The Eight ทาวน์โฮมหรู 3.5 ชั้น ในซอยลาดพร้าว 1 แยก 25 ใกล้รถไฟฟ้าสถานีลาดพร้าว จาก G – Land Property [รีวิวฉบับที่ 2312]

The Eight จตุจักร – รัชดา ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564

พิกัด Google Maps : 13.819232, 100.572438
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ The Eight จตุจักร – รัชดา ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 1 แยก 25 ซึ่งถือว่าเป็นทำเลใจกลางย่านธุรกิจใกล้กับห้าแยกลาดพร้าว ที่ปกติจะมีแต่คอนโดมิเนียมขึ้นเป็นส่วนใหญ่นะคะ ซึ่งโครงการนี้พัฒนาออกมาเป็นบ้านแนวราบถือว่าเป็นทางเลือกให้คนที่ต้องการบ้านในเมือง มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโดมิเนียม และมีตัวเลือกการเดินทางหลากหลาย

จากที่ตั้งโครงการสามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ถนนพหลโยธินจาก Lotus ลาดพร้าว, ซอยพหลโยธิน 24 ถนนลาดพร้าว จากซอยลาดพร้าว 1 , ลาดพร้าว 15 และถนนรัชดาฯ อีกทั้งไม่ไกลจากทางด่วนอุตราภิมุข และทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์ นอกจากนั้นยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว, MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีเหลือง (ในอนาคต) ทำให้ทำเลนี้เดินทางได้สะดวกจริงๆค่ะ

ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ก็สะดวกสบายครบครัน เนื่องจากเป็นทำเลที่ถือว่าอยู่ในเมือง แวดล้อมไปด้วยแหล่งจับจ่ายใช้สอย อาคารสำนักงานใหญ่หลายแห่ง ในรัศมีรอบๆโครงการ 5 กิโลเมตร มีทั้งศูนย์การค้า, Hyper Market, Community Mall ไม่ว่าจะเป็น Union Mall, Lotus ลาดพร้าว, Central ลาดพร้าว, Big C ลาดพร้าว มีแหล่งงานในย่านห้าแยกลาดพร้าว, พหลโยธิน, แยกรัชโยธิน และอาคารสำนักงานบนถนนรัชดาภิเษก นอกจากนั้นยังมีสถานศึกษา และโรงพยาบาลให้เดินทางไปได้สะดวกอีกด้วย

การเดินทาง

การเดินทางไปยังโครงการ The Eight จตุจักร – รัชดา สามารถทำได้ถึง 5 เส้นทาง โดยทุกๆ ซอยที่เป็นทางเข้า – ออกของโครงการสามารถเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งจะมีเส้นทางที่เข้า – ออกโครงการได้ ดังนี้

• เส้นทางที่ 1 : จากซอยลาดพร้าว 1 – เป็นซอยที่ทางโครงการแนะนำเหมาะกับคนที่เดินทางมาจากห้าแยกลาดพร้าว โดยซอยลาดพร้าว 1 จะอยู่ข้างๆ ศูนย์การค้า Union Mall หน้าปากซอยบรรยากาศคึกคัก การเดินทางตรงเข้ามาภายในซอยประมาณ 400 เมตร เลี้ยวซ้าย จากนั้นตรงไป 200 เมตร แล้วเลี้ยวขวา ตรงเข้าไปอีกประมาณ 800 เมตร จากนั้นเลี้ยวตามป้ายบอกทางจะเจอกับซอยลาดพร้าว 1 แยก 25 เลี้ยวเข้าซอยไปประมาณ 150 เมตร โครงการตั้งอยู่บริเวณท้ายซอย
• เส้นทางที่ 2 : จากซอยลาดพร้าว 15 – เส้นทางนี้เหมาะกับคนที่เดินทางด้วย MRT สถานีลาดพร้าว จากปากซอยสามารถเดินหรือขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ไปยัง MRT ประมาณ 390 เมตร มีป้ายบอกเส้นทางไปยังโครงการตลอดทาง ซึ่งเรานำตัวอย่างมาให้ชมด้านล่างนี้ค่ะ
• เส้นทางที่ 3 : จากถนนพหลโยธิน ผ่าน Lotus สาขาลาดพร้าว – เส้นทางนี้เหมาะกับคนที่ใช้รถไฟฟ้า BTS เนื่องจากอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 225 เมตร สามารถเดินได้สบายๆค่ะ นอกจากนั้นเส้นทางนี้ยังมีระยะทางที่สั้นผ่าน Hyper Market สามารถแวะจับจ่ายซื้อของได้ เส้นทางทะลุออกด้านหลัง Lotus ลาดพร้าว เลี้ยวขวาและเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 1 บรรจบกับเส้นทางแรกค่ะ
• เส้นทางที่ 4 : ซอยพหลโยธิน 24 – เส้นทางนี้เป็นอีกทางหนึ่งสำหรับคนที่นั่งรถไฟฟ้าสถานีพหลโยธิน 24 ซึ่งมีระยะห่างจากรถไฟฟ้าถึงหน้าปากซอยเพียง 125 เมตรเท่านั้นเองค่ะ จากนั้นเข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยพหลโยธิน 24 แยก 2 เข้ามาเรื่อยๆ ประมาณ 900 เมตร จะมาบรรจบกับลาดพร้าวซอย 1 เหมือนเส้นทางแรกเช่นกันค่ะ
• เส้นทางที่ 5 : ทางลัดจากซอยข้างปั๊ม ปตท. ศาลอาญา – เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ Google Map แนะนำ แต่ว่าเราไม่แนะนำนะคะ เนื่องจากซอยข้างศาลอาญาเป็นซอยที่ขึ้นชื่อว่าเล็กมากๆ ไม่เหมาะกับรถยนต์ขนาดใหญ่ แต่เส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับถนนใหญ่ (ถนนรัชดาภิเษก) ได้ใกล้ที่สุดเพียง 550 เมตรค่ะ

ตัวอย่างการเดินทางจากเส้นทางที่ 2 ซอยลาดพร้าว 15

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ The Eight จตุจักร – รัชดา ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย สูง 1 – 2 ชั้น จะมีอาคารพักอาศัยบ้างเล็กน้อยสูงไม่เกิน 5 ชั้น ตัวโครงการมีทางเข้า – ออก ติดกับซอยลาดพร้าว 1 แยก 25 บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นเงียบสงบ มีรถยนต์ผ่านเข้า – ออกในซอยไม่มากนัก จึงเหมาะกับคนที่ชอบความสงบ เป็นส่วนตัว ไม่พลุกพล่านค่ะ

• ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
• ทิศตะวันออก ติดกับ ซอยลาดพร้าว 1 แยก 25 ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
• ทิศใต้ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
• ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น

บรรยากาศภายในซอยลาดพร้าว 1 แยก 25 เป็นซอยที่ตั้งของโครงการ The Eight จตุจักร – รัชดา บรรยากาศภายในซอยค่อนข้างเงียบสงบ มีความร่มรื่น ทั้งสองข้างทางเป็นบ้านพักอาศัยเดิมความสูง 2 ชั้นค่ะ

ทางโครงการมีการปรับทัศนียภาพภายในซอย มีการทำรางระบายน้ำบนถนนสองข้างทางยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับลูกบ้านและเป็นมิตรกับชุมชนผู้อยู่อาศัยโดยรอบ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

• LOTUS LADPRAO ~ 1.4 กิโลเมตร
• BIG C LADPRAO ~ 2.4  กิโลเมตร
• CENTRAL LADPRAO ~ 2.9  กิโลเมตร
• UNION MALL ~ 2.9 กิโลเมตร
• CHATUJAK MARKET ~ 4.8  กิโลเมตร

โรงพยาบาล

• รพ. เปาโลเกษตร ~ 4.3  กิโลเมตร
• รพ. เปาโลพหลโยธิน ~ 4.8  กิโลเมตร
• รพ. วิภาวดี ~ 5.2  กิโลเมตร
• รพ. ลาดพร้าว ~ 8  กิโลเมตร

โรงเรียน

• โรงเรียน หอวัง ~ 3.2  กิโลเมตร
• มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ~ 3.7  กิโลเมตร
• โรงเรียน นานาชาติเซนต์สตีเฟนส์ ~ 7  กิโลเมตร

สำนักงาน/อื่นๆ

• ศาลอาญารัชดา ~ 700 เมตร
• ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ~ 2.5  กิโลเมตร
• สวนวชิรเบญจทัศ ~ 3.3  กิโลเมตร
• บริษัท ปตท. สำนักงานใหญ่ ~ 3.6  กิโลเมตร
• สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ๆ ~ 3.6 กิโลเมตร
• สวนจตุจักร ~ 3.8 กิโลเมตร
• บางกอกแอร์เวย์ สำนักงานใหญ่ ~ 4.6  กิโลเมตร

โครงการ The Eight จตุจักร – รัชดา เป็นโครงการแนวราบน้องใหม่จาก บริษัท G – Land Property ถัดจากโครงการ The Root และ The Gallery House Pattern บ้านพักอาศัยระดับ Luxury ที่ถูกพัฒนาขึ้นในทำเลเดียวกัน ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ต้องการความเป็นส่วนตัว ปลอดภัย และมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในเฉพาะตัว ซึ่งโครงการนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรไปชมกันค่ะ

The Eight จตุจักร – รัชดา เป็นโครงการบ้านประเภททาวน์โฮม หรูสไตล์ Modern แบ่งแปลงที่ดิน เพียง 8 ยูนิต โดยหันด้านหน้าบ้านเข้าหาทิศเหนือ – ทิศใต้ สามารถรับลมได้ดี เมื่อเข้าไปอยู่ในบ้านจริงถ้าเปิดหน้าต่างที่ด้านหน้าและหลังบ้านแล้วจะรู้สึกว่าเย็นสบาย ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศในเวลากลางวันได้เลยค่ะ

จุดเด่นของโครงการนี้คือ การให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าระดับ Luxury นะคะ จึงมีการกั้นผนังระหว่างแปลงเป็น Double Wall พร้อมฉนวนกันเสียงและกันความร้อน จาก Rockwool ตรงกลาง นอกจากนั้นยังวางผังให้ขนานกัน (ไม่ Mirror) ทำให้ห้องนอนของแต่ละยูนิตไม่ติดกันเลยค่ะ ผังโครงการยังแบ่งแปลงออกเป็น 2 ฝั่ง ทำให้มีบ้าน “แปลงมุม” มีพื้นที่สีเขียวด้านข้างจำนวน 4 ยูนิต (จากทั้งหมด 8 ยูนิต) ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถทำมุมพักผ่อน Outdoor หรือทำสระว่ายน้ำส่วนตัวเพิ่มเติมได้

ภายในโครงการมีความเรียบร้อยเนื่องจากเดินสายไฟฟ้าใต้ดิน ด้านหน้าทางเข้าจะมีป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมประตูรั้วอัตโนมัติผ่านเข้า – ออกได้ โดยการสแกนป้ายทะเบียนรถยนต์ค่ะ เข้ามาแล้วจะเป็นถนนหลักกว้าง 9 เมตร ขับสวนกันได้สบายๆ ปูพื้นด้วยคอนกรีตแสตมป์ดูสวยงาม พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย กล้อง CCTV 12 จุด ทั่วโครงการ และ Digital Fence รั้วแรงดึงอัตโนมัติ ช่วยตรวจจับผู้บุกรุกและส่งสัญญาณเตือนให้ลูกบ้านได้รับทราบแบบ Real Time

เนื่องจากไม่ได้เป็นโครงการจัดสรรมีนิติบุคคลนะคะ โครงการจึงเชื่อมต่อระบบการรักษาความปลอดภัยต่างๆ  เข้ากับ Application ให้ลูกบ้านสามารถช่วยกันดูแล จัดสรร การเพิ่ม-ลดทะเบียนที่สามารถเข้า-ออกได้ จำนวนรถยนต์เข้า – ออก/วัน/ยูนิต หรือดูกล้อง CCTV ภายในโครงการได้เอง

ด้านหน้าโครงการออกแบบให้มีรั้วและซุ้มประตูทางเข้าเห็นได้ชัดเจน ความสูงของซุ้มประตูประมาณ 4.50 เมตร ซึ่งรถขนของชิ้นใหญ่สามารถผ่านเข้า – ออกได้สบายๆค่ะ และอนาคตจะมีการจัดพื้นที่ทิ้งขยะที่ด้านหน้าโครงการให้เป็นสัดส่วน เพื่อให้รถขยะสามารถเก็บได้ โดยไม่ต้องขับเข้าไปภายในโครงการ ลดเสียงและกลิ่นรบกวนให้กับลูกบ้าน

ประตูรั้วโครงการเป็นรั้วบานเลื่อน 2 ตอน ออกแบบให้มีการหักมุมมาจากเลข 8 ที่เป็นสัญลักษณ์ของโครงการ และช่วยให้รถยนต์เลี้ยวเข้า – ออกได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ประตูรั้วอัตโนมัติติดตั้ง Motion Sensor มาให้ด้วยค่ะ ถ้าประตูกำลังปิดแล้วมีคนหรือรถผ่านประตูจะเปิดเอง ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งพื้นด้านหน้าบริเวณซุ้มประตูทางเข้าโครงการปูกระเบื้องมาให้ ส่วนถนนด้านในเป็นคอนกรีตแสตมป์ได้ความสวยงาม และดูแลรักษาง่าย

บริเวณทางเข้าจะมีกล้อง CCTV ที่นอกจากทำหน้าที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังเอาไว้สแกนป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ผ่านเข้า – ออกอีกด้วยค่ะ ส่วนมอเตอร์ไซค์ Delivery หรือจักรยานแม่บ้านที่จะผ่านเข้า – ออก ลูกบ้านสามารถส่ง QR Code เป็น One time Pass ให้กับผู้มาติดต่อ และนำมาสแกนที่ช่องสี่เหลี่ยมด้านล่างได้

ทางฝั่งขาออกก็เช่นกันค่ะ พร้อมด้านข้างมีป้อมรองรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้ให้ ซึ่งลูกบ้านสามารถร่วมกันตัดสินใจว่าจะจ้างหรือไม่จ้าง รปภ. ก็ได้ค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

• ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 12 จุด
• รั้วรอบโครงการสูง 3.00 เมตร และ Digital Fence
• ถนนหลักกว้าง 9.00 ม.
• ระบบสแกนป้ายทะเบียนรถยนต์ผ่านเข้า – ออก
• เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
• ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วเลื่อนไฟฟ้า
• สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic, Smoke & Gas Sensor พร้อมกล้อง CCTV ทุกหลัง

บ้านภายในโครงการ The Eight จตุจักร – รัชดา เป็นทาวน์โฮมสูง 3.5 ชั้น ที่ออกแบบมาในสไตล์  Modern Privacy Residence ภายในบ้านเน้นความเป็นส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่อเนกประสงค์บนชั้นลอยภายในให้เป็นห้องออกกำลังกาย ห้องนั่งเล่นส่วนตัว หรือห้องทำงาน Work Form Home ได้

นอกจากนั้นบ้านแต่ละหลังจะมีความเฉพาะตัวแตกต่างกันจากต้นไม้ที่ชั้น 2 โดยมีภูมิสถาปนิกเลือกให้ โดยเป็นต้นที่ฟอร์มสวย เมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีความสูงไม่เกินความสูงของชั้น 3 ทำให้ภายในบ้านมองออกมาเห็นยอดไม้ได้ชัดเจน และไม่ทำลายโครงสร้างของบ้านค่ะ ซึ่งจะมีพันธุ์ไม้ 8 ชนิด ดังนี้

• ต้นพุดกังหัน : ต้นไม้รูปทรงสวย มีถิ่นกำเนิดจากประเทศบราซิล
• ต้นหลิว : มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน
• ต้นแก้วพวง : ต้นไม้มีดอกสวย ซึ่งดอกแก้วเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความบริสุทธิ์
• ต้นแก้วเจ้าจอม : ต้นไม้ดอกสีขาวอมม่วง ทรงพุ่มสวยตลอดทั้งปี
• ต้นกันเกราเขียว : ต้นไม้มงคล 1 ใน 9 ชนิด
• ต้นองุ่นบราซิล : ไม้ยืนต้นทรงสวย ไม่ผลัดใบ
• ต้นกันเกราด่าง : ต้นไม้มงคล เหมาะกับคนที่ชอบใบลายด่าง
• ต้นเสม็ดแดง : ต้นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกในบ้าน

แบบบ้านภายในโครงการจะเหมือนกันทุกยูนิตนะคะ เป็นทาวน์โฮม 3.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 254 ตารางเมตร บนที่ดินมาตรฐาน 27.5 – 46.59 ตารางวา ภายในประกอบด้วย 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2-3 ที่จอดรถ มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 18.9 ล้านบาท 

• บ้านโครงการ The Eight จตุจักร – รัชดา เหมาะกับครอบครัวที่มองหาบ้านทำเลในเมือง เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าหลายสาย ต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะ ชอบความเป็นส่วนตัว และมั่นใจในความปลอดภัย ชอบพื้นที่เล่นระดับ (Split Level) มองเห็นกันได้ภายใน Common Area และสามารถเข้าถึงธรรมชาติ มีพื้นที่สีเขียวภายในบ้านได้ เหมาะกับสมาชิกประมาณ 3 – 5 คน มีงบ 18.9 ล้านบาทขึ้นไป

ชั้น 1 สามารถจอดรถหน้าบ้านได้ 2 คัน สบายๆ เข้ามาภายในบ้านจะเจอกับพื้นที่ Common Space ที่สามารถจัดแบ่งเป็นห้องรับแขกและพื้นที่รับประทานอาหารได้ มีฝ้าเพดานสูง Double Volume 4.00 เมตร และกระจกบานใหญ่ ทำให้ภายในมีความโปร่ง โล่ง มองเห็นสวนด้านหลังบ้านได้  พร้อมห้องเก็บของด้านหน้าบ้านสำหรับเก็บ รองเท้า กระเป๋าเดินทาง อุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ และ Powder Room ให้สมาชิกในบ้านได้ล้างมือทำความสะอาดก่อนเข้าบ้านในยุค Covid-19 แบบนี้ด้วยค่ะ

ชั้น Mezzanine เพิ่มความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นด้วยพื้นที่อเนกประสงค์บริเวณชั้นลอยแบบ Split Level สำหรับจัดเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว หรือจะเป็นมุมทำงานส่วนตัวก็เหมาะเช่นกันค่ะ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะมองเห็นกิจกรรมต่างๆภายในบ้านได้ทั้งหมดเลย ตั้งแต่แขกที่มาบ้าน ไปจนถึงคนที่อยู่ที่ชั้น 1 เป็นพื้นที่ให้สมาชิกในครอบครัวได้ Connect กันได้

ชั้น 2 เป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ทั้งชั้นเหมือนกับ Penthouse เลยค่ะ ทำให้ได้ห้องนอนขนาดใหญ่แบ่งฟังก์ชันได้ทั้งส่วนพักผ่อน ส่วนทำงานส่วนตัว Walk-in Closet และ ห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำ ซึ่งภายในมีระเบียงส่วนตัวด้านหน้าบ้าน และมี Open Space ช่องรับแสงและระบายอากาศบริเวณห้องน้ำเพิ่มวิวบรรยากาศให้บ้านดูโปร่งสบาย และร่มรื่นมากขึ้น

ชั้น 3 แบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้องด้านหน้าบ้านและด้านหลังบ้าน ซึ่งทั้ง 2 ห้อง สามารถจัดพื้นที่ Walk-in Closet และมีห้องน้ำในตัวได้ ห้องนอนด้านหน้าบ้านจะมีระเบียงส่วนตัวให้สามารถจัดสวน หรือออกไปสูดอากาศภายนอกได้ และทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ทั่วถึงค่ะ ส่วนทางด้านหลังบ้านเป็นพื้น Slab สามารถวางกระถางต้นไม้ตกแต่งได้เช่นกันค่ะ

ด้านหน้าบ้านมีรั้วเป็นบานเฟี้ยมเปิด 2 ฝั่งสามารถติดตั้งรั้วอัตโนมัติเพิ่มเติมได้นะคะ พร้อมกับมีป้ายเลขที่บ้าน ไฟส่องสว่าง และกริ่งติดตั้งมาให้เรียบร้อย

บริเวณที่จอดรถมีความกว้างประมาณ 6 เมตร สามารถจอดรถขนาดใหญ่ 2 คันได้สบายๆ พื้นที่จอดรถเป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนคาน (Slabs on Beam) มีเสาเข็มขนาดเท่าตัวบ้านทำให้สามารถต่อเติมหลังคาจอดรถได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการทรุดตัว อีกทั้งโครงการยังมีระบบไฟฟ้ารองรับการติดจุด EV Charging สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้ด้วยค่ะ

ภายในบ้านยังมีระบบรักษาความปลอดภัยมาให้ เรียกได้ว่าเต็มที่ทีเดียวค่ะ บวกกับกล้อง CCTV ภายในโครงการและ Digital Fence แล้ว สมาชิกภายในโครงการก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลยค่ะ

• CCTV : มีกล้อง CCTV มาให้ 2 จุด บริเวณที่จอดรถและภายใน Common Area ชั้น 1 มองเห็นได้ทั่วถึงโดยเชื่อมต่อกับ Application ในโทรศัพท์มือถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
• Siren : สัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบความผิดปกติ ซึ่งลูกบ้านสามารถตั้งค่าได้เองตามความเหมาะสม
• Motion Sensor : ช่วยเปิด – ปิดไฟอัตโนมัติ และตรวจจับความเคลื่อนไหวเพื่อรักษาความปลอดภัยได้ โดยจะติดตั้งมาให้บริเวณที่จอดรถและบันไดภายในบ้าน
• Door & Window Sensor : ช่วยดูแลความปลอดภัยเชื่อมต่อกับ Application ในโทรศัพท์มือถือ
• Clicker : ปุ่มอัจฉริยะสามารถสั่งเปิด – ปิดไฟ หรือ ขอความช่วยเหลือ Elderly Care ภายในห้องน้ำได้ โดยเจ้าของบ้านสามารถตั้งค่าจุดต่างๆ ได้เอง พร้อมระบบแจ้งเตือนส่งสัญญาณผ่าน Application ซึ่งจะติดตั้ง Clicker มาให้ที่ Common Area และภายในห้องน้ำทุกห้อง

• Smoke & Gas Sensor : ติดตั้งมาให้บริเวณครัว ช่วยป้องกันอัคคีภัย ตัวอุปกรณ์มีหน้าตาแบบในภาพนะคะ แต่จะติดตั้งบนฝ้าเพดานในบ้านมาตรฐาน

นอกจากนั้นยังมีระบบ Home Automation ควบคุมผ่าน Application ในโทรศัพท์ สามารถเปิด – ปิดไฟ เปิดม่าน ตั้งค่า Scene ได้ตามความชอบ และดูแลความปลอดภัยจากกล้อง CCVT ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับใครที่เลือกบ้านแปลงมุมจะมีพื้นที่ด้านข้างเพิ่มเติมสำหรับจัดสวน ปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวหรือทำสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านได้ ซึ่งเราพามาชมบ้านตัวอย่างที่ทำสระว่ายน้ำเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นมาให้ดูเป็นไอเดียด้วยค่ะ

ส่วนใครที่เลือกบ้านแปลงกลางก็สามารถวางกระถางต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวอีกจุดที่บริเวณหน้าบ้านได้นะคะ

ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูที่มีความสูงพิเศษอยู่ที่ 2.65 เมตร กว้าง 0.90 เมตร กรอบบาน Sahara matt Surface Aluminum พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ รองรับได้ทั้งระบบ Finger Scan, Password, Key และสั่งการผ่าน Application

เข้ามาภายในบ้านจะเจอกับ Foyer ก่อนค่ะ ซึ่งเป็นพื้นต่ำกว่าบริเวณ Common Area สำหรับเข้ามาเปลี่ยนรองเท้า ถอดรองเท้า วางกระเป๋า ล้างมือก่อนเข้าไปภายในบ้านได้ ซึ่งบริเวณนี้จะมีห้องเก็บของใต้บันได และห้องน้ำแบบ Powder Room ค่ะ

บริเวณ Foyer สามารถตั้งโซฟาสำหรับนั่งใส่รองเท้าได้  อีกฝั่งเป็นพื้นที่ใต้บันไดสำหรับทำห้องเก็บของและชั้นวางรองเท้า สะดวกต่อการใช้เก็บสิ่งของชิ้นใหญ่ที่ต้องการหยิบใช้งานได้ง่าย เช่น จักรยานพับ กระเป๋าเดินทาง ถุงกอล์ฟ เป็นต้น

ส่วนห้องน้ำ Powder Room ที่อยู่ด้านหน้าบ้านมีข้อดีคือทำให้สมาชิกภายในบ้านสามารถล้างมือ ล้างเท้าก่อนขึ้นบนบ้านได้สะดวก อีกทั้งยังหลบสายตาจากบริเวณห้องนั่งเล่นด้านบนด้วยค่ะ

บันไดทางขึ้นโถงห้องรับแขกมีความพิเศษคือ ปูด้วยหิน Crystal white Premium สีขาวสวยงามเชื่อมต่อกับกระเบื้องลายหินอ่อนบริเวณห้องนั่งเล่น ความกว้าง 1.90 เมตร สามารถเดินขึ้นและขนของชิ้นใหญ่ได้สบายๆ

ขึ้นมาเจอกับ Common Area เป็นโถงฝ้าเพดานสูง 4.00 เมตร พร้อมกับช่องเปิดด้านหลังบ้านขนาดใหญ่ กว้าง 2.90 เมตร สูง 3.10 เมตร ทำให้ภายในบ้านดูโปร่ง สามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และเคาน์เตอร์ครัวได้ พื้นปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน Verso Satuario ขนาด 0.60 x 1.20 เมตร ดูสวยงาม

พื้นที่ Common Area มีขนาดประมาณ 6.00 x 6.00 เมตร สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ 6 – 8 ที่นั่ง เชื่อมต่อกับ Pantry และพื้นที่นั่งเล่นได้

พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางโซฟาตัว L ขนาดใหญ่ 3 – 4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ มีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 2.50 – 3.00 เมตร เหมาะกับ TV ขนาดใหญ่ 55 นิ้วขึ้นไปได้เลยค่ะ

ด้านหลังบริเวณ Pantry มีการวางระบบน้ำดี – น้ำทิ้งไว้ให้เรียบร้อย สามารถทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวฝรั่งสำหรับบ้านที่ไม่เน้นทำอาหารจริงจังที่ต้องใช้ครัวไทยได้ แต่ถ้าครอบครัวไหนชอบทำอาหารบ้านตัวอย่างก็ต่อเติมพื้นที่ครัวด้านหลังบ้านมาให้ดูเป็นไอเดียด้วยค่ะ

ก่อนจะไปดูด้านหลังบ้าน เรามาดูพื้นที่ด้านข้างกันก่อนค่ะ สำหรับแปลงมุมแบบบ้านตัวอย่างหลังนี้มีการทำเฉลียงยื่นออกมาเชื่อมต่อกับตัวบ้านเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวระบบเกลือ พร้อม Jacuzzi 2 จุด ขนาด 2.40 x 4.10 เมตร ลึก 1.20 เมตร ให้มาแช่ตัว หรือให้เด็กๆ มาว่ายน้ำเล่นได้

ด้านหลังก็สามารถจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆเพิ่มเติม และทำเป็นลานสำหรับตากผ้าได้

ด้านหลังบ้านแปลงมาตรฐานจะเป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนคานเชื่อมต่อกับตัวบ้าน ป้องกันการทรุดตัวในอนาคต ปูกระเบื้องมาให้เรียบร้อย สามารถต่อเติมเป็นครัวไทยหรือห้องอเนกประสงค์ได้ค่ะ

บ้านตัวอย่างได้ต่อเติมบริเวณลานซักล้างให้เป็น Glass House ทำเป็นครัวไทย และพื้นที่นั่งเล่นเพิ่มเติมเป็นไอเดียให้ดูค่ะ

จากพื้นที่ชั้น 1 เชื่อมต่อกับชั้นลอยและโถงทางเข้าด้านหน้าบ้านแบบ Split Level ทำให้บริเวณชั้นลอยนั้นสามารถมองลงมาเห็นได้ทั้งพื้นที่ส่วนกลางและบริเวณที่จอดรถ สามารถดูได้ว่าใครไป ใครมา หรือมีปฏิสัมพันธ์กันในครอบครัวได้มากขึ้น

พื้นที่ชั้นลอยมีขนาดประมาณ 2.85 x 3.85 เมตร สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงาน Work Form Home, พื้นที่อ่านหนังสือ, พื้นที่ออกกำลังกาย, วาง Grand Piano หรือจัดได้ตามความชอบของเจ้าของบ้านเลย

บริเวณนี้จะได้ชุดหน้าต่างขนาดใหญ่ กว้าง 3.45 สูง 2.05 เมตร กรอบบาน Sahara matt Surface Aluminum และกระจกเข้ามุม ทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านได้เยอะเลย ตั้งแต่ชั้นลอยเป็นต้นไปพื้นปูด้วยไม้แดง Compound Solid (ไม้จริงทั้งผิวไม้และชั้นไม้) ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งไม่ต้องกังวลเรื่องปลวกค่ะ

มุมมองจากชั้นลอยมองเข้าไปภายในบ้านจะสามารถมองเห็นสมาชิกในครอบครัวที่กินข้าว ดูทีวี หรือทำอาหารอยู่ได้

ชานพักบันไดทุกชั้นจะได้ช่องแสงทางด้านหลังบ้าน ขนาด 1.35 x 1.85 เมตร สามารถเปิดระบายอากาศ รับลมได้ และช่วยให้โถงบันไดมีความสว่างไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวันได้เลยค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับห้อง Master Bedroom ห้องเดียวเลยค่ะ กินพื้นที่ทั้งหมดของชั้น 2 เป็นเหมือนกับ Penthouse ได้เลย ส่วนประตูห้องนอนเป็น Doric Door สูง 2.20 เมตร วงกบไม้สังเคราะห์จาก Green Pro พร้อมมือจับ Hafele สามารถตกแต่งด้านหน้าห้องด้วยกระถางต้นไม้ กรอบรูป ให้บ้านดูมีชีวิตชีวามากขึ้นได้

ภายใน Master Bedroom มีพื้นที่ขนาดใหญ่สามารถวางเตียง King Size 6 ฟุต พร้อมโซฟาที่นั่งปลายเตียง และโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งได้สบายๆ ภายในห้องปูพื้นด้วยไม้แดง Compound Solid สีวอลนัท ที่ผ่านกระบวนการอบมาตรฐานซึ่งของจริงสีสวยทีเดียวค่ะ ทำให้บรรยากาศภายในห้องนอนมีความอบอุ่นมากขึ้น

ปลายเตียงสามารถทำพื้นที่นั่งเล่นส่วนตัว วางโซฟาและโต๊ะกลางได้สบายๆ เชื่อมต่อกับระเบียงมองเห็นวิวด้านหน้าบ้านได้อีกด้วยค่ะ

นอกจากนั้นภายในห้องนอนยังได้ฝ้าเพดานสูง 2.80 เมตร มีการทำฝ้าหลุมมาให้ดูสวยงาม พร้อมกับช่องแสงด้านหน้าบ้านขนาดใหญ่ กรอบบานกว้างถึง 3.35 เมตร สูง 2.45 เมตร ทำให้ภายในห้องโปร่งสบาย เปิดรับลม และแสงธรรมชาติได้เต็มที่

ระเบียงส่วนตัวภายในห้อง Master Bedroom มีความยาวประมาณ 4.00 เมตร และกว้างพอสมควรสามารถวางเก้าอี้นั่งเล่นได้ จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการนี้คือ Pocket  Garden ที่ออกแบบรองรับไม้ยืนต้นได้ ซึ่งจะมีต้นไม้ปลูกมาให้ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ

ถัดมาด้านในห้อง Master Bedroom มีพื้นที่ด้านข้างกว้างสามารถจัดเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือก่อนนอน หรือมุมโต๊ะทำงานส่วนตัวได้ หรือถ้าใครต้องการ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ก็สามารถกั้นเป็นห้อง Walk-in Closet ได้ตั้งแต่บริเวณนี้เลย

ในห้อง Master Bedroom สามารถจัดพื้นที่ Walk-in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำได้เลยค่ะ ถ้าใครที่ไม่ชอบให้ฝุ่นจากโต๊ะเครื่องแป้ง หรือความชื้นจากห้องน้ำเข้าไปยังห้องนอนก็สามารถกั้นบานเลื่อนแยกโซน Walk-in Closet เป็นสัดส่วนได้นะคะ

ห้องน้ำของ Master Bedroom มีขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ ด้านหน้ามีอ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่และกระจกเงาบานสี่เหลี่ยมติดตั้งมาให้ เพิ่มความโปร่งสบายด้วยหน้าต่างบานเลื่อน ขนาด 1.75 เมตร สูง 2.15 เมตร เปิดระบายอากาศได้เต็มที่

นอกจากนั้นยังมีระเบียงวางกระถางต้นไม้ตกแต่ง เพิ่มพื้นที่สีเขียว หรือตากผ้าส่วนตัวได้ ผนังด้านหลังบ้านออกแบบให้มีช่องแสงด้านบนทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องน้ำ แต่ก็ยังได้ความเป็นส่วนตัวไม่โป๊ค่ะ

และที่พิเศษไม่เหมือนกับห้องอื่นๆ คือห้องนี้จะได้อ่างอาบน้ำ รุ่น Sun Struck พร้อมสุขภัณฑ์อัตโนมัติ รุ่น San Raphael Class 5 จากแบรนด์ Kohler พร้อมปุ่มฉุกเฉิน Elderly Care ติดตั้งมาให้ภายในห้องน้ำทุกห้อง

ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่ยืนอาบได้สบายๆ ติดตั้ง Hand Shower & Rain Shower มาให้พร้อมระบบน้ำร้อน – น้ำเย็น

บันไดปูลูกนอนด้วยไม้แดงวัสดุเดียวกันกับวัสดุพื้นเลยค่ะ พร้อมราวกันตกกระจกนิรภัย Temper ที่มีความหนาถึง 10 มิลลิเมตร และราวจับไม้ดูสวยงาม

ขึ้นมาที่ชั้น 3 บริเวณโถงบันไดมีช่องแสง Skylight รับแสงธรรมชาติส่องลงไปถึงโถงบันไดชั้นล่างทำให้บ้านมีความสว่างมากขึ้น หลังคาเป็น Flat Roof ลาดเอียง แผ่นหลังคา Cooling Roof จาก SCG กันความร้อนด้วยโพลียูรีเทนโฟม (Polyurethane Foam)

ซึ่งชั้น 3 แบ่งพื้นที่เป็นห้องนอนรอง 2 ห้องด้านหน้าบ้านและด้านหลังบ้านมีห้องน้ำในตัว ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ

มาดูห้องนอนรองห้องแรกที่อยู่ทางด้านหน้าบ้านกันก่อนนะคะ ห้องนี้มีพื้นที่ประมาณ 4.00 x 4.00 เมตร (ไม่รวมห้องน้ำ) สามารถวางเตียง King Size 6 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ ภายในห้องปูด้วยพื้นไม่แดง สีวอลนัทเหมือนกับในห้อง Master Bedroom มีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.80 เมตร ได้ความรู้สึกโปร่งสบาย

อีกทั้งห้องนี้ยังมีช่องแสงด้านหน้าบ้านกว้างมองเห็นยอดไม้ Pocket Garden ของห้อง Master Bedroom ได้ อีกทั้งยังมีระเบียงส่วนตัวด้านหน้าบ้านด้วยค่ะ

ระเบียงของห้องนอนรองนอกจากเป็นที่ตั้งของ Condensing Units แล้วยังสามารถวางกระถางต้นไม้เพิ่มบรรยากาศสดชื่น หรือไว้สำหรับออกมายืนสูดอากาศชมวิวด้านหน้าบ้านได้

ด้านหน้าห้องน้ำมีพื้นที่ทำชั้นวางของและโต๊ะเครื่องแป้งได้ 1 จุด

ห้องน้ำภายในห้องนอนจะมีการออกแบบให้แยกส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีฉากกั้นกระจกมาให้ ภายในห้องน้ำได้ช่องแสงด้านหน้าบ้าน ทำให้ห้องน้ำสว่างและรับแสงธรรมชาติได้ ภายในได้อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ จาก Kohler

พื้นที่อาบน้ำกว้างยืนอาบได้สบายๆ ติดตั้ง Hand Shower มาให้ พร้อมระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ

ห้องนอนรองที่ 2 มีพื้นที่ประมาณ 2.75 x 3.35 เมตร เล็กลงมาจากห้องนอนรอง 1 เล็กน้อย เหมาะกับวางเตียง 5 ฟุต ได้พอดีๆ และสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งเป็นส่วน Walk – in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำส่วนตัวได้ค่ะ

ห้องนี้จะมีช่องแสงจุดเดียวด้านหลังบ้านนะคะ แต่เป็นช่องแสงที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ กว้าง 1.30 เมตร สูง 2.15 เมตร สามารถเปิดรับลม และระบายอากาศได้ดี

ภายในห้องน้ำมีการแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีฉากกั้นกระจกมาให้ ได้อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ จาก Kohler พร้อมติดตั้ง Hand Shower และระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เหมือนกับในห้องนอนรอง 1 เช่นกันค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

The Eight จตุจักร – รัชดา ราคา ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564

• ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้างเริ่มต้น 6.13 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 27.5 – 46.59 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 254 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2-3 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาท
• จอง 50,000 บาทและทำสัญญา 250,000 บาท
• ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
• ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
• ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.วา/เดือน
• ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
• ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :

โครงการ The Eight จตุจักร – รัชดา ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 1 แยก 25 ซึ่งถือว่าเป็นทำเลใจกลางย่านธุรกิจเลยค่ะ สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับถนนใหญ่และรถไฟฟ้าได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนลาดพร้าว, ถนนพหลโยธิน และถนนรัชดาภิเษก มีรถไฟฟ้า BTS, รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เป็นตัวเลือกในการเดินทางเพิ่ม อีกทั้งยังไม่ไกลจากทางด่วนอุตราภิมุข และทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์

ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ก็ถือว่าครบครัน เนื่องจากเป็นทำเลที่ถือว่าใจกลางเมืองย่านลาดพร้าว ใกล้ศูนย์การค้า, Hyper Market, Community Mall ในรัศมี 5 กิโลเมตรให้สามารถจับจ่ายใช้สอยได้สะดวก และยังไม่ไกลจากย่านธุรกิจ เช่น ห้าแยกลาดพร้าว, สำนักงานบนถนนพหลโยธิน, สำนักงานใหญ่ต่างๆ บริเวณแยกรัชโยธิน และสำนักงานบนถนนรัชดาภิเษก รวมถึงใกล้สถานศึกษา และโรงพยาบาลหลายแห่งอีกด้วยค่ะ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้านถือว่าให้มาแบบจัดเต็ม มีระบบผ่านเข้า – ออกด้วยการสแกนป้ายทะเบียน พร้อมกล้อง CCTV ทั่วทั้งโครงการ เชื่อมต่อกับ Application มีรั้ว Digital Fence รั้วแรงดึงอัตโนมัติ ช่วยตรวจจับผู้บุกรุกและส่งสัญญาณเตือนให้ลูกบ้านได้รับทราบแบบ Real Time

ภายในบ้านมีกล้อง CCTV มาให้ 2 จุด บริเวณที่จอดรถและภายใน Common Area พร้อม Siren ส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบความผิดปกติ, Motion Sensor ช่วยเปิด – ปิดไฟอัตโนมัติ และตรวจจับความเคลื่อนไหวเพื่อรักษาความปลอดภัยได้, Door & Window Sensor ช่วยดูแลความปลอดภัยเชื่อมต่อกับ Application ในโทรศัพท์มือถือ, Smoke & Gas Sensor ช่วยป้องกันอัคคีภัย และ Clicker ปุ่มอัจฉริยะสามารถสั่งเปิด – ปิดไฟ หรือ ขอความช่วยเหลือ Elderly Care ติดตั้งมาให้ภายในห้องน้ำทุกห้อง

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :

การออกแบบโครงการแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 ยูนิต ทำให้มีแปลงมุมมีพื้นที่ด้านข้างเพิ่มเติมถึง 4 ยูนิต แบบบ้านเป็นทาวน์โฮมหรูสไตล์ Modern หันด้านหน้าบ้านเข้าหาทิศเหนือ – ทิศใต้ สามารถรับลมได้ดี นอกจากนั้นยังวางผังให้ขนานกัน (ไม่ Mirror) ทำให้ห้องนอนของแต่ละยูนิตไม่ติดกัน และยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนด้วยผนัง Double Wall เหมาะสมกับระดับราคา ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน

พื้นที่ภายในมีการออกแบบให้เป็น Split Level ให้สมาชิกภายในบ้านสามารถ Connect กันได้ และยังช่วยให้ภายในบ้านดูโปร่ง มีฝ้าเพดานสูงได้ถึง 4.00 เมตร อีกทั้งยังมีพื้นที่อเนกประสงค์บนชั้นลอย มีความยืดหยุ่นจัดเป็นห้องออกกำลังกาย ห้องนั่งเล่นส่วนตัว หรือห้องทำงาน Work Form Home ก็ได้ค่ะ และไม่ต้องกังวลว่าเป็นทาวน์โฮมแล้วจะมีพื้นที่สีเขียวไหม ทางโครงการออกแบบให้มี Pocket Garden ไม้ยืนต้นที่ระเบียง Master Bedroom ชั้น 2 และมีระเบียงในห้องนอนรองสามารถวางกระถางต้นไม้เพิ่มความสดชื่นให้กับบ้านได้

วัสดุ :

วัสดุภายในโครงการนี้ถือว่าให้มาดีทีเดียวค่ะ นอกจากระบบรักษาความปลอดภัยที่จัดเต็มแล้ว วัสดุปูพื้นตั้งแต่ชั้นลอยขึ้นไปจนถึงห้องนอนต่างๆ เป็นพื้นไม้แดง Compound Solid และไม้แดงอบสีวอลนัทดูอบอุ่น ฝ้าเพดานหลุมในห้อง Master Bedroom ชุดหน้าต่างขนาดใหญ่ กรอบบาน Sahara matt Surface Aluminum ประตูทางเข้าติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ มี Skylight บริเวณโถงบันได และได้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก Kohler ค่ะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :

สภาพโครงการมีความเรียบร้อย เดินสายไฟใต้ดินให้ แม้จะไม่มีพื้นที่สีเขียวส่วนกลางเนื่องจากไม่ได้เป็นโครงการจัดสรร แต่ทางโครงการมีการออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวภายในบ้านพักอาศัยทุกยูนิตมาทดแทน เพิ่มธรรมชาติให้ใกล้ชิดกับผู้อยู่อาศัยมากขึ้นได้ค่ะ

สาธารณูปโภค :

เนื่องจากเป็นโครงการบ้านพักอาศัยจำนวนเพียง 8 ยูนิต ทำให้ไม่มี Clubhouse และพื้นที่ ส่วนกลางเหมือนกับโครงการขนาดใหญ่อื่นๆนะคะ แต่จะมีสาธารณูปโภคพื้นฐานมาให้ เช่น ซุ้มประตูทางเข้า ระบบรักษาความปลอดภัย เชื่อมต่อเข้ากับระบบ Digital ให้ลูกบ้านสามารถดูแลพื้นที่ส่วนกลางร่วมกันได้

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 20 ล้านบาท, 15 พฤศจิกายน 2564

• ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – เดินทางสะดวกใกล้ถนนใหญ่ และรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง
• ความปลอดภัย 8/10 – ให้ระบบรักษาความปลอดภัยมาค่อนข้างจัดเต็ม
• การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9.5/10 – ตัวบ้านมีความน่าสนใจ มีการเล่นระดับ Spilt Level มีพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน ฟังก์ชันลงตัว
• วัสดุ 8.25/10 – วัสดุเหมาะสมกับระดับราคา ได้พื้นไม้จริง อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน
• พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – โครงการมีความเรียบร้อย ระบบสายไฟฟ้าลงดิน
• 8.28 / 10.00 

The Eight จตุจักร – รัชดา เหมาะกับใคร

The Eight จตุจักร – รัชดา เหมาะกับคนที่มองหาบ้านทำเลใจกลางเมืองย่านลาดพร้าว เดินทางสะดวกเชื่อมต่อถนนหลักได้หลายเส้นทาง หาของกินง่าย ใกล้รถไฟฟ้าหลายสาย ต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะ ชอบความเป็นส่วนตัว และมั่นใจในความปลอดภัย ชอบพื้นที่เล่นระดับ (Split Level) ฝ้าเพดานสูง มองเห็นกันได้ภายใน Common Area และสามารถเข้าถึงธรรมชาติได้ เป็นทาวน์โฮมที่มีพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน เหมาะกับสมาชิกประมาณ 3 – 5 คน มีงบประมาณ 18.9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 133,000 บาทขึ้นไป

ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc