Dhepa รามคำแหง 118 เป็นทาวน์โฮม 3.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเยอะ ซึ่งออกแบบมาได้เป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างจากเพื่อนบ้านในย่านเดียวกันมากครับ โดยนี่เป็นโครงการแห่งแรกของบริษัทนี้ ซึ่งเจ้าของที่เป็นสถาปนิกได้ออกแบบด้วยตัวเอง แถมยังร่วมกับบริษัทบ้านและสวน ในการจัดพื้นที่ Landscape ในโครงการให้มีความสวยงามร่มรื่นอีกด้วย ซึ่งผมมองว่าเค้ามี Highlight หรือจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- Concept : แนวคิดในการออกแบบของโครงการ ที่เป็นสไตล์ Urban เน้นความเป็นธรรมชาติ ซึ่งเห็นได้จากบรรยากาศที่ร่มรื่น และการเลือกใช้วัสดุปิดผิวเป็น “สัจจะวัสดุ” ของตัวบ้าน
- พื้นที่สวนหลังบ้านใหญ่ : นอกจากพื้นที่ภายในบ้านจะเยอะแล้ว ยังมีพื้นที่สวนหลังบ้านที่มีขนาดใหญ่กว่าทาวน์โฮมทั่วไป เหมาะกับคนที่รักธรรมชาติ และชอบการปลูกต้นไม้ในทาวน์โฮมมากๆครับ
- ความเป็นส่วนตัว : เป็นโครงการขนาดเล็กเพียง 55 ยูนิต และวางผังโครงการให้แต่ละซอยมีเพื่อนบ้านเพียง 6 – 8 หลังเท่านั้น ส่วนบ้านที่อยู่ถนนหลักก็ไม่ต้องหันหน้าชนกับใคร แถมยังดีไซน์ช่องแสงของตัวบ้านให้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย
- พื้นที่ส่วนกลาง : แม้จะเป็นโครงการเล็ก แต่ก็มี Clubhouse และสวนสาธารณะให้ใช้งาน แถมยังมีความร่มรื่นอีกด้วย
ข้อมูลโครงการ
Dhepa Ramkhamheang 118 (เทพา รามคำแหง 118) ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2564
ชื่อโครงการ | Dhepa Ramkhamheang 118 (เทพา รามคำแหง 118) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท ริมทราย จำกัด |
SEGMENT CLASS | UPPER – LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอย รามคำแหง 118 แยก 44 – 2 แขวง สะพานสูง เขต สะพานสูง |
ที่ดิน | 7-1-79 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 55 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.75 เมตร และแบบ Double Volume สูง 5.2 m. |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 120,000 บาท |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (ปี 2564) |
เว็บไซต์โครงการ | https://dhepa-urbanhome.com/ |
โทร | 063-921-6563 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.764013, 100.686284
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ Dhepa รามคำแหง 118 ก็ตามชื่อเลยครับ ทำเลเค้าตั้งอยู่ภายในซอยรามคำแหง 118 ซึ่งเป็นซอยที่เข้า-ออกได้ 2 ทางคือ จากถนนรามคำแหง และถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งจุดขึ้นถนนกาญจนาฯก็อยู่ไม่ไกลครับ สามารถเดินทางไปทำงานได้ไม่ยากเลย ไม่ว่าจะเป็นโซนรามอินทรา-บางปะอิน และลาดกระบัง-บางนา
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้และสะดวกที่สุดคือ ตลาดสัมมากร และ Makro Food Service ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปากซอยรามคำแหง 118 มากนัก หรือถ้าเป็นห้างใหญ่ๆก็จะเป็นแถว The Mall บางกะปิ และบริเวณรอบๆโครงการ ยังเป็นที่มีโรงเรียนนานาชาติอยู่หลายแห่งเลยทีเดียว ซึ่งถ้าอนาคตใครอยากส่งลูกหลานเรียนอินเตอร์ล่ะก็สะดวกและใกล้มากเลยครับ
นอกจากนี้บนถนนรามคำแหงที่เป็นเส้นหลัก อนาคตยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2570 โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ “สถานีสัมมากร” ที่อยู่บริเวณหน้าตลาดสัมมากรนั่นเองครับ
และผมยังได้ข่าวมาอีกว่า ซอยรามคำแหง 118 มีแผนจะเชื่อมต่อไปออกถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าที่อยู่ด้านหลังได้ในอนาคต ซึ่งตอนนี้กำลังมีการเวนคืนที่ดินกันอยู่ (แต่จะมีความเป็นไปได้มาก-น้อยแค่ไหน ใครทราบก็ช่วย comment บอกเพื่อนๆกันได้นะครับ) โดยหากสามารถเชื่อมต่อไปออกถนนใหญ่อีกเส้นหนึ่งได้จริง ก็จะทำให้ทำเลซอยนี้มี Value และเดินทางได้สะดวกมากขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียวครับ ซึ่งปัจจุบันเป็นซอยตันที่รถไม่พลุกพล่านมากนัก
ลองซูมแผนที่เข้ามาดูใกล้ๆอีกหน่อย คือที่ตั้งโครงการจะอยู่ในซอยรามคำแหง 118 แยก 44 – 2 ซึ่งเป็นซอยที่แยกย่อยเข้ามาอีกทีหนึ่ง และเป็นซอยตันสั้นๆ สำหรับคนที่ไม่เคยไปหรือไม่คุ้นกับทำเลนี้ ทางเข้าจะดูลึกลับอยู่สักหน่อย คือถ้าไม่มีป้ายโฆษณาที่กำลังขายโครงการเหมือนช่วงนี้ก็อาจหาไม่เจอได้
ในเรื่องนี้ผมมองว่าโครงการเค้าตั้งใจได้ทำเลดูมีความลึกลับ และเป็นส่วนตัวมากที่สุดอยู่แล้วครับ ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการอยู่อาศัยแบบเงียบสงบจริงๆ หรือไม่ได้เป็นครอบครัวที่ต้องรับแขกภายนอกบ่อยๆนั่นเอง
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบจะเป็นชุมชนแนวราบ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่สวนเยอะๆ และยังตั้งอยู่ในซอยย่อยที่เป็นซอยตันอีกด้วย ก็เลยได้ความเป็นส่วนตัวสูงครับ สามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับ ซอยรามคำแหง 118 แยก 42
- ทิศใต้ : ติดกับ บ้านพักอาศัยขนาดใหญ่
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ทาวน์โฮม 3 – 4 ชั้น และที่ดินว่างที่อยู่ติดกับถนนซอยรามคำแหง 118
- ทิศตะวันตก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ซอยรามคำแหง 118 แยก 44-2
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตลาดสัมมากร ~ 3.5 km.
- Marko Food Service ~ 3.5 km.
- The Mall บางกะปิ ~ 7.1 km.
- The Promenade ~ 10.5 km.
- Fashion Island ~ 10.7 km.
โรงพยาบาล
- รพ. เกษมราษฎร์ รามคำแหง ~ 3 km.
- รพ. รามคำแหง ~ 7.4 km.
- รพ. เวชธานี ~ 8.5 km.
- รพ. สมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 10.2 km.
โรงเรียน
- Ascot International School Bangkok ~ 190 m.
- NIDA ~ 5.8 km.
- Wellington College International School Bangkok ~ 7.7 km.
- Brighton College Bangkok International School ~ 10.5 km.
- มหาวิทยาลัย รามคำแหง ~ 11.2 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- บรรยากาศร่มรื่น : เห็นได้ตั้งแต่ซุ้มต้นไม้ตรงทางเข้าโครงการ (Welcoming Court) มีการเก็บรักษาต้นจามจุรีขนาดใหญ่ดั้งเดิมของที่ดินเอาไว้ และการจัด Landscape ได้สวยงาม โดยใช้พันธุ์ไม้ที่หลากหลาย
- ความเป็นส่วนตัว : เป็นโครงการขนาดเล็กเพียง 55 ยูนิต และมีเพื่อนบ้านร่วมซอย 6 – 8 หลัง ส่วนถ้าเป็นบ้านที่อยู่ตรงถนนหลักก็จะไม่ต้องหันหน้าชนกับใคร มองออกมาหน้าบ้านเห็นกำแพงต้นไม้สีเขียวๆแทน
- ทิศทางของบ้าน : ไม่มีบ้านหลังไหนที่หันไปทางทิศตะวันตกเลย ทำให้ไม่มีความร้อนหรือแสงส่องเข้าบ้านแรงๆในช่วงบ่าย
Master Plan ผมขอเริ่มจากทางเข้าหลักของโครงการ จะถูกจัดเป็นพื้นที่สีเขียวและซุ้มประตูต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Welcoming Court ซึ่งร่มรื่นมากๆ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญในการเปลี่ยนบรรยากาศ อารมณ์ และความรู้สึก จากความวุ่นวายภายนอกมาสู่ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวภายในได้ดี นอกจากนี้เค้าจะมีประตูอีกจุดนึงที่อยู่ตรงซอยรามคำแหง 118 แยก 42 ซึ่งจะอยู่ใกล้กับซอยหลักมากกว่า ไว้สำหรับให้รถบรรทุกคันใหญ่ๆใช้งานเป็นครั้งคราวเท่านั้น
ส่วนกลางและอาคาร Clubhouse จะอยู่บริเวณตรงกลางโครงการ ทำให้บ้านทุกหลังสามารถมาใช้งานได้ไม่ยาก แต่ที่ชอบเลยก็คือ “การวางผังบ้านที่เป็นส่วนตัว” โดยแต่ละซอยจะมีเพื่อนบ้านเพียง 6 – 8 หลังเท่านั้น (ยกเว้นซอยสุดท้ายขวามือสุดจะมี 10 หลัง) ส่วนบ้านที่อยู่ติดถนนหลักก็จะไม่ต้องหันหน้าชนกับใคร แต่จะมองเห็นรั้วต้นไม้มีเขียวที่ถูกปลูกไว้ริมถนนฝั่งตรงข้ามแทน
จึงทำให้ภาพรวมของโครงการนี้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง แถมมองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้สีเขียวสดชื่นอีกด้วยครับ แล้วถ้าใครซีเรียสเรื่องทิศทางของแดดและความร้อนก็ไม่ต้องห่วง เพราะไม่มีบ้านยูนิตไหนที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเลย (เป็นทิศที่โดนแดดช่วงกลางวันนานที่สุด) นั่นจึงทำให้เราสามารถเปิดหน้าต่างรับลมและแสงสว่างได้เต็มที่ตลอดวันเลยครับ
บรรยากาศโครงการและพื้นที่ส่วนกลาง สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ ตกแต่งด้วยอิฐมอญแดง เข้าออกด้วยไม้กั้นกระดกแบบ Easy Pass เปิดให้อัตโนมัติเหมือนทางด่วน พร้อมพี่ยามคอยดูแล 24 ชม. และคอยแลกบัตรสำหรับ Visitor
สำหรับจุดเด่นของพื้นที่ส่วนกลาง ผมมองว่าเค้าเลือกใช้วัสดุได้น่าสนใจ และสะท้อนแนวคิด Urban ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำแพงอิฐมอญแดง ปูพื้นอิฐบล็อคให้มีต้นหญ้าแทรกขึ้นมาได้
อีกทั้งยังมีการเก็บรักษาต้นจามจุรีขนาดใหญ่ ที่เป็นต้นไม้ดั้งเดิมของที่ดินผืนนี้ไว้ถึง 3 ต้น แน่นอนว่าต้นไม้ที่เติบโตจากผืนดินของที่นั้นๆตั้งแต่แรก จะมีรากแก้วและโตได้ใหญ่กว่าต้นไม้ที่ซื้อต้นใหญ่มาลงทีหลัง
แถมยังสามารถจัด Landscape ได้ค่อนข้างสวยเลยครับ มีการใช้พันธุ์ไม้หลากหลายชนิดมากๆ ซึ่งเป็นผลงานจากทีมบ้านและสวนเจ้าดังนั่นเอง
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Swimming Pool
- Kids Club
- Tree House (บ้านต้นไม้)
- Garden (สวนสาธารณะ)
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 11 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- Key Card Access ระยะไกล (ระแบบ RFID หรือ Easy Pass)
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic / Motion Sensor / CCTV ทุกหลัง
แบบบ้าน
Highlights :
- วัสดุ : โปรดักส์โครงการนี้มีการเลือกใช้วัสดุปิดผิวที่มาจากธรรมชาติ หรือ “สัจจะวัสดุ” ที่เป็นการโชว์ลวดลายที่แท้จริงจากธรรมชาติของวัสดุนั้นๆ ซึ่งเป็นไปตามแนวคิด Urban Home ของโครงการ ทำให้ตัวบ้านมีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และมีรายละเอียดมากขึ้น
- พื้นที่สวน : มีขนาดสวนหลังบ้านที่ใหญ่กว่าปกติ 5 – 6 m. เหมาะกับคนที่ชอบการปลูกต้นไม้ทำสวนมากๆครับ
- การออกแบบช่องแสงที่เป็นส่วนตัว : หากดูจากภายนอกจะเห็นว่า ชั้น 2 – 3 เค้าจะมีช่องแสงเพียงแค่พอดีกับความต้องการปริมาณแสงภายในห้องเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นส่วนตัวของคนที่อยู่ภายใน
- โครงสร้าง : เป็นการก่ออิฐมวลเบาทั้งหลัง สามารถทุบหรือต่อเติมได้ง่าย และผนังระหว่างยูนิตข้างๆยังเป็นแบบ Double Wall 2 ชั้น ซึ่งจะช่วยกันเสียงรบกวน และเพิ่มความเป็นส่วนตัวของแต่ละหลังได้เป็นอย่างดี
- DHEPA ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 27 – 43 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
นี่เป็นหนึ่งในโครงการทาวน์โฮมที่ให้ความสำคัญกับ “พื้นที่สวนหลังบ้าน” เหมาะกับคนที่รักการปลูกต้นไม้หรือชื่นชอบพื้นที่สีเขียว เพราะเค้ามีการเว้นระยะ set back พื้นที่หลังบ้านมากกว่าปกติ 5 – 6 m. เลยสามารถทำสวน บ่อปลา หรือปลูกต้นไม้ตามที่ชอบได้เต็มที่ และยิ่งช่วง WFH ที่หลายๆคนอยู่บ้านกันแบบนี้ การมีพื้นที่สีเขียวในบริเวณบ้านก็ช่วยทำให้ผ่อนคลายสบายตา สามารถมองชมวิวสวนสวยๆ ได้จากพื้นที่นั่งเล่นในบ้านได้ โดยไม่เสียความเป็นส่วนตัว เพราะเค้าอยู่ทางโซนหลังบ้าน
ส่วนห้องครัว ห้องน้ำ และโถงบันได ก็จะขยับอยู่โซนหน้าบ้านแทน เพราะเค้าต้องการให้ความสำคัญกับพื้นที่นั่งเล่นด้านหลัง ให้กว้างขวางและโปร่งโล่งเต็มที่ และยังมีพื้นที่อเนกประสงค์บนชั้นลอยให้ใช้งาน สามารถมองเชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างได้อีกด้วยครับ
สำหรับห้องนอนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ จะอยู่บนชั้น 2 และ 3 ซึ่ง Master Bedroom จะกินพื้นที่ของชั้น 2 ทั้งหมด เหมือนเป็นห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ โดยมีจุดที่น่าสนใจคือ การออกแบบช่องเปิดต่างๆ ที่ได้แสงพอดีกับความต้องการโดยไม่เสียความเป็นส่วนตัว (ซึ่งเดี๋ยวลองไปดูรูปบรรยากาศก็จะเห็นภาพมากขึ้น) ส่วนห้องนอนเล็กของลูกๆจะอยู่ชั้นบนสุด และมีห้องน้ำในตัวทั้งคู่เลยครับ เป็นบ้านที่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง แต่อาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุที่เดินขึ้น-ลงบันไดบ่อยๆไม่ไหว
ก่อนจะไปดูฟังก์ชันในบ้านเรามาดูจุดเด่นอย่างแรกกันก่อน ซึ่งเห็นได้ตั้งแต่ภายนอกอาคารคือ “วัสดุปิดผิว” โดยโครงการนี้จะไม่ได้ใช้การฉาบเรียบทาสีแบบทั่วไป แต่เค้าเลือกใช้วัสดุต่างๆมาเก็บรายละเอียด และทำให้ตัว Facade มีความน่าสนใจมากขึ้น
โดยแนวคิดโครงการคือ Urban Home เค้าจึงเลือกใช้วัสดุปิดผิวประเภท “สัจจะวัสดุ” ซึ่งจะเป็นการโชว์เนื้อแท้จากวัสดุธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแนวผนังอิฐสวยๆ โชว์ลวดลายของปูนเปลือยดิบๆเท่ๆ ใช้กระเบื้องหินธรรมชาติที่มีลวดลายแต่ก็ไม่สกปรกหรือเป็นคราบง่าย รวมถึงใช้ไม้สักแท้บริเวณกรอบด้านหน้าอีกด้วย ซึ่งแสดงถึงความพิถีพิถันและการใส่ใจ ในการเลือกใช้วัสดุของโครงการได้เป็นอย่างดี
ภาพบรรยากาศชั้น 1
หน้าบ้านกว้าง 6 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันสบายๆครับ ซึ่งถ้าใครต้องการต่อเติมหลังคาที่จอดรถก็ทำได้สบายๆเลย เพราะเค้าทำคานตรงซุ้มประตูเอาไว้ให้แล้ว โดยหากใช้เป็นหลังคาเรียบๆ ก็แทบจะมองจากหน้าบ้านไม่เห็นเลย จึงทำให้ภาพรวมของบ้านในโครงการดูเรียบร้อยมากขึ้นอีกด้วย
โดยจุดเด่นของชั้นล่างนี้ผมมองว่าคือ ผนังทรายล้างทางขวามือของบ้าน ซึ่งเค้าทำเป็นแนวยาวมาตั้งแต่ในบ้านมาจนถึงสวนหลังบ้าน เพื่อทำให้เกิดความรู้สึกเชื่อมต่อของพื้นที่ภายในกับภายนอกได้ดีเลยทีเดียว
และอีกอย่างคือ การติดตั้งหลอดไฟบนผนัง ซึ่งจะทำให้เวลาเปลี่ยนหลอดไฟก็จะสะดวกมากขึ้น (ง่ายกว่าไฟดาวน์ไลท์ที่ติดอยู่บนฝ้าเพดานสูงๆ) สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้างคนมาปีนเปลี่ยนหลอดไฟก็ได้ครับ
นอกจากนี้พื้นที่สวนหลังบ้านมีขนาดใหญ่กว่าทาวน์โฮมทั่วไป ที่กฎหมายจะกำหนดให้ set back 2 m. แต่สำหรับโครงการนี้จะเว้นให้เยอะ 5 – 6 m. สามารถปลูกต้นไม้ทำสวนสวยๆได้เต็มที่มากขึ้น
ภาพบรรยากาศชั้นลอย
ขึ้นบันไดมาจะเป็นชั้นลอยนะครับ ซึ่งก็จะมีอยู่แค่ห้องเดียวเนี่ยแหละ แต่ที่ชอบคือผนังกระจกขนาดใหญ่ทางซ้าย ที่ทำให้พื้นที่โถงบันไดและในบ้านสว่างโปร่งโล่งดีทีเดียว
พูดถึงเรื่องช่องแสงกันสักหน่อย จะเห็นว่าบริเวณชั้นลอยที่เราอยู่ตอนนี้ (กรอบ facade สีส้ม) จะเป็นส่วนที่มีช่องเปิดขนาดใหญ่ เพื่อรับแสงและความโปร่งโล่งได้เต็มที่ ซึ่งเป็นส่วนพื้นที่ใช้งานส่วนรวมของตัวบ้านอยู่แล้ว หรือมักจะเป็นฟังก์ชันที่มีการใช้งานช่วงเวลากลางวัน
แต่สำหรับพื้นที่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง อย่างห้องนอนบนชั้น 2 – 3 ที่อยู่ถัดไป จะมีช่องแสงที่แคบแต่ก็สูง ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการปริมาณแสงในช่วงกลางวัน แต่จะมองไม่เห็นพื้นที่ภายในแม้ยามที่เปิดไฟตอนกลางคืนครับ
ภาพบรรยากาศชั้น 2
ก่อนจะไปดูภายในห้อง อยากจะให้ดูตรงบันไดสักนิดว่า เมื่อเราขึ้นบันไดมาชั้นบนๆ จะมีราวจับเป็นเหล็กมาให้ตลอดทาง ทำให้ใช้งานได้ปลอดภัยแบบนี้นะครับ
ภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อไปยังส่วนห้องน้ำด้านหลังด้วยนะ (ไม่มีตู้เสื้อผ้ามากั้นแบบบ้านตัวอย่าง)
และนี่เป็นภาพด้านหลังบ้าน เมื่อมองจากภายนอกเราแทบจะไม่เห็นช่องเปิดหรือหน้าต่างเลยครับ ทั้งๆที่ห้องน้ำเมื่อครู่มีช่องแสงและค่อนข้างสว่างดี แต่เค้ามีการทำผนังปูนมากั้นไว้แบบนี้ ก็เลยทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียว
ภาพบรรยากาศชั้น 3
เมื่อเรามาบนชั้น 3 จะเจอโถงบันไดที่แยกห้องนอนออกเป็นโซนหน้าบ้านกับหลังบ้าน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวออกจากกันครับ
เริ่มกันที่ห้องนอนแรกที่อยู่ใกล้บันไดมากที่สุด เป็นห้องโซนหลังบ้านครับ มีขนาดเล็กที่สุดก็จะเหมาะกับลูกคนเล็ก หรือถ้าใครมีลูกคนเดียวก็อาจปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆตาม Lifestyle ก็ได้นะ
- DHEPA PLUS ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 7.9 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 52.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 สระว่ายน้ำ
บอกก่อนครับว่าแบบบ้านหลังนี้ทั้งโครงการมีเพียง 3 ยูนิตเท่านั้น และปัจจุบันก็เหลือเป็นหลังสุดท้ายแล้วนะครับ ซึ่งจุดเด่นของเค้าคือ เป็นทาวน์โฮมที่หน้ากว้างถึง 7.9 m. สามารถจอดรถได้ 3 คันสบายๆ และฟังก์ชันส่วนใหญ่ก็จะคล้ายกับแบบหลังเล็กก่อนหน้านี้เลยครับ แต่พื้นที่ห้องจะกว้างขวางและใหญ่ขึ้น
สิ่งที่เพิ่มเติมมาก็คือ สวนด้านหลังบ้านจะมีสระว่ายน้ำมาให้ด้วย ถ้าใครที่เป็นสายปาร์ตี้และอยากได้บรรยากาศริมสระว่ายน้ำแบบนี้ก็เหมาะเลย หรืออาจเอาไว้ให้ลูกฝึกว่ายน้ำเล่นตอนเด็กๆก็ได้นะ แต่อาจไม่ได้ใหญ่มากพอที่จะว่ายออกกำลังกายจริงจังได้ (สามารถไปใช้สระที่ส่วนกลางได้ครับ) นอกจากนี้ข้างๆบ้านยังมีส่วนของห้องน้ำและห้องแม่บ้านเพิ่มเข้ามาด้วย
แต่ส่วนตัวผมคิดว่าขนาดพื้นที่ของแม่บ้านเล็กไปสักหน่อย และเดี๋ยวนี้ก็มีแม่บ้านรายวันที่สะดวกกว่าให้ใช้บริการ ซึ่งห้องส่วนนี้เราก็เอาไว้เก็บของได้ครับ ส่วนบนชั้น 3 ก็จะมีพื้นที่อเนกประสงค์ตรงหน้าโถงบันไดเพิ่มเข้ามา สามารถทำเป็นมุมห้องพระก็ได้นะ โดยบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ
ราคา
Dhepa รามคำแหง 118 ราคา ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2564
- DHEPA ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 27 – 43 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคา 9.5 – 13.5 ล้านบาท - DHEPA PLUS ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 7.9 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 52.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 สระว่ายน้ำ
– ราคา 19.2 ล้านบาท >> ราคาพิเศษสำหรับหลังสุดท้ายเหลือเพียง 17.9 ล้านบาท - จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 200,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 120,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 90 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
เรามาดูเพื่อนบ้านรอบข้างกันสักหน่อยครับ ซึ่งโครงการใหม่ที่กำลังเปิดขายในปัจจุบันส่วนมากจะเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ และถ้าเป็นโปรดักส์ทาวน์โฮมก็จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นขนาดใหญ่เกิน 200 ตารางเมตรขึ้นไป โดยจะเน้นเป็นพื้นที่ใช้สอยแนวตั้งเป็นหลัก ซึ่งโปรดักส์ลักษณะนี้อาจไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุหรือคนที่เดินขึ้น-ลงบันไดทุกวันไม่ค่อยไหวนะครับ
แต่จุดขายของ Dhepa รามคำแหง 118 คือ “การออกแบบ” ที่ช่วยแก้ปัญหาของการไม่มีพื้นที่สีเขียวในทาวน์โฮมได้เป็นอย่างดี โดยการทำสวนหลังบ้านให้มีขนาดใหญ่กว่ามาตรฐาน 5 – 6 m. สามารถปลูกต้นไม้ทำสวนได้จริงจังไม่แพ้บ้านเดี่ยว แต่ก็แลกกับราคาค่าที่ดินที่เราจะต้องจ่ายเพิ่มมากกว่าทาวน์โฮมทั่วไปเช่นกัน (ราคาเลยแพงกว่า Aura Lite รามคำแหง 94 ที่เป็นทาวน์โฮมทำเลเดียวกัน แต่ก็ได้วัสดุที่ค่อนข้างดีสมราคาที่ต้องจ่ายครับ)
และด้วยประเด็นนี้จึงมีบางคน (โดยเฉพาะคนที่ชอบต้นไม้) อาจมองเปรียบเทียบกับโครงการ Baan Puripuri Courtyard พัฒนาการ ที่เค้ามีพื้นที่ทำสวนตรงกลางบ้านได้นั่นเอง แต่จะเป็นการปลูกในกระถางขนาดใหญ่ที่เค้าเตรียมไว้ให้ ไม่ได้ลงดินโดยตรงนะครับ
ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันชัดเจน อย่างโครงการ Baan Puripuri Courtyard พัฒนาการ เค้าได้เปรียบเรื่องทำเลที่ใกล้เมืองมากกว่า และมีความกล้าในการออกแบบพื้นที่สวนในบ้านที่ไม่เหมือนใคร โดยการเปิดหลังคากลางบ้านเชื่อมต่อกับท้องฟ้าภายนอก ทำให้ความรู้สึกเวลาเดินใช้งานฟังก์ชันในบ้าน เป็นแบบ Semi-Outdoor ที่ต่างไปจากเดิม
ส่วนโครงการ Dhepa รามคำแหง 118 เค้าเด่นในเรื่อง Concept ของความเป็น Urban ที่ชัดเจน ตั้งแต่บรรยากาศโครงการที่ร่มรื่น มีพื้นที่สวนหลังบ้านขนาดใหญ่ให้ปลูกต้นไม้ทำสวนได้จริงจัง และการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติมาปิดผิวอาคาร ซึ่งแต่ละคนก็มีความชอบที่ไม่เหมือนกัน ผมแนะนำให้ลองเข้ามาชมและสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ด้วยตัวเองครับ คือถ้าใครชอบก็จะชอบเลย และผมเชื่อว่าเพื่อนๆคงจะตัดสินใจกันได้ไม่ยากแน่นอน
Dhepa รามคำแหง 118 เหมาะกับใคร
โครงการ Dhepa รามคำแหง 118 เหมาะกับคนที่มองหาทาวน์โฮมในย่านรามคำแหง เน้นความเป็นส่วนตัว มีส่วนกลางให้ใช้งาน และให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ และในบ้านต้องมีพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้ทำสวนได้จริงจัง อีกทั้งยังชอบเรื่องการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติมาปิดผิว ที่ทำให้ตัวอาคารดูสวยงามและโดดเด่นมากขึ้น โดยเป็นครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง อาจไม่เหมาะกับการมีผู้สูงอายุที่ขึ้น-ลงบันไดไม่ไหวเท่าไหร่นัก ซึ่งต้องมีงบประมาณเริ่มต้นที่ 9.5 – 17.9 ล้านบาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc