ปก Editor

รีวิวฉบับที่ 880 สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีคอนโดติดรถไฟฟ้ามาฝาก กับโครงการ The Editor สะพานควาย คอนโด High Rise 23 ชั้น ตัวโครงการอยู่ติดกับ BTS สะพานควายแบบเดินถึงได้ในไม่กี่ก้าว สถานะโครงการนี้สร้างเสร็จพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่แล้ว วันนี้เราเลยจะพาไปอัพเดทกันสักหน่อยว่า หน้าตาโครงการที่เสร็จแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามไปดูพร้อมๆกันเลยค่าา ^^

สามารถเข้าไปอ่านรีวิวโครงการ The Editor ก่อนสร้างเสร็จได้โดย (คลิกที่นี่)

Fact @ 21 July 2015  

  • The Editor (ดิ เอดิเตอร์) 
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ที่ ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท
  • คอนโด High Rise 23 ชั้น 1 อาคาร 240 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
  • ที่จอดรถนับช่องทั้งหมด 103 คัน คิดเป็น 45 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน 
  • ที่ดินประมาณ 1-1-73 ไร่
  • Studio (โครงการเรียกว่า 1 Bedroom Modernist) ขนาด 28.02.21-28.41ตร.ม. 
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 34.78-36.35 ตร.ม.  
  • 1 Bedroom Elegant ขนาด 47.91 ตร.ม. 
  • 2 Bedrooms Edition ขนาด 54.71 ตร.ม. 
  • ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.29 ล้านบาท หรือประมาณ 151,000 บาท ต่อตารางเมตร
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS สะพานควาย ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS สะพานควาย
  • http://www.stylishresidences.com
  • โทร 1739

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.794136, 100.549538

fianl.folder3.out.embed

แผนที่จากทางโครงการจะเห็นว่า The Editor สะพานควาย ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย

แผนที่กว้าง The Editor สถานที่แะ BTS

ทำเลของโครงการ The Editor สะพานควาย เป็นทำเลที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับ BTS สะพานควายที่เรียกได้ว่าเดินลงมาก็ถึงสถานีแล้ว จึงทำให้โครงการได้อานิสงค์ความพลุกพล่านของทำเลติดรถไฟฟ้าไปด้วย หากมองกว้างๆแล้วบริเวณรอบๆโครงการจะมีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7 Eleven, Lotus Express,ร้าน Boots, Office Mate ในระยะไม่ไกล สามารถเดินไปถึงกันได้ ส่วนห้างสรรพสินค้าและแหล่งช็อปปิ้งก็มี บิ๊กซีสะพานควาย, เซนทรัลลาดพร้าว ให้ไปจับจ่ายซื้อของกัน หากไม่สบายก็สามารถไปพึ่งพาโรงพยาบาลเปาโลได้

หากโฟกัสมาใกล้ๆโครงการ จะอยู่ใกล้กับไปรษณีย์สามเสน ซึ่งถือว่าหากใครรับส่งพัสดุบ่อยๆนี่สะดวกมาก โดยเฉพาะคนที่ขายของออนไลน์ อิอิ ส่วนเรื่องอาหารการกินแทบไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตั้งแต่หน้าโครงการเดินไปตามริมฟุตบาท ก็จะเจอร้านค้า ร้านอาหารอยู่ตลอดทาง ทั้งร้านอาหารใต้อาคาร และร้านริมฟุตบาท ที่ยิ่งบ่ายๆก็ยิ่งทวีความคึกคัก

สถานี BTS  สะพานควาย อยู่ระหว่างสถานี BTS อารีย์ และ BTS หมอชิต โดยหากไปบริเวณ BTS อารีย์จะมี La Villa อารีย์ให้ไปช็อปปิ้งเดินเล่นได้ ซึ่งหากเรานั่งรถไฟฟ้าไปทาง BTS  อารีย์นี้จะสามารถเข้าเมือง ไปทางอนุเสาวรีย์ชัยฯ, สยาม ได้ค่ะ ส่วนอีกที่คือ BTS หมอชิต ซึ่งเป็นสถานี interchange กับ MRT จตุจักร โดยแถวๆนี้มีสวนจตุจักร, ตลาดนัดจตุจักรโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์นี่คึกคักมา รวมทั้ง JJ.mall ให้ไปจับจ่ายซื้อของกันได้

โดยถ้าเทียบทำเลสะพานควายกับทำเลใกล้เคียงอย่างอารีย์ ก็ยังถือว่าเราเป็นรองเค้าอยู่นะคะ ใครที่เคยไปเดินเล่นแถวๆอารีย์ คงเข้าใจฟิลลิ่งบรรยากาศในซอยอารีย์ที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีร้านชิคๆน่าสนใจหลายร้าน แตกต่างจากสะพานควายที่ค่อนข้างจะจอแจ ด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของริมฟุตบาทกันตลอดวัน ส่วนทำเลจตุจักรที่อยู่ถัดออกไปก็เป็นอาคารพาณิชย์ และสำนักงาน ออฟฟิศซะเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งเป็นท่ารถตู้ รถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้สงบเท่าสะพานควายหรืออารีย์อยู่แล้วหละ

แผนที่กว้าง The Editor

การเดินทางด้วยรถยนต์ หลักๆจะใช้การเดินทางบนเส้นพหลโยธิน รถมักติดที่แยกสะพานควาย เข้าเมืองไม่ยาก ไม่ไกลจากทางด่วนมากนัก การที่อยู่บนถนนพหลโยธิน ทำให้มีจุดเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นต่างๆได้ง่าย

จากโครงการ ไปที่แยกสะพานควาย เลี้ยวขวาแล้ววิ่งบนถนนประดิพัทธิ์วิ่งตรงๆได้เลยจะสามารถไปทะลุถนนพระราม 6 ได้ หรือถ้าจะไปวิภาวดีฯก็ใช้ถนนสุทธิสารฯ แต่รถตรงนี้จะติดหน่อย และต้องระวังเรื่องช่องทางการจราจรที่ตอนเช้ากับตอนเย็นจะแตกต่างกัน ส่วนการจราจรขาเข้าเมือง ถ้าเทียบกับ BTS อารีย์แล้วก็ยังถือว่าเป็นรอง เพราะที่นั่นจะได้เปรียบเรื่องซอยอารีย์ ที่ไปพระราม 6 กับ ถนนพหลโยธิน 2 ที่ไปวิภาวดีได้ใกล้กว่า ใกล้ทางด่วนมากกว่าด้วย แต่ถ้าขาออกไป รัชดาแถว SCB Park, ลาดพร้าว BTS สะพานควายจะได้เปรียบกว่า ส่วนอีกทางก็ขับไปที่ห้าแยกลาดพร้าว สามารถตรงไปบนถนนพหลโยธินเพื่อไปเมเจอร์รัชโยธิน หรือตรงไปบางเขน, หลักสี่, สายไหมได้ หรือจะขึ้นสะพานวนรถเพื่อไปลงถนนลาดพร้าวก็ได้  หากเลี้ยวซ้ายไปบนถนนวิภาวดีฯ จะสามารถไปดอนเมืองและยังมีทางขึ้นโทลย์เวย์ไปรังสิตได้  หรือจะแยกขวาไปบนถนนวิภาวดีแล้วไปขึ้นทางด่วนดินแดงก็ได้

การเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ บนถนนพหลโยธินนี้รถเมล์ถือเป็นระบบขนส่งที่มีความสะดวกอยู่ไม่น้อยค่ะ เพราะป้ายรถเมล์ค่อนข้างถี่ อยู่ใกล้จตุจักรที่มีทั้งรถเมล์และรถตู้ที่มีให้เลือกหลายหลาย และยังอยู่ไม่ไกลจากอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วย ระยะห่างประมาณ 3 กม. ซึ่งอนุเสาวรีย์ชัยฯ ก็เป็นจุดต่อรถใหญ่ของกรุงเทพมหานครเลย เรื่องวินมอเตอร์ไซค์ที่นี่ไม่ต้องห่วงค่ะ มีทุกๆปากซอยและในซอย ส่วน Taxi ก็วิ่งผ่านตลอดเวลา 24 ชม.

เส้นทางเดิน The Editor

เส้นทางที่เราจะพาไปวันนี้ เราจะเริ่มจาก BTS สะพานควาย ประตูที่ 3 เดินไปดูบรรยากาศรอบๆโครงการบนถนนพหลโยธิน จนถึงแยกสะพานควาย แล้วเดินกลับมาที่ BTS สะพานควายประตูที่ 2 ค่ะ

เราจะเริ่มสตาร์ทกันที่ BTS สะพานควาย โดยใช้ทางออกที่ 3 กันค่ะ

ทางออกที่ 3 จะบังคับเราเลี้ยวซ้าย ซึ่งพอเลี้ยวมาปุ๊บ เราก็จะจ๊ะเอ๋กับโครงการ Editor สะพานควายแล้วค่ะ ระยะการมองเห็นจาก BTS จะอยู่ในช่วงชั้น  2-6 ซึ่งเป็นชั้นจอดรถนะคะ

เดินลง BTS สะพานควายมา จะเห็นคนยืนกันเต็มฟุตบาทเลย เพราะตรงนี้เป็นป้ายรถเมล์ค่ะ ด้านหลังเป็นวินมอเตอร์ไซค์ และถัดไปก็เป็น 7 Eleven ด้วย ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องความเปลี่ยวเลย

เราเดินยูเทิร์นย้อนขึ้นไปที่ BTS สะพานควาย ริมฟุตบาทด้านนี้จะเป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น และแผงลอยขายของตั้งอยู่เป็นระยะๆ

ฟุตบาททางเดินค่อนข้างกว้างเลยค่ะ จะเห็นว่ามีร้านเล็กร้านน้อยตั้งขายของกระจุกกระจิกกันอยู่เป็นจุดๆ จากตรงนี้เราก็เห็นโครงการ The Editor สะพานควาย แล้ว

รั้วด้านหน้าจะมีประตูทางเข้าสวนหย่อมหน้าโครงการ เป็นประตูเหล็กโปร่งสไตล์คลาสสิค

เราเดินเลียบหน้าโครงการต่อไป ฟุตบาทด้านหน้าค่อนข้างกว้าง เดินสบายๆค่ะ รั้วโครงการเป็นรั้วเหล็กโปร่งสลับกับปูนทาสีโทนเทา-ดำ มีการปลูกทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่มเตี้ย เพราะพื้นที่ด้านในเป็นสวนหย่อม 

เดินมาอีกนิดเดียว ก็จะถึงหน้าประตูทางเข้าโครงการ The Editor สะพานควาย แล้ว เดี๋ยวเราเดินวนดูบริบทรอบๆกันสักนิดนะคะ

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นบันไดขึ้น-ลง BTS และอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นบริษัทห้างร้าน ทำการค้าขายและบริการซะเป็นส่วนใหญ่

มองย้อนกลับไปตามทางที่เราเดินมา อาคารที่ติดกับรั้วโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้นค่ะ

ส่วนอีกฝั่งที่ติดกับโครงการคือไปรษณีย์สามเสนใน

โดยตัวอาคารไปรษณีย์สามเสนในเป็นอาคาร 2 ชั้นหน้าตาแบบนี้ค่ะ โดยระหว่างตัวอาคารไปรษณีย์สามเสนในจะมีซอยเล็กๆซึ่งเป็นทางเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน และสำนักงานไปรษณีย์นครหลวงเหนือได้

หน้าไปรษณีย์จะมีป้ายรถเมล์ ซึ่งในช่วงเวลาบ่ายของวันอังคารแบบนี้ ริมรั้วไปรษณีย์ค่อนข้างคึกคักไปด้วยแผงลอยเล็กๆของโต๊ะเช่าพระ ซึ่งพี่ๆเค้ามาตั้งกันตั้งแต่ช่วงสาย ยิงยาวจนถึงบ่ายๆเย็นๆแบบนี้เลยค่ะ

เดินต่อไปอีกนิดเราก็จะเจอทางขึ้น BTS สะพานควายอีกทาง ข้างๆเป็นโรงเรียนสอนขับรถยนต์และด้านหน้าที่เป็นประตูทางเข้าสีม่วงนี้เป็นร้านเครื่องเขียน ส่วนตรงเลียบบันไดทางขึ้น BTS นั้นจะเป็นแผงลอยขายรูปพระ เครื่องประดับ รวมทั้งสมุนไพรยาดม-ยาหอม ของกระจุกกระจิก

สปา ร้านนวดแผนไทยก็มี

ใต้บันไดเลื่อน ของ BTS ก็คราคร่ำไปด้วยพี่ป้าน้าอา แผงลอยเช่าพระอีกเช่นเคย

แถวนี้มีร้ายอาหารปักษ์ไต้-กลาง ที่ขายทั้งข้าวแกง ส้มตำ แถมมีขนมหวานจำพวกลอดช่องน้ำกระทิให้ตามสไตล์ข้าวแกงใต้

ผักก็มีแถมให้ฟรี

หน้าตาอาหารจ้า แอบถ่ายมาให้ดูนิดนึง เพราะร้านอยู่ใกล้ๆโครงการเอง เผื่อใครจะสนใจมาฝากท้อง

เดินต่อมาเราจะเจอกับห้องเสื้อสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ข้างๆเป็นรั้วของโครงการ The Signature by Urbano คอนโด High Rise 31 ชั้น ของพฤกษา ที่ล้อมรั้วเตรียมสร้างแล้ว

ถัดมาจะเป็น Tesco Lotus Express เปิด 24 ชั่วโมง

ใกล้ๆกันมีพี่วินคอยให้บริการด้วย

ค่าบริการพี่วิน ราคาตามนี้ค่ะ ถ้าจากวินนี้ไปโครงการอยู่ใกล้ๆไม่น่าเกิน 10 บาท

เราเดินต่อไปจะเห็นร้านค้าขายของกิน #เยอะมากมาย ทั้งร้านใต้อาคารพาณิชย์และร้านรถเข็น

เดินมาอีกนิดจะเป็นพิกัดของมีร้านข้าวมันไก่ “ศรีเหลืองโภชนา” ร้านดังที่มีข้าวมันไก่ไจแอนท์ ซึ่งมีจุดเด่นคือทางร้านมีโปรโมชั่น ถ้าใครกินข้าวมันไก่ไจแอนท์ คนเดียว ภายใน 1 ชม. หมด จะได้กินฟรีไปเลยไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ถ้ากินไม่หมด ก็จ่าย 500 บาท กินกันให้พุงกางไปเลยยยย

IMG_7490_Cover-620x392

หน้าตาข้าวมันไก่ไจแอนท์ ร้านศรีเหลืองโภชนา มาเป็นถาดเลยทีเดียว

เราเดินเลียบริมฟุตบาทต่อไป มีสุวัต คลินิกการแพทย์ ตรวจโรคทั่วไป เผื่อป่วยไข้ก็มาใช้บริการได้

ร้านขายยาโดยเภสัชกรก็มี มองตรงไปจะเห็นว่าข้างหน้ามีร้านแผงลอยขายของกินเยอะมากทั้งสองข้างทางเดินเลย

มองไปฝั่งตรงข้ามเราจะเห็น Big C สะพานควาย เป็นบิ๊กซีขนาดใหญ่ติดถนนพหลโยธินเลยค่ะ

ข้างหน้าจะมีทางม้าลายให้เดินข้ามไปบิ๊กซีได้ด้วย แต่เราจะเดินเลียบฟุตบาทไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะพาข้ามไปที่สะพานลอยข้างหน้า

เดินต่อมาก็ยังคงมีร้านข้ายอาหารน้อยใหญ่อยู่ ข้างหน้ามี  7Eleven ให้สามารถใช้บริการได้ด้วย ข้าง 7Eleven เป็นร้าน 50% Book จำหน่ายหนังสือการ์ตูนมือสอง

เดินต่อมา เมื่อมองไปทางขวามือเราจะเห็นอาคารสูงที่ตกแต่ง Facade ด้วยระแนงสีน้ำตาล นั้นคืออาคารของ ONYX พหลโยธินคอนโด High Rise 26 ชั้น ของแสนสิริ

ติดกันเป็นห้างทองนำเจริญ จำหน่าย รับทำ รับซื้อทองรูปพรรณต่างๆ

ร้านขายผ้า กระดุม ก็มีให้เลือกซื้อหา ร้านใหญ่ทีเดียว

ใกล้ๆกันเป็นร้านวัฒนา ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว  เนื้อตุ๋น

ร้านเค้กและเบเกอร์รี่  ร้านขนมไทย หรือร้านขายเครื่องสำอางค์ ก็มี

คลีนิกทันตกรรมเด้นท์โฮม สามารถมาทำฟันหรือจัดฟันก็ได้ค่ะ

ใกล้ๆกันมีทั้งร้านทำผม และสถานเสริมความงาม Ramai Clinic  สาวๆคงชอบ

ถัดมามีที่จอดรถ 50 บาทตลอดวัน เผื่อใครมาทำธุระแถวนี้ก็มาใช้บริการได้ค่ะ ด้านหน้าเป็นแก็งค์พี่วินมอเตอร์ไซค์เล็กๆ

เดินต่อไปเราก็จะเจอร้านขายเสื้อผ้า ยาววไปตลอดแนวฟุตบาทเลยค่ะ

เราเดินมาจนถึงสะพานลอยข้ามแยกสะพานควาย เดี๋วเราจะพาข้ามสะพานเพื่อไปยังฝั่งตรงข้าม และไปดูบรรยากาศมุมสูงบนแยกสะพานควายกันนะคะ

แยกสะพานควายจะเป็นสี่แยก ที่พาเราไปได้หลายทาง หากเลี้ยวซ้ายจะไปถนนสุทธิสาร สามารถไปห้วยขวาง,รัชดาได้ ส่วนเลี้ยวขวาจะไปถนนประดิพัทธิ์ สามารถไปพระราม 6 ได้ ส่วนบนเส้นถนนพหลโยธิน หากตรงไปจะสามารถไปอนุเสาวรีย์ชัยได้ แต่หากเลี้ยวรถกลับจะไปจตุจักร หรือห้าแยกลาดพร้าวได้ค่ะ

เราหันกลับมาดูที่ถนนพหลโยธิน ทั้งขาเข้า-ออกเมือง ปริมาณรถบนถนนมีเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง และติดขัดเป็นพักๆโดยเฉพาะช่วงเช้า-เย็น

เดี๋ยวเราจะพาเดินเลี้ยวไปบนสะพานลอยอีกด้าน เพื่อไปดูการจราจรบนถนนประดิพัทธิ์และถนนสุทธิสารนะคะ

บรรยากาศบนถนนประดิพัทธิ์ในเวลาบ่ายแก่ๆแบบนี้ รถก็มีความหนาแน่นปานกลาง บรรยากาศในซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และที่พักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

ลองหันมาดูบรรยากาศบนถนนสุทธิสารกันบ้างในช่วงเวลาเดียวกัน รถที่มาจากถนนสุทธิสาร เพื่อเข้าถนนพหลโยธินค่อนข้างหนาแน่นทีเดียว ส่วนรถที่วิ่งออกไปบนถนนสุทธิสารเพื่อออกไปยังห้วยขวาง, รัชดายังไม่หนาแน่นมากนัก บรรยากาศในซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และที่พักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

เราเดินย้อนกลับไปที่ BTS สะพานควายกันต่อนะคะ โดยจะพาเดินลงบันไดไปตามฟุตบาทบนถนนพหลโยธิน ซ้ายมือส่วนใหญ่เป็นตึกแถว 3-5 ชั้น เป็นแผงอาคารยาวไปเลย

ลงมาจากสะพานลอยปุ๊บ เราจะเจอร้านแผงลอยเยอะมาก ขายเอวรี่ติงจิงเกอเบล ตั้งแต่รองเท้า อาหาร ดอกไม้ เครื่องประดับ เรียกได้ว่าเบ็ดเตล็ดจัดหมวดหมู่ลำบากทีเดียว

ตรงนี้มีสำนักงานและตู้เอทีเอ็มของ LH Bank ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ ซ้ายมือเป็นแผงลอยขายดอกไม้ไหว้พระค่อนข้างเยอะ

เราเดินต่อไปก็จะพบทั้งร้านขายเสื้อผ้าที่มีให้เลือกเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าไหม ผ้าลายไทย และชุดไทย ฝั่งซ้ายมือเป็นร้านขายกระเป๋าหลากหลายรูปแบบ

ร้านขายทองก็มีติดๆกันเลย

ร้านแม่ทองใบ สาขาจากสะพานหัน ก็เป็นร้านขายชุดไทยอีกหนึ่งร้าน สังเกตว่าแถวนี้ร้านขายชุดไทยและร้านขายดอกไม้ไหว้พระค่อนข้างเยอะ จึงสงสัยว่าเอ.. แถวนี้จะมีศาลเจ้าแม่องค์สำคัญที่ชอบชุดไทยเป็นพิเศษ จึงมีคนนำชุดไทยและดอกไม้ไปถวายหรือเปล่า  แต่จากการบอกเล่าของคนในย่านนี้ก็บอกว่าไม่มีศาลอะไรสำคัญ เพียงแต่ว่าร้านชุดไทยแถวนี้มีหลายร้าน พอรวมตัวกันหลายๆร้านเข้าก็กลายเป็นถิ่นที่คนชอบมาเลือกซื้อชุดไทย อย่างเช่น งานรำ งานพิธี หรืองานโรงเรียนเท่านั้นเองค่ะ

ถัดไปเป็น Big C สะพานควาย หน้า Big C นี่ของขายเพียบ

ทางเข้า-ออก ที่จอดรถ Big C มีจุดจอดรถตุ๊กๆให้ด้วย

ถัดจาก Big C ก็มีสำนักงานและตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทยสามารถมาใช้บริการได้

ใกล้ๆกันเป็นโรงพยาบาลเปาโล เมมโมเรียล สะพานควาย

ถัดมาเป็นสำนักงานและตู้เอทีเอ็มของธนาคารธนชาต

ใกล้ๆกันเป็นร้าน Boots ที่มี Office Mate ร้านขายอุปกรณ์สำนักงานอยู่ด้านหลัง

ถัดจากร้าน Boots  มานิดเดียว เราก็จะเห็นทางขึ้น BTS สะพานควายแล้วค่ะ

แผนที่ซูม**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริบทโดยรอบ ทิศเหนือ ติดกับอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ทิศตะวันตก ติดกับสำนักงานไปรษณีย์นครหลวงเหนือ ทิศใต้ ติดกับไปรษณีย์สามเสนใน สูงประมาณ 2 ชั้น และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับ พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน ความสูง 6 ชั้น ส่วนทางทิศตะวันออก ติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควายค่ะ

แผนที่ซูมวิว

เราจะพาไปดูวิวจากมุมสองรอบๆโครงการกัน​ โดยจะเริ่มจากจุด A, B, C, D…….ไปจนถึงจุด H นะคะ

the editor 1

จุด A ทิศตะวันออก จะเห็นวิวของเมืองฝั่งรัชดาภิเษก ฝั่งซ้ายมือที่เห็นเป็นอาคารสูงๆนั้นคือ ตึก Ideo Mix คอนโด High Rise 23 ชั้นจาก Ananda

the editor 2

จุด B วิวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทางซ้ายมือจะเห็นตึกของ Ideo Mix แนวเส้นรถไฟฟ้านี้จะพุ่งไกลไปถึง BTS  หมอชิต ซึ่งเป็นจุดนำสายตาไปถึงห้าแยกลาดพร้าวค่ะ

the editor 5

จุด C ทิศเหนือ จะเห็นวิวสวนจตุจักร, ตลาดนัดจตุจักร และ JJ.mall เด่นชัดมากเลย

the editor 4

จุด D ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เห็นวัดไผ่ตันชัดเจนมากเลย มองไปไกลๆก็จะเห็นวิวเมืองฝั่งบางซื่อ

the editor 6

จุด E  ทางทิศตะวันตก จะเห็นวิวเมืองทางฝั่งบางโพไปถึงนนทบุรีค่ะ

the editor 7

จุด F ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นวิวเมืองทางฝั่งพระราม 5

the editor 8

จุด G ทางทิศใต้ จะเห็นวิวตึกและเส้นทางรถไฟฟ้า BTS ที่วิ่งไปทางอารีย์ สนามเป้า ไปถึงอนุเสาวรีย์ชัยฯ..สยาม…ไปเรื่อยๆ ฝั่งขาเข้าเมือง

the editor 3

และจุด H ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะเห็นวิวเมืองทางฝั่งดินแดง ไปถึงรัชดา พระราม9

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น 

  • โรงพยาบาลเปาโลเมมโมเรียล ~260 เมตร
  • บิ๊กซี สะพานควาย   ~350 เมตร
  • ตลาดนัดสวนจตุจักร  ~1 กม.
  • La Villa อารีย์  ~1.9 กม.
  • ยูเนี่ยนมอลล์  ~2.7 กม.
  • โรงพยาบาลพญาไท 2  ~2.9 กม.
  • ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว  ~3.0 กม.
  • อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ~3.5 กม.
  • โรงพยาบาลวิชัยยุทธ  ~3.4 กม.
  • เมเจอร์ รัชโยธิน  ~4.2 กม.
  • สยามสแควร์  ~6.3 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

 

โครงการ The Editor สะพานควาย เป็นคอนโดที่มีการออกแบบด้วยแนวคิด”CLASSIC WITH A TWIST” คือการสร้างสถาปัตยกรรมคลาสสิคมุมมองใหม่ในวิถีโมเดิร์น โดยมีความต้องการให้เป็นสถาปัตยกรรมแห่งการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความคลาสสิค นำมาตีความใหม่ ด้วยมุมมองแบบโมเดิร์นนิสต์ จึงถูกถ่ายทอดออกมาผ่านเส้นสายทางสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายแบบโมเดิร์นผสมกับการจัดวางองค์ประกอบและความพิถีพิถันตามสไตล์คลาสสิค จึงออกมาเป็นโครงการนี้ ตัวอาคารใช้โทนสีเทา-ดำ ดูเรียบขรึม แต่มีการเล่นลายที่พื้นผิวบางส่วนเพื่อสร้างลูกเล่นให้อาคาร

เรามาเริ่มกันที่ชั้นล่างสุดโดยดูการจัดวางฟังก์ชั่นจาก Master Plan กันก่อนนะคะ ที่ดินเป็น Shape สี่เหลี่ยมเกือบๆจะผืนผ้า มีส่วนที่เป็นสวนอยู่ด้านหน้าโครงการเล็กน้อย เข้าอาคารมาจะเป็นส่วนของ Shop จำนวน 2  Shop อีกฝั่งเป็น Lobby ทางเข้าอาคารมีโซฟานั่งพักคอย ห้องจดหมาย ทางเข้าห้องน้ำสาธารณะชาย-หญิง ห้องซักผ้า

การขึ้น-ลงอาคารจะใช้โถงลิฟต์จะอยู่ตรงส่วน Lobby มีประตูเข้า-ออกโถงโดยแตะคีย์การ์ด ลิฟต์โดยสารมีให้ทั้งหมด 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 120 : 1 ส่วน Service Lift มีให้ 1 ตัว จะเชื่อมต่อกับห้องพักขยะเพื่อให้แม่บ้านขนย้ายขยะลงมาได้สะดวกค่ะ

การเดินรถสามารถวนเข้าจากถนนพหลโยธินได้ มีที่จอดรถชั้นล่างนิดหน่อย เน้นการวนรถขึ้นไปจอดด้านบนอาคารมากกว่า โดยที่จอดรถเตรียมมาประมาณ 55% ของจำนวนยูนิต ซึ่งหากเทียบกับราคา 150,000 บาทต่อตารางเมตร ก็ต้องบอกว่ามีไม่มาก เพราะคนที่ซื้อคอนโดมิเนียมในระดับราคา 4 – 8 ล้าน น่าจะมีรถกันเกือบหมดทุกห้อง ดีที่โครงการนี้ใช้รถไฟฟ้าได้สะดวกมาก ความกดดันเรื่องที่จอดรถไม่พออาจจะลดลงไป

โดยประตูทางเข้าเป็นรั้วกั้นไม้กระดก แบ่งเป็น 2  เลน คือ เลนประตูทางเข้าและประตูทางออก มีระบบ CCTV ที่หน้าป้อมยาม และระบบ Access Card เป็นระบบ Easy Pass วิ่งผ่านโดยไม่ต้องแตะบัตร จะเป็นระบบคล้ายๆ Easy Pass บนทางด่วนเลยค่ะ คือวางคีย์การ์ดไว้ในรถแล้วสามารถผ่านเข้าไปได้เลยเป็น Sensor ระยะไกล

เข้ามาในโครงการเราจะเจอทางแยกไปซ้ายขวา ถนนกว้าง 6 เมตร ปูด้วยแสตมป์คอนกรีตโดยทางเดินรถจะเป็นทาง One Way วนรถอ้อมอาคารแล้วมาออกที่ลูกศรทางออกตามภาพเลยค่ะ ส่วนหากใครจะขึ้นลานจอดรถก็ให้ขับรถไปทางขวาเพื่อขึ้นจอดที่อาคารจอดรถได้เลย เดี๋ยวเราจะพาไปดูรอบๆโครงการกันก่อนนะคะ

เราเลี้ยวขวามาจะเจอกับทาง Slope ทางขึ้น ฝั่งซ้ายมือจะเป็น Shop และถัดไปจะเป็นทางขึ้นที่จอดรถ ส่วนทางขวามือจะเป็นสวนหย่อมหน้าโครงการ

สวนหย่อมอยู่ติดกับรั้วหน้าโครงการ ขนาดไม่ใหญ่มาก ต้นไม้ที่เลือกใช้หลักๆจะใช้สนามหญ้า, ไม้พุ่มเตี้ยตัดแต่งทรง และไม้ยืนต้นจำพวกต้นสน เพื่อสร้างบรรยากาศให้เป็นสวนสไตล์คลาสสิค

ข้างทางมีการใช้โคมไฟดีไซน์คลาสสิค และไฟสนามยิงขึ้นต้นไม้ เพื่อสร้างบรรยากาศในตอนกลางคืน มีการปูทางเดินบนสนามหญ้าเพื่อให้เดินเล่นในสวนได้ มองตรงไปเราจะเห็นประตูซุ้มโค้งสามารถเดินเข้า-ออกโครงการทางนี้ได้ค่ะ แต่ตอนนี้โครงการยังไม่เปิดให้ใช้เดินเข้า-ออกนะคะ น่าจะเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

ทางเดินเล็กๆในสวน ค่อนข้างร่มรื่น

ฝั่งตรงข้ามกัน ทางซ้ายมือเป็นทางขึ้นลานจอดรถบนอาคาร ส่วนทางขวามือเป็นทางเดินรถอ้อมไปออกนอกอาคาร เป็นทาง One way นะคะ เดี๋ยวเราจะพาขึ้นไปดูบนอาคารจอดรถก่อน แล้วพาออกมาดูทางเดินรถนอกอาคารนะ

ทางขึ้นลานจอดรถจะมีพี่ยามประจำการ 1 จุด พื้นทางราบเป็นพื้นแสตมป์คอนกรีต แต่พอเป็นพื้น Slope ขึ้นลานจอดรถไปจะเป็นพื้นปูนขัดมันเซาะร่อง เพื่อสร้างแรงเสียดทานให้รถไม่ไหล ระยะ Floor to ceiling ประมาณ 2.1 เมตร รถใหญ่ๆหรือรถกระบะที่บรรทุกของมาอาจจะต้องตรวจสอบความสูงนิดนึง

the editor 11 copy

ขึ้นมาด้านบนจะมี Lift Entrance หรือทางเข้าลิฟต์ให้ 2 ทาง มีป้ายบอกชั้น เช่น 2B ชัดเจนกันหลง ซึ่งลานจอดรถจะเป็นแบบนี้ไปทุกๆชั้นค่ะ

ลงมาจากลานจอดรถ เราจะพาไปดูทางเดินรถรอบๆอาคารกัน ระยะระหว่างอาคารของ The Editor กับอาคารพาณิชย์ 5 ชั้นที่อยู่ด้านข้างห่างกันประมาณ 6  เมตร(เนื่องจากถนนรอบอาคารกว้าง 6 เมตร) เดินมาตรงนี้จะรู้สึกโดนขนาบด้วยอาคารสูงทั้งสองข้างเลย แต่รอบรั้วอาคารก็มีการปลูกต้นไม้เป็นกำแพงสีเขียวทำให้บรรยากาศโดยรวมร่มรื่นขึ้น

เราเดินเข้ามาจนเกือบถึงมุมตึก จะเห็นว่าทางซ้ายมือที่ตัวอาคารมีประตูทางเข้าซึ่งเป็นห้องงานระบบ ห้องแม่บ้าน ซึ่งเป็นส่วน Service ของอาคาร ถัดไปจะเป็นที่จอดรถใต้อาคารค่ะ เผื่อใครต้องการจอดชั่วคราวหรือไม่อยากขึ้นไปจอดบนตึกก็มาจอดตรงนี้แทนได้

เดินมาด้านหลังอาคารจะเป็นที่จอดรถใต้อาคารทั้งรถยนต์และที่จอดมอเตอร์ไซค์ ส่วนทางขวามือเราจะเห็นป้าย One way มีลูกศรชี้ให้ตรงไปเลี้ยวซ้ายจะสามารถไปประตูทางออกได้

เราเลยเดินเลี้ยวซ้ายมา จะเห็นว่าใต้อาคารยังคงเป็นที่จอดรถยนต์เช่นเดิม มองตรงไปจะเป็นประตูทางออกอาคาร ซึ่งจะเห็น BTS สะพานควายอยู่ข้างหน้าเต็มๆเลยค่ะ

มาดูบรรยากาศด้านในอาคารกันบ้าง มองตรงไปเราจะเห็นห้องผนังกระจกเต็มๆนั้นคือ Shop ซึ่งมีทั้งหมด 2 Shop ซึ่งขณะนี้ทางโครงการยังเปิดขายอยู่

ข้างหน้า Shop มีชุดโซฟาให้นั่งเล่น รอเพื่อนได้ด้วย

ซึ่งจากตรงนี้สามารถเดินขึ้นไปลานจอดรถ หรือจะไปเดินเล่นที่สวนหน้าโครงการก็ได้

ถัดจาก Shop จะเป็นทางเข้า Lobby ของโครงการ ประตูเป็นบานเลื่อนอัตโนมัติค่ะ

เข้ามาในส่วน Lobby จะมีเคาท์เตอร์ต้อนรับจะรู้สึกเหมือนเข้ามาในโรงแรม มีโซฟานั่งพักคอยประมาณ 4  จุด ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สามารถนั่งได้ตามขนาดกลุ่มสนทนา การตกแต่งโดยรวมตามสไตล์คลาสสิคผสมโมเดิร์น mood and toon สีขาว-เทา-ดำ ตกแต่งด้วยไฟสีส้มให้ความรู้สึกอบอุ่น ผสม Retro เล็กน้อยด้วยสไตล์ของโคมไฟที่นำมาตกแต่ง

ฝั่งขวามือจะมีทางเดินไปยังประตูทางเข้าโถงลิฟต์ ห้องจดหมาย และหากเลี้ยวขวาไปจะสามารถไปยังห้องน้ำส่วนกลางได่ค่ะ

เราเดินมาจนสุดทางจะเจอห้องจดหมาย ตรงกำแพงมีลูกศรชี้บอกทางข้างหน้าเป็นสำนักงานและห้อง Mails Box

เปิดเข้ามาจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผนังทั้งสามด้านเป็นตู้จดหมายสูงถึงฝ้าเพดาน ในห้องมีรถเข็นไว้ห้เผื่อลูกบ้านใช้สำหรับใส่ของ

รถเข็นยืมแล้วเก็บไว้ที่เดิมด้วยนะคะ 🙂

ออกจากห้องจดหมายแล้ว เราจะพาเดินไปข้างหน้า ซึ่งมีลูกศรชี้ทางไปห้องประชุม ซึ่งตัวห้องประชุมนี้จะเป็นประตูที่อยู่ทางซ้ายมือยังไม่เปิดใช้งานนะคะ เดี๋ยวเราจะพาเดินตรงไปเปิดประตูข้างหน้าดูว่ามีอะไร

พอเปิดประตุออกมาจะเป็นโถงห้องน้ำ ทางซ้ายมือสุดเป็น Laundry room  ส่วนห้องที่อยู่ทางขวามือเป็นห้องน้ำหญิงชายและห้องน้ำหญิง

ข้างห้องน้ำหญิงมีบันไดทางขึ้นเพื่อไปทะลุออกยังลานจอดรถ และสวนด้านหน้าโครงการได้

เข้ามาในห้องน้ำเราจะเจออ่างล้างหน้า 2 อ่าง พร้อมกระจกเงาบ่นใหญ่สไตล์วินเทจ

ห้องส้วมมีให้จำนวน 2 ห้อง

ออกจากห้องน้ำเราจะกลับไปที่ Lobby เพื่อพาขึ้นไปยัง Facilities ส่วนอื่นๆซึ่งต้องผ่านโถงลิฟต์กันก่อนนะคะ

ทางเข้าโถงลิฟต์จะเป็นประตูบานกระจกบานเปิด-ปิด มือจับก้านโยกสแตนเลส โดยเวลาเราจะเข้าก็ต้องใช้การ์ดสแกนเข้าที่ ACCESS CARD ที่อยู่ทางขวามือของประตูก่อน

พอเข้ามาในโถงลิฟต์บรรยากาศจะเป็นแบบี้ค่ะ ฝ้าเพดาน Arch โค้ง มีแชนเดอเลียทรงคลาสสิคห้องสร้างบรรยากาศ เนื่องจากพื้นที่โถงค่อนข้างจำกัด จึงเก็บภาพได้ไม่ทั้งห้อง จึงตัดต่อมาให้ดูว่าเวลาต้องการออกจากอาคารจะมีปุ่มที่อยู่ทางซ้ายมือ ให้กดลงไปแล้วประตูจะเปิดเองนะคะ ลิฟต์โดยสารมีให้ทั้งหมด 2 ตัว เดี๋ยวเราขึ้นไปดูข้างบนกันดีกว่า

หน้าตาลิฟต์โดยสารทั้งภายในและภายนอกจะเป็นแบบนี้ค่ะ

ปุ่มกดของลิฟต์ทั้งหมดจะหน้าตาเป็นแบบนี้ ด้านข้างมีบอร์ดเล็กๆสำหรับติดประกาศข่าวสารภายในคอนโดด้วย

ลิฟต์ของที่นี่จะเป็นแบบใช้การ์ด โดยเข้าลิฟต์มาเราจะต้องใช้การ์ดสแกนตรงนี้ก่อนเลย จากนั้นก็เลือกชั้นที่ต้องการค่ะ โดยด้านบนปุ่มกดเลือกชั้นจะมีตำแหน่งของ Facilities ต่างๆบอกไว้ด้วย คือชั้น 1 เป็น lobby, ชั้น 2-6 เป็นชั้นจอดรถ, ชั้น 7-22 เป็นชั้นพักอาศัย ส่วนชั้น 23 เป็นชั้น Facilities  ป้ายนี้จึงสามารถเป็น guideline ไว้ให้ลูกบ้านค่ะ

ชั้น 23 จัดเป็นส่วนกลางทั้งชั้น ซึ่งประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, ห้อง Exclusive Modernist Lounge หรือห้องอเนกประสงค์, ห้องน้ำส่วนกลางแยกชายหญิง, ห้องสมุด, ห้อง Fitness และที่พิเศษคือ ห้อง Squash ที่เป็น Facilities ที่ไม่ค่อยเห็นในคอนโดบ่อยนัก

เราขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 23 บรรยากาศของโถงลิฟต์จะเป็นแบบนี้ค่ะ สุดทางมีป้ายบอกทางไปยัง Facilities ต่างๆ

โดยหากเราเลี้ยวซ้ายจะไปยัง Blue Horizon Pool หรือสระว่ายน้ำและ Exclusive Modernist Lounge ส่วนหากเลี้ยวขวาจะเป็น Club Vital Fitness, Wisdom Library และ Squash ข้างล่างป้ายบอกทางมีโต๊ะสำหรับวางสมุดลงทะเบียน เพื่อให้ลูกบ้านที่มาใช้ Facilities เซ็นชื่อลงทะเบียนไว้ด้วย

เราจะพาเลี้ยวขวาไปดู Club Vital Fitness, Wisdom Library และ Squash กันก่อนนะคะ โดยประตูทางด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้องน้ำส่วนกลางชาย-หญิง เดี๋ยวเราจะพากลับมาดูอีกที

เปิดประตูเข้าไป เราจะเจอกับ Wisdom Library ที่เป็นห้องสมุด มีทั้งชั้นหนังสือและโต๊ะสำหรับนั่งอ่านหนังสือ

ระเบียบการใช้บริการห้องสมุด

สวิตซ์ที่ใช้ปิด-เปิดไฟในห้องส่วน Facilities ทั้งหมดจะเป็นแบบนี้นะคะ เมื่อกดเปิดไฟจะขึ้น แต่พอปิดไฟที่สวิตซ์จะดับ ป้องกันการลืมปิดไฟและง่ายต่อการสังเกต

เราเลี้ยวไปดูทางซ้ายมือก็จะเป็นโต๊ะใหญ่สำหรับประชุมหรือนั่งทำงาน ส่วนที่ผนังมีการ Built-in ชั้นหนังสือ พร้อมกับหนังสือหลากหลายให้เลือกอ่าน

ลองเปิดผ้าม่านทั้งหมดให้ดู บรรยากาศของห้องก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบค่ะ สว่างขึ้นมาทันที  แต่ด้วยความที่ห้องนี้อยู่ทางทิศตะวันออก จึงมานั่งเล่นที่ห้องนี้ได้ทั้งวันนะคะ ไม่ค่อยร้อนมาก

โดยวิวจากห้องสมุดนี้ หากมองออกไปทางทิศเหนือจะเห็นวิวสวนจตุจักร และรถไฟฟ้า BTS มองได้กว้างๆเลย เพราะไม่มีตึกสูงบังวิว

ส่วนวิวทางทิศตะวันออก จะเห็นวิวเมืองทางฝั่งรัชดา อาจจะมีตึกของ Ideo Mix ที่อยู่ทางซ้ายมือ ให้เกะกะสายตาบ้างเล็กน้อย

ส่วนใครที่กลัวความสูงก็ไม่ต้องกลัวว่ามองลงไปจะหวาดเสียว เพราะด้านนอกมีการยื่นออกไปเป็นระเบียง พื้นโรยด้วยก้อนหิน และวางกระถางต้นไม้สร้างบรรยากาศ  ลดความน่าหวาดเสียวไปได้เยอะ รวมทั้งช่วย Save เรื่องความปลอดภัยด้วย เพราะเผื่อเกิดอุบัติเหตุ กระจกแตก หรืออะไรหล่น จะได้ตกอยู่แค่ระเบียงไม่หล่นลงไปที่พื้นด้านล่าง

มุมมองเมื่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องสมุด ก็ชิวดีนะคะ

อีกส่วนของห้องสมุดจะเป็นชั้นวางหนังสือที่มีหนังสือให้เลือกอ่านหลากหลาย และโต๊ะกลางสำหรับวางของได้อเนกประสงค์ ถัดจากห้องสมุดไปจะเป็นห้อง Fitness และ Squash ประตูทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนลูกฟักกระจกสไตล์วินเทจ

พื้นมีการลดระดับเป็นชานพักหินอ่อน 1 ระดับ ส่วนพื้นห้องออกกำลังกายเป็นลามิเนตลายไม้สีเข้ม

เข้ามาในห้อง Fitness จะเห็นว่าบรรยากาศดดยรวมค่อนข้างโปร่ง เพราะมีกระจกรอบด้าน สามารถออกกำลังกายไปและมองวิวข้างนอกไปได้เต็มที่ โดยในห้องนี้มีเครื่องเล่นให้ประมาณ 10 เครื่องค่ะ

ระเบียบการใช้ห้อง Fitness

ทางทิศตะวันออก มีเครื่องเล่นหลากหลาย วิวด้านนอกที่มองออกไปจากด้านนี้จะไม่ต่างกับวิวทางทิศตะวันออกของห้องสมุดมากนักค่ะ

ห้องออกกำลังกายอีกด้านจะอยู่ทางทิศใต้ เป็นกระจกสูงโปร่งเช่นกัน ตรงนี้มีทั้งที่ Sit-up และลู่วิ่ง

สามารถวิ่งไปมองวิวทางฝั่งในเมืองไปทางอารีย์ สนามเป้า อนุเสารีย์ชัยได้

อีกด้านของห้องมีเครื่องออกกำลังแขน และโยคะบอล ผนังติดกระจกเงาให้สามารถเช็คความเฟิร์มของบอดี้ได้และชวยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ข้างๆกันเป็นห้อง Squash ที่ผนังทางเข้าเป็นกระจกเต็มบานเลย

ห้อง Squash สามารถมาใช้บริการได้ตลอดเวลา หากใครไม่มีไม้กับลูก Squash สามารถติดต่อที่ Lobby เพื่อยืมมาเล่นก่อนได้  ส่วนถ้าใครจะใช้ห้องนี้ทำกิจกรรมอื่นอย่างเช่น เล่นโยคะ ก็สามารถดัดแปลง ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความเหมาะสมค่ะ

โดยทางเข้า-ออก ห้อง Fitness, Squash และห้องสมุดจะใช้ทางเดียวกันคือทางนี้ เดี๋ยวเราจะพาออกไปดู Facilities ส่วนอื่นๆกันต่อค่ะ

ออกจากห้องสมุดมา ก็จะเป็นโถงทางเดินยาวไปจนสุดทางอีกด้านที่เป็นสระว่ายน้ำ ขวามือเป็นห้องน้ำ ส่วนทางซ้ายมือเป็นโถง Service Lift ค่ะ

Service Lift สำหรับเจ้าหน้าที่และแม่บ้าน

ห้องน้ำส่วนกลางมีให้จำนวน 2 ห้อง คือห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิง

ห้องน้ำค่อนข้างกว้าง มีอ่างล้างหน้า, ห้องส้วม 2 ห้อง, ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง, ตู้ล็อกเกอร์จำนวน 9 ล็อก และมีห้อง Steamให้จำนวน 1 ห้อง

อ่างล้างหน้า 2 อ่าง พร้อมกระจกเงาบานใหญ่สไตล์วินเทจ

ถัดไปเป็นห้องส้วมและห้อง Steam

ด้านในห้อง Steam

หน้าห้องมีแผงควบคุมสำหรับปิด-เปิดไฟ และปรับระดับความร้อนได้

ห้องส้วมจำนวน 2 ห้อง

ห้องอาบน้ำจำนวน 1 ห้อง

ออกจากห้องน้ำ เราจะพาไปดูห้อง Exclusive Modernist Lounge กันต่อ

เปิดประตูเข้ามาจะเป็นโซฟานั่งเล่นขนาดใหญ่ รวมทั้งโต๊ะเก้าอี้ขนาด 4 ที่นั่ง

เมื่อเปิดผ้าม่านออกมาก็จะได้ห้องที่ค่อนข้างโปร่ง แสงเข้าดีมาก และด้วยความที่ห้องนี้อยู่ทางทิศเหนือ จึงไม่ทำให้ร้อนมากนักในตอนบ่าย

ส่วนมุมมองจากช่องเปิดอีกด้าน ก็สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอกได้ค่ะ

จากห้อง Exclusive Modernist Lounge จะมีประตูทางออกไปสู่สระว่ายน้ำด้านนอก

พอเดินออกมาที่ประตู จะเห็น Day Bed ริมสระขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางจำนวน 2 เตียง สามารถนอนเล่นมองวิวข้างนอกได้ชิวๆ

the editor

โดยวิวที่มองเห็นจากสระว่ายน้ำจะเป็นวิวเมืองฝั่งสาทร สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดกว้าง 4.50 x 20.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร มีอ่างจากุชชี่ให้ 1 อ่าง ราวกันตกเป็น Tempered Glass

อ่างจากุชชี่

เราเลี้ยวขวามาดูสระว่ายน้ำด้านนี้กัน บน Pool Deck จะมี Day Bed ขนาดเล็ก ปรับระดับได้ ถัดไปเป็นโซนอาบน้ำริมสระ

ที่อาบน้ำริมสระ พื้นมีการลดระดับเล็กน้อย มีฝักบัวให้ 1 ชุด

จากมุมนี้มองไปยังสระว่ายน้ำฝั่งตรงข้าม จะมีบันไดลงสระให้ 1 จุด

บรรยากาศโดยรวมบน Pool Deck จะมี Day Bed ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ พร้อมโต๊ะกลาง ตลอดทางเดินริมสระว่ายน้ำ เดี๋ยวเราจะพาไปดูสระว่ายน้ำอีกฝั่งนะคะ

เราเดินตรงไปเรื่อยๆบน Pool Deck จะเจอกับทางเข้าห้องนั่งเล่นริมสระว่ายน้ำ

เมื่อเดินเข้ามาจะเจอห้องรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีโซฟานั่งเล่นพร้อมโต๊ะกลางให้จำนวน 2 ชุด

โดยเมื่อนั่งเล่นอยู่ที่โซฟา ก็จะได้วิวสะว่ายน้ำพร้อมวิวเมืองแบบนี้เลยค่ะ

กฏระเบียบการบริการสระว่ายน้ำ

ต่อไปเป็นชั้น 24 โครงการใช้ชื่อว่า  Sky Arena Amphitheare เป็นสวนดาดฟ้าที่มีลาน Serenity Yoga ส่วนนั่งเล่น และเดินเล่นในสวน

โดยทางขึ้นชั้นดาดฟ้าหรือชั้น 24 จะต้องเดินขึ้นทางบันไดหนีไฟของชั้น 23 ค่ะ

เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับป้ายบอกทางตามผนัง เลี้ยวซ้ายขึ้นบันไดไปเลยค่ะ

ขึ้นบันไดมาก็จะเจอป้ายบอกทางชั้น 24 ให้เปิดประตูออกไปอีกชั้นหนึ่ง

อีกชั้นหนึ่ง ตรงนี้จะเริ่มนึกถึงฉากในหนังสไตล์สายลับจับขโมยเล็กน้อย

พอเดินขึ้นมา เลี้ยวซ้าย ก็จะเจอกับประตูที่มีแสงสว่างลอดมารำไรแล้วว

พอเปิดประตูมา เราก็จะเจอส่วนดาดฟ้า Sky Arena Amphitheare และ Serenity Yoga

พอเดินขึ้นบันไดมา เราจะเจอกับลานกว้างๆที่แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือลานกิจกรรมและลานโยคะ

โดยพื้นที่ลานจะมีลักษณะเป็น Amphitheare มีที่นั่งไล่ลงมาลักษณะคล้ายๆบันได สามารถมานั่งเล่น ทำลานปาร์ตี้ หรือกิจกรรมได้อเนกประสงค์

เมื่อเดินขึ้นบันได Amphitheare ขึ้นมาด้านบนจะเป็นทางเดิน ที่นั่งเล่นและสวนที่มีการปลูกต้นไม้ค่อนข้างร่มรื่น

จากด้านบนมองลงมา ก็จะเห็นลานกว้างๆที่ปูสนามหญ้า และปลูกต้นไม้รอบๆ หากมายืนบ่ายๆจะร้อนมากเลยนะคะ เพราะไม่มีต้นไม้ปลูกให้ร่มเงาเลย โดยรวมแล้วพื้นที่นี้จะเหมาะกับการจัดปาร์ตี้เล็กๆตอนกลางคืน หรือมานั่งเล่นรับลมตอนเย็นเวลาแดดร่มลมตกมากกว่า

จากชั้นดาดฟ้า เราจะพาเดินลงไปดูชั้นยูนิตพักอาศัยที่ชั้น 7  กันค่ะ

Floor Plan ตั้งแต่ชั้น 7-22 จะเป็นชั้นยูนิตพักอาศัย ที่มีทั้งหมด 15 ห้องต่อชั้น ทางเดินเป็นแบบ Single Loaded Corridor ซะส่วนใหญ่ เพราะช่องลิฟต์อยู่ตรงกลางอาคาร ดังนั้นระยะจากห้องพักถึงลิฟต์จึงไม่ไกลกันมาก และด้วยความที่ห้องพักอยู่ด้านนอกของอาคารทั้งหมด Space  ภายในจึงสามารถทำช่องเปิด Take View ได้ทุกห้องเลยค่ะ

เราจะไปดูห้องตัวอย่างที่อยู่ชั้น 7 กันค่ะ โดย เดินออกมาจากโถงลิฟต์จะเจอตัวเลขบอกชั้น และมีลูกศรชี้ทางบอกเลขห้อง หากออกลิฟต์มาแล้วเลี้ยวขวา จะเห็นเป็นทางเดินสามแยก ที่สุดทางจะเห็นกำแพงเป็นลวดลายซึ่งเป็นประตูเปิด-ปิด เพื่อ Service งานระบบค่ะ

พอเราเดินมาที่ทางสามแยกนี้มองไปทางขวามือจะเป็นห้องพักจนสุดทางค่ะ

ส่วนทางซ้ายมือที่สุดปลายทางเดินจะเป็นช่องเปิดกระจกเต็มบาน ช่วยให้อากาศถ่ายเทและแสงธรรมชาติเข้าได้ดีค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • A-List Lobby
  • Blue Horizon Pool สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4.50 x 20.00 เมตร ลึก 1.2 เมตร และ Vista Jacuzzi
  • Club Vital Fitness 1 ห้องใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
  • Dialogue Meeting Room
  • Oasis Yard
  • Squash Club
  • Wisdom Library
  • Exclusive Modernist Lounge
  • สวนดาดฟ้า ที่ประกอบด้วย Sky Arena Amphitheatre และ Serenity Yoga
  • Tech 24 Wi-Fi
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 120 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถนับช่องทั้งหมด 103 คัน คิดเป็น 45 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

TheEditor_OneBed_B2

มาเริ่มกันที่ ห้อง Studio(แต่โครงการเรียกว่า 1 Bed Modernist) ขนาด 28.41 เมตร ข้อดีของห้องนี้คือมีประตูเลื่อนกั้นส่วนที่สามารถกั้นส่วนครัวออกจากห้องนอนได้ เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และมีส่วนของห้องแต่งตัว Walk-in Closet เล็กๆอยู่ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องน้ำและห้องอาบน้ำ สำหรับคนที่ชอบห้องเก็บของ ตรงนี้ก็จะเหมาะ แต่ห้องนี้ถูกออกแบบมาคล้ายๆกับ Studio ตามโรงแรม ที่ไม่มีห้องรับแขกแยกส่วน​ เน้นความสำคัญของห้องนอนเป็นหลัก โซฟาต่างๆ โต๊ะกินข้าวทั้งหมดก็จะอยู่ในห้องนอนนี้แหละ โดยจะตัดเอาพื้นที่ริมหน้าต่างบางส่วนมาทำโซฟา Built-in แผงโต๊ะยาวๆเอาไว้วางทีวีและทำงานไปด้วย ถัดไปเป็นระเบียงจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ยังเผื่อพื้นที่ติดตั้งเครื่องซักผ้าไว้ให้ในอนาคต ซึ่งตรงนี้อาจจะมีผลเรื่องซักผ้าตากผ้าบ้างเพราะพื้นที่ค่อนข้างน้อย

โดยโครงการให้ห้องแบบ Fully Furnished นะ ดังนั้นทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัว ที่ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องนี้ โครงการให้เราหมดเลย รวมทั้งแอร์ก็ติดตั้งให้ด้วยค่ะ

ประตูห้อง ใช้บานประตูสำเร็จรูปสีขาว ขนาด 0.90 x 2.00 เมตร มือจับประตูแบบก้านโยก และมีตาแมวให้ตามมาตรฐานค่ะ

มือจับสแตนเลสแบบก้านโยกทั้งด้านในและด้านนอก

เลขห้องจะใช้ตัวอักษรสีน้ำตาลติดผนังแบบนี้ น่ารักดี

พื้นห้องยกธรณีประตูขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนที่ยกระดับปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้  และปิดคิ้วด้วยคิ้วสำเร็จรูปลามิเนตลายไม้ ส่วนพื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตลายไม้สีเดียวกัน

เข้าประตูมาเราจะเห็นผนังทางเข้าแบบนี้ค่ะ ซึ่งโครงการ Built-in ตู้วางรองเท้าและเก็บของสีเทาสไตล์วินเทจ ลูกฟักเป็นตะแกรง ถ้าใช้ไปนานๆอาจจะอมฝุ่นบ้าง ต้องขยันทำความสะอาดหน่อยนะคะ หน้ากว้างประมาณ 0.75 เมตร เวลาปิด-เปิด หน้าตาก็จะเป็นแบบนี้เลยค่ะ พื้นที่ข้างๆสามารถหาเก้าอี้เล็กๆมาวางเผื่อนั่งเปลี่ยนรองเท้า และติดตั้งกระจกเงาตรงนี้ เพื่อตรวจเช็คลุคก่อนออกจากห้องได้ค่ะ

พื้นตู้รองเท้าชั้นล่างมีรางระบายอากาศให้ด้วย บานพับเป็นแบบ Soft closed ทั้งหมด

พอเลี้ยวมาทางขวามือจะเป็น Corridor ทางเดินกว้าง 1.15 เมตร ที่ทางซ้ายมือโครงการได้ Built-in ชุดครัวมาให้ด้วย

ถ่ายให้เห็นกันชัดๆ ชุดครัวที่โครงการติดตั้งมาให้นี้จะเป็นสไตล์วินเทจ วัสดุปิดผิวชั้นเก็บของทั้งหมดเป็น Melamine โดยวัสดุที่ให้จะประกอบด้วย เคาท์เตอร์ครัวด้านล่าง-ด้านบน, ซิงค์ล้างจาน, เตาและที่ดูดควัน ส่วนตู้เย็นโครงการไม่ได้แถมมาให้นะคะ

เคาท์เตอร์ด้านล่าง โครงการติดตั้งมาให้ในลักษณะนี้ โดยใต้ซิ้งค์ล้างมือติดตั้งถังขยะมาให้ ช่องเปิดและชั้นวางด้านในให้มาตามนี้เลยค่ะ

เมื่อเปิดตู้ออกมาจะเหลือ่พื้นที่ทางเดินประมาณ 0.55 เมตร

บานพับของชุดครัวจะเป็นแบบ Soft closed ทั้งหมด

Top เคาท์เตอร์ครัวเป็นหินเทียมสีขาว ส่วนผนังตรงเคาท์เตอร์ปูด้วยกระเบื้อง แน่นอนว่าด้วยพื้นผิวที่ค่อนข้างลื่นทำให้สามารถทำความสะอาดได้ง่าย แต่ลักษณะของกระเบื้องที่มีร่องยาแนวค่อนข้างเยอะ อาจทำให้การทำความสะอาดไม่ได้ง่ายเท่าที่ควร

อ่างล้างจานทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกลางๆไม่ใหญ่มาก ของ Mex

ก็อกน้ำทรงโค้ง สามารถหมุนได้ซ้ายขวา

เตาและที่ดูดควันของ Mex

เคาท์เตอร์ด้านบนเป็นบานเปิด – ปิด ชั้นวางของด้านในลักษณะตามภาพเลยค่ะ 

ส่วนตู้ด้านบนตู้เย็นจะเป็นที่ติดตั้งเมนบอร์ดไฟ ส่วนตู้เย็นไม่มีให้ แต่จะเว้นช่องว่างขนาด 0.50 x 0.70 เมตร สูง 1.78 เมตร ไว้ให้แทนค่ะ

ระหว่างห้องครัวกับห้องนอนจะมีประตูบานเลื่อนเพื่อกั้นเปิด-ปิดให้แบบนี้ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าที่พื้นไม่มีรางเลื่อนประตูให้เกะกะเลย

เพราะโครงการได้ติดตั้งรางเลื่อนไว้ด้านบนฝ้าเพดานแทน ที่พื้นจึงราบเรียบไม่มีรางเลื่อนมาเกะกะ

โดยบานประตูที่ใช้เลื่อนปิด-เปิดนี้หน้าบานมีความกว้าง 1 เมตร สูง 2.05 เมตร มีมือจับให้ทั้งสองด้านของประตู

เพราะจะได้จับเลื่อนซ้ายเพื่อปิดประตูห้องครัว และเลื่อนขวาเพื่อปิดประตูทางเข้าห้องน้ำได้ ตามการใช้งานค่ะ

ห้องนอนขนาด 3 x 3.78 เมตร โครงการให้เตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุตมาให้แบบนี้เลย แต่ไม่รวมฟูกนะคะ

หัวเตียงทั้งสองด้านมีการวางโต๊ะหัวเตียงมาให้ พร้อมติดตั้งเต้ารับมาให้เผื่อเสียบโคมไฟหัวเตียงแบบนี้

โต๊ะหัวเตียงสไตล์วินเทจสีเทาออกฟ้าหน้าตาแบบนี้เลยค่ะ

พื้นที่ปลายเตียงโครงการติดตั้งแอร์มาให้ด้วยของ Panasonic และมีการ Built-in ตู้วางทีวีขนาด 0.3 x 3.0 เมตร

ลักษณะของตู้วางทีวีเมื่อเปิด-ปิด มีช่องใส่ของค่อนข้างเยอะเลย

โดยระยะของบานเปิดตู้จะเตี้ยกว่าเฟอร์นิเจอร์ข้างเคียง ทำให้สามารถเปิด-ปิด ได้โดยไม่ต้องเคลื่อนย้านโต๊ะข้างๆค่ะ

ด้านบนชั้นวางทีวีมีเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิล รวมทั้งช่อง Service ปลั๊ก เผื่อวางเครื่องเสียงในตู้แล้วให้สายไฟลอดขึ้นมาเสียบปลั๊กที่ด้านบนได้

ถัดไปเป็นส่วนนั่งเล่นและประตูทางออกระเบียงห้อง ซึ่งทั้งสองส้วนมีช่องเปิดที่เป็นกระจกเต็มบานทำให้มุมนี้แสงธรรมชาติเข้าดีมากเลยค่ะ

โดยในมุมนั่งเล่นนี้มีพื้นที่ 1.20 x 1.80 เมตรโครงการให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่ประกอบด้วย โซฟา 2 ที่นั่งขนาด 0.75 x 1.55 เมตร, โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 0.60 x 1.10  เมตร และเก้าอี้อีก 1 ตัว

ผนังด้านนี้มีช่องเปิดที่เป็นกระจกทั้งบาน Fix ด้านล่างและเป็นกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมสีดำ ห้องนี้อยู่ชั้น 7 ด้านทิศตะวันออก มองออกไปเลยจะเห็น  BTS สะพานควายเต็มๆเลยค่ะ

ชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อยจะได้วิวนี้

ตัวล็อกของหน้าต่างตามภาพเลยนะคะ

มองขึ้นไปด้านบน ฝ้าเพดานที่ติดกับหน้าต่างนี้จะมีการ Drop ฝ้าเพดานเผื่อการติดตั้งรางผ้าม่านให้ด้วย ซึ่งตัวรางกับผ้าม่านโครงการไม่ได้มีให้นะคะต้องหามาติดเอง

ถัดไปเป็นส่วนของประตูทางออกระเบียง เป็นประตูกระจกบานเปิด กรอบอลูมิเนียมสีดำ

มือจับเป็นแบบก้านโยก มีตัวล็อกให้ด้านล่างแบบนี้ค่ะ

เมื่อเปิดประตูระเบียงออกมาจะเห็นว่ามีการยกธรณีประตูขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

พื้นที่ระเบียงมีขนาด  1.20 x 1.50 เมตร ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสูง 1.18 เมตร ด้านบนวาง Compressor แบบเป่าลมร้อนเข้าในระเบียง แน่นอนว่าเวลาเปิดแอร์ในห้องคงมายืนรับลมเล่นลำบากหน่อย เพราะลมร้อนเข้าระเบียงเต็มๆ แต่มีข้อดีตรงที่ตากผ้าแห้งเร็วชัวร์ พื้นที่ข้างๆ Compressor แอร์มีการติดตั้งระแนงเพื่อพรางสายตาจากภายนอก ช่วยให้ Facade อาคารโดยรวมดูดีขึ้นไม่มองเห็น Compressor แอร์วางเป็นปื้นน

ใต้ที่วาง Compressor แอร์มีการติดตั้งท่องานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า รวมทั้งก็อกน้ำและเต้ารับแบบกันน้ำไว้ให้ด้วยค่ะ

อีกด้านหนึ่งมีการติดตั้งตัวล็อกประตูไว้ให้

วิธีการใช้คือให้คล้องตัวล็อกนี้กับตะขอที่ประตู

ก็จะสามารถล็อกประตูให้เปิดแบบนี้ได้ เผื่อไว้ในกรณีที่ต้องขนย้ายของเข้า-ออกระเบียงนะคะ

มองขึ้นไปด้านบนระเบียง มีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง

จากระเบียงมองเข้าไปในห้องนอนก็จะเป็นมุมมองนี้นะคะ เดี๋ยวเราจะพาไปดู Walk-in closed ที่หน้าห้องน้ำกันต่อ โดยช่องทางเดินจะมีระยะประมาณ  0.80 เมตร

โครงการ Built-in ตู้มาให้ทั้งสองฝั่งซ้ายและขวา หน้าตาแบบนี้เหมือนกันเลยค่ะ ตัวตู้เป็นสไตล์วินเทจลูกฟักกระจก หน้ากว้าง 0.90 เมตร

เมื่อเปิดตู้ออกมา ด้านบนจะเป็นชั้นวางของ และที่แขวนผ้า

โดยตู้นี้จะฝังหลอดไฟสีส้มไว้ให้ด้านในด้วย ซึ่งตัวหลอดเป็นฟลูออเรสเซนต์ธรรมดา หากมีปัญหาก็สามารถหาซื้อมาเซอร์วิสเองได้ตามท้องตลาดทั่วไปค่ะ

ส่วนตู้ด้านล่างเป็นลิ้นชักใส่ของ 2 ช่อง

พอเปิดตู้ออกมาแล้วจะเหลือที่ว่างค่อนข้างแคบ และถ้าเปิดตู้ทั้งสองอันพร้อมกัน หน้าบานจะเหลื่อมทับกันพอดี โดยรวมแล้วพื้นที่ Walk-in closed แคบไปหน่อย  แต่งตัวไม่ค่อยสนุกเลย

ถัดไปเป็นส่วนของทางเข้าห้องน้ำ จะเป็นประตูไม้บานเลื่อนลักษณะนี้

รางเลื่อนฝังไว้ด้านบนฝ้าเพดานเหมือนกับประตูบานเลื่อนกั้นห้อง

มือจับและลูกบิดเป็นลักษณะนี้ ส่วนการเลื่อนเข้าจะฝังในผนัง งานค่อนข้างเรียบร้อย

ส่วนพื้นมียกธรณีเล็กน้อย พื้นห้องน้ำและธรณีประตูปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

ห้องน้ำมีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบทั้งเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำ โดยพื้นที่ส่วนแห้งมีขนาด 1 x 1.98 เมตร (ไม่รวมส่วนอาบน้ำ)

อ่างล้างหน้าสไตล์วินเทจ ประกอบด้วยกระจกเงาติดผนังเรียบๆ ผนังด้านข้างมีการติดตั้งที่แขวนผ้าและติดตั้งเต้ารับแบบกันน้ำไว้ให้เผื่อใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องน้ำ ส่วนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นท็อปหินเทียม ด้านล่างเป็นตู้เปิด-ปิด ใส่ของได้อเนกประสงค์

อ่างล้างหน้ารูปทรงรีของ Kohlor ขนาดเล็กไปหน่อยนะ ตัวก็อกน้ำดูก๊องแก๊งไปนิดนึง แต่ก็เข้าใจว่าคงต้องการให้เข้า Theme แบบคลาสสิค

พื้นที่นั่งส้วมโดยรวมประมาณ 0.70 x 1.00 เมตร โครงการให้โถสุขภัณฑ์ของ Kohlor

หน้าตาสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่

ถัดไปเป็นห้องอาบน้ำขนาด 0.90 x 1.28  เมตร โครงการกั้นห้องด้วย Tempered glass ให้ มือจับค่อนข้างใหญ่ดี

พื้นห้องอาบน้ำมีการยกธรณีให้ด้วย ประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อกันน้ำไหลออกมาสู่ส่วนแห้ง

พอเปิดประตูห้องอาบน้ำเข้ามา จะเจอชั้นวางผลิตภัณฑ์อาบน้ำ แบบเป็นชั้นกระจกใสกั้นด้วยสแตนเลสโปร่งๆ ซึ่งแบบนี้สะดวกสำหรับวางพวกยาสระผมและสบู่แบบเป็นขวดนะคะ ถ้าวางสบู่ก้อนนี่คงลื่นร่วง ลื่น.. ร่วง.. ต้องก้มลงเก็บกันบ่อยๆ

ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Kohlor

ฝักบัวขนาดไม่ใหญ่แต่น่ารักมากกก ชอบบ สไตล์ออกคลาสสิค วินเทจ เข้ากับ Theme โครงการ ส่วนก็อกน้ำก็คล้ายๆที่อ่างล้างหน้า โดยรวมก็คุม Theme  ของทั้งเฟอร์นิเจอร์และสุขภัณฑ์ได้ดี

มองขึ้นไปยังฝ้าเพดาน ห้องน้ำจะติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 3 ดวง คือตรงอ่างล้างหน้า 1  ดวง, ตรงโถสุขภัณฑ์ 1 ดวง และตรงส่วนอาบน้ำอีก 1 ดวง รวมทั้งมีที่ดูดควันให้ด้วย 1 ค่ะ

p1

ต่อมาเป็นห้อง Studio(แต่โครงการเรียกว่า 1 Bed Modernist เช่นกัน) ขนาด 28.02 เมตร ห้องนี้มีข้อดีตรงที่พื้นที่ใช้สอยในห้องค่อนข้างเป็นสัดส่วนดี อย่างเช่นห้องครัวที่เป็นรูปตัว L มีการ Built-in ชุดครัวมาให้เป็นสัดส่วน มีให้ครบทั้งอ่างล้างจาน เตาและที่ดูดควัน รวมทั้งช่องใส่ตู้เย็นให้ด้วย ใกล้ๆกันเป็นห้องน้ำที่มีห้องเดียวในห้อง ถัดไปเป็นห้องนอน ที่มีการแยกส่วนให้เตียงอยู่ด้านหนึ่ง และพื้นที่โซฟานั่งเล่นดูทีวีอยู่ปลายเตียงอีกด้านหนึ่ง ดูเป็นอีกฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้จริงและปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่าย ทั้งเป็นห้องรับประทานอาหาร ทำงาน ดูหนัง ทำได้หมด ซึ่งก็ต้องชมการจัดฟังก์ชั่นและเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาค่อนข้างลงตัวดีทีเดียว ถัดไปเป็นระเบียงที่ห้องนี้ให้ระเบียงมาค่อนข้างใหญ่ ระเบียงมีการแยกช่องใส่ compressor แอร์ค่อนข้างเป็นสัดส่วน โดยวางแบบเป่าลมร้อนออกนอกอาคารทำให้ระเบียงใช้งานไปยืนรับลมได้จริง ส่วนอีกฝั่งของระเบียงติดตั้งงานระบบและเผื่อพื้นที่ไว้วางเครื่องซักผ้า  อีกทั้งพื้นที่ที่เหลือไว้ใช้ตากผ้าค่อนข้างเยอะ ห้องนี้แม้จะเล็กกว่า แต่มีการจัดวางฟังก์ชั่นที่ดีกว่าห้องแบบ 28.41 ตร.ม.ค่ะ

โดยโครงการให้ห้องแบบ Fully Furnished นะ ดังนั้นทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัว ที่ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องนี้ โครงการให้เราหมดเลย รวมทั้งแอร์ก็ติดตั้งให้ด้วยค่ะ

ประตูห้อง ใช้บานประตูสำเร็จรูปสีขาว ขนาด 0.90 x 2.00 เมตร มือจับประตูแบบก้านโยก และมีตาแมวให้ตามมาตรฐาน เหมือนห้องแบบแรกค่ะ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอกับครัวเปิดที่อยู่ทางซ้ายมือ ที่เชื่อมต่อกับห้องนอน และมีประตูออกไประเบียงได้

เรามาเริ่มที่ห้องครัวทางซ้ายมือกันก่อนนะคะ ส่วนครัวนี้มีขนาด 1.45 x 1.77 เมตร โครงการได้ Built-in ชุดครัวมาให้ ทั้งสเปควัสดุและหน้าตาจะคล้ายๆห้องแบบแรก ทุกประการ

ท็อปเคาท์เตอร์ชั้นล่างเมื่อเปิด-ปิดมาจะได้หน้าตาแบบนี้ค่ะ

ฟังก์ชั่นการใช้งานของตู้ด้านล่าง มีทั้งถังขยะใต้ซิงค์ล้างจาน ลิ้นชักวางของ วางช้อน วางจาน วางแก้ว

ส่วนเคาท์เตอร์ครัวให้สเปคเหมือนกับห้องแบบแรกทุกอย่าง ตั้งแต่ Top เคาท์เตอร์ที่เป็นหินเทียมสีขาว ส่วนผนังตรงเคาท์เตอร์ปูด้วยกระเบื้อง อ่างล้างจานทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและก็อกน้ำทรงโค้งของ Mex รวมทั้งเตาและที่ดูดควันของ Mex เช่นกัน

ตู้ครัวด้านบนติดตั้งเป็นรูปตัว L เต็มพื้นที่ครัวเลย

เนื่องจากการวางทรงเป็นรูปตัว L จึงทำให้เวลาเปิด-ปิด จะมีหน้าบานตู้บางส่วนที่จะติดทับซ้อนกัน หรือเหลื่อมกันบ้างตามภาพ แต่โดยรวมแล้วก็ได้ช่องวางของเยอะดีค่ะ

ช่องว่างที่เห็นนี้เว้นช่องว่างไว้ให้วางตู้เย็น ขนาด 0.50 x 0.69  เมตร สูง 1.80 เมตร จะเห็นว่ามีการติดตั้งเต้ารับไว้ให้เสียบตู้เย็นด้วย ด้านบนเป็นตู้ที่ซ่อนเมนบอร์ดไฟอยู่ด้านใน

ฝั่งตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำค่ะ

ห้องน้ำขนาด 1.60 x 1.90 เมตร ฟังก์ชั่นค่อนข้างครบทั้งเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำ พื้นที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน

ซึ่งพอเปิดตู้ออกมาแล้ว ระยะของบานตู้ไม่พ้นโถสุขภัณฑ์ ทำให้เปิดตู้ได้ไม่สุด แต่ช่องเปิดของตู้โดยรวมก็ยังกว้างอยู่ พอให้เปิด-ปิดนำของใส่ตู้ได้ไม่ลำบากนักค่ะ

พื้นที่นั่งส้วมโดยรวมประมาณ 0.70 x 1.00 เมตร โครงการให้โถสุขภัณฑ์ของ Kohlor พร้อมทั้งสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่เหมือนห้องแบบแรก

ถัดไปเป็นห้องอาบน้ำขนาด 0.90 x 1.18  เมตร โครงการกั้นห้องด้วย Tempered glass ให้ มือจับค่อนข้างใหญ่ดี

มียางกันน้ำกระเด็นออกด้านนอกด้วย

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน มีไฟดาวน์ไลท์มาให้ 3 ดวง และพัดลมดูดอากาศ 1 ตัวค่ะ

ถัดไปจะเป็นส่วนของห้องนอน โดยระหว่างส่วนครัวและห้องนอนนี้ไม่มีฉากกั้น แนะนำว่าหากใครกังวลว่าเวลาทำอาหารแล้ว กลิ่นจะเข้ามารบกวนห้องน้ำ ก็ให้กั้นฉากซะจะได้ช่วยแยกห้องให้เป็นสัดส่วนและไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ทำอาการหนักและไม่ได้กังวลเรื่องกลิ่นก็ปล่อยพื้นที่โล่งๆไปแบบนี้ก็โปร่งดีค่ะ ไม่อึดอัด ฝั่งซ้ายมือระหว่างทางเดินไปห้องนอนมีตู้เก็บของที่โครงการ Built-in ไว้ให้ด้วย

หน้าตาของตู้ก็จะเหมือนกับของห้องแบบแรกค่ะ เป็นตู้สไตล์วินเทจสีฟ้าออกเทา หน้าบานด้านบนเป็นตะแกรงที่อาจจะอมฝุ่นได้ในอนาคต แนะนำว่าให้ดูดฝุ่นหรือเช็ดทความสะอาดดีๆ พอเปิดตู้ออกมา ด้านบนจะเป็นชั้นสามารถวางของอเนกประสงค์ได้ ส่วนด้านล่างเป็นชั้นวางรองเท้า มีความลาดเอียงเพื่อให้เลือก หรือหยิบรองเท้าได้ง่าย

ถัดมาเป็นห้องนอน ขนาด 3.00 x 3.05 เมตร โครงการจัดเตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุตมาให้รวมทั้งฟูกก็ให้ด้วยนะคะ ผนังหัวเตียงโครงการติดตั้งแอร์มาให้ด้วยของ Panasonic ส่วนด้านล่างแอร์ขะเป็นชั้นวางของเล็กๆ

ขนาดของชั้นวางของ 0.30 x 1.20 เมตร ตรงผนังมีเต้ารับใด้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าได้

เนื่องจากพื้นที่ข้างหัวเตียงทั้งสองข้างมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ก็จริง แต่โครงการไม่ได้มีแถมมาให้ หากใครที่หอบกระเป๋ษเข้ามาอยู่เลย ก็สามารถใช้ชั้นวางของข้างๆเตียง (ภาพบน) ใช้วางของไปพลางๆก่อนหรือถาวรเลยก็ได้ค่ะ

มองไปทางขวามือ จะเห็นว่าฝ้าเพดานตรงพื้นที่ระหว่างห้องครัวกับห้องนอนจะ Drop ลงมาประมาณ 30 เซนติเมตร ทำให้ Floor to ceiling ตรงส่วนนี้สูง 2.35 เมตร และบนฝ้าเพดานมีไฟดาวน์ไลท์ให้ด้วย ตรงส่วนนี้โครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าเแบบ 3 ตอนไว้ให้

โดยตู้เสื้อผ้าทั้งหมดมีขนาด 1.00 x 1.78  เมตร หน้าบานตู้เสื้อผ้าเป็นสไตล์วินเทจ บานลูกฟักกระจก พอเปิดมาจะเห็นว่าฟังก์ชันภายในภายในเยอะทั้งชั้นวางของ ราวแขวนผ้า ลิ้นชักเปิด-ปิด แต่พื้นที่ค่อนข้างแคบไปนิดนึง

พื้นที่ข้างเตียงด้านนี้มีระยะ 0.75 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มาก พอเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมาเลยเกือบเต็มช่องพอดีเลย เวลาเปิดตู้เสื้อผ้าอาจต้องเบี่ยงๆตัวเปิดหน่อยนะคะ

ถัดไป ตรงปลายเตียงนอนจะเป็นพื้นที่พักผ่อน นั่งเล่น ขนาด 1.60 x 2.20 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ๆค่อนข้างปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายมาก โดยเฟอร์นิเจอร์ที่เราเห็นในห้องนี้ โครงการให้หมดเลยยกเว้นทีวีและของตกแต่ง โดยของที่ให้ประกอบด้วย ตู้วางทีวี, โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง, โต๊ะกินข้าว และเก้าอี้อีก 1 ตัว ระยะดูทีวีประมาณ 1.80  เมตร สามารถวางทีวีขนาด 30 นิ้ว จะเป็นขนาดที่พอดีกับระยะสายตาค่ะ

ตู้วางทีวีขนาด 0.40 x 1.60 เมตร

เมื่อเปิดออกมาก็จะมีทั้งชั้นวางของและวางที่เล่นซีดีภายในให้ด้วย โดยจะมีช่อง Service ปลั๊กให้เหมือนกับห้องแบบแรก

ฝั่งตรงข้ามเป็นโซฟา 2 ที่นั่งขนาด 0.75 x 1.55 เมตร, โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 0.60 x 1.10  เมตร และเก้าอี้อีก 1 ตัว โครงการให้ชุดนี้ทั้งหมด

ถัดไปเป็นประตูทางออกระเบียง บานกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำ สามารถเลื่อนปิด-เปิดได้ทั้งสองด้าน

ทางเดินออกระเบียงมีการยกธรณีประตูขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

มองไปทางขวามือมีการติดตั้งท่องานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า โดยมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าประมาณ 0.70 x 0.75 เมตร รวมทั้งมีการติดตั้งก็อกน้ำและเต้ารับแบบกันน้ำไว้ให้ด้วยค่ะ

อีกด้านเป็นที่วาง Compressor แอร์ แบบหันลมร้อนออกนอกอาคาร มีประตูเปิด-ปิดเป็นสัดส่วนเรียบร้อย และแน่นอนว่า เมื่อ Compressor แอร์เป่าลมร้อนออกนอกอาคารแล้ว พื้นที่ระเบียงก็สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือยืนชมวิวได้ ไม่ต้องหลบลมร้อน

โดยวิวจากระเบียงห้องนี้ที่ชั้น 7 ทางทิศใต้ จะเห็นหลังคาตึกพิพิธภัณฑ์ไปรษณียากรสามเสนใน อาคารสูง 6 ชั้น ชัดไปนิดนึง ส่วนมองไปตรงๆก็จะเป็นรถไฟฟ้า BTS ตึกสูง และอาคารบ้านคนซะเป็นส่วนใหญ่

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง

ปิดท้ายด้วยภาพจากระเบียง มองเข้าไปในห้อง จะเห็นฟังก์ชั่นทั้งหมดแบบนี้เลยค่ะ

ห้อง Size กลาง 1 Bedroom 34 – 36 ตารางเมตร ทั้งสองแบบนี้ในห้องตัวอย่างไม่มีให้ดู

แบบ 34 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้างเข้ามุม ที่ไม่มีระเบียง มีแต่ลานซักล้างด้านหลังที่ติดกับห้องน้ำ ข้อดีคือจะได้วิวห้องหน้ากว้างทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน

แบบ 36 ตารางเมตร เป็นห้องทรง 4 เหลี่ยม หน้าค่อนข้างกว้าง เข้ามุมเช่นกัน ดูพื้นที่ใช้สอยต่างๆจะอยู่สบายมากกว่าห้อง 34 ตารางเมตร ห้องน้ำจะไม่อึดอัด มีลานซักล้านให้ด้านหลัง และมีระเบียงสั้นๆให้เช่นกัน

ห้อง Size ใหญ่ จะเป็น 1 Bedroom 46 ตารางเมตร และ 2 Bedroom 52 ตารางเมตร

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 21 July 2015 

  • Studio  ชั้น 8 ห้อง B11B เนื้อที่ 28.41 ตร.ม. ราคา 4.299 ล้านบาท หรือ 151,320 บาท/ตร.ม.
  • Studio  ชั้น 10 ห้อง B21B เนื้อที่ 28.02 ตร.ม. ราคา 4.399 ล้านบาท หรือ 156,995 บาท/ตร.ม.
  • Studio  ชั้น 22 ห้อง B11B เนื้อที่ 28.41 ตร.ม. ราคา 4.499 ล้านบาท หรือ 158,360 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom  ชั้น 18 ห้อง B41B เนื้อที่ 37.58 ตร.ม. ราคา 6.049 ล้านบาท หรือ 160,963 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom  ชั้น 10 ห้อง B51B เนื้อที่ 47.91 ตร.ม. ราคา 7.149 ล้านบาท หรือ 149,217 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 14 ห้อง B11B เนื้อที่ 54.71 ตร.ม. ราคา 8.379 ล้านบาท หรือ 153,153 บาท/ตร.ม.

 

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.65 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จองและทำสัญญา 30,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
  • โปรโมชั่น : Fully Furnished และเครื่องปรับอากาศครบทุกห้อง โดยในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ จะมีงาน Open House Party เปิดให้สัมผัสบรรยากาศจริงที่ Sky Facility ชั้น 23
    สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษที่  http://goo.gl/XX1nYN

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

 


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของ The Editor สะพานควาย เป็นทำเลที่ดีมากที่หนึ่งบนถนนพหลโยธินนะคะ แน่นอนว่าพิกัดที่ตั้ง ที่อยู่ติดกับ BTS สะพานควาย ด้วยการเดินไปถึงได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็พอที่จะเรียกความสนใจได้ไม่น้อยเลย  ความอุดมสมบูรณ์ของทำเลค่อนข้างครบทั้งอุปโภคและบริโภค ร้านค้าของกินที่หลากหลายทั้งที่ตั้งอยู่ในร้านและร้านค้าริมฟุตบาท รวมทั้งร้านสะดวกซื้อ ซุเปอร์มาเก็ตก็มีเพียบ แต่หากจะเทียบไปเทียบกับอารีย์ที่เป็นย่านใกล้เคียงนี่ก็ยังเป็นรองอยู่ เพราะอารีย์เป็นแหล่งที่ค่อนข้างจะเงียบสงบ มีบ้านเล็กบ้านใหญ่เรียงรายอยู่ในซอย และมีร้านชิคๆน่านั่งเยอะ ต่างกันสะพานควายที่บรรยากาศค่อนข้างจอแจ ทัศนียภาพโดยรอบก็จะเป็นตึกแถว บ้านคน ร้านขายของ ค่อนข้างจะดูเป็นชุมชนมากกว่า

ส่วนในเรื่องของวิว ถือว่าโดนบล็อกวิวจากอาคารพาณิชย์เตี้ยๆ 2-6 ชั้น ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีผลมากมายกับชั้นพักอาศัยที่อยู่ชั้น 7 เป็นต้นไปอยู่แล้ว วิวของตึกนี้ในตอนนี้โดยรวมจึงค่อนข้างดีไม่มีตึกบังวิวมากเท่าไหร่ แต่ก็ในตอนนี้นะ เพราะอนาคตที่ทางแถวนี้อาจจะมีการขยับขยายสร้างตึกสูงได้อีกมาก โดยยูนิตที่เดือดร้อนอยู่บ้างก็อาจจะเป็นห้องชั้น 7 ทางทิศตะวันออก ที่อยู่ติดกับ BTS  อาจจะต้องรับเสียงและนอนมองวิวแบบสูงกว่าหลังคา BTS มานิดนึง ส่วนยูนิตในทิศอื่นๆก็อาจจะไม่ได้เจอบล็อกวิวแบบประจันหน้า แต่จะเป็นวิวของอาคารสูงที่ไกลออกไปหน่อย อย่างอาคารของ Ideo Max, Onyx หรืออนาคตอาจจะมี The Signsture by Urbano มาขึ้นในระยะที่ไม่ไกลกันนัก มาช่วยบล็อกวิวอีกทาง

การเดินทางโดยใช้รถยนต์นั้นทำได้สะดวก เพราะติดถนนใหญ่ สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนสุทธิสาร ถนนประดิพัทธ์ ถนนวิภาวดี หรือแม้แต่ถนนกำแพงเพชร แต่ที่ต้องกังวลนิดหน่อยคงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่จอดรถ ที่มีให้เพียง 55%  รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งจัดว่าน้อยไปมากสำหรับคอนโดในระดับนี้  แต่ลึกๆก็หวังว่าด้วยทำเลที่ติดรถไฟฟ้าขนาดนี้ ลูกบ้านส่วนใหญ่ก็น่าจะใช้รถไฟฟ้าเป็นพาหนะหลัก การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์จึงเหมาะสมมากกว่า สำหรับโครงการ The Editor

การออกแบบโครงการเป็นสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ที่ค่อนข้างสะท้อนออกมาที่ตัวอาคารชัดเจนมาก ผ่านทางการตกแต่งภายในที่เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจแบบเรียบหรู การ Built-in ตู้ เฟอร์นิเจอร์ที่แถมให้ รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆกระทั่งก็อกน้ำ ฝักบัว ก็ยังคงคุม Theme ได้ดีตามคอนเซปต์ รวมๆแล้วไม่ได้วินเทจหวาน หรือโมเดิร์นเรียบจนเกินไป เป็นสไตล์ที่กำลังดี

การออกแบบฟังก์ชั่นถือว่าทำออกมาได้ลงตัวดี แถมยังปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้ง่าย จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ชอบคือการจัดพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน ให้มีโซนของมันจริงๆทำให้ห้อง Studio ที่มีเนื้อที่แค่ 28 เมตรกว่าๆ ดูกว้างและได้พื้นที่ได้คุ้มค่าขึ้นมาทันที อีกอย่างคือการผลักฟังก์ชัน Service อย่างห้องน้ำกับครัว มาไว้ด้านในอาคารที่ติดกับทางเดิน ทำให้เวลาเข้ามาในห้องเราสามารถทำธุระ เช่น วางของที่ซื้อมาจากตลาดไว้ในครัว แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวได้ ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานส่วนพักผ่อนก็ดันให้ไปอยู่ด้านหน้า แล้วออกแบบให้มีช่องเปิดเต็มบานช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดี และสามารถมองวิวข้างนอกได้ด้วย โดยรวมห้อง Studio ของที่นี่จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กอยู่กัน 2-3 คนก็เต็มที่แล้ว

วัสดุต่างๆที่แถมมาให้แบบ Fully Furnished นั้นสะท้อนความเป็นคลาสสิกผสมโมเดิร์น ใช้สีเทา-ขาวเป็นหลัก สิ่งที่ชอบมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเรื่องครัวและเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ทำออกมาดี ทั้งตู้ครัว ท๊อปหินสังเคราะห์ ตู้เสื้อผ้า เตียง โต๊ะหัวเตียง กระจกและโต๊ะทำงานที่ช่วยให้พื้นที่ซอกหลืบมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น ทำให้การออกแบบของห้องนั้นๆสมบูรณ์มากขึ้น ผนังต่างๆในห้องน้ำก็ทำออกมาได้สวย รวมไปถึงกรอบประตูและลวดลายต่างๆ แต่ก็มีบางจุดที่ยังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อย่างวงกบหน้าต่างที่เรียบเกินไป และโถสุขภัณฑ์ที่ยังไม่สวยเท่าไร

ชั้นส่วนกลางที่ชั้น 23 Facilities เต็มชั้นประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดกว้าง 4.50 x 20.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร, Fitness 1 ห้องใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 11 เครื่อง และมีห้อง Squash ที่ไม่ค่อยพบในโครงการไหน ,  Meeting Room, ห้องสมุด, Exclusive Modernist Lounge หรือห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์, สวนดาดฟ้า ที่ประกอบด้วย Sky Arena Amphitheatre และ Serenity Yoga เป็นลานโล่งๆมีต้นไม้เล็กน้อย โดยรวมค่อนข้างร้อน อาจจะเหมาะกับใช้ในช่วงเย็นๆหรือจัดปาร์ตี้เล็กๆตอนกลางคืนได้ ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 120 : 1 ก็ถือว่าค่อนข้างเลยอัตราส่วนที่เหมาะสมมาหน่อย, Service Lift ให้มา 1 ตัว

โดยรวมแล้วสำหรับ Facilities ที่เป็น Main หลักอย่างที่จอดรถค่อนข้างน้อย และลิฟต์โดยสารที่มีอัตราส่วนค่อนข้างหนาแน่น ยังเป็นจุดบกพร่องนิดหน่อยสำหรับที่นี่ แต่สำหรับ Facilities สำหรับการพักผ่อนในชั้น 23 นั้นถือว่าทำออกมาค่อนข้างดี ครบครัน ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตร และราคา 151,000  บาท/ตารางเมตร ที่เสียไปค่ะ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 151,000 บาท/ตร.ม., 21 July, 2015

  • ทำเล 8/10 – สะพานควายไม่ใช่อารีย์ ติดถนนใหญ่ เด่น
  • เดินทางด้วยรถ 6.5/10 – เดินทางสะดวก แต่ที่จอดรถน้อยไปนะคะ
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ติดรถไฟฟ้า BTS สะพานควาย
  • วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished คุณภาพโอเค แต่บางอย่างก็ต้องปรับเช่น พื้นและแอร์
  • แบบ 8.5/10 – สวย เป็นจุดเด่นของโครงการนี้
  • สาธารณูปโภค 8/10 – เต็มฟลอร์ ชั้น 23 มีห้องสควอชด้วย

  • LUXURY CLASS
  • 7.83 / 10.00

 

BOTTOM LINE

The Editor เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำเลสะพานควาย อยากได้คอนโดติดรถไฟฟ้าในงบประมาณที่สูงหน่อย เน้นยูนิตเล็ก ไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ชอบ Facilities เยอะๆ แต่ไม่เน้นใช้สอยบ่อยนัก มีงบประมาณ  4.30 – 8.40 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 30,1000-58,800 บาท

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/