รีวิวฉบับที่ 2054 … “อยุธยา” เป็นจังหวัดที่มีนิคมอุตสาหกรรมอยู่หลายแห่งเลยนะคะ ใครที่กำลังมองหาที่พักอาศัยเดินทางสะดวก ใกล้นิคมฯ และความอุดมสมบูรณ์อยู่ละก็ วันนี้เราพามาชม Sun To Moon Residence คอนโด Low Rise ในซอยติดถนนสายเอเชีย(หมายเลข 32) หรืออยู่ด้านหลัง Big C อยุธยานั่นเองค่ะ โครงการออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น พร้อม Facility หลากหลายอย่างออนเซ็นแท้ๆ และสระว่ายน้ำยาวกว่า 50 เมตร มีห้องพักให้เลือก 2 แบบ ขนาด 53 ตารางเมตรในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท บรรยากาศภายในโครงการจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย
ข้อมูลโครงการ
1 March 2020
- Sun to Moon Residence (ซันทูมูน เรสซิเด้นท์ )
- Wellness Park Residence Co., Ltd.
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนสายเอเชีย (หมายเลข 32) อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
- ที่ดินประมาณ 13-0-00 ไร่ (พื้นที่คอนโดมิเนียม 10-1-00 ไร่)
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 7 อาคาร อาคารละ 79 ยูนิต รวม 553 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 10 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 189 คัน คิดเป็น 34% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 230 คัน 43%)
- เริ่มก่อสร้าง : 2558
- แล้วเสร็จ : 2559
- 1 Bedroom 53.00 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 53.00 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.99 – 3.50 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 43,300 บาท/ตร.ม.
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 065-361-4992
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 14.316373, 100.606151
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
ทางหลวงหมายเลข 32 หรือที่เรียกกันว่า “ถนนสายเอเชีย” มีที่มาจากโครงการร่วมมือระหว่างประเทศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเอเชีย เป็นถนนเส้นหลักที่คนนิยมใช้มาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้ขึ้นไปยังจังหวัดอ่างทอง, ชัยนาท ไปจนถึงอุทัยธานี และเชื่อมต่อไปยังจังหวัดทางภาคเหนือ ถ้าลงใต้ก็สามารถใช้เส้นนี้เข้าไปยังกรุงเทพมหานคร ผ่านรังสิต และดอนเมืองได้เลยค่ะ
ซึ่งโครงการ Sun To Moon Residence เป็นโครงการที่อยู่ในซอยเชื่อมต่อกับถนนสายเอเชีย เข้าไปในซอยวัดสุทธิประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถเข้าเกาะอยุธยาที่เป็นแหล่งโบราณสถานได้สะดวก อยู่ไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรม แล้วก็ยังสามารถเข้ากรุงเทพมหานครได้ภายใน 1 – 1.50 ชั่วโมงโดยประมาณ เป็นทำเลที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก แต่ถ้าใครต้องการใช้รถสาธารณะก็สามารถเรียกวินมอเตอร์ไซค์ด้านหน้าโครงการได้เลยค่ะ
ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ทำเลนี้ถือว่าค่อนข้างคึกคักทีเดียว ในระยะใกล้ๆกับโครงการบริเวณต้นซอยวัดสุทธิมีลักษณะเป็นชุมชนพักอาศัยทำให้มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้ออยู่หลายแห่ง มีร้านอาหารสองข้างทาง บรรยากาศคึกคักสามารถหาของกินได้ง่าย ใครชอบเดินก็ถือว่าออกมาเดินซื้อของไปกินที่ห้องกันได้เลยค่ะ
ขยับออกมาหน่อยความอุดมสมบูรณ์หลักๆก็จะอยู่บนถนนสายเอเชีย ไปทางเหนือเริ่มตั้งแต่ด้านหน้าซอยวัดสุทธิจะมีห้างสรรพสินค้า Big C อยุธยาตั้งอยู่ ถัดไปเป็นสวนน้ำ และห้าง Robinson , Tesco Lotus, อยุธยา City Park และในอนาคตกำลังจะมีห้าง Central อยุธยามาเปิดค่ะปัจจุบันมีการล้อมรั้วไว้แล้ว นอกจากแหล่ง Shopping และของกินแล้ว ยังมีสถานที่สำคัญอื่นๆอย่างโรงพยาบาล และสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ไม่ไกล เช่น โรงพยาบาลราชธานี, สนามกีฬาจังหวัด, พระราชวังบางปะอิน เป็นต้น
ส่วนแหล่งงานที่สำคัญขาดไม่ได้เลยก็คือนิคมอุตสาหกรรมต่างๆในจังหวัดอยุธยาค่ะ ในอยุธยามีนิคมอุตสาหกรรมอยู่ 5 แห่ง แต่ที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ 3 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ, นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งภายในมีบริษัทหรือโรงงานอยู่หลายแห่ง ทำให้มีความต้องการในด้านที่อยู่อาศัยสูงขึ้นตามไปด้วยค่ะ
การเดินทางไปยังโครงการเริ่มจากถนนสายเอเชีย หรือทางหมายเลข 32 จาก บริเวณห้าง Tesco Lotus บางปะอินขึ้นเหนือไปตามถนนหมายเลข 32 ได้เลยค่ะ ใครมาจากกรุงเทพฯแล้วจะขึ้นไปยังจังหวัดทางภาคกลางตอนบนก็มักจะใช้ถนนเส้นนี้เป็นหลักค่ะ โดยวิ่งไปประมาณ 14 กิโลเมตร จะมีทางเบี่ยงซ้ายไปยังสุพรรณบุรี ให้เบี่ยงออกแล้ววิ่งถนนขนานกับสายเอเชีย เลี้ยวเข้าซอยวัดสุทธิ ไปประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะเจอกับโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ
เส้นทางการเดินทาง
เริ่มจากบนถนนสายเอเชีย บริเวณ Tesco Lotus บางปะอินขึ้นเหนือค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ Sun To Moon Residence ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ มีหมู่บ้านอยู่หลายแห่ง ต้นซอยจะเป็นช่วงที่คึกคักมีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อและตลาดให้แวะซื้อของกินของใช้กันได้สะดวก ถือว่าทำเลของโครงการเข้ามาจากหน้าปากซอยไม่ลึกมาก ประมาณ 1 กิโลเมตร ยังมีความคึกคักอยู่และด้านหน้าทางเข้าก็มี 7-Eleven อยู่ด้วยค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับ ที่ดินเปล่า มองเห็นหมู่บ้านพักอาศัย สูง 2 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับ ที่ดินเปล่า และตลาด, ห้องแถวค้าขาย
- ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินเปล่าบางส่วน และอาคารแถวสูงประมาณ 4 ชั้น
- ทิศตะวันตก ติดกับ ซอยวัดสุทธิ อยู่บริเวณทางแยก ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า
ด้านหน้าคอนโดมิเนียม Sun To Moon Residence จะมีพื้นที่โล่งและอาคารให้เช่าอยู่ ในอนาคตทางโครงการแจ้งว่าจะมีการนำร้านค้าต่างๆเข้ามาลงทำให้เป็นเหมือน Community Mall ที่คนนอกสามารถเข้ามาใช้งานได้ เพิ่มความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ ส่วนพื้นที่ของคอนโดมิเนียมจะอยู่ด้านในต้องผ่านซุ้มประตูทางเข้าไปก่อนค่ะ
ทิศตะวันตก ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าโครงการจะมองเห็นซอยวัดสุทธิและเป็นจุดทางแยกพอดีค่ะ อีกฝั่งยังเป็นพื้นที่ดินโล่งไม่มีอาคารขึ้น
ซอยวัดสุทธิเมื่อมองไปทางทิศเหนือ ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ดินโล่งทั้งหมดค่ะ มีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์อยู่ฝั่งตรงข้าม สำหรับคนที่ไม่ใช้รถยนต์ก็สามารถเรียกไปยัง Big C อยุธยา หรือไปหน้าปากซอยได้สะดวก
ซอยวัดสุทธิเมื่อมองไปทางทิศใต้จะเป็นช่วงโค้งของซอย ด้านหน้าทางเข้าโครงการมี 7-Eleven ตั้งอยู่ค่ะ สามารถเดินออกมาซื้อของได้เลยในระยะทางประมาณ 300 เมตร
ปัจจุบัน(ภาพบน) จะมีป้ายทางเข้าโครงการอยู่ด้านหน้ามองเห็นได้ชัดเจน และจะมีการ Renovate ทำป้ายโครงการใหม่เป็นแบบในภาพด้านล่าง ให้มีความร่มรื่นและเป็นสไตล์ญี่ปุ่นมากขึ้น
มองเข้าไปในซอยจะเจอกับซุ้มประตูทางเข้าโครงการค่ะ ฝั่งขวามือเป็นอาคารแถวที่ขายไปหมดแล้วนั่นเอง
ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นอาคารอเนกประสงค์ ปัจจุบันมี Fitness ให้บริการอยู่ ซึ่งในอนาคตจะมีการปรับปรุงและเพิ่มร้านค้าให้เช่ามากขึ้นเป็นเหมือน Community Mall ขนาดย่อมๆค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- 7-11 ~ 200 ม.
- บิ๊กซี ~ 1.3 กม.
- อยุธยา ชิตี้พาร์ค ~ 2.1 กม
- เซ็นทรัล อยุธยา (ในอนาคต) ~ 2 กม.
- โรงพยาบาล ราชธานี ~ 4.4 กม.
- อยุธยา กอล์ฟคลับ ~ 5 กม.
- ตลาดแกรนด์ อยุธยา ~ 5.2 กม.
- นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ~ 8 กม.
- FN Outlet ~ 10 กม.
- ตลาดกลางอยุธยา ~ 11.4 กม.
- นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ~ 14 กม.
- นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ~ 20 กม.
- นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ~ 30 กม.
- บางไทร ครันทรีคลับ ~ 31กม.
- ราชคราม กอล์ฟคลับ ~ 32 กม.
รายละเอียดโครงการ
ที่มาของโครงการ Sun To Moon Residence ใครที่อยู่ในทำเลนี้อยู่แล้ว อาจจะเคยเห็นโครงการผ่านตามาบ้าง แต่เดิมโครงการนี้ออกแบบและก่อสร้างจากชาวญี่ปุ่น ทำให้มีออนเซ็นแท้ๆอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางด้วยค่ะ และเนื่องจากในทำเลนี้อยู่ไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมถึง 3 แห่ง คือนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ, นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งมีบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอยู่หลายแห่ง ซึ่งแต่ละบริษัทมักจะมีการสนับสนุนที่พักอาศัยให้กับผู้บริหารชาวญี่ปุ่น ทำให้ที่พักอาศัยในทำเลนี้จึงมีคนญี่ปุ่นมาเช่าอยู่เยอะค่ะ แรกเริ่มเดิมทีโครงการนี้ก็เป็น Service Apartment มาก่อนจนต่อมาทางบริษัท Wellness Park Residence ของคนไทยเองเข้ามาบริหารจัดการดูแลต่อ ได้มีแผนจะ Renovate อาคารให้ดูรูปลักษณ์ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงความเป็นญี่ปุ่นเดิมจากต้นฉบับอยู่ ซึ่งวันที่เราได้มาเก็บภาพโครงการยังไม่ได้ Renovate นะคะ เราจึงนำภาพ Perspective แบบใหม่มาให้ชมกันด้วย ซึ่งทางโครงการแจ้งว่าจะ Renovate เสร็จเรียบร้อยปลายปีนี้ ยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะออกมาเป็นอย่างไรนะคะ
ในตอนนี้เริ่มขายจากอาคาร E, F และ G ด้านหลังก่อน ซึ่งจะมีทั้งซื้ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อลงทุนปล่อยเช่าได้ บรรยากาศภายในโครงการและห้องพักอาศัยจะเป็นอย่างไรไปชมกันได้เลยค่ะ
มาดูผังของโครงการกันก่อนค่ะ ทางเข้าโครงการจะเป็นระบบ Key Card Access ไม้กั้นกระดก แยกทางเข้า-ออกชัดเจน เมื่อเข้ามาแล้วสามารถวนรถตามเข็มนาฬิกาไปจอดรถบริเวณด้านข้างของรั้วและจอดบริเวณ Clubhouse ได้ค่ะ โดยจะสามารถจอดรถได้ทั้งหมด 189 คัน คิดเป็น 34% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 230 คัน 43%) มีอาคาร Clubhouse อยู่ด้านหน้า ความสูง 3 ชั้น และอาคารพักอาศัย 7 อาคาร ที่มีการวางผังเหมือนกันทุกอาคาร อาคารละ 79 ยูนิต ถือว่าไม่หนาแน่นมากนัก รวมทั้งโครงการอยู่ที่ 553 ยูนิต ซึ่งก็ทำพื้นที่ส่วนกลางออกมาให้ใช้งานค่อนข้างเยอะนะคะ นอกจาก Clubhouse แล้วยังมีสระว่ายน้ำยาวกว่า 50 เมตร และสวนสไตล์ญี่ปุ่นบริเวณอาคาร E, F ด้วย
อาคาร A : เป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุด เข้าถึงง่าย เดินมาใช้งาน Facilities ที่ Clubhouse สะดวก ห้องพักอาศัยด้านนอกจะมองเห็นวิวหมู่บ้าน, พื้นที่โล่ง และชุมชนพักอาศัยสูง 2 ชั้น เป็นวิวโล่งกว้างค่ะ ถ้าอยู่ชั้น 8 อาจจะมองเห็นวิวโบราณสถานเกาะอยุธยาได้ ส่วนห้องด้านใจจะได้วิวสระว่ายน้ำยาวตลอดแนวเลย
อาคาร B : เป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุดเช่นกันค่ะ มีข้อดีคือ เข้าถึงง่าย เดินมาใช้งาน Facilities ที่ Clubhouse สะดวก ห้องพักอาศัยด้านนอกจะมองเห็นวิวพื้นที่โล่ง และชุมชนพักอาศัยสูง 2-4 ชั้น ส่วนห้องด้านในจะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ
อาคาร A และ B เหมาะกับคนที่ชอบห้องไม่ไกลจากพื้นที่ส่วนกลาง เข้าถึงง่าย ได้วิวค่อนข้างโล่ง เดินไปใช้งาน Facilities ได้สะดวก แต่อาจจะแลกกับการที่มีคนเดินผ่านอาคารไป-มาค่อนข้างเยอะ อาจจะมีเสียงรบกวนจากส่วนกลางในบางเวลาค่ะ
อาคาร C : เป็นอาคารที่อยู่ตรงกลาง ฝั่งด้านในมองเห็นวิวทั้งสระว่ายน้ำและสวน ส่วนด้านนอกมองเห็นวิวหมู่บ้าน สูง 2 ชั้นและวิวพื้นที่โล่ง แม้จะอยู่เข้ามาหน่อยแต่ก็ยังสามารถเดินไปใช้งาน Clubhouse ได้ไม่ไกลนักค่ะ
อาคาร D : เป็นอาคารฝั่งตรงข้ามกับอาคาร C อยู่ตรงกลาง ฝั่งด้านในมองเห็นวิวทั้งสระว่ายน้ำและสวน ส่วนด้านนอกมองเห็นอาคารแถวสูงประมาณ 4 ชั้น ถ้าใครอยากได้ห้องวิวโล่งอาจจะต้องเลือกชั้น 5-8 นะ
อาคาร C และ D เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย ไม่ชอบให้มีเสียงรบกวน ยอมเดินไปใช้งาน Facilities ที่ไกลออกมาหน่อยได้และอาจจะได้ราคาที่ลดลงจากอาคาร A และ B
อาคาร E : เป็นอาคารที่อยู่ด้านใน มีความสงบมากกว่าอาคารด้านหน้า อาจจะเข้ามาไกลหน่อยแต่จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ห้องพักอาศัยด้านนอกจะมองเห็นวิวพื้นที่โล่งและบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น ส่วนห้องพักอาศัยด้านในจะมองเห็นวิวสวนค่ะ
อาคาร F : เป็นอาคารฝั่งตรงข้ามกับอาคาร E อยู่ด้านในห้องพักอาศัยด้านนอกจะมองเห็นอาคารแถว สูง 4 ชั้น ถ้าใครอยากได้ห้องวิวโล่งอาจจะต้องเลือกชั้น 5-8 ส่วนด้านในจะมองเห็นวิวสวนค่ะ
อาคาร E และ F เหมาะกับคนที่ไม่เน้นอยู่ใกล้กับพื้นที่ส่วนกลาง ได้ความเป็น่สวนตัวมากกว่า แต่ก็ยังมีวิวสวนส่วนกลางให้ชม ตำแหน่งอาคารอาจจะเข้าถึงได้ยาก (เดินไกลหน่อย) แต่จะได้ในราคาที่ถูกกว่าอาคารด้านหน้า
อาคาร G : เป็นอาคารที่อยู่ด้านในสุดของโครงการ ใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ยากหน่อย จะต้องเดินข้ามถนนมาใช้ Facility แต่จะได้ความเป็นส่วนตัวไม่มีเสียงรบกวนและไม่มีคนจากอาคารอื่นๆมาผ่านหน้าอาคารเราค่ะ ห้องพักอาศัยทางทิศเหนือมองเห็นวิว พื้นที่โล่งและบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น ส่วนห้องพักอาศัยทางทิศใต้จะมองเห็นตลาดในซอยวัดสุทธิได้ เหมาะกับคนที่ไม่เน้นใช้พื้นที่ส่วนกลาง ไม่ซีเรียสเรื่องอยู่ลึกหน่อยแต่จะได้ราคาที่ถูกลงค่ะ
ส่วน Clubhouse 3 ด้านหน้าจะมีการ Renovate ใหม่พร้อมทำที่จอดรถด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง ภายใน Clubhouse จะมี Reception, Fitness, Co-Working Space, Fitness, Onsen, Sauna บรรยากาศจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ
ทางเข้าโครงการจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ด้วยระบบไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ เข้ามาแล้วจะเห็นอาคาร Clubhouse ที่อยู่ด้านหน้าโครงการ สูง 3 ชั้น จากเดิม (ภาพบน) จะมีการ Renovate ตกแต่งด้วยระแนงไม้และต้นไม้เพิ่มความสวยงามมากขึ้น เหมือนเป็นหน้าตาของโครงการคอยต้อนรับเมื่อเรามาถึงค่ะ
ชั้น 1 ของ Clubhouse จะเป็นพื้นที่ Reception, Lobby พักคอยบรรยากาศสวนหินสไตล์ญี่ปุ่น และมีพื้นที่ Office อยู่ค่ะ จาก Clubhouse สามารถเดินเชื่อมต่อไปด้านหลังไปยังสระว่ายน้ำได้
บรรยากาศบริเวณ Clubhouse ชั้น 1 จะมีการ Renovate ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาวและระแนงไม้ จัดสวนหินสไตล์ญี่ปุ่นแบบ indoor ให้มีความโมเดิร์นและดูหรูหรามากกว่าของเดิมค่ะ
ภายใน Clubhouse ปัจจุบันก็จะมีตู้ให้บริการ 7-Eleven ให้ความสะดวกกับลูกบ้านไม่ต้องเดินตากแดดไปซึ่งที่หน้าปากซอยค่ะ แต่ถ้าใครจะซื้อของมากขึ้นก็เดินไป 7-Eleven หน้าซอยได้ในระยะ 150 เมตร นอกจากนั้นแล้วยังมีตู้กาชาปองและห่วงยางให้เล่นด้วยค่ะ
บรรยากาศบริเวณ Lobby มีชุดเก้าอี้นั่งพักคอยตามจุดต่างๆ ตกแต่งด้วยหินอ่อน, ระแนงไม้ และมีต้นไม้ประดับให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นค่ะ
บรรยากาศภายใน Office ที่ทำงานของนิติบุคคลก็ยังคงความเป็นญี่ปุ่นอยู่ค่ะ
ส่วนชั้น 2 เป็นพื้นที่ Facilities ขึ้นมาแล้วจะเจอกับโถง ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่ Co-Working Space และ Golf Simulator ส่วน Fitness จะได้เป็นห้องแนวยาวแบ่งเป็นพื้นที่ออกกำลังกายและโยคะ มองเห็นวิวสระว่ายน้ำส่วนกลาง
แต่เดิม (ภาพบน) ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ร้านอาหารญี่ปุ่นมีมุมหนังสือการ์ตูนให้นั่งอ่านเล่น จะปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ Library และ Co-Working Space สามารถมานั่งทำงานได้
บรรยากาศจำลองบริเวณ Library และ Co-Working Space ออกแบบเป็นโทนอบอุ่น สามารถมาใช้นั่งทำงานหรือพักคอยระหว่างเล่น Fitness ได้
จากพื้นที่ร้านอาหารจะถูกปรับเปลี่ยนเป็น Fitness ยาว มีเครื่องออกกำลังกายหลากหลาย ตกแต่งด้วยไม้โทนสีอบอุ่น และมีกระจกตลอดทั้งแนวทำให้มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ และรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ ถ้าใครได้ไปชมโครงการตอน Renovate เสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นอย่างไรบ้างมาคอมเม้นต์บอกเล่ากันได้นะคะ ^^
วิวที่จะมองเห็นจากบริเวณห้อง Fitness ค่ะ มองเห็นวิวสระว่ายน้ำตลอดทั้งแนวไปจนถึงสวนด้านหลังเลย
มีพื้นที่สำหรับเล่นโยคะแยกไว้ให้ด้วย ถ้าใครมีครูส่วนตัวก็สามารถจ้างมาใช้งานที่นี่ได้เลยโดยไม่ต้องไปที่ห้องค่ะ
ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบเล่นกอล์ฟ เลยมีพื้นที่ Golf Simulator มาให้เล่นกันด้วยค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 3 เป็นพื้นที่ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นที่คนญี่ปุ่นเป็นคนออกแบบจริงๆ ซึ่งเรามักจะไม่ค่อยได้เห็นออนเซ็นจากต้นฉบับแบบนี้ในคอนโดมิเนียมที่อื่นกันสักเท่าไรนะคะ
ด้านหน้าห้องจะมีตู้ Locker สำหรับเก็บของ ส่วนช่วงเวลาการใช้งานจะแบ่งเป็นรอบๆ ธงสีแดงเป็นเวลาของผู้หญิงใช้งานเท่านั้นผู้ชายห้ามเข้า ส่วนธงสีเขียวจะเป็นเวลาของผู้ชายใช้งานเท่านั้นค่ะ ซึ่งที่นี่ก็จะมีกฎการใช้งานเหมือนกับที่ญี่ปุ่นเลย เข้าไปใช้ต้องถอดเสื้อผ้าหมดเหมือนกันทุกคนด้วยนะ
เมื่อเข้ามาแล้วจะมีตู้ Locker เก็บของให้อีกส่วนหนึ่งเผื่อไม่พอค่ะ แล้วก็จะมีที่นั่งพร้อมไดร์เป่าผม และห้องน้ำไว้ให้ใช้งานค่ะ
ภายในห้องน้ำก็เป็นห้อง Powder Room มีห้องเดียวนะคะ
เข้ามาถึงในห้องออนเซ็นตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติเช่นไม้ หิน ให้ความรู้สึกอบอุ่น ภายในห้องนี้ได้แสงธรรมชาติผ่านผนังกระจกเข้ามาทำให้ห้องค่อนข้างสว่างทีเดียวค่ะ
ออนเซ็นมีบ่อน้ำร้อนและน้ำเย็นให้แช่ปรับอุณหภูมิ และน้ำที่ใช้เป็นน้ำแร่จากประเทศญี่ปุ่นค่ะ
นอกจากนั้นก็มีพื้นที่อาบน้ำขัดตัวอยู่ด้านข้างใช้งานได้หลายคนพร้อมๆกันเลย
ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางของ ก็ยังเป็นชั้นไม้เข้ากันกับบรรยากาศภายในห้องออนเซ็นค่ะ
นอกจากนั้นถ้าใครยังไม่สะใจที่นี่ยังมีห้อง Sauna ให้ใช้งานด้วยนะ
ออกจากออนเซ็นมาด้านนอกจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นสวนสไตล์ Zen ค่ะ
วิวที่มองเห็นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศเหนือเป็นวิวที่ดินโล่งและบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น แล้วยังเห็นโบราณสถานอยู่ไกลๆด้วยค่ะ
ออกมาจาก Clubhouse แล้วจะเชื่อมต่อมายังพื้นที่สระว่ายน้ำส่วนกลางได้ค่ะ โดยพื้นที่สีเขียวทางซ้ายมือจะมีการ Renovate เป็นสวนหินค่ะ
บรรยากาศด้านหลัง Clubhouse เมื่อ Renovate เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เดินออกมาจะเจอกับพื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระก่อน มีให้ใช้งานพร้อมกัน 2 จุดค่ะ
สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระยาวเล่นระดับมีทั้งส่วนตื้นและส่วนลึกให้ว่ายออกกำลังกาย เป็นสระคลอรีน ขนาดประมาณ 6 x 25 เมตร ลึก 1.50 เมตรและเชื่อมต่อกับสระเด็กขนาด ขนาดประมาณ 2.80 x 25 เมตร และ 4.50 x 15 เมตรอีก 2 สระค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศมุมสูงบริเวณสระว่ายน้ำจะเห็นว่ามีสระว่ายน้ำแบ่งออกเป็น 3 สระ
มีพื้นที่นั่งเล่นริมสระ และประดับด้วยต้นไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นมากขึ้น
เมื่อมองกลับไปยัง Clubhouse ก็เป็นมุมที่บรรยากาศดี น่าออกมานั่งเล่นอ่านหนังสือช่วงเช้าๆ หรือช่วงอากาศเย็นๆเหมือนกันค่ะ
ด้านหลังเดิมเป็นพื้นที่สวน สำหรับซ้อมกอล์ฟแต่จะมีการ Renovate เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับทำกิจกรรม, นั่งพักผ่อน แล้วย้ายกอล์ฟเข้าไปใน Clubhouse เป็น Golf Simulator แทนค่ะ
บรรยากาศจำลองบริเวณสวนอาคาร E และ F มีพื้นที่นั่งเล่นเมื่อมองจากด้านบนจะเห็นเป็นพื้นที่สีเขียวแบบเล่นระดับค่ะ
บรรยากาศจำลองบริเวณสวนอาคาร E และ F ออกแบบให้เป็นพื้นที่สีเขียวเล่นระดับ มีมุมนั่งเล่นกระจายอยู่หลายจุด เหมาะกับการมานั่งพักผ่อน
เข้ามาดูภายในอาคารกันบ้างค่ะ ทุกๆอาคารภายในโครงการนี้จะมีผังเหมือนกันนะคะ อาคารที่เราจะพามาชมเป็นอาคาร A ชั้น 1 มีพื้นที่ Lobby Hall เชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ที่อยู่ริมอาคาร ห้องพักอาศัยในชั้นนี้มีจำนวน 9 ยูนิต เป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมด ฝั่งละ 5 ยูนิต (ฝั่ง Lobby จะเหลือ 4 ยูนิต) ถือว่าไม่หนาแน่นมากนัก และทำให้ห้องที่อยู่ด้านในสุดก็ไม่เดินไกลจากลิฟต์มากนักค่ะ ห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นห้องที่สามารถเดินเชื่อมต่อลงไปยังสระว่ายน้ำส่วนกลางได้เลย(Pool Access) ทำให้มีราคาสูงกว่าห้องอื่นๆ ส่วนห้องพักทางทิศตะวันเฉียงเหนือหรือด้านนอกจะมองเห็นรั้วโครงการและที่จอดรถค่ะ
บรรยากาศภายใน Lobby Hall เป็นโถงสูง Double Floor มีพื้นที่นั่งพักคอย และมีห้องน้ำส่วนกลางให้ใช้งาน
เข้ามาภายในโถงลิฟต์จะเจอกับ Mail Box อยู่ด้านหน้าลิฟต์เลยค่ะ สามารมาหยิบจดหมายก่อนเข้าห้องของตัวเองได้สะดวก
ลิฟต์ภายในโครงการนี้ให้มา 2 ตัวต่ออาคาร ทำให้อัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ประมาณ 40 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานในช่วงเวลาเร่งด่วนค่ะ
นอกจากนั้นยังมีบันไดหลักสำหรับเดินขึ้นห้องในชั้นที่ไม่สูงมากให้ด้วย
ชั้น 2-8 มีห้องพักอาศัยชั้นละ 10 ยูนิต แบ่งเป็นฝั่งละ 5 ยูนิต เป็นห้อง 1 Bedroom 9 ยูนิต (สีขาว) และห้อง 2 Bedroom 1 ยูนิตบริเวณมุมอาคาร (สีฟ้า) เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะอยู่ด้านในสุดและมีผนังติดกับห้องอื่นๆเพียงด้านเดียว นอกจากนั้นยังได้วิวส่วนกลางด้วยค่ะ แต่การที่ห้องพักอาศัยตรงกันอาจจะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างเวลาเปิดมาเจอห้องฝั่งตรงข้ามค่ะ โถงลิฟต์จะอยู่ริมอาคาร แต่เนื่องจากยูนิตไม่เยอะทำให้ไม่เดินไกลมาก โดยห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำส่วนกลางและอาคาร B ส่วนห้องพักทางทิศตะวันเฉียงเหนือหรือด้านนอกจะมองเห็นวิวที่ดินโล่งและหมู่บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
บรรยากาศภายในโถงทางเดินหน้าห้องพักอาศัย มีแสงธรรมชาติเข้ามาที่ริมทางเดินทำให้โถงสว่างขึ้นค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนหย่อมที่ชั้น 1
- Clubhouse
- Onsen
- Sauna
- Fitness
- Golf Simulator
- Co-Working Space & Library
- Lobby Hall
- สระว่ายน้ำระบบคลอรีน ขนาด 6 x 25 เมตร ลึก 1.50 เมตร
- มีการแบ่งสระเด็ก ลึก 0.6 เมตร ขนาดประมาณ 2.80 x 25 เมตร และ 4.50 x 15 เมตร
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 40 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 40 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 40 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 40 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 40 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 40 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก F 40 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก G 40 : 1
- Service Lift – ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 189 คัน คิดเป็น 34% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 230 คัน 43%)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card
แบบห้อง
ห้องพักภายในโครงการ Sun To Moon Residence นั้นจะมี Layout เดียวนะคะ แต่จะแบ่งการจัดพื้นที่ภายในออกเป็น 2 แบบ ดังนี้ค่ะ
- 1 Bedroom 53.00 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 53.00 ตร.ม.
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันทั้ง 2 แบบ โดยโครงการนี้ขายรูปแบบ Fully Fitted ได้ชุดครัว ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศค่ะ จุดเด่นของห้องพักอาศัยภายในโครงการคือเป็นห้องพักอาศัยสไตล์ญี่ปุ่น มีห้องเก็บของขนาดใหญ่ ภายในห้องน้ำมีพื้นที่อาบน้ำเป็นพื้นที่เดียวกับอ่างอาบน้ำเลยค่ะ(ไม่ได้มีพื้นที่ยืนอาบแยก) เพราะส่วนใหญ่ชาวญี่ปุ่นมักจะนิยมอาบน้ำในอ่างกันมากกว่า จึงส่งผลต่อการออกแบบที่จะไม่มีฉากกั้นกระจกมาให้ เหมาะกับการติดผ้าม่านกันน้ำกระเด็นมากกว่าค่ะ ส่วนห้องนอนก็จะมีขนาดที่วางเตียงใหญ่ King Size ได้พอดีๆ บรรยากาศภายในห้องจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย
ห้องแรกเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 53.00 ตารางเมตร ที่ถือว่าขนาดใหญ่พอสมควรเลยค่ะ ภายในห้องจะได้พื้นที่ Common Area กว้างเชื่อมต่อกันตั้งแต่ส่วนครัว พื้นที่รับประทานอาหารไปจนถึงห้องนั่งเล่น และเชื่อมต่อกับระเบียง ทำให้ห้องดูสว่างและโปร่งสบาย สามารถกั้นครัวเป็นครัวปิดเพิ่มเติมได้ มีพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารได้ถึง 4-6 ที่นั่ง ส่วนห้องนอนจะแยกออกมาเป็นสัดส่วนมองเห็นวิวด้านนอกได้ มีห้องน้ำเข้าใช้งานได้สะดวกจากพื้นที่ Common Area เวลามีแขกมาหาสามารถเข้าได้โดยไม่ต้องผ่านห้องนอนก่อนค่ะ ทำให้มีความเป็นส่วนตัว และเนื่องจากที่นี่มีการออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น ภายในห้องน้ำจึงมีอ่างอาบน้ำมาให้ทุกยูนิต มีห้องเก็บของขนาดใหญ่อยู่ติดกับห้องน้ำค่ะ ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 2 คน ชอบพื้นที่ห้องที่ดูโปร่งสบาย เน้นการใช้งานห้องนั่งเล่นเป็นหลัก
ห้องพักอาศัยจะยกสูงจากพื้นทางเดินประมาณ 7 เซนติเมตร มีข้อดีคือช่วยกันเศษฝุ่นจากทางเดินเข้าไปภายในห้องได้ค่ะ ประตูทางเข้าห้องจะเป็นบาน HPL Laminate (high pressure laminate compact ) ลายไม้ ซึ่งลามิเนตแบบ HPL นั้นจะมีความคงทนกว่าลามิเนตทั่วไป มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีค่ะ และจะติดตั้ง Digital Door Lock มาให้จาก Unicor สามารถใช้ระบบ Key Card และกุญแจได้
เข้ามาภายในห้องแล้วจะเจอกับพื้นที่ 2 ส่วนคือ Common Area ฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่ครัวเชื่อมต่อไปจนถึงห้องนั่งเล่น และฝั่งขวามือเป็นห้องนอน ห้องน้ำและห้องเก็บของตามลำดับค่ะ โดยภายในห้องจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.50 เมตร มี Drop ฝ้าเพดานให้บริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอนอีก 10 เซนติเมตรดูสวยงามค่ะ
มองไปทางฝั่งประตูด้านหน้าห้องจะเห็นห้องเก็บของอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ขนาดใหญ่เท่ากับประตูห้องปกติเลยค่ะ แต่ของห้องนี้ล็อคอยู่เดี๋ยวเราจะพาไปชมด้านในห้องเก็บของกันที่ห้อง 2 Bedroom นะคะ พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้ ส่วนครัวจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายและทนต่อน้ำเพราะพื้นที่ครัวจะมีโอกาสที่เปียกน้ำเยอะกว่าด้านนอก ส่วนด้านข้างประตูสามารถ Built-in ชั้นวางรองเท้าได้ค่ะ
ชุดครัวภายในโครงการจะ Built-in มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะโดยจะได้เคาน์เตอร์ และตู้เก็บของด้านบนหน้าบานลามิเนตลายไม้เข้ากับพื้นห้อง และมีพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางตู้เย็นเว้นไว้ให้ ซึ่งจะให้ตู้เย็นขนาด 7 คิวด้วยค่ะ โดยครัวจะได้เป็นครัวเปิด อาจจะไม่เหมาะกับการทำอาหารมีกลิ่นแรงนัก แต่ถ้าใครอยากทำอาหารจริงจังสามารถกั้นบานกระจกเป็นครัวปิดเพิ่มเติมเองได้ค่ะ
Top ครัวเป็นหินแกรนิต มีเตาไฟฟ้า, เครื่องดูควัน และอ่างล้างจานสเตนเลส จาก MEX ติดตั้งมาให้ ซึ่งเตาไฟฟ้าจะต่างจากเตาแม่เหล็กไฟฟ้าตรงที่สามารถใช้ภาชนะในการทำอาหารได้ทุกแบบเหมือนกับเตาแก๊สเลยค่ะ
ชั้นล่างจะมีชั้นเก็บของและลิ้นชักมาให้สำหรับเก็บอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ หน้าบานลามิเนตค่ะ
ชั้นเก็บของด้านบนก็เหมาะกับการเก็บเครื่องปรุง หรือภาชนะอื่นๆ หยิบใช้งานได้สะดวก
ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารก็สามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่ 4-6 ที่นั่งได้เลย
ห้องนั่งเล่นจะได้พื้นที่ค่อนข้างกว้างประมาณ 3.80 x 3.00 เมตร สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ ภายในห้องนั่งเล่นยังได้แสงเข้ามาจากทางระเบียงเยอะทำให้ห้องสว่าง มองเห็นวิวด้านนอกได้
ระยะดู TV ของห้องนี้อยู่ที่ประมาณ 3.50 เมตร เหมาะกับการวาง TV ขนาด 46 นิ้ว ซึ่งพื้นที่วาง TV สามารถ Built-in เป็นชั้นเก็บของติดกับผนังได้เลยค่ะ
ประตูระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจกสีเขียวใส หนา 8 มิลลิเมตร กรอบบานอลูมิเนียม ห้องตัวอย่างที่เราพามาชมอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งเป็นห้อง Pool Access สามารถออกมาแล้วเดินไปยังสระว่ายน้ำได้เลย ทำให้มีพื้นที่ด้านนอกค่อนข้างเยอะค่ะ
บริเวณระเบียงเป็นที่ตั้งของ Condensing Unit ติดแบบหันออกด้านนอกมีข้อดีคือทำให้ลมร้อนเป่าออกไม่มารบกวนระเบียง ทำให้ออกมาใช้งานได้จริงค่ะ ใครจะปลูกต้นไม้หรือวางเก้าอี้นั่งพักผ่อนเพิ่มเติมก็เพิ่มบรรยากาศที่ดีเหมือนกันค่ะ
พื้นที่ด้านนอกตั้งแต่ระเบียงออกมาจะถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางนะคะ ไม่สามารถนำของส่วนตัวออกมาวางหรือตกแต่งเพิ่มเติมได้ค่ะ
มาดูกันต่อที่ห้องนอนและห้องน้ำกันค่ะ ประตูห้องนอนจะเป็นบาน HPL (High Pressure Laminate) เหมือนกับประตูหน้าห้อง ส่วนห้องน้ำเป็นบานประตู PVC สีขาว มีช่องระบายอากาศค่ะ
ภายในห้องน้ำมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาว และกระเบื้องพื้นลายเก๋ๆ สไตล์ญี่ปุ่น แยกส่วนแห้งอยู่ทางซ้ายมือ และส่วนเปียกทางฝั่งขวามือค่ะ
อ่างล้างมือเป็นอ่างเซรามิคสีขาวจาก Cotto วางบนเคาน์เตอร์หินแกรนิต สามารถวางของด้านข้างได้ มีกระจกเงาบานใหญ่ติดตั้งมาให้ค่ะ ส่วนโถสุขภัณฑ์ที่ได้เป็นทรงเหลี่ยม จาก Cotto เช่นกันค่ะ
สำหรับห้องน้ำที่ออกแบบมาสไตล์ญี่ปุ่น เขามักจะอาบในอ่างอาบน้ำกันมากกว่าทำให้ไม่มีพื้นที่ยืนอาบแยกมาให้นะคะ จึงไม่เหมาะกับการติดตั้งฉากกั้นกระจกแต่จะเหมาะกับการติดม่านกั้น อาจจะมีน้ำกระเด็นออกมาบ้างทำให้ไม่สามารถแยกส่วนเปียกกับแห้งได้อย่างชัดเจนค่ะ
อ่างอาบน้ำที่ได้ขนาดค่อนข้างใหญ่สามารถนอนแช่ได้สบายๆ จาก Cotto ค่ะ
ส่วนฝักบัวจะได้ Rain Shower มาให้ด้วย จาก VRH พร้อมระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น เชื่อมต่อกับเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ
ห้องนอนมีขนาด 3.30 x 3.70 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้พอดีๆ ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงมองเห็นวิวด้านนอกและสามารถเปิดระบายอากาศได้ค่ะ ส่วนพื้นห้องนอนเป็นพื้นลามิเนต มีฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร และ Drop ฝ้าให้ 10 เซนติเมตรเหมือนในห้องตัวอย่างเลย
ห้องนอนออกแบบมาเพื่อการนอนอย่างเดียวทำให้ไม่ได้มีฟังก์ชันอื่นๆมากนักค่ะ เมื่อวางเตียง King Size แล้ว จะเหลือพื้นที่ด้านข้างวางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ และพอให้เดินรอบเตียงได้ค่ะ
ส่วนช่องแสงภายในห้องจะแบ่งเป็น 5 ช่องตามภาพ หน้าต่างเป็นบานเลื่อนกระจกกรอบอลูมิเนียม เปิดระบายอากาศได้ตลอดทั้งวัน และสามารถติดตั้งมุ้งลวดเพิ่มเติมเองได้ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มเติมเองได้
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 53.00 ตารางเมตร จะมี Layout เหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ แตกต่างกันตรงที่จะมีกั้นห้องเพิ่มเติมสามารถใช้เป็นห้องนอนที่ 2 ได้ เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ Common Area ก่อน มีครัวเปิดอยู่ด้านหน้าสามารถกั้นปิดได้เช่นกันค่ะ เชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่น ห้องนี้จะมีพื้นที่รับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นลดลง แล้วไปเพิ่มเป็นพื้นที่ห้องนอนแทน โดยห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะอยู่ติดด้านนอกมองเห็นวิวและรับแสงธรรมชาติได้ ห้องนอนเล็กมีพื้นที่ระเบียงให้ออกไปกินลมชมวิวด้วยค่ะ ห้องน้ำจะใช้ร่วมกันบริเวณ Common Area มีห้องเก็บของขนาดใหญ่เช่นกันค่ะ
ห้องนี้จะเหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 2 คน ต้องการห้องนอน 2 ห้อง หรือต้องการห้องอเนกประสงค์สำหรับทำงาน แยกเป็นสัดส่วน
เข้ามาภายในห้องแล้วจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือพื้นที่ Common Area ก่อนจะแยกไปเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้องริมหน้าต่างค่ะ โดยภายในห้องจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.50 เมตร มี Drop ฝ้าเพดานให้บริเวณห้องนั่งเล่นและห้อง Master Bedroom พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้ ส่วนครัวปูพื้นแกรนิตโต้เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
บริเวณทางเข้าจะมีประตูด้านข้างเป็นห้องเก็บของนั่นเองค่ะ หน้าห้องเก็บของก็มีพื้นที่สำหรับทำตู้เก็บรองเท้าแบบ Built-in ได้สบายๆเลย
ภายในห้องเก็บของมีแผงควบคุมไฟฟ้าของห้อง และมีพื้นที่เหลือสามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆอย่างถุงกอล์ฟ กระเป๋าเดินทางได้ถือว่าดีมากๆเลยค่ะ
ส่วนครัวจะได้เป็นครัวเปิด มี Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อยเหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ ด้านข้างมีพื้นที่วางตู้เย็น 7 คิวมาให้ (ได้ตู้เย็นด้วยนะคะ) ตรงนี้สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้เหมือนกัน แล้วแต่ความชอบของเจ้าของห้องเลยค่ะ
Top ครัวเป็นหินแกรนิตสีดำ มีเตาไฟฟ้า, เครื่องดูควัน และอ่างล้างจานสเตนเลส จาก MEX ติดตั้งมาให้ ถ้าใครชอบทำอาหารจริงจังแนะนำให้ติดกระเบื้องกันเปื้อน หรือ Backsplash เพิ่มเติมเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่มีคราบเลอะที่ผนังค่ะ
เคาน์เตอร์ชั้นล่างจะมีชั้นเก็บของและลิ้นชักมาให้สำหรับเก็บอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ ส่วนชั้นบนก็เหมาะกับการเก็บภาชนะ หน้าบานทั้งหมดเป็นลามิเนตลายไม้ค่ะ
ส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่นมีขนาดประมาณ 3.80 x 2.40 เมตร สามารถวางโต๊ะกลางได้สบายๆ มีระยะดู TV อยู่ที่ 3.50 เมตร เหมาะกับ TV ขนาดใหญ่ได้ถึง 46 นิ้วเลยค่ะ ห้องนั่งเล่นสามารถรับแสงธรรมชาติเข้ามาจากระเบียงผ่านห้องนอนเข้ามาได้ค่ะ
แม้จะเป็นห้อง 2 Bedroom ที่ต้องแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไปเป็นห้องนอน แต่ก็ยังมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นเหลือสามารถวางโซฟา 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ พร้อมโต๊ะด้านข้างเล็กๆอีก 1 จุด
ส่วนพื้นที่วาง TV อาจจะลดลงมาหน่อยแต่ก็สามารถทำ Built-in ชั้นวาง TV ได้เหมือนกันนะคะ ส่วนพื้นที่ด้านข้างสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งได้ ถ้าใครไม่เน้นทำอาหารกินเองมากนักอาจจะเลือกเป็นกินข้าวที่โซฟาไปเลยเพื่อให้มีพื้นที่ภายในห้องกว้างมากขึ้นได้ค่ะ
มาดูห้องนอนกันบ้างค่ะ เริ่มจากห้องนอนที่ 2 จะอยู่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น มีประตูบานเลื่อนกระจกสีขุ่นมาให้ รับแสงธรรมชาติจากระเบียงเข้ามาได้
ประตูบานเลื่อนของห้องนอนมีกรอบบานเป็นไม้ รางเลื่อนด้านบนทำให้ไม่มีส่วนที่นูนออกมาจากพื้นเหยียบแล้วไม่เจ็บค่ะ
ห้องนอนนี้มีขนาดประมาณ 3.80 x 2.20 เมตร สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้ แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่แต่ดูไม่อึดอัดเนื่องจากอยู่ติดกับระเบียงได้ช่องแสงเยอะ
ฝั่งปลายเตียงก็สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าหรือตู้เก็บของส่วนตัวได้ค่ะ
พื้นระเบียงลดระดับลงจากพื้นห้องเล็กน้อย ทำให้ไม่มีฝุ่นและน้ำฝนไหลเข้ามาในห้องได้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคทำความสะอาดง่ายค่ะ
ระเบียงมีขนาดประมาณ 3.80 x 1.00 เมตร มีพื้นที่วาง Condensing Units ติดแบบหันออกด้านนอกทำให้ลมร้อนเป่าออกไม่มารบกวนที่ระเบียง มีพื้นที่เหลือสามารถตั้งเครื่องซักผ้าได้ค่ะ
ส่วนห้องน้ำจะอยู่ติดกับ Master Bedroom เหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ
ภายในห้องน้ำมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาวแบ่งเป็นส่วนเปียกอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนแห้งอยู่ทางขวามือค่ะ
อ่างล้างมือเป็นอ่างเซรามิคสีขาวจาก Cotto วางบนเคาน์เตอร์หินแกรนิต มีกระจกเงาบานใหญ่ติดตั้งมาให้ค่ะ ส่วนโถสุขภัณฑ์ที่ได้เป็นทรงเหลี่ยม จาก Cotto
พื้นที่อาบน้ำจะรวมกันกับอ่างอาบน้ำเลยค่ะ ซึ่งจะได้อ่างขนาดใหญ่จาก Cotto เช่นกัน
ส่วนฝักบัวมีทั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower มาให้ จาก VRH พร้อมระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น
ห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.30 x 3.70 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต (King Size) ได้พอดี ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงมองเห็นวิวด้านนอกและสามารถเปิดระบายอากาศได้ ส่วนพื้นห้องนอนเป็นพื้นลามิเนต มีฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร และ Drop ฝ้ามาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ
เมื่อวางเตียง King Size แล้ว จะเหลือพื้นที่ด้านข้างวางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ เดินได้รอบเตียง มีตำแหน่งติดเครื่องปรับอากาศอยู่ด้านบนหัวเตียงเยื้องไปทางด้านข้าง ทำให้ลมเย็นไม่ลงหัวโดยตรงค่ะ
ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่เหลือสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
1 March 2020
- 1 Bedroom / เนื้อที่ 53 ตร.ม. / ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท หรือ 37,547 บาท/ตร.ม. (โปรโมชันถึง 20 พฤษภาคม 2563)
- 2 Bedroom / เนื้อที่ 53 ตร.ม. / ราคาเริ่มต้น 3.50 ล้านบาท หรือ 66,037 บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินแกรนิต
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
- จอง 3,000 บาท
- พร้อมโอนกรรมสิทธิ์
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
โครงการ Sun To Moon Residence ตั้งอยู่ในซอยวัดสุทธิ เชื่อมต่อกับถนนทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย ที่เป็นถนนเส้นหลักในการเดินทางไปจังหวัดทางภาคเหนือของไทย และเข้ากรุงเทพฯได้ง่าย ในละแวกโครงการถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นชุมชน มีร้านอาหาร ตลาด อยู่ในระยะที่สามารถเดินออกมาซื้อของได้ มี 7-Eleven อยู่ด้านหน้าทางเข้าโครงการ ถัดออกมาหน่อยก็มีห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เช่น Big C อยุธยา, Robinson , Tesco Lotus, อยุธยา City Park ในรัศมีไม่เกิน 3.5 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังเป็นทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ, นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ด้วยค่ะ
การเดินทาง :
การเดินทางโดยใช้รถถือว่าสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้กับทางหลวงสายหลัก ที่สามารถเข้ากรุงเทพมหานครได้ง่าย และเป็นเส้นทางผ่านของจังหวัดต่างๆทางภาคเหนืออย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว จากโครงการมาหน้าปากซอยเพียง 1 กิโลเมตรและ สามารถวิ่งเข้าบนถนนหมายเลข 32 ได้ในระยะ 3.3 กิโลเมตร เนื่องจากทำเลนี้เป็นทำเลที่เน้นการใช้รถยนต์เป็นหลัก แต่โครงการมีที่จอดรถมาให้น้อยไปหน่อยค่ะ อยู่ที่ประมาณ 189 คัน คิดเป็น 34% ถ้ารวมจอดซ้อนคัน จะได้มากขึ้นประมาณ 230 คันหรือ 43% ซึ่งที่จอดส่วนใหญ่จะอยู่ด้านข้างรั้ว ถ้าอยู่ใกล้กับอาคารของตัวเองเต็มอาจจะต้องเดินไกลหน่อยค่ะ
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้นั้น ทางโครงการมีจักรยานให้ยืมใช้ค่ะ เนื่องจากอยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากแหล่งความอุดมสมบูรณ์มากนัก สามารถเดินออกมาซื้อของกินได้ หรือถ้าใครไม่อยากเดินก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้เรียกด้านหน้าทางเข้าโครงการเลย
วัสดุ :
วัสดุภายในโครงการให้มาตามมาตรฐาน ขายแบบ Fully Fitted ได้ชุดครัวหน้าบานลามิเนตลายไม้ พร้อมอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน จาก MEX หน้า Top เป็นหินแกรนิต พื้นครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ทำความสะอาดง่าย และได้ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก Cotto พร้อมอ่างอาบน้ำทุกยูนิต ได้ก๊อกและฝักบัว จาก VRH ส่วนวัสดุพื้นภายในห้องเป็นพื้นลามิเนตลายไม้ ฝ้าเพดานฉาบเรียบ ทำฝ้าหลุมให้บริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน
การออกแบบ :
การวางผังโครงการมีอาคาร Clubhouse อยู่ด้านหน้า เชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนกลางระหว่างอาคาร ใช้งานได้สะดวก ข้อดีของการวางผังแบบนี้คือมองเห็น Clubhouse ได้ตั้งแต่ด้านหน้าโครงการ เป็นการเพิ่มบรรยากาศให้ดูสวยงามตั้งแต่ทางเข้าค่ะ ตัว Clubhouse สูง 3 ชั้น เป็นพื้นที่รวม Facilities หลักเข้ามาใช้งานได้ง่าย เป็นสัดส่วน ทำให้คนที่ต้องการใช้งานไม่ต้องเดินเข้าอาคารอื่นๆ ให้เสียความเป็นส่วนตัวค่ะ เข้ามาด้านในโครงการแล้วจะเจอกับกลุ่มอาคารล้อมรอบสระว่ายน้ำและสวน ทำให้ห้องพักอาศัยที่อยู่ด้านในมองเห็นวิวร่มรื่น ส่วนห้องด้านนอกจะมองเห็นวิวชุมชนพักอาศัย ในแต่ละอาคารจะมีการวางผังเหมือนกันทั้งหมดค่ะ โดยที่ชั้น 1 จะมีพื้นที่ Lobby Hall ส่วนตัว เชื่อมต่อกับโถงลิฟต์ และ Mail Box หยิบจดหมายก่อนขึ้นห้องพักอาศัยได้สะดวก โถงลิฟต์จะอยู่ริมอาคาร แต่เนื่องจากยูนิตต่อชั้นไม่สูงมากอยู่ที่ฝั่งละ 5 ยูนิต (รวมเป็น 10 ยูนิตต่อชั้น) ทำให้ห้องที่อยู่ด้านในสุดก็ยังเดินไม่ไกลจากโถงลิฟต์มากนัก
การออกแบบห้องพักอาศัย 1 Layout 53.00 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือห้อง 1 Bedroom (มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ) ได้พื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ แบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วน สามารถกั้นครัวปิดได้ และมีพื้นที่ระเบียงค่อนข้างเยอะค่ะ การออกแบบห้องน้ำจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ไม่ได้มีพื้นที่ยืนอาบน้ำแยกมาให้ เน้นการอาบน้ำในอ่างมากกว่าค่ะ ส่วนห้อง 2 Bedroom จะเหมาะกับคนที่ชอบห้องนอน 2 ห้องลดพื้นที่ห้องนั่งเล่นลงมาหน่อย แต่ก็ยังแบ่งเป็นสัดส่วนในพื้นที่เท่าเดิม โดยสามารถใช้ห้องที่เพิ่มขึ้นมาเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์ได้ ซึ่งห้องพักอาศัยชั้น 1 อาคาร A และ B จะเป็นห้องพิเศษที่มี Pool Access เดินออกจากระเบียงไปยังสระว่ายน้ำได้เลยค่ะ
สาธารณูปโภค :
สาธารณูปโภคในโครงการมีมาให้ค่อนข้างเยอะและครบครัน มีทั้งอาคาร Clubhouse 3 ชั้น ภายในมี Fitness, Golf Simulator, Co-Working Space & Library, Sauna และออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ นอกจากนั้นยังมีสระว่ายน้ำส่วนกลาง แม้จะเป็นระบบคลอรีน แต่ก็ได้ขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ เป็นสระ 3 สระเล่นระดับเชื่อมต่อกัน ขนาด 6 x 25 เมตร , 2.80 x 25 เมตร และ 4.50 x 15 เมตร และเชื่อมต่อกับสวนเล่นระดับ ถือว่าให้สาธารณูปโภคมาเพียงพอกับจำนวนยูนิตภายในโครงการ มีลิฟต์โดยสาร 2 ตัวต่ออาคาร อัตราส่วนลิฟต์รวมประมาณ 40 : 1 ไม่หนาแน่นทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานเลยค่ะ
Judgement
เนื่องจากโครงการ Sun to Moon Residence เป็นคอนโดมิเนียมในทำเลที่ทาง Think of Living ไม่คุ้นเคยจึงไม่สามารถให้คะแนนเปรียบเทียบความคุ้มค่ากับโครงการอื่นๆในทำเลเดียวกันได้นะคะ
BOTTOM LINE
Sun to Moon Residence เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดใกล้นิคมอุตสาหกรรมในอยุธยาเดินทางสะดวก ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับทั้งอยู่เองและลงทุน ชอบโครงการสไตล์ญี่ปุ่น มี Facilities เยอะ ชอบห้องขนาดใหญ่มี Common Area กว้าง และมีอ่างอาบน้ำให้ มีงบประมาณระดับ 2 – 3.5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 24,500 บาท/เดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving