รีวิวตึกเสร็จ Park Origin ราชเทวี คอนโดห้องฝ้าเพดานสูง ติดถนนเพชรบุรี ใกล้รถไฟฟ้า พร้อม Auto Parking 100% จาก Origin [รีวิวฉบับที่ 2481]

PARK ORIGIN RATCHATHEWI (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) ณ วันที่ 6 มกราคม 2566

ค้นหายูนิตราคาพิเศษ โครงการ PARK ORIGIN RATCHATHEWI (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) ที่มีขายในตอนนี้ คลิกที่นี่

พิกัด Google Maps : 13.7544698, 100.5288454
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่ 

แผนที่จากทางโครงการ พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี ค่ะ

สำหรับทำเล “ราชเทวี” เป็นหนึ่งในทำเลยอดฮิตของคอนโดมิเนียมเลยก็ว่าได้ เนื่องจากต้องบอกว่าทำเลนี้เป็นทำเลที่อยู่ “ใกล้สยาม” ซึ่งทำเลสยามเองมีโครงการคอนโดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะถูกพัฒนาพื้นที่ไปเป็นรูปแบบ Commercial เกือบทั้งหมด ดังนั้นใครอยากอยู่โดยอิงทำเลใจกลางอย่างสยามเป็นหลักก็ต้องขยับออกมาโซนราชเทวี เพราะห่างจากสยามเพียงสถานีเดียว

ซึ่งปัจจุบันคอนโดที่ใกล้ BTS ราชเทวี ที่ยังมีขายอยู่ ก็มีให้เลือกอยู่หลายโครงการเลย ซึ่งสำหรับห้องแบบปกติราคาเริ่มต้นก็สูงถึง 7 ล้านกว่าไปแล้ว  ซึ่งเรามองว่า Park Origin ราชเทวี (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) ที่ขายเป็นห้องฝ้าเพดานสูงทั้งหมดในราคาเริ่ม 8.99 ล้าน ก็ดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเพิ่มเงินอีกล้านกว่าบาทก็จะได้ห้องฝ้าเพดานสูง โปร่งโล่ง Feel บ้านมากกว่าค่ะ

Park Origin ราชเทวี (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) ตั้งอยู่ติดถนนเพชรบุรีฝั่งมุ่งหน้าไปประตูน้ำ ใกล้แยกราชเทวี ซึ่งฝั่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแนวราบ และอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น จะไม่มีคอนโดตึกสูงเลยนะคะ จะมีเพียงอาคารสำนักงานบริเวณใกล้แยกราชเทวีซึ่งห่างออกไป ทำให้ฝั่งนี้ได้เปรียบเรื่องวิวที่ค่อนข้างโล่งทีเดียว

การเดินทางโดยใช้รถ ขับเข้าเมืองได้ง่าย ถ้าจะไปย่านประตูน้ำ ก็ขับขึ้นสะพานข้ามแยกราชเทวีได้เลย ไม่ต้องเสียเวลารอไฟแดง หรือถ้าใครจะไปแถวสยาม หรือพญาไท ก็เลี้ยวที่แยกราชเทวีได้ ส่วนการเดินทางมาโครงการถ้ามาจากถนนพระราม 1 แนะนำให้ใช้ถนนบรรทัดทอง เนื่องจากเป็นแยกที่เลี้ยวขวาไปโครงการได้ แต่ถ้ามาจากแยกราชเทวี จะต้องกลับรถไกลหน่อยนะคะ

ทางด่วน ตัวช่วยในการเดินทางที่ใกล้สุดคือทางพิเศษศรีรัช โดยจุดขึ้น-ลง ทางด่วน ที่ใกล้สุดคือ ด่านยมราช สามารถใช้ไปได้ทั้ง “ดินแดน,พระราม 9-แจ้งวัฒนะ” และ “บางนา-ดาวคะนอง” ทำให้มีตัวเลือกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วเราได้เปรียบเรื่องตำแหน่งที่ตั้งมากกว่าโครงการในทำเลนี้นะคะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถือว่าสะดวกสบาย เป็นโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้า โดยปัจจุบันที่ใกล้สุดคือ BTS ราชเทวี ประมาณ 400 ม. ซึ่งเดินได้สบายแต่สำหรับในอนาคตจะใกล้กับ MRT ราชเทวีที่สุด แต่รถไฟฟ้าเส้นนี้ปัจจุบันยังไม่เริ่มสร้างเลยนะคะ ซึ่งตรงนี้อาจจะใช้เวลานานหลายปีก็เป็นได้ค่ะ ส่วนรถสาธารณะอื่นๆก็ใช้ได้สะดวกเพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อย่างถนนเพชรบุรี ซึ่งคึกคักตลอดวัน ทำให้เรียกใช้บริการรถ Taxi, พี่วินมอเตอร์ไซค์ ได้ที่หน้าโครงการเลยค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์ เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งย่านราชเทวีนี้ก็จะมีทั้ง คาเฟ่ Hostel คูลๆ อยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีแหล่ง Hang out ในเวลาค่ำคืน อย่าง CoCo Walk, Heap เป็นต้น นอกจากนั้นอีกจุดเด่นของย่านราชเทวี คือ ใกล้สยาม หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ห่างเพียงสถานีเดียว แต่ใครที่ชอบเดินหน่อยก็สามารถเดินได้ค่ะ จากโครงการเดินไป เดินไป Siam Discovery ประมาณ 1 กม. หรือ 15 นาที ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว

สำหรับ ‘สยาม’ ถือเป็นย่านที่มีความอุดมสมบูรณ์ และความคึกคักสูงสุด ใจกลางเมือง เต็มไปด้วยศูนย์การค้า เรียงกันมาตั้งแต่ Central World จนมาถึง MBK รวมกันตลอดถนนพระราม 1 ก็มีถึง 5 ศูนย์การค้า นอกจากนั้นยังมี Lifestyle Mall ที่รวมร้านอาหาร หรือจะเป็นร้าน Stand Alone อีกมากมายโดยรอบ อีกทั้งเป็นแหล่งสถานศึกษาใกล้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และโรงเรียนสาธิตจุฬา

นอกจากนั้นที่ตั้งโครงการยังใกล้กับย่านพญาไท ที่มีทั้งโรงเรียนกวดวิชา อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม เรียงรายกันไปตลอดทั้งแนว รวมถึงเป็นจุด Interchange กับ Airport Link ทำให้มีคนในย่านนี้ค่อนข้างเยอะ ความอุดมสมบูรณ์สูง  นอกจากนั้นก็ไม่ไกลจากประตูน้ำ ซึ่งเป็นอีกซนที่คึกคักตลอด เป็นแหล่ง shopping ที่มีห้างขายส่งเสื้อผ้าดังอย่าง Platinum, Paladium และแหล่งซื้อขายอุปกรณ์ IT อย่าง ห้างพันธุ์ทิพย์อีกด้วย

เส้นทางการเดินทาง

การเดินทางวันนี้จะเริ่มจาก BTS ราชเทวีทางออก 3 จากนั้นข้ามแยกราชเทวี แล้วเดินต่อไปก็ถึงโครงการแล้วค่ะ ส่วนบรรยากาศและสภาพแวดล้อมโดยรอบ จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

สภาพแวดล้อมโครงการ พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวีโดยรอบส่วนใหญ่เป็นอาคารแนวราบ จะมีเฉพาะทางทิศใต้ซึ่งติดถนนเพชรบุรีที่ฝั่งตรงข้ามจะมีอาคารสูงอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะที่ประชิดจนเกินไป อยู่ห่างออกไปประมาณ 80 เมตร ซึ่งห้องพักอาศัยที่นี่เริ่มต้นที่ชั้น 19 เป็นต้นไป ทำให้ไม่มีห้องไหนโดนบังวิวในระยะประชิดเลย ได้ความเป็นส่วนตัวดีทีเดียวนะ

ทิศเหนือ : ติดกับ บ้านพักอาศัยแนวราบ
ทิศใต้ : ติดกับ ถนนเพชรบุรี ฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโดสูง 38 ชั้น
ทิศตะวันออก : ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น และ บ้านพักอาศัยแนวราบ
ทิศตะวันตก : ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น และ บ้านพักอาศัยแนวราบ

ภาพวิวรอบๆโครงกาารจากชั้น 40

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

• Siam Paragon ~ 1.5 กม.
• Central World ~ 1.6 กม.
• เกษร วิลเลจ ~ 1.9 กม.
• Central Chidlom ~ 2.1 กม.
• Central Embrassy ~ 2.4 กม.

โรงพยาบาล

• โรงพยาบาลพญาไท ~ 1.2 กม.
• โรงพยาบาลมิชชั่น ~ 1.4 กม.
• BDMS Wellness Center ~ 2.6 กม.
• โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ~ 3.2 กม.
• โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ~ 3.3 กม.

สถานศึกษา

• อาคารวรรณสรณ์ ~ 750 ม.
• โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ~ 1.5 กม.
• จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ~ 1.5 กม.
• โรงเรียน มาแตร์ เดอี ~ 2.1 กม.

Park Origin ราชเทวี (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) เป็นคอนโด High Rise จาก Origin ภายใต้แบรนด์  “Park Origin ” ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับ Luxury ที่ส่วนใหญ่มีราคาต่อตารางเมตรมากกว่า 200,000 บาท จับกลุ่มลูกค้า Hi-End ทำเลใจกลางเมือง อย่างพร้อมพงษ์ พญาไท ทองหล่อ ราชเทวี จุฬา-สามย่าน และใกล้รถไฟฟ้าเดินทางได้สะดวก แบบห้องมีให้เลือกหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบ Duo Space หรือห้องฝ้าเพดานสูง และอีกจุดเด่นหนึ่งคือการให้พื้นที่สวน+ส่วนกลางค่อนข้างเยอะเลยค่ะ

Park Origin ราชเทวี (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) ตั้งอยู่บนทำเลราชเทวี ใกล้สยาม และรถไฟฟ้า โดยปัจจุบันที่ใกล้สุดคือ BTS ราชเทวี 400 เมตร เป็นคอนโด High Rise สูง 41 ชั้น ในจำนวนห้องพักอาศัยที่ไม่เยอะ 264 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนดี พร้อมที่จอดรถที่จัดมาให้เป็น Auto Parking 100%  พร้อมส่วนกลางหลากหลาย และ Sky Facilities ที่เมื่อเทียบกับจำนวนห้องพักอาศัยแล้วถือว่าให้มาเยอะทีเดียว อีกทั้งส่วนกลางยังดีไซน์ออกมาได้หรูหราน่าใช้งาน นอกจากนี้ยังออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Private Living Oasis’ ที่ออกแบบให้มีจำนวนยูนิตไม่มาก เพื่อความเป็นส่วนตัว เน้นให้มีพื้นที่สีเขียวหลายจุด รวมถึงมีการออกแบบอาคารโดยใช้เส้นโค้งต่างๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นสายของธรรมชาติ

การจัดฟังก์ชันในอาคาร พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี พื้นที่ส่วนกลางหลักจะแยกกับส่วนพักอาศัยชัดเจน ดูแลจัดการได้ง่ายและได้ความเป็นส่วนตัว โดยชั้นส่วนกลางจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยที่ชั้น 1-2 จะเป็นพื้นที่ส่วนต้อนรับ และส่วน Support การทำงาน และการประชุม ซึ่งในสองคันนี้สามารถเชื่อมต่อกันได้โดยบันไดใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี และที่ชั้น 39, 40 และชั้นดาดฟ้า เป็นพื้นที่ส่วนกลางหลัก แบบ Sky Facilities ที่สามารถรับวิวมุมสูงได้ทุกฟังก์ชัน ส่วนชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 19-38 ได้วิวมุมสูงทั้งหมด และจะมีชั้นพิเศษที่ชั้น 41 เฉพาะห้อง Penthouse ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Sky Facilities ได้ด้วยบันไดเลย ดังนี้

• ชั้น 1
  The Grand Lobby
  Waiting Lounge for automatic parking
  Gin cafe
  Smart Mailbox
  Smart Locker
  Garden Yard Pavilion
• ชั้น 2
  Business Lounge
  Private Meeting Room (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
  Juristic
  Privilege Quarters
• ชั้น 19-38 : ชั้นพักอาศัย
• ชั้น 39 
  Starry Lounge
  Wine Bar
  Private Dining Lounge (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
  Social Club
  Sky Private Theater (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
  Spa (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
• ชั้น 40
  Panoramic Sky Fitness ห้องออกกำลังกายใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง
  Yoga Studio
  Virtual Bike
  Lava Onsen (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
  Sky Pool ระบบเกลือ ขนาด 5×20 ลึก 1.2 เมตร
  Endless Pool
  Sunset Amphitheater
• ชั้น 41 : ชั้นพักอาศัย Penthouse
• ชั้น ดาดฟ้า (Roof และ Top Roof)
  Rooftop Forest trail
  Sky Pavilion
  Rooftop Tree top walk
  The Cliff Panorama

Master Plan ของ พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี ตัวอาคารจะมีระยะร่นจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 50 เมตร ซึ่งมีข้อดีคือช่วยให้ตัวอาคารจะมีระยะห่างจากถนนระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันมลภาวะทางฝุ่นและเสียงที่จะมาพร้อมกับถนนใหญ่ ส่วนทางเข้าออกโครงการมีทางเดียว เมื่อเลี้ยวเข้ามาแล้วจะเจอกับป้อม รปภ. ด้านซ้ายมือก่อน ทางเดินรถภายในโครงการเป็น One Way วนรอบอาคาร เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน หากเป็น Visitor จะ Drop ส่งลูกบ้านบริเวณทางเข้าอาคารก่อน แล้วจึงวนรอบอาคารออกไป ส่วนลูกบ้านที่จอด Auto Parking ก็สามารถเดินเข้า Lobby ได้จากที่จอดเลย สะดวกดีทีเดียวค่ะ

เมื่อเข้ามาภายในอาคาร จะเจอกับ  The Grand Lobby ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับ Waiting Lounge พร้อมมี Gin cafe ให้บริการเครื่องดื่มต่างๆด้วย  ส่วนโถงลิฟต์ จากการแยกชัดเจน เป็นสัดส่วนเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน นอกจากนั้นที่ The Grand Lobby นี้จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางชั้น 2 ที่เป็นพื้นที่ทำงาน และห้องประชุม ได้ด้วยบันไดเลย ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี

เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับป้อม รปภ. ด้านซ้ายมือก่อน ส่วนระบบการเข้าออก ใช้ Keycard Access ระยะไกล (Easy Pass) ที่ไม่ต้องลดกระจกลงมา อีกทั้งมีประตูบานเลื่อน ที่ปิดเฉพาะตอนกลางคืนด้วย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น และอย่างที่บอกไป ตัวอาคารจะตั้งห่างจากถนนเพชรบุรีพอสมควรเลย เพื่อลดมลภาวะทางฝุ่นและเสียง อีกทั้งระยะร่นตรงนี้ทางโครงการได้จัดเป็นสวน และน้ำพุ เพิ่มความร่มรื่นให้กับบรรยากาศด้านหน้าโครงการได้ดี

ทางเข้าสำหรับคนเดินแยกกับถนนทางเข้าชัดเจน คั่นด้วยสวนหย่อมเล็กๆ ตลอดแนว ช่วยให้คนที่เดินเข้าออกได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ถนนทางเข้าช่วงแรกเป็นแบบ สวนกันจะค่อนข้างกว้างเลย ส่วนถนนด้านในจะ เป็น One Way วนซ้ายรอบอาคารค่ะ แต่หากเดินเข้ามาก็สามารถตรงเข้าสู่ Lobby ประตูด้านหน้านี้เลย

เมื่อเลี้ยวเข้ามาจะเจอกับหน้าจอแสดงสถานะช่องจอด auto parking ทั้งสามช่อง ให้เห็นว่าช่องจอดรถ SUV หรือ Sedan ช่องไหนว่างอยู่หรือเต็มแล้วบ้าง สะดวกดีเลยนะคะ

ถัดเข้ามาอีกหน่อยจะมี Garden Yard Pavilion ออกแบบ ไว้เป็นมุมนั่งเล่นใต้ร่มไม้ อยู่บริเวณ ด้านหน้า auto parking มานั่งคอยรถที่บริเวณนี้ได้นะ

เมื่อขับเข้ามาแล้วจะ auto parking โดยรถที่เข้าจอดได้จะต้องมีระยะความสูงไม่เกิน 2.1 เมตรค่ะ ซึ่งรถมาตรฐานทั่วๆไปก็ใช้ได้ทั้งหมดค่ะ นอกจากนั้น ภายในโครงการยังมี EV charger รองรับรถไฟฟ้าอยู่ 2 จุดอีกด้วย

Auto parking จำนวน 3 ช่องจอด ซึ่งเป็นแบบที่รองรับได้ทั้ง รถ Sedan และ SUV เลยค่ะ เมื่อนำรถเข้าจอดเรียบร้อยแล้วสามารถเดินเข้า Lobby ได้ทางประตูขวามือนี้เลยซึ่งเข้าออกโดยใช้ได้ทั้ง Keycard Access และ Face Scan

ประตูทางเข้าออกแบบโดยใช้ วัสดุปิดผิวลายหินสีเข้ม มีการดีไซน์ Facade เป็น Fin concrete ลดระดับดูน่าสนใจดีทีเดียว

ประตูทางเข้าหลักมี Canopy เล็กๆ อยู่ด้วย กรณีขับรถมา Drop ส่งลูกบ้านก็สามารถกันแดด กันฝน ได้ระดับหนึ่งค่ะ ส่วนตัวประตูทางเข้าหลักเป็น ประตูกระจกอัตโนมัติ ด้านข้างมีจุด Keycard Access / Face Scan

เมื่อเข้ามาภายในอาคารจะเจอกับส่วน The Grand Lobby ที่สูงแบบ Super high ceiling ในแง่การดีไซน์ มีการใช้หินอ่อนที่พื้น และตกแต่งด้วยหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ผนัง รวมถึงมีไฟซ่อนตามจุดต่างๆ ดู Luxury เป็นหน้าเป็นตาให้กับผู้อยู่อาศัยได้ดีทีเดียว ซึ่งบริเวณนี้จะมีเคาน์เตอร์ให้บริการ อยู่ด้วย

อีกจุดเด่นหนึ่งของโครงการที่นี่ก็คือการบริการแบบ Concierge service ที่ให้บริการอำนวยความสะดวกต่อลูกบ้านทั้ง Booking ห้องส่วนกลางต่างๆ อย่าง Spa Room,  Private Dining Lounge, Lava Onsen เป็นต้น  รวมถึงแนะนำผู้ให้บริการด้านต่างๆ ที่สามารถเรียกใช้บริการกันได้ถึงที่โครงการเลย อีกทั้งยังให้บริการในการ จองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ร้านอาหารต่างๆ รวมถึงการบริการอื่นๆ อีกมากมายได้อีกด้วยค่ะ และที่สำคัญยังสามารถติดต่อกับ Concierge service ผ่าน Official LINE ได้ด้วย เรียกได้ว่าสะดวกสบายมากทีเดียวค่ะ

เมื่อเข้ามาด้านซ้ายมือจะมีชุดโซฟารับแขกขนาดใหญ่รองรับอยู่ ส่วนประตูด้านขวาจะเป็นโถงบันไดเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางชั้น 2 ที่เป็นพื้นที่ทำงาน และห้องประชุมได้ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกันดีกับส่วนนี้เลยค่ะ

The Grand Lobby อยู่บริเวณเดียวกับ Waiting Lounge สำหรับคนที่รอเรียกรถ ซึ่ง สามารถเรียกรถได้จากตรงนี้เลย ผ่านหน้าจอควบคุมด้านข้าง พร้อมมี Gin cafe ให้บริการเครื่องดื่มต่างๆด้วย ส่วนซ้ายมือสุดจะเป็น Corridor ที่เชื่อมต่อกับโถงลิฟต์ และ Auto parking ได้ค่ะ

Waiting Lounge for automatic parking อยู่บริเวณใกล้กับหน้าจอควบคุม automatic parking เลย ด้านข้างมี Gin cafe ที่คอยให้บริการเครื่องดื่มและขนมอยู่ด้วยค่ะ สามารถเลือกซื้อระหว่างรอรถได้สะดวกดีเลยนะ

Gin cafe ออกแบบไว้ให้เป็นมุมริมหน้าต่างกระจกสูงเต็มบานดูปลอดโปร่ง ภายในมีบาร์เครื่องดื่มที่ออกแบบมาได้สวยงาม บวกกับภายในมีบันไดวนอยู่ตรงกลางดูโดดเด่นมากทีเดียว ภายในมีการจัดเป็นชุดที่นั่งไว้ 3 จุด แต่สำหรับใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวหน่อย สามารถเดินขึ้นบันไดวนไปนั่งที่ชั้นลอยได้

เมื่อเดินขึ้นบันไดวนมาแล้วด้านบนเป็นพื้นที่แบบชั้นลอย จัดเป็นที่นั่งเล็กๆริมหน้าต่างหลายจุด ซึ่งจากบริเวณนี้มองเข้าไปในโถง Lobby ดูสวยงาม น่ามานั่งเล่นอ่านหนังสือ ได้บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ

มาต่อกันที่ Corridor ด้านในกันบ้าง ด้านซ้ายมือจะเป็น Smart Locker ถัดเข้าไปจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิง ส่วนด้านขวามือจะเป็นโถงลิฟต์ และ Smart Mailbox

ซ้ายมือเป็นห้องน้ำแยกชาย -หญิง ภายในเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room มีเฉพาะอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ

เมื่อผ่านเข้าประตูโถงลิฟต์มา เราจะเจอกับส่วนของ Smart Mailbox แยกซ้ายขวา ซึ่งตัว  Mail Box ดีไซน์ออกมาโดยใช้ หน้าบานเป็นวัสดุ Copper ทั้งหมดพร้อมมีไฟซ่อนด้านล่าง ดูดีทีเดียว ซึ่งการจัดให้ Mail Room อยู่ในตำแหน่งนี้มีข้อดีคือ เราสามารถเช็กจดหมายต่างๆก่อนขึ้นห้องพักอาศัยได้สะดวกเลย

ทางโครงการ พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี จัดลิฟต์โดยสาร ไว้ให้ 2 ตัว  ซึ่งอัตราส่วนอยู่ที่ 132 : 1  ถือว่าแออัดพอสมควร แต่เนื่องด้วยโครงการใช้ ลิฟต์ความเร็วสูงจาก Jardine Schindler ก็ช่วยให้เร็วมากขึ้น ไม่ต้องรอนานนัก

ชั้น 2 จะประกอบไปด้วยส่วนกลางที่รองรับการทำงานอย่าง Business Lounge และ Private Meeting Room  ซึ่งชั้นนี้จะสามารถเชื่อมต่อกับล็อบบี้ได้ด้วยบันไดเลยสะดวกกรณีมีแขกที่ต้องการพบปะพูดคุยก็สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย นอกจากนั้นชั้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ฝ่ายนิติบุคคลและช่างอาคาร อีกด้วยสามารถเรียกใช้บริการกันได้ที่ชั้นนี้เลยค่ะ

เมื่อขึ้นมาแล้วจะเจอกับโถงกลาง ซ้ายมือจะเป็นบันไดเชื่อมต่อกับ Lobby ได้เลย  ส่วนขวามือจะเป็นโถงลิฟต์ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางต่างๆจะมี Corridoor แยกอยู่ด้านในสุดเลยค่ะ  ส่วนออกแบบชั้นนี้ ยังคง ใช้พื้นหินอ่อนโทนสีขาวและผนังศรีสว่างตัดกับวัสดุบานกรอบสี Copper ดูสวยงามหรูหราดีทีเดียว

ซ้ายมือห้องแรกจะเป็น Business Lounge เข้าไปด้านในเป็น Private Meeting Room ส่วนห้องทางขวามือจะเป็น Juristic และ Privilege Quarters สามารถติดต่อฝ่ายนิติบุคคลและช่างอาคารได้ที่บริเวณนี้เลยค่ะ

Business Lounge เป็นห้องที่จัดเอาไว้สำหรับ  มานั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือนั่งเล่นพักผ่อนได้ ภายในจัดเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้และโซฟาหลากหลายขนาดสามารถนั่งทำงานเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ได้สบายเลยค่ะ อีกทั้งภายในห้องนี้ยังเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันสดใสดู Active มากยิ่งขึ้น

Private Meeting Room เป็นฟังก์ชันที่ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service ก่อนนะคะ ซึ่งสำหรับส่วนกลางฟังก์ชันที่ต้องจองล่วงหน้าก่อน  ทางโครงการได้ติดตั้ง หน้าจอแสดงสถานะการใช้งานที่หน้าห้องเลยค่ะ สะดวกดีทีเดียวนะ

Private Meeting Room เป็นห้องขนาดใหญ่กั้นแยกด้วยผนังกระจกทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ภายในห้องจัดเป็นชุดโต๊ะประชุมขนาดใหญ่รองรับได้ 6 ที่นั่ง วางขนานไปกับหน้าต่างกระจก ทำให้บริเวณประชุมได้แสงธรรมชาติค่อนข้างดี นอกจากนั้นภายในห้องยังติดตั้งหน้าจอขนาดใหญ่รองรับการ Present งาน หรือการประชุม Conference ได้ค่ะ

ชั้น 39 เป็นชั้นที่รวมเอา ส่วนกลางหลักแบบ Indoor เข้าไว้ด้วยกัน Spa Room, Private Dining Lounge, Wine Bar, Social Club, Sky Private Theater และ Starry Lounge ซึ่งทุกฟังก์ชันจะอยู่ติดริมหน้าต่าง เทควิวได้กว้าง และจะเห็นได้ว่าทางโครงการออกแบบให้พื้นที่ส่วนกลางหันเทควิวเฉพาะด้านที่โล่งเท่านั้น ทิศไหนที่มีอาคารมาบดบังก็จะเป็นส่วน Service ไว้แทน ส่วนการออกแบบพื้นที่ภายใน เน้นใช้เส้นสายที่โค้งดูเป็นธรรมชาติ  ทั้งตัวผนังกระจก พื้นและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ดูจากแปลนแล้วน่าสนใจทีเดียว ส่วนบรรยากาศจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ

เมื่อออกมาจากโถงลิฟต์ ซ้ายมือห้องแรกจะเป็น Spa Room และประตูข้างกันจะเป็นทางเดินไปสู่ห้องน้ำที่รองรับพื้นที่ส่วนกลางชั้นนี้ค่ะ ส่วนฝั่งขวามือจะเป็น Private Dining Lounge, Wine Bar, Social Club, Sky Private Theater และ Starry Lounge

เรามาเริ่มกันที่ Spa Room ก่อนเลยค่ะ เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับโถงเล็กๆ ก่อน ซึ่งมีข้อดีคือเมื่อเปิดมาแล้วจะไม่เห็นเตียงสปาได้ตรงๆ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ

Spa Room เป็นห้องบริการสปาส่วนตัว ที่ลูกบ้าน ต้องทำการ Booking ผ่าน Line official ของ concierge service ก่อนนะคะ ซึ่งตรงนี้เราสามารถติดต่อ Concierge เพื่อให้แนะนำผู้ให้บริการ และนัดหมายให้เราได้เลยค่ะ สะดวกดีเลยนะคะ

ภายในมีเตียงสปา 2 เตียง สามารถมาใช้บริการด้วยกันเป็นคู่ได้  จัดวางในตำแหน่งติดกับประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ มองออกไปเห็นวิวได้กว้าง ได้บรรยากาศดีทีเดียว นอกจากนั้นภายในห้องยังมีชุดโซฟาให้นั่งพักผ่อน พร้อมมีห้องน้ำในตัวครบครันเลยค่ะ

สำหรับห้องน้ำ ห้องในสุดจะเป็น Power room ที่มีเฉพาะโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ และอ่างล้างมือ ส่วนห้องถัดมาจะเป็นห้องอาบน้ำ อีกทั้งมีอ่างล้างมือพร้อมกระจกด้านนอกอีก 1 จุดด้วยค่ะ

สำหรับห้องน้ำที่รองรับส่วนกลางชั้นนี้จะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิงชัดเจน โดยห้องน้ำหญิงจะอยู่ฝั่งขวามือ และห้องน้ำชายจะอยู่ด้านในสุดค่ะ

ภายในห้องมีอ่างล้างมือ 2 ชุด และห้องน้ำ 2 ห้อง ภายในติดตั้งโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติเช่นกันค่ะ ส่วนพื้นและผนังในห้องน้ำใช้วัสดุลายหินโทนสว่างเพร้อมมีการตกแต่งผนังด้วยวัสดุ Copper แวววาวดูหรูหราทีเดียวนะ

โซนถัดมา ห้องกระจกด้านซ้ายมือ Private Dining Lounge ถัดไปเป็น Wine Bar ส่วนฝั่งขวามือเป็น Sky Private Theater และ Social Club ส่วนด้านในสุดจะเป็น Starry Lounge

Private Dining Lounge เป็นห้องที่การแยกด้วยกระจกโค้งแยกจากพื้นที่โซนอื่นๆทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวแต่ยังคงดูโปร่งโล่งโอ่อ่า ภายในห้องมี Pantry ขนาดใหญ่ พร้อมชุดโซฟา และชุดโต๊ะขนาดใหญ่ สามารถรองรับจัดเลี้ยงเป็นกลุ่มใหญ่ได้เลยค่ะ สำหรับห้องนี้ต้องทำการ Booking ผ่าน Line official ของ concierge service ก่อนนะคะ

ด้านในสุดทางโครงการจัดไว้ให้เป็น dining table ตัวยาวรองรับได้ 8 นั่ง ตั้งวางริมหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่สามารถเทควิวได้เต็มที่ ถือเป็นการนั่งทานอาหารที่ได้บรรยากาศดีทีเดียวเลยค่ะ

Pantry ภายในมีการเตรียมอุปกรณ์ครัวไว้ให้พอสมควร มีทั้งอ่างล้างจาน เครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์ครัวอีกหลายชิ้นเลยค่ะ

Wine Bar จะเป็นพื้นที่แบบ Open ไม่ได้กั้นแยก เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งบริเวณตรงนี้จะเชื่อมพื้นที่กับ Starry Lounge ด้านใน ใช้งานร่วมกันได้ อีกทั้งยังดูโปร่งโล่งมากทีเดียว

Wine Bar จัดวางเป็นบาร์ที่รองรับได้ 4 ที่นั่ง พร้อมเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่เป็นหินอ่อนสีขาวรูปวงรี ดูรับไปกับฝ้าที่มีการออกแบบให้ Drop เป็นทรงรีเช่นกัน ดูสวยงามน่าสนใจทีเดียว

ที่ผนังอีกด้านหนึ่งออกแบบเป็น Pantry เล็กๆที่มีตู้ wine cellar และแก้วไวน์ต่างๆ รองรับอยู่ครบครันเลยค่ะ

Sky Private Theater เป็นฟังก์ชันที่ต้องทำการ Booking ผ่าน Line official ของ concierge service ก่อนเช่นกัน ภายในห้องจัดเป็นชุดโซฟารองรับได้ 6-8 คน สามารถมานั่งดูหนังร่วมกันในครอบครัวหรือในฝูงเพื่อนก็สะดวกค่ะ

ภายในห้องจัดเป็นหน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ดูหนัง ดูซีรีส์เต็มตา อีกทั้งภายในห้องอยู่ติดริมหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่สูงเต็มบาน หากมาใช้บริการในตอนกลางคืนก็จะสามารถดูหนังไปด้วยชมวิวเมือง ยามค่ำคืนไปด้วยได้เลยค่ะ

ภายในห้อง Social Club  มีคอมพิวเตอร์รองรับอยู่ 3 เครื่อง จัดเอาไว้เป็นโต๊ะยาวนั่งเรียง สามารถชวนเพื่อนมา streaming เล่นเกมด้วยกันได้เลยค่ะ  อีกทั้งภายในห้องมีการจัด เป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ไว้ให้หลายจุด

Starry Lounge เป็นห้องรับรองขนาดใหญ่ พร้อมกับฝ้าแบบ super high ceiling สูงถึง 7.7 เมตร อีกทั้งใช้ผนังกระจกสูงเต็มบานโดยรอบ สามารถเทควิวได้ 270 องศา เทควิวได้เต็มตา ซึ่งทิศนี้ได้วิวโล่ง ไม่มีอาคารมาบดบัง  บรรยากาศดีทีเดียว สามารถนั่งเล่นพักผ่อนชมวิวได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยนะ

ชั้น 40 เป็นอีกหนึ่งชั้นส่วนกลางหลัก ที่รวมฟังก์ชันสำหรับการออกกำลังกายไว้ อย่าง Sky Pool, Panoramic Sky Fitness พร้อมมีห้องน้ำแยกชายหญิง ที่ด้านในมี Lava Onsen ให้บริการอยู่ด้วยค่ะ

โถงลิฟต์ชั้นนี้จะดูแปลกตากว่าชั้นก่อนๆ ด้วยการตกแต่ง เป็นหินสีเข้ม ทั้งพื้นและผนัง สร้างความรู้สึกที่แตกต่าง เมื่อออกจากโถงลิฟต์มาแล้วตรงนี้จะเป็น พื้นที่แบบ Open air นะ

เมื่อออกมาแล้วด้านซ้ายมือจะเป็นทางลงสระ   ขวามือจะเป็นห้องออกกำลังกาย ส่วนประตูตรงไปจะเป็น โถงบันไดขึ้นชั้นดาดฟ้าและ Sunset Amphitheater ด้านนอกค่ะ

ซึ่งตรงนี้มีจุดล้างตัวอยู่ 1 จุด อยู่บริเวณด้านข้างทางลงสระเลย ใช้งานร่วมกันได้สะดวกดี

เมื่อเดินออกมา ส่วนแรกจะเป็นโซนน้ำตื้นที่ทางโครงการได้มีการวางเตียงริมสระไว้ให้ด้วยสามารถมานั่งเล่นนอนเล่นเอาเท้าแช่น้ำ นั่งชมวิวโดยรอบได้เลย สำหรับสระว่ายน้ำ เป็นระบบเกลือ ขนาด 5×20 ลึก 1.2 เมตร  สามารถใช้ว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง ตัวสระออกแบบเป็น  Endless Pool พร้อมราวกันตกกระจกโดยรอบ ยิ่งทำให้เทควิวได้ดีไม่มีอะไรมาบดบัง

จากโซนน้ำตื้นจะเป็นบันไดทางลงสระว่ายน้ำ  ซึ่งด้านข้างเป็นบ่อแช่ตัวเป็นมุมที่มานั่งแช่น้ำชมวิวเพื่อผ่อนคลายได้นะ

Sunset Amphitheater  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอาคารบริเวณริมสระว่ายน้ำ ตรงนี้มีการจัดเป็นสวนยอมเล็กๆไว้ด้วย ในตอนเย็นๆสามารถมานั่งชมพระอาทิตย์ตกใต้ร่มไม้นี้ได้เลยค่ะ

ใกล้กันตรงนี้จะเป็น Jacuzzi ที่ออกแบบมาให้เอียงรับวิวได้ทั้งทิศใต้และทิศตะวันตก มานอนแช่น้ำดูพระอาทิตย์ตกได้เลยค่ะ

มาต่อกันที่โซนด้านไหนกันบ้าง เป็นทางเข้า Panoramic Sky Fitness  ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิงค่ะ

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเป็นโถงที่จัดเป็นบาร์เล็กๆ นั่งทำ protein shake ได้สะดวกค่ะโดยโซนออกกำลังกายจะอยู่ด้านใน ส่วนห้องทางขวามือจะเป็นห้องออกกำลังกายแบบ Private อย่าง Virtual Bike และ Yoga Studio

Virtual Bike เป็นเครื่องสำหรับการปั่นจักรยานแบบกลุ่ม ที่ตัวเครื่องมีการเชื่อมต่อกับคนอื่น ซึ่งมีมาให้ 5 เครื่อง ชวนกันมาปั่นเป็นกลุ่มได้เลย ดูน่าสนุกทีเดียวค่ะ

Yoga Studio ภายในห้องมีอุปกรณ์ครบครัน ส่วนผนังอีกด้านหนึ่งจะเป็นกระจกเงาตลอดแนว ชวนคนในครอบครัวมาเพิ่มความฟิตร่วมกันได้เลยค่ะ

Panoramic Sky Fitness ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ ใช้เครื่องออกกำลังกายจาก TRUE Fitness ภายในห้องจัดไว้ให้ 9 เครื่อง ครบทั้งแบบคาร์ดิโอ และเวทเทรนนิ่ง เป็นห้องมุมเทควิวได้กว้าง ทั้งจากทิศตะวันตกและทิศเหนือซึ่งเป็นทิศที่โล่งดีทีเดียว

มาต่อกันที่ส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำที่รองรับสำหรับชั้นนี้จะแยกชายหญิงชัดเจน เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับอ่างล้างมือสองจุด ซ้ายมือมีล็อกเกอร์ให้ครบครัน ถัดไปด้านข้างของอ่างล้างมือจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ที่มีกระจกและปลั๊กไฟพร้อมสำหรับการนั่งเป่าได้เลย

ฝั่งตรงข้ามของ อ่างล้างมือจะเป็นส่วนของห้องน้ำ เป็นห้องโถสุขภัณฑ์ 2 ห้อง ภายในใช้โถแบบอัตโนมัติ และห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ส่วนด้านในสุดจะเป็น Lava Onsen ค่ะ

Lava Onsen เป็นห้องส่วนตัว ที่ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service ก่อนเช่นกัน ภายในห้องมีอ่างขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็นห้องที่อยู่ติดริมหน้าต่างกระจกสูงเต็มบานเทควิวทางด้าน ทิศตะวันตก ซึ่งจากชั้นนี้มองออกไปเห็นอุทยานเฉลิมพระเกียรติ ที่ในอนาคตจะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อีกด้วย

ตัวบ่อออกแบบมาเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขอบมน ผนังด้านหลังใช้หินอ่อนสีขาวดำขนาดใหญ่ดูสวยงาม บนฝ้ามีการตกแต่งด้วยไฟซ่อนและ Chandelier ซึ่งในตอนเวลาเย็น ที่แสงน้อยๆจะให้ Effect ที่สวยงามเลยค่ะ

ชั้น Roof เป็นพื้นที่สวน Rooftop Forest trail ที่มีการออกแบบเป็นทางเดินและที่นั่ง ไว้หลายจุด พร้อมมี Sky Pavilionในส่วนอีกด้วย ส่วนบรรยากาศจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ

Rooftop Forest trail เป็นสวนลอยฟ้าที่ภายในมีการออกแบบเป็นทางเดินยาวๆ สามารถเดินเชื่อมต่อกับชั้นดาดฟ้าถัดไปได้เลย มาเดินเล่นชมวิว ถือเป็นการออกกำลังกายเบาๆได้เลยค่ะ

ภายในส่วนนี้การออกแบบ เป็นที่นั่งอยู่หลายจุด ให้เรามานั่งชมวิวใต้ร่มได้ค่ะ ซึ่งโดยรอบพื้นที่สวนชั้นนี้ใช้ราวกันตกกระจกทั้งหมด ทำให้เมื่อมองวิวออกไป จะไม่มีอะไรมาบดบังถือว่าออกแบบใส่ใจรายละเอียดได้ดีทีเดียวค่ะ

ภายในสวนมีการลงทั้งไม้พุ่มไม้ยืนต้นขนาดกลางเอาไว้ ค่อนข้างเยอะเลยบรรยากาศดูร่มรื่นดีทีเดียว

Sky Pavilion จัดเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ Outdoor อยู่บริเวณมุมของอาคาร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือ พอดี ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ร่มทั้งวัน มานั่งเล่นชมวิวได้ตลอดวันเลยนะ

ชั้นTop Roof  ขึ้นมากันอีกชั้นด้วยบันได ด้านบนมี จุดชมวิว The Cliff Panorama และ Rooftop Tree top walk ที่เป็นเหมือนสะพานพาดผ่านยอดไม้จากชั้นก่อนหน้า พร้อมมีลานหญ้าเทียมโล่งๆ ให้เราสามารถมาออกกำลังกายเบาๆ มาปูเสื่อโยคะในตอนเช้าได้ค่ะ

เมื่อขึ้นมาจะเจอกับ พื้นที่โล่ง ปูด้วยหญ้าเทียม ตรงไปจะเป็น The bridge เส้นทาง Rooftop Tree top walk ซึ่งเป็นส่วนที่ออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับพื้นที่สวนชั้นก่อนหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการใช้งานพื้นที่สีเขียวได้มากขึ้น

บริเวณเดียวกันนี้จะมี The Cliff Panorama จุดชมวิวที่มีการออกแบบเป็นพื้นยื่น cantilever ออกไป พร้อมราวกันตกกระจกรอบ เพื่อชม City view ได้กว้าง มาถ่ายรูปเล่นลงโซเชียลคูลๆได้ค่ะ

Rooftop Tree top walk เส้นทางเดินที่ออกมาในรูปแบบสะพาน พร้อมราวกันตกกระจก ท่ามกลางยอดไม้ เป็นการชมวิวมุมสูงท่ามกลางทิวไม้ ได้บรรยากาศที่แตกต่างไปอีกแบบค่ะ

ชั้นพักอาศัย

ชั้น 19-38 เป็นชั้นพักอาศัย Typical floor plan ซึ่งถือว่า อยู่ในระดับที่สูงทีเดียว ทำให้ห้องพักอาศัยภายในโครงการจะได้วิวมุมสูงทั้งหมด ซึ่งวิวโดยรอบถือว่าค่อนข้างโล่งจะมีเพียงทางทิศใต้ ซึ่งจะติดกับถนนเพชรบุรีฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารสูงแต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะกระชั้นชิด โดยผังอาคารเป็นรูปตัว L ทำให้ได้ห้องมุมหลายห้อง ส่วนโถงทางเดินแบบ Double corridor ตรงกลางแจกสู่ห้องพักสองฝั่ง โดยห้องที่น่าสนใจเราขอสรุปไว้ดังนี้

1 Bedroom Duo Space 34 ตร.ม. (เบอร์ 6-9) เป็นห้องขนาดเริ่มต้น อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันตก ที่อาจจะได้แดดเยอะหน่อย แต่ต้องบอกเลยว่าวิวทางทิศนี้ถือว่าดีทีเดียว ได้วิวโล่งมองออกไปเห็น อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งจะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ถือเป็นห้องขนาดเริ่มต้นที่ได้วิวดีมากทีเดียว

1 Bedroom Plus Duo Space 58.6 ตร.ม. (เบอร์ 10) เป็นห้องขนาดใหญ่รองรับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวได้ สำหรับห้องนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งมุมอาคาร รับวิวได้กว้างรับแสงธรรมชาติได้ดี ส่วนวิวทิศนี้ค่อนข้างโล่ง ได้ City view ไม่มีอาคารสูงมาบดบังในระยะใกล้

1 Bedroom Plus Duo Space 58.6 ตร.ม. (เบอร์ 11) เป็นอีกหนึ่งห้องมุม ที่นอกจากจะเทควิวได้กว้างได้ช่องเปิดเยอะแล้ว ยังมีความพิเศษคือเป็นห้องเดียวที่ไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลย และยังอยู่ที่ปลายสุดโถงทางเดิน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง

ชั้น 41 เป็นชั้นที่มีเฉพาะห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 70.9 – 114.8 ตร.ม. (ตามโฉนด) เป็นชั้นที่มีเพียง 4 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนตัวสูง อีกทั้งยังมีความพิเศษตรงที่สามารถใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง Sky facilities ได้สะดวก โดยใช้บันไดไปชั้น 40 ที่มีสระว่ายน้ำและฟิตเนสได้ใกล้ๆ หรือจะเดินขึ้นไปยังสวนชั้นดาดฟ้าก็ง่ายนิดเดียวค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

• ชั้น 1
  The Grand Lobby
  Waiting Lounge for automatic parking
  Gin cafe
  Smart Mailbox
  Smart Locker
  Garden Yard Pavilion
• ชั้น 2
  Business Lounge
  Private Meeting Room (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
  Juristic
  Privilege Quarters
• ชั้น 39
  Starry Lounge
  Wine Bar
  Private Dining Lounge (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
  Social Club
  Sky Private Theater (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
  Spa (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
• ชั้น 40
  Panoramic Sky Fitness ห้องออกกำลังกายใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง
  Yoga Studio
  Virtual Bike
  Lava Onsen (ต้อง booking ผ่าน Line official ของ concierge service )
  Sky Pool ระบบเกลือ ขนาด 5×20 ลึก 1.2 เมตร
  Endless Pool
  Sunset Amphitheater
• ชั้น ดาดฟ้า (Roof และ Top Roof)
  Rooftop Forest trail
  Sky Pavilion
  Rooftop Tree top walk
  The Cliff Panorama
• สวนหย่อมที่ชั้น 1, 40 , Roof และ Top Roof
• อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 132 : 1 (ลิฟต์ความเร็วสูง ยี่ห้อ Jardine Schindler )
• Service Lift 1 ตัว
• ที่จอดรถประมาณ 264 คันคิดเป็น 100% (Auto Parking ทั้งหมด)
• ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV 116 จุด
• ประตูทางเข้า-ออกโครงการ ก่อนเข้า Auto Park 1 จุด และ หลังจาก ออกจาก Auto Park 1 จุด
• ระบบในการเข้า-ออก (รถยนต์) Keycard Access
• ระบบในการเข้า-ออก (เดินเข้าออก ขึ้นลงอาคาร) Keycard Access / Face Scan
• รั้วรอบโครงการ 3 เมตร และมี Green Wall สูง 5.85 เมตร
• บริการ Concierge service ดังนี้
  – Local Information
  – Limousine and Car Reservation
  – Airline Ticket Reservation
  – Restaurant Reservation
  – Tour and Travel Consultant
  – Parcel and Luggage Assistant
  – Personal Concierge
  – Salon & Spa Reservation
  – Hotel Reservation
  – Local Attraction Ticketing
  – Special Event Assistant
  – Storage Service
  – Courier Service Assistant
  – Shopping Concierge

โปรดักส์โครงการ Park Origin ราชเทวี (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) จะเป็นห้องฝ้าเพดานสูง 4.25 เมตรทั้งหมด โดยราคาเฉลี่ยทั้งโครงการที่ 280,000 บาท/ตร.ม. จะเป็นราคาที่ไม่ได้คิดรวมพื้นที่ชั้นลอยนะคะ นอกจากนั้นอีกหนึ่งข้อดีสำหรับห้องฝ้าเพดานสูง คือเวลาจ่ายค่าส่วนกลาง จ่ายเฉพาะพื้นที่ชั้นล่างตามโฉนดเท่านั้นอีกด้วย

สำหรับแบบห้องในโครงการจะเน้นเป็นห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ที่มีรูปแบบและขนาดที่แตกต่างกันออกไป เหมาะสำหรับอยู่อาศัยตั้งแต่1-2คนไปจนถึงครอบครัวเริ่มเลยค่ะ ห้องจากนั้นในโครงการยังมีห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ให้เลือกอีกด้วย

• 1 Bedroom Duo Space 33.9 – 34 ตร.ม. (ตามโฉนด)
• 1 Bedroom Plus Duo Space 34.8 – 58.6 ตร.ม. (ตามโฉนด)
• Penthouse 70.9 – 114.8 ตร.ม. (ตามโฉนด)

ส่วนรูปแบบการขาย Partly Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์บางส่วน สามารถออกแบบตกแต่งให้เป็นเอกลักษณ์สไตล์ของตัวเองได้ โดยสิ่งที่จะได้ภายในห้องจะมี เฟอร์นิเจอร์+Built-in แบรนด์ VATIN  , สุขภัณฑ์ และ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ดังนี้

• ฐานเตียง
• ตู้เสื้อผ้า
• ตู้เก็บรองเท้า
• คอนโซลวางทีวี
• เคาน์เตอร์ครัว ท็อปหินสังเคราะห์ พร้อมอ่างล้างจาน, ไมโครเวฟ และ Hob & Hood ยี่ห้อ MEX
• สุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kasch + ฉากกั้นอาบน้ำกระจก
• เครื่องปรับอากาศ Conceal Duct Type จาก Daikin
• Home Automation ควบคุมการเปิด-ปิดไฟ , แอร์ , ม่าน ผ่าน Application LifeSmart
• Smart Mirror ในห้องน้ำ แบบ Touch Screen
• Digital Door Lock ใช้งานผ่าน Application Samsung

วัสดุภายในห้อง

• ผนังทั่วไป ฉาบเรียบทาสีขาว
• วัสดุปูพื้นชั้น Engineer Wood
• วัสดุปูพื้นครัว แกรนิตโต้สีขาว ขนาด 60×60 ซม.
• พื้นระเบียง กระเบื้อง ขนาด 60×60 ซม.
• วัสดุปูพื้นห้องน้ำ กระเบื้อง ขนาด 60×60 ซม.
• ระบบท่อน้ำร้อน-น้ำเย็น
• วัสดุกรอบบานหน้าต่าง กรอบบานอะลูมิเนียม
• กระจก ยูโร Grey /ลามิเนต
• ปลั๊กและสวิตช์ แบบ Touch Screen จาก LifeSmart

1 Bedroom Duo Space 34 ตร.ม. (ตามโฉนด)

1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยตามโฉนดในชั้นล่างคือ 34 ตร.ม. แต่พื้นที่ใช้สอยจริงจะมีชั้นลอยด้านบนด้วยซึ่งรวมกันแล้วประมาณ 47 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเริ่มต้นที่จัดฟังก์ชันมาได้ลงตัวสามารถอยู่อาศัย 1 – 2 คนได้สบายๆ ส่วนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8.99 ล้านบาท

ภายในมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วนครัวและห้องน้ำอยู่ทางด้านหน้าห้อง เป็นครัวแบบปิดสามารถทำอาหารได้จริงจังไม่ต้องกลัวกลิ่นฟุ้งกระจาย อีกทั้งห้องน้ำอยู่ติดกับส่วนครัว แยกเป็นส่วน Service อยู่ด้วยกันเลย ส่วนด้านในเป็นพื้นที่ Common Area สามารถจัดวาง ชุดโต๊ะทานอาหาร และ ชุดโซฟานั่งเล่น 3 – 4 ที่นั่งได้สบายๆ พร้อมมี Bay window ให้จัดเป็นมุมทำงาน หรือวางชุด Day bed หรือเพิ่มเติมได้ นอกจากนั้นยังมีระเบียงภายนอกได้ออกมายืนชมวิว สูดอากาศ หรือใช้งานซัก – ตากผ้าได้ด้วยค่ะ

ชั้นลอยจะเป็นห้องนอนที่มีการกั้นผนังและช่องหน้าต่างมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทำให้แบ่งพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน ได้ความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากนั้นยังช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าในการเปิดเครื่องปรับอากาศด้วยค่ะ บรรยากาศในห้องจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย

มาเริ่มกันที่ประตูทางเข้าห้องกันก่อนเลยค่ะ เป็นประตูบานทึบขนาด 2.0×0.9 ม. ทำสีแบบนี้เลย มาพร้อม Digital Door ใช้งานผ่าน Application ของ Samsung ได้เลยนอกจากนั้นยังมีการเพิ่ม Technology & Security ที่มากขึ้น โดยได้ Home Automation เป็นมาตรฐานทุกห้อง สามารถสั่งงานเปิดปิดไฟ แอร์ผ่าน Application LifeSmart ได้เลยค่ะ

เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับส่วนพื้นที่ครัวก่อนเลยค่ะ เคาน์เตอร์ครัวอยู่ขวามือ ส่วนซ้ายมือเป็นตู้เก็บของ Built-in เต็มผนัง โดยระยะหน้าเคาน์เตอร์ ถึงตู้เก็บของเหลือประมาณ 1.3 เมตร ค่อนข้างกว้าง เดินสวนกันได้สบาย

สำหรับครัวนี้เป็นครัวแบบปิดกั้นแยกเป็นสัดส่วนอยู่บริเวณเดียวกับห้องน้ำ(ด้านขวามือ) จัดเป็นส่วน Service บริเวณหน้าห้องช่วยเป็น Buffer ลดเสียงจากโถงทางเดินเข้าสู่พื้นที่พักอาศัยด้านในอีกทั้งครัวกั้นแยกจากส่วน Common area ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน สามารถทำอาหารได้โดยไม่มีกลิ่นไปรบกวนในส่วนอื่นๆ อีกทั้งยังทำให้ได้แสงธรรมชาติเยอะ และดูโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับปลั๊กและสวิตช์ภายในห้องเป็นแบบ Touch Screen จาก LifeSmart หน้าตาเรียบๆดูโมเดิร์นดีเลยค่ะ ซึ่งบางห้องจะมีดิมเมอร์สวิตช์ ที่ใช้หรี่ไฟภายในห้องได้ด้วย หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ

มาดูฝั่งตู้เก็บของ Built-in กันก่อนค่ะ สำหรับตู้นี้ทางโครงการให้มาแบบเต็มผนังเลย ดูเรียบร้อยดี โดยตู้ซ้ายสุดติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้รองเท้าสามารถใช้งานได้สะดวก นอกจากนั้นยังมีการดีไซน์เป็นที่นั่งเล็กๆให้สามารถนั่งถอด-ใส่รองเท้าได้เป็นสัดส่วนดีด้วยค่ะ ส่วนชั้นเก็บของช่องอื่นๆ ก็มีทั้งแบบโปร่งและแบบบานปิดหลากหลายขนาดสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ได้เยอะ พร้อมมีช่องสำหรับติดตั้งตู้เย็นขนาดกว้าง 75 ซม. ลึก 40 ซม.  ซึ่งเวลาวางตู้เย็นแล้วจะล้ำออกมาตัวตู้เล็กน้อยนะ

ภายในห้องได้ เคาน์เตอร์ครัว I-shape โดยจะมี Built-in ตู้เก็บของทั้งด้านบนและล่างแบบในรูปเลย โดยTop ครัว เป็นหินสังเคราะห์ Backsplash เป็นกระจกเงา ส่วนพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาว 60×60 cm. ทำความสะอาดได้ง่าย รองรับการทำงานอาหารได้จริงจังเลย

เคาน์เตอร์ครัวด้านล่าง มีพื้นที่เก็บของและลิ้นชักต่างๆ โดยใต้อ่างจะมีส่วนถังขยะติดกับฝาบาน เปิดหน้าบานออกก็มีการเลื่อนตัวถังขยะออกมาด้วย ง่ายต่อการใช้งาน ส่วนช่องกลาง สำหรับใส่เครื่องซักผ้าฝาหน้า มีขนาดประมาณ 65 ซม. วางเครื่องซักผ้าขนาดมาตรฐานได้สบาย

เคาน์เตอร์ครัวกว้าง 1.7 เมตร พื้นที่เตรียมอาหารค่อนข้างกว้าง พร้อมมีปลั๊กไฟให้ด้วยสะดวกทีเดียว ส่วนอุปกรณ์ครัวจะได้ อ่างล้างจาน 1 หลุม , เตาไฟฟ้า 2 หัว, พร้อมที่ดูดควันระบบดูดออกนอกอาคาร ยี่ห้อ MEX

ด้านบนเป็นตู้เก็บของมีหลายช่อง แบ่งเก็บของได้ค่อนข้างหลากหลาย หน้าบานติดตั้ง Solf-Close เวลาเปิดปิดเสียงไม่ดัง พร้อม Built-in ไมโครเวฟมาให้ด้วยช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์ไปได้เยอะ

มาต่อกันที่ห้องน้ำค่ะ ส่วนของห้องน้ำก็จะมีขอบธรณีประตูห้องน้ำกั้นพื้นไว้ เพื่อกันไม่ให้น้ำจากห้องน้ำไหลออกมายังพื้นที่อยู่อาศัยส่วนอื่นๆ ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก ส่วนแห้งชัดเจน การจัดวางฟังก์ชันเป็นแนวยาวเรียงลำดับการใช้งาน อ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำพร้อมฉากกั้นกระจก เป็นตำแหน่งที่ใช้งานง่ายดี ส่วนสุขภัณฑ์ต่างๆทั้งหมดยี่ห้อ Kasch ค่ะ

วัสดุภายในห้องใช้พื้นกระเบื้องลายหินอ่อน 60×60 cm. ส่วนฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมติดตั้งพัดลมดูดอากาศ 1 จุดมาให้เรียบร้อย

อ่างล้างหน้าเป็นแบบฝังในเคาน์เตอร์ ให้มาค่อนข้างใหญ่ 0.90 เมตร พร้อม Smart Mirror ในห้องน้ำ แบบ Touch Screen ใช้งานเหมือน Tablet ทั่วไปเลย จะเปิด YouTube หรือ Netflix ก็ได้ ส่วนสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kasch เป็นแบบแขวนผนังดูลอยตัว พร้อม Low wall ด้านหลัง ที่สามารถวางอุปกรณ์ต่างๆได้ เยอะเลย

ห้องอาบน้ำขนาด 1×0.9 เมตร อาบน้ำหมุนตัวสบาย ส่วนที่อาบน้ำได้แบบ Rain Shower และ Hand shower พร้อมติดตั้ง ฉากกระจกกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย ภายในห้องน้ำอาจจะต้องติดตั้งชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเพิ่มเติมสักหน่อยนะคะ เพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น

เมื่อเข้ามาด้านในจะเป็น Common area ซึ่งพื้นที่ส่วนแรกตรงนี้จะเหมาะสำหรับการจัดเป็น dining table ซึ่งตรงนี้มีระยะกว้างประมาณ 2.8 เมตร สามารถวางเป็นโต๊ะทานอาหารชิดผนังด้านหนึ่งขนาด 4 ที่นั่งได้เลยค่ะ

สำหรับห้องนี้จะใช้พื้น Engineer Wood ซึ่งถือว่าให้มาดีมีความทนทานสูง เกิดรอยขีดข่วนได้ยาก ส่วนผนังในห้องมาตรฐานจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ระยะฝ้าเพดานสูง 4.25 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศ Conceal Duct Type จาก Daikin มาให้ดูเรียบร้อย ตามมาตรฐานระดับนี้เลยค่ะ

สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องหน้ากว้าง 3.7 เมตร ระยะจากหน้าต่างถึงประตู ประมาณ 9 เมตร ส่วนระยะฝ้าเพดานห้องนั่งเล่นจะสูง  4.25 เมตร เป็นสัดส่วนที่ดูโปร่งดีค่ะ ไม่รู้สึกว่าสูงชะลูดเกินไป

พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางเป็นชุดโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบาย ส่วนระยะตรงนี้จะกว้างประมาณ 3.7 เมตรสามารถติดตั้งทีวีขนาด 60 นิ้วได้เลยค่ะ ซึ่งทางโครงการให้คอนโซลวางทีวีที่บริเวณนี้มาด้วยนะ

สำหรับห้องนี้ทางโครงการให้เป็นหน้าต่างกระจกสูง แบบเข้ามุม รับวิวได้กว้าง และรับแสงธรรมชาติได้ทั่วถึงทั้งห้องเลย  ซึ่งพื้นที่ริมหน้าต่างจะเป็นแบบ Bay window ลักษณะปาดเฉียงเข้ามุมเล็กน้อย ยื่นออกไปประมาณ 1.2 เมตรกว้างประมาณ 2.3 เมตร สามารถจัดเป็นมุมทำงานเล็กๆ หรือวางชุด Day bed หรือเพิ่มเติมได้

ระเบียงขนาด 1.65×0.60 เมตร เป็นพื้นกระเบื้อง ขนาด 60×60 ซม. สีเทา ทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมมีไฟผนังมาให้ 1 จุด ส่วนด้านบนแขวน Condensing units พร้อมระแนงบังสายตา ช่วยให้ตัวอาคารดูเรียบร้อยเมื่อมองจากภายนอกด้วยค่ะ

บันได L-shape ภายในห้อง เป็นแบบทึบ ที่มีการออกแบบพื้นที่ใต้บันไดเป็นชั้นโชว์ของและตู้เก็บของ ที่มีบานทึบปิดดูเรียบร้อย ถือเป็นการใช้พื้นที่บันไดได้อย่างคุ้มค่าเลยค่ะ ส่วนบันไดมีขนาดกว้าง 0.8 เมตร ชานพักช่วงแรกเป็นสามเหลี่ยม ส่วนด้านบนหน้าประตูห้องนอนจะเป็นสี่เหลี่ยม พร้อมติดตั้งราวกันตกกระจก ดูโปร่งดีเลยค่ะ

พื้นที่ชั้นลอยหรือห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.0×3.7 เมตร ซึ่งโครงการจะให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมาด้วย ซึ่งเมื่อจัดวางเตียงแล้วจะมีพื้นที่เดินได้รอบเตียงเลย ส่วนระยะฝ้าเพดานบริเวณนี้สูง 2.00 เมตร ฉาบเรียบทาสีขาว ส่วนไฟภายในห้องนอนจะมีดิมเมอร์สวิตช์ ที่ใช้หรี่ไฟภายในห้องได้ด้วยค่ะ

สำหรับพื้นที่ส่วนนี้จะกั้นแยกเป็นห้องชัดเจนด้วยผนังกระจกสูงเต็มบาน ได้ความเป็นส่วนตัวและยังทำให้ได้แสงภายในห้องนอนเยอะ ดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด นอกจากนั้นยังช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าในการเปิดเครื่องปรับอากาศด้วย ส่วนระยะด้านข้างเตียงริมหน้าต่างจะเหลือประมาณ 1.5 เมตร จัดวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานข้างเตียงเพิ่มเติมได้เลยค่ะ

บรรยากาศจากช่องหน้าต่างชั้นลอยมองลงไปยังพื้นที่ Common Area ด้านล่าง ดูโปร่งโล่งดีเลยนะคะ

พื้นที่ปลายเตียง ทางโครงการ Built-in ไว้ให้เป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มผนังดูเรียบร้อยดีค่ะ

ตู้เสื้อผ้ามีขนาดกว้าง 1.9 เมตร เป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอน หน้าบานเป็นกระจกสีเข้ม ภายในตู้เสื้อผ้าจะมีช่องเก็บกระเป๋า หรือลิ้นชักสำหรับชุดชั้นในได้เป็นสัดส่วน สำหรับระยะจากปลายเตียงถึงตู้เหลือประมาณ 0.75 เมตร พอดีๆ

พื้นที่ข้างเตียงด้านใน ผนังส่วนหนึ่งปูดออกมา เวลาทำความสะอาด หรือเปลี่ยนผ้าปูเตียงอาจต้องเดินหลบนิดนึงนะคะ ตรงนี้เราจะใช้เป็นกระจกปิดผิวแบบให้ห้องตัวอย่างเพื่อให้ดูเรียบร้อยขึ้นก็ได้ค่ะ

1 Bedroom Plus Duo Space ขนาด 58.6 ตร.ม. (ตามโฉนด)

1 Bedroom Plus Duo Space  พื้นที่ใช้สอยตามโฉนดในชั้นล่างคือ 58.6 ตร.ม. แต่พื้นที่ใช้สอยจริงจะมีชั้นลอยด้านบนด้วยซึ่งรวมกันแล้วประมาณ 78.9 ตร.ม. เป็นห้องขนาดใหญ่ที่จัดเป็น 2 ห้องนอนได้สบายๆ พร้อมมีห้องน้ำให้ถึง 2 ห้อง สามารถใช้งานได้สะดวกไม่ต้องแย่งกันในเวลาเร่งด่วน สามารถรองรับครอบครัวขนาดเริ่มต้นอยู่อาศัยได้ 3-4 คนเลยค่ะ

เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ฝั่งซ้ายจะเป็นโซน Service อย่างห้องครัวซึ่งเป็นแบบปิด และห้องน้ำ ดูเป็นสัดส่วนดีทีเดียว ส่วนด้านในจะเป็นห้องนอนใหญ่แบบฝ้าเพดานสูง และอยู่ในตำแหน่งมุมอาคารเทควิวได้กว้าง พร้อมมีห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัว ส่วนระเบียงสำหรับตากผ้าจะอยู่ภายในห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ ฉะนั้นหากต้องการตากผ้าที่ระเบียงอาจจะต้องเดินผ่านห้องนอนนิดนึง แต่หากใช้เป็นเครื่องซักผ้า+เครื่องอบผ้าอยู่แล้วก็จะหมดปัญหาเรื่องนี้ไปค่ะ

ส่วนพื้นที่ชั้นลอยจะกั้นเป็นห้องนอนพร้อม Walk-in Closet ในตัว และมีห้องอเนกประสงค์ให้อีก 1 ห้องด้วย ซึ่งพื้นที่ชั้นลอยมีการกั้นผนังและช่องหน้าต่างมาให้เรียบร้อยเป็นสัดส่วน ได้ความเป็นส่วนตัวดีเลยค่ะ

เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วน Common Area เป็นห้องขนาดใหญ่ 4.7×4.8 เมตร ระยะฝ้าเพดานสูง 4.25 เมตร พร้อมหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ เทควิวได้กว้าง เป็น Space ที่ดูโอ่อ่าอลังการมากทีเดียว ส่วนการจัดฟังก์ชัน ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วน Service อย่างห้องครัว ห้องน้ำ ใช้งานได้สะดวกเลย ส่วนด้านในจะเป็น Master bedroom ค่ะ

สำหรับห้องมาตรฐาน พื้นจะได้ Engineer Wood แบบนี้เลย ส่วนผนังฉาบเรียบสีขาว พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศ Conceal Duct Type จาก Daikin มาให้ดูเรียบร้อย แนบเนียนไปกับฝ้าเพดานเลยค่ะ นอกจากนั้นยังได้ Home Automation ที่สามารถสั่งงานเปิดปิดไฟ แอร์ และม่านผ่าน Application LifeSmart ได้เลย ส่วนประตูก็จะได้ Digital Door ของ Samsung เช่นกันค่ะ

Common Area สามารถจัดวางเป็นชุดโซฟา 3-4 ที่นั่งได้เลย หรือจะวางเป็นโซฟา L-shape พร้อม armchair เก๋ๆสักตัวก็ยังได้ค่ะ สำหรับห้องตัวอย่างจัดวาง เป็นโต๊ะทานอาหาร 4 ที่นั่ง วางชิดโซฟาเพื่อให้มีทางเดินโดยรอบกว้างๆ ตรงนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนไปวางชิดผนังบันไดก็ได้ เพื่อให้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น

สำหรับห้องนี้จะได้คอนโซลวางทีวีพร้อมตู้เก็บของด้านข้าง ซึ่งภายในมีการออกแบบเป็นชั้นวางรองเท้า และวางสัมภาระต่างๆได้เยอะพอสมควรเลย พร้อมมีไฟซ่อนภายในตู้มาด้วยแบบนี้เลยค่ะ

บริเวณเดียวกันจะเป็นส่วนครัว ซึ่งกั้นแยกจากส่วน Common area ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน สามารถทำอาหารได้โดยไม่มีกลิ่นไปรบกวนในส่วนอื่นๆ อีกทั้งยังทำให้ได้แสงธรรมชาติเยอะ และดูโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย

ครัวมีขนาด 1.65×3.3 เมตร ได้ เคาน์เตอร์ครัว L-shape กว้าง 2.3 เมตร ลึก 1.65 เมตร ด้านข้างมีพื้นที่ว่างกว้าง 1.0 เมตร สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งสามารถวางตู้เย็นแบบบานเปิดคู่ได้เลยนะ ส่วนระยะหน้าเคาน์เตอร์ถึงประตูกระจกบานเลื่อนจะเหลือประมาณ 1.1 เมตร ค่อนข้างกว้าง เดินสวนกันได้สบาย

เคาน์เตอร์ครัวจะมี Built-in ตู้เก็บของทั้งด้านบนและล่างแบบในรูปเลย โดยTop ครัว เป็นหินสังเคราะห์ Backsplash เป็นกระจกเงา ส่วนพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาว 60×60 cm. ทำความสะอาดได้ง่าย รองรับการทำงานอาหารได้จริงจังเลย

เคาน์เตอร์ครัวด้านล่าง มีพื้นที่เก็บของและลิ้นชักต่างๆ โดยใต้อ่างจะมีส่วนถังขยะติดกับฝาบาน เปิดหน้าบานออกก็มีการเลื่อนตัวถังขยะออกมาด้วย ง่ายต่อการใช้งาน

เคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เตรียมอาหารค่อนข้างกว้าง พร้อมมีปลั๊กไฟให้ครบ ส่วนอุปกรณ์ครัวจะได้ อ่างล้างจาน 1 หลุม , เตาไฟฟ้า 2 หัว, พร้อมที่ดูดควันระบบดูดออกนอกอาคาร ยี่ห้อ MEX ด้านบนเป็นตู้เก็บของมีหลายช่อง แบ่งเก็บของได้ค่อนข้างหลากหลาย หน้าบานติดตั้ง Solf-Close เวลาเปิดปิดเสียงไม่ดัง พร้อม Built-in ไมโครเวฟมาให้ด้วยเช่นกันค่ะ

ตรงเข้ามาโซนด้านในกันบ้างตรงนี้จะเป็นโถงเล็กๆ ที่ประตูซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ส่วนประตูตรงไปจะเป็น Master Bedroom ส่วนประตูด้านขวา จะเป็น พื้นที่ใต้บันไดซึ่ง Built-in เป็นที่วาง เครื่องซักผ้า ที่มีการวางงานระบบต่างๆไว้ให้เรียบร้อย พร้อมชั้นวางของด้านบน สำหรับวางผงซักฟอกและน้ำยาต่างๆได้ ดูเรียบร้อยเป็นสัดส่วนดีค่ะ

ห้องน้ำสำหรับรองรับพื้นที่ส่วนกลางนี้ เป็นห้องน้ำที่มีพื้นที่อาบน้ำในตัว สำหรับห้องนอนชั้นบนลงมาใช้ร่วมด้วย ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก ส่วนแห้งชัดเจน การจัดวางฟังก์ชันเป็นแนวยาวเรียงลำดับการใช้งาน ส่วนสุขภัณฑ์ต่างๆทั้งหมดยี่ห้อ Kasch ส่วนวัสดุภายในห้องใช้พื้นกระเบื้องลายหินอ่อน 60×60 cm. ส่วนฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมติดตั้งพัดลมดูดอากาศ 1 จุด

อ่างล้างหน้าเป็นแบบฝังในเคาน์เตอร์กว้าง 0.75 เมตร พร้อม Smart Mirror สุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kasch เป็นแบบแขวนผนังดูลอยตัว พร้อม Low wall ด้านหลัง ที่สามารถวางอุปกรณ์ต่างๆได้

ห้องอาบน้ำขนาด 80×1.15 เมตร ได้ที่อาบน้ำได้แบบ Rain Shower และ Hand shower พร้อมติดตั้งฉากกระจกกั้นอาบน้ำ และมีชั้นวางของในผนังมาให้ครบเลย

มาดูกันที่ Master Bedroom กันบ้าง เข้ามาจะเจอกับ พื้นที่บริเวณ Walk in Closet ก่อน ส่วนห้องน้ำจะอยู่ฝั่งซ้าย จะเห็นได้ว่าเมื่อเข้าประตูมาแล้วจะไม่เห็นเตียงได้ตรงๆ ซึ่งเรามองว่าได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ

ห้องน้ำ Master เป็นแบบเดียวกับห้องก่อนหน้าเลยค่ะ แต่จะสามารถเชื่อมต่อกับระเบียงได้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนซึ่งใช้เป็นกระจกฝ้า เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวแต่ยังคงให้รับแสงได้เยอะ ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก ส่วนแห้งชัดเจน การจัดวางฟังก์ชันเป็นแนวยาวเรียงลำดับการใช้งาน ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์ต่างๆ ทั้งหมดยี่ห้อ Kasch เช่นกัน

ห้องอาบน้ำขนาด 0.9×1.2 เมตร อาบน้ำหมุนตัวสบาย ได้ Rain Shower และ Hand shower พร้อมติดตั้งฉากกระจกกั้นอาบน้ำ และมีชั้นวางของในผนังมาให้ครบเลย

ระเบียงขนาด 0.6×1.4 เมตร สามารถใช้ตากผ้าได้ แต่เวลาใช้งานจะต้องเดินผ่านห้องนอนสักหน่อยนะคะ โดยพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 60×60 ซม. สีเทา ทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมมีไฟผนังมาให้ 1 จุด ส่วนด้านบนแขวน Condensing units พร้อมระแนงบังสายตา ช่วยให้ตัวอาคารดูเรียบร้อยเมื่อมองจากภายนอกด้วยค่ะ

Master Bedroom เป็นห้องขนาดใหญ่ 4.85×3 เมตร  ได้ฝ้าเพดานสูง 4.25 เมตร  พร้อมหน้าต่างกระจกสูงเข้ามุม ที่เทควิวกว้างรับแสงธรรมชาติได้เยอะ เป็นห้องนอนที่บรรยากาศดีมากทีเดียว ภายในห้องวางเตียง 6 ฟุต ไว้ตรงกลาง พร้อมมีทางเดินได้โดยรอบ ส่วนไฟภายในห้องนอนจะมีดิมเมอร์สวิตช์ ที่ใช้หรี่ไฟมาด้วยค่ะ

มุมมองจากมุมห้องอีกด้านหนึ่ง จะเห็นได้ว่าที่ผนังด้านข้างประตูห้องน้ำ ทางโครงการได้ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าไว้ให้ด้วย ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกันดีกับห้องน้ำเลยค่ะ นอกจากนั้นภายในห้องนี้จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศ Conceal Duct Type จาก Daikin มาให้เช่นกันค่ะ

ตู้เสื้อผ้ามีขนาดกว้าง 1.6 เมตร เป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอน หน้าบานเป็นกระจกสีเข้ม ภายในตู้เสื้อผ้าจะมีช่องเก็บกระเป๋า หรือลิ้นชักสำหรับชุดชั้นในได้เป็นสัดส่วน พร้อมมีชั้นวางของโปร่งๆ ด้านข้างสำหรับวางของเล็กๆน้อยๆได้ สำหรับระยะจากปลายเตียงถึงตู้เสื้อผ้าเหลือประมาณ 1.4 เมตร ยืนลองชุด หมุนตัวได้สบายเลยค่ะ

มาดูที่ส่วนบันไดกันบ้าง บันได L-shape ภายในห้อง เป็นแบบทึบ ที่มีการออกแบบพื้นที่ใต้บันไดเป็นชั้นวางของโปร่งๆ สามารถวางของโชว์ได้ ส่วนบันไดมีขนาดกว้าง 1.0 เมตร ชานพักเป็นสามเหลี่ยมพร้อมราวกันตกกระจก ดูโปร่งดีเลยค่ะ เมื่อขึ้นมาแล้วจะเจอกับโถงเล็กๆแจกไปยังห้องนอนฝั่งซ้าย และห้องอเนกประสงค์ฝั่งขวา

มาดูส่วนห้องนอนที่ชั้นลอยกันก่อน ห้องนี้มีขนาดประมาณ 3.6×2.8 เมตร ในห้องวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ตรงกลางแล้วยังมีพื้นที่เดินได้โดยสบาย ภายในห้องมีส่วนกั้นแยกเป็นห้องกระจกเล็กๆด้านใน และมีการ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าอยู่บริเวณด้านข้างประตูห้องมาด้วยค่ะ ส่วนระยะฝ้าเพดานบริเวณนี้สูง 2.00 เมตร

ผนังปลายเตียง เป็นกระจกสูงเต็มบานตลอดแนว ทำให้ได้แสงภายในห้องนอนเยอะ ดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด พร้อมมีหน้าต่างกระจกสามารถเปิดระบายอากาศได้ 1 จุด

ภายในห้องมีส่วนที่กั้นแยกด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2.75×1.0 เมตร สามารถ Built-in เป็น Walk-in Closet หรือ ชั้นเก็บของ เพิ่มเติมได้ค่ะ

ตู้เสื้อผ้ามีขนาดกว้าง 1.0 เมตร เป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอน หน้าบานเป็นกระจกสีเข้มเช่นกัน พร้อมมีชั้นเก็บของโปร่งๆ ด้านข้าง สำหรับวางของที่ใช้บ่อยๆ ได้ค่ะ ส่วนระยะจากเตียงถึงตู้เสื้อผ้าเหลือประมาณ 0.70 เมตร พอดีๆค่ะ

ห้องอเนกประสงค์มีขนาด 2.6×2.4 เมตร สามารถจัดเป็นห้องทำงานได้ หรือใครที่เสื้อผ้าเยอะๆสามารถจัดเป็น Walk-in Closet เพิ่มเติมได้ค่ะ สำหรับในห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องนอนเล็กไว้ให้ชมเป็นไอเดีย ภายในห้องจะมีพื้นที่แบบ Bay window เล็กๆ ขนาดกว้าง 1.0 เมตร สามารถวางเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ ซึ่งบริเวณนี้ติดตั้งเป็นหน้าต่างกระจก พร้อมบานกระทุ้งเล็กๆ 1 จุดด้านบน สามารถเปิดให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

ภายในห้องวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ไว้กลางห้องพร้อมยังมีทางเดินเหลือรอบเตียงได้พอดีๆ ส่วนผนังด้านข้างประตู มีการ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าไว้ให้ด้วยค่ะ

ตู้เสื้อผ้ามีขนาดกว้าง 1.0 เมตร เป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอน หน้าบานเป็นกระจกสีเข้ม ภายในตู้เสื้อผ้าจะมีช่องเก็บกระเป๋า หรือลิ้นชักสำหรับชุดชั้นในได้เป็นสัดส่วน

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

1 Bedroom Plus Duo Space 

แปลนห้อง 1 Bedroom Plus Duo Space 34.8 – 58.6 ตร.ม. (ตามโฉนด)

Penthouse

แปลนห้อง Penthouse 70.9 – 114.8 ตร.ม. (ตามโฉนด)

Park Origin ราชเทวี (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) ราคา ณ วันที่ 6 มกราคม 2566

• 1 Bedroom Duo Space 33.9 – 34 ตร.ม. (ตามโฉนด) ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท
• 1 Bedroom Plus Duo Space 34.8 – 58.6 ตร.ม. (ตามโฉนด)
• Penthouse 70.9 – 114.8 ตร.ม. (ตามโฉนด)
• ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ 280,000 บาท/ตร.ม.
• รูปแบบการขาย Partly Furnished
• ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 4.25 เมตร
• Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
• Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
• จอง 100,000 บาท
• ทำสัญญา 200,000 บาท
• ไม่มีผ่อนดาวน์
• ค่ากองทุน 750 บาท/ตร.ม.
• ค่าส่วนกลาง 95 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเล : พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี ตั้งอยู่ในย่านราชเทวี ฝั่งที่วิ่งไปประตูน้ำและสยามได้ ซึ่งได้เปรียบตรงที่ฝั่งนี้ยังไม่มีตึกสูงขึ้นมาเลย จะมีเพียง บริเวณแยกราชเทวีที่มีตึก Spring Tower ซึ่งอยู่ห่างออกไป โดยรวมแล้วถือว่าได้วิวรอบโครงการค่อนข้างโล่งทีเดียว ทั้งยังเป็นทำเลที่ความสมบูรณ์สูง“ใกล้สยาม” ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และความคึกคักสูงสุด ใจกลางเมือง นอกจากนี้ทำเลนี้ยังอยู่ใกล้เตรียมอุดมศึกษา และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย นอกจากนั้นก็ใกล้ย่านพญาไท และประตูน้ำ ซึ่งเป็นย่านที่ ความอุดมสมบูรณ์สูง มีอาคารสำนักงานตั้งอยู่มากมาย

การเดินทางโดยใช้รถ : โครงการพาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อย่างถนนเพชรบุรีฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางประตูน้ำ ทำให้สามารถเดินทางไป สยามพญาไท ได้ง่าย โดยที่สามารถเลี้ยวที่แยกราชเทวีได้เลย แต่ก็อย่างที่รู้กันดีว่าโซนนี้รถข้างติดพอสมควร ซึ่งตรงนี้สามารถกลับรถไปใช้ถนนบรรทัดทองเป็นตัวเลือกรองลงมาเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดได้ค่ะ ส่วนเรื่องที่จอดรถถือ อีกจุดหนึ่งของโครงการ เพราะจัดเต็มให้มาถึง 100% ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นโครงการใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้า ให้ที่จอดรถขนาดนี้สักเท่าไรนะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : เป็นโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้าเลยค่ะ ปัจจุบันที่ใกล้สุดคือ BTS ราชเทวี ประมาณ 400 ม. ซึ่งเดินได้สบายๆ แต่สำหรับในอนาคตจะใกล้กับ MRT ราชเทวี ที่สุด แต่รถไฟฟ้าเส้นนี้ปัจจุบันยังไม่เริ่มสร้างเลยนะคะ ซึ่งตรงนี้อาจจะใช้เวลานานหลายปีก็เป็นได้ค่ะ ส่วนรถสาธารณะอื่นๆก็ใช้ได้สะดวกเพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ สามารถเลือกใช้บริการได้ที่หน้าโครงการเลยค่ะ

วัสดุ : รูปแบบการขาย Partly Furnished พร้อมเฟอร์นิเจอร์บางส่วน อย่าง ตู้เสื้อผ้า, ชุดวางทีวี, ฐานเตียง ส่วนวัสดุถือว่าให้มาดีสมราคา ทั้งพื้น Engineering Wood ส่วนพื้นครัว,ระเบียง,ห้องน้ำ เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้  ประตูบานเลื่อนกระจกภายในแบบ Full Height ชุดครัวท็อปเป็นหินสังเคราะห์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก MEX พร้อม Backsplash กระจก รวมไปถึงสุขภัณฑ์ดูมีดีไซน์ทั้งหมดจาก Kasch นอกจากนั้นยังมี Home Automation คอยให้ความสะดวกสบายภายในตัวห้องอย่าง ที่สามารถสั่งงานเปิดปิดไฟ แอร์ และม่านผ่าน Application LifeSmart ได้เลย อีกทั้งยังได้ Digital Door Lock และ Smart Mirror มาด้วย และได้เครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type ด้วยค่ะ

การออกแบบโครงการ : พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี ทำออกมาได้ดีทั้งในแง่ของการจัดฟังก์ชันและการดีไซน์ ออกแบบให้แยกชั้พักอาศัยและชั้นส่วนกลางชัดเจนทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัว Facilities ก็จะเอาไว้ให้อย่างน่าสนใจโดยจะมีส่วนกลางชั้นล่างที่เน้นเป็นพื้นที่ต้อนรับและส่วน Supportการทำงาน ซึ่งอาจจะเป็นส่วนที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาบ่อย ก็จัดให้อยู่ชั้นล่าง เพื่อการจัดการได้ง่าย ไม่รบกวนลูกบ้าน อีกทั้งไฮไลต์คือส่วนกลางหลัก 4 ชั้นบน ที่ทุกฟังก์ชันสามารถเทควิวโดยรอบได้กว้าง บรรยากาศดีทุกห้องเลยค่ะ ส่วนการออกแบบตัวสถาปัตยกรรมก็ทำออกมาได้น่าสนใจ  มีการใช้เส้นโค้งในการออกแบบหลายส่วน เพิ่มความน่าสนใจให้กับ Space ภายในอาคาร  อีกทั้งพื้นที่ส่วนกลางจะใช้เป็นหินอ่อนหลากหลายรูปแบบ+ Copper ซึ่งทำออกมาได้ลงตัวสวยงามดีทีเดียว

การออกแบบห้อง : เป็นคอนโดห้องฝ้าเพดานสูง 4.25 เมตร ทุกห้อง เน้นเป็น 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus สำหรับ 1-2 คนไปจนถึงครอบครัวเริ่มต้น ภายในห้องจะได้หน้าต่างกระจกสูง ซึ่งทำให้ภายในห้องได้แสงธรรมชาติทั่วถึง อีกทั้งยังเทควิวได้เต็มตา ทั้งชั้นล่างและชั้นลอย  การจัดฟังก์ชันลงตัว แยกส่วนพักอาศัยและส่วน Service ชัดเจน ได้ครัวปิดทุกห้อง อีกทั้งชั้นลอยมีการกั้นห้องด้วยกระจกมาให้เรียบร้อย ได้ความเป็นส่วนตัวและไม่เปลืองแอร์

สาธารณูปโภค : ครบครันและหลากหลาย ให้มาเยอะจัดเต็มทีเดียวเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตภายในโครงการ มี Sky Facilities ที่รวมส่วนกลางหลักๆเอาไว้ทั้งหมด ข้อดีคือแม้เราจะไม่ได้อยู่ห้องชั้นบนๆ แต่เราก็ยังสามารถเห็นวิวมุมสูงของโครงการได้ จากพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งนอกจากส่วนกลางหลักๆอย่างสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ขนาดใหญ่แล้วยังมี Sky Lounge, Wine Lounge, Co-working Space, Thratre Room, Private Spa และสวนชั้นดาดฟ้า ซึ่งส่วนกลางหลายๆรายการต้อง booking ก่อนล่วงหน้าเพื่อความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัว ผ่าน Concierge service หรือ official line  นอกจากนั้น Concierge service ยังสามารถแนะนำผู้ให้บริการด้านต่างๆ ที่สามารถเรียกใช้บริการกันได้ถึงที่โครงการเลย อีกทั้งยังให้บริการในการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ร้านอาหารต่างๆ รวมถึงการบริการอื่นๆอีกมากมาย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 280,000 บาท/ตร.ม., 6 มกราคม 2566

• ทำเล 8.25/10 -ใกล้สยาม ความอุดมสมบูรณ์สูง  ได้วิวรอบด้านค่อนข้างโล่ง
• เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ติดถนนเพชรบุรี ใกล้แยกราชเทวี ไปสยาม พญาไท ประตูน้ำ สะดวก
• ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้ BTS ราชเทวี  400 เมตร เดินได้สบาย
• วัสดุ 7.75/10 – Partly Furnished ได้วัสดุดี พร้อม Home Automation หลายรายการ
• แบบ 8.25/10 – ฟังก์ชันลงตัวเป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดทุกแบบ
• สาธารณูปโภค 9.25/10 – ถือว่าให้มาเยอะ ครบครันหลากหลาย พร้อมมี Concierge Service

• LUXURY CLASS
• 8.275 / 10.00

Park Origin ราชเทวี (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) เหมาะกับใคร

โครงการ Park Origin ราชเทวี (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดห้องฝ้าเพดานสูง อยากได้ห้องวิวมุมสูง ใช้ชีวิตอยู่ในย่านราชเทวี หรือสยาม มองหาทำเลที่ใช้รถส่วนตัวสะดวก มีที่จอดรถ 100% แต่ยังคงเดินไปใช้รถไฟฟ้าได้ง่าย อยากได้ส่วนกลางจัดเต็ม เทควิวได้โดยรอบ ยูนิตไม่มากได้ความเป็นส่วนตัว ในราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท หรือ มีกำลังผ่อนต่อเดือน 63,000 บาทขึ้นไป

ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc