…วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศมารีวิวคอนโดตากอากาศที่หัวหินกันบ้างนะครับ กับโครงการ VEHHA (เวหา) ที่เป็นคอนโดตึกสูงแห่งใหม่ในรอบ 10 ปีของหัวหินเลยก็ว่าได้ ซึ่งนานๆทีเราจะได้เห็นโครงการแบบนี้กันนะ อีกทั้งยังตั้งอยู่ติดกับสวนน้ำและโรงแรมชื่อดังอีกด้วย หากใครที่กำลังมองหาคอนโดพักตากอากาศวิวดีๆ และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกโดนๆแบบนี้อยู่ วันนี้ผมได้รวมรวบความน่าสนใจเอาไว้ให้ดังนี้
- เป็นคอนโดตึกสูงที่มองเห็นวิวทะเล 100% ได้ทุกห้อง
- มีการออกแบบช่องแสงภายในห้องดี เน้นความสว่างโปร่งโล่ง มองเห็นวิวได้ทุกฟังก์ชัน
- มีส่วนกลางเยอะมาก กระจายอยู่เกือบทุกชั้น สามารถขึ้นไปใช้งานและชมวิวมุมสูงได้
- มีดีลการบริการและสิทธิพิเศษจากสวนน้ำ และโรงแรม Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin ที่ใช้ได้สูงสุด 5 ปี
ข้อมูลโครงการ
VEHHA (เวหา) ณ วันที่ 19 กันยายน 2565
ชื่อโครงการ | VEHHA (เวหา) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท หัวหิน สกาย ลิฟวิ่ง จำกัด ในเครือของบริษัท พราว เรียล เอสเตท จํากัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ |
ที่ดิน | 5-1-9.5 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 364 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 18 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 140 คัน หรือคิดเป็น 38% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2568 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.7 เมตร ในแบบห้องปกติ และ 6.1 เมตร ในห้องแบบ Duplex |
ราคาเริ่มต้น | 3.19 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 132,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | n/a |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | https://vehha-huahin.com |
Call Center | 02-026-8999 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ติดกับสวนน้ำและโรงแรม Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin ทำให้สามารถไปใช้บริการของสถานที่เหล่านี้ได้ง่ายมาก
- ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของหัวหิน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ตลาด และชายหาด
- ตัวโครงการไม่โดนบังวิวเลย ทุกห้องสามารถมองเห็นทะเลได้ 180 องศา
พิกัด Google Maps : 12.532997, 99.963332
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ที่ตั้งโครงการ VEHHA (เวหา) จะอยู่ติดกับสวนน้ำ Vana Nava สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของหัวหินที่เรารู้จักกันดีครับ ซึ่งเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์และรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันมาก ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าอย่าง BluPort / Market Village และมีตลาดเดินเล่นซื้อของชิคๆอย่าง Cicada กับตลาดโต้รุ่ง แต่แอบเสียดายที่เพลินวานเค้าปิดกิจการไปแล้วเมื่อปี 63 ไม่อย่างงั้นเราก็จะได้มีสถานที่เที่ยวถ่ายรูปสวยๆอีกที่เลยทีเดียว
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ “ชายหาดหัวหิน” ซึ่งจะมีลักษณะยาวต่อเนื่องกันหลายกิโลเมตร ความสวยงามในแต่ละจุดก็จะแตกต่างกันออกไป และสามารถลงเล่นน้ำได้ด้วยครับ โดยทะเลและชายหาดของที่นี่ค่อนข้างสะอาดดีทีเดียว
สำหรับชายหาดของหัวหินจะค่อนข้างสวยงามและเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ ซึ่งแตกต่างจากชายหาดพัทยา-บางแสนที่เราคุ้นเคยกันดี เพราะจะไม่ได้มีร้านเหล้าหรือร้านอาหารริมทะเล ที่จะมาปล่อยของเสียทำให้น้ำไม่สะอาดนั่นเอง จึงทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตของคนกรุงเทพ ที่สามารถขับรถมาเที่ยวได้ โดยใช้เวลาเพียง 2 – 3 ชม. เท่านั้นครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
ตัวโครงการจะได้รับวิวที่เปิดโล่งทางฝั่งทิศตะวันออก ทำให้สามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบเต็มๆ 180 องศา โดยมีระยะห่างออกไปประมาณ 700 m. ซึ่งจะไม่ติดเรื่องความสูงตามข้อกำหนดของกฎกระทรวง ฉบับที่ 36 (พ.ศ. 2535) ที่ออกตาม พรบ.ควมคุมอาคาร พ.ศ. 2522
จึงทำให้สามารถสร้างตึกสูงได้แบบนี้ ในขณะที่เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับทะเลกว่า เค้าจะถูกกำหนดความสูงของอาคารห้ามเกิน 23 m. จึงทำให้การันตีได้ในระดับหนึ่งว่าเราจะไม่โดนบังวิวทะเลง่ายๆแน่นอนครับ สวนทิศอื่นๆจะสามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่าง และมองไปทางฝั่งตัวเมืองหัวหิน และมองเห็นวิวภูเขาสีเขียวด้วย
- ทิศใต้ : ติดกับ โรงแรม Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin ที่มีความสูง 27 ชั้น
- ทิศตะวันออก : ติดกับ สถานีรถไฟหนองแก และได้วิวทะเลกว้าง 180 องศา
- ทิศตะวันตก : ติดกับ สวนน้ำ Vana Nava Hua Hin และได้วิวภูเขาสีเขียว
นี่เป็นภาพถ่ายจากโรงแรม Holiday Inn ชั้น 25 ที่อยู่ข้างๆกันครับ (มีความสูงเกือบเทียบเท่าชั้นที่ 30 ของคอนโด VEHHA ในอนาคต) ซึ่งหากมองออกไปทางทิศตะวันออกจะเห็นวิวพื้นที่สีเขียวและทะเลแบบนี้
ส่วนอีกด้านก็จะเป็นสวนน้ำ Vana Nava และมีวิวเมืองกับภูเขาให้เห็นกันด้วย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Bluport Hua Hin Resort Mall ~ 3 km.
- Cicada Market ~ 4.1 km.
- Hua Hin Market Village ~ 4.3 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 4 km.
- โรงพยาบาลซานเปาโล ~ 5 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนหัวหินวิทยาลัย ~ 4.7 km.
สถานที่อื่นๆ
- Vana Nava Water Jungle ~ 0 m.
- Intercontinental Hua Hin Resort ~ 3.9 km.
- Marriott Hua Hin Resort and Spa ~ 4.1 km.
- ชายหาดหัวหิน ~ 6 km.
- Centara Grand Beach Hotel Hua Hin ~ 6.1 km.
- Hua Hin Airport ~ 12.7 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- ผังอาคารเป็น Single Corridor มีความเป็นส่วนตัว และได้วิวทะเลทุกยูนิต 180 องศา
- กระจายพื้นที่ส่วนกลางไว้หลายจุด (เกือบทุกชั้น) ช่วยลดความหนาแน่นในการใช้งาน เข้าถึงได้ง่าย และห้องชั้นล่างๆก็สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้ด้วย
- มีดีลบริการและสิทธิพิเศษจากทางโรงแรม และสวนน้ำ Vana Nava
โครงการ Vehha (เวหา) ปัจจุบันถือเป็นคอนโด High Rise ที่สูงที่สุดของหัวหิน อีกทั้งยังเป็นคอนโดสูงแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นในรอบ 10 ปีอีกด้วยนะครับ จึงได้ตั้งชื่อว่า “เวหา” ที่หมายถึง ท้องฟ้า/อากาศ เพราะเราจะสามารถชมวิวสวยๆจากมุมสูง ได้อย่างเต็มที่และไม่เหมือนใครเลยนั่นเอง
โดยที่ตั้งของโครงการจะอยู่ติดกับสวนน้ำและโรงแรม Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin จึงทำให้เราสามารถเดินไปใช้งาน Facilities หรือใช้บริการต่างๆของทั้ง 2 สถานที่นี้ได้ง่ายด้วย ซึ่งตัวโครงการเองก็มีดีลการบริการและสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่จะมอบให้กับลูกบ้านโครงการเวหา ดังนี้
Vana Nava Water Park Privilege*
- Free 5-years Annual Pass (สามารถเข้าเล่นสวนน้ำได้ฟรี นับตั้งแต่วันเปิดโครงการจนถึง 31 ธันวาคม 2570 โดยจำนวนสิทธิ์จะขึ้นอยู่กับ Type ห้องพักที่เป็นเจ้าของ เริ่มตั้งแต่ 1 Bedroom = 2 สิทธิ์ / 2 Bedrooms = 3 สิทธิ์ / Penthouse = 4 สิทธิ์)
- Free Locker and Towels
- Free Lounge in Waterpark
Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin’s service (A la carte services)*
- Housekeeping
- Laundry Services
- Room Services
- Private Catering
- Spa Treatment at Hotel
- Baby Sitting Service at Hotel
**หรือสามารถอัพเดตข้อมูลข่าวสารจากทาง Proud Privilege ได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ >> https://www.proudrealestate.co.th/privilege
ตัวอาคารจะถูกกำหนดด้วยความสูงของระยะร่นจากถนนด้านข้าง จึงทำให้มีลักษณะที่เป็นเหมือนกับขั้นบันได ยิ่งชั้นสูงมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีขนาดพื้นที่กับจำนวนห้องลดน้อยลง และทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
รวมถึงยังมีการกระจาย Facilities ออกเป็นหลายๆชั้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความหนาแน่น และเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานแล้ว ก็ยังทำให้สามารถเข้าถึงได้สะดวกมากขึ้น และห้องชั้นล่างๆก็สามารถขึ้นมาชมวิวมุมสูงได้อีกด้วย
Master Plan สิ่งที่ชอบอย่างแรกคือ เค้าสามารถจัดแบ่งสัดส่วนของพื้นที่ได้ชัดเจนดีครับ โดยเน้นให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางเป็นหลัก (กะด้วยสายตาคิดเป็นประมาณ 60 – 70% ของที่ดินทั้งหมด) ซึ่งมีฟังก์ชันหลักๆเป็นพื้นที่ไว้สำหรับต้อนรับ และการทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัวซะส่วนใหญ่ (Family Zone)
ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้ / สระว่ายน้ำ / Family Hub และพื้นที่สีเขียว แต่ที่ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับผมก็คือ Wellness Garden ที่สื่อให้เห็นถึงการให้ความสำคัญ กับการออกแบบพื้นที่สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่จริงๆ เช่น นอกจากเราจะพาลูกๆหลานๆมาเที่ยวเล่นในวันหยุดแล้ว ก็ยังสามารถพาคุณพ่อคุณแม่มาพักผ่อนได้ด้วย
นอกนั้นก็จะเป็นพื้นที่ถนนและที่จอดรถที่กินพื้นที่ไม่เยอะมากนัก แถมยังแยกโซนออกจากส่วนกลางชัดเจน เวลาเด็กๆวิ่งเล่นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยมากนัก แต่ข้อเสียเล็กๆน้อยๆที่ผมมองเห็นในแปลนชั้นนี้ก็คือ ห้องน้ำอยู่ค่อนข้างไกลจากสระว่ายน้ำมากๆครับ จึงอาจทำให้การใช้งานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นักนั่นเอง
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณถนนทางเข้าโครงการด้านหน้าสุด ซึ่งจะอยู่แยกจากทางเข้าของสวนสนุกและโรงแรม Holiday Inn จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
และเมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามา ก็จะเจอทางขึ้นชั้นจอดรถอยู่ด้านหลังอาคาร และเลยมาอีกหน่อยก็จะเป็น Drop-Off ไว้เป็นจุดรับ-ส่งคนตรง Lobby ได้
ถัดมาจะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Creative Outdoor Playground ซึ่งจะปลูกต้นไม้โดยรอบคอยให้ร่มเงา พร้อมกับพื้นต่างระดับให้สามารถขึ้นไปนั่งเล่น/เดินเล่น และมีลวดลายบนพื้นให้น้องๆได้เล่นเกมส์สนุกๆกันได้ครับ
อีกด้านหนึ่งของอาคารจะมีประตูทางเข้า-ออกคนเดินเล็กๆ ที่จะต้องใช้ Key Card Access สำหรับลูกบ้านเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยครับ
โดยจะเป็นทางลัดที่เชื่อมต่อมายังโรงแรม Holiday Inn และเจอกับประตูทางเข้าสวนน้ำ Vana Nava จึงทำให้สามารถเดินมาใช้บริการของทั้ง 2 สถานที่นี้ได้สะดวกมากๆเลยครับ
มาดูพื้นที่ส่วนกลางในอาคารกันบ้าง อีกหนึ่งสิ่งที่ผมชอบมากๆก็คือ Lobby ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำตรงๆ ซึ่งถ้าลองจินตนาการตามผมในเวลาที่เราเดินผ่าน Lobby ก็จะสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำขนาด 30 x 5.6 m. ที่ตกแต่งสวนด้านข้างเป็นสไตล์ Tropical Garden พร้อมกับมีลมทะเลที่พัดโกรกเย็นๆตลอดเวลา
รวมถึงเราอาจมองเห็นเครื่องเล่นของ Vana Nava แบบในภาพจำลองก็ได้อีกด้วยนะครับ โดยทั้งหมดนี้จะยิ่งทำให้ได้อารมณ์ของการมาเที่ยวพักผ่อนหน้าร้อนได้ดีมากขึ้น ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้เราอาจไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆนัก
ถัดมาจะเป็น Kid’s Pool ที่อยู่แยกออกมาจากสระว่าน้ำหลัก มีขนาด 4.5 x 5.2 m. ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว และน้องๆก็สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอปีนข้ามไปเล่นในสระลึกนั่นเอง
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Lobby ชั้น 1 ที่ตกแต่งเป็นสไตล์คอนโดตากอากาศ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ และเป็นพื้นที่แบบ Open Air สามารถรับลมเย็นๆ และวิวสวยๆจากรอบข้างได้ทั้งหมดเลยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณโถงลิฟต์ที่มีขนาดใหญ่ มีการเปิดช่องแสงเพื่อความสว่างโปร่งโล่ง และยังมองเห็นวิวพื้นที่สีเขียวภายนอกได้ด้วย
แปลนชั้น 3 (Relax Zone) ก็จะมี Facilities ให้ใช้งานอีก 2 ฟังก์ชันหลักๆคือ Library & Co-Creative Space ซึ่งเป็นพื้นที่ให้นั่งทำงานอ่านหนังสือ และมี Fitness ให้เราได้ออกกำลังกายไป พร้อมกับชมวิวภายนอกไปด้วยได้ครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Library & Co-Creative Space ซึ่งจะมีดีไซน์ที่ถูกกั้นไว้ด้วยชั้นวางของทรงโปร่งแบบนี้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อพื้นที่โปร่งโล่งมากขึ้น และภายในก็จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้ พร้อมกับมุมโซฟาต่างๆให้ได้ใช้งานครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Fitness โดยรอบเป็นผนังกระจกที่สามารถชมวิวพร้อมกับออกกำลังกายไปด้วยได้
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Game Room ฟังก์ชันหลักๆจะมีโต๊ะพูล และอีกด้านหนึ่งก็จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้ ที่เราสามารถนำบอร์ดเกมส์มานั่งเล่นกับเพื่อนๆได้ครับ
แปลนชั้น 5 (Services Zone) นอกจากจะเป็นชั้นจอดรถแล้ว ก็ยังมีห้อง Laundry และ Driver Room เผื่อในกรณีที่ลูกบ้านอาจมีคนขับรถส่วนตัว ก็สามารถใช้ตรงจุดนี้เป็นที่พักคอย ก่อนรับออกไปเที่ยวข้างนอกต่อได้เลยครับ ซึ่งก็จะมีห้องน้ำเตรียมเอาไว้ให้บริการแล้วด้วย
เอาล่ะครับ ต่อไปก็จะเป็นชั้นพักอาศัยที่จะมี Pocket Garden แทรกตัวอยู่ตามชั้นต่างๆ และจะมีชื่อเรียกหรือฟังก์ชันที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสวนเหล่านี้จะไม่มีภาพจำลองให้ได้ชมกันนะครับ แต่อาจดูได้จากโมเดลที่ผมถ่ายมาฝากกันได้เลย โดยเซ็ตแรกนี้ก็จะประกอบด้วย
- ชั้น 8 : Glamping Zone
- ชั้น 12 : Nature Lab Zone
- ชั้น 17 : Co-Kitchen Zone
แปลนชั้น 8 จะเป็นชั้นที่มีสวนเล็กๆชื่อว่า Glamping Zone ลักษณะจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นดีไซน์เป็นเต็นท์แคมปิ้ง เหมาะกับคนที่อยากได้ฟีลเหมือนมานั่งเล่นในป่านั่นเอง
ด้านการวางผังห้องในทุกๆชั้น จะมีจุดเด่นอยู่ที่ Single Corridor ซึ่งจะมีห้องพักอาศัยเพียงแต่ฝั่งเดียวเท่านั้น (ไม่มีห้องฝั่งตรงข้ามกัน) จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังทำให้ห้องพักอาศัยหันออกไปรับวิวทะเลได้ 100% ทุกห้องอีกด้วย
อีกทั้งห้องพักอาศัยในชั้นนี้ยังมี Type พิเศษอย่าง 2 Bedrooms Jacuzzi (กรอบสีแดง) ซึ่งมีเพียง 5 ยูนิตเท่านั้น รวมถึงยังมีห้องไซส์เล็กสุดอย่าง 1 Bedroom (กรอบสีเขียว) ให้เลือกด้วย โดยจะเป็นห้องที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดครับ
โดยลักษณะของห้อง 2 Bedrooms Jacuzzi จะมีพื้นที่ระเบียงภายนอกที่ใหญ่มาก อีกทั้งยังมีอ่างจากุซซี่ตั้งอยู่กลางแจ้งด้วย เหมาะกับคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งแบบส่วนตัวในห้องของตัวเอง เช่น จัดปาร์ตี้ BBQ หรือจะแช่น้ำไปชมวิวไปด้วยก็ได้
แปลนชั้น 12 จะมี Nature Lab Zone ซึ่งจุดเด่นหลักๆก็คือ “มีม้านั่ง/เก้าอี้ที่ไม่เยอะมากนัก” โดยเน้นให้มาชมวิวและพันธุ์พืชต่างๆได้แบบส่วนตัว
นอกจากนี้ก็ยังเป็นชั้นที่มีจำนวนห้องพักอาศัยมากที่สุดอีกด้วย ดังนั้นความเป็นส่วนตัวก็อาจลดน้อยลงกว่าชั้นอื่นๆหน่อย และจะมีเป็นห้อง 1 Bedroom ไซส์เล็กสุดให้เลือกเยอะอยู่หลายตำแหน่งด้วยครับ
แปลนชั้น 17 นอกจากสวนและพื้นที่นั่งพักผ่อนเล็กๆแล้ว เค้าก็ยังแบ่งพื้นที่ทำเป็น Co-Kitchen Zone ให้ลูกบ้านสามารถมาใช้งานประกอบอาหาร หรือนั่งทานอาหารไปชมวิวไป ด้วยก็ได้ครับ
แปลนชั้น 18 จะเป็น Pocket Garden ขนาดใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของอาคาร สามารถมานั่งพักผ่อนชมสวนพร้อมกับวิวทะเลสวยๆไปด้วยได้ โดยเรียกฟังก์ชันนี้ว่า Garden Theater Zone และเรายังสามารถเดินขึ้นบันไดเชื่อมต่อมาจากชั้น 17 ได้เลยอีกด้วยนะ
ซึ่งผมมองว่านี่เป็นอีกหนึ่งจุด ที่แสดงให้เห็นว่าทางโครงการเค้าให้ความสำคัญ หรือ Value กับพื้นที่ส่วนกลางมากกว่าที่คิด เพราะแทนที่จะนำไปเป็นพื้นที่ขายเอากำไร แต่กลับทำเป็นส่วนกลางให้ลูกบ้านได้มาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้นั่นเองครับ
และนี่ก็คือหน้าตาของ Garden Theater Zone ที่มองจากโมเดลด้านข้าง ซึ่งจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันด้วยบันไดตั้งแต่ชั้น 18 – 21 อีกทั้งยังมีพื้นที่นั่งเล่นที่เป็นเหมือน Pavilion ยื่นออกมาในแต่ละชั้น ให้เราได้นั่งเล่นกันแบบเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย
(ปล.ที่ใช้คำว่า Theater คือคาดการณ์ว่าอาจมีโปรเจคเตอร์ฉายภาพไปที่ผนังว่างๆทางซ้ายมือ เพื่อให้เราได้นั่งดูหนังกันจากบนชั้นต่างๆได้นั่นเองครับ แต่ยังไงก็รอดูของจริงในอนาคตอีกทีว่าจะเป็นอย่างไรนะ)
แปลนชั้น 21 จะเป็นชั้นบนสุดของ Garden Theater Zone ที่เราจะได้เห็นทั้งบันไดและชานพักที่ยื่นออกไปเป็น Pavilion ได้ชัดเจนมากขึ้นครับ
ถัดมาจะเป็น Pocket Garden ที่เหลืออีก 2 ชั้นบนสุดทางฝั่งด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะประกอบด้วย
- ชั้น 22 : Living Studio Zone
- ชั้น 27 : Sky Meditation Zone
แปลนชั้น 22 จะมี Living Studio Zone ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่เราสามารถขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน หรือจะมานั่งทำงานอ่านหนังสือ ไปพร้อมกับชมวิวสวนและวิวมุมสูงของตัวเมืองหัวหินได้ครับ
แปลนชั้น 27 จะมี Sky Meditation Zone เป็นเหมือนพื้นที่อเนกประสงค์กลางแจ้งแบบเล็กๆ ให้ขึ้นมาชมวิวแบบส่วนตัว หรือใครจะมีนั่งเล่นโยคะ/ฝึกสมาธิกันก็ได้นะ
แปลนชั้น Rooftop (Retreat Zone) จะเป็นชั้นส่วนกลางแบบกลางแจ้งทั้งหมด สามารถขึ้นมาได้จากลิฟต์โดยสารได้เลยครับ ซึ่งฟังก์ชันหลักๆผมขอแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆคือ
ด้านซ้ายสุดจะเป็นพวกบาร์และลานจัดปาร์ตี้ BBQ / ตรงกลางเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของโครงการ / ด้านขวาเป็นโซนแช่อ่างจากุซซี่ ที่มีการกั้นพื้นที่แยกความเป็นส่วนตัวออกจากกันมาเป็นอย่างดี
ภาพถ่ายจากโมเดลจะทำให้เราเห็นฟังก์ชันทั้งหมดได้ชั้นเจนมากขึ้นครับ ซึ่งจะเห็นว่าแต่ละโซนเค้าจัดพื้นที่ไว้ค่อนข้างจริงจัง เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายในอนาคตได้ ลองจินตนาการดูว่าหากมีงานจัดปาร์ตี้ที่ชั้นนี้ก็คงจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
สุดท้ายก็เป็นภาพบรรยากาศจำลองบริเวณจุดชมวิวและอ่างจากุซซี่ ที่เราสามารถมองเห็นทะเลสวยๆสุดลูกหูลูกตาแบบนี้ได้เลยครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
1 FLOOR (Family Zone)
- Lobby
- Viewpoint Terrace
- Exotic Tropical Lap Pool ขนาด 30 x 5.6 m.
- Tropical Jogging Track
- Kid’s Pool ขนาด 4.5 x 5.2 m.
- Creative Outdoor Playground
- Family Lifestyle Hub
- Kid’s Club
- Wellness Garden
- Mail Room
- Juristic Person Room
- Car Charging
3 FLOOR (Relax Zone)
- Library and Co-creative
- Space Active Zone (Fitness)
5 FLOOR (Services Zone)
- Laundry Room
- Driver Room
8, 12, 17, 22, 27 FLOOR
- Glamping (8 FL.)
- Nature Lab (12 FL.)
- Co-Kitchen (17 FL.)
- Living Studio (22 FL.)
- Sky Meditation (27 FL.)
18 – 21 FLOOR
- Garden Theater
Roof Top FLOOR (Retreat Zone)
- Sunrise Deck
- Private Cabana with Hot Tub
- Family Cabana with Hot Tub
- Outdoor Shower
- Hangout Court
- Mini Bar
- Viewpoint and Yoga deck
- BBQ Counter
- ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 91 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 140 คันคิดเป็น 38% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card Access / Face Scan access
แบบห้อง
Highlights :
- มีช่องแสงเยอะ เน้นความสว่างและโปร่งโล่งของทุกฟังก์ชัน
- ห้องทุกแบบจะมี Sexy Bath ทำให้ได้รับแสงสว่างและชมวิวได้ทั้งหมด
- Double Skin Balcony หรือระเบียงแบบ 2 ชั้น ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลาย และขยายพื้นที่ใช้สอยภายในได้เยอะมากๆ
ด้วยความที่ตัวอาคารมีลักษณะเป็นเหมือนขั้นบันได จึงทำให้แบบห้องของโครงการนี้มีมากกว่า 80 แบบเลยทีเดียวครับ แต่สามารถแบ่งเป็น Type หลักๆได้ 7 แบบดังนี้
- 1 Bedroom ขนาด 28 – 30 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 42 – 46 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus Corner ขนาด 44 – 45 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 56 – 109 ตร.ม.
- 2 Bedrooms Jacuzzi ขนาด 103 ตร.ม.
- Penthouse ขนาด 148 – 153 ตร.ม.
- Penthouse Duplex ขนาด 101 – 349 ตร.ม.
รูปแบบการขายจะเป็น Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์มาครบเหมือนในห้องตัวอย่าง ขาดแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นก็หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยครับ ซึ่งก็เหมาะกับคนที่ชอบความสะดวก ไม่อยากเสียเวลาแต่งห้องเอง หรือพร้อมที่จะปล่อยห้องเช่าเลยได้ทันที
สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นแบบห้องที่น่าสนใจ และมีความเป็นสัดส่วนมากที่สุด โดยจุดเด่นของเค้าคือ การออกแบบพื้นที่ระเบียงให้กลายเป็นห้องอเนกประสงค์ ด้วยการทำ Double Skin Balcony หรือระเบียงแบบ 2 ชั้น ที่สามารถใช้งานยืดหยุ่น จะเป็นพื้นที่แบบ Indoor หรือ Semi Outdoor ก็ได้
อีกทั้งยังมีการทำผนังกั้นห้องเป็นกระจกหลายจุด จึงทำให้มีบรรยากาศห้องที่กว้างขวางและโปร่งโล่ง โดยเฉพาะห้องน้ำที่ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ติดกับผนังภายนอก แต่ด้วยความที่เป็นผนังกระจกแบบ Sexy Bath จึงยังได้รับแสงสว่างและมองเห็นวิวภายนอกได้ด้วย
นอกจากนี้ผมยังชอบในเรื่องความเป็นส่วนตัว โดยการกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ และห้องน้ำที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง แต่อาจไม่ได้มีส่วนครัวที่กั้นจริงจังนัก เพราะจะเน้นการไปทานอาหารข้างนอกมากกว่านั่นเอง สรุปแล้วห้องนี้เหมาะกับการพักอาศัย 1 – 2 คน ซึ่งหากใครมีลูกเล็กๆก็พอจะปรับห้องอเนกประสงค์ให้กลายเป็นห้องนอนเพิ่ม หรือจะหาเตียงเสริมมาวางในห้องนอนด้วยกันก็ได้ครับ
ประตูทางเข้าห้องจะเป็นไม้บานทึบสีขาว พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock ของ Hafele มาให้เป็นมาตรฐานครับ
พื้นที่ส่วนแรกจะเป็น “ครัวเปิด” แต่ก็มีระยะสามารถกั้นเป็นครัวปิดเพื่อทำอาหารจริงจังได้สบายๆ หรือจะปล่อยให้พื้นที่เชื่อมต่อกันแบบห้องตัวอย่างก็ดูกว้างขวางดีครับ เพราะคอนโดตากอากาศส่วนใหญ่ก็มักจะออกไปทานอาหารด้านนอกอยู่แล้วนั่นเอง
โดยพื้นที่ส่วนนี้จะมีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.4 m. และปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง SPC ที่ทนความชื้นได้ดีมากๆ สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายครับ
ติดกับประตูจะมีตู้เก็บของพร้อมลิ้นชัก Built-in มาให้แบบนี้เลยครับ สามารถใช้วางของที่มักจะต้องหยิบจับก่อนออกจากห้องได้สะดวก รวมถึงด้านข้างตู้ก็ยังพอจะมีพื้นที่เหลือนิดหน่อย ให้เราสามารถวางชั้นวางรองเท้าเล็กๆเพิ่มเติมได้ด้วย
ถัดมาจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่จะ Built-in มาให้ครบตามนี้เช่นกัน Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ที่ทนทานใช้งานง่าย มีที่ดูดควันและเตาไฟฟ้าจาก Teka มาพร้อมกับ Backsplash ที่ผนังให้เช็ดทำความสะอาดได้สะดวก (ไม่ได้ไฟส่องสว่างนะครับ ต้องติดเพิ่มเอง)
ถัดเข้ามาในห้องเราจะสังเกตเห็นว่า ฝ้าเพดานจะมีความสูงเพิ่มมากขึ้นเป็น 2.7 m. จึงทำให้บรรยากาศมีความโปร่งโล่งมากขึ้น เนื่องจากบริเวณครัวจะอยู่ใต้แอร์ระบบ VRV ที่ฝังอยู่บนฝ้าเพดานนั่นเองครับ
บริเวณกลางห้องจะเป็น “พื้นที่นั่งเล่น” ซึ่งเราจะได้เป็นชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง และมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้ว แขวนบนผนังแบบห้องตัวอย่างได้เลยครับ
อีกทั้งภายในห้องยังมีความสว่างและโปร่งโล่งมากๆด้วย เพราะเราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งเค้าเลือกใช้เป็นกรอบอลูมิเนียมสีขาวครีมแบบนี้เลย
สำหรับฟังก์ชันนี้คือ “ห้องอเนกประสงค์” ที่เราสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายตามต้องการ ซึ่งตำแหน่งก็จะอยู่ติดกับผนังภายนอก พร้อมกับมีช่องแสงขนาดใหญ่ ให้เราได้ชมวิวทะเลสวยๆแบบนี้เลย
ขนาดพื้นที่ห้องนี้กว้างประมาณ 2.5 x 1.8 m. พอที่จะวางเตียงเล็กๆเพื่อทำเป็นห้องนอนลูก หรือห้องนอนเสริมอีกห้องหนึ่งได้สบายๆหากต้องการ
ซึ่งพื้นห้องจะปูด้วยกระเบื้องลายไม้ ที่ดูสวยงามกลมกลืนไปกับพื้นในห้องมากๆครับ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทนต่อแสงแดดและน้ำฝนที่อาจสาดเข้ามาทางหน้าต่างได้นั่นเอง
อันที่จริงแล้วฟังก์ชันนี้คือ Double Skin Balcony หรือระเบียงแบบ 2 ชั้น ที่ถูกออกแบบช่องแสงให้สามารถเลื่อนเปิด-ปิด เพื่อทำให้พื้นที่ส่วนนี้กลายเป็น Indoor หรือ Semi Outdoor ก็ได้
เช่น ถ้าวันไหนเราอยากรับลมธรรมชาติเย็นๆ หรืออยากจะตากผ้าให้แห้งไวๆ ก็ให้เปิดประตูระเบียงเอาไว้ได้เลย แต่หากวันที่มีฝนตกหนัก หรือต้องเจอกับอากาศร้อนอบอ้าว ก็สามารถปิดประตูและเปิดรับแอร์เย็นๆในห้องแทนได้ครับ ซึ่งก็จะเป็นการขยายพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้มากขึ้นอีกด้วยนะ
ถัดมาเราจะไปดูห้องนอนกันบ้างครับ ซึ่งก็จะอยู่อีกด้านหนึ่งของห้องแยกเป็นสัดส่วนไปเลย
ห้องนอนจะกั้นด้วยผนังและประตูบานเลื่อนแบบทึบ ซึ่งช่วยทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวที่ดีมากๆ โดยประตูจะเป็นแบบเดินรางด้านบน จึงสามารถทำความสะอาดพื้นได้ง่ายมากๆ
ภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง (ประมาณ 2.5 x 4.7 m.) ซึ่งกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของห้องเลยทีเดียว โดยเราสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้ใช้งานได้สบายๆ
เริ่มจากทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์กว้างประมาณ 1.9 x 2.5 m. ซึ่งจะอยู่ติดกับช่องหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นถึงฝ้า โดยเราสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน หรือจะทำเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ และสามารถมองชมวิวไปยังทะเลสวยๆได้แบบนี้เลย
นอกจากนี้ผนังตรงปลายเตียงส่วนหนึ่งก็จะเป็นผนังกระจก ที่สามารถมองทะลุเชื่อมต่อกับระเบียงหรือห้องอเนกประสงค์ก่อนหน้านี้ได้ด้วย โดยจะเป็นการดีไซน์ที่เน้นให้เกิดความโปร่งโล่งและกว้างขวาง
ซึ่งหากห้องนี้พักอาศัยกันแค่ 1 – 2 คนก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่ถ้าอยู่กันสัก 3 คนที่อาจมีลูกน้อย และต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็อาจต้องแก้ปัญหาโดยการติดม่านไว้เลื่อนปิดแบบห้องตัวอย่างนี้ก็ได้ครับ
อีกด้านหนึ่งของห้องนอนจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งสามารถเข้าจากประตูบานเล็กตรงหน้าห้องครัวได้อีกทางหนึ่งด้วย จึงทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก
แถมยังเป็นห้องน้ำแบบ Sexy Bath ที่ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับห้องนอนและรับวิวจากหน้าต่างด้านนอก จึงทำให้ห้องน้ำนี้ดูสว่างและโปร่งโล่งมากๆครับ (ของจริงจะมีประตูบานเลื่อนทึบปิดด้วยครับ) ส่วนตรงกระจกเราสามารถติดม่านหรือมู่ลี่ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้นะ
นอกจากนี้ยังมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ในห้องน้ำนี้เลยด้วย ซึ่งพอเราอาบน้ำเสร็จก็สามารถมาแต่งตัวต่อได้สะดวกเลย (ของจริงจะมีหน้าบานปิดให้ด้วยนะ)
ส่วนพื้นห้องน้ำจะมีการลดระดับลงมาจากพื้นห้องเล็กน้อย เพื่อห้องกันไม่ให้น้ำไหลออกไปด้านนอก พร้อมปูกระเบื้องผิวหยาบที่ป้องกันการลื่นได้ดี
ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่และใช้งานได้ดีๆ ซึ่งจะมีฟังก์ชันอาบน้ำให้เลือกใช้งานหลักๆ 2 แบบด้วยกัน
เริ่มต้นด้วยอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวของ TRUSOL มีดีไซน์ที่สวยงาม และมีขนาดใหญ่ สามารถลงไปนั่งแช่ได้ทั้งตัวเลย
ติดกันจะเป็น Shower Box ที่กั้นด้วยกระจกนิรภัย Tempered Glass ภายในกว้างประมาณ 1.1 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับ Hand Shower และช่องวางของที่ผนังเป็นมาตรฐาน
ถัดมาจะเป็นพื้นที่ส่วนแห้งที่ประกอบด้วยอ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์จาก Cotto มีลักษณะดีไซน์ที่สวยงาม ซึ่งเค้าก็จะ Built เคานเตอร์และตู้เก็บของมาให้ พร้อมทั้งมีการเดินท่อน้ำร้อนฝังในผนังมาให้แล้ว จึงทำให้ก๊อกน้ำทุกจุดสามารถเลือกเปิดน้ำร้อน/น้ำเย็นได้สะดวกเลยครับ
มาดูห้องไซส์ใหญ่อย่าง 2 Bedrooms กันบ้างครับ โดยเค้าจะวางตำแหน่งของห้องนอนเล็กเอาไว้ที่ด้านหน้าห้อง (ไม่ได้อยู่ติดกับช่องแสงหรือผนังภายนอก) ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากคอนโดทั่วไป แต่จะเน้นให้ฟังก์ชันที่เหลืออย่างระเบียง ห้องนอนใหญ่ และ Common Area ให้มีพื้นที่ได้แสงสว่างและวิวแบบเต็มๆไปเลย
จุดเด่นของห้องนี้คือ การออกแบบพื้นที่ขนาดใหญ่ให้เชื่อมต่อกัน โดยเฉพาะระเบียงที่มีความกว้างเท่ากับตัวห้องทั้งหมด แถมยังมีอ่างจากุซซี่ให้เราได้นั่งแช่น้ำ และชมวิวทะเลสวยๆอย่างเต็มไปด้วยได้ จึงเป็นห้องที่เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง 3 – 4 คน หรืออาจเป็นคนที่ชอบชวนเพื่อนๆมาจัดปาร์ตี้สังสรรค์ด้วยกันก็ได้ ซึ่งบริเวณ Common Area มีขนาดใหญ่มาก สามารถรองรับสมาชิกหลายๆคนได้สบายเลย
เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับโถงทางเดิน ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน Foyer คอยแจกจ่ายไปยังฟังก์ชันต่างๆของห้องครับ
ซ้ายมือจะเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งออกแบบให้เป็นประตูบานเลื่อนกั้นไว้ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้แบบนี้ครับ
พื้นที่ภายในกว้างประมาณ 2.3. x2.4 m. สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้สบายๆ ซึ่งของจริงจะเป็นห้องเปล่า และ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วยแบบนี้
หรือใครจะนำไอเดียการทำพื้นยกระดับแบบญี่ปุ่น ของห้องตัวอย่างนี้ไปใช้ก็ได้นะครับ เพราะค่อนข้างน่าสนใจดี สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บของได้เยอะทีเดียว
อีกด้านหนึ่งของประตูทางเข้าห้องจะเป็นห้องน้ำแบบ Sexy Bath เช่นเคยครับ
ภายในมีการแยกพื้นส่วนเปียกกับส่วนแห้งมาให้ชัดเจน กว้างประมาณ 1.6 x 0.9 m. พร้อมสุขภัณฑ์จาก Cotto ครบเหมือนเดิม แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ ช่องแสงที่จะทำให้ภายในห้องน้ำสว่างและโปร่งโล่งมากๆ ซึ่งเราสามารถติดม่านเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้นะครับ
ส่วนอีกด้านก็จะเป็น Shower Box มีพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้างประมาณ 1 x 1.1 m. ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass พร้อม Hand Shower และช่องวางของในผนังครบ
ถัดเข้ามาในห้องจะเป็น Common Area ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ (กว้างทั้งหมดประมาณ 3.7 m.) โดยเราสามารถแบ่งเป็นพื้นที่นั่งดูทีวีระยะประมาณ 2 m. และใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ
ส่วนทางด้านหลังโซฟาเราก็สามารถแบ่งเป็นพื้นที่ทำครัวได้ โดยห้องตัวอย่างเค้าจะเว้นระยะเอาไว้ประมาณ 70 cm. ให้สามารถยืนใช้งานได้พอดีๆ เมื่อรวมกับโซฟาก็เหมาะที่จะจัดปาร์ตี้ ทำอาหารทานไปดูทีวีไปพร้อมๆกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวมากๆครับ
นอกจากนี้เราก็จะได้ชุดครัว Built-in เหมือนกับในห้องตัวอย่างนี้เลยครับ ซึ่งก็จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามไซส์ของห้อง จึงมีพื้นที่ประกอบอาหารและเก็บของได้มากขึ้นเยอะเลย
ติดกันจะเป็นพื้นที่ระเบียง ซึ่งจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ โดยเราสามารถเปิดประตูเพื่อเชื่อมต่อและขยายพื้นที่ใช้สอยให้ใหญ่ขึ้นได้ แน่นอนว่าระเบียงนี้ยังคงเป็น Double Skin Balcony หรือระเบียง 2 ชั้น จึงสามารถใช้งานได้ค่อนข้างอเนกประสงค์มากๆ
อีกทั้งระเบียงนี้ยังมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังฝั่งของห้องนอนใหญ่ด้วย โดยจะมีขนาดประมาณ 7 x 1.7 m.
ส่วนห้องนอนจะถูกกั้นด้วยผนังทึบแยกออกไปเป็นสัดส่วน จึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวที่ดีทีเดียว
ภายในห้องนอนใหญ่จะมีขนาดประมาณ 3.1 x 3.1 m. สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้พอดีๆ และยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินได้สะดวก
ด้านซ้ายมือจะมีห้องน้ำให้ใช้งานเป็นส่วนตัว ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นประตูบานเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่ แต่ที่ชอบก็คือเค้ายังคงมีช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้ได้ความสว่างและโปร่งโล่งเหมือนเดิมเลยครับ
โดยสุขภัณฑ์ Cotto และขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในก็จะใช้งานได้สะดวก ประกอบด้วยพื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.2 x 1.75 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.1 x 0.9 m.
อีกด้านของห้องนอนจะอยู่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่ก่อนหน้านี้ จึงทำให้ได้ช่องแสงและวิวทะเลสวยๆเต็มที่ ส่วนปลายเตียงก็จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in พร้อมกับสามารถติดทีวีแขวนผนังเพิ่มได้ด้วย
สุดท้ายคือ “อ่างจากุซซี่” ที่จะย้ายมาตั้งอยู่ตรงระเบียงหน้าห้องนอน ซึ่งถือว่าเป็น Highlight หลักของห้องนี้เลยก็ว่าได้ โดยมีการยกระดับสูงขึ้นมาจากพื้นเล็กน้อย จึงทำให้เราสามารถแช่น้ำไปและชมวิวทะเลสวยๆไปได้แบบนี้ ให้อารมณ์เหมือนได้มาพักผ่อนในโรงแรมหรือรีสอร์ทดีๆเลยครับ
สำหรับห้อง 1 Bedroom จะเป็นห้องไซส์เล็กสุดของโครงการ โดยมองเผินๆลักษณะก็จะคล้ายๆกับห้องสตูดิโอ ซึ่งแน่นอนว่าเรายังคงได้ห้องน้ำแบบ Sexy Bath อยู่เช่นเคย แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ Double Skin Balcony ที่มีขนาดใหญ่มาก สามารถเลื่อนเปิดประตูเพื่อเชื่อมต่อและขยายพื้นที่ภายใน ให้มีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้น เหมาะกับการพักอาศัย 1 – 2 คน หรืออาจเป็นคนที่เน้นการมาเที่ยวและใช้งานส่วนกลางภายนอก มากกว่าที่จะใช้เวลาอยู่แต่ภายในห้องเป็นหลักนั่นเองครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
VEHHA (เวหา) ราคา ณ วันที่ 19 กันยายน 2565
- 1 Bedroom ขนาด 28 – 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus ขนาด 42 – 46 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.38 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus Corner ขนาด 44 – 45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.09 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 56 – 109 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.97 ล้านบาท
- 2 Bedrooms Jacuzzi ขนาด 103 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.45 ล้านบาท
- Penthouse ขนาด 148 – 153 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 16.15 ล้านบาท
- Penthouse Duplex ขนาด 101 – 349 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15.22 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ TEKA
- ค่าจอง 1 Bedroom = 20,000 บาท / 1 Bedroom Plus = 30,000 บาท / 2 Bedrooms = 50,000 บาท / 3 Bedrooms & Duplex = 200,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 3% ของราคาห้อง
- ดาวน์ 10% 30 งวด + ยอดโอน 87%
- ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : โครงการ VEHHA (เวหา) ตั้งอยู่ติดกับสวนน้ำและโรงแรม Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin จึงทำให้สามารถมาใช้บริการสถานที่เหล่านี้ได้ง่าย อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับตัวเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ตลาด และมีชายหาดหัวหินให้ไปเดินเล่นกันได้ ซึ่งหัวหินเองก็นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เงียบสงบ เหมาะจะพาครอบครัวมาพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดมากๆ
นอกจากนี้ทำเลโครงการยังสามารถสร้างตึกสูงได้ด้วย ซึ่งต่างจากโครงการทั่วไปที่ถึงแม้จะอยู่ตำแหน่งใกล้ทะเลมากกว่า แต่ก็เป็นอาคาร 7 – 8 ชั้น ที่หากอยากมองเห็นทะเลก็จะต้องเดินไปดูตัวเอง ในขณะที่อาคารสูงแบบ VEHHA จะสามารถมองเห็นวิวได้จากในห้องของตัวเองได้ตลอดเวลา 180 องศา และการันตีได้ในระดับหนึ่งว่าจะไม่โดนบังวิวง่ายๆด้วยครับ
การเดินทางโดยใช้รถ : มีถนนหลักเพชรเกษมแค่เส้นเดียว และเป็นทำเลต่างจังหวัดอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องรถติดเหมือนในกรุงเทพฯมากนัก จะมีก็แค่ตามสี่แยกไฟแดงต่างๆ และบริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้า กับโรงเรียนตอนช่วงเย็นๆเท่านั้นครับ
ส่วนที่จอดรถจะมีทั้งหมด 140 คัน หรือคิดเป็น 38% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ซึ่งอาจจะดูไม่มากนัก แต่ก็อย่าลืมครับว่านี่เป็นคอนโดพักตากอากาศ จึงไม่ได้มีคนพักอาศัยอยู่ประจำทุกวัน เว้นแต่ในช่วงวันหยุดถ้ามีลูกบ้านพร้อมใจกันขับรถมาพักกันหลายๆห้อง ก็อาจเกิดปัญหาที่จอดรถไม่พอได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีจัดการของโครงการในอนาคตแล้วละครับว่าจะมีแผนสำรองอย่างไร
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถึงแม้ว่าจะเป็นทำเลต่างจังหวัด แต่ก็ยังคงอยู่ในตัวเมืองและใกล้สถานที่ท่องเที่ยว จึงพอจะมีรถสาธารณะคอยให้บริการอยู่บ้าง ยิ่งเป็นสมัยนี้เราก็สามารถใช้ Application เรียกใช้เอาได้ง่ายๆเลยครับ หรืออาจใช้บริการรถรับ-ส่งของทางโรงแรมก็น่าจะมีนะ รวมถึงสนามบินที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 12.7 km. ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางระยะไกลได้เช่นกัน
การออกแบบโครงการ : VEHHA นับว่าเป็นคอนโดที่สูงที่สุดของหัวหินในปัจจุบัน ทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องของ “วิว” ซึ่งทุกยูนิตสามารถมองเห็นทะเลสวยๆได้แบบ 180 องศา เนื่องจากเค้ามีการออกแบบโถงทางเดินเป็น Single Corridor คือจะมีห้องพักแค่ด้านเดียว ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว แถมยิ่งจำนวนชั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็จะมีเพื่อนบ้านน้อยลง และมองเห็นวิวมุมสูงได้ไกลมากขึ้นด้วยนะครับ แน่นอนว่าห้องชั้นบนๆก็มักจะมีราคาค่อนข้างสูงตามไปด้วยเช่นกัน แต่สำหรับใครที่อาจซื้อห้องอยู่ชั้นล่างๆ ก็ยังสามารถขึ้นไปชมวิวสูงๆได้จากชั้นส่วนกลางที่มีให้ไปใช้งานเยอะมากๆได้อีกด้วย
การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : มีแบบห้องให้เลือกเยอะมากครับ ซึ่งเราก็สามารถเลือกให้เหมาะกับจำนวนสมาชิกของครอบครัวได้เลย แต่จุดเด่นหลักๆก็คือ การออกแบบช่องแสงที่ทำให้ห้องดูกว้างและสว่างโปร่งโล่ง สามารถมองเห็นวิวได้ทุกฟังก์ชัน และยังมีห้องน้ำแบบ Sexy Bath ทำให้สามารถอาบน้ำไปและชมวิวทะเลสวยๆไปด้วยได้
แต่ที่ผมชอบที่สุดก็คือ Doble Skin Balcony หรือระเบียง 2 ชั้น ที่เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบ Semi Outdoor เป็นระเบียงนั่งพักผ่อนชมวิวสวยๆ หรือจะเปิดประตูเพื่อขยายพื้นที่เชื่อมต่อกับด้านในห้อง ให้หลายเป็นพื้นที่ห้องขนาดใหญ่มากๆไปเลยก็ได้
วัสดุ : ถือว่าให้มาเหมาะสมกับราคา ที่ชอบมากๆก็คือ ผนังกระจกภายในห้องที่เยอะมากๆ ซึ่งเป็นแบบสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยด้วยนะครับ มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ Built-in แบบ Fully Furnished ที่หิ้วกระเป๋าเตรียมมาเที่ยวพักผ่อนได้ทันที นอกจากนี้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก Cotto ก็มีดีไซน์ที่สวยงาม มีการเดินท่อน้ำร้อนในผนังมาให้พร้อมใช้งาน แต่ที่ชอบที่สุดก็คือ อ่างจากุซซี่จาก TRUSOL ที่จะมีให้ในแบบห้อง 1 Bedroom Plus ขึ้นไป เหมาะที่จะแช่น้ำชมวิวในคอนโดตากอากาศแบบนี้มากๆครับ
สาธารณูปโภค : เป็นโครงการที่ให้ส่วนกลางมาค่อนข้างเยอะ เรียกได้ว่ากระจายอยู่เกือบทุกชั้นเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นการลดความหนาแน่นในการใช้งาน และทำให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังมีการแบ่งโซนให้มีความเป็นส่วนตัวได้ดีอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้คือ เค้าค่อนข้างให้ความสำคัญกับ Facilities มากกว่าที่คิด เพราะแทนที่จะทำชั้นบนๆ หรือฝั่งที่ได้วิวทะเลชั้นสูงที่มี Value ไปเป็นพื้นที่ขายเอากำไร กลับนำมาทำเป็นส่วนกลางเพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้นั่นเอง
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็น Benefit สำหรับลูกบ้านโครงการนี้ก็คือ บริการและสิทธิพิเศษอื่นๆที่มีการดีลกับทางสวนน้ำและโรงแรม Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin ในส่วนนี้ผมมองว่ามีความ Flexible ค่อนข้างดี เพราะเราสามารถจ่ายค่าบริการเป็นครั้งๆที่ใช้ไปได้ ซึ่งต่างจาก Branded Residence ที่จะเป็น Full Service และทำให้เจ้าของห้องต้องแบกรับภาระค่าส่วนกลางที่มากขึ้นทั้งหมด (ไม่ว่าจะใช้หรือไม่ได้ใช้ก็ตาม) แต่ทั้งนี้ VEHHA เค้าก็จะมีระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ภายใน 5 ปี โดยนับตั้งแต่ปีนี้จนถึงสิ้นปี 2570 ซึ่งถ้าใครคิดว่าจะได้ใช้บริการหรือมาเที่ยวบ่อยๆอยู่แล้ว ก็รับรองว่าค่อนข้างคุ้มอยู่เหมือนกันนะครับ
Judgement
สำหรับโครงการ VEHHA (เวหา) เราจะไม่มีการให้คะแนนนะครับ เนื่องจากโครงการประเภทตากอากาศ มีปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อที่แตกต่างจากคอนโดเพื่อการอยู่อาศัยทั่วไปที่ต้องมีเรื่องของความคุ้มค่าทางการเงินและความคุ้มค่าทางอารมณ์ผนวกกันครับ เป็นการซื้อเพื่อพักผ่อนหย่อนใจมากกว่า ทำให้บรรทัดฐานการให้คะแนนแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลทั้งผู้อ่านและผู้รีวิวครับ
VEHHA (เวหา) เหมาะกับใคร
โครงการ VEHHA (เวหา) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดสูงในหัวหิน ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลกว้างๆได้จากบนห้องของตัวเองได้ โดยเน้นออกแบบช่องแสงและบรรยากาศภายในให้มีความโปร่งโล่ง สามารถมองเห็นวิวได้ทุกฟังก์ชัน และอาจมีความคาดหวังที่จะได้ใช้บริการ หรือสิทธิพิเศษจากสวนน้ำ และโรงแรม Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin ในระยะเวลาภายใน 5 ปีนี้ด้วยครับ โดยมีงบประมาณระดับ 3.19 – 15.22 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 22,000 – 107,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc