กลับมาอีกครั้งกับโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในทำเลทองอย่าง Laviq Sukhumvit 57 ที่เป็นคอนโด High Rise ในซอยสุขุมวิท 57 ใกล้ BTS ทองหล่อ ซึ่งปัจจุบันก็มีจุดขึ้นลงสถานีที่สร้างใหม่มาห่างจากตัวโครงการประมาณ 100 เมตรเท่านั้น ซึ่งหลัก ๆ ในวันนี้เราจะมาพูดถึงแบบห้อง Duplex แบบ 2 ห้องนอน ของที่นี่กันครับ เป็นแบบห้องที่จัดเป็น Rare Item ที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลย ไปชมกันครับ
LAVIQ Sukhumvit 57 (ลาวีค สุขุมวิท 57) ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2021
- LAVIQ Sukhumvit 57 (ลาวีค สุขุมวิท 57)
- บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา
- ที่ดินประมาณ 2-1-65 ไร่
- คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร 235 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 11 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 235 คัน รวมจอดซ้อนคันและ Super Car 8 คัน คิดเป็น 100%
- เริ่มก่อสร้าง : Q2 2560
- แล้วเสร็จ : Q4 2562 (ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่)
- 1 Bedroom ขนาด 42 – 45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท (Promotion ถึงสิ้นปี)
- 2 Bedrooms ขนาด 79 – 91 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท
- 3 Bedrooms ขนาด 115 – 144 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 24.9 ล้านบาท
- Duplex 97 ขนาด ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท
- Penthouse ขนาด 244 – 357 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 3.0 เมตร (ห้อง Simplex) และ 3.0, 6.2 เมตร (ห้อง Duplex)
- ราคาห้องเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 240,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1232
ทำเลที่ตั้ง
โครงการ Laviq สุขุมวิท 57 ตั้งอยู่ในทำเลย่านทองหล่อ อยู่ในซอยสุขุมวิท 57 ซึ่งมีลักษณะเป็นซอยตัน ทำให้บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่าน ไม่มีรถยนต์วิ่งเข้า-ออก ไป-มามากนัก และไม่มีเส้นทางลัดภายในซอย จากที่ตั้งโครงการสามารถเข้าถึงซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) และสุขุมวิท63 (ซอยเอกมัย) ได้ไม่ยาก ซึ่งสามารถเดินไปได้ในระยะ 200-800 เมตร ที่บริเวณหน้าปากซอยในปัจจุบันก็มีทางขึ้นลงรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อที่เพิ่งสร้างเสร็จกันมาเร็ว ๆ นี้ ทำให้โครงการมีระยะห่างจากรถไฟฟ้าเหลือเพียงประมาณ 100 เมตร เท่านั้น
ส่วนแหล่งความอุดมสมบูรณ์คงไม่ต้องพูดเยอะ เพราะทำเลนี้ถือเป็นทำเลยอดฮิตโดยเฉพาะซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) และสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย) ที่จัดให้เป็นหนึ่งในทำเลที่มีค่าครองชีพและราคาที่ดินสูงที่สุดทำเลหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ทำเลนี้มีครบทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้า แหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้งและร้านอาหารระดับ Hi-end มากมาย มีความคึกคักทั้งในเวลากลางวันและมีสีสันมากขึ้นในเวลากลางคืน นอกจากร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งแล้วยังมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างโรงเรียน, โรงพยาบาล และสวนสาธารณะอยู่ใกล้เคียง เช่น โรงเรียนนานาชาติ Ekkamai International School, St.Andrews International School, โรงพยาบาลคามิลเลียน, โรงพยาบาลไทยคริสเตียน และ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เป็นต้น
ซึ่งถ้าใครที่สนใจรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม ก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านรีวิวเจาะลึกกันได้ที่นี่เลยครับ
>>> รีวิวตึกเสร็จ LAVIQ สุขุมวิท 57 คอนโด High Rise ใกล้ BTS ทองหล่อ 270 เมตร จาก Real Asset [รีวิวฉบับที่ 1972]
ภายในเราเขียนรีวิวทำเลและรายละเอียดโครงการไว้ค่อนข้างละเอียด เพราะในบทความนี้เราจะมาพูดถึงแต่เฉพาะในส่วนของห้องพักอาศัยแบบ Duplex กันซะเป็นส่วนใหญ่ แถมผมยังจะพาไปชมบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางในปัจจุบันแบบคร่าว ๆ ด้วย จะเป็นอย่างไรตามผมมาเลยครับ
ห้อง Duplex ขนาด 97 ตร.ม.
ก่อนหน้านี้ผมเกริ่นไว้ที่พารากราฟแรกของบทความนี้ว่าห้องนี้เป็น Rare Item ของโครงการ ซึ่งส่วนตัวผมก็มองอย่างนั้นจริง ๆ นะครับ เพราะมีเหตุผลที่น่าสนใจหลาย ๆ ส่วนเลย ประกอบไปด้วย
- เป็นเหมือนบ้านในย่านทองหล่อ อิงถนนสุขุมวิทและรถไฟฟ้าได้สะดวก การที่ได้พื้นที่ภายใน 2 ชั้นแบบ Duplex ช่วยให้การใช้งานพื้นที่ภายในรู้สึกเหมือนอยู่ “บ้าน” มากยิ่งขึ้น ทั้งพื้นที่ต่าง ๆ ในการใช้งาน, บรรยากาศและมุมมองภายใน รวมไปถึงขนาดที่กว้างชนิดที่อยู่ได้เป็นครอบครัว
- เป็นรูปแบบห้องที่มีเพียง 1 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น แถมยังมีตำแหน่งอยู่ที่มุมอาคารด้วย ทำให้รับวิว 2 ฝั่งที่โล่งที่สุดของโครงการได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นภายในห้องยังทำกระจก Full Height มาให้ ทำให้เปิดรับลมได้อย่างเต็มที่เลย
- ห้องนี้จะได้พื้นที่จอดรถมาให้ 2 คัน ซึ่งจัดว่ามากกว่าแบบห้องส่วนใหญ่อื่น ๆ ในโครงการ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นคอนโด Duplex ไม่กี่แห่งในย่านนี้ ที่มีราคาต่อตารางเมตรเพียงแค่ประมาณสองแสนต้น ๆ เท่านั้น ซึ่งก็จัดว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ง่ายในย่านทองหล่อเลยนะครับ
- ห้อง Duplex ขนาด 97 ตร.ม. ของที่นี่จัดว่าเป็น Real Duplex เพราะมีทางเข้าออกทั้งสองชั้นที่เชื่อมต่อกับโถงทางเดินด้านนอก บวกกับการแยกห้องนอนชั้น 1 และ ชั้น 2 ที่มีห้องน้ำให้ใช้แยกชั้นกัน ก็ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูงเลย จัดเป็นหนึ่งในจุดเด่นของห้องนี้ ส่วนอีกจุดที่ผมมองเห็นคือการจัดพื้นที่ภายในที่เป็นสัดส่วนและสามารถออกแบบพื้นที่ได้หลากหลาย
- ห้องตัวอย่างในสไตล์ Art Deco ตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์และ Built-in มาครบพร้อมเข้าอยู่ที่ออกแบบรายละเอียดภายในต่าง ๆ มาทุกรายละเอียด เป็นห้องที่น่าสนใจเอามาก ๆ ไปชมกันเลยครับ
เปิดประตูมาจะเจอกับครัวเข้ามุมทางฝั่งขวามือหน้าประตูห้องที่สามารถทำเป็นครัวปิดได้ ฝั่งตรงข้ามเป็นบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 เข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ที่รวมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารไว้ให้เรียบร้อย ตรงนี้สามารถวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารได้หลายขนาด รวมถึงโซฟาที่ห้องนั่งเล่นด้วยเช่นกัน ทำให้เจ้าของห้องสามารถเลือกจัดได้ตามรสนิยมของตัวเอง ห้องนั่งเล่นจะโดดเด่นด้วยฝ้าเพดานที่ยกขึ้น 6.2 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน แถมยังช่วยให้แสงเข้าสู่ภายในตัวห้องได้เยอะ ช่วยให้ภายในโปร่งและโล่ง ส่วนห้องน้ำก็สามารถเข้าใช้งานได้ง่ายจากทุกพื้นที่ และห้องนอนที่ชั้น 1 ก็มีขนาดและตำแหน่งที่จัดได้หลายแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ที่จะว่างเตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่ก็ได้, ห้องทำงาน, ห้องอ่านหนังสือ, ห้องออกกำลังกาย หรือจะเป็นห้องเก็บของสะสมก็ยังได้
ส่วนขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับชั้นลอยที่จัดออกมาขนาดใหญ่กว่าแนวทางเดินปกติ สามารถใช้งานอย่างอื่นเสริมได้ ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ทำงานอ่านหนังสือที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น หรือจะเป็น ตู้วางของสะสมชิ้นโปรดที่เอาไว้เชยชมเวลาเดินผ่านไปมาก็ได้ ด้านในเป็นห้องนอนหลักของห้องนี้ ที่จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องด้านล่างเล็กน้อย มาพร้อมห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัว แถมยังมีทางเชื่อมต่อกับแนวทางเดินภายนอกด้วย อยากจะรีบไปทำงานตอนเช้า แต่งตัวเสร็จก็ออกและลงไปได้เลย และก่อนจะเข้าไปดูภายในห้องตัวอย่างกันนะครับ
ห้อง Duplex ขนาด 97 ตร.ม. ที่เป็นห้องตัวอย่าง จะขายในรูปแบบ Fully Furnished พร้อม Built-in ตามที่เรากำลังจะเห็นกันเลยนะครับ ได้ตามนี้ทุกอย่าง โดยจะมีราคาอยู่ที่ 26.67 ล้านบาท โดยห้องตัวอย่างจะออกแบบมาในสไตล์ Art Deco ซึ่งสำหรับหลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่รู้จักกับสไตล์การออกแบบนี้ ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคร่าว ๆ กันสักนิดครับ
Art Deco เป็นช่วงหนึ่งของศิลปะที่หลุดพ้นจากความเป็น Classic และย่างเข้าสู่ยุคเริ่มต้นของ Modernism ครับ ดังนั้นเลยจะดูไม่ได้อ่อนช้อยและเยอะจนเกินไป แต่มีกลิ่นไอของความเท่แบบ Classic และไม่ได้ดู Modern ซะทีเดียว แต่ยังคงใช้ความเป็นเลขาคณิตเข้ามาช่วยลดทอนให้เห็นซะเป็นส่วนใหญ่ โดยลักษณะเด่นของงานออกแบบตกแต่งสไตล์ Art Deco คือการใช้เส้นโค้งและเส้นตรงที่เรียบง่ายแต่แข็งแรง ถ้าพูดให้เห็นภาพง่าย ๆ Art Deco จะเปรียบเสมือนผู้ชายที่มีความหรูหรา สุขุม และสง่างาม นั่นเองครับ ซึ่งศิลปะสไตล์นี้ได้รับความนิยมมากในยุโรปและอเมริกา เช่นอาคาร Chrysler Building ใน New York City เป็นต้นครับ
เปิดประตูที่ติดตั้งระบบ Digital door lock ของ Samsung (ใช้ key card แตะ หรือ กดรหัสตัวเลข) เข้ามาภายในห้องพื้นจะเป็น Engineering Wood ปิดผิวไม้โอ๊ค ด้านข้างจะเป็น Built-in ชั้นวางรองเท้าและวางของทั่วไปที่ใช้สำหรับหยิบและวางเพื่อง่ายต่อการเข้าออก เช่น กุญแจ, keycard, บัตรต่าง ๆ เป็นต้นครับ ถัดมาหน่อยจะเป็นพื้นที่ครัว และบันไดขึ้นชั้น 2 ทางฝั่งตรงข้าม ความสูงภายในห้องจะอยู่ที่ 3 เมตร ที่ด้านข้างจะมี Video door phone ของแบรนด์ Biticino ที่จะช่วย Service ต่าง ๆ กับนิติบุคคลได้ เช่น รับจดหมายหรือพัสดุ และสามารถเห็นแขกที่จะขึ้นมาหาได้จากด้านล่างเลย
ครัวของที่นี่มีความพิเศษตรงที่ให้มาเป็นพื้นที่ตัว L เข้ามุม สามารถปิดพื้นที่กั้นเป็นครัวปิดได้เลย สำหรับครอบครัวไหนที่ทำอาหารบ่อย กลิ่นและควันจะได้ไม่ไปรบกวนส่วนอื่น ๆ ของตัวห้อง และที่พิเศษกว่านั้นคือชุดครัวที่เขาให้มาก็ Built-in มาให้ครบพร้อมใช้งานเลย พื้นในห้องครัวจะเป็น Composite marble Porcelain สีขาว ที่มีพื้นผิวเรียบมันทำให้ง่ายแก่การทำความสะอาด
Top เคาท์เตอร์ครัวรวมถึง Backsplash หลังเตา จะปิดผิวด้วยหิน Quartz ซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานต่อความชื้นและความร้อนเป็นพิเศษ ได้อ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยวจาก TEKA ครับ
เตาและเครื่องดูดควันจาก Kuppersbusch แบรนด์ดังจากเยอรมันนีที่ก่อตั้งมานานกว่า 140 ปี ส่วนด้านล่างจะเป็น Oven (เตาอบ) จาก Kuppersbusch เช่นกันครับ
จะได้ตู้เย็นแบบหน้าบานคู่พอดีกับช่องว่างจาก Samsung ครับ
ตัว Built-in ตู้ต่าง ๆ จะได้หน้าบานเป็น Hi-gloss สีครีม ด้ามจับ Red copper ที่มีระบบ Soft Close ให้ด้วย ป้องกันการกระแทกในการเปิดปิด รวม ๆ แล้วก็สามารถเก็บของได้เยอะเหมือนกันครับ
เหนือเตาเองก็มีช่องให้เก็บของได้หลากหลายเช่นกัน
ส่วนฝั่งด้านบนตู้เย็นจะมีช่องขนาดใหญ่ให้วางของชิ้นใหญ่ได้ด้วย
ออกมาดูภายในห้องกันต่อ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางขึ้นไปยังชั้น 2 แต่เราจะยังไม่ขึ้นไปด้านบนนะครับ ไปดูภายในห้องชั้น 1 กันให้ทั่วก่อน
เป็นห้องที่ตกแต่งออกมาได้ดูดีทีเดียว จะมีเคาน์เตอร์ริมผนังสำหรับวางของที่ทางโครงการ Built-in มาให้กับห้องเลย ด้านในจะเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่จัดได้หลากหลายเลยครับ วางโต๊ะรับประทานอาหารได้หลายขนาด
อย่างในห้องตัวอย่างที่เขาวางมาให้แบบ 4 ที่นั่ง จะทำให้เหลือพื้นที่เดินได้รอบแบบสบาย ๆ ใช้งานตู้เก็บไวน์และไมโครเวฟที่เคาน์เตอร์ด้านหลังได้สะดวก
ในส่วนนี้ทางโครงการจะ Built-in มาให้ครบเซทแบบนี้เลย ด้านบนมีชั้นวางเครื่องดื่มที่หลากหลาย จัดไว้เป็นมุมโปรดของเหล่านักดื่มเลยล่ะครับ
ผนังตรงนี้จะเป็นงาน Hand Craft ที่ใช้เป็นหนังสานสีน้ำตาลเข้ม ที่ตัดความเข้มขรึมด้วยขอบอลูมิเนียมสีชาทอง เพื่อแสดงออกถึงความ Classic และ Modern ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีเลย
ส่วนด้านล่างจะเป็นชั้นวางของในช่องต่าง ๆ และมี Microwave จาก Kuppersbusch และตู้แช่ไวน์ของ Teka มาให้พร้อมเลย
จุดเด่นของห้องมุมคือจะได้ช่องแสงหลายฝั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านแนวราบครับ โดยที่นี่จะเปิดแนวกระจกมาให้แบบ Full Height สูง 3 เมตรเลย ทำให้รับวิวและบรรยากาศรอบข้างได้อย่างเต็มที่ แถมยังเปิดรับลมระบายอากาศด้านข้างได้ด้วย
ด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นรับแขกครับ จัดมาให้ขนาดค่อนข้างกว้าง วางโซฟาชุดตัว L มาให้พร้อมโต๊ะที่ ที่เน้นใช้โทนสีเทา-น้ำตาลอ่อน เพื่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น ตัดด้วยเส้นสายแนวตั้งจากคิ้วอลูมิเนียมที่ผนัง ช่วยให้อารมณ์ของความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น มาพร้อมไฟแบบ Minimal ที่ช่วยให้ภาพติดผนังดูเป็นพระเอกของพื้นที่นี้ โดยการเลือกใช้ Color Scheme ของภาพที่เข้ากับสไตล์ของห้อง และดีเทลของกรอบที่ไม่เรียบจนเกินไปตามแบบฉบับของสไตล์ Art Deco
เมื่อเดินจากด้านในของห้องที่สูง 3 เมตร เข้ามายังพื้นที่บริเวณนี้ที่จะมีความสูงถึง 6.2 เมตร จะเป็นลักษณะของพื้นที่ที่ออกแบบให้เปลี่ยนอารมณ์ด้วยความสูงของห้อง และเปิดแนวรับแสงอย่างเต็มที่ด้วยแนวกระจก Full Height เต็มความสูงเลย ส่วนผนังสีเทาและคิ้วอลูมิเนียมก็สูงยาวขึ้นไปสุดถึงฝ้าไม่ทิ้งกันเลยครับ ถึงจะต้องใช้ม่านขนาดใหญ่แต่ด้านบนก็ซ่อนรางม่านไว้ให้เรียบร้อยเลยนะ
ออกไปดูระเบียงภายนอกของห้องนี้กันครับ
เป็นระเบียงขนาดกว้างที่เรียกว่าอยู่มุมอาคารจริง ๆ ทำให้สามารถรับวิวได้มากกว่า 180 องศาทั้ง 2 ทิศเลย โดยมุมอาคารฝั่งนี้จะเห็นไปยังสวนที่ชั้น 6 ด้วย อีกส่วนที่ต้องชมคือที่นี่ใช้ระบบแอร์แบบ VRV ที่ไม่ต้องมี Condensing Unit ไว้ที่ระเบียง ทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้อย่างเต็มที่ครับ จะออกมาตั้งชุดโต๊ะกาแฟรับวิวสวนยามเช้า หรือนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ดูวิวเมืองยามค่ำคืนก็ได้
บรรยากาศสวนด้านล่างจะเป็นพื้นที่ค่อนข้างเงียบสงบ ปัจจุบันต้นไม้ก็มีขนาดใหญ่ ใช้งานบังแดดและฝนให้ได้จริงนะครับ ช่วยบังสายตาจากด้านล่างด้วย
อีกฝั่งจะเป็นวิวโล่งที่ไม่โดนอาคารบังในระยะประชิด ทำให้เห็นมุมมองที่กว้างและได้ลมเป็นอย่างดีเลย
มองย้อนกลับเข้ามาภายในห้องนะครับ จะเห็นว่าห้องนี้ใช้เครื่องปรับอากาศแบบ Concealed Type ระบบ VRV ไม่ต้องมีพื้นที่วาง condensing unit และดูเรียบร้อยสวยเนียนไปกับฝ้า ซึ่งมักจะเห็นกันในคอนโดระดับราคา Luxury ขึ้นไป
อีกส่วนที่ต้องพูดถึงคือผนังหลังทีวีที่เขาใช้เป็นงาน Hand Craft อีกแล้วครับ เป็นงานไม้โอ๊คสีน้ำตาลเข้มที่โชว์ลวดลายฉลุอย่างปราณีด้วยดีเทลสไตล์ Art Deco ผสมผสานกับความหรูหราของแนวหนังสานด้านข้างที่คาดด้วยคิ้วอลูมิเนียมสีชาทองเต็มผืนผนังยาวขึ้นไปถึงฝ้าเพดานเลยครับ เป็นงานตกแต่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้กับห้องนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ด้านบนจะเป็นชั้น 2 หน้าห้องนอนหลัก ซึ่งจะเชื่อมต่อกันกับพื้นที่ด้านล่างนี้ได้เป็นอย่างดีเลย
ลองไปดูส่วนของห้องนอนชั้น 1 กันต่อเลยครับ ด้านข้างจะมีแนวห้องน้ำที่มีตำแหน่งอยู่กลางห้อง ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากทุกพื้นที่เลย ส่วนด้านข้างจะเป็นห้องที่มีชื่อว่า Relax Room ที่สามารถจัดเป็นได้ทั้งห้องนอนและห้องอเนกประสงค์
เป็นห้องน้ำที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง จัดส่วนเปียกส่วนแห้งภายในออกมาได้ดีเลยครับ เน้นใช้โทนสีอ่อนที่ดูสะอาด ผนังห้องน้ำเป็น Marble Porcelain ลาย Marble Grey พื้นบริเวณห้องน้ำ เป็น Marble Porcelain ลาย Arabagasto
Top Counter เป็น Imported marble หินอ่อนแท้ลาย Black Emperador พร้อมอ้างล้างหน้าของแบรนด์ Villeroy & Boch แบรนด์สุขภัณฑ์หรูจากประเทศเยอรมันที่เพิ่งฉลองครบ 270 ปีกันไปไม่กี่ปีมานี้เองครับ
ได้กระจกเงาที่สามารถเปิดเป็นช่องเก็บของด้านหน้ามาให้ด้วยครับ
ส่วน สุขภัณฑ์จะเป็นของ Villeroy & Boch อีกเช่นกัน เข้ามุมมาให้เป็นสัดส่วน พร้อมอุปกรณ์ชำระล้างติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน
ส่วนอาบน้ำจะได้เป็น Hand Shower และ Rain Shower ของแบรนด์ Gessi รุ่น Emporio จากอิตาลี่ ที่มาพร้อมช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำให้ทีผนัง พื้นที่ด้านในค่อนข้างดว้างครับ ใช้งานได้สะดวก เปิดปิดฉากกั้นอาบน้ำได้ไม่ติดขัดแน่นอน
ประตูทางเข้าห้อง Relax Room จะเป็น Built-in ดีไซน์โดยการใช้ Curve ทรงโค้ง Arch เพื่อให้น่าสนใจ โดยจะใช้เป็นวัสดุไม้จริงสีเข้มตัดที่ขอบประตู และใช้กระจกเงาสีชาเทาเพื่อสะท้อนให้ห้องดูกว้างขึ้น โดยด้านในประตูจะใช้แผ่น Crystal Board สีทองตัดความ Classic ของลายไม้ได้เป็นอย่างดี
ห้องนี้มีที่มานะครับว่าทำไมถึงชื่อ Relax Room เพราะผู้ออกแบบคำนึงถึงความผ่อนคลายภายในห้อง ด้วยความโปร่งโล่งของแนวหน้าต่างขนาดใหญ่ และการตกแต่งห้องด้วยโทนสีอบอุ่น รวมถึงการวางภาพ Portrait แนว Sensual ที่สื่อถึงอารมณ์ของห้องนี้ได้เป็นอย่างดี ดึงความเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่สื่อให้เห็นถึงการแสดงออกทางอารมณ์ที่มีความสวยงาม น่าหลงไหล และน่าค้นหา ด้านในกรุกระจกสีชาเทาที่ช่วยให้ห้องดูกว้างยิ่งขึ้น
ในเชิงการใช้งานก็อย่างที่บอกครับว่าสามารถจัดได้หลากหลายเลย ด้วยความที่เป็นพื้นที่ปิดและได้ช่องแสงขนาดใหญ่ภายในห้อง อีกทั้งยังมีขนาดพื้นที่ที่กว้างพอที่จะวางเตียง King Size หรือ โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้สบาย ๆ เลยครับ
ส่วนอีกฝั่งที่เขาออกแบบมาด้วยผนังที่กรุลายผ้าสีน้ำเงินซึ่งเป็นโทนสีคู่ตรงข้ามกับสีทอง ตกแต่งด้วยไฟ และเพิ่มลูกเล่นด้วยการตัดขอบสเตนเลสแนวตั้งแบบวางเป็น Ramdom Pattern เลือกวางโซฟาขนาดที่ช่วยให้เห็นแล้วนึกถึงคำว่า “Relax” ได้อย่างแท้จริง
มาต่อกันที่ด้านบนครับ ที่นี่จะใช้บันไดเป็น Imported marble หินอ่อนแท้ลาย Grey Emperador คล้าย ๆ กับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าในห้องน้ำครับ จะมีความแข็งแรงทนทาน ผิวสัมผัสที่เย็นและให้ลวดลายที่สวยงาม ขึ้นมาด้านบนบันไดจะมีความโปร่งโล่ง ทำให้แสงยังเชื่อมต่อกันได้ดี และดูไม่ทึบตันด้วย
ตัวบันไดจะติดริมผนังห้อง ทำให้สามารถเปิดทำเป็นช่องแสงได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะดีมาก ๆ ในแง่ของการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะช่วยให้พื้นที่ดูกว้างและโล่งขึ้น ยังได้แสงสว่างมาช่วยในเรื่องของความปลอดภัยและความสวยงามภายในด้วย นอกจากนั้นยังเปิดรับลมระบายอากาศได้อย่างเต็มที่
พื้นที่โถงชั้น 2 จะเป็นแนวทางเดินกว้างกว่าปกติครับ สำหรับใช้งานได้ด้วย โดยภายในห้องนี้ก็ออกแบบมาให้เป็นเคาน์เตอร์สำหรับนั่งทำงานหรือวางของได้ ตกแต่งด้วยไม้ Custom สีเข้ม หน้าบานเป็น Crytal Board สีทอง และเลือกใช้เก้าอี้สีน้ำเงินที่เป็นสีคู่ตรงข้ามเพื่อความโดดเด่น ส่วนตัวผมชอบพื้นที่นี้เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะเป็นทางเดินไปยังห้องนอนแล้ว ยังเป็นพื้นที่นั่งทำงานที่ได้ความเป็นส่วนตัว รับวิวกว้างของแนวกระจกทั้ง 2 ฝั่งได้อย่างเต็มที่ด้วยครับ
นอกจากนั้นเวลาที่นั่งใช้งานตัวเคาน์เตอร์นี้ จะมองเห็นดีเทลของแนวผนังด้านข้างที่เป็นลายไม้ฉลุมาอย่างละเมียดละไมที่เชื่อมยาวลงไปด้านล่าง ให้ความรู้สึกเข้มขรึมและอบอุ่นยิ่งขึ้นไปอีก
ตรงนี้เข้าจะเลือกใช้แนวกระจกสีชาและคิ้วสเตนเลสเพื่อให้พื้นที่ดูโปร่งโล่งนะครับ แถมยังช่วยให้เชื่อมต่อการตกแต่งกับด้านล่าง และยังรับแสงจากแนวผนังกระจกแผ่นใหญ่ด้านริมอาคารได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้พื้นที่บริเวณนี้แทบจะสว่างตลอดทั้งวันเลย
มองลงไปจะเห็นพื้นที่ด้านล่างที่เป็นห้องนั่งเล่น นำสายตาด้วยแนวผนังทั้ง 3 ด้านที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้พื้นที่ดูกลมกลืนและมีการเชื่อมต่อกันได้เป็นอย่างดีเลย
มาถึงห้องนอนหลักของเรากันครับ เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่จัดพื้นที่ภายในออกมาได้ลงตัวเลย ที่สำคัญคือมี Walk-in Closet แบบเป็นสัดส่วน และห้องน้ำขนาดใหญ่ในตัวมาให้ด้วย
ด้านในได้ช่องแสงขนาดใหญ่ด้วยกระจก Full Height เช่นเดิมครับ พร้อมบานกระทุ้งสองข้างสำหรับเปิดรับลมระบายอากาศได้
พื้นที่ภายในห้องสามารถวางเตียง King Size ได้สบาย ๆ เหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางโต๊ะหัวเตียง และโต๊ะเครื่องแป้งด้วย
ด้านข้างจะเป็นแนวโต๊ะเครื่องแป้งที่ได้กระจกเงาสูงถึงฝ้าเลย พร้อมผนังหัวเตียงที่ Built-in มาให้สวยเช่นเดิม
เป็นผนังงาน Hand Craft ไม้โอ๊คสีเข้มด้วย Pattern กรอบลูกฟักลายฉลุอย่างปราณีตมาในสไตล์เหมือนผนังหลังทีวีที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างครับ ช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องนี้ดีได้ดีเลย
ด้านในจะได้เครื่องปรับอากาศแบบ Concealed Type ระบบ VRV เช่นเดิมครับ และมีแนวทางเดินเข้าไปยังพื้นที่ด้านใน
เป็นแนวทางเดินค่อนข้างกว้างครับ ด้านในสุดจะเป็นประตูที่เชื่อมไปยังถึงทางเดินของชั้นบน ข้อดีคือช่วยให้สามารถเข้าออกได้หลายทาง แยกความเป็นส่วนตัวได้ง่ายและสะดวกแก่การใช้งาน ด้านข้างฝั่งซ้ายมือคือห้องน้ำ และด้านขวาคือส่วน Walk-in Closet แยกส่วน ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี
เป็นพื้นที่ที่ Built-in มาให้แบบนี้เลยครับ จะได้เป็นชั้นแขวนเสื้อผ้า วางรองเท้าและกระเป๋าจากพื้นถึงฝ้า เก็บของได้เป็นตัว L และมีพื้นที่สำหรับเข้าไปยืนหมุนตัวเลือกชุดได้สบาย ๆ
ด้านข้างอีกฝั่งจะเป็นห้อง Master Bathroom ของห้องนี้ครับ บอกเลยว่าไม่ธรรมดา
เป็นห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยวัสดุเหมือนห้องน้ำด้านล่าง แต่จะโดดเด่นกว่าตรงที่มีอ่างอาบน้ำแบบ Standing free ของ I-Spa มาให้ด้วยและขนาดพื้นที่ภายในก็ค่อนข้างกว้างเลยครับ ใช้งานพร้อมกันได้ทีละ 2 คนสบาย ๆ
แยกสัดส่วนพื้นที่ภายในได้เป็นอย่างดี ทั้งส่วนเปียกส่วนแห้ง และโถสุขภัณฑ์เข้ามุม
อ่างล้างหน้า Top Counter เป็น Imported marble หินจริง ชื่อลาย Black Emperador มาพร้อม กระจกเงาขนาดใหญ่ที่เปิดได้เช่นเดิม และอ่างล้างหน้าของแบรนด์ Villeroy & Boch
จะเป็นอ่าง Standing free ของ I-Spa ที่ตั้งเข้ามุม ไม่อึดอัดครับ
ด้านในจะเป็นโถสุขภัณฑ์ของแบรนด์ Villeroy & Boch แบบเข้ามุมมาพร้อมอุปกรณ์ชำระล้าง ส่วนด้านข้างจะเป็นส่วนอาบน้ำที่ได้ฉากกั้นอาบน้ำแบบเปิดออก 2 ด้าน ช่วยให้เปิดได้กว้างกว่าเดิม ภายในจะได้ Hand Shower และ Rain shower ของแบรนด์ Gessi รุ่น Emporio ที่มีระบบ thermostat ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิขณะอาบน้ำไว้ให้ด้วย
ห้องเปล่า
ห้องเปล่าจะเห็นถึงความโล่งของพื้นที่ภายในอย่างชัดเจนเลยครับ ในส่วนของ Living Room ที่เป็นพื้นที่กลางบ้าน รวมไว้ทั้งส่วนของห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถเลือกจัดได้หลากหลายนะครับ อาจจะวางเป็นชุดโต๊ะรับประทานอาหารไว้ด้านในแทนก็ยังได้เลย
ห้อง Duplex ขนาด 97 ตร.ม. แบบที่ขายกันปกติจะเป็นห้องเปล่าที่มีรูปแบบการขายแบบ Fully Fitted นะครับ โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 19.9 ล้านบาท พื้นที่ภายในโล่งกว้างและสามารถจัดได้หลากหลาย มีการแบ่งพื้นที่ในแต่ละส่วนอย่างชัดเจนเลย
พื้นที่ส่วนกลาง
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางที่ผมจะพาทุกคนมาชมในบทความนี้ เป็นการอัพเดทให้เห็นสภาพในปัจจุบัน และจะนำมาเฉพาะบางส่วนที่ไม่ได้มีในรีวิวตึกเสร็จฉบับที่แล้วนะครับ สำหรับใครที่อยากเห็นบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดพร้อมบทวิเคราะห์อย่างละเอียด ก็สามารถคลิกอ่าน >>> รีวิวตึกเสร็จ LAVIQ สุขุมวิท 57 คอนโด High Rise ใกล้ BTS ทองหล่อ 270 เมตร จาก Real Asset [รีวิวฉบับที่ 1972] ได้เลยครับ
ส่วนแรกคือจะเป็นสวนด้านหน้าโครงการที่ชั้น 1 ซึ่งในช่วงที่ทำรีวิวตึกเสร็จฉบับที่แล้ว พื้นที่บริเวณนี้ยังไม่เสร็จดีนะครับ ซึ่งปัจจุบันก็สร้างเสร็จพร้อมใช้งาน แถมต้นไม้ต่าง ๆ ก็เติบโตออกกิ่งก้านให้ร่มเงาในพื้นที่ได้ร่มรื่นเลยครับ พื้นที่ส่วนนี้นอกจากจะเป็นสวนไว้สำหรับนั่งเล่นและพักผ่อนแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่รับสายตาสำหรับเข้าออก และทำหน้าที่เป็น Transition Space ระหว่างบรรยากาศของถนนภายนอกที่คึกคักของย่านทองหล่อ กับพื้นที่ภายในโครงการที่ร่มรื่นและเงียบสงบด้วยครับ
จะมีแนวทางเดินให้เดินเล่นออกกำลังกายสูดอากาศกันได้เต็มที่ มีการนำ Soft Scape อย่างแนวสนามหญ้า น้ำพุ และพุ่มไม้ ผสมผสานไปกับ Hard Scape อย่างแนวทางเดินที่โรยหินกรวดด้านข้าง
เป็นสวนที่ออกแบบโดยใช้รูปทรงเลขาคณิต เข้าใจได้ง่ายและใช้พื้นที่ได้สะดวกครับ เชื่อมต่อกันได้หลายจุด แต่ก็ยังแยกออกเป็นแต่ละมุมเพื่อแบ่งการใช้งานกันได้
ด้านในจะมีแนวที่นั่งท่ามกลางต้นไม้และน้ำพุช่วยสร้าง Movement และบรรยากาศ ปัจจุบันผมไปนั่งเล่นตอนกลางวันก็ไม่ได้รู้สึกร้อนนักนะครับ เพราะมีร่มเงาให้นั่งเล่นได้หลายจุดเลย คิดว่าสักบ่ายแก่ ๆ ก็สามารถลงมานั่งเล่น ถ่ายรูปกันสวย ๆ ได้เลย
ด้านในใต้อาคารจะมีพื้นที่ Semi-Outdoor ก่อนเข้าถึงตัวอาคารอีกจุด สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนใต้ชายคารับบรรยากาศสวนภายนอกในส่วนนี้ได้
เข้ามาด้านในจะเป็นส่วนของ Lobby ห้องโถงสูง 5.80 เมตร ที่บมีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Fendi Casa ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในพื้นที่ส่วนกลางก็มาจากแบรนด์นี้ครับ โดยพื้นที่นี้จะเป็นพื้นที่ที่มีพนักงานต้อนรับอยู่และเป็นตัวแจกไปยังห้อง Library & Meeting room และ Lobby Lounge เชื่อมไปยังโถงลิฟต์ต่อไป
ข้ามมาที่ชั้น 6 ผมยกพื้นที่ส่วนนี้มาให้ชมกันชัด ๆ เพราะเป็นหนึ่งในวิวหลักของห้อง Duplex ของเราครับ จะเป็นพื้นที่ Sculptural Garden ที่เป็นสวนหย่อมเล่นระดับมีน้ำไหลผ่านให้บรรยากาศผ่อนคลาย ซึ่งปัจจุบันต้นไม้ก็แผ่นกิ่งก้านอย่างร่มรื่น เหมาะที่จะเป็นพื้นที่พักผ่อนที่ร่มรื่นและน่ามานั่งเล่นช่วงเช้า ๆ หรือตอนเย็นอากาศดี ๆ ก็ได้ครับ
โดยแนวห้อง Duplex ของเราจะอยู่หัวมุมจุดนี้ครับ ยาวตามแนวอาคารขึ้นไปจนถึงชั้น 27 เลย ซึ่งตัว Scaulture ของที่นี่จะล้อมาจากตัวรูปทรงของทางเข้าโครงการที่เป็นรูปทรง infinity ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากความพริ้วไหวของผ้าพันคอของ Fendi Casa ครับ
จะมีม่านน้ำให้บรรยากาศในช่วยต้นครับ ช่วยสร้างความเคลื่อนไหวให้กับพื้นที่นี้ให้ดูไม่น่าเบื่อ
ด้านในจะเป็นพื้นที่ร่มรื่นแยกออกเป็นจุดนั่งพักผ่อนในหลาย ๆ ส่วน
มีมุมที่แยกเป็นส่วนตัวท่ามกลางร่มไม้ให้นั่งเล่นด้วย
ส่วนด้านในจะมีแนวม่านน้ำอีกจุดครับ ลดระดับไปยังพื้นที่ริมอาคาร ภายในสวนมีที่นั่งมาให้แยกเป็นสัดส่วน มองเห็นวิวทางถนนสุขุมวิท และสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ มาพร้อม Sculptural อีกจุดที่เป็นจุดที่แสดงให้พื้นที่ภายนอกเห็นถึงเอกลักษณ์ของโครงการครับ
จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นอีกรูปแบบ
ขึ้นมาที่ชั้น 29 ประกอบด้วย Infinity-Edge swimming pool รูปตัว L ยาว 36 เมตร มีระยะที่สามารถว่ายออกกำลังกายได้ประมาณ 24 เมตร แบ่งเป็น Kid’s Pool, Shallow Pool และ Jacuzzi Pool ด้านข้างสระมีที่นั่ง Chilling area ที่ตอนทำรีวิวครั้งที่แล้วยังไม่ได้จัดมาไว้ให้นะครับ นอกจากนั้นก็มี Pool Deck และ Sky Deck สำหรับนั่งชมวิวเมือง ส่วนอื่น ๆ จะมีพื้นที่ Kid Rock Climbing, Steam room, Pantry Terrace และ Social Club มีทางเดินเชื่อมถึงกันได้รอบ
เดินขึ้นบันไดวนมาที่ชั้น 30 จะเจอกับพื้นที่ Pool Balcony หรือแนวระเบียงที่เป็นส่วนต้อนรับภายนอก ไว้ใช้สำหรับนั่งรับวิวภายนอกในส่วนนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทางโครงการเติมเข้ามาให้ในภายหลังนะครับ นอกจากนั้นด้านในจะมีห้อง Fitness Studio & Bike Simulator, Yoga Room ถัดมาเป็นพื้นที่ Golf Simulator และ Executive Lounge & Meeting room
ด้านข้างจะมีพื้นที่เหมือนเป็น Semi-outdoor ที่เป็นส่วนนั่งเล่น สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มมานั่งเล่นได้ ด้านข้างยังมีตู้เย็นสำหรับแช่เครื่องดื่ม และเคาน์เตอร์บาร์มาให้ด้วย ให้อารมณ์เหมือนเป็น Pool Bar เลยครับ
มองลงไปเห็นวิวสระว่ายน้ำด้านล่างและพื้นที่โล่ง เป็นวิวที่สวยไม่น้อยเลยครับ แถมยังได้ลมพัดเย็นตลอด น่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลาย ๆ คนเลย
พื้นที่ส่วนกลางส่วนอื่น ๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้จากรีวิวตึกเสร็จนะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 ตุลาคม 2564
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 42 – 45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท (Promotion ถึงสิ้นปี)
- ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 79 – 91 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท
- ห้อง 3 Bedrooms ขนาด 115 – 144 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 24.9 ล้านบาท
- ห้อง Duplex ขนาด 97 ตร.ม. (ห้องเปล่า Fully Fitted) ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท
- ห้อง Duplex ขนาด 97 ตร.ม. (ห้องตัวอย่าง Fully Furnished) ราคา 26.67 ล้านบาท
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 เมตร / 6.2 เมตร ในส่วน Double Volume
- Kitchen & Sink / ท็อปหิน Quatz
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Kuppersbusch
- ค่าจอง 70,000 – 100,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 250,000 บาท
- ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 80 บาท/ตร.ม./เดือน
บทสรุปส่งท้าย
ถ้ารวมกันกับรายการวีดีโอด้วย ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วนะครับสำหรับ thinkofliving ที่ได้มาเยือนโครงการ Laviq Sukhumvit 57 แห่งนี้ ซึ่งก็ยังคงจุดเด่นและเอกลักษณ์ของโครงการไว้เป็นอย่างดีเช่นเดิม ทั้งเรื่องของความเงียบสงบในซอยสุขุมวิท 57, พื้นที่จอดรถ 100%, สไตล์ในการออกแบบที่โดดเด่นของโครงการ หรือการเลือกใช้วัสดุคุณภาพในแต่ละส่วน นอกจากนั้นยังมีอีกหลายส่วนที่ดีขึ้นจากเดิมด้วยซ้ำ เช่น ระยะห่างจาก BTS ทองหล่อที่ใกล้ขึ้นเหลือเพียง 100 เมตร (มีทางขึ้นลงสร้างใหม่ที่หน้าปากซอยสุขุมวิท 57) และพื้นที่ส่วนกลางในหลาย ๆ ส่วนที่ทางโครงการเพิ่มขึ้นมาให้ในภายหลัง เป็นต้น ดังนั้นในแง่ของตัวโครงการก็คงไม่ต้องพูดซ้ำกันแล้วนะครับว่าโครงการนี้มีความน่าสนใจตรงไหน
และถ้าหากจะพูดถึงในแง่ของห้องพักอาศัย ที่วันนี้ผมพาทุกคนมาชมห้อง Duplex ที่จัดเป็น Rare Item ของที่นี่ ให้เห็นทั้งห้องตัวอย่างที่ออกแบบมาในสไตล์ Art Deco ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์และ Built-in ภายในมาให้พร้อมเข้าอยู่ และห้องเปล่าแบบ Fully Fitted โดยเมื่อเทียบกับรูปแบบห้องประเภทเดียวกันในย่านนี้ โครงการนี้ก็จัดว่าให้วัสดุที่ค่อนข้างดูดีกว่ามาตรฐาน มีระยะฝ้าเพดานที่ 6.2 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่สูงกว่าโครงการใกล้เคียงในย่านนี้ และได้ความโปร่งโล่งด้วยช่องแสงกระจก Full Height แผ่นใหญ่จากพื้นถึงฝ้าเลย (ไม่มีส่วนโครงสร้างมากั้น) แถมยังมีราคาที่สามารถจับต้องได้ไม่ยาก
ดังนั้นจึงจะเหมาะกับครอบครัวขนาด เล็ก-กลาง ที่อยากได้ห้อง Duplex 2 ชั้น ที่ทำให้บรรยากาศภายในรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากกว่าคอนโดในย่านทองหล่อแห่งนี้ สามารถเลือกเดินทางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่ให้พื้นที่จอดรถแบบ Conventional มา 2 คัน หรือจะไปใช้รถไฟฟ้าในระยะเดินเพียง 100 เมตร พื้นที่ภายในที่จัดเป็นสัดส่วน เน้นการเปิดรับช่องแสงกว้างและได้วิวโล่ง 2 ทิศ พร้อมวัสดุนำเข้าจากต่างประเทศที่มีคุณภาพครับ ซึ่งหากใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปชมห้องตัวอย่างที่โครงการได้ตั้งแต่วันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไปนะครับ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc