รีวิวฉบับที่ 984 … สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปชมคอนโด High Rise ตึกคู่ ที่สร้างเสร็จกันไปแล้วนั้นคือ StarView พระราม 3 ของ Eastern Star ตัวโครงการนั้นเป็นตึกคู่ 44 และ 54 ชั้น โดยมีจุดเชื่อมกันเป็นสระว่ายน้ำที่ชั้น 44 ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Marina Bay Sands นั่นเอง โครงการนี้มีจุดเด่นด้านการออกแบบ โดยให้บริษัท A49 ออกแบบตัวอาคาร, บริษัท August Design ออกแบบภายใน และสร้างโดยบริษัท Italian Thai ครับ ทำเลของโครงการอยู่ติดกับถนนพระราม 3 ช่วงใกล้กับสะพานพระราม 9 ทำให้ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆด้วย ที่สำคัญโครงการนี้นั้นให้ Facility ที่หลากหลาย และจัดเต็มอลังการงานสร้างมาก ตามผมไปดูกันเลยดีกว่า
Fact @ 05 November 2015
- Star View Rama 3 (สตาร์ วิว พระราม 3)
- บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม
- คอนโด High Rise 2 อาคาร อาคาร A สูง 44 ชั้น, อาคาร B สูง 54 ชั้น รวม 556 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 7 ชั้น 1 อาคาร
- ที่จอดรถประมาณ 564 คันคิดเป็น 101%
- ที่ดินประมาณ 7-0-25 ไร่
- ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 8 ยูนิตที่อาคาร A และ B
- 2 Bedrooms 77 – 82 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้น ขนาด 77 ตร.ม. ราคา 6.7 ล้าน และ 82 ตร.ม. ราคา 8 ล้าน
- ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด 88,800 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 110,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-164-4111
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.687996, 100.518236
แผนที่จากทางโครงการครับ ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ Star View ตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 ครับ ติดถนนใหญ่เลย อยู่ระหว่างถนนเจริญราษฎร์ และ สะพานพระรามเก้า ใกล้ๆกับ สถานีรถบัส BRT ป้ายสะพานพระรามเก้า ฝั่งตรงข้ามเป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ
การเดินทางค่อนข้างสะดวกหากใช้รถยนต์ มีทางด่วนให้ขึ้นลงตรงสาธุประดิษฐ์ แต่ไม่มีระบบรถไฟฟ้า support ในระยะสะดวก จะมีก็แต่ BRT สถานีสะพานพระราม 9 ที่อยู่ห่างไปประมาณ 350 เมตร จุดเด่นของโครงการนี้ในด้านทำเลคือ อยู่ติดถนนใหญ่พระราม 3 ตรงจุดที่เดินทางสะดวกรถไม่ติด และมีวิวแม่น้ำที่สวยงาม พื้นที่รอบข้างไม่แออัด ตรงข้ามโครงการมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ เดินทางเข้าเมืองมาสาทร สีลม อโศก สุขุมวิทได้โดยรถยนต์แบบไม่ทรมานมาก ติดเป็นบางเวลา แต่มันใกล้เลยไม่ลำบากนัก ทางลัดก็มีเยอะด้วย
ถนนพระราม 3 นี้จะเป็นถนนที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูงครับ โดยจะเป็นถนนที่เลียบขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตามส่วนโค้งของแม่น้ำเลย ถ้าสังเกตจากในภาพด้านบน ถนนพระราม 3 จะเป็นถนนที่ยาวพอสมควรทีเดียว และจะมีถนนเส้นอื่นๆมาเชื่อมกับถนนพระราม 3 นี้เป็นระยะๆ ไล่มาตั้งแต่ส่วนที่ติดแม่น้ำด้านทิศตะวันตกของถนนก็จะมี
- ถนนเจริญกรุง เป็นถนนที่ตัดจากพระราม 3 วิ่งขนานแม่นำ้เจ้าพระยา ทะลุไปเรื่อยเลยครับ ไปเจอถนนจันทน์, สาทร, สีลม, สุรวงศ์, สี่พระยา จนไปถึง พระราม 4 แถวๆหัวลำโพง และต่อไปทางเยาวราช เส้นนี้รถติด ถนนแคบ แต่มีประโยชน์สำหรับคน Local เพราะผ่านสถานที่สำคัญๆหลายอย่าง เช่น Asiatique, วัด, โรงแรมหรูริมน้ำ และ โรงเรียนดัง อีกหลายแห่ง
- ถัดมาเป็น ถนนเจริญราษฎร์ เป็นถนนเส้นสั้นๆที่ตัดจากพระราม 3 ไปยังถนนสาทร โดยจะผ่านถนนจันทน์ ถนนเส้นนี้จะมีความสำคัญตรงที่มีจุดขึ้น-ลงทางด่วนถนนจันทน์ด้วย แถมรถไม่ค่อยติด เมื่อเทียบกับเจริญกรุงหรือรัชดา และถ้าจะไปขึ้น สะพานสาทร(ตากสิน) ก็ต้องใช้เส้นนี้แหละ
- ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งจะเป็นถนนที่มีทางด่วนและ สะพานพระราม 9 อยู่คู่ขนานทางด้านบน ถนนรัชดานี้จะอำนวยความสะดวกให้กับโครงการมาก เพราะจะตัดผ่านถนนหลายเส้น ทั้งถนนสาธุประดิษฐ์, ถนนนราธิวาสฯ, ถนนนางลิ้นจี่, ผ่านถนนเชื้อเพลิง, ห้าแยก ณ ระนอง, แยกคลองเตย วิ่งไปจนถึงอโศกได้ แถมยังผ่านจุดขึ้นลงทางด่วนอีกถึง 3 จุดด้วยกัน คือ ด่านบางโคล่ กับ ด่านสาธุประดิษฐ์ และ ด่านพระราม 3 การเข้าออกถนนเส้นนี้สามารถทำได้หลายทาง แต่ก็เป็นเส้นที่รถติดพอสมควรทีเดียวและที่ถัดจากถนนรัชดามา ก็จะมีถนนใหญ่ๆอีกสองเส้นคือ
- ถนนสาธุประดิษฐ์ ที่ตัดมาจากถนนจันทน์ (จริงๆใกล้ๆกันจะมีถนนยานนาวาหรือสาธุฯตัดใหม่อีกเส้นหนึ่ง) เส้นนี้ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับคน Local เป็นหลัก แต่แถวๆแยกสาธุฯตัดถนนจันทน์ ของกินเพียบเลย
- และเส้นสุดท้าย คือ ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ตัดมาจากสาทร โดยจะอยู่ไกลสุดของถนนพระราม 3 ผ่านโค้งเกือกม้าไปแล้ว อันนี้อาจจะไม่ได้ใช้บ่อยนัก เพราะอยู่ค่อนข้างไกลจากโครงการนอกเหนือจากนี้ ยังมี ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ที่เป็น “ถนน” พิเศษ ที่ตัดจากถนนพระราม 3 ไปเชื่อมกับ สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม หรือ สะพานภูมิพล 1-2 เป็นเส้นทางลัด ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านบางกระเจ้า ไปลงสมุทรปราการได้ และสามารถวิ่งต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ ออกนอกเมืองไปได้เลย ถือเป็นเส้นทางพิเศษเฉพาะตัวสำหรับถนนเส้นนี้ ที่สะดวกในการไปสมุทรปราการ แบบที่ by-pass ทุกอย่าง ไม่ต้องไปรถติดบนเส้นสุขุมวิทเลย
การที่ถนนพระราม 3 นี้มีถนนเส้นอื่นๆวิ่งมาชนหลายเส้น ทำให้โครงการจะมีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างเยอะ สามารถมีทางเลี่ยงทางลัดในการหนีรถติดได้ค่อนข้างดี และถ้าใครวิ่งเส้นพระราม 3 บ่อยๆจะพบว่าเป็นถนนที่รถไม่ค่อยติด เนื่องจากรถจะถูกระบายออกไปทางถนนเส้นอื่นอย่างที่กล่าวมา แต่ส่วนที่รถติดก็มีเหมือนกัน คือช่วงปลายสุดของถนนเส้นนี้ทั้งสองฝั่ง ฝั่งตะวันตกจะติดแถวๆคอ สะพานกรุงเทพ ที่รถจะมาจ่อคิวรอขึ้นสะพาน ข้ามไปรัชดาฝั่งท่าพระนั่นแหละครับ และอีกจุดหนึ่งก็จะเป็นฝั่งตะวันออกใกล้ๆกับห้าแยก ณ ระนอง
สำหรับจุดขึ้น-ลงทางด่วนที่อยู่ใกล้โครงการ StarView มีอยู่ 3 จุดด้วยกัน นั่นคือ
- ทางด่วนถนนจันทน์ อยู่ใกล้ๆกับสี่แยกถนนเจริญราษฎร์ตัดถนนจันทน์ จุดนี้จะใช้เป็นทางขึ้น สำหรับออกจากบ้านเป็นหลัก วิ่งไปทางแจ้งวัฒนะ, พระราม 9
- ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ อยู่บริเวณสี่แยกรัชดาตัดสาธุประดิษฐ์ ใกล้ๆเซ็นทรัลพระราม 3 ใช้เป็นทั้งทางขึ้นและทางลง โดยจะใช้วิ่งไปบางนา, ดินแดง หรือจะแยกไปพระราม 9 ก็ได้ และถ้ามาจากทางด่วนขั้นที่ 1 จะกลับบ้านก็วิ่งมาลงที่ด่านนี้เหมือนกัน โดยจะเป็นด่านสุดท้ายก่อนจะวิ่งข้ามสะพานพระราม 9 ไปสุขสวัสดิ์, พระราม 2
- ทางด่วนบางโคล่ จุดนี้ใช้เป็นทั้งทางขึ้นและทางลงได้เช่นกัน โดยมาจากทางด่วนขั้นที่ 2 แต่ถ้าจะกลับบ้านแล้วมาโครงการ แนะนำว่าไปลงด่านถนนจันทน์ และเข้าถนนเจริญราษฎร์ดีกว่าจะสะดวกกว่า ไม่ต้องกลับรถ
สำหรับการเดินทางด้วยระบบสาธารณะ ตามแนวเส้นพระราม 3 นี้จะเป็นโซนของรถบัส BRT ซึ่งจะเริ่มต้นที่ถนนสาทรที่ BRT สาทร ซึ่งจะเป็นสถานีเชื่อมต่อ BTS ช่องนนทรี วิ่งเส้นนราธิวาสราชนครินทร์ มาเข้าถนนพระราม 3 และวิ่งเลียบถนนพระราม 3 ข้ามสะพานกรุงเทพ ไปสุดที่แยกรัชดาตัดกับราชพฤกษ์ ที่สถานี BRT ราชพฤกษ์ ครับ (ใกล้ๆเดอะมอลล์ท่าพระ) ซึ่งที่ปลายทางจะเป็น BTS ตลาดพลู การนั่ง BRT จนสุดสาย ไม่ได้มีประโยชน์อะไรครับ เพราะเราสามารถนั่ง BTS แทนได้ ใกล้กว่าด้วยถึงจะแพงกว่าแต่ใช้เวลาเร็วกว่ามาก เอาจริงๆ BRT มีไว้สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในโซนพระราม 3 จริงๆ และเหมาะสำหรับนั่งในระยะทางใกล้ๆมากกว่าครับ
ราคาของรถบัส BRT ปัจจุบันมีการปรับใหม่แล้วนะครับเป็น 5 บาทตลอดสายนั่นเอง ถือว่าถูกมากนะจากเดิม(ก่อนปรับ)ราคาประมาณ 12-20 บาท แต่อาจจะมีข้อเสียตรงที่อาจจะใช้เวลานานสักหน่อย เพราะเป็นการวิ่งเกาะเส้นพระราม 3 และถึงจะมี Bus Lane เป็นของตัวเอง แต่ในบางช่วงบางตอนของถนนก็จะต้องไปรถติดรวมกับรถที่วิ่งอยู่บนถนนปกติด้วยครับ (เช่นบนสะพานกรุงเทพ) ถ้ากำลังรีบก็ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับ
การเดินทางในวันนี้ตัวผมมาจากในตัวเมือง ใช้ทางด่วนขั้นที่ 2 (ด่วนศรีรัช) แล้วตรงยาวช่วงแรกเน้นตามป้ายดาวคะนอง พระราม 2 บางโคล่ครับ จุดลงคือให้ลงป้ายบางโคล่ ลงมาที่ถนนรัชดาภิเษก วิ่งเลียบใต้ทางด่วนไปเลย [ไปดูรูปถัดไป]
หลังจากนั้นเราจะเจอกับสามแยก เราเลี้ยวขวานะครับตามป้าย ถนนตก, ถนนเจริญราษฎร์ ตรงไปเรื่อยเลย BRT พระราม 9 ไป และเตรียมกลับรถก่อนถึงกับสามแยกถนนเจริญราษฎร์ หลังจากกลับรถวิ่งตรงประมาณ 850 เมตร ทางเข้าโครงการจะอยู่ซ้ายมือ
เริ่มเดินทาง ผมขึ้นทางด่วนขั้นที่ 2 (ด่วนศรีรัช) มาแล้วนะครับ เน้นตามป้าย “บางโคล่” เอาไว้
ตรงอย่างเดียวเท่านั้น ตามป้ายเลย
ใกล้ถึงทางแยกแล้วครับ ทางซ้ายมือลงถนนสาธุประดิษฐ์ไปเซ็นทรัล พระราม 3 ได้
หลังจากนั้นเบี่ยงขวายังตามป้ายบางโคล่อยู่
ให้เราลงตรงจุดนี้ครับ ถ้าตรงต่อไปจะข้ามสะพานพระราม 9 มุ่งหน้าไปพระราม 2
พอลงมาแล้วจะเป็นส่วนของถนนรัชดาภิเษก ให้วิ่งตรงไปสักนิดนึงจนให้ถึงสามแยกไฟแดง
พอมาถึงสามแยกแล้ว ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปแยกตัดกับถนนสาธุประดิษฐ์ได้ แต่ให้เราเลี้ยวขวาเพื่อไปทางถนนตก, ถนนเจริญราษฎร์นะครับ
พอเลี้ยวขวามาแล้ว เส้นนี้เป็นถนนพระราม 3 แล้วนะครับ ทางซ้ายมือจะเป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา ถนนเป็นถนน 3-4 เลน และมีเลนของรถบัส BRT ด้วย เห็นโครงการ StarView เด่นเยื้องอยู่ฝั่งตรงข้าม
ขอพูดถึงสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา แห่งนี้หน่อยนะครับ สวนนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย การทางพิเศษแห่งประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทยมอบที่ดิน และส่วนประกอบอื่นในบริเวณเชิงสะพานพระราม 9 ฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี รวม 52 ไร่ ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อจัดสร้างสวนสาธารณะโดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งสร้างเสร็จพร้อมเปิดบริการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2543 ได้รับพระราชทานชื่อว่า “สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา”
- ศูนย์นันทนาการชุมชนสะพานพระราม 9 ให้บริการจัดกิจกรรมนันทนาการ และสนับสนุนกิจกรรมกีฬาและออกกำลังกาย เช่น กิจกรรมเต้นแอโรบิค ศูนย์ฯเปิดบริการทุกวันเวลา 05.00–21.00 น.
- ลานกีฬา จัดไว้สำหรับการเล่นกีฬากลางแจ้งประเภทต่าง ๆ เช่น ฟุตบอล ตะกร้อ
- จุดชมวิว พื้นที่ติดแม่น้ำของสวนฯ เป็นจุดพักผ่อนชมทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเฉพาะการเฝ้าชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าของฤดูหนาว ดูจะเป็นภาพประทับใจแก่ผู้มาเยือนที่หาชมไม่ได้ง่ายนักในเมืองใหญ่ที่สับสนวุ่นวาย จุดนี้จะมองเห็นสวนฯ ฝั่งพระนครที่อยู่ตรงข้ามได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมริมน้ำในเทศกาลสำคัญ เช่น ลอยกระทง
วิ่งตรงต่อมาจะเจอกับสถานีของ BRT พระราม 9 โดยอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 350 เมตรครับ
หลังจากนั้นจะเจอกับคอนโดติดแม่น้ำที่มีที่จอดเรือยอร์ช ที่ทางเราเคยทำรีวิวไปแล้วนั้นคือ Canapaya Residences นั่นเอง
หลังจากนั้นให้ตามป้าย เจริญราษฎร์เอาไว้นะครับ เพราะเราจะไปกลับรถก่อนถึงแยก
เจอจุดกลับรถแล้วครับ ก่อนถึงสามแยกถนนเจริญราษฎร์ประมาณ 100 เมตร
พอกลับรถมาแล้วก็วิ่งตรงมาประมาณ 850 เมตรครับ ผ่านหน้าร้านเด็ดแถวนี้ด้วย ร้านไก่ย่างกลางกรุง
หลังจากนั้นจะผ่านหน้าซอยพระราม 3 ซอย 23 (ซอยพระแม่มารี) ซึ่งเป็นทางลัดสามารถไปโผล่ได้ทั้งถนนเจริญราษฎร์และถนนรัชดาภิเษก คือเป็นซอยด้านหลังโครงการนั่นเอง ภายในซอยเป็นแหล่งที่ตั้งของบริษัทต่างๆมากมาย ทำให้เป็นแหล่งแรงงานและชุมชนพักอาศัยเยอะพอสมควร
ก่อนจะถึงโครงการจะผ่านหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ที่มี BigC Mini ในตัว ด้านหน้าปั๊มเป็นจุดป้ายรถเมล์ที่ใกล้โครงการที่สุดห่างกันประมาณ 130 เมตร
โครงการนั้นจะติดกับคลองไทรทางซ้ายมือนะครับ อยู่บริเวณก่อนถึงทางข้ามแยกพอดี
สภาพคลองไทรที่ติดกับโครงการฝั่งซ้าย(ทิศตะวันตก) ลองมายืนริมสะพานก็ไม่ได้กลิ่นอะไรนะ คลองค่อนข้างจะสะอาดเพราะใกล้ออกแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วครับ
ริมฟุตบาททางเท้าด้านหน้าโครงการค่อนข้างกว้าง จะเห็นว่าริมรั้วโครงการปลูกต้นไม้ตามรั้วเอาไว้บังสายตามจากภายนอกสูงประมาณ 2-3 เมตร
เงยหน้ามองจากริมฟุตบาทจะเห็นอาคารด้านหน้าซึ่งคืออาคาร A สูง 44 ชั้น
ถึงทางเข้าโครงการแล้วครับ มีป้ายบอกเห็นเด่นชัด
เดินเลยไปอีกหน่อยติดกันจะเป็นที่ตั้งของ Sale Office
ใครที่จะมาติดต่อดูโครงการให้ขับเลยทางเข้าโครงการมานิดเดียวนะครับ แล้วมาจอดรถในบริเวณนี้
ภายใน Sale Office มีชุดโต๊ะรับรองแขก กว้างขวางพอสมควร และมี Model ของโครงการอยู่ด้วย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- สวนสาธารณะ เฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา
- Homepro (ติดกัน กำลังก่อสร้าง)
- Homepro พระราม 3
- Central พระราม 3
- Tesco Lotus
- ตลาดนัดจตุจักร พระราม 3
- ธ.กรุงศรี สนง.ใหญ่
- Kbank สนง.ใหญ่
- Asiatique
- Vanilla Moon
- Big C jumbo
- รพ.เจริญกรุงประชารักษ์
- สนง.เขตบางคอแหลม
มาดูรอบๆโครงการกันนิดนึงนะครับ ทำเลห้องที่จะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้โอเคหน่อย ตึก A ต้องชั้น 12 ขึ้นไป ส่วนตึก B ต้องชั้น 15 ขึ้นไปนะครับ จุดด้อยด้านทำเลคือ ไม่ได้ติดแม่น้ำหรืออยู่ริมแม่น้ำจริงๆ แค่มองเห็นวิวแม่น้ำ ไม่ไกล้รถไฟฟ้า ด้านหน้าโครงการติดกับถนนหลักอย่างพระราม 3 วิวที่ได้ฝั่งนี้(ทิศใต้)คือไฮไลท์จะเป็นสวนฯ, แม่น้ำ, สะพานพระรามเก้า, ตึกสนง.ใหญ่ Kbank ราษฎร์บูรณะ และถ้าหันหน้าเข้าหาโครงการ ด้านซ้ายมือจะเป็นวัด(ทิศตะวันตก) แต่ทำเลด้านนี้ทางโครงการวางเป็นส่วนของอาคารจอดรถและสวนส่วนกลางที่ชั้น 8 และด้านขวา(ทิศตะวันออก)ที่เป็นสำนักงานขายอยู่ในตอนนี้ ติดกันก็เป็น Homepro(กำลังก่อสร้างอยู่)แจ่มไปเลย เพราะความสูงคงไม่เกินส่วนของที่พักอาศัยแน่ ทำให้ฝั่งนี้ได้ซิตี้วิวไป
เนื่องด้วยวันนี้เรามีภาพประกอบมุมสูงจากโดรน เลยจะมีมุมสูงๆสวยๆมาให้ชมสัก 4 ทิศ ตามแผนที่ประกอบครับ 😀
เริ่มจากหมายเลข 1 มองตรงขึ้นไปเป็นฝั่งทิศเหนือครับ เป็น City View ล้วนๆ เห็นซอยด้านหลังที่เป็นแหล่งออฟฟิศบริษัทต่างๆ และแหล่งอยู่อาศัยที่ไม่มีอาคารสูงครับ
หมายเลข 2 เป็นวิวฝั่งทิศใต้ที่เป็นไฮไลท์คือ สวนฯ, แม่น้ำ, สะพานพระรามเก้า, ตึกสนง.ใหญ่ Kbank ราษฎร์บูรณะ
หมายเลข 3 เป็นวิวฝั่งตะวันตกฝั่งถนนเจริญราษฎร์ มองไปไกลๆเห็นสะพานกรุงเทพครับ แต่วันนี้ฟ้าไม่ค่อยเปิดเท่าไร
หมายเลข 4 สุดท้ายเป็นวิวฝั่งทิศตะวันออก ที่มองเห็น City View, โค้งน้ำเจ้าพระยา มองไปไกลๆจะเห็นสะพานภูมิพล และ ซ้ายมือสีเขียวๆคือบางกระเจ้าครับ
อันนี้เป็น Video Presentation จากทางโครงการครับ
โครงการนี้เค้าแยกตึกเป็นสามส่วนนะครับ คือ ตึก A ด้านหน้า มี 44 ชั้น ตึก B ด้านหลังมี 54 ชั้น ตึกจอดรถ 8 ชั้นที่มีดาดฟ้าเป็นสวนกับที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ส่วนชั้น 44 จะเป็นส่วน Facility รวม และเชื่อมทั้งตึก A+B เข้าด้วยกัน Facility ที่ชั้นนี้อลังการงานสร้างมากครับ คือมีครบและเยอะ ตัวเด่นคือ สระว่ายน้ำเชื่อมสองตึกขนาดยาวรวมกันกว่า 100 เมตรครับ เป็นแบบ Infinity Edge ด้วย และเป็นระบบเกลือ มีสระเด็ก และเขตน้ำตื้นไว้นอนเล่น มี สวน ห้องประชุม ห้องเด็กเล่น และห้องอเนกประสงค์ ส่วน Steam แยกชายหญิง & Fitness ก็จัดเต็มไว้ที่ชั้น 40
ห้องที่ทำมาขายเรียกว่ามีแค่ 2 ขนาดก็ได้ เพราะ 3 ห้องนอน(ขนาด 163 ตร.ม.)ที่ทำมาแค่ 2 ยูนิตจากทั้งหมด 556 ยูนิตแต่ก็ขายหมดไปแล้วด้วยนะครับ เอาจริงๆก็มีแค่ไซส์ 77 กับ 82 ตารางเมตร 2 Bedroom ปัจจุบันราคาเฉลี่ยทั้งโครงการตารางเมตรละ 110,000 บาท ราคาเพิ่มขึ้นชั้นละประมาณ 50,000 – 70,000 บาท ต่อชั้นที่สูงขึ้น
*เนื่องด้วยพื้นที่ภายในโครงการค่อนข้างกว้างผมจะพาเดินที่ละรูทเส้นทางนะครับ เริ่มจากเดินรอบๆโครงการก่อน (ตามลูกศรสีเหลือง)
ด้านหน้าทางเข้าโครงการมีป้ายชัดเจน ถนนทางถูกยกระดับขึ้นจากถนนประมาณ 1 เมตร
ตัวถนนทางเข้าเป็น Stamp คอนกรีต (คอนกรีตพิมพ์ลาย) ระบบเข้า-ออก เป็น Access Card ระยะไกล (ที่เห็นรับสัญญาณสีเทาๆทางซ้ายนั่นเอง) มี CCTV อยู่ที่จุดทางเข้าและออกตรงนี้ด้วย
ทางขวามือจะมีป้อมรปภ.ประจำอยู่ จุดนี้จะมีประจำการอยู่ 2 คนตลอดเวลา สำหรับผู้ที่มาติดต่อหาลูกบ้านต้องแลกบัตรเพื่อเข้า-ออกทุกครั้ง
หันซ้ายไปเป็นทางคอนกรีตกว้างประมาณ 6 เมตร
ซ้ายมือจะเป็นส่วนของน้ำพุตกแต่ง(ฝั่งนี้ชิดกับกำแพงรั้วด้านหน้าโครงการ) ส่วนฝั่งขวามือจะติด Lobby อาคาร A ซึ่งก็ได้มีการปลูกต้นไม้บังสายตาเอาไว้
น้ำพุตกแต่งหน้าตาเช่นนี้ ยาวไปตลอดแนวเลยนะครับ
เดินมาฝั่งด้านข้างอาคารที่จอดรถ(ติดกับรั้วกำแพงแนวทิศตะวันตก) ที่ด้านข้างเป็นคลองไทรนะครับ นอกจากรั้วจะเป็นเหล็กโปร่งสูงประมาณ 2.5 เมตรแล้ว โครงการยังปลูกต้นไม้เพิ่มเข้าไปอีกทำให้ได้สีเขียวมาบดบังแนวริมคลองและวัดไทร ได้อีกระดับนึง
ทางขวามือเป็นส่วนของอาคารจอดรถแยกส่วนสูง 8 ชั้น ซึ่งชั้นบนดาดฟ้า เป็นชั้น Facility ทั้งชั้นเลย เดี๋ยวเราจะพาไปดูนะ
เดินอ้อมมาฝั่งด้านหลัง(ติดรั้วทิศเหนือ) จะเป็นทางเดินธรรมดาแต่สามารถเดินเข้ามาในอาคารจอดรถได้ด้วย
บริเวณนี้จะมีรปภ.ประจำอยู่ 1 จุด และมี CCTV ติดตั้งอยู่
เดินต่อมาจะเป็นพื้นที่ส่วนหย่อมค่อนข้างใหญ่ เดินเล่นได้จริงจัง ซึ่งต้นไม้ค่อนข้างใหญ่และให้ร่มเงามากอยู่
ภายในสวนก็จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้เอาไว้ให้พอสมควร และมีเก้าอี้คอนกรีตขัดมันก่อขึ้นมาให้นั่งเล่นได้เช่นกัน
มุมนี้ยืนจากในสวน มองไปยังอาคารจอดรถ จะเห็นของเล่น 1 ใน Facility ของโครงการที่ผมช๊อบชอบ นั่นคือ Jogging Track ที่ใช้ได้ทั้งวิ่งและปั่นจักรยานได้ เป็นแบบ Outdoor เดี๋ยวตอนเดินไปในอาคารจอดรถจะถ่ายให้ดูอีกที
เดินต่อมาด้านทางซ้ายจะปลูกแนวพุ่มไม้ทึบไปกับรั้วโครงการเลยสูงประมาณ 2.5 เมตร
ทางซ้าย(ทิศตะวันออก) จะติดกับ Sale Office และก็ Homepro ที่ตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่ครับ
มองไปทางขวาเป็นพื้นที่ Drop Off และทางเข้าอาคารจอดรถ
จะเห็นว่าทางเดินรอบโครงการนี่จะลาดยางเอาไว้ให้ตลอดเลยนะครับ คือถ้าใครอยากเดินเล่นหรือวิ่งออกกำลังกาย Outdoor ก็มาที่ชั้นล่างรอบๆอาคารได้นะครับช่วงเย็นค่อนข้างร่มรื่นเลยล่ะ เพราะต้นไม้รอบๆโครงการเยอะมาก
พื้นที่นั่งคอนกรีตด้านหน้าก็เยอะพอสมควร
แหงนหน้ามองขึ้นไปเห็นสระว่ายน้ำชั้น 44 ที่เชื่อมระหว่างสองอาคารเด่นชัด
มาดูส่วนถัดไป จะพาไปดูบริเวณ Drop Off ด้านหน้าอาคาร A และเข้าไปดูภายใน Lobby ของอาคาร A ครับ
พอพ้นป้อมรปภ.มา พื้นของโครงการจะยกสเต็ปขึ้นอีกหน่อย
ทางใช้เดินแยกส่วนเอาไว้ให้(ทางซ้าย) จะมีแนวพุ่มไม้ปลูกคั่นเอาไว้
ทาง Drop Off ถนนเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายทั้งหมด และกว้างเลยทีเดียว รถสามารถจอดชั่วคราวและวิ่งรถไปอาคารจอดรถ หรือวนรอบได้
ด้านหน้าทางเข้า Lobby แลดูดิบๆหน่อยเพราะผนังของเสาเป็นคอนกรีตแบบขัดมันสลับกับระแนงสีน้ำตาล
ผนังของเสาเป็นคอนกรีตขัดมันเปลือยๆแบบนี้ พอได้สีเขียวของสวน ต้นไม้มาช่วย นี่ทำให้ดูไม่ทะมึนจนเดินไปนะผมว่า
ด้านหน้าประตูทางเข้าเป็นบ่อน้ำตกแต่งเล็กๆ จากมุมนี้จะเห็นสีของวงกบประตูซึ่งเป็นอลูมิเนียมพาวเดอร์โค๊ด สีออกทองอ่อนๆ
เข้ามาภายใน Lobby จะมีชุดโต๊ะโซฟารับแขกมาให้ประมาณนี้ Space ค่อนข้างสูงโปร่งน่าจะเกิน 4 เมตรได้
ทางขวามือเป็น Counter Reception หินอ่อน แต่ยังเห็นว่าผนังภายใน Lobby รวมถึงผนังเสาก็ยังเป็นปูนเปลือยขัดมันอยู่เหมือนกันนะ เห็นประตูสูงๆทางขวาไหมครับ ประตูนั่นเป็นประตูทางเข้าโถง Lift ซึ่งภายใน Lobby จะมีประตูแบบนี้ทั้งหมด 4 บาน ห้องใครอยู่ตำแหน่งไหนต้องจำตำแหน่งประตูกันให้ดีนะครับ นี่ละ Private Lift 😀
ภายในโถง Lift ทั้ง 4 จุดจะหน้าตาเหมือนกันครับแบบนี้ พื้นจะปูด้วยหินอ่อนสีขวา ผนังรอบๆเป็นกระจกสูงทั้งหมด ทำให้ดูไม่อึดอัดระหว่างรอลิฟท์ด้วย ตัวลิฟท์พื้นภายในก็ปูด้วยหินอ่อนสีขาวเช่นเดียวกัน
Lift ของ OTIS นะครับ ใช้ระบบคีย์การ์ดแตะล็อกชั้น
หน้าตาประตูทางเข้าลิฟท์แบบนี้
ด้านนอกของ Lobby จะมีประตูทางออกมายังพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนกลางแจ้ง เหมาะสำหรับช่วงเย็นมากกว่านะครับ
มองย้อนกลับไปประตูทางออกมายังพื้นที่กลางแจ้ง จะเห็นว่ามีต้นไม้แทรกอยู่ทุกจุดจริงๆ ดีครับๆ
ห้องจดหมายขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ภายในมีชุดเก้าอี้นั่งมาให้ 1 จุด
ต่อมาจะเป็นทางด้านหน้าทางเข้า Lobby B และก็พื้นที่ด้านใน โดยรวมแล้วรูปแบบและการตกแต่งก็จะคล้ายๆกัน
ทางเข้าด้านนอกของ อาคาร B เหมือนกันกับ อาคาร A
แต่ทางเดินขึ้นจะเล็กกว่านิดหน่อยถ้าเทียบกับอาคาร A
เข้ามาด้านในแล้วจะเจอกับ Counter Reception ก่อนเลยครับ ส่วนวัสดุรูปแบบการตกแต่งคล้ายกันหมด
ชุดโต๊ะเก้าอี้ตรงนี้จริงๆน่าจะเป็นชุดโต๊ะโซฟานะครับ เหมือนจะมีมาออกบูธในอาคารเลยใช้ชุดโต๊ะพวกนี้ชั่วคราว จะเห็นว่าผนังเกือบทั้งหมดเป็นกระจกสูง ทำให้ดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด และแสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เยอะมาก
ทางออกไปยังพื้นที่อเนกประสงค์ด้านนอกมีมาให้เหมือนอาคาร A ประมาณ 3 จุด
ภายในก็มีห้องน้ำแยกชายหญิงใช้ได้ทั้งสำหรับลูกบ้านและผู้มาติดต่อครับ
ห้องจดหมายอาคาร B ขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เพราะว่ามีจำนวนยูนิตมากกว่านั่นเอง 😀
รูปแบบประตูทางเข้าโถง Private Lift เหมือนอาคาร A คือต้องแตะคีย์การ์ดเข้าไปส่วนแรกก่อน ถึงเข้าไปได้
กลับมาที่ Drop Off ด้านนอก ทีนี้จะพาไปดูส่วนของอาคารจอดรถแยกกันบ้าง
อาคารจอดรถแยกส่วน สูง 8 ชั้น (ชั้น 8 ดาดฟ้า เป็นชั้น Facility)
จุดที่เป็นทางเข้าอาคาร ที่มองตรงไปเห็นห้องกระจกนั่นคือห้องนิติบุคคลนะครับ บริเวณนี้จะมีรปภ.ประจำอยู่ 1 คน
พอเลี้ยวเข้ามาในอาคารจะจำกัดความสูงอยู่ที่ 2.20 เมตรนะ ซ้ายมือที่เห็นเป็นห้องน้ำ ส่วนขวามือเป็นที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ ติดกันเป็นบันไดหนีไฟ
บริเวณชั้น 1 จะมีทางเชื่อมไปเข้าส่วนของสวนหย่อมด้านหลังอาคาร B
และเชื่อมไปยัง Lobby ได้เลย
ด้านข้างทุกๆชั้นจะมีทางเข้าของ Jogging Track แบบนี้
รูปแบบของ Jogging Track จะเป็นลักษณะวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทางจะไม่ชันมากดูด้วยตาประมาณ 20 องศา และพื้นยังลาดยางอีกด้วย ทำให้ได้ฟีลลิ่งไม่เหนื่อยและปวดเข่ามาก ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสูงประมาณ 1.2 เมตร ราวจับสวยงามเป็นสแตนเลส มีไฟส่องตามทางเดินเอาไว้ให้ตลอดด้วย
ทางขึ้นลงอาคารค่อนข้างกว้าง มีลูกศรบอกชัดเจน
ที่จอดรถจะมีบันไดหนีไฟแบบนี้ประมาณ 3 จุดพร้อมตู้กันอัคคีภัยครับ
ขึ้นมาชั้นบนแล้ว พื้นจะเปลี่ยนจากคอนกรีตพิมพ์ลายเป็นคอนกรีตขัดมันแทน มีไฟส่องสว่างเพดานมาให้พอสมควร
ทางเข้าของ Jogging Track แบบชัดๆ ไม่มีรถบังที่ชั้น 2
วิ่งไปมองสีเขียวของสวนด้านหลังไป 😀
เนื่องด้วยอาคารจอดรถนี่เป็นอาคารแยกส่วนนะครับ ไม่ได้มีทางเชื่อมไปยังอาคาร A และ B ทุกชั้น ชั้นที่มีทางเชื่อมเข้าอาคารจะมีแค่ชั้น 1, 4 และ 6 นะครับ รูปแบบทางเชื่อมจะเป็นแบบในรูปนะ
พอเดินข้ามทางเชื่อมเข้าอาคารมาแล้ว อย่างในรูปคือเข้ามาทางชั้น 4 ก็จะเจอกับโถงโปร่งโล่งแบบนี้ ทีนี้ช่องตรงกลางคืออะไรล่ะ?
ช่องตรงกลางคือ Void ของอาคาร ที่เป็นช่องแสงและลมสามารถวิ่งผ่านได้ อันนี้แหงนหน้าขึ้นไปจนเห็นบนสุดคือชั้น 44 ครับ
ทางเข้าโถง Private Life บริเวณจากชั้นที่จอดรถ ก็ต้องใช้ Keycard ตัวเองเท่านั้นนะครับ
ภายในโถงรอลิฟท์เหมือนกันกับชั้นล่าง
ชั้น 8 นี่เป็นชั้นพักอาศัยของทั้งสองอาคารแล้วนะครับ แต่คนที่อยู่ชั้นนี้ไม่สามารถเดินออกมาที่สวนชั้นนี้ได้เลยนะ ต้องลงไปที่ชั้น 6 ทางเชื่อมอาคารจอดรถ ถ้าอาคาร A ก็ขึ้นมาทาง(จุดวงกลมเหลือง A) ส่วนอาคาร B ก็ขึ้นมาทาง Jogging Track ทาง(จุดวงกลมเหลือง B)
ส่วนดาดฟ้าชั้น 8 ของอาคารจอดรถนี่เป็นชั้น Facility ทั้งชั้นเลยถ้าดูจากในแปลนตามหมายเลขก็ดังนี้
- สวนหย่อมลานอเนกประสงค์
- สนามบาสเกตบอล
- สนามพัตกอล์ฟ
- สนามเด็กเล่น
- Vertical Jogging Track
- ศาลาพักผ่อนอเนกประสงค์
สิ้นสุด Jogging Track ที่ชั้นบนสุดของอาคารจอดรถคือชั้นดาดฟ้าชั้น 8
เวลามองลงไปจะเห็นพื้นที่สีเขียวของสวนหย่อมด้านข้าง ซึ่งอยู่ตำแหน่งด้านหลังของอาคาร B
ด้านข้างเป็นศาลาพักผ่อนอเนกประสงค์ มีราวกันตกด้วยกระจกนิรภัยครับ
ศาลาเป็นลานเล็กทั้งหมด 4 จุด ไม่สามารถใช้บังแดดบังฝนได้จริงจังนะครับ ด้านข้างจะมีสวนหย่อมอยู่ด้วย
ถัดมาติดกันจะเป็นลานอเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมทั่วไป จะเห็นว่ารอบๆสนามหญ้านั้นมีทางเดินหรือใช้วิ่งออกกำลังกายต่อเนื่องมาจาก Verticle Jogging Track ได้
ส่วนของห้องพักอาศัยที่อยู่ติดกันชั้นนี้ มีการปลูกสวนดอกไม้และต้นไม้บางส่วนเพื่อบังสายตาจากภายนอกเล็กน้อยครับ และก็อย่างที่บอกไปแล้ว คนที่อยู่ชั้นนี้ไม่สามารถเดินออกมาที่สวนชั้นนี้ได้นะ ต้องลงไปที่ชั้น 6 ทางเชื่อมอาคารจอดรถแล้วเดินย้อนขึ้นมาเท่านั้น
เนื่องด้วยสวนบริเวณนี้จะอยู่ติดกับฝั่งทิศตะวันตกของอาคาร B ทำให้ช่วงเช้าจนถึงสายบริเวณนี้จะไม่โดนแสงแดดตกลงมาเต็มๆมากเท่าไร ออกกำลังกายได้ถึงสายๆเลยนะ
ด้านข้างมีศาลาแบบ Outdoor ที่เหมือนเอาไว้กั้นส่วนระหว่างสนามบาสเกตบอล กับ สนามพัตกอล์ฟ
สนามพัตกอล์ฟ ที่อยู่ติดกันขนาดปานกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่มากครับ
สนามบาสเกตบอลที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นสนามเทนนิสได้ ตอนนี้อยู่ระหว่างเก็บแก้งานรอยร้าวพื้นคอนกรีตอยู่นะครับ
ผังชั้น 9 – 36 เป็นส่วนพักอาศัยแบบจริงๆจังๆล่ะ เป็นใช้ที่มีความหนาแน่นของจำนวนยูนิตเพียงแค่ 8 ยูนิต/อาคาร เท่านั้น โถงทางเดินจะเป็นตามรูปอาคารเลยนะครับ แต่จะเป็น Single Corridor นะครับ เพราะแกนกลางของอาคารจะเป็น Void ทะลุช่องแสงและลม จะสังเกตุเห็นว่าห้องแบบ 2 Bed ไซส์ 82 ตร.ม. ส่วนใหญ่จะอยู่ตำแหน่งมุมนะ
ทุกห้องจะมี Private Lift หมด คือเป็นลิฟท์ส่วนตัวเปิดประตูหน้าห้องเราเลย แถมมีการจัดวางดีมาก เหมือนได้ลิฟท์ส่วนตัว 2 ตัวเลย เพราะวางลิฟท์คู่มาให้ ลิฟท์นี้จะเปิดประตูลิฟท์ที่หน้าห้องเราเลย โถงหน้าลิฟท์ เป็นพื้นที่ของห้องเราจะจัดแต่งยังไงก็ได้ การออกแบบตึก ดีมาก มีช่องระบายลมกลางตึก จัดวางห้องชั้นละ 8 ห้องรอบๆโถงกลาง ไม่มีห้องไหนเปิดประตูชนกัน Private สุดๆ
ข้อเสียของลิฟท์แบบนี้ก็มีนะ คือสาวๆบางคน อาจจะกังวล เกิดขึ้นลิฟท์แล้วมีชายหนุ่มขึ้นตามมาด้วย เพราะพอเปิดประตูลิฟท์ปั๊บ มันก็ในห้องเราเลยนะ บางท่านอาจจะตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง ในลิฟท์มีทีวีวงจรปิดให้นะครับ ส่วนโถงทางเดินด้านนอกที่นี่แปลก จะไม่มีลิฟท์โดยสารรวมแล้ว แต่จะมีลิฟท์ส่วนกลาง ที่เป็น Service Lift แทน 1 ตัว ซึ่งถ้า Private Lift เสียเมื่อไรก็เลี่ยงมาใช้แทนได้จนกว่าจะซ่อมเสร็จ
ที่ชั้น 40 อาคาร B ก็ยังเป็นห้องพักอาศัยแบบปกติ แต่อาคาร A จะเป็นชั้นของ Fitness & Steam room ทั้ง Floor เลย คือถ้าใครอยู่อาคาร B ถ้าอยากใช้ Fitness ต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 44 แล้วเดินทางเชื่อมมาอาคาร A แล้วใช้ลิฟท์ลงไป หรือเดินลงไปเอาครับ
มาดูแปลนชั้น 40 แบบซูมกันชัดๆครับ อย่างที่บอกไปถ้าใครอยู่อาคาร A การจะใช้งานห้อง Fitness ก็ง่ายนิดเดียว เพราะเพียงแค่ขึ้น Private Lift จากห้องตัวเองก็โผล่มาได้เลย แต่ถ้าใครมาจากอาคาร B จะมีลิฟท์ที่อยู่ใจกลาง 1 ตัวเป็นทางเชื่อมลงมาจากชั้น 44 หรือเดินลงมา
Fitness ถามว่าขนาดใหญ่ไหม นี่ยกมาให้ทั้งชั้นเลยนะครับ !! เครื่องเล่นที่นับได้ก็ประมาณ 22 เครื่อง ออกกำลังกายไปมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไป อีกทั้งยังมีห้องอาบน้ำ และห้องสตรีมอีกด้วยนะ
ถ้าใครอยู่อาศัยภายในอาคาร A ออกจากลิฟท์มาก็เจอะห้อง Fitness ที่ชั้น 40th เลย
พื้นสัมผัสเหมือนจะเป็นกระเบื้องยางนะครับลวดลายตามในภาพเลย ฟิตเนสขนาดใหญ่มากเพราะยกกันมาทั้งชั้นเลยทีเดียว
ลองนับเครื่องเล่นออกกำลังกายแล้วเกิน 20 เครื่องเลยทีเดียว จะเห็นว่าผนังรอบด้านทั้งหมดเป็นกระจก และความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานค่อนข้างสูงมาก ทำให้โปร่งโล่งไม่อึดอัดและ Take View ระหว่างออกกำลังกายได้เต็มที่ ข้อเสียคือกลางวันจะร้อนมากคงต้องเปิดแอร์อยู่แล้ว แต่ด้วย Space ปริมาตรภายในห้องทั้ง Floor แบบนี้คงเปลืองไฟไม่ใช่น้อย
ระหว่างจะเดินไปทางห้องน้ำและห้องสตรีม แอบเห็นบานประตูบานนี้ เป็นประตูบันไดทางขึ้นลงไปยังชั้น 44 สำหรับคนที่มาจากอาคาร B แล้วต้องลงการลงมาที่ฟิตเนสก็มีทั้งบันไดและลิฟท์ให้เลือกครับ
ทางเดินไปทางห้องน้ำและห้องสตรีม
มีห้องของงานระบบไฟและลิฟท์อยู่ทางซ้ายมือ ส่วนประตูตรงหน้าเป็นส่วนของห้องโถง Service Lift
ห้องน้ำแยกฝั่งชายหญิง แต่ภายในฟังก์ชั่นเหมือนกันคือเป็นห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ มีล็อกเกอร์เก็บของ และก็ส่วนของห้องสตรีมในตัว
เข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ ด้านหลังเป็นผนังกระจกให้แสงส่องเข้ามาได้ ด้านซ้ายเป็นส่วนของห้องน้ำและโถปัสสาวะ
ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์อ่างล้างมือจะเป็นที่นั่งและล็อกเกอร์เก็บของ
อีกฝั่งติดกันจะเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำอีกที
ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำหน้าตาเช่นนี้
ติดกันเป็นส่วนของห้องสตรีม ขนาดไม่ใหญ่มากนั่งได้ประมาณ 2-3 คนเท่านั้น
มือจับเปิดปิดเป็นสแตนเลสหน้าตาเช่นนี้ ส่วนสวิทช์เปิด/ปิดก็ง่ายๆครับ มีเปิดปิดเครื่อง เปิดปิดไฟ และหมุนอุณหภูมิความร้อนที่สูงสุดได้ 60 องศาครับ
มาถึงไฮไลท์ของที่นี่กันแล้วคือชั้น 44 ที่เป็นชั้น Facility หลักนั่นเอง (ใครดูไม่ชัดกดที่รูปเพื่อขยายภาพได้นะ) ผมจะค่อยๆพาไปดูทีละจุดนะครับเริ่มจากเส้นทางสีเหลืองหมายเลข 1 ก่อน และก็ไล่ลำดับทางเดินไปเรื่อยๆ 2 และ 3
ออกมาจากลิฟท์ที่อาคาร B ก่อน แอบเห็นข้างๆเป็นสวนสนามหญ้าเล็กๆ
ออกมาปุ๊ป..เดินเลี้ยวขวามานิดเดียว จะเจอเหมือนกับเป็นห้องครัวเล็กๆ เอาไว้สำหรับจัดเตรียมอาหารว่างเบาๆ
ด้านนอกของห้องเตรียมอาหารจะเป็นพื้นที่สนามหญ้าอเนกประสงค์ที่สามารถพาเด็กๆมาทำกิจกรรมเล็กๆได้นะครับ
ส่วนอันนี้ติดกับโถงลิฟท์ที่เราขึ้นมาตอนแรก มีชุดเก้าอี้นั่งเล่นให้ด้วย จากจุดนี้เราสามารถมองวิวรอบๆโครงการได้ด้วยนะครับ
กลับมาที่โถงทางเดินต่อ
ทางซ้ายมือเป็นเหมือนห้อง Meeting Room นะครับ ใช้สำหรับประชุม มาคุยงาน หรือมาอ่านหนังสือก้ได้
ภายในห้องมีชุดโต๊ะประชุมใหญ่มาให้ 1 ตัวและ รอบๆมีโซฟาให้
ชุดโต๊ะประชุมนับจากเก้าอี้นั่งได้ประมาณ 12 ที่นั่ง
เดินถัดมาทางซ้ายมือจะเป็นประตูทางเข้าของห้องเด็กเล่น ส่วนขวามือที่มีบันไดนั่นเป็นจุดชมวิวเดี๋ยวผมพาไปดูหลังห้องเด็กเล่นนะ
ภายในห้องเด็กเล่น ขนาดค่อนข้างใหญ่เหมือนกันนะ มีชุดโซฟาครึ่งวงกลมอยู่ใจกลางห้อง สำหรับผู้ปกครองที่พาเด็กมานั่งรอได้ ภายในมีของเล่นและอุปกรณ์ต่างๆเตรียมไว้ให้ค่อนข้างเยอะพอสมควร
ด้านข้างผนังเป็นบานกระจกบานฟิค สามารถเปิดได้แค่ 2 จุด เป็นบานกระทุ้งตามในรูป ตำแหน่งตรงนี้เป็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยากับสะพานพระราม 9 พอดี
ออกมานอกห้องเด็กเล่นจะอยู่ตำแหน่งใกล้กับบันไดทางเดินขึ้นลงเป็นจุดชมวิว Love Seat
นี่ละครับจุดชมวิว จะมีจุดชมวิวแบบนี้ประมาณ 6 จุดครับ
คือถ้าใครมายืนชมวิวตำแหน่งนี้ วิวที่ได้ก็จะประมาณนี้เลย ด้านล่างมองลงไปเป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ ซ้ายมือเป็นสะพานพระราม 9 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงกลางเป็น KBANK สนง.ใหญ่ราษฎร์บูรณะ ขวามือเห็นสระว่ายน้ำทอดยาวไป
วิวยามเย็นพอสะพานพระราม 9 กับตึก Kbank เปิดไฟแล้วจะเป็นแบบนี้นะ รูปนี้ต้องขอขอบคุณ Mr.Oe ที่อยู่รอชมวิวยามเย็นพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วซึ่งผมนั้นกลับก่อน
มองไปทางขวามือ วิวยายค่ำคืนเปิดไฟนั้นสวยแจ่มจริงๆ จะเห็นด้านล่างสระเป็นส่วนของ Fitness ชั้น 40 ที่เปิดไฟสว่างไสวเช่นกัน
กลับมาทางเดินไปทางสระว่ายน้ำกันบ้าง สระว่ายน้ำจะเริ่มจากบริเวณนี้ซึ่งเป็นส่วนของสระเด็กแยกส่วนเอาไว้ลึกประมาณ 60 cm.
ทางเดินข้ามระวังนิดนึงนะครับ อย่ามัวแต่ก้มหน้ากดโทรสับเดินนะจ๊ะ 😀
ระหว่างทางเดินข้ามสระหันมามองทางซ้าย เห็นความยาวของสระ ใช้ออกกำลังกายได้จริงจังมากๆ ยาววววววว ฟินนนนนน
กลับหลังหันมามองทางสระเด็กกันบ้าง แอบเห็นของเล่นที่พื้นข้างๆสระเด็กด้วย
แท่น แท้นนนนนน มันคือ…
จุดชมวิวอันแสนหวาดเสียวบนกระจกนิรภัย ไม่เหมาะกับคนกลัวความสูงนะครับฮ่าๆ นี่ถ้ากระจกพึ่งทำความสะอาดละก็จะเพิ่มความหวาดเสียวอีกสองเท่า ฮ่าๆๆ
รอบติดกับขอบสระมีการลงต้นลีลาวดีเอาไว้บางส่วนครับ ทางเดินข้างสระค่อนข้างกว้างพอสมควร
มุมนี้มองย้อนกลับไปทางอาคาร B จะเห็นบริเวณบันไดที่ซิกแซกๆ นั่นคือจุดชมวิว Love Seat ที่พาไปดูก่อนหน้า
ทางลงสระเป็นบันไดมีราวสแตนเลสจับแบบนี้ มีสองสามจุดครับ จากมุมนี้จะเห็นว่าถ้าลงไปใช้งานสระแล้วมองตรงๆมันจะไม่เห็นขอบสระที่อยู่ลดระดับลงไปหน่อย เป็นวิวสายตาของ Infinity Edge Pool ครับ
เดินต่อมาจะเจอกับยอดของอาคาร A ทางขวามือครับ
ด้านข้างมีเก้าอี้นอนอาบแดดแบบนี้เอาไว้ให้ประมาณ 6 ตัว ด้านหลังติดแผ่นป้ายระเบียบของการใช้งานสระว่ายน้ำเอาไว้
ด้านข้างจะมีศาลาอเนกประสงค์แบบนี้ 3 จุด
ฝั่งนี้มีประตูทางเข้าอาคารส่วนแรกครับ
พอเข้ามาแล้วจะเจอโถงทางเดินบันไดหน้าตาเช่นนี้ บันไดส่วนนี้เดินลงไปได้เพียง 4 ชั้น ก็คือไปโผล่ที่ชั้น 40 ชั้นของ Fitness & Steam นั่นเอง
มองลงไปเดินลงนะพอไหว แต่ขากลับขึ้นมาขอขึ้นลิฟท์ดีกว่าฮะ
ด้านหลังมีบันไดทางขึ้นไปดาดฟ้าของอาคาร A
ขึ้นมาแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นพื้นคอนกรีตขัดมันโล่งๆ และก็รั้วเหล็กกันตก เป็นเหมือนจุดชมวิวอีกจุดนึง
ตำแหน่งที่เดินขึ้นมาอยู่บริเวณนี้ครับ
กลับมาที่ทางเดินรอบสระช่วงหัวมุม ถ้าตอนเย็นๆนะ มาแช่น้ำเกาะขอบสระ แล้วทอดอารมณ์ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นสะพานพระรามเก้า กับสะพานภูมิพลไกลๆ โอว้ มันช่างฟินน่าดู
สระว่ายน้ำเชื่อมต่อมาทางนี้เป็นรูปตัว L ทางขวามือของอาคารเห็นประตูทางเข้าอยู่
เป็นประตูทางเข้าโถงลิฟท์ สำหรับ **คนที่มาจากอาคาร B และจะลงไปใช้ Fitness ที่ชั้น 40 อาคาร A ก็ต้องมาใช้ลิฟท์ตัวนี้ละนะ
ติดกับห้องโถงลิฟท์ด้านในจะมีห้องน้ำสำหรับคนที่มาใช้สระว่ายน้ำ เข้ามาจะมีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ และด้านข้างมีล็อกเกอร์เอาไว้ให้ใช้เก็บของและเสื้อผ้าได้
ประตูห้องน้ำ และด้านในเป็นแบบนี้
ส่วนของห้องอาบน้ำเป็นแบบกึ่ง Outdoor ครึ่งบนรับลมธรรมชาติ แต่คงไม่มีใครมาแอบดูเราได้หรอกนะ 555
ออกมาจากห้องน้ำ มีทางเดินไปยังรอบๆสระได้ด้วย
จะเห็นว่าด้านข้างของสระที่รองรับน้ำล้นมีหินกรวดตกแต่งโรยเอาไว้รอบสระ ทางเดินขนาดกว้างประมาณ 1 เมตรและมีกระจกนิรภัยกันตกอีกชั้นนึงสูงประมาณ 1.6 เมตร บริเวณนี้ก็เหมือนเป็นทางเดินเล่นชมวิวได้อีกจุดนึงนะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- (ชั้น 44) Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำ 1 สระ ขนาดใหญ่ รูปทรงตัว L ระบบเกลือ ความกว้างประมาณ 8 เมตร ความยาวฝั่งแรกยาวประมาณ 35 เมตร ส่วนอีกด้านยาวประมาณ 75 เมตร ลึก 1.2 เมตร แยกสระเด็กเอาไว้ลึกประมาณ 60 cm.
- (ชั้น 44) Libraly, Meeting Room, Kid Room, Pocket Garden
- (ชั้น 40) ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 22 เครื่อง / Steam Room
- (ชั้น 8) สวนหย่อม, ศาลาพักผ่อน, สนามพัตกอล์ฟ, สนามบาสเกตบอล, Verticle Jogging Track
- (Ground Floor) สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร Private Lift 8 ตัวต่อ 1 อาคาร
- Service Lift 1 ตัวต่อ 1 อาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 16 : 2
- ที่จอดรถประมาณ 564 คันคิดเป็น 101%
- ระบบ CCTV / Access Card / รปภ. 24 ชม.
ห้องตัวอย่างของจริงมีให้ดูห้องเดียวคือ 2 Bedroomแบบ 77 ตารางเมตร ทุกห้องสูง 2.70 เมตร ยกเว้นส่วนห้องครัวและทานข้าว ที่ติดแอร์ฝังฝ้า จะเป็นความสูง 2.45 เมตร ส่วนห้องนอนทั้งสองได้แอร์แบบแขวน ห้องขายแบบ Fully-Fitted ให้ Pantry ครัว Hob&Hood ชุดสุขภัณฑ์ห้องน้ำ AME ฉากกั้นกระจกนิรภัย
อธิบายภาพรวมห้องนี้นิดนึงนะครับ เวลาเราขึ้นห้องต้องใช้ลิฟท์ครับ กดลิฟท์ส่วนตัวมาจากชั้นล่าง พอมาถึงห้องเราลิฟท์เปิด เราออกมา จะเจอโถงหน้าลิฟท์ เป็นพื้นที่โล่งๆ(Foyer) เราจะแต่งจะใส่อะไรลงไปตรงนี้ก็ตามใจ ด้านขวาเป็นบานกระจกเล็กโชว์วิว ด้านซ้ายเป็นประตูเปิดออกไป Corridor มีทิ้งขยะหรือบันไดหนีไฟและก็ Service Lift กลับมาในห้องตรงหน้าลิฟท์เลยเป็นประตูกระจกบานเลื่อนสไลด์สามตอนเป็นกระจก Temper ทั้งห้องนะครับตั้งแต่บานใหญ่บานนี้เลย ถือว่าดีมากเพราะมันคุณภาพดี Safety และแพง เปิดประตูเข้ามาเจอห้องทานข้าว และห้องครัวด้านซ้ายมือ ส่วนด้านขวามือเป็น Living Area ที่มีระเบียงด้านนอกส่วนระเบียงแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่แขวนคอมแอร์จะมีระแนงปิดมิดชิดเชียว ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนเล็กคงวางได้แค่เตียงไซส์ 3 ฟุตนะและต้องมาใช้ห้องน้ำร่วมกับโซนห้องนั่งเล่นด้านนอก
เรามาดูห้องตัวอย่างกันครับ อย่างที่บอกไว้ว่าเวลาขึ้นห้องต้องใช้ลิฟต์โดยตรง(Private Lift) โครงการจะมีลิฟต์ส่วนตัวให้ของ OTIS ด้านในลิฟต์ค่อนข้างโปร่ง ผนังลิฟต์เป็นสแตนเลสแฮร์ไลนและกระจก พื้นลายหินอ่อน
โดยลิฟท์จะเปิดออกมาเป็นพื้นที่หน้าห้องของเราเลยนะ ค่อนข้างสะดวกสบายมากสำหรับการใช้งาน 1 ห้อง การที่มีลิฟต์ให้ 2 ตัวแบบนี้ดีมากๆเลยนะ เพราะนอกจากเราจะเลือกใช้งานลิฟต์ไหนก็ได้แล้ว หากมีลิฟต์อันใดอันหนึ่งเสีย เราก็สามารถใช้งานอีกอันได้ไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นห้องไม่ได้ครับ หน้าโถงลิฟต์จะเป็น Foyer ขนาด 1.50 x 5.40 เมตร ค่อนข้างกว้างและโปร่ง เพราะมีหน้าต่างให้แสงธรรมชาติเข้าดีเลย ผนังด้านข้างเราสามารถใช้เป็นที่วางตู้รองเท้าแบบห้องตัวอย่างได้
พอออกมาจากลิฟต์เราจะเจอห้องพักที่มีประตูกระจก Siide กรอบอลูมิเนียม powder coating สีออกเทาน้ำตาลอ่อน โดยจะเห็นว่าประตูทางเข้านี่เป็นกระจกเต็มบานแทบจะเห็นห้องได้ทั้งห้องเลย ตัวบานเลื่อนเป็นแบบ 3 ตอนทำให้ขนาดของบานประตูไม่ใหญ่มากนัก ส่วนนี้ถ้าใครกลัวมีลูกบ้านติดลิฟท์มากับเราด้วยจะเห็นภายในห้องก็สามารถติดผ้าม่านหรือมูลี่เพิ่มเองได้ไม่ใช่ปัญหา
และเวลาที่เปิดประตูออกมา ก็จะทำให้ช่องเปิดค่อนข้างกว้าง มองไปที่ผนังทางซ้ายมือจะเป็นประตูบานใหญ่สีขาว ที่สามาถเปิดออกไปยังพื้นที่ใจกลางอาคารที่เป็น Void และโถงทางเดิน Corridor ได้
พื้นที่ด้านนอกประตูจะเป็น Single corridor ที่อยู่หลังห้องพักทั้งหมด มีทางเดินเชื่อมไปยังห้องทิ้งขยะและ Service Lift ดังนั้นผู้ที่ใช้พื้นที่ด้านหลังนี้ส่วนใหญ่จึงจะเป็นแม่บ้านซะเป็นส่วนใหญ่ ทางเดินนี้จะวนเป็นสี่เหลี่ยม มี Void ช่องลมและแสงอยู่ตรงกลาง ตัวพื้นและผนังเป็นคอนกรีตธรรมดา
มาดูด้านในห้องกันบ้าง เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องครัวที่โครงการ Built-in ชุดครัวมาให้ ด้านหน้าชุดครัวสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้ ทางขวามือเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนมองตรงไปจะเป็นทางเดินไปสู่ห้องน้ำและห้องนอนทั้งสองห้องครับ ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานประมาณ 2.70 เมตร
ลองมองย้อนกลับไปที่ทางเข้าห้อง เราก็จะเห็นมองเห็นโถงลิฟต์ข้างนอกแบบนี้ หากต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อยและไม่ต้องการให้คนที่ขึ้นลิฟต์ตามมาด้วยมองเห็นเข้ามาภายในห้องก็แนะนำให้หาผ้าม่านมาติด จะได้ช่วยบังสายตาหน่อยนะ
พื้นที่ครัวมีขนาด 1.80 x 3.60 เมตร เป็นพื้นที่ที่กะทัดรัดไม่กว้างมาก เอาจริงๆแล้วน่าจะเรียกว่าเป็น Pantry ซะมากกว่า ซี่งอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าโครงการขายแบบ Fully Fitted ส่วนที่โครงการ Built-in มาให้ก็คือเคาท์เตอร์ครัวให้มานี้เลย รวมทั้งแอร์แบบฝังฝ้าเพดานก็ติดตั้งมาให้ด้วย ด้านหน้าเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่โครงการไม่ได้แถมให้ แต่ก็เป็นไกด์ไลน์ได้ว่าสำหรับพื้นนี้สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่งแบบนี้ได้ครับ
ลองเปิดชุดครัวออกมาให้ดู ฟังก์ชั่นด้านในสามารถเปิดออกมาและเก็บของได้ค่อนข้างเยอะดี ซ้ายมือสุดมีพื้นที่ว่างให้วางตู้เย็นได้ ด้านบนเป็นตู้ที่ซ่อนเมนบอร์ดไฟไว้ ผนังเคาท์เตอร์ครัวของจริงเป็นแค่ฉาบเรียบทาสีธรรมดานะครับ แนะนำไปติดเพิ่มเองเลยไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องโมเสคหรือกระจกก็ได้ครับจะได้สามารถทำความสะอาดคราบต่างๆได้ง่ายและสวยงามขึ้นด้วย มีซิงค์ล้างจาน พร้อมเตาแม่เหล็กไฟฟ้าและที่ดูดควันให้เรียบร้อย ของ TEKA ทั้งหมด
ตรงข้ามกันเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น มีพื้นที่ประมาณ 3.60 x 3.90 เมตร ซึ่งมีขนาดค่อนข้างกว้าง ระยะดูทีวี 2.40 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 52″-55″ จะเป็นระยะที่พอดีกับสายตาครับ โดยห้องนั่งเล่นจะมีประตูกระจกบานเลื่อนคู่ ที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงได้ ตัวราวระเบียงก็เป็นกระจกอีกเช่นกัน ดังนั้นจากห้องนั่งเล่นสามารถมองเห็นวิวเมืองได้สบายๆ
ระเบียงมีพื้นที่ 1.70 x 2.60 เมตร สามารถเอาเก้าอี้เล็กๆมาวางเผื่อจะนั่งเล่นชมวิวได้ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา
รางประตูบานเลื่อน พื้นระเบียงลดระดับลงมาจากห้องนั่งเล่นเล็กน้อยเท่านั้น เวลาฝนตกแรงๆถ้าเปิดเข้าออกออกทำให้น้ำกระเด็นเข้ามาได้ง่าย แต่ก็ยังดีที่โซนห้องนั่งเล่นพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ไม่กลัวน้ำ
ผนังด้านหนึ่งจะเป็นที่วาง Compressor แอร์ 2 เครื่อง แบบหันลมร้อนเข้าในระเบียง แต่ก็มีการติดกริลแอร์ให้เรียบร้อย ระเบียงจึงไม่ร้อนมาก พอออกมานั่งเล่นได้ โดยโครงการได้ติดตั้งฉากกั้นระแนงเพื่อแบ่งพื้นที่และพรางสายตาได้เล็กน้อย ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นราวระเบียงกระจกใส
จากระเบียงมองกลับเข้ามาก็จะเห็นส่วนของห้องนั่งเล่น และห้องครัวแบบนี้ครับ
ถัดไปเป็นโถงทางเดินไปสู่ห้องน้ำรวม(ทางซ้ายมือ) ห้องนอนใหญ่(ทางขวามือ) และตรงไปจะเป็นห้องนอนเล็กครับ
เรามาเริ่มที่ห้องน้ำรวมกัน โดยจะติดตั้งบานประตูสำเร็จรูปสีขาว มือจับสแตนเลสก้านโยกมาให้
มือจับประตูห้องน้ำด้านนอกที่ติดตั้งที่ไขเหรียญมาให้เรียบร้อย เผื่อมีใครเป็นลมหรือเกิดอุบัติเหตุในห้องน้ำเราก็สามารถไขเหรียญไปช่วยได้ และมือจับด้านในที่ข้างล่างติดตั้งลูกบิดล็อกประตูมาให้เรียบร้อย
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับเล็กน้อย เพื่อป้องกันน้ำจากห้องน้ำไปเปียกส่วนอื่นๆ
ห้องน้ำมีขนาด 1.80 x 2.30 เมตร ขนาดห้องน้ำรวมขนาดปานกลางและฟังก์ชั่นครบ ติดตั้งสุขภัณฑ์สีขาวจาก American Standard มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา, โถสุขภัณฑ์ที่ติดตั้งสายชำระพร้อมที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้เรียบร้อย และพื้นที่เปียกแบบยืนอาบน้ำ กั้นด้วยกระจกนิรภัยเทมเปอร์ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ส่วนผนังกรุด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ภายในห้องน้ำสามารถระบายระบายความชื้นได้สองทางคือพัดลมดูดอากาศและก็หน้าต่างบานกระทุ้งที่เปิดออกไปเปิดโถงทางเดิน Corridor ด้านในอาคาร
พื้นที่ยืนอาบน้ำมีขนาด 0.95 x 1.20 เมตร ขนาดพอดีๆ มีการกั้นด้วยกระจกนิรภัยเทมเปอร์ ประตูบานเปิด ด้านในมีชุดฝักบัวพร้อมที่วางสบู่ให้
ฝักบัวขนาดปานกลาง ที่วางสบู่อันเล็กๆติดตั้งมากับชุดฝักบัว ส่วนวาวล์น้ำเป็นสแตนเลสหมุนแยกน้ำร้อนน้ำเย็นได้ ของ American Standard
ถัดไปเป็นห้องนอนเล็ก ที่ประตูทางเข้าใช้บานสำเร็จรูปสีขาว พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้
เข้ามาภายในห้องขนาด 3 x 3.4 เมตร ขนาดไม่กว้างมากนัก ซึ่งจริงๆแล้วห้องนี้ค่อนข้างอเนกประสงค์นะ เราสามารถจัดฟังก์ชั่นได้หลากหลายสามารถเป็นได้ทั้งห้องนอนที่วางเตียง 3 ฟุตครึ่งได้สบายๆ ห้องทำงาน หรือจะทำเป็นห้องนั่งเล่นแบบในห้องตัวอย่างก็ได้
พิ้นที่ผนังข้างเตียง สามารถวางตู้เสื้อผ้าแบบนี้ได้
อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 1 บาน สามารถ Built-in โต๊ะเขียนหนังสือและตู้ติดผนังตาม Idea ของห้องตัวอย่างได้
หน้าต่างบานกระทุ้งเปิดออกได้ไม่กว้างมากนัก เพราะจะติดระแนงด้านนอกครับ
ซูมบานพับหน้าต่างให้ดูชัดๆ
ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ ด้านหน้าห้องจะเป็นช่องเล็กๆ เราสามารถ Built-in ตู้โชว์หรือวางของแบบนี้ได้
เข้ามาในห้องนอนใหญ่ จะเจอ Corridor ทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ส่วนฝั่งตรงข้ามกันสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้
พื้นที่ Built-in ตู้เสื้อผ้าประมาณ 0.60 x 1.80 เมตร สามารถทำตู้เสื้อผ้าได้ใหญ่ดีนะ
ตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำ ขนาด 1.60 x 2.40 เมตร ขนาดค่อนข้างใหญ่และฟังก์ชั่นครบ มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือเคาท์เตอร์อ่างล้างมือมีพื้นที่วางของรอบๆได้และมีตู้เก็บของใต้อ่าง พร้อมกระจกเงาติดผนังขนาดใหญ่ โถสุขภัณฑ์ที่ติดตั้งสายชำระพร้อมที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้เรียบร้อย และพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจกนิรภัยเทมเปอร์ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ส่วนผนังกรุด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้
โถสุขภัณฑ์ของ American Standard พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่
ในห้องน้ำมีหน้าต่างบานเปิดให้ 1 บาน ช่วยระบายอากาศและความชื้น มองออกไปด้านนอกแอบเห็นเป็นที่วางคอมแอร์ในส่วนของห้องนอนเล็กนั่นเอง
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.00 x 1.80 เมตร ขนาดใหญ่ดี มีการกั้นด้วยกระจกนิรภัยเทมเปอร์ ประตูบานเปิด ด้านในมีชุดฝักบัวพร้อมที่วางสบู่ให้
ชุดฝักบัวพร้อมที่วางสบู่ของ American Standard
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานติดตั้ง Rain Shower มาให้ด้วย
พื้นที่ห้องนอนขนาด 3.00 x 3.40 เมตร สามารถวางเตียง King size ขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ หน้าต่างในห้องเป็นกระจกกว้างแบบบาน Fix และบานกระทุ้ง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้า นอนมองวิวได้ และช่วยให้อากาศถ่ายเท
จากห้องนอนสามารถมองวิวได้แบบเต็มตาเลยครับ
พื้นที่ปลายเตียงค่อนข้างกว้าง สามารถ Built-in ชั้นวางทีวีและโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ได้
พื้นที่ข้างเตียงสามารถวางโต๊ะหรือโคมไฟหัวเตียงได้สบายๆ
ห้องอีก Type นึงเป็น 2 Bedroom เหมือนกัน แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องแรกนิดหน่อยคือไซส์ 82 ตร.ม. และตำแหน่งห้องมักอยู่มุมของอาคาร การจัดวางผังภายในห้องจะค่อนข้างคล้ายกับห้องแรก แต่!!จะสลับตำแหน่งกันระหว่าง Living Room กับ ห้องนอนเล็ก เพื่อให้ Living Room ได้รับวิวเน้นๆเต็ม 2 ด้านจากหน้าต่างข้างผนัง และหน้าต่างระเบียงครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 05 November 2015
- ปัจจุบัน ราคาต่อตารางเมตรต่ำสุดประมาณ 88,800 บาท/ตร.ม.
- ปัจจุบัน ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการตารางเมตรละ 110,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเพิ่มขึ้นชั้นละประมาณ 50,000 – 70,000 บาท ต่อชั้นที่สูงขึ้น
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร
- แอร์ระบบฝังฝ้า
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- รายละเอียดการจองและทำสัญญา สอบถามทางสำนักงานที่หน้าโครงการอีกที
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลางปัจจุบัน 35 บาท/ตร.ม./เดือน (จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลพระราม 3 เป็นทำเลที่เชื่อมจากย่านธุรกิจใจกลางเมืองอย่างสีลม-สาทร กับแม่น้ำเจ้าพระยาและฝั่งธนบุรีด้วยสะพานหลักๆ 3 สะพานก็คือสะพานภูมิพล, สะพานพระราม 9 และสะพานกรุงเทพ ซึ่งโครงการ StarView พระราม 3 นี้ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานพระราม 9 ที่เป็นจุดกึ่งกลางของทั้งสามสะพาน โซนรอบๆโครงการนี้ยังไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ ไม่เหมือนโซนที่ใกล้เซ็นทรัล สิ่งอำนวยความสะดวกพวกห้างสรรพสินค้าก็ยังมีไม่มาก และโรงแรมริมน้ำในโซนนี้ก็ยังมีไม่เยอะ ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมากกว่า จัดว่าเป็นทำเลที่ยังรอการพัฒนาเพิ่มเติมอยู่อีกพอสมควร
ในแง่ของการเดินทางด้วยรถยนต์ ถนนพระราม 3 เป็นถนนที่ค่อนข้างอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ขับรถเป็นหลัก ถนนกว้าง 8-10 เลน (นับรวมเลน BRT ด้วย) มีสะพานข้ามแยกเกือบทุกช่วง เป็นถนนที่มีทางเชื่อมต่อเข้ากับส่วนที่เป็น CBD ของกรุงเทพได้หลายจุด ตั้งแต่สาทร ไปยังพระราม 4 ไปยังสุขุมวิท อยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำหลายจุด ข้ามสะพานกรุงเทพไปฝั่งธน, ไปเพชรเกษม, ไปราชพฤกษ์ได้ ข้ามสะพานพระรามเก้าไปพระราม 2 ได้ ข้ามสะพานภูมิพลไปสมุทรปราการได้ และเป็นถนนที่สามารถขึ้น-ลงทางด่วนได้หลายจุด แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของถนนพระรามสามคือ ระยะทางของถนน ที่ถือว่ายาวพอสมควร และวิ่งอ้อม โค้งๆ เป็นรูปเกือกม้า เพราะเป็นถนนที่ตัดขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ถ้ารู้จักวิ่งโดยใช้ทางลัดต่างๆแถวนี้ ก็จะสามารถลดระยะทางได้ ส่วนเรื่องรถติดนั้นมีอยู่เหมือนกันนะครับ ใครว่าถนนพระราม 3 จะไม่มีรถติด? แต่จะเป็นการที่ติด “ต่อเนื่อง” เป็นหางแถวของชาวบ้านมากกว่าครับ ส่วนที่ติดมากๆก็คือสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหลาย ทั้งสะพานภูมิพลและสะพานกรุงเทพ ที่เวลาเย็นๆหลังเลิกงานก็สามารถก่อปัญหาได้เหมือนกันนะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสะดวกก็จริง แต่ถ้าในแง่ของการเดินทางโดยไม่ใช้รถ จะสะดวกน้อยกว่าพอสมควร อย่างแรกคือ ตัวโครงการไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า การจะใช้รถไฟฟ้าจะต้องใช้วิธีต่อรถเอา อาจจะใช้วิธีนั่งรถ BRT ไปก่อนก็ได้ (BRT ที่ใกล้โครงการสุดคือสถานีพระราม 9 ห่างไปประมาณ 350 เมตร ) หรือนั่งแท็กซี่ก็ได้ แล้วแต่สะดวก และตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่อยู่แล้ว ไม่ต้องเดินเข้าซอย จะเดินออกมาเรียกรถข้างหน้าโครงการก็ทำได้สะดวก ทั้งนี้การเดินออกมาซื้อของหรือไป minimart ใกล้ๆนั้นคือ BigC Mini ที่อยู่ในปั๊มบางจากห่างกันแค่ 130 เมตร และในอนาคตข้างหน้าจะมี Homepro ที่กำลังก่อสร้างอยู่ติดกับ Sale Office มาเพิ่มในระยะเดินไปได้เลย
วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มา เป็นแบบ Fully Fitted เมื่อเทียบกับในระดับราคาเฉลี่ย 110,000 บาทต่อตารางเมตร ถือว่าได้มาปานกลางไม่มากไม่น้อยนะ ต้องแต่งห้องใหม่เองเพิ่มเยอะอยู่นะ ภายในห้องจะได้ Pantry ครัว มี Hob & Hood และอ่างล้างจานของ TEKA วัสดุผิวปิดท็อปครัวเป็นฟอร์ไมก้า ห้องน้ำ ชุดหัวก๊อกและสุขภัณฑ์ของ American Standard พื้นห้องโถง,ครัว และห้องน้ำเป็นแกรนิตโต้ ส่วนพื้นห้องนอนเป็นลามิเนต ระยะพื้นถึงฝ้า 2.70 เมตร ส่วนบริเวณห้องโถงจะเป็นแอร์แบบฝังฝ้า และได้แอร์แขวนติดผนังแยกที่ห้องนอนอีก 2 ตัว
การออกแบบของโครงการนี้คิดมาละเอียดตั้งแต่การวาง Master Plan โดยให้บริษัท A49 ออกแบบตัวอาคาร, บริษัท August Design ออกแบบภายใน อย่างแรกคือการวางตัวของตึกที่ระมัดระวังในเรื่องของการบังวิวกันเอง และพยายามจัดให้ทุกห้องสามารถมีมุมใดมุมหนึ่งของห้องที่มองเห็นวิวแม่น้ำได้ ส่วนเรื่องคลองไทรที่อยู่ติดกันทางทิศตะวันตก ซึ่งคลองนี้ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่น เพราะไม่ใช่คลองที่น้ำเน่าเสียแต่เป็นน้ำเดียวกันกับแม่น้ำเจ้าพระยา น่าจะหมดกังวลเรื่องคลองเน่าเสียไปได้ แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดการ “ทัศนียภาพ” ของวัดที่อยู่ติดกันมากกว่า โครงการเลยเลือกที่จะให้อยู่ติดกับอาคารจอดรถและสวนส่วนกลางที่ชั้น 8
ในเรื่องความหนาแน่นของโครงการนี้ จัดมาอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เลย จำนวนยูนิต 556 ยูนิต บนเนื้อที่ดิน 7 ไร่กว่า มียูนิตต่อชั้นสูงสุด 8 ยูนิตต่ออาคาร ห้องที่ทำมาขายเรียกว่ามีแค่ 2 ขนาดก็ได้ เพราะ 3 ห้องนอน(ขนาด 163 ตร.ม.)ที่ทำมาแค่ 2 ยูนิตจากทั้งหมด 556 ยูนิตแต่ก็ขายหมดไปแล้วด้วยนะครับ เอาจริงๆก็มีแค่ไซส์ 77 กับ 82 ตารางเมตร 2 Bedroom ปัจจุบันราคาเฉลี่ยทั้งโครงการตารางเมตรละ 110,000 บาท ราคาเพิ่มขึ้นชั้นละประมาณ 50,000 – 70,000 บาท ต่อชั้นที่สูงขึ้น
สาธารณูปโภคมีมาให้ค่อนข้างครบ สมบูรณ์ จัดเต็ม ตัวเด่นคือ ชั้น 44 สระว่ายน้ำเชื่อมสองตึกขนาดยาวรวมกันกว่า 100 เมตรครับ เป็นแบบ Infinity Edge ด้วย และเป็นระบบเกลือ มีสระเด็ก และเขตน้ำตื้นไว้นอนเล่น มี สวน ห้องประชุม ห้องเด็กเล่น และห้องอเนกประสงค์ ส่วน Steam แยกชายหญิง & Fitness ก็จัดเต็มไว้ที่ชั้น 40 และยังมี สวนชั้นดาดฟ้า(ชั้น 8)ของอาคารจอดรถ ที่มีศาลาพักผ่อน สนามพัตกอล์ฟ สนามบาส ติดกันเป็น Jogging Track พื้นลาดยางที่สามารถวิ่งออกกำลังกายแบบ Outdoor ได้จริงจรังและดีงาม
นอกจาก Facility แล้วจุดเด่นของโครงการนี้ที่ดีมากและกล้าให้อีกอย่างคือ Private Lift ลิฟท์ส่วนตัวเปิดประตูหน้าห้องเราเลย แถมมีการจัดวางดีมาก เหมือนได้ลิฟท์ส่วนตัว 2 ตัวเลย เพราะวางลิฟท์คู่มาให้ ลิฟท์นี้จะเปิดประตูลิฟท์ที่หน้าห้องเราเลย โถงหน้าลิฟท์ เป็นพื้นที่ของห้องเราจะจัดแต่งยังไงก็ได้ การออกแบบตึก ดีมาก มีช่องระบายลมกลางตึก จัดวางห้องชั้นละ 8 ห้องรอบๆโถงกลาง ไม่มีห้องไหนเปิดประตูชนกัน Private สุดๆ โครงการนี้เค้าแยกอาคารจอดรถเอาไว้นะครับ แต่อาคารจอดรถนั้นไม่ได้เชื่อมกับทางเข้าตึกทุกๆชั้น เชื่อมแค่ชั้น 1,4,6 เท่านั้น ที่จอดรถช่องจอด 564 คัน หรือคิดเป็น 101% แบบไม่ซ้อนคัน ข้อที่เป็นกังวลคือค่าส่วนกลาง ที่เรียกเก็บ 35 บาท/ตารางเมตร ผมว่าไม่น่าจะพอสำหรับการดูแลตึกระดับนี้ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบครับ เพราะพื้นที่ส่วนกลางให้มาเต็มขนาดนี้ สวนลงต้นไม้เยอะมาก สระขนาดใหญ่ แถมที่สำคัญลิฟท์ เยอะมากๆ รวมทั้งหมดเลย 19 ตัว ทีเดียว
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเฉลี่ยประมาณ 110,000 บาท/ตร.ม., 05 November 2015
- ทำเล 8/10 – ติดถนนหลักพระราม 3 ใกล้สะพานพระราม 9 เข้าออกเมืองสะดวก ในละแวกมีห้างและความอุดมสมบูรณ์ระดับนึง
- เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – มีเส้นทางลัดเยอะ และรถไม่ติดมาก ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน และที่จอดรถ 101%
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ไม่มีรถไฟฟ้า มีแต่ BRT ในระยะ 350 เมตร / ติดถนนใหญ่เรียก Taxi ง่ายหน่อย
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานเมื่อเทียบกับราคาระดับนี้
- แบบ 8.5/10 – ออกแบบได้สวย มีจุดเด่นเอกลักษณ์ / แต่ละชั้นเป็น Single Corridor ยูนิตต่อชั้นไม่แน่น
- สาธารณูปโภค 9.25/10 – จัดเต็มอลังการงานสร้าง ให้มาเยอะหลากหลาย Fitness เต็ม Floor, สวนรอบโครงการและชั้น 8, Sky Jogging Track, สระว่ายน้ำยาวรวมกว่า 100 เมตร เชื่อมระหว่างตึกโดดเด่นใครผ่านไปมาต้องมองก่อน และ Private Lift
- UPPER CLASS
- 8.02 / 10.00
BOTTOM LINE
StarView เหมาะกับคนที่ชอบทำเลโซนพระราม 3 เป็นทุนเดิม หรือทำงานอยู่ในโซนที่ไป-กลับจากพระราม 3 ได้สะดวก เดินทางใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักเลย มองหาโครงการที่มีวิวแม่น้ำในราคาไม่แพงมาก และที่สำคัญต้องการใช้งาน Facilities หลากหลายและจัดเต็มอลังการงานสร้าง มีงบประมาณระดับ 6-10 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 45,000 – 80,000 บาท/เดือน
ถ้าใครอยากไปชมภาพและวิวสวยๆจากโครงการ StarView ทางทีมงาน TOL ได้เคยไปถ่ายโปรเจค Point Of View มาแล้วนะครับ รับชมได้เลย “คลิกที่นี่”