือจะปรับเป็นห้องทำงานก็ดูเหมาะกับยุค Work From Home ดีนะคะ หรือจะปรับเป็นห้องนอนก็สามารถวางเตียงเดี่ยวได้ค่ะ
ห้องน้ำชั้นล่างออกแบบมาให้รองรับการอาบน้ำด้วย โดยจะแยกพื้นที่เปียกแห้งไว้เป็นสัดส่วนเลย หากมีสมาชิกนอนชั้นล่างก็สามารถใช้อาบน้ำได้สะดวก และยังสามารถแบ่งสมาชิกข้างบนมาอาบน้ำในช่วงเวลาเร่งด่วนยามเช้าได้ด้วย
สำหรับสุขภัณฑ์ต่างๆ ในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard เป็นหลัก ซึ่งเป็นแบรนด์มาตรฐาน หาอะไหล่สะดวกอยู่แล้ว
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.9×1.3 m. ยืนอาบน้ำได้สบาย และตำแหน่งพื้นที่อาบน้ำที่อยู่ด้านในแบบนี้ ทำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มได้ง่ายด้วยค่ะ
โครงการติดตั้งฝักบัวอาบน้ำมาให้เรียบร้อยและเดินระบบสำหรับติดเครื่องทำน้ำอุ่นเตรียมไว้ให้ ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะลดระดับลงนิดนึงเพื่อกันไม่ให้น้ำไหลย้อนไปส่วนอื่น
ความชื้นและกลิ่นอับเป็นปัญหาคลาสสิคของห้องน้ำในทาวน์โฮมส่วนใหญ่ ซึ่งห้องน้ำชั้นล่างของโครงการนี้จะมีหน้าต่างมาให้ด้วย จึงสามารถเปิดรับแสงและระบายอากาศได้ดีกว่าห้องน้ำทั่วไปค่ะ
ด้านในสุดของตัวบ้านจะมีประตูเชื่อมกับลานซักล้างหลังบ้าน โดยวัสดุเป็นประตู UPVC มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทานและใช้กับงานภายนอกได้ค่ะ
ลานซักล้างด้านหลังบ้านจะเป็นโครงสร้างแบบ Slab On Beam ลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้านทำให้ง่ายในการต่อเติมหลังบ้านมากขึ้น บ้านมาตรฐานจะได้พื้นแบบปูกระเบื้องมาให้เต็มพื้นที่
โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งดีกว่าบันไดโครงเหล็กที่ทาวน์โฮมหลายๆ ที่มักจะนิยมใช้กัน เวลาเดินบนบันไดคอนกรีตเสริมเหล็กจะรู้สึกว่าพื้นแน่นๆ ไม่มีเสียงก๊องๆ หรือความรู้สึกว่าพื้นกลวง ปิดผิวบันไดด้วยไม้ยางพาราจ๊อยท์ ทำสีเคลือบผิว
เนื่องจากฝ้าเพดานที่ค่อนข้างสูง ทำให้ชานพักต้องซอยขั้นเพิ่ม จะมีชานพักบางช่วงที่ไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมตามที่ควรจะเป็นทั้งหมด เวลาใช้งานเดินขึ้นลงต้องระวังหน่อยนะคะ
ขึ้นมาชั้นบน…บ้านเกือบทั้งหมดจะปูพื้นด้วยใช้ไม้สำเร็จรูป SPC ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษกว่าไม้ทั่วไปตรงที่ผสมผงหินมาด้วย ทำให้โครงสร้างพื้นแข็งแรงขึ้น อัตราการยืดหดตัวน้อยกว่าพื้นไม้ธรรมดา จึงใช้งานได้ทนทานเหมือนกระเบื้อง มีเพียงบางแปลงที่ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตนะคะ
เนื่องจากโถงทางเดินมีขนาดใหญ่ จึงมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้ประโยชน์ได้ เช่น วางตู้โชว์, หิ้งพระ หรือเป็นมุมนั่งเล่นพักคอยตามแบบในบ้านตัวอย่าง โดยมีขนาดประมาณ 1 x 1.7 m.
โถงทางเดินบนชั้น 2 อยู่ตรงกลางเชื่อมห้องนอนต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยห้องนอนใหญ่จะอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน ส่วนห้องนอนรองอีก 2 ห้องจะอยู่ฝั่งหลังบ้านค่ะ
ห้องนอนใหญ่จะได้พื้นที่ใช้สอยฝั่งหน้าบ้านทั้งหมด จึงสามารถจัดฟังก์ชันได้ครบทั้งพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่แต่งตัว ขนาดของห้องสามารถใช้วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายๆ และยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง
ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้ติดตั้งชั้นวางทีวีเพิ่มเติมได้ จากเตียงนอนจึงสามารถดูทีวีและชมวิวภายนอกไปพร้อมๆ กัน
Highlights ของห้องนอนใหญ่ก็คือ ฝ้าเพดานที่สูงถึง 5.8 เมตร และหน้าต่างขนาดใหญ่ที่สูงจากฝ้าถึงเพดาน ช่วยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษ ซึ่งตัวกระจกจะเป็นชนิดตัดแสงช่วยลดความร้อนเข้าสู่อาคารด้วยนะคะ
ข้างเตียงจะมีประตูบานเลื่อนกระจกที่เปิดออกไประเบียงได้
ระเบียงจะไม่ได้กว้างมาก ออกแบบมาเพื่อให้เป็นราวกันตก เราจึงสามารถเปิดประตูระเบียงได้เต็มที่เท่านั้น โดยมีขนาดประมาณ 0.5×4 m.สามารถตั้งวางกระถางต้นไม้เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศห้องนอนให้ร่มรื่นขึ้นได้ค่ะ
พื้นระเบียงจะลดระดับลงจากพื้นห้องนอน เพื่อกันน้ำฝนไหลย้อนเข้าตัวบ้านได้
อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนมีพื้นที่กว้าง จึงสามารถจัดโซนแต่งตัวได้อย่างเป็นสัดส่วน
เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าให้เต็มผนังฝั่งหนึ่งได้เลย ทำให้เก็บของได้เยอะ และยังสามารถแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งตามแบบในบ้านตัวอย่างได้ด้วย
หากวางตู้เสื้อผ้าขนาบ 2 ฝั่งตามแบบในบ้านตัวอย่าง จะมีระยะเดินระหว่างตู้ประมาณ 1.3 m. และปลายสุดตู้จะมีหน้าต่างบานใหญ่ เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาในโซนแต่งตัว จึงช่วยประหยัดค่าไฟในเวลากลางวันไปได้ด้วยนะคะ
ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่มีความกว้างพอให้ใช้งานได้สะดวก ภายในจัดแบ่งโซนเปียก-โซนแห้งไว้เรียบร้อย สุขภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้ของ American Standard เช่นเดียวกับห้องน้ำชั้นล่าง
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1×1.4 m. พอให้หมุนตัวอาบน้ำได้สบาย และตำแหน่งที่อาบน้ำที่อยู่ด้านในแบบนี้ยังติด ฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มได้ง่ายด้วยค่ะ
ห้องนอนรองอีก 2 ห้องจะอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน ซึ่งจะต้องมาใช้ห้องน้ำร่วมกันที่โถงทางเดินส่วนกลางนะคะ
ห้องน้ำส่วนกลางบนชั้น 2 มีขนาดและการออกแบบคล้ายกับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่เลย ตัวห้องมีความกว้างพอสมควรให้ใช้งานได้สะดวก ภายในจัดแบ่งโซนเปียก-โซนแห้งไว้เรียบร้อย สุขภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้ของ American Standard เป็นหลัก เช่นเดียวกันค่ะ
ห้องนอนลูกๆ ห้องแรก มีขนาดใหญ่ประมาณ 3.5 x 2.8 m. ใหญ่กว่าทาวน์โฮมทั่วไปใช้อยู่อาศัยได้ยาวๆ ตั้งแต่เล็กยันโต จะวางเตียงเดี่ยวหรือเตียง 5 ฟุตก็ได้ แต่หากใช้เป็นเตียงเดี่ยวแบบในบ้านตัวอย่างก็จะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่และโต๊ะเขียนหนังสือได้ครบครัน และมีหน้าต่างที่สามารถเปิดระบายอากาศได้
บริเวณหน้าห้องมีพื้นที่ให้วางโต๊ะเขียนหนังสือขนาดใหญ่ หรือจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าก็ทำได้เต็มพื้นที่
เข้ามาด้านในจะมีพื้นที่ข้างเตียงให้ใช้งานได้อีก มาพร้อมหน้าต่างที่สามารถเปิดระบายอากาศได้
ห้องนอนอีกห้องหนึ่งมีขนาดพอๆ กับห้องแรก สามารถใช้อยู่อาศัยได้ยาวๆ เช่นเดียวกัน เพราะมีพื้นที่ให้เก็บของได้เยอะพอสมควร
ภายในห้องมีพื้นที่สำหรับวางเฟอร์ฯ ได้ครบ ทั้งเตียงนอน, ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือ ภายในห้องมีหน้าต่างมาให้เปิดระบายอากาศได้ตามมาตรฐาน
บ้านตัวอย่างแบบ VISBY
แบบบ้าน VISBY จะมีราคาให้หยิบจับง่ายกว่าแบบบ้าน NORA 9 แสนบาท ราคาถือว่าหยิบจับง่ายในละแวกบางบ่อนี้เลย เริ่ม 2.29 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 120 ตร.ม. บนที่ดินเริ่มต้น 18.1 ตร.ว. มีความกว้างหน้าบ้าน 5 m. เรามองว่าจอดรถได้ 2 คันเหมือนบ้านแบบแรกนะคะ แต่การขึ้นลงอาจสะดวกสบายไม่เท่ากัน
ชั้นล่างเป็นพื้นที่พักผ่อนหลักของบ้าน จัดเป็นแบบ Open Plan เปิดโล่งถึงกันตั้งแต่พื้นที่นั่งเล่น-ทานอาหาร-Pantry ครัว ส่วนห้องน้ำจะติดกับลานซักล้างเลย จึงมีหน้าต่างระบายอากาศด้วยนะคะ
ชั้นบนแบ่งเป็นห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง โดยห้องนอนใหญ่อยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน มาพร้อมห้องน้ำในตัวและระเบียงครบ ส่วนห้องนอนรองอีก 2 ห้องจะอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน ซึ่งจะต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันนะคะ
ตัวบ้านมีหน้ากว้าง 5 m. ก็ยังสามารถจอดรถไซส์ City Car สูงสุดได้ 2 คันอยู่นะคะ พื้นที่จอดรถจะเทคอนกรีตฉาบเรียบแบบ On Ground และตัดรอยต่อแยกกับตัวบ้านไว้ให้เหมือนเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวบ้านทรุดค่ะ
ประตูหลักหน้าบ้านยังคงเป็นแบบบานเลื่อน เปิดได้กว้างถึง 1.45 m. ขนเฟอร์ฯ เข้าออกได้สะดวก
เข้ามาในบ้านจะเจอกับห้องนั่งเล่นเป็นลำดับแรก ถัดเข้าไปเป็นห้องรับประทานอาหาร, Pantry ครัวและห้องน้ำที่อยู่ติดกับพื้นที่ซักล้างหลังบ้าน
ห้องนั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาแบบ 3 – 4 ที่นั่ง และโต๊ะกลางได้โดยไม่ขวางทางเดิน พื้นที่ในห้องนั่งเล่นนี้จะได้แสงธรรมชาติค่อนข้างมากจากประตูกระจกด้านหน้าบ้าน จึงดูสว่างและอบอุ่น โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3.8 m. สามารถติดทีวีขนาดใหญ่เต็มผนังได้นะคะ
พื้นที่ทานอาหารและ Pantry ครัว จะอยู่โซนด้านในของตัวบ้าน มีพื้นที่เพียงพอสำหรับ Built-in เคาน์เตอร์ครัว และวางโต๊ะอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้พอดีๆ
ห้องน้ำชั้นล่างจัดฟังก์ชันมาครบสามารถใช้อาบน้ำได้ โครงการแยกโซนเปียกแห้งออกจากกันไว้เป็นสัดส่วน ..ดีตรงที่ในช่วงเวลาเร่งด่วนก็สามารถแบ่งสมาชิกในบ้านมาอาบที่ชั้นล่างได้ และหากต้องการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำก็สามารถทำได้สะดวก
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.8×1.3 m. เพียงพอให้เข้าไปยืนอาบน้ำได้
โครงการยังคงออกแบบห้องน้ำชั้นล่างให้มีหน้าต่าง เพื่อลดความชื้นและกลิ่นอับที่เป็นปัญหาคลาสสิคของห้องน้ำในทาวน์โฮมส่วนใหญ่
พื้นที่ด้านหลังบ้านจะลงเสาเข็มที่มีความลึกเท่าตัวบ้านไว้ให้เรียบร้อยเหมือนบ้านหลังแรก พร้อมปูพื้นกระเบื้องมาให้เรียบร้อยจึงสะดวกในการต่อเติม หากต้องการต่อเติมก็อย่าลืมคำนึงเรื่องกฎหมายด้วยนะคะ
โครงบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปูพื้นด้วยไม้จ๊อยท์เช่นเดียวกับบ้านแบบแรก
ลักษณะเป็นบันไดเป็นรูปตัว U และเนื่องจากฝ้าเพดานที่ค่อนข้างสูงถึง 2.7 m. ทำให้ชานพักต้องซอยขั้นเพิ่มจะไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมตามที่ควรจะเป็นทั้งหมด เวลาใช้งานเดินขึ้นลงต้องระวังหน่อยนะคะ
โถงทางเดินบนชั้น 2 มีพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดประมาณ 2.2×0.7 m. ให้ใช้ประโยชน์ได้ เช่น วางหิ้งพระ หรือเป็นมุมนั่งเล่นพักคอยตามแบบในบ้านตัวอย่าง
โถงทางเดินบนชั้น 2 อยู่ตรงกลางเชื่อมห้องนอนต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยห้องนอนใหญ่จะอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน
ห้องนอนใหญ่จะได้พื้นที่ในส่วนหน้าบ้านทั้งหมด สิ่งแรกที่สะดุดตาคือความสูงฝ้าเพดานที่ให้มาสูงประมาณ 5.8 m. บรรยากาศในห้องจึงดูโปร่งมาก ซึ่งตัวกระจกจะเป็นชนิดตัดแสงช่วยลดความร้อนเข้าสู่อาคารด้วยนะคะ
ขนาดของห้องสามารถใช้วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายๆ และยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งบ้านที่จะส่งมอบให้เป็นบ้านเปล่า ไม่มีเฟอร์ฯ ตามแบบในรูปด้านล่างนะคะ
ข้างเตียงมีประตูกระจกบานเลื่อนให้เปิดออกไประเบียงได้
ระเบียงห้องนอนมีขนาดประมาณ 0.5 x 3.3 m. ไม่ได้กว้างมาก ออกแบบมาเพื่อให้เป็นราวกันตก เราจึงสามารถเปิดประตูระเบียงได้เต็มที่ พร้อมปูกระเบื้องมาให้เรียบร้อยเพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย สำหรับคนที่อยากให้บรรยากาศในห้องนอนดูร่มรื่นยิ่งขึ้นก็สามารถหาต้นไม้กระถางมาวางตามแนวระเบียงเพิ่มเติมได้นะคะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนมีพื้นที่กว้าง จึงสามารถจัดโซนแต่งตัวได้อย่างเป็นสัดส่วน อยู่ติดกับห้องน้ำเลยจึงใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก
หาก Built-in ตู้เสื้อผ้าตามแบบในบ้านตัวอย่างแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินเลือกเสื้อผ้ากว้างประมาณ 0.95 m.
พื้นที่ติดระเบียงก็เหมาะจะวางโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติที่จำเป็นในการแต่งหน้า
ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันและให้วัสดุอุปกรณ์มาครบของ American Standard เช่นเดิม ห้องนี้ใช้อาบน้ำได้สะดวกเพราะแบ่งโซนเปียกแห้งมาให้มีขนาดประมาณ 0.8×0.95 m. แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกหน่อยเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกไม่ต้องกลัวน้ำกระเด็นนะคะ
พื้นที่ทางฝั่งหลังบ้านจะแบ่งพื้นที่เป็นห้องน้ำส่วนกลาง 1 ห้อง และห้องพักผ่อน 2 ห้อง ซึ่งห้องพักผ่อนนี้เราสามารถจัดวางเตียงเดี่ยวสำหรับเด็กๆ หรือทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องแต่งตัวก็ได้ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัวเลยค่ะ
ห้องน้ำส่วนกลางมีขนาดพอๆ กับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่เลย ขนาดพื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.9×0.95 m. ระดับพื้นที่อาบน้ำจะลดลงเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลไปส่วนอื่นค่ะ
ห้องพักผ่อนห้องแรกมีพื้นที่ให้วางเตียงได้เพียงพอนะคะ สามารถจัดเป็นห้องนอนเด็กหรือวัยรุ่นที่ไม่ได้มีของใช้มากมายนักได้ ภายในห้องมีหน้าต่างที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ตามมาตรฐาน
ซึ่งหากวางเตียงชิดหน้าต่างตามแบบในบ้านตัวอย่างก็จะเหลือพื้นที่ฝั่งตรงข้ามสำหรับจัดวางตู้เสื้อผ้าได้
ปิดท้ายด้วยห้องพักผ่อนอีกห้องหนึ่ง ซึ่งบ้านตัวอย่างออกแบบมาให้เป็นห้องนอนเด็ก มีความสูงฝ้าเพดานเพียงพอให้วางเตียง 2 ชั้นได้ ถ้าหากครอบครัวไหนมีลูกคนเดียวก็ปรับห้องนี้เป็นห้องแต่งตัว, ห้องทำงาน ก็ได้ค่ะ
ราคา
The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) ราคา ณ วันที่ 14 กันยายน 2566
- NORA ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 24 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท - VISBY ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 18.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 120 ตร.ม.
– ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท - จอง 5,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 50,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.วา/เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการ The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) เดินทางเข้าถึงง่ายจากถนนสุขุมวิท โดยมีระยะจากถนนสุขุมวิทถึงโครงการ 400 เมตร ซึ่งถนนทางเข้าเป็นส่วนบุคคลของ SK Land จึงได้ความเป็นส่วนตัว และมีบรรยากาศที่สงบเหมาะแก่การอยู่อาศัย ทำเลนี้เหมาะกับการขยับขยายครอบครัวของคนในพื้นที่เดิม หรือคนที่ทำงานในละแวกนี้เช่น ทำงานย่านนิคมอุตสาหกรรมบางบ่อ, สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ หรือใช้ถนนสุขุมวิทเป็นหลักในการเดินทาง เช่น ทำงานในโซนบางปูหรือออกไปฉะเชิงเทราก็สะดวก
ในส่วนของอาหารการกินก็จะต้องอาศัยรถเดินทางไปหน่อย เริ่มจากระยะใกล้ๆ ขับรถไปได้ง่ายก็ตลาดสดไทยรุ่งทิพย์ (คลองด่าน) สามารถช้อปปิ้งของเข้าบ้าน หรือหาของกินอร่อยๆราคาประหยัดได้ ถ้าขยับมาที่ตลาดใหญ่หน่อยก็จะมีตลาดเสริมสุข และตลาดบางบ่อในระยะประมาณ 10 km. รอลุ้นว่าหาก SK Land พัฒนาที่ดินโซนด้านหน้าเป็นพื้นที่เชิงพาณิชยกรรม อย่างเช่น ตลาด หรือพื้นที่ช้อปปิ้งรูปแบบต่างๆ ก็จะทำให้โครงการมีความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้เลยค่ะ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : เป็นไปตามมาตรฐานของโครงการระดับนี้ ประตูเข้า-ออกเป็นไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ เข้าออกโดยใช้ Keycard มี CCTV รวม 16 จุดและพี่รปภ.ดูแล 24 ชั่วโมง
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
โครงการ – วางตำแหน่งส่วนกลางไว้บริเวณหน้าโครงการ ติดถนนหลักเลยค่ะ นอกจากจะทำให้ลูกบ้านเข้าถึงได้ง่ายแล้วยังเป็นจุดนำสายตาสวยๆ ให้ลูกบ้านเวลาที่ขับรถเข้าออกโครงการด้วย การจัดโซนบ้านก็มีโซนที่น่าสนใจทั้งโซนรอบสวน และซอยย่อยต่างๆ ที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากเป็นพิเศษ ส่วนของทิศบ้านจะวางแนวเหนือใต้เป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมสำหรับเมืองไทยอยู่แล้วค่ะ
ตัวบ้าน – โดดเด่นกว่าโครงการอื่นๆ ด้วยสไตล์การออกแบบที่มาในรูปแบบ Modern Nordic ซึ่งสไตล์นี้เน้นการนำแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ตัวบ้านสว่างขึ้น เราจึงได้เห็นการใช้หลังคาทรงจั่วสูงเหมือนหมู่บ้านสแกนดิเนเวีย ฝ้าเพดานสูงสุดถึง 5.8 เมตร ใช้หน้าต่างบานใหญ่ ตัวบ้านจึงได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งเป็นพิเศษ ฟังก์ชันออกแบบมาให้รองรับทั้งการเริ่มต้นครอบครัวใหม่แบบพ่อแม่ลูกและครอบครัวใหญ่ที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยค่ะ
วัสดุ : โครงสร้างแบบ Conventional ก่ออิฐฉาบปูนสามารถทุบ/ต่อเติมได้ และจากดีไซน์ของทรงหลังคาหน้าจั่วและการใช้ Facade ที่มีกระจกเยอะแบบนี้ ก็จะมีค่าวัสดุมากกว่าแนวโมเดิร์นอยู่แล้วนะคะ เสียดายนิดเดียวพื้นที่จอดรถเป็นแบบ Slab on ground หากจะต่อเติมหลังคาจึงต้องลงเสาเข็มเพิ่มเอง ซึ่งโครงการตัด Joint พื้นที่จอดรถแยกออกจากตัวบ้านไว้เรียบร้อยค่ะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : สภาพโครงการโดยรวมดูเรียบร้อยดี คุมธีม Modern Nordic ตั้งแต่หน้าประตู ไปจนถึงอาคาร Clubhouse บรรยากาศภายในสวนมีทั้งต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่มช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าใช้งานมากขึ้น
สาธารณูปโภค : Facility ส่วนกลางมีครบตามมาตรฐานทั้ง Clubhouse, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และสวนส่วนกลางประมาณ 300 กว่าตร.วา แลกมากับค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.วา แชร์กันใช้กับลูกบ้าน 280 ยูนิตก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจเริ่มต้น 2.29-3.19 ล้านบาท, 14 กันยายน 2566
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – เข้าถึงง่ายจากถนนสุขุมวิท, บรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, Keycard, CTV, รปภ. 24 ชั่วโมง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – โดดเด่นด้วยสไตล์ Modern Nordic, หน้าต่างบานใหญ่, คุ้มค่าพื้นที่ใช้สอย
- วัสดุ 9/10 – Conventional ต่อเติมง่าย, หลังบ้านลงเสาเข็มมาให้ต่อเติมสะดวก
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7/10 – คุมธีมตามสไตล์ของโครงการ บรรยากาศดีเหมือนหมู่บ้านในสแกนดิเนเวีย
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – สระว่ายน้ำ, Fitness, สวนและสนามเด็กเล่น
- 7.75 / 10.00
The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) เหมาะกับใคร
โครงการ The Ozone Sukhumvit-Klongdan (ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน) เหมาะสำหรับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยย่านบางบ่อ ใกล้แหล่งงานนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรปราการ ยาวไปจนถึงฉะเชิงเทรา เดินทางโดยใช้เส้นสุขุมวิทเป็นหลักจะสะดวกสบายมาก ชอบสไตล์การออกแบบ Modern Nordic หลังคาทรงจั่วแบบบ้านสแกนดิเนเวีย ได้หน้าต่างบานใหญ่ บรรยากาศในบ้านโปร่งโล่ง คุ้มค่าเรื่องพื้นที่ใช้สอย รองรับครอบครัว 2-4 คนกำลังดี