รีวิวฉบับที่ 1125 สวัสดีค่า วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างโครงการ Supalai park รัชวิภา จาก ศุภาลัย คอนโดตึกคู่สูง 30 ชั้น จำนวน 1,664 ยูนิต บนถนนรัชดาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าไปทางรัชโยธินระหว่างแยกวงศ์สว่างและแยกประชานุกูล โดยโครงการจะเปิด Pre-sale ในวันที่ 29-31 กรกฎาคมนี้นะคะ
Fact @ 12 July 2016
- Supalai Park Ratchavipha (ศุภาลัย ปาร์ค รัชวิภา)
- บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางซื่อ
- คอนโด High Rise 30 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 1,664 ยูนิต และร้านค้า 8 ยูนิต
- พื้นที่จอดรถชั้น 1-5
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 35 ยูนิต ยูนิตที่ชั้น 7-28 ของอาคาร A และ B
- ที่จอดรถประมาณ 54 %
- ที่ดินประมาณ 9-3-75.3 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ต้นปี 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : n/a
- Studio 28.5 – 29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.43 ล้านบาท
- 1 Bedroom 35 – 41 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.73 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 52.5 – 61 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.83 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.43 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 58,600 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : n/a
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Centre : 1720 กด 88
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.831164, 100.534918
แผนที่โครงการคอนโด Supalai park รัชวิภา ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกระหว่างซอยรัชดาภิเษก 66 และ 68
ทำเลโครงการคอนโด Supalai park รัชวิภา อยู่ระหว่างย่านรัชวิภาและวงศ์สว่างหรือทางตอนเหนือของกรุงเทพ โดยอยู่บนถนนรัชดาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าไปทางแยกประชานุกูล โดยเป็นทำเลที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่เกาะบนถนนประชาชื่นและในซอยรัชดาย่อยๆซะเป็นส่วนใหญ่ โดยถนนรัชดาภิเษกเป็นถนนที่เริ่มตั้งแต่แยกวงศ์สว่างไปทางแยกรัชโยธินและยาวไปเรื่อยๆจนถึงแถวพระราม9 ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสะพานข้ามแยกยาวๆทำให้เดินทางได้ง่ายกว่าการรอสัญญาณไฟเขียว-ไฟแดง ส่วนถ้าผ่านแยกวงศ์สว่างไปจะเป็นสะพานพระราม7 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไป ส่วนขึ้นเหนือที่เส้นประชาชื่นจะขึ้นไปทางงามวงศ์วานเลยไปจะเข้าเขตนนทบุรี ส่วนอีกเส้นคือถนนกรุงเทพ-นนทบุรีจะเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังจะเปิดให้บริการประมาณเดือนสิงหาคมของปีนี้ แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยแต่ก็มีสำนักงานอย่าง SCG ตรงบางซื่อ ไม่ไกลจากอาคารสำนักงานแถวๆห้าแยกลาดพร้าวมากนัก แต่ที่รถจะติดมากคือแยกประชานุกูลใกล้ๆนี้เอง และอีกไม่นานพื้นที่แถบบางซื่อตรงสวนจตุจักรจะมีการปรับเป็น Hub ของการขนส่งซึ่งจะส่งผลต่อพื้นที่ใกล้เคียงแน่นอน
การเดินทางโดยการใช้รถขึ้นทางด่วน โชคดีมากที่ใกล้ทางขึ้น-ลงทางด่วนทั้งฝั่งเข้าเมืองและออกนอกเมืองของทางด่วนศรีรัชขั้นที่ 2 โดยการเข้าเมืองจะขึ้นที่บนถนนรัชดา โดยออกจากโครงการจะต้องผ่านแยกประชานุกูลมุ่งหน้าแยกรัชโยธินแล้วไปกลับรถมาอีกฝั่งหนึ่ง ทางขึ้นจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงแยกประชานุกูล ส่วนทางลงก็จะอยู่ข้างๆกัน ส่วนการขึ้นทางด่วนขึ้นไปทางเหนือหรือนนทบุรีหรือปทุมธานีด่านจะอยู่บนถนนประชาชื่น โดยออกจากโครงการ เลี้ยวซ้ายที่แยกประชานุกูล ผ่านโรงพยาบาลเกษมราษฎร์แล้วเลี้ยวซ้ายจะมีทางเข้าไปยังด่านเก็บเงิน ส่วนทางลงก็จะอยู่ใกล้ๆกัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ถ้าอยากจะเรียกรถแท็กซี่ก็สามารถทำได้สะดวก แต่ถ้าจะเรียกมอเตอร์ไซค์จะต้องเดินมาทางแยกประชานุกูลหน่อยจะมีพี่วินอยู่ ส่วนป้ายรถเมล์มีอยู่ที่หน้าโครงการเลย และมีสะพานลอยข้ามฝั่งเพื่อขึ้นไปฝั่งตรงข้ามได้สบายๆ ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการที่สุดตอนนี้คือ MRT สถานีบางซื่อ สามารถนั่งไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวได้ที่สถานีสวนจตุจักร ซึ่งในอนาคตสถานีบางซื่อก็จะเป็นสถานีเชื่อมต่อกับสายสีแดงอ่อน และสายสีแดงเข้ม และจะมีส่วนต่อขยายไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ที่สถานีเตาปูน
ความอุดมสมบูรณ์ของทำเล อย่างแรกคือ 8 ร้านค้าที่ชั้น 1 ของโครงการโดยยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นการขายขาดหรือให้เช่าพื้นที่ แต่ก็น่าจะมีร้านอาหารหรือร้านกาแฟและร้านสะดวกซื้อบ้างแน่นอน เพราะด้วยขนาดโครงการ 1000+ ยูนิตก็จะต้องมีลูกค้าที่สนใจ นอกจากนั้นฝั่งตรงข้ามจะมีร้านไก่ย่างชื่อดัง 2 ร้าน ใกล้ๆแยกวงศ์สว่างมี BigC นอกนั้นก็จะมีในระยะที่ต้องขับรถออกไปหน่อยอย่าง
- บนถนนประชาชื่นใกล้โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ จะมีร้านอาหารตามสั่งอยู่หน้าโรงพยาบาลและภายในโรงพยาบาลจะมีร้านอาหาร Puff&Pie ร้านเครื่องดื่มอย่าง Black Canyon , Squeeze ถ้าเดินไปด้านหลังโรงพยาบาลจะมี 7-11 ร้านอาหารพวกรถเข็นและแผงขายของเล็กๆน้อยๆ
- จากโครงการผ่านแยกประชานุกูลไปบนถนนรัชดาฝั่งรัชโยธินจะเจอกับปั๊มคาลเท็กซ์ ซึ่งด้านในปั๊มจะมีร้าน Burger King Drive – Thru , Lawson 108 และ Black Canyon ถ้าถัดไปหน่อยจะบริเวณทางกลับรถใต้สะพานจะเจอกับร้านอาหารชื่อ พิมพ์รภัส มีอาหารตามสั่งและช่วงกลางวันก็จะมีเป็นข้าวแกงราคาพอรับได้
- ถนนประชาชื่นจะมีร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างตึกแถว ติดริมถนนโดยที่ใกล้ๆจะมีอยู่เยอะช่วงซอย ประชาชื่น 20 ต้นๆ แต่โซนนี้ถ้าขับรถมาจะสะดวกกว่า
สำหรับตลาด ถ้าขับรถเลยขึ้นไปทางถนนเทศบาลสงเคราะห์จะมีตลาดประชานิเวศน์ และตลาดบองมาร์เช่ ที่เป็นตลาดใหญ่ในย่านนี้ มีทั้งของสดของแห้งให้เลือกจับจ่ายใช้สอย ส่วนห้างค้าปลีก – ค้าส่งในย่านนี้ก็จะมี Tesco Lotus ประชาชื่น , BigC วงศ์สว่าง สำหรับแหล่งช้อปปิ้งที่ใกล้ๆก็จะมี Major รัชโยธิน และ The Avenue รัชโยธิน ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านขนมและตลาดนัดเสื้อผ้า Block space อยู่ใกล้ๆกับ SCB Park แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารที่เอาตู้คอนเทนเนอร์มาตกแต่งต่อกับทำเป็น mall เล็กๆ ถ้าขับรถไปทางฝั่งลาดพร้าวก็จะมี Central ลาดพร้าว และ Union mall ให้เดินเล่น
ส่วนเส้นทางที่เราจะพาไปในวันนี้ จะเริ่มต้นถนนพหลโยธินบนแยกรัชโยธิน เลี้ยวซ้ายเข้าที่ถนนรัชดาภิเษก ตรงไปเรื่อยๆชิดขวาขึ้นสะพานข้ามถนนวิภาวดี ขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูลอีกทีแล้วมาลงที่ถนนรัชดาแถวนิตยาไก่ย่าง แล้วไปกลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง ที่ดินโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือระหว่างซอยรัชดา 66 และ 68
เริ่มต้นการเดินทางที่ถนนพหลโยธินมุ่งหน้าแยกรัชโยธิน ทางขวามือคือตึกช้าง ฝั่งซ้ายมือคือที่ดินใกล้กับพื้นที่ว่าง Bangkok land บนถนนพหลโยธินในปัจจุบันกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เชื่อมจาก BTS หมอชิตไปทางสะพานใหม่อยู่
เจอป้ายบอกทางก่อนถึงแยกรัชโยธิน ถ้าตรงไปจะมุ่งหน้าเกษตร เลี้ยวขวาจะเข้าถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าลาดพร้าว ส่วนเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าถนนวิภาวดีรังสิต
มาถึงแยกกันแล้วค่ะ เราจะเลี้ยวซ้ายที่แยกรัชโยธิน ส่วนใครที่มาจากลาดพร้าวบนเส้นรัชดาอยู่แล้วก็สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกนี้ไปได้เลย
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดาภิเษกปั้บ ฝั่งซ้ายมือก็จะเป็น SCB park ส่วนทางขวามือก็จะเป็น Major รัชโยธิน ใต้สะพานข้ามแยกจะมีจุดกลับรถ
ตรงมาเรื่อยๆก็จะเป็นจุดทางลงสะพานข้ามแยก ส่วนฝั่งซ้ายมือก็จะเป็นทางเข้า SCB park ที่ภายในจะแบ่งเป็นหลายอาคาร มีร้านอาหารและบริการต่างๆรวมถึงมีชั้นเรียนพิเศษด้วย
ตรงมาเรื่อยๆทางซ้ายมือคือ Box space ที่นำเอาตู้คอนเทนเนอร์มาต่อกันเป็นแหล่งนัดพบปะ แต่คนก็ไม่เยอะมากเท่าไร
เราตรงไปบนถนนรัชดาจะมีป้ายบอกทาง คือถ้าชิดซ้ายสุดจะมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว ส่วนเลนตรงกลางคือไปจุดกลับรถใต้สะพาน ส่วนเลนทางขวาที่เราจะไปคือขึ้นสะพานข้ามไปยังถนนรัชดามุ่งหน้าสะพานพระราม7
ชิดขวาขึ้นสะพานมาก็จะมีทางตรงไปมุ่งหน้าประชาชื่น-พระราม7 ส่วนถ้าชิดซ้ายจะมีทางลงไปยังถนนวิภาวดีรังสิตมุ่งหน้าบางเขน
ทางแยกซ้ายลงตรงนี้ต้องระวังหน่อยนะคะ มีข่าวบ่อยมากเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ดังนั้นถ้าเราจะชิดซ้ายหรือชิดขวาก็อยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งไปเลย
เลยทางลงมาก็จะเจอทางขึ้นทางซ้ายมือ โดยขึ้นมาจากถนนวิภาวดีตรงร้านอาหารเพลิน
เลยมาหน่อยเรากำลังอยู่บนสะพานข้ามถนนกำแพงเพชร 6 ที่มีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มอยู่
เราตรงมาจนถึงทางลง โดยเรามาลงที่ถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าแยกประชานุกูลที่อยู่ด้านหน้า
โดยถ้าเราเลียบไปทางขวามือก็จะมีสะพานข้ามแยกประชานุกูลมุ่งหน้าแยกวงศ์สว่าง-พระราม7 ส่วนถ้าอยู่เลนกลางจะไปที่แยกประชานุกูเพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาชื่น ส่วนถ้าชิดซ้ายมือจะมีทางขึ้น-ลงทางด่วน
ป้ายทางด่วนอยู่ทางซ้ายมือนะคะ เลี้ยวเข้าไปจะเป็นด่านเก็บเงิน
ส่วนเราจะชิดเลนขวาเพื่อมุ่งหน้าสะพานข้ามแยกประชานุกูล
ขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูลไปลงถนนรัชดาภิเษก
มองไปทางซ้ายจะเจอกับถนนประชาชื่นเลียบคลองประปาฝั่งมุ่งหน้าบางซื่อ จะมีอาคารพาณิชย์และคอนโด High rise ขึ้นประปรายใกล้กับสถานี MRT
ทางลงสะพานข้ามแยกประชานุกูล
เราจะชิดซ้ายเพื่อไปกลับรถใต้สะพานข้ามแยกวงศ์สว่างนะคะ ส่วนถ้าชิดซ้ายจะเข้าแยกวงศ์สว่างที่ตัดกับถนนกรุงเทพ-นนท์
ตรงมาเรื่อยๆจะเจอสะพานลอยที่สามารถใช้ข้ามในการขึ้นรถเมล์ได้ ฝั่งขวามือจะเป็นที่ดินของโครงการพอดี
เราจะเข้าเลนกลางเพื่อไปกลับรถใต้สะพานข้ามแยกวงศ์สว่างกันค่ะ ส่วนถ้าชิดขวาก็จะเป็นเลนขึ้นสะพานข้ามแยก
มาถึงใต้สะพาน ถ้าเราตรงไปจะมุ่งหน้าแยกวงศ์สว่าง ถ้าเลี้ยวขวาที่แยกจะเข้านนทบุรี ส่วนถ้าไปทางซ้ายจะเข้าถนนประชาราษฎร์สาย2 ส่วนเราจะกลับรถใต้สะพานทางขวามือ
กลับรถใต้สะพานเรียบร้อยมาอยู่บนถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าแยกประชานุกูล
ตรงมาเรื่อยๆเราจะชิดเลนซ้ายมือเผื่อจะเลี้ยวเข้าพื้นที่โครงการ ส่วนถ้าอยู่เลนกลางๆจะไปที่แยกประชานุกูลที่ตัดกับถนนประชาชื่น หรือถ้าชิดขวาคือขึ้นสะพานลอยข้ามแยกกลับไปแถวรัชโยธิน
ตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอกับสะพานลอยที่ใกล้ที่สุดของโครงการ
ผ่านมาอีกหน่อยทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าโครงการหมู่บ้านเดี่ยว
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอป้ายรถเมล์ ซึ่งอยู่ใกล้โครงการมาก ที่ดินโครงการอยู่ที่ป้ายโครงการมองลอดไปได้เลยค่ะ
ถึงแล้วที่ดินโครงการ สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย
เข้ามาภายในที่ดินโครงการ ส่วนหน้าเป็นที่ตั้งของ Sales office
มาดูเพื่อนบ้านกันบ้างนะคะ พื้นที่รอบๆส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมสูง 2-3 ชั้น โดยจะไม่ส่งผลต่อการบังวิวแน่นอนเพราะว่าห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 6 เป็นต้นไป ฝั่งใต้ของโครงการคือถนนรัชดาภิเษก มีสะพานลอยและป้ายรถเมล์ในระยะเดิน และมีร้านอาหารกลางคืนบ้างประปรายริมถนนใหญ่ แต่ภายในซอยย่อยก็จะเป็นบ้านพักอาศัยเกือบจะทั้งหมดค่ะ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น 600 เมตร (ขาไป)
- BigC วงศ์สว่าง 1.7 กิโลเมตร
- ตลาดประชานิเวศน์ 2.3 กิโลเมตร
- ตลาดบองมาร์เช่ 2.8 กิโลเมตร
- Tesco lotus ประชาชื่น 3.3 กิโลเมตร
- วัดเสมียรนารี 3.3 กิโลเมตร
- Major รัชโยธิน 3.9 กิโลเมตร
- SCB park 4 กิโลเมตร
- SCG สำนักงานใหญ่/ MRT บางซื่อ 4.2 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว 4.4 กิโลเมตร
ภาพจำลองภายนอกของโครงการ Supalai Park รัชวิภา คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น 2 อาคาร รวม 1,664 ยูนิต เนื่องจากโครงการมี 2 อาคาร ชั้น 1-6 มีโครงสร้างที่เชื่อมต่อกันเป็นแนวลึก แต่ตั้งแต่ชั้นที่ 7 เป็นต้นไปจะแยกเป็น Tower ของตัวเอง โดยอาคารที่ติดกับถนนรัชดาภิเษกจะเป็นอาคาร B และอาคารด้านในลึกเข้าไปคืออาคาร A ตัวอาคารใช้โทนสี Earth tone ตกแต่ง ทั้งสีขาว ครีม เขียว น้ำตาล โดยชั้น 1 เป็นชั้น Lobby และ Meeting room รวมถึงมีพื้นที่จอดรถจากชั้น 1-5 ส่วนชั้น 6 จะเริ่มเป็นชั้นที่มีห้องพักและส่วนหนึ่งที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง โดยระหว่างอาคารจะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง และที่ภายในอาคารทั้งสองก็จะมี Facility ที่ลูกบ้านสามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด ส่วนชั้น 7-28 จะเป็น Typical floorplan และชั้น 29 จะมี Pocket garden และชั้น 30 จะมี Sky lounge เป็นชั้นบนสุดของโครงการ นอกจากนั้นสภาพพื้นที่รอบๆโครงการก็จะแบ่งเป็นพื้นที่สีเขียวตามแนวขอบที่ดินและพื้นที่จอดรถใต้อาคารบางส่วน
โมเดลของทางโครงการจะสร้างให้เห็นสเกลจริง อย่างในภาพคือทางเข้าโครงการจากถนนรัชดาภิเษกระหว่างซอย 66 และ 68 ถ้าเป็นคนเดินก็จะมีทางตัดตรงผ่าน Drop-off เข้าส่วน Lobby ไปเลย แต่ถ้าใช้รถจะต้องขับเข้าไปผ่านป้อมรปภ.เพื่อแตะบัตรเป็นระบบ Keycard access แล้วจึงจะเข้าไปจอดรถภายในโครงการได้ หรือถ้าแค่มาส่งก็สามารถวนที่ Drop-off หน้าโครงการแล้ววนออกได้เลย
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Lobby ที่ชั้น 1 ของโครงการ โดยทางซ้ายมือคือทางเข้าโถงลิฟท์โดยสารที่จะมีด้วยกัน 3 ตัว และ Service lift อีก 1 ตัว
มาที่ด้านข้างโครงการกันบ้าง พื้นที่รอบๆเขตที่ดินโครงการจะเป็นพื้นที่สีเขียวอย่างการปลูกหญ้า ไม้พุ่ม และต้นไม้ใหญ่ รวมถึงพื้นที่จอดรถกลางแจ้งเรียงกันไป ตรงกลางเป็นทางเดินรถทางเดียวสามารถขึ้นไปจอดรถบนอาคารที่ชั้น 2-5 ได้ ส่วนห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 6 เป็นต้นไป
ที่ชั้น 6 จะมีพื้นที่ระหว่างอาคาร A และ B เป็นพื้นที่กลางแจ้ง สามารถเข้าถึงได้จากทั้งสองอาคาร โดยทางโครงการจะจัดเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ โดยจะมีแบ่งพื้นที่เป็นสระว่ายน้ำเด็กและ Jacuzzi รวมถึงรอบๆสระก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นตามปกติ โดยจากพื้นที่กลางแจ้งชั้น 6 นี้สามารถเดินไปพื้นที่ Facility ที่อยู่ภายในชั้น 6 ได้ โดยจะอยู่ก่อนส่วนต้องแตะ Keycard เข้าอาคาร
บรรยากาศจำลองของพื้นที่กลางแจ้งระหว่างอาคารที่ชั้น 6
ตัวโมเดลโครงการจะมี 2 อาคาร โดยอาคารฝั่งหน้าหรืออาคาร B จะเป็นตึกสูง 30 ชั้นสวยงาม แต่อาคาร A ที่อยู่ด้านหลังตัวโมเดลจะหั่นที่ชั้น 6 เพื่อให้ดูแปลนชั้นนี้ โดยทางขวามือคือพื้นที่ Facility ที่ลูกบ้านสามารถใช้ได้ทั้งหมด แต่ถัดเข้ามาจะมีประตูที่ต้องใช้ Keycard ในการเข้าอาคาร โดยถ้าเป็นลูกบ้านของอาคาร B ก็จะเข้าอาคาร A ส่วนพักอาศัยไม่ได้
บรรยากาศจำลองของฟิตเนสขนาด 80 ตารางเมตรที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ
พื้นที่ด้านหลังอาคารก็จะมีส่วนกลางจอดรถกลางแจ้งจำนวนหนึ่ง รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวจัดเป็นสวนและมีสนามบาสกลางแจ้งแบบแป้นเดียวด้วย
ภาพบรรยากาศจำลองของพื้นที่ชั้น 29-30 ของโครงการ จะมีทั้งป้ายชื่อโครงการที่สามารถเห็นได้จากระยะไกลและพื้นที่สีเขียว
โดยที่ชั้น 29 จะเป็นห้องพัก และส่วนกลางที่เรียกว่า Pocket garden ส่วนชั้น 30 จะเป็น Sky lounge และสวนชั้นดาดฟ้า
ภาพบรรยากาศจำลองของ Sky lounge ชั้น 30
เร่ิมกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ Supalai park เข้าได้จากถนนรัชดาภิเษกระหว่างซอย 66 และ 68 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางประชานุกูล พื้นที่ดินเป็นรูปตัว I แปลงลึกมาก โดยแบ่งส่วนพักอาศัยออกเป็น 2 อาคารคืออาคาร B ที่อยู่ด้านหน้าและอาคาร A ที่อยู่ด้านใน โดยอาคารทั้งสองสูง 30 ชั้น รวมจำนวน 1,664 ยูนิต พื้นที่อาคารจอดรถรอบอาคารชั้น 1 และชั้น 2-5 รวมประมาณ 54%
จากทางเข้า-ออกที่ถนนรัชดาภิเษกเข้ามาจะเจอกับพื้นที่จอดรถหน้าโครงการ ลึกเข้าไปหน่อยจะเป็น Drop-off หน้า Lobby เดินเข้ามาด้านในจะเจอกับ Meeting room ห้องนิติบุคคล ห้องจดหมาย และโถงลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service lift อีก 1 ตัว รอบๆอาคารพักอาศัยก็จะมีที่จอดรถอยู่อีก พร้อมพื้นที่สีเขียวรอบเขตพื้นที่ดิน
ที่ชั้น 6 จะมีส่วน Facility เชื่อมอาคารทั้งสองเข้าด้วยกัน โดยส่วนกลางแจ้งจะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือที่แบ่งออกเป็นทั้งสระเด็ก Jacuzzi รอบๆก็เป็นพื้นที่นั่งเล่น รวมถึงภายในอาคารของอาคาร A และ B ในส่วนที่ใกล้สระว่ายน้ำก็จะมี Facility อื่นๆอีก อาทิ ห้องฟิตเนส ห้องปิงปอง ห้องน้ำและห้องล็อกเกอร์ โดยตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปอาคารก็จะแยกเป็น Tower ของตัวเอง
มาลงรายละเอียดที่ผังชั้น 6 ของอาคาร A ที่เป็นอาคารด้านหลัง ส่วนที่ต่อกับพื้นที่สระว่ายน้ำกลางแจ้งประกอบไปด้วยห้องฟิตเนส, Table tennis room และห้องน้ำ โดยส่วนนี้จะอยู่ก่อนถึงประตูที่ต้องแตะ keycard access เข้าส่วนพักอาศัย
เช่นกันกับชั้น 6 ของอาคาร B ที่เป็นอาคารด้านหน้า ส่วน Facility ในอาคารที่เดินได้จากพื้นที่สระว่ายน้ำประกอบไปด้วย Kids’room, Game room, Lounge and Library และห้องน้ำ
ชั้น 7-28 ของทั้งสองอาคารเป็นชั้น Typical floorplan โดยมีจำนวนยูนิตสูงสุดคือ 35 ยูนิตเท่ากันทั้งสองอาคาร โดยมีโถงลิฟท์อยู่ตรงกลางพร้อมบันไดหนีไฟ 3 จุด
ชั้น 7-28 ของอาคาร B ก็เหมือนกับการ Mirror แบบของอาคาร A โดยจะมีแบบห้อง 2-bedroom ที่ห้องมุมสี่ฝั่ง ส่วนตรงกลางใกล้ลิฟท์เป็นห้องแบบ Studio จำนวน 8 ยูนิต นอกนั้นเป็นห้องแบบ 1-bedroom
บนชั้น 29 เป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยชั้นสุดท้าย โดยฝั่งตรงข้ามกับโถงลิฟท์จะมีพื้นที่สีเขียวที่เรียกว่า Pocket garden อยู่ด้วย
อาคาร B ชั้น 29 ก็จะเป็นแบบเดียวกัน
Sales office ของโครงการนั้นอยู่บนหน้าที่ดินโครงการเลยนะคะ มีงานแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา และมีกำหนดเป็น Pre-sale วันที่ 29-31 กรกฎาคมนี้เช่นกัน
ภาพบริเวณส่วนหน้าของที่ดินโครงการ หรือปัจจุบันตั้งเป็น Sales office ของโครงการ
เดินเข้ามาด้านในก็จะเจอกับพื้นที่จอดรถสำหรับลูกค้าและผู้ที่สนใจ
หลังที่จอดรถไปก็จะเป็นเขตที่ดินโครงการที่กั้นไว้สำหรับการก่อสร้าง โดยจะเริ่มสร้างประมาณต้นปี 2560 หรือปีหน้านะคะ
เราจะเข้าไปดู Sales office โครงการด้านในกัน
ภายในพื้นที่รับรองส่วนหน้าจะประกอบไปด้วยเคาท์เตอร์ของพี่เซลล์ ชุดโต๊ะพร้อมเก้าอี้ และจะมีโมเดลตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ผนังรอบๆคือภาพจำลองโครงการ ผังโครงการ และแบบห้องต่างๆ
เดินเข้ามาด้านในก็จะมีห้องตัวอย่างทั้งแบบ Studio และแบบ 1-bedroom ให้เข้าชม
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1 – Lobby
- ชั้น 1 – Meeting room
- ชั้น 6 – สระว่ายน้ำระบบเกลือพร้อมสระเด็กขนาด n/a เมตร และ Jacuzzi
- ชั้น 6 ฝั่งอาคาร A – ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด 80 ตารางเมตร, Table tennis room, WC and locker room
- ชั้น 6 ฝั่งอาคาร B – Lounge and Library, Kid Room, Game Room, WC and locker room
- ชั้น 29 – Pocket Garden
- ชั้น 30 – Sky Lounge และสวนชั้นดาดฟ้า
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 6 ตัว และ Service lift 2 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 277: 1
- ที่จอดรถ ประมาณ 54%
- ระบบ CCTV / Access Card
เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกัน คือแบบ Studio พื้นที่ห้องขนาด 28.5 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมหน้าแคบ เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวฝั่งซ้ายมือที่เป็นครัวเปิด มีเคาท์เตอร์ล่าง-บนพร้อม ไม่มีประตูกั้นก่อนถึงพื้นที่ห้องนอนแต่อย่างใด ฝั่งตรงข้ามกับห้องครัวคือห้องน้ำ ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่เตียงและโซฟา ที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้า โดยพื้นที่ด้านในสุดจะเป็นโต๊ะทำงานหันหน้าเข้าหาหน้าต่างบานกระทุ้ง ข้างเตียงเป็นประตูบานเลื่อนเปิดออกไปจะเจอกับระเบียงที่วาง Condensing air
รายการขายจะมี 2 แบบให้เลือกคือแบบ Fully furnished คือพร้อมเข้าอยู่ แต่ถ้าเลือกแบบ Fully fitted จะมาพร้อมกับส่วนลด แต่ก็จะไม่ได้รายการเฟอร์นิเจอร์ 8 รายการตามที่เห็นอยู่นี้นะคะ
ห้องตัวอย่างของโครงการนี้ทำเป็นแบบเปิดมาก คือไม่มีผนังฝั่งหนึ่งไปเลยทำให้ดูกว้างกว่าความเป็นจริงนิดหน่อย โดยส่วนแรกที่จะเข้าไปเจอคือพื้นที่ห้องครัวทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือคือห้องน้ำ
พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตรสีครียม โดยมีบัวปิดลายไม้ที่ขอบ ผนังเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาวปกติ
พื้นที่ครัวขนาด 2.3 x 2.25 เมตร ฝั่งซ้ายมือคือเคาท์เตอร์ครัวล่างและบน โดยจะไม่ได้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นและ hood แต่จะมีการต่องานระบบไว้ให้แล้ว ลึกเข้าไปคือพื้นที่ห้องนอนลึก 4.3 เมตร ความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.6 เมตร
ส่วนครัวที่ให้มาคือเคาท์เตอร์ล่างและบนจาก SB design โดยมีพื้นที่ส่วนที่เป็น Sink อ่างล้างจานอยู่ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายเป็นงานระบบของ hood แต่ถ้าครอบครัวไหนไม่ได้จริงจังในการทำอาหารก็ไม่ต้องซื้อมาติด พื้นที่นี้ก็จะเปลี่ยนเป็นพื้นที่โล่งเตรียมอาหารได้ ด้านบนเป็นชั้นวางของอย่างอาหารแห้งหรือไมโครเวฟ ตัวหน้าบานของเคาท์เตอร์ไม่ได้เป็นแบบ Soft-closed นะคะ
เปิดเคาท์เตอร์ล่างให้ดู มีทั้งแบบลิ้นชักและแบบฝาตู้เปิด โดยที่ผนังจะมีการปูกระเบื้องในส่วนเคาท์เตอร์เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดและมีจุดปลั๊กให้แต่น่าจะมีกล่องกันน้ำซักหน่อย
เคาท์เตอร์ครัวด้านบนก็จะมีทั้งแบบบานเปิดและแบบโล่งๆเป็นชั้น
ขนาดของอ่างล้างจานถือว่าใหญ่พอประมาณ เอาหม้อต้มลงไปวางให้ดูสเกลกันนะคะ
พื้นที่ติดตั้ง hood ทางซ้ายมือ ความลึกของเคาท์เตอร์ล่างอยู่ที่ 0.6 เมตร
ทางขวามือของเคาท์เตอร์ครัวจะเป็นพื้นที่วางตู้เย็นแบบตู้เดี่ยว เว้นไว้ระยะกว้าง 0.7 เมตร
ฝั่งตรงข้ามกับเคาท์เตอร์ครัวและที่วางตู้เย็นคือทางเข้าห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำส่วนพื้นและผนังจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 เซนติเมตร เพื่อกันลื่น แต่ทางเข้าก็จะมีการก่อธรณีขึ้นมานิดหน่อยกันน้ำออกไปนอกพื้นที่
ห้องน้ำขนาด 1.5 x 2.2 เมตร การใช้งานภายในห้องน้ำแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกอยู่ทางซ้ายมือ ตรงกลางคือโถสุขภัณฑ์จาก Cotto รุ่นประหยัดน้ำ ส่วนทางขวาเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืนมาพร้อมกับฉากกั้นอาบน้ำแบบประตูบานเลื่อน
อ่างล้างมือเป็นแบบติดกับผนัง ไม่ใช่แบบการก่อตู้เปิดด้านล่างเพื่อเก็บของ ดังนั้นถ้าเข้าอยู่ปั้บก็จะต้องหาตู้หรือชั้นมาวางของเพิ่ม หรือจะเป็นการก่อปูนแล้วติดบานเปิดเล็กๆเพื่อเก็บของภายในห้องน้ำได้มากขึ้น
ตรงกลางเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น โดยมีสายฉีดชำระและที่ใส่ม้วนทิชชูให้พร้อม
ทางขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืนขนาด 0.8 x 1.3 เมตร โดยฉากกั้นที่ให้มาเป็นแบบบานเลื่อนเปิดทั้งรางบนและล่าง
พื้นที่อาบน้ำไม่ได้ลดระดับลงจากพื้นที่แห้งด้านนอก แต่มีการกั้นโดยใช้ปูนก่อสูงขึ้นมาหน่อยแล้วปิดด้วยวัสดุเพื่อนกันน้ำ แล้วเหนือขึ้นไปอีกทีถึงเป็นรางของบานเลื่อน
ฝักบัวเป็นแบบมือจับธรรมดา ไม่ได้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ แต่ต่องานระบบไว้เรียบร้อย มีที่เปิด-ปิดแบบฝั่งเข้าไปใต้ผนัง ตัวฝักบัวค่อนข้างเบานะคะ แต่สำหรับสเปกนี้น่าจะมาพร้อมกับเครื่องทำน้ำอุ่นมากกว่า
ความสูงพื้นถึงฝ้าภายในห้องน้ำอยู่ที่ 2.4 เมตร เตี้ยกว่าพื้นที่ด้านนอกนิดหน่อย แต่ภายในห้องน้ำก็จะมีเครื่องระบายอากาศให้เรียบร้อย เนื่องจากเป็นห้องน้ำที่อยู่ด้านในใกล้กับพื้นที่ทางเดิน ไม่ใช่ห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับระเบียงที่จะระบายอากาศโดยธรรมชาติได้ดี
ภาพรวมของส่วนหน้าของห้องพัก
เข้ามาที่ด้านในของพื้นที่ส่วนห้องพักจะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น ห้องนอน และโต๊ะทำงานจัดวางในพื้นที่ที่จำกัดประมาณ 3.8 x 4.3 เมตร โดยส่วนที่ใกล้ที่สุดคือโซฟาและฝั่งตรงข้ามคือชั้นวางทีวี ลึกเข้าไปคือเตียงนอนฝั่งตรงข้ามคือตู้เสื้อผ้า ที่สามารถนอนเอียงๆบนที่นอนเพื่อดูทีวีได้ ในสุดคือโต๊ะทำงานหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง และประตูเลื่อนออกไประเบียงด้านนอก
โครงการจะมีแอร์มาให้ด้วยนะคะ จำนวนตามแบบห้อง อย่างแบบ Studio จะได้ 1 ตัว ส่วน 1-bedroom จะได้ 2 ตัว และแบบ 2-bedroom จะได้ 3 ตัว ส่วนด้านบนฝ้าจะมีการติดตั้งไฟภายในห้องนอนและเครื่องจำควันไฟพร้อมสปริงน้ำ
ที่ชิดกับผนังที่สุดคือโซฟาตัว I วางชิดกับผนังและเตียงความกว้าง 1.8 เมตร ก็พอนั่งได้ประมาณ 2 คน อาจจะหาโต๊ะกลางมาเพิ่มให้วางของได้ด้วย
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาคือชั้นวางทีวี ที่มีทั้งแบบเป็นบานเปิดและช่องใส่ของติดผนัง ทีวีภายในห้องตัวอย่างเป็นแบบติดผนังไม่ใช่แบบตั้งโต๊ะ ซึ่งก็ต้องมีการวัดขนาดดีๆ มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3.3 เมตร
บานเปิดก็มีทั้งแบบบานเปิดคู่และแบบลิ้นชัก โดยสามารถเก็บของได้นิดๆหน่อย
เตียงนอนที่ให้มาเป็นแบบ 5 ฟุตส่วนฐานเตียงวางตรงกลาง
ฝั่งซ้ายมือของพื้นที่ข้างเตียงจะมีโต๊ะข้างเตียงเปิดออกมาเป็นลิ้นชักใส่ของได้ โดยมีพื้นที่ว่างเหลือข้างเตียงประมาณ 0.85 เมตร
มาที่ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอนกันบ้างก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบดึงเปิดบานคู่
บานฝั่งซ้ายมือเป็นแบบติดกระจกเต็มตัว ส่วนทางขวามือก็เป็นผิวด้านปกติ เปิดออกมาก็จะมีราวไม้แขวนเสื้อทั้งล่าง-บนและลิ้นชัก 2 ชั้น ส่วนเหนือขึ้นไปจะเป็นช่องเก็บของเก็บพวกเครื่องนอนที่นานๆหยิบทีได้
มุมในสุดเป็นพื้นที่โต๊ะทำงาน โดยวางเก้าอี้ไว้ในดู 2 ตัว แต่ถ้าจะทำงานถนัดๆน่าจะได้ทีละคนนะคะ โดยตัวโต๊ะเป็นแบบเฟอร์นิเจอร์ลอยตัววัดขนาดแล้วสั่งจากโรงงาน ไม่ใช่แบบ Built-in ยาว 1.95 เมตร โดยหันหน้าออกหน้าต่างทั้งแบบบาน Fixed และบานกระทุ้ง
สังเกตว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวจากการที่ตัวโต๊ะและผนังไม่ติดกัน และเนื่องจากมีบานหน้าต่างทำให้พื้นที่ยึดเกาะไม่มากนัก
ขวามือเป็นเป็นประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปยังระเบียงขนาด 0.9 x 1.85 เมตร โดยกรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ มีลูกฟักเป็นกระจกสีเขียวตัดแสง เหนือขึ้นไปเป็นตำแหน่งแอร์ตัวเดียวของห้องนี้
ล็อกสามารถดึงขึ้น-ลงได้จากภายใน
ส่วนพื้นแม้ว่าจะมีระดับเท่ากันแต่ว่าก็มีการยกกรอบบานประตูเลื่อนขึ้นไปเว้นระยะน้ำซึมได้ดี
เปิดออกมาพื้นที่ระเบียงขนาด 0.9 x 1.85 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีครีมขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีจุดน้ำทิ้งเรียบร้อย รอบบริเวณเป็นราวกันตก
เหนือขึ้นไปด้านบนเป็นตำแหน่งวาง Condensing air
โดยที่ผนังจะมีไฟติดผนังและปลั๊กไฟพร้อมกล่องกันน้ำให้
ภาพรวมห้องแบบ Studio จากมุมระเบียง
ห้องตัวอย่างห้องถัดมาของโครงการจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ห้องขนาด 35 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมเกือบจะจตุรัส แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอพื้นที่ Living ก่อนคือชุดโซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี ลึกเข้าไปด้านในคือประตูบานเลื่อนเปิดเข้าไปเจอห้องนอนมีเตียง โต๊ะข้างเตียง โต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้า ส่วนระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปยังห้องครัว ที่จะมีทางเดินเข้าห้องน้ำ และออกไปยังระเบียงได้
เช่นกันกับแบบ Studio การขายของแบบ 1-bedroom ก็จะมีทั้งแบบ Fully furnished และแบบ Fully fitted พร้อมส่วนลด โดยแลกกกับการที่จะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์ 11 ชิ้นนี้
ห้องแบบ 1 ห้องนอนก็มีการเอาผนังออกไป 1 ฝั่งด้วย โดยเมื่อเข้าห้องแล้วจะเจอกับส่วน Living ที่มีโซฟา โต๊ะกลาง ฝั่งตรงข้ามคือชั้นวางทีวี ส่วนพื้นที่ด้านในเข้ามุมคือโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่ง ลึกเข้าไปด้านในคือประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนก่อนเข้าห้องนอน ส่วนทางซ้ายมือจะมีประตูบานเลื่อนเข้าไปยังห้องครัว ห้องน้ำและระเบียง
พื้นในส่วน Living และห้องนอนจะปูด้วยไม้ลามิเนตหนา 12 มิลลิเมตร มีบัวเป็นไม้ลายใกล้เคียง ผนังเป็นฉาบเรียบทาสีขาว
โซฟาตัวนี้เป็นตัวเดียวกับแบบ Studio คือยาว 1.8 เมตร นั่งได้ประมาณ 2 คน ความจริงแล้วพื้นที่ข้างๆยังเหลืออีก อาจจะหาโซฟาที่มีความยาวกว่านี้มาเปลี่ยนก็ได้นะคะ
ที่มุมห้องคือโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว อาจจะจัดให้หันหน้าเข้าหากันอาจจะสะดวกกว่าแบบหันหน้าเข้าหาผนังแบบนี้นะคะ
ฝั่งตรงข้ามคือชั้นวางทีวีสเปกและแบบเดียวกับแบบ Studio โดยทีวีห้องนี้เป็นแบบวางบนโต๊ะ ไม่ใช่แบบติดผนัง ตรงกลางคือทางเข้าไปยังห้องครัว ด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ของพื้นที่ Living ส่วนทางขวามือเป็นประตูบานเลื่อนเข้าไปยังห้องนอน
ห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน กรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ลูกฟักที่เป็นกระจกใส ทำให้แสงธรรมชาติจากภายนอกส่องเข้ามาถึงพื้นที่ Living ด้านใน
กรอบของบานประตูเลื่อนวางอยู่บนระดับไม้ลามิเนตอีกทีหนึ่ง ไม่ได้เป็นแบบระดับเรียบเท่ากัน
สามารถล็อกบานประตูเลื่อนได้จากในห้องนอน แต่จากห้อง Living จะไม่มีตัวล็อก
เปิดออกมาจะเป็นเตียงนอนวางตรงกลางและมีพื้นที่เหลือรอบเตียงทั้งข้างเตียงและปลายเตียง โดยฝั่งขวามือจะเป็นโต๊ะข้างเตียง ส่วนฝั่งซ้ายเป็นโต๊ะทำงานกึ่งโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนฝั่งตรงข้ามเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า ที่ริมด้านในเป็นหน้าต่างบานเลื่อน 2 ตอน
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งขวามือเหลือพื้นที่ประมาณ 0.8 เมตร มีโต๊ะข้างเตียงวางได้ 1 ตัวพร้อมช่องเก็บของ ส่วนตัวของเตียงเองก็มีพื้นที่เก็บของที่ฐานเตียงด้วย แต่ไม่ลึกมากซึ่งเป็นช่องเปิดต้องหมั่นทำความสะอาด
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งซ้ายมือเหลือพื้นที่ประมาณ 0.8 เมตรเช่นกัน เป็นโต๊ะทำงานแบบติดผนังมีลิ้นชัก 1 ชั้นพร้อมกระจกไว้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งในตัว มาพร้อมกับเก้าอี้
ลิ้นชักของโต๊ะทำงานกึ่งโต๊ะเครื่องแป้ง
ที่ปลายเตียงจะมีตำแหน่งทีวีแบบติดผนัง ซึ่งภายในแบบ 1-bedroom จะมีตำแหน่งทีวี 2 จุด จะติดหมดทั้ง 2 จุดหรือจะเลือกติดจุดใดจุดหนึ่งก็ได้ ฝั่งขวามือเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ 3 ตอนที่ใหญกว่าแบบ Studio
ตู้เสื้อผ้าที่เพิ่มเข้ามาคือบานทางซ้ายมือที่เป็นช่องเก็บเสื้อตัวยาว แต่พอปิดแล้วก็จะมีกระจกเต็มบานให้ส่องได้ก่อนออกจากห้อง
หน้าต่างของห้องนอนจะเป็นแบบานเลื่อน 2 ตอนและแบบบาน Fixed ด้านล่าง กรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติและลูกฟักคือกระจกตัดแสงสีออกเขียว
จากพื้นที่ข้างเตียงด้านในมองออกไปยังพื้นที่ Living ด้านนอก
ระหว่างพื้นที่ Living และห้องนอนก็จะมีประตูบานเลื่อนที่สามารถเข้าไปที่ห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงได้ โดยเป็นแบบรางบนอย่างเดียว ทำให้พื้นด้านล่างแม้จะมีการเปลี่ยนวัสดุจากลามิเนตเป็นกระเบื้องแต่ก็อยู่ในระดับเดียวกัน
การเปิด-ปิดประตูบานเลื่อนโดยมีลูกฟักเป็นกระจกใสทำให้มองเห็นพื้นที่ต่างๆได้จากหลายๆห้อง
โดยประตูบานเลื่อนนี้ไม่มีมือจับหรือล็อก แต่จะเป็นการเล่นกับตัวกรอบบานที่มีความไม่เรียบอยู่
พื้นที่ครัวด้านในปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตรแบบด้านเพื่อการทำความสะอาดง่ายและกันลื่น โดยจากมุมมองนี้จะเห็นได้ว่าทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ
เดินเข้ามาภายในห้องครัว หันไปทางซ้ายมือจะเจอกับทางเข้าห้องน้ำ ส่วนหันไปทางขวามือจะเป็นส่วนครัว และมองออกไปจะเป็นประตูบานเลื่อนของส่วนระเบียง
ห้องน้ำขนาด 1.65 x 2.25 เมตร การใช้งานภายในห้องน้ำแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกอยู่ทางขวามือ ตรงกลางคือโถสุขภัณฑ์จาก Cotto รุ่นประหยัดน้ำ ส่วนทางซ้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืนมาพร้อมกับฉากกั้นอาบน้ำแบบประตูบานเลื่อนขนาด 0.9 x 1.4 เมตร
ออกจากห้องน้ำมาก็จะเจอกับพื้นที่ว่างทางซ้ายมือคือตำแหน่งวางเครื่องซักผ้า และทางขวามือคือที่วางตู้เย็น
ส่วนครัวที่ให้มาคือเคาท์เตอร์ล่างและบนจาก SB design โดยมีพื้นที่ส่วนที่เป็น Sink อ่างล้างจานอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวาเป็นงานระบบของ hood ตรงกลางที่เพิ่มความยาวขึ้นมาคือพื้นที่เตรียมอาหาร ด้านบนเป็นชั้นวางของอย่างอาหารแห้งหรือไมโครเวฟ
ประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปยังระเบียง โดยกรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ มีลูกฟักเป็นกระจกสีเขียวตัดแสง เหนือขึ้นไปเป็นตำแหน่งแอร์ตัวเดียวของห้องนี้
เปิดออกมาพื้นที่ระเบียงขนาด 1.05 x 1.65 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีครีมขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีจุดน้ำทิ้งเรียบร้อย รอบบริเวณเป็นราวกันตก
เหนือขึ้นไปด้านบนเป็นตำแหน่งวาง Condensing air ของทั้งสองตัวภายในห้อง 1-bedroom
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 12 July 2016
- Studio 28.5 – 29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.43 ล้านบาท
- 1 Bedroom 35 – 41 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.73 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 52.5 – 61 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.83 ล้านบาท
- Fully Furnished / Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ที่ตั้งของโครงการอยู่บนถนนรัชดาภิเษกระหว่างซอย 66 และ 68 หรือระหว่างแยกวงศ์สว่างและประชานุกูล ซึ่งเป็นทำเลของที่พักอาศัยของขอบเมืองก่อนจะถึงนนทบุรีที่ยึดถนนประชาชื่นเลียบคลองประปาเป็นหลัก โดยจะมีทั้งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ร้านอาหารอย่างเจ๊ไข่ หรือร้านอื่นๆที่เปิดที่ชั้นล่างของตึกแถวริมถนนใหญ่ นอกจากนั้นก็มีตลาดที่เส้นประชาสงเคราะห์อย่างตลาดประชานิเวศน์และตลาดบองมาเช่ที่คนมากันเยอะมากรวมถึงวัดเสมียรนารีที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มอยู่ เหนือขึ้นไปอีกจะเป็นย่านงามวงศ์วานที่มี The mall และม.ธุรกิจบัณฑิตย์ตั้งอยู่ ส่วนลงมาทางใต้คือบางซื่อที่มี SCG สำนักงานใหญ่, tesco lotus และสถานี MRT บางซื่อ
การเดินทางโดยใช้รถ ถนนรัชดาภิเษกเป็นถนนที่วิ่งจากแยกวงศ์สว่างไปจนถึงพระราม9 และมักจะมีสะพานข้ามแยกอยู่เสมอๆทำให้ไม่ติดไฟแดง แต่ด้วยปริมาณรถที่มากทำให้เวลาเข้า-เลิกงานติดมากโดยเฉพาะแยกประชานุกูล แต่สามารถเข้าโครงการได้จากหลายเส้นเช่นถนนกรุงเทพ-นนท์เลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดาที่แยกวงศ์สว่าง ถนนประชาชื่นเลี้ยวเข้าถนนรัชดาที่แยกประชานุกูล ข้ามมาจากสะพานพระราม7 หรือมาจากแยกรัชโยธินด้วยการใช้เส้นรัชดาตรงๆ นอกจากนั้นยังใกล้ทางขึ้น-ลงทางด่วนทั้งขาเข้า-ออกเมือง โดยขาออกขึ้นไปทางนนทบุรีที่บนถนนประชาชื่นติดกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และเข้าเมืองบนถนนรัชดาจากโครงการผ่านแยกประชานุกูลต้องไปกลับรถแถวรัชวิภาก่อนจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่บนถนนใหญ่ทำให้สามารถเรียกแท๊กซี่ได้ง่ายมาก พี่วินมีอยู่ในระยะเดิน ป้ายรถเมล์หน้าโครงการและมีสะพานลอยข้ามไปอีกฝั่ง นอกนั้นก็จะมีสถานี MRT บางซื่อเป็นระบบขนส่งที่ใกล้ที่สุดในระยะประมาณ 3 กิโลเมตรที่จะต้องขึ้นรถต่อหนึ่งไปถึงก่อน สามารถนั่งไปเชื่อมรถไฟฟ้า BTS หมอชิตที่สถานี MRT สวนจตุจักร ส่วนบนถนนเส้นกรุงเทพ-นนท์ก็มี MRT รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังอยู่ในช่วงเปิดทดลองให้ใช้งานและจะเปิดจริงภายในเดือนสิงหาคมนี้
การออกแบบโครงการ เนื่องจากที่ดินเป็นแปลงลึกมากจากถนนรัชดา ทำให้ออกแบบโครงการออกมาเป็นขนาดใหญ่ สูง 30 ชั้น 2 อาคาร โดยมีจำนวนยูนิตสูงถึง 1,664 ห้อง โดยชั้น 1-6 ของอาคารยังสามารถเดินเชื่อมกันได้ แต่ตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปคือแยกออกไปคนละ Tower ชั้นจอดรถจะอยู่ที่บริเวณชั้น 1-5 และชั้น Facility ที่ชั้น 1-6-29-30 โดยมีจำนวนยูนิตสูงสุดคือ 35 ยูนิตที่ชั้น Typical floorplan 7-28 ของทั้งอาคาร A และ B ซึ่งออกแบบอาคารทั้งสองออกมาเหมือนกันแค่ Mirror กลับข้างเท่านั้น แบบห้องภายในโครงการมีตั้งแต่ Studio, 1-bedroom และ 2-bedroom เริ่มต้นที่ 28.5 ตารางเมตร แบบไม่หวือหวา
การขายมีทั้งแบบ Fully furnished และแบบ Fully fitted พร้อมส่วนลดที่สามารถเลือกได้ โดยแบบหลังจะได้ครัวเตอร์ครัว ห้องน้ำ แอร์ แต่ไม่ได้ชุดเฟอร์นิเจอร์ตามแบบของโครงการจาก SB design แต่ถ้าเลือกแบบพร้อมเข้าอยู่ก็จะมีเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ส่วนใหญ่เป็นการสั่งทำขนาดให้พอดี แต่ไม่ใช่งาน Built-in ฝาตู้ไม่ Soft closed ส่วนวัสดุพื้นคือลามิเนตหนา 12 มิลลิเมตร พื้นส่วนครัวและห้องน้ำปูด้วยกระเบื้อง ผนังฉาบเรียบทาสีขาว ความสูงพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.6 เมตรและภายในห้องน้ำเตี้ยลงมาหน่อยที่ 2.4 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto
สาธารณูปโภคอย่างที่จอดรถมี 54% จะมีทั้งหน้าโครงการ รอบโครงการที่ชั้น 1 และบนอาคารที่ชั้น 2-5 และบนชั้น 6 ระหว่างอาคารจะมีสระว่ายน้ำ มีสระเด็กและ Jacuzzi รอบสระเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ปกติ และภายในอาคารฝั่งใกล้กับสระว่ายน้ำของทั้ง A และ B จะมีห้องต่างๆอีก คือ Game room, Kids’ room, Fitness, Table tennis room, Lounge and library และห้องน้ำพร้อมล็อกเกอร์ ส่วนด้านบนจะมีที่ชั้น 29 ที่จะมี Pocket garden ทั้งสองอาคาร และชั้น 30 เป็น Sky lounge และสวนที่ดาดฟ้า เปรียบเทียบกับโครงการทั่วไปถือว่าให้มาหลากหลาย แต่จะต้องแบ่งกันใช้กับเพื่อนบ้านในโครงการ และต้องมีการจัดการที่ดี
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 58,600 บาท/ตร.ม., 12 July 2016
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่รัชดาภิเษก ใกล้ทางขึ้น-ลงทางด่วน มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะขับรถ
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ทำให้เดินทางสะดวก แต่รถติดที่แยกประชานุกูล อัตราส่วนจอดรถที่ 54%
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ระยะพี่วินถึง MRT บางซื่อและเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง เรียกแท๊กซี่ง่าย มีป้ายรถเมล์หน้าโครงการ
- วัสดุ 7.5/10 – มีขายทั้งแบบ Fully furnished แต่ถ้าเอาแบบ Fully fitted จะมีส่วนลดให้
- แบบ 7.5/10 – มีตั้งแต่ studio ถึง 2-bedroom แบบทั่วไป
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – Facility ให้มาค่อนข้างเยอะ แต่ต้องแชร์กันกับเพื่อนบ้าน 1,664 ยูนิต
- ECONOMY CLASS
- 7.54 / 10.00
BOTTOM LINE
Supalai park รัชวิภา เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดมิเนียมในพื้นที่ขอบเมืองที่มีราคาไม่สูงมาก มีเพื่อนบ้านเยอะ มาพร้อมกับ Facility ที่หลากหลาย เหมาะกับคนที่ใช้รถเป็นหลักหรือคนที่ใช้ MRT แต่ต้องใช้พี่วินเพื่อไปสถานีก่อน มีงบประมาณระดับ 1.5-4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 10,000 – 28,000 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )