รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.486 – รีวิวทาวน์โฮม ETERNITY TOWN Primrose วัชรพล
22 มีนาคม 2020
รีวิวฉบับที่ 2050 … ETERNITY TOWN PRIMROSE วัชรพล จาก สถาพรเอสเตท ถือเป็นโครงการที่ทำมาน่าสนใจเลยค่ะ เนื่องจากเป็นทาวน์โฮมที่ขึ้นมาบนทำเลบ้านแนวราบ และราคาไม่ได้น้อยกว่าบ้านเหล่านั้นเลยนะคะ แต่ว่าจุดเด่นคือทำเลที่ใกล้กับตลาดวงศกรแบบเดินถึง และพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น 3 ห้องนอน ที่แต่ละห้องนอนออกแบบมาให้วางเตียงใหญ่ได้และมีห้องน้ำในตัวด้วย ใครชอบบ้านที่เน้นพื้นที่ใช้งานภายในเชิญอ่านต่อกันได้เลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
25 February 2020
- ETERNITY TOWN PRIMROSE Vatcharaphol
( อิเธอร์นิตี้ ทาวน์ พริมโรส วัชรพล ) - บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนสุขาภิบาล 5 เขต สายไหม
- เนื้อที่โครงการ 7-2-54.6 ไร่ จำนวน 86 ยูนิต
- ROSE ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 18.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 163 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
– ราคา 5.4 ล้านบาท (ราคาโปรโมชันพิเศษ 4.39 ล้านบาท) - PRIMA ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5.6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 24.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 229 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
– ราคา 8.4 ล้านบาท (ราคาโปรโมชันพิเศษ 7.3 ล้านบาท) - PRIMULA ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 22.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 244 ตร.ม.
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 1 – 2.6 เมตร / ชั้น 2 – 2.7 เมตร (Master Bedroom) / ชั้น 3 – 2.6 เมตร
- ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 110,000 บาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2563
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปี n/a
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02 007 5555
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.9186596 , 100.681664
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากโครงการ ETERNITY TOWN PRIMROSE วัชรพล
โครงการ ETERNITY TOWN PRIMROSE วัชรพล ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 5 ใกล้กับถนนสายไหมและถนนหทัยราษฎร์ ซึ่งเป็นทำเลที่มีที่อยู่อาศัยแนวราบอยู่ค่อนข้างหนาแน่น เพราะเป็นทำเลที่มีความสะดวกสบายเรื่องการเดินทางที่เชื่อมต่อไปยังถนนหลักหลายสาย ทั้งถนนวิภาวดี ถนนพหลโยธิน และใกล้กับทางด่วนทั้งทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนกาญจนาภิเษก ถือว่าสะดวกทั้งการเดินทางเข้า และออกจากตัวเมืองค่ะ
และเนื่องจากย่านนี้เป็นทำเลที่อยู่อาศัย ดังนั้นจะมีความอุดมสมบูรณ์เช่น ตลาดต่างๆค่อนข้างเยอะ ที่ใกล้กับโครงการที่สุดจะเป็นตลาดวงศกร ที่สามารถเดินไปได้เลยในระยะ 200 เมตร และมีอีกมากทั้งบนถนนสายไหมและถนนสุขาภิบาล 5 ค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับการหาอาหารการกินในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าต้องการห้างเพื่อความบันเทิงอย่าง Shopping หรือดูหนังก็อาจจะต้องขยับออกไปอีกหน่อยแทนนะคะ จะไปยังเส้นรังสิต หรือเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราก็ได้ค่ะ
การเดินทาง
เส้นทางการเดินทางที่จะพาไปชมกันวันนี้ เราจะเดินทางมาจากทางพิเศษฉลองรัช ซึ่งเป็นทางด่วนที่สามารถใช้เชื่อมต่อเข้าไปยังใจกลางเมือง(พระราม 9 – เอกมัย) ได้นะคะ แต่เราจะมุ่งหน้าไปยังขาออก ออกมายังถนนสุขาภิบาล 5 ตรงมาเรื่อยๆเกือบจะถึงจุดตัดกับถนนสายไหม โครงการเราจะอยู่ทางขวามือ ก่อนถึงตลาดวงศกรค่ะ เส้นทางจะเป็นอย่างไรบ้างไปดูพร้อมๆกันนะ
เริ่มต้นกันที่ทางด่วนค่ะ ออกทางออกที่ 22 นะคะ ตามป้ายบอกทางไปยังถนนสุขาภิบาล 5
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการรวมไปถึงย่านนี้ ถือว่าเป็นย่านของที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นส่วนใหญ่ จะมีหมู่บ้านจัดสรรทั้งเก่า กลาง ใหม่ หลายๆโครงการทั้งสองฝั่งถนนเลย พอมีที่อยู่อาศัยแล้ว ความสะดวกสบายเรื่องอาหารการกินก็ย่อมมีมากขึ้นตาม ทั้งร้านอาหาร ตลาด Hypermarket ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น ถือว่ามีผู้คนอาศัยหนาแน่นเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีพื้นที่ว่างอยู่อีกที่สามารถพัฒนาเป็นโครงการได้อีกเช่นกัน ส่วนโครงการ ETERNITY TOWN PRIMROSE วัชรพล จะเป็นโครงการทาวน์โฮมที่มีจุดเด่นอยู่ที่ติดถนนใหญ่ ใกล้ตลาดวงศกรและใกล้ถนนสายไหมค่ะ เราลองไปดูบรรยากาศรอบๆกันดีกว่าค่ะ
ทิศเหนือ ติดกับถนนหลักอย่างถนนสุขาภิบาล 5 ฝั่งตรงกันข้ามเป็นร้านค้าสูง 1 ชั้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดวงศกร – 200 m.
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ สายไหม -220 m.
- ตลาดออเงิน – 1.8 km.
- สำนักงานเขตสายไหม – 3.5 km.
- Big C Market สุขาภิบาล 5 – 4.6 km.
- เวนิส ดี ไอริส วัชรพล (Vennice Di Iris) – 8.4 km.
- เพลินนารี่ มอลล์ – 9.2 km.
- โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนนอรัล – 9.3 km.
- โรงเรียนสายอักษร – 10.6 km.
- โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์ (รามอินทรา34) – 11.9 km.
- เดอะ พรอมานาด – 12.7 km.
- เซ็นทรัล รามอินทรา – 14 km.
รายละเอียดโครงการ
ETERNITY TOWN PRIMROSE วัชรพล เป็นโครงการจัดสรร ประกอบไปด้วยทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น และ 3 ชั้นครึ่ง ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 7 ไร่ครึ่งบนริมถนนสุขาภิบาล 5 ค่ะ ด้วยที่ตั้งที่อยู่ริมถนนใหญ่และใกล้กับตลาดวงศกรมาก(200 เมตร) ทำให้เป็นอีกทำเลที่สะดวกสบายเรื่องอาหารการกินเลยค่ะ ภายในโครงการนี้จะมีแบบบ้านอยู่ทั้งหมด 3 แบบ เป็นทาวน์โฮมทั้งหมดเลย
บ้านทั้ง 3 แบบของโครงการจะถูกเรียกว่า Type S, M ,L ตามขนาดพื้นที่ใช้สอยค่ะ ปัจจุบันมีการเปิดขายเฉพาะแบบ S หรือ Rose และ แบบ M หรือ Prima เท่านั้น โดยตัวโครงการนี้ถ้าเราดูจาก Master plan เราจะเห็นการจัด Zoning ของแต่ละ Type อาคารค่อนข้างชัดเจน มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ด้านหน้าโครงการ การจัดวางแบบบ้านจะมีรายละเอียดดังนี้
- Type L (Primula) – ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 244 ตร.ม. จะตั้งอยู่หน้าสุดของโครงการ หันหน้าออกสู่ถนนใหญ่ หรือ ถนนสุขาภิบาล 5 บ้านแบบนี้จะยังไม่เปิดขาย (วันที่เราไปทำรีวิว) แต่จะเป็นแบบที่อนุญาตให้ปรับการใช้งานเป็น Home Office หรืออาคารพาณิชย์ได้ค่ะ โดยจะเป็นพื้นที่ส่วนที่ยังไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างรั้วทางเข้าโครงการ หรือ Key-Card ในการเข้า-ออก ซึ่งการแยกพื้นที่ออกจากส่วนอื่นๆก็จะมีข้อดีตรงที่บ้านด้านในที่มีจุดประสงค์เพื่อการอยู่อาศัยจริงก็จะได้ความปลอดภัยมากขึ้น ไม่มีคนมากหน้าหลายตาผ่านหน้าบ้านได้ง่ายค่ะ ส่วนคนที่ซื้อบ้านแบบ Primula นี้ก็สามารถใช้งานเป็นหน้าร้านได้ ทำเลก็ถือว่าไม่เลวเลย ใกล้กับตลาดวงศกรค่ะ
- Type M (Prima) – ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5.6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 244 ตร.ม. บ้านแบบนี้เมื่อเข้าไปยังโครงการจะอยู่ติดกับถนนหลัก ทางขวามือค่ะ เป็นแบบบ้านที่หน้ากว้าง 5.6 เมตร ทำให้จอดรถได้ 2 คันสะดวกขึ้น
- Type S (Rose) – ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 163 ตร.ม. เป็นแบบบ้านที่ขนาดเล็กสุดในโครงการ และมีจำนวนยูนิตมากที่สุดค่ะ บ้านแบบนี้จะหันหน้าเข้าสู่ซอยย่อย ที่ได้ความ Private มากขึ้น และก็เป็นบ้านที่หันหน้าไปทางเหนือ-ใต้ เป็นหน้าบ้านที่เปิดรับทิศทางการพัดผ่านของลมได้ดี
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการจะถูก Set เข้ามาจากถนนใหญ่ แบ่งทางเข้า-ออกสองฝั่งมีเกาะกลางอย่างต้นไม้ใหญ่คั่น
ซุ้มประตูทางเข้ามีหลังคาปกคลุม เน้นโทนสีขาวสะอาดตา การเข้า-ออกใช้ระบบ Key Card และประตูทางเข้าเป็นรั้วเลื่อนอัตโนมัติค่ะ (ดูปลอดภัยกว่าไม้กั้นกระดกนะคะ)
รปภ.จะอยู่ตรงกลาง สามารถดูแลได้ทั้งทางเข้าและทางออก ผู้มาติดต่อก็ต้องแลกบัตรค่ะ
เมื่อเข้ามาจะเจอกับถนนหลักภายในโครงการ(ตรงไป) ทางขวามือจะเป็นบ้าน Size M แบบ Prima ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นบ้าน Size S แบบ Rose ค่ะ
ถนนภายในโครงการ ไม่ว่าจะเป็นถนนหลักหรือถนนในซอยย่อยก็จะมีความกว้างอยู่ที่ 9 เมตรค่ะ ถือว่าเป็นระยะที่ขับสวนกันได้สบายเลยนะคะ อย่างวันที่เราไปจะเจอกับรถที่จอดอยู่ด้วย ถือว่าเป็นตัวอย่างให้ดูแล้วกันนะคะ ว่าถ้ามีใครมาเยี่ยมก็ยังสามารถจอดหน้าบ้านได้ 1 ฝั่งค่ะ
มาดูที่ Clubhouse กันค่ะ จะตั้งอยู่ที่ด้านหน้าโครงการเลย มีสระว่ายน้ำที่เป็นส่วน Outdoor อยู่ แต่จะมีแนวพุ่มไม้บังตัวสระนะคะ เวลาใช้งานก็จะได้ไม่เขินอายเท่าไหร่ค่ะ สิ่งที่น่าสนใจของโครงการนี้อย่างหนึ่งคือการติดตั้ง Solar panel มาให้ทั้งตัวบ้านและ Clubhouse ค่ะ ตรง Clubhouse จะติดตั้งไว้ 20 แผ่น มีกำลังผลิตไฟ 5,800 วัตต์ ซึ่งโครงการมีการคำนวณคร่าวๆเอาไว้ว่าสามารถประหยัดค่าไฟที่พื้นที่ส่วนกลางได้ถึง 43,000 บาทต่อปีเลยค่ะ (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาด้วยนะคะ)
ถ้าสังเกตจะเห็นว่าในโครงการจะมีสไตล์การออกแบบที่นำเอาองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณมาลดทอนรายละเอียดให้ดูทันสมัยมากขึ้น ทั้งซุ้มประตูทางเข้า , Clubhouse และ หน้าตาบ้าน ทำให้ดู Classic แต่ไม่ Modern ค่ะ
มาที่ Clubhouse จะเป็นพื้นที่โล่ง ไม่แน่ใจว่าจะมีการจัดพื้นที่ตรงนี้ด้วยโซฟานั่งเล่นเพิ่มขึ้นในภายหลังรึเปล่านะคะ?
หันมาทางซ้ายมือจะเป็นสระว่ายน้ำค่ะ โดยเป็นสระกลางแจ้งระบบน้ำเกลือ ขนาด 5×15 เมตร ลึก 1.2 เมตร เรียกว่า Primrose Pool Club
บ้านแบบ Rose ที่อยู่โซนนี้ก็จะได้ข้อดีที่ใกล้กับ Clubhouse และได้วิวสระว่ายน้ำแบบนี้ค่ะ
ข้างๆจะมีจุดล้างตัวให้ 1 จุด สำหรับล้างตัวทำความสะอาดก่อนและหลังใช้งานสระว่ายน้ำนะคะ
เดินกลับเข้ามาดูภายในอาคาร Clubhouse กันต่อ ตรงนี้จะมีส่วนหนึ่งที่เป็นห้องทำงานของนิติบุคคลค่ะ (ขวามือ)
ซ้ายมือจะเป็นห้องฟิตเนส เป็นห้องที่ออกแบบมาให้มีกระจกล้อมรอบ ตัวกระจกมีการออกแบบ Frame ที่ดูแปลกตาค่ะ สิ่งที่ชอบคือเมื่อมองออกไปจะเจอกับแนวต้นไม้ที่ช่วยลดความร้อนที่จะเข้ามาภายในห้องได้ด้วย
นอกจากนี้ก็จะมีห้องน้ำให้บริการแยกชาย-หญิงค่ะ
ด้านในสุดมีห้องที่ชื่อว่า Inspire Hub ตั้งอยู่ ด้านในเป็นเหมือนห้องประชุมค่ะ เราสามารถใช้งานเป็นห้องทำงานหรือ Co-Working Space ได้ด้วยนะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse (Primrose Central)
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ (Primrose Pool Club) ขนาด 5 x 15 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย (Fitness Studio)
- ห้องประชุม หรือ Inspire Hub
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด
- ระบบ CCTV
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 9 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
- Key Card Access
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor ทุกหลัง ที่ประตูบ้านชั้น 1
แบบบ้าน
อันที่จริงแล้ว โครงการ Eternity Town Primrose วัชรพล จะมี Products หรือแบบบ้านอยู่ทั้งหมด 3 แบบ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ชื่อว่า Rose ขนาดเล็กที่สุด 163 ตร.ม. และ Prima ขนาดกลาง 229 ตร.ม. ซึ่งเป็น 2 แบบบ้านที่เราจะพาไปรีวิวกันวันนี้ค่ะ ส่วนบ้านอีกแบบจะเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่งที่มีชื่อว่า Primula โดยแบบนี้จะยังไม่มีข้อมูลออกมานะคะ
สิ่งที่เรามองว่าน่าสนใจในโครงการ Eternity Town Primrose วัชรพล นี้คือ เป็นทาว์นโฮมราคาใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในทำเลนี้ แต่ว่าจะมีทำเลที่ใกล้กับตลาดในระยะเดินถึง ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบข้อแรก ส่วนอีกข้อคือการออกแบบห้องนอนของบ้าน ที่จะนำเอาห้องนอนใหญ่ไว้ที่ชั้น 2 , ห้องนอนทุกห้องขนาดกว้างวางเตียงใหญ่ได้ และมีห้องน้ำในตัว ดังนั้น ใครที่ต้องการ พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน เป็นหลัก กับ ทำเลใกล้ตลาด ไม่สนใจเรื่องที่ดินปลูกสวนข้างบ้าน โครงการนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกให้คุณได้เลยนะคะ
ROSE ทาวน์โฮม 3 ชั้น
ที่ดินเริ่มต้น 18.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 163 ตร.ม.
มาดูที่ผังบ้านกันค่ะ ในแบบบ้านทั้ง 2 แบบของโครงการ Eternity Town Primrose วัชรพล ที่เราจะพาไปดูนั้นมีการวางตำแหน่งห้องหลักๆคล้ายๆกันนะคะ เพียงแต่ขนาดภายในต่างกัน อย่างแบบบ้าน Rose ที่เป็นแบบเริ่มต้นของโครงการนี้ จะเป็นแบบบ้าน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 พื้นที่นั่งเล่น และ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.39 ล้านบาท(โปรโมชัน) จัดว่าเป็นทาวน์โฮมที่เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนะคะ จุดเด่นที่เรามองมีดังนี้ค่ะ
- ระบบโครงสร้างที่โครงการนี้เลือกใช้จะเป็นระบบก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งมีข้อดีคือการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอย หรือว่าต่อเติมทำได้ง่าย
- ชั้น 1 สามารถกั้นห้องด้านในบ้านทำเป็นครัว หรือห้องอเนกประสงค์เพิ่มได้
- Master Bedroom จะอยู่ที่ชั้น 2 เป็นห้องขนาดใหญ่ สามารถทำ Walk-in Closet ได้
- มีพื้นที่อเนกประสงค์ (เรียกว่า Sky Living) ที่ชั้น 2 หน้าห้อง Master Bedroom ถือเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัวที่จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สามารถแยกการใช้งานได้ เช่น พ่อ-แม่ มีแขกมาอยู่ที่ชั้นล่าง ลูกๆก็สามารถมาดูทีวีหรือเล่นเกมส์กันที่ห้องนั่งเล่นชั้นนี้แทนค่ะ
- ห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ และมีห้องน้ำในตัว
- ในบ้านทุกหลังจะติดตั้งแผง Solar Roof System ไว้ให้หลังละ 4 แผ่น
- ติดตั้งระบบ Magnetic Sensor ไว้ให้ที่ประตูหน้าบ้านและหลังบ้านที่ชั้น 1
การจัดฟังก์ชันหลักๆของแบบบ้านจะแบ่งออกเป็นโซนหน้าบ้านและโซนฝั่งหลังบ้าน ส่วนบันไดจะอยู่ตรงกลางบ้าน ถ้าดูจาก Section หรือรูปตัดตามแนวยาวบ้านจะเห็นได้ว่าห้องนอนเล็กที่ชั้น 3 กับห้องนอนใหญ่เป็นห้องนอนขนาดใหญ่เหมือนกันเลยค่ะ
หน้าตาบ้านจะเป็นบ้าน 3 ชั้น มีสไตล์การออกแบบที่นำเอาองค์ประกอบเส้นโค้ง และการซอยย่อยของระนาบต่างๆเช่นผนัง และหน้าต่าง ทำให้หน้าตาบ้านดูแตกต่างจากความโมเดิร์นที่เห็นกันทั่วไปสมัยนี้ และที่น่าสนใจอีกอย่างคือแบบทาวน์โฮมภายในโครงการนี้จะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านจริงๆค่ะ เราจะไม่เห็นระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวบ้านเลยนะคะ
ทางเข้าบ้านจะเป็นรั้วโปร่ง มีดีไซน์เข้ากับตัวบ้าน นอกจากนี้ก็จะมีโคมไฟส่องสว่างและกริ่งหน้าบ้านให้มาค่ะ
สำหรับบ้านแบบ Rose จะเป็นบ้านที่มีหน้ากว้าง 5 เมตร เป็นขนาดที่สามารถจอดรถได้ 2 คันค่ะ แต่อาจจะเป็นคันที่เล็กหน่อย เป็นรถ Eco Car หรือว่าถ้าบ้านไหนมีรถใหญ่คัน เล็กคันก็พอได้อยู่ แต่ทางเดินระหว่างรถก็จะแคบจนเดินไม่ได้หรือเปิดประตูลำบากหน่อย แต่ถ้าบ้านไหนมีรถคันเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
โครงสร้างพื้นที่จอดรถจะเป็นแบบ Slab on ground ค่ะ ไม่สามารถรับน้ำหนักที่มากๆได้ ที่จอดรถจะเป็นแบบจอดกลางแจ้ง เราอาจจะต้องต่อเติมหลังคาปกคลุมทีหลังเอาเอง ดูไอเดียจากบ้านตัวอย่างได้นะคะ ส่วนด้านข้างจะเป็นผนังทึบก่อไม่สูงมากค่ะ
หน้าบ้านจะออกแบบให้อยู่ลึกเข้าไปจากแนวผนังชั้น 2 และ 3 ของบ้าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระยะที่จอดรถ และก็ทำให้เกิดข้อดีตรงที่เมื่อเข้าไปในบ้าน พื้นที่ส่วนด้านหน้าก็จะไม่ร้อน แดดไม่ส่องเข้าไปมากค่ะ
ฝั่งซ้ายของหน้าบ้านจะเป็นหน้าต่างที่ตรงกับตำแหน่งบันได ทำให้แสงสว่างส่องเข้าไปยังพื้นที่บันไดและช่วยระบายอากาศได้ด้วย ด้านล่างของหน้าต่างก็จะเป็นช่องเก็บของเล็กๆ เราสามารถเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด ล้างรถ เครื่องมือซ่อมบำรุงต่างๆได้นะคะ
ตัวพื้นบ้านจะยกระดับสูงขึ้นจากพื้นที่จอดรถ มีบันไดสูงขึ้นมา 1 ขั้น ยาวเต็มหน้ากว้างของบ้านเลย ตรงนี้เราอาจจะทำม้านั่งหรือชั้นวางรองเท้าไว้หน้าบ้านได้นะคะ
เข้ามาภายในบ้านจะเป็นพื้นที่โล่งยาวตลอดตั้งแต่หน้าบ้านไปยังหลังบ้าน 6.45 เมตรเลยค่ะความสูงของชั้นนี้จะอยู่ที่ 2.6 เมตร เราสามารถจัดฟังก์ชันได้เองตามใจชอบ
พื้นที่ของบ้านส่วนนี้ จะมีหน้ากว้าง 3.6 เมตร จัดเป็นโซฟาอย่างเดียวก็ได้ค่ะ ในบ้านตัวอย่างจะจัดเป็นไอเดียแบบที่รวมพื้นที่กินข้าวกับโซฟาไว้ และกั้นห้องเพิ่มด้านหลังเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ
ตำแหน่งข้างบันไดจะเป็นจุดที่เตรียมงานระบบไฟ ไว้ให้สำหรับเป็นชั้นวางทีวีพอดีกว้าง 1.6 เมตร และเป็นตำแหน่งของห้องน้ำชั้น 1 ค่ะ
ห้องน้ำจะเป็นห้องที่มีสุขภัณฑ์ให้ครบทั้งอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์และฝักบัวอาบน้ำ แต่ว่าจะไม่มีการปรับระดับพื้นแยกส่วนเปียกส่วนแห้งนะคะ ในกรณีที่ใช้งานอาบน้ำ พื้นภายในห้องน้ำก็อาจจะเปียกทั่วห้องได้ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะได้ใช้งานเท่าไหร่ เนื่องจากแบบบ้านภายในโครงการนี้มีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้องนอนเลย
ตัวอ่างล้างหน้าจะเป็นแบบแขวนผนังค่ะ มีกระจกเงาติดตั้งมาด้วย แต่ว่าดีไซน์อ่างสามารถวางอุปกรณ์สำหรับล้างมือได้นิดหน่อยที่ขอบอ่างนะคะ
พื้นที่อาบน้ำจะอยู่ข้างๆกับอ่างล้างหน้า เป็นฝักบัวแบบ Hand Shower มีที่วางสบู่ติดตั้งมาให้ด้วย
ส่วนโถสุขภัณฑ์จะอยู่เข้ามุมด้านใน เป็นของ Mogen มาพร้อมกับสายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู่
ถัดเข้ามาด้านใน บ้านตัวอย่างจะกั้นห้องอเนกประสงค์ไว้ ซึ่งเราอาจจะกั้นเป็นห้องครัวปิดแทนก็ได้ และจัดโต๊ะกินข้าวไว้ในพื้นที่เดียวกันเพื่อที่กลิ่นควันจากอาหารจะได้ไม่ไหลลอยไปยังพื้นที่นั่งเล่นค่ะ
ด้านหลังบ้านก็จะมีหน้าต่างไว้ให้จุดหนึ่งหน้าตาแบบนี้ เพิ่มแสงสว่างให้ส่องเข้ามายังตัวบ้านได้
ฝั่งขวามือเลียบกับกำแพงไปเป็นตำแหน่งสำหรับทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวค่ะ
ในบ้านตัวอย่างจะต่อเติมครัวด้านหลังบ้าน และใช้พื้นที่ภายในบ้านเป็นส่วนเตรียมอาหารแทน
ประตูหลังบ้านจะเป็นประตูทึบ มีติดตั้ง Magnetic Sensor ไว้ที่ประตูค่ะ
เปิดออกไปด้านหลังบ้าน ในบ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่โล่งกว้าง 2 เมตรนะคะ ครัวที่เห็นจะต่อเติมให้เป็นไอเดียเท่านั้น ส่วนโครงสร้างหลังบ้านจะลงเสาเข็มไว้ให้เป็นเข็ม 6 เหลี่ยม ลึก 6 เมตร
ขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อค่ะ ตัวบันไดจะเป็นโครงสร้างคอนกรีต ลูกนอนเป็นไม้ยางพาราอัด
ข้างบันได้จะมีแผงควบคุมระบบ Magnetic Sensor ที่ติดตั้งไว้ที่ประตูชั้น 1 ค่ะ
ชานพักบันไดที่ชั้น 1 นี้จะมีช่องเเสงด้วย ทำให้บริเวณบันไดไม่มืด แม้จะเป็นบันไดกลางบ้าน ไม่ต้องเปิดไฟก็ใช้งานได้สะดวกในช่วงเวลากลางวัน
ขึ้นมาที่ชั้น 2 สิ่งแรกที่จะเจอเลยคือพื้นที่โล่งกว้างหน้าบันไดค่ะ ตรงนี้ถือว่าเป็น Family Living Area ขนาดประมาณ 3.1×3.4 เมตร เราจะต่อเติมกั้นเป็นห้องเพื่อติดแอร์และควบคุมการใช้งานก็ได้นะคะ ที่ชั้น 2 นี้จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานที่ 2.7 เมตร วัสดุพื้นเป็นกระเบื้องยางไวนิล
ตรงนี้จะมีประตูออกไปยังด้านข้างบ้านซึ่งเป็นระเบียงค่ะ โดยบ้านแบบนี้จะมีระเบียงอยู่จุดเดียวก็คือตรงนี้นะคะ
พื้นที่ระเบียงจะมีขนาดกะทัดรัด 1×1.3 เมตรโดยประมาณ แอบเสียดายเรื่องประตูที่เปิดออกไปทางฝั่งซ้าย เพราะทำให้การเดินออกไปใช้งานลำบากมากกว่าการที่ติดเป็นประตูบานเปิดฝั่งขวานะ
มองย้อนกลับมาจะเจอกับ Master Bedroom ค่ะ มีทางเข้าอยู่ข้างบันได การที่จัดห้องนอนใหญ่มาไว้ที่ชั้น 2 ก็ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น ไม่เดินขึ้นไปเหนื่อยด้วย
ตำแหน่งห้องจะอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน และตัวห้องจะมีผังรูปร่างตัว L เข้ามาเราจะเจอกับพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet ก่อน พื้นที่ใช้สอยจะอยู่ด้านหน้าบ้าน ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในนะคะ
พื้นที่ห้องตรงนี้จะกว้าง 2.7 เมตรเลย เราสามารถทำทั้งสองฝั่งให้เป็นตู้เสื้อผ้าเลยได้ค่ะ และเหลือทางเดินตรงกลาง แต่ถ้าใครเสื้อผ้าไม่เยอะ จะทำฝั่งหนึ่งเป็นมุมทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง หรือว่าชั้นเก็บของแทนก็ได้นะคะ
พื้นที่ส่วนพักผ่อนจะกินหน้าากว้างบ้านทั้งหมดประมาณ 5 เมตร และกว้าง 2.7 เมตรค่ะ ฝั่งหนึ่งวางเตียง อีกฝั่งหนึ่งจัดเป็นมุมโซฟาพักผ่อนภายในห้องนอนได้เลยนะคะ สำหรับชั้นล่างเรามองว่าทางโครงการดีไซน์ช่องเปิดพวกประตูหน้าต่างไม่ค่อยมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นระดับที่คนเดินผ่านไปมาสามารถมองเข้ามาภายในบ้านได้ง่าย แต่พอมาเป็นชั้น 2 แล้วหน้าต่างฝั่งหน้าบ้านจะได้เป็นแบบที่สูงจรดพื้นเลย ทำให้ภายในห้องนอนโปร่งโล่งมากขึ้นด้วยค่ะ
ด้วยความกว้างห้องที่ 2.7 เมตร ถ้าเราจะวางเตียงใหญ่อาจจะได้แบบ Queen Size แต่ถ้าใครอยากได้แบบใหญ่กว่านี้แนะนำให้ทำเป็นพื้นยกระดับขึ้นไปและวางฟูกขนาดใหญ่แทน จัดมุมนี้ให้เป็นเตียงนอนไปเลย ไม่ต้องเสียพื้นที่ทางเดินทางซ้าย-ขวาของเตียงค่ะ
ข้อดีของการที่เราวางหัวเตียงไว้ฝั่งนี้ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหน่อย เพราะเดินเข้ามาภายในห้องก็จะไม่เห็นกับเตียงตรงๆ
ส่วนมุมที่อยู่ปลายเตียงจะจัดเป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีส่วนตัวภายในห้องได้นะคะ ถ้าใครไม่ค่อยดูทีวีเเล้วก็อาจจะปรับเป็น Station สำหรับทำงานส่วนตัวภายในห้องก็ได้ ได้สมาธิดีขึ้นด้วย
มองย้อนกลับไปเราจะเห็นห้องน้ำอยู่ข้างกับประตูทางเข้าห้องนอนค่ะ
ภายในห้องน้ำจะกรุพื้นและผนังด้วยกระเบื้องเซรามิค แยกพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกออกจากกันค่ะ เป็นห้องน้ำที่มีหน้าต่างเล็กๆไว้เป็นช่องแสงและช่วยระบายอากาศและความชื้นภายในห้องน้ำด้วย
พื้นที่ส่วนแรกที่จะเจอเป็นพื้นที่อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ ของยี่ห้อ Mogen
ดีไซน์และรุ่นที่ใช้จะเหมือนกันกับห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่างเลยค่ะ
ส่วนพื้นที่อาบน้ำคราวนี้จะมีการลดระดับพื้นลงมาให้ ทำให้น้ำที่ถูกใช้งานบริเวณนี้ไม่ไหลนองไปยังพื้นที่ส่วนแห้งนะคะ แต่ว่าไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมา ดังนั้นเวลาใช้งานจริงน้ำก็อาจจะกระเด็นไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆได้อยู่ดี แนะนำให้ติดเพิ่มเอาทีหลังนะคะ พื้นที่อาบน้ำตรงนี้จะมีการเปลี่ยนเป็นกระเบื้องลายไม้ สร้างให้ภายในห้องน้ำดูมีมิติมากขึ้น ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำอยู่ที่ 1×1.3 เมตรค่ะ ใช้งานหมุนตัวสะดวกเลย
ขึ้นไปต่อกันที่ชั้น 3 ตำแหน่งบันไดจะอยู่ที่เดิมนะคะ แต่ว่าที่ชานพักด้วยระยะความสูงทำให้เกิดบันไดขั้น 3 เหลี่ยมแบบในรูปล่างซ้าย ใช้งานแรกๆก็ระวังกันหน่อยนะคะ วิ่งเร็วๆอาจเผลอสะดุดได้ และพื้นที่บันได้ตรงนี้จะอยู่ที่กลางบ้านเลย ทำให้ไม่มีแสงสว่างเข้ามายังพื้นที่นี้โดยตรง เราอาจจะต้องใช้งานโคมไฟเเทนนะ
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะมีห้องนอนอยู่ 2 ห้องค่ะ ทางฝั่งหน้าบ้านและทางฝั่งหลังบ้าน
ขอมาดูห้องนอนฝั่งหลังบ้านกันก่อน ห้องนอนนี้จะมีขนาด 2.85 x 3.2 เมตร เป็นห้องนอนที่เราสามารถจัดได้ตามต้องการเลยนะคะ
ถ้าจัดแบบห้องตัวอย่างอาจจะเหลือพื้นที่วางเตียงแบบ 3.5 ฟุต แต่ถ้าอยากวางเตียงใหญ่ขึ้น แนะนำให้วางหัวเตียงไปฝั่งประตูแทนและวางเตียงชิดผนังก็จะเหลือพื้นที่มากขึ้นค่ะ แต่การวางแบบที่แนะนำนี้จะไม่เหมาะกับคนที่ชอบนอนดูทีวีนะคะ
ในห้องนอนนี้ก็จะมีห้องน้ำส่วนตัวให้มา เป็นห้องน้ำที่มี Layout หรือการจัดฟังก์ชันคล้ายกับในห้องนอนใหญ่ เพียงแต่ว่าเราจะเข้าจากฝั่งความยาวห้องนะคะ
โทนสีกระเบื้องของห้องนี้ก็จะเน้นโทนสีน้ำตาลมากขึ้น เป็นห้องน้ำที่ได้หน้าต่างไว้ระบายอากาศและเป็นช่องแสงด้วย
หน้าต่างสุขภัณฑ์ต่างๆภายในห้องน้ำจะเหมือนเดิม ได้ของ Mogen ค่ะ
มาที่อีกฝั่งกันค่ะเป็นห้องนอนฝั่งหน้าบ้าน เมื่อเข้าประตูมาเราจะเจอกับทางเดินแบบนี้ อันที่จริงพื้นที่ตรงนี้กว้าง 1.26 เมตร แต่พอทำเป็นชั้นวางของและตู้เสื้อผ้าที่มีระยะบังคับเรื่องความลึกของตู้ ก็จะทำให้ทางเดินเล็กลงค่ะ ทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำนะคะ ดีไซน์ของ Layout และสุขภัณฑ์ต่างๆจะเหมือนกันกับห้องน้ำใน Master Bedroom เลย ไม่มีหน้าต่างด้านในแต่จะมีพัดลมระบายอากาศให้มาแทนค่ะ เราขอข้ามไปนะคะ
ถึงแม้เราจะรู้สึกว่าทางเดินเล็ก แต่พอเราเดินเข้ามาเราก็จะเจอกับพื้นที่โล่งกว้างเต็มหน้ากว้างบ้านอีกแล้ว เป็นเหมือนห้อง Master Bedroom เลยนะคะ
ขนาดห้องก็จะได้ใกล้เคียงกันเลย ดูโปร่งโล่งค่ะ
เรามองว่าถ้าใครไม่อยากได้ทางเดินเข้าห้องเเคบๆ อาจจะเปลี่ยนพื้นที่ปลายเตียงส่วนหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าแทนได้นะคะ และออกแบบให้ผนังข้างทางเดินเป็นชั้นวางของหรือชั้นวางหนังสือแทน ห้องนี้ก็จะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
PRIMA ทาวน์โฮม 3 ชั้น
ที่ดินเริ่มต้น 24.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 229 ตร.ม.
สำหรับแบบ Prima ส่วนตัวมองว่าเป็นแบบที่ขยายขนาดมาจากแบบ Rose เลยค่ะ ตำแหน่งฟังก์ชันต่างๆจะคล้ายเดิม แต่จุดที่ต่างจะมีดังนี้
- ความกว้างของหน้าบ้าน จากแบบ Rose 5 เมตร เป็นแบบ Prima 5.6 เมตร ทำให้การจอดรถจะสะดวกมากขึ้น ถอยเข้าง่ายขึ้น หรือมีระยะเปิดประตูกว้างมากขึ้นด้วยค่ะ
- ที่ชั้น 1 จะมีห้องนอนเพิ่มขึ้นมา ในขณะที่ยังสามารถจัดห้องครัวไว้ภายในบ้านได้
- ชั้น 2 จะมีพื้นที่โล่งเป็น Sky Living โดยจะมีห้องน้ำอยู่ข้างๆ ตรงนี้ก็มีข้อดีที่ถ้าบ้านไหนมีสมาชิกภายในบ้านเยอะ เราสามารถกั้นทำเป็นห้องนอนเพิ่มเติมได้อีก 1 ห้องเลยค่ะ แถมห้องน้ำตรงนี้ก็จะมีพื้นที่อาบน้ำไว้ให้ด้วย
- ชั้น 3 เพิ่มห้องอเนกประสงค์มา ตรงนี้ก็จะสามารถปรับเป็นฟังก์ชันได้หลากหลาย เช่น ห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ ห้องพระ ห้องเก็บของ หรือจะเป็น Walk-in Closet เพิ่มเติมก็ได้นะคะ
และภาพรวมของแต่ละฟังก์ชัน เช่น Common area หรือว่าห้องนอนต่างๆก็จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นอีก ตามหน้ากว้างบ้านและความลึกที่มากขึ้นค่ะ ทำให้การใช้งานในแต่ละพื้นที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นอีกนะ
เราลองดูรูปตัดตามยาวของบ้านดู ตัวบ้านของแบบ Prima ก็จะมีความลึกที่มากขึ้นด้วย เราจะเห็นว่าห้องนอนแต่ละห้องได้เป็นห้องขนาดใหญ่เลย มีห้องน้ำในตัวและวางเตียงขนาดใหญ่ได้ค่ะ
มาดูที่หน้าตาบ้านกันบ้างค่ะ ดีไซน์โดยรวมยังคล้ายเดิมนะคะ แต่ว่าจะมีพื้นที่ด้านหน้าทำเป็นเหมือนระเบียงเล็กๆ แต่ไม่ใช่ระเบียงนะคะ เป็นพื้นที่ยื่นออกมาบริเวณหน้าต่างที่สามารถปลูกต้นไม้ได้
หน้าบ้านกว้าง 5.6 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คันค่ะ โดยโครงสร้างบริเวณที่จอดรถหน้าบ้านจะเป็น Slab on Ground ความลึกของที่จอดรถอยู่ที่ 5.85 เมตร เป็นพื้นที่ในร่มได้ครึ่งคัน
หน้าบ้านฝั่งขวาจะเป็นประตูทางเข้า ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นตำแหน่งของบันได มีหน้าต่างเป็นช่องแสง และมีช่องเก็บของเล็กๆอยู่ด้านล่างหน้าต่างค่ะ
ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นบานเลื่อนกระจก 4 ตอน เปิดเลื่อนซ้าย-ขวา มี Magnetic Sensor ติดตั้งไว้ที่ประตูค่ะ
เข้ามาภายในบ้านจะเจอกับส่วน Living Area ก่อนเลย หน้ากว้างจากหลังโซฟาไปจนถึงทีวีจะอยู่ที่ 4.3 เมตรค่ะ เราสามารถจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้เลย แถมวางโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาได้ ในขณะที่เหลือทางเดินเข้า-ออกได้สะดวกอยู่นะคะ เราจะเห็นความลึกบ้านที่มากกว่าเดิมอยู่ที่ 9.4 เมตรโดยประมาณ
ถ้าเทียบกับบ้านแบบ Rose แล้ว เรามองว่าหน้าบ้านที่กว้างขึ้นนอกจากจะทำให้การใช้งานภายในดูสบายแล้ว ตำแหน่งห้องอเนกประสงค์ที่กั้นเพิ่มให้ด้านหลังก็ถูกจัดไว้อยู่ฝั่งเดียวกับบันไดและห้องน้ำ ทำให้เวลามองเข้าไปตัวบ้านยังคงดูลึก และไม่อึดอัดค่ะ
สำหรับทาวน์โฮมการเปิดช่องแสงและหน้าต่างของบ้านจะสามารถเปิดได้แค่หน้าบ้านและหลังบ้านเท่านั้น ซึ่งโครงการนี้จะไม่ได้ออกแบบมาให้ชั้น 1 มีช่องแสงมากเท่าไหร่ จะมีเฉพาะประตูทางเข้าตัวบ้านที่เป็นช่องแสงให้ภายในบ้านค่ะ และด้วยตำแหน่งที่ถอยลึกเข้ามาจากผนังบ้านชั้นบน ทำให้เกิดชายคาเป็นร่มเงา ไม่ให้แดดส่องเข้ามาภายในตัวบ้านตรงๆด้วย เวลาเราใช้งานพื้นที่ตรงนี้ก็ไม่ร้อน เปิดแอร์ แอร์ก็ไม่ทำงานหนัก
ตำแหน่งวางทีวีจะอยู่ข้างบันไดค่ะ ในบ้านมาตรฐานจะได้บันไดโปร่งกว่าที่เห็นนะคะ ไม่ได้มีผนังหลังชั้นวางทีวีแบบนี้ ตรงนี้จะมีขนาดกว้าง 2.1 เมตร เราสามารถเลือกได้ว่าจะก่อผนังเพิ่มทำเป็น Built-in ชุดวางทีวี เพื่อให้ได้พื้นที่เก็บของเพิ่มได้หรือว่าจะเลือกเป็นแค่ตู้วางทีวีเตี้ย ให้บันไดสว่างมากขึ้นก็ได้ค่ะ
ถัดเข้ามาจะเป็นตำแหน่งที่เหมาะกับการจัดเป็นโต๊ะกินข้าว
ในบ้านตัวอย่างจะจัดไว้สำหรับ 4 ที่นั่ง แต่ถ้าเรามีเพื่อนมาเยี่ยมบ่อยๆ หรือชื่นชอบที่จะจัด Party ก็เลือกโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ขึ้น เป็น 6 ที่นั่งได้
ข้างๆกับโต๊ะกินข้าวจะเป็นห้องน้ำและห้องอเนกประสงค์ที่กั้นเอาไว้ให้เลยค่ะ
ห้องน้ำที่ชั้นนี้จะมีพื้นที่อาบน้ำอยู่ด้วยค่ะ ตรงนี้ก็น่าสนใจเหมือนกัน เพราะว่าบ้านในโครงการนี้จะมีห้องน้ำในตัวทุกห้องเลย แต่ว่าชั้น 1 นี้จะมีห้องอเนกประสงค์อยู่ด้วย ดังนั้น ถ้าใครปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอน ก็สามารถมาใช้งานห้องน้ำนี้ได้ค่ะ
ส่วนห้องอเนกประสงค์จะเป็นห้องที่มีขนาด 3.3 x 2.26 เมตร ตรงนี้จะใช้เป็นห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือได้ แต่ถ้าใครอยากจะจัดเป็นห้องนอนจะมีข้อจำกัดตรงด้านที่กว้าง 2.26 เมตร สมมติว่าเราวางเตียงขนาดใหญ่ลงไปจะฟิตพอดีกับความกว้างห้องเลย ดังนั้นถ้าจะจัดไว้เป็นห้องนอนสำหรับสองคน ก็แอบจะลำบากคนนอนด้านในนะคะ จะเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนต้องมีการปีนข้ามตัวกันแหละ แต่ถ้านอนคนเดียวจะวางเตียง 3.5 ฟุตแบบในบ้านตัวอย่าง แล้วเหลือพื้นที่ในห้องมากขึ้น ไว้จัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือตู้เสื้อผ้าแทนก็ดีค่ะ
ที่บอกไปว่าระยะ 2.26 เมตรวางเตียงไปก็จะไม่เหลือปลายเตียงให้เดินเท่าไหร่
ออกจากห้องอเนกประสงค์มาก็จะเป็นฟังก์ชันสำหรับทำเป็นห้องครัวค่ะ
พื้นที่ตรงนี้จะไม่ได้ก่อเป็นครัวมาให้นะคะ แต่จะเดินงานระบบเตรียมไว้ให้ สามารถต่อเติมภายหลังได้เองค่ะ
พื้นที่ตรงนี้กว้าง 2.5 เมตรเลย ซึ่งกว้างพอที่จะจัดเป็นเคาน์เตอร์ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ หรือจะกั้นเป็นครัวปิดแยกพื้นที่เป็นสัดส่วนก็ได้นะคะ เวลาทำอาหารก็สามารถเปิดประตูหลังบ้านระบายอากาศได้เลย กลิ่นจะได้ไม่ฟุ้งลอยมาบริเวณพื้นที่นั่งเล่นด้วยค่ะ
มุมฝั่งนี้จะไว้วางตู้เย็นหรือทำเป็นตู้เก็บของ วางเครื่องซักผ้าก็ได้นะคะ
เปิดออกมาจะเป็นพื้นที่หลังบ้านแล้วค่ะ
หลังบ้านจะลงเข็ม 6 เหลี่ยมไว้ให้ ขนาดลึก 6 เมตร เหมาะกับการทำเป็นลานซักล้างหรือจัดเป็นสวนเล็กๆได้
ลองมองจากหลังบ้านออกมาถือว่าพื้นที่ดูกว้างอยู่ค่ะ ด้วยหน้ากว้างบ้าน และความสูงของบ้าน 2.6 เมตร ดูแล้วไม่อึดอัด
ขึ้นไปยังชั้น 2 โครงสร้างบันไดจะเป็นคอนกรีตค่ะ ลูกนอนใช้เป็นไม้ยางพาราอัด
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ในบ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่โล่งเลยค่ะ แต่ว่าในบ้านตัวอย่างจะกั้นห้องเอาไว้เป็นไอเดีย ทำให้เกิดโถงตรงกลางแบบนี้ ถ้าใครกั้นห้องตาม โถงนี้ก็อาจจะจัดเป็นชั้นเก็บหนังสือ ติดรูปถ่ายตกแต่งสวยๆก็ได้ค่ะ
พื้นที่ตรงนี้ทางโครงการจะเรียกว่า Sky Living โดยตำแหน่งของห้องนี้จะอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน ซึ่งจะมีหน้าต่างให้จุดหนึ่งค่ะ เป็นหน้าต่างที่บานไม่ใหญ่มาก ซึ่งเราว่าดีนะคะ เพราะเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์มาจัดวางชิดผนังได้ง่ายมาก
หน้ากว้างตรงนี้จะอยู่ที่ 3.8 เมตรเลย ถ้าจัดเป็นห้องนั่งเล่นก็เป็นห้องที่ Private มากขึ้นด้วย
เรามองว่าขนาดห้องถือว่ากว้างเลยนะคะ สามารถจัดเป็นห้องนอนได้อีกห้อง
แถมห้องนี้จะมีห้องน้ำอยู่ข้างๆ ที่มีฝักบัวอาบน้ำให้มาด้วยค่ะ เผลอๆถ้ารวมห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างด้วย แบบบ้าน Prima นี้สามารถปรับใช้ได้ถึง 5 ห้องนอนเลยค่ะ
ห้องน้ำตรงนี้จะอยู่ที่ตำแหน่งหลังบ้านพอดี ทำให้ได้ข้อดีตรงที่เราจะได้ช่องแสง และเปิดหน้าต่างระบายความชื้นได้ค่ะ และอีกสิ่งหนึ่งที่เราว่าน่าสนใจคือฝ้าเพดานห้องน้ำ มีขอบด้วยนะ ไม่ได้เป็นฝ้าฉาบเรียบธรรมดา ดูแปลกดีค่ะ จุดนี้
เราลองไปดู Master Bedroom กันต่อ เป็นห้องที่อยู่ฝั่งหน้าบ้าน และอยู่ที่ชั้น 2 เดินขึ้นลงสะดวกเลยค่ะ บางทีห้องนอนนี้จะเป็นพ่อ-แม่ที่อาศัยอยู่ จะให้เดินขึ้นชั้น 3 ก็จะเหนื่อยไปนะคะ 🙂
พื้นที่ภายในของ Master Bedroom จะมีรูปร่างเป็นตัว L ค่ะ เราจะเจอกับพื้นที่แบบนี้หน้ากว้าง 3.4 เมตร
ซึ่งจะจัดเป็นเหมือน Walk-in Closet ได้สองฝั่งเลยค่ะ ทำเป็นเคาน์เตอร์ตรงกลางเหมือน Island ไว้เก็บของก็ได้นะคะ หรือว่าถ้าใครเสื้อผ้าไม่เยอะจะเหลือตู้เสื้อผ้าฝั่งเดียว และทำอีกฝั่งเป็นมุมทำงาน ก็จะกลายเป็นพื้นที่ทำงานส่วนตัวแบบสุดๆในห้องนอนด้วยค่ะ
ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่เตียงนอนค่ะ
พื้นที่ตรงนี้จะยาวเต็มหน้ากว้างของบ้านเลยค่ะ เราสามารถวางเตียงนอนสลับฝั่งกันได้นะคะ
จัดมุมปลายเตียงเป็นพื้นที่ Living ส่วนตัวได้เลยค่ะ
ห้องนี้จะมีผนังส่วนหนึ่งที่ออกแบบช่องเปิดหรือชุดหน้าต่างที่สูงจรดพื้นเอาไว้
ตรงนี้ด้านนอกจะเป็นเหมือนระเบียงเล็กๆ (ที่เราไม่สามารถเดินออกไปได้) แต่เราสามารถปลูกต้นไม้ตรงนี้ได้นะคะ กลายเป็นพื้นที่สีเขียว และวิวสบายตาให้กับคนที่อยู่ห้องนี้ด้วย
มองย้อนกลับไปจะเจอทางเข้าห้องน้ำ ตำแหน่งข้างๆประตูทางเข้าห้องนอนค่ะ
Layout การจัดวางห้องน้ำห้องนี้จะดูแปลกตาจากห้องนอนอื่นๆอยู่นะคะ คือจะแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งไว้ฝั่งขวา และพื้นที่ส่วนเปียกอยู่ทางซ้าย และเนื่องจากตำแหน่งห้องน้ำอยู่ตรงกลางบ้านทำให้ไม่มีผนังที่สามารถทำเป็นหน้าต่างได้ ตรงนี้เลยติดตั้งพัดลมดูดอากาศ ช่วยระบายอากาศและความชื้นภายในห้องน้ำแทนค่ะ
ตัวห้องน้ำจะไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกเอาไว้ให้นะคะ แต่ว่าถ้าเราจะติดเองทีหลังก็ได้นะ แต่ต้องระวังนิดหน่อยตรงที่ระยะของโถสุขภัณฑ์กับฉากกั้นที่จะติดอาจทำให้เวลาเรานั่งใช้งานเข่าอาจจะชนได้ค่ะ
พื้นที่อ่างล้างหน้าฝั่งนี้จะกว้างขึ้น เป็นแบบวางบนเคาน์เตอร์และมีพื้นที่บนเคาน์เตอร์วางของได้เยอะเลยค่ะ แต่เราไม่แน่ใจเรื่องดีไซน์อยู่เหมือนกันว่าทำไมตัวเคาน์เตอร์ถึงไม่ชิดขอบผนังด้านข้าง? ซึ่งถ้าเป็นเคาน์เตอร์ที่ก่อชิดก็จะแข็งแรงมากขึ้นนะคะ
พื้นที่ส่วนอาบน้ำจะเปลี่ยนลายกระเบื้องจากโทนสีเรียบๆเป็นลายหินอ่อน มี Junction Box ที่เราสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนเอาเองได้ง่ายค่ะ พื้นที่อาบน้ำตรงนี้มีขนาด 0.80 x 2.30 เมตรเลย เราแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้เป็นพื้นที่แต่งตัวก็ได้นะคะ
จบชั้น 2 กันไปแล้ว เราขึ้นไปดูชั้นบนสุดของบ้านกันต่อนะคะ
พอขึ้นมาจะแบ่งพื้นที่ได้เป็นห้องนอนด้านหน้า ห้องนอนด้านหลัง และพื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางค่ะ
ตรงกลางนี้ทำเป็นไอเดียห้องเก็บของนะคะ พื้นที่ตรงนี้มีขนาด 2.3×1.5 เมตร เราสามารถปรับการใช้งานเป็นห้องพระ หรือมุมทำงานเล็กๆได้ค่ะ
มาดูห้องนอนฝั่งที่อยู่หลังบ้านกันก่อน ห้องนี้จะเล็กกว่าห้องที่อยู่ฝั่งหน้าบ้าน แต่เอาเข้าจริงขนาดก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้นนะคะ อยู่ที่ 3.6×4.45 เมตรเลย วางเตียง King Size ได้สบาย แบบมีทางเดินโดยรอบเตียงด้วย
ดูระยะปลายเตียงก็กว้างเลยค่ะ ฝั่งที่เป็นชั้นวางทีวีอาจจะจัดให้เป็นมุมทำงานด้วยก็ได้นะคะ
ตำแหน่งตู้เสื้อผ้าก็ไปไว้ยังผนังหน้าห้องน้ำได้ พื้นที่ตรงนั้นยาว 3 เมตรได้เลย
ตำแหน่งที่อยู่หน้าห้องน้ำพอดี ใช้งานได้สะดวก
ภายในห้องน้ำก็เป็นห้องที่ได้หน้าต่างด้วยค่ะ ระบายความชื้นได้ดี ห้องน้ำไม่เสี่ยงต่อเชื้อราค่ะ
ส่วนห้องนอนอีกฝั่งก็จะอยู่ฝั่งหน้าบ้านนะคะ
เข้ามาจะเจอกับห้องน้ำทางซ้ายมือ และพื้นที่ห้องนอนอยู่ด้านใน
Layout คล้ายๆกับ Master Bedroom เลย แต่ความกว้างของ Walk-in Closet จะแคบกว่า ทางเดินตรงนี้มีขนาด 1.8 เมตร อาจจะวางฝั่งหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าได้ อีกฝั่งเป็นชั้นวางของลึก 30-40 ซม.
ตัวห้องน้ำ Layout เหมือนเดิมค่ะ เพียงเเต่ไม่มีหน้าต่าง เป็นพัดลมระบายอากาศแทน
ห้องนอนฝั่งนี้ก็จะกว้างและสว่างกว่า (แต่ถ้าใครชอบพื้นที่ไม่ใหญ่ ได้ความเป็นส่วนตัวก็อาจจะเหมาะกับห้องฝั่งหลังบ้านมากกว่า) ห้องนี้มีขนาดประมาณ 2.8 x 5.3 เมตร
วางเตียงนอนไว้ฝั่งหนึ่งอีกฝั่งก็จัดเป็นมุมนั่งเล่นได้ค่ะ
ถือว่าเป็น Master Bedroom อีกห้องก็ได้เลยนะคะ
มีพื้นที่ปลูกต้นไม้เหมือนกันกับห้อง Master Bedroom เลยด้วย
พาไปชมแบบบ้านทั้ง 2 แบบที่ขายอยู่ปัจจุบันแล้ว อีกสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือระบบ Solar Rooftop System ที่ช่วยผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ภายในบ้านได้ โดยจะติดแผงหน้าตาแบบนี้ไว้ให้ที่หลังคาบ้าน หลังละ 4 แผ่นค่ะ ซึ่งคำนวณออกมาก็จะสามารถช่วยประหยัดไฟได้ 8,740 บาทต่อปีนะคะ
ขนาดที่แผง Solar สามารถผลิตได้จะอยู่ที่ 1,160 วัตต์ เราลองมาดูคร่าวๆเทียบกันได้ค่ะว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรกินไฟเท่าไหร่กันบ้าง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาแผง Solar ของเราด้วยนะคะ ถ้าฝุ่นเกาะเยอะหรือว่าแดดน้อย กำลังในการผลิตก็อาจจะน้อยลงบ้าน และอีกเรื่องที่ควรสอบถามเพิ่มเติมคือการดูแลรักษา ว่าเราควรดูแลรักษาปีละกี่ครั้ง ทำเองได้หรือไม่ และถ้าจ้างคนมาดูแล ราคาต่อครั้งจะอยู่ที่เท่าไหร่ค่ะ?
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
28 February 2020
- ทาวน์โฮม 3 ชั้น แบบ ROSE ที่ดินมาตรฐาน 18.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 163 ตร.ม.
– ราคาแปลงมาตรฐาน 5.4 ล้านบาท | ราคาเริ่มต้นแปลงมุม 6.6 ล้านบาท - ทาวน์โฮม 3 ชั้น แบบ PRIMA ที่ดินมาตรฐาน 24.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 229 ตร.ม.
– ราคาแปลงมาตรฐาน 8.4 ล้านบาท | ราคาเริ่มต้นแปลงมุม 8.7 ล้านบาท - จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 30,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 110,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.วา/เดือน
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
โครงการ ETERNITY TOWN PRIMROSE วัชรพล ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 5 ใกล้กับตลาดวงศกรและถนนสายไหม มีความสะดวกสบายในแง่ความอุดมสมบูรณ์หรือการหาอาหารการกินสูง เพราะโครงการอยู่ใกล้กับตลาดในระยะเดินถึงเลย ส่วนในแง่การเดินทางก็เป็นจุดที่เชื่อมต่อ สายไหม ลำลูกกา วัชรพลได้ง่าย และไปใช้งานทางด่วนฉลองรัชเพื่อขับเข้ามายังใจกลางเมือง(พระราม 9-เอกมัย)ได้ค่ะ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการอยู่ในระดับมาตรฐาน มีรปภ. , CCTV , ซุ้มประตูทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติซึ่งถือว่าดีหน่อย ส่วนภายในตัวบ้านจะมีติด Magnetic Sensor ให้ที่ประตูชั้นล่าง
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
ดีไซน์โครงการจะมีความ Classic อยู่ ซึ่งดูแล้วค่อนข้างโดดเด่น แต่สิ่งที่ชอบจะเป็นการออกแบบพื้นที่ใช้สอยของตัว Product ทาวน์โฮมค่ะ เพราะสำหรับคนที่มาเลือกซื้อทาวน์โฮมคือคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับขนาดที่ดินบ้านหรือพื้นที่สวนโดยรอบอยู่แล้ว ดังนั้นคนที่มองทาวน์โฮมมักจะมองการใช้งานพื้นที่ภายในบ้านมากกว่า ซึ่งโครงการนี้มีการออกแบบพื้นที่ภายในที่เหมาะกับการอยู่อาศัยของครอบครัวมาก เช่น การออกแบบห้องนอนใหญ่ที่ไม่มีแค่เตียงและตู้เสื้อผ้า แต่จะมีพื้นที่เพิ่มเติมที่ทำเป็น Walk-in Closet และพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวภายในห้องนอนได้ หรือว่าห้องนอนเล็กอื่นๆ ก็เป็นห้องที่สามารถวางเตียงใหญ่ได้ และมีห้องน้ำในตัวค่ะ
วัสดุ :
โครงการนี้จะใช้โครงสร้างก่ออิฐมวลเบาเป็นหลัก ซึ่งเหมาะกับการต่อเติมหรือปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยภายในได้ ส่วนวัสดุอื่นๆจัดอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พื้นบ้านชั้น 1 แกรนิตโต้ ชั้น 2,3 ได้เป็นพื้นกระเบื้องยางไวนิล ภายในห้องน้ำจะใช้กระเบื้องเซรามิคกรุทั้งพื้นและผนัง สุขภัณฑ์เป็นของ Mogen ส่วนครัวไม่ได้ทำไว้ให้ แต่จะมีงานระบบเตรียมไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมค่ะ นอกจากนี้จะมีแผง Solar Rooftop system ให้หลังละ 4 แผง ของ Panasonic
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
ยังไม่เห็นพื้นที่ด้านในของโครงการเท่าไหร่(เนื่องจากยังสร้างไม่เสร็จ) แต่สภาพทางด้านหน้าก็จะมีพื้นที่สวนอยู่บริเวณ Clubhouse และมีถนนภายในโครงการทั้งถนนหลักและถนนรองกว้าง 9 เมตร
สาธารณูปโภค :
มี Clubhouse อยู่ที่ด้านหน้าโครงการ มีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และห้องประชุมให้มา ไม่ใหญ่มาก แต่คิดว่าเพียงพอกับจำนวนบ้าน 86 ยูนิตค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 5 – 10 ล้านบาท, 25 February 2020
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.5/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ตลาดแบบเดินถึง
- ความปลอดภัย 7.75/10 – รั้วเลื่อนอัตโนมัติ มี magnetic sensor ในบ้านชั้น 1
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.25/10 – เน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน
- วัสดุ 7.5/10 – พื้นชั้น 2 เป็นกระเบื้องยางไวนิลซึ่งคุณสมบัติดีกว่าลามิเนต และมี Solar Rooftop ให้มา
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.25/10 – ถนนกว้าง 9 เมตร แต่ยังไม่เห็นแนวต้นไม้เท่าไหร่
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – มี Clubhouse ด้านหน้า ขนาดกะทัดรัดพอกับจำนวนยูนิต
- 8.03 / 10.00 BOTTOM LINE
Eternity Town Primrose วัชรพล เหมาะกับครอบครัวขยายที่หาบ้านในย่านสุขาภิบาล 5 สายไหม ชอบความสะดวกสบายของทำเล ใกล้ตลาด และตัวโปรดักส์บ้านที่เน้นห้องนอนขนาดใหญ่มีห้องน้ำในตัว มีงบประมาณ 6-10 ล้าน(รวมค่าตกแต่ง) หรือมีกำลังผ่อน 37,800 – 69,000 บาทต่อเดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving