รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.243 – รีวิวคอนโด Pause สุขุมวิท 115
22 กันยายน 2016
รีวิวฉบับที่ 847 สวัสดีค่ะ สำหรับมิตรรักแฟนเพจที่กำลังมองหาคอนโดราคาย่อมเยากันอยู่ วันนี้จะพาไปชมคอนโดในย่านชานเมือง เกาะแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ สถานีปู่เจ้าสมิงพราย หนึ่งในสามโครงการในโซนนี้ของ Origin ที่เพิ่งเปิดตัวพร้อมกันไปเมื่อต้นปี นั่นก็คือโครงการ Pause สุขุมวิท 115 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 115 หรือซอยอภิชาติ หลังจากที่เคยพาไปชมทำเลกันมาแล้ว ตามมาชมกันเลยค่ะ
Fact @ 21 May 2015
- Pause Sukhumvit 115 (พอส สุขุมวิท 115)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : สำโรงเหนือ
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 310 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิตที่ชั้น 2-7 อาคาร A,B
- ที่จอดรถประมาณ 93 คันคิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 35%
- ที่ดินประมาณ 1-1-83 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ไตรมาส 3 ปี 2558
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2559
- 1 Bedroom 20.8 – 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท
ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตรUpdate 20/10/2015 โครงการปรับความสูงเพดานเป็น 2.4 เมตร- ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาทหรือประมาณ 65,000 บาทต่อตารางเมตร
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ในระหว่างดำเนินการ
- http://www.pausecondo.com/sukumvit115/
- โทร 092-716-4400
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.636443 , 100.594728
แผนที่จากทางโครงการ ที่ตั้งของโครงการ Pause สุขุมวิท 115 ตั้งอยู่ในซอย สุขุมวิท 115 ห่างจากหน้าปากซอยเข้าไปประมาณ 270 เมตร โครงการอยู่หน้าซอยอภิชาติ 3 ซอยเดียวกับคอนโด B Loft โดยในอนาคตหน้าปากซอยสุขุมวิท 115 จะมีสถานีปู่เจ้าสมิงพราย (ส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งตั้งชื่อตามถนนปู่เจ้าสมิงพรายบริเวณใกล้ๆสถานีตั้งอยู่ ภายในซอยสามารถใช้ซอยอภิชาติ 9 ลัดไปยังถนนเทพารักษ์เพื่อเชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์ได้ สถานที่สำคัญโดยรอบส่วนใหญ่จะเป็น โรงเรียนนานาชาติ ตลาด และ Hypermarket ส่วนศูนย์การค้าที่ใกล้ที่สุดคืออิมพีเรียล สำโรง (ห่างจากโครงการประมาณ 2.4 กิโลเมตร) และ เซ็นทรัล บางนา (ห่างจากโครงการประมาณ 13 กิโลเมตร) ใกล้แหล่งโรงงานอุตสาหกรรมปู่เจ้าสมิงพราย และ ตลาดสดปากน้ำ
ปัจจุบันสภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการถือว่ายังมีไม่มากเท่าเส้นสุขุมวิทในตัวเมืองเช่น อ่อนนุช หรือ เอกมัย ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่สำคัญส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มอยู่บนถนนสุขุมวิท คนที่อยู่อาศัยในในย่านนี้หลักๆแล้วจะพึ่งพา ตลาด ร้านสะดวกซื้อ หรือ Hyper Market กันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการคงมีการลงทุนโครงการใหม่ๆรวมถึงสาธารณูปโภคต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามบริเวณพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายแบริ่ง – สมุทรปราการนี้ ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมในการพัฒนาโครงการ เนื่องจากต้นทุนที่ดินยังไม่สูงมากนัก เป็นชุมชนและแหล่งงาน สามารถใช้เป็นทางผ่านไปยังสมุทรปราการหรือเข้าเมืองได้ง่าย ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นคนต่างจังหวัดที่ต้องทำงานในเมืองหรือคนที่ต้องการอยู่ใกล้เมืองแต่งบประมาณในการซื้อจำกัด ซึ่งโครงการ Pause สุขุมวิท 115 ก็เป็น 1 ใน 3 โครงการคอนโด Low Rise ภายใต้แบรนด์ PAUSE จากกลุ่ม Origin ที่สนใจเข้ามาพัฒนาโครงการในย่านนี้ (สามารถหาอ่านรีวิวทำเลของทั้ง 3 โครงการได้ที่นี่ คลิก )
ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 115 เข้าซอยมาประมาณ 270 เมตร อยู่หน้าซอย อภิชาติ3 โดยซอยสุขุมวิท 115 นั้นบริเวณหน้าซอยจนถึงกลางซอยจะค่อนข้างเงียบ เพื่อนบ้านบริเวณรอบๆจะเป็นโรงงาน ร้านซ่อมเครื่องยนต์ และ บ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น ความอุดมสมบูรณ์ของซอยนี้จะอยู่บริเวณท้ายซอยโดยจะมีศูนย์รวมร้านสะดวกทั้ง 7-11 , Tesco Lotus Express , Family mart และตลาด ตั้งอยู่ครบด้านหน้าโครงการหมู่บ้านรินทร์ทอง ซอยนี้จะเป็นซอยที่ไม่ลึกมีระยะทางจากต้นซอยถึงท้ายซอยประมาณ 600 เมตรเท่านั้น สุดซอยจะเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านรินทร์ทอง โดยสามารถใช้ซอยอภิชาติ9 บริเวณหน้าหมู่บ้าน ลัดไปออกถนนเทพารักษ์ได้ สำหรับสำนักงานขายของโครงการไม่ได้อยู่บริเวณที่ตั้งโครงการแต่จะอยู่ติดถนนสุขุมวิทก่อนถึงซอยสุขุมวิท 115 ประมาณ 600 เมตร
การเข้าถึงโครงการ สามารถเข้าถึงได้โดยใช้ถนนสุขุมวิทเข้าทางปากซอยสุขุมวิท 115 หรือใช้ถนนเทพารักษ์เข้าทางซอย เทพารักษ์ซอย 8 หรือ 12 ก็ได้ การเดินทางในตอนนี้ถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกกว่า ส่วนใครที่ไม่มีรถสามารถใช้รถไฟฟ้าโดยสถานีที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้คือ สถานีแบริ่งซึ่งตัวสถานีจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วต่อมอเตอร์ไซค์หรือรถสองแถวเข้าโครงการ ซึ่งในอนาคต(อันใกล้)จะมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสถานีปู่เจ้าสมิงพรายมาตั้งอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 115 เลย โดยสถานะในตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เสาตอม่อ ฐานราก โครงสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2558 และปี 2559 จะเริ่มตกแต่งภายในสถานี โครงการจะเสร็จและเปิดให้ใช้บริการกันประมาณปี 2561
ที่ตั้งโครงการนั้นสามารถใช้มุ่งหน้าเข้าเมืองและไปทางสมุทรปราการโดยใช้ถนนสุขุมวิท หรือใช้เส้นเทพารักษ์ออกไปยังถนนศรีนครินทร์เพื่อไปสนามบินสุวรรณภูมิได้
หน้าตาสถานีปู่เจ้าสมิงพราย ถ้าเสร็จแล้วหน้าตาจะเป็นแบบนี้ค่ะ (เครดิต http://www.mrta-greenline.net )
สถานีปู่เจ้าสมิงพราย จะอยู่บริเวณหน้าซอยสุขุมวิท 115 อยู่ห่างจากตัวโครงการ 300 เมตรในระยะที่พอเดินไหว
ซึ่งตอนนี้ต้องใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่สถานีแบริ่งในระยะ 3 กิโลเมตรกันไปก่อน
สำหรับทางด่วนที่ใกล้ๆโครงการมีอยู่ 3 จุดให้เลือกใช้ตามความสะดวก คือทางด่วนบางนาอยู่บริเวณ ไบเทค บางนาห่างจากโครงการประมาณ 4.6 กิโลเมตร และ ทางด่วนในซอยสุขุมวิท 62 (ทางด่วนเฉลิมมหานคร) ห่างจากโครงการประมาณ 8 กิโลเมตร และทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก เชื่อมต่อ บางพลี – สุขสวัสดิ์ อยู่บริเวณใกล้ๆพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณห่างจากโครงการประมาณ 2.4 กิโลเมตร
การเดินทางในวันนี้ เราจะเริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง สถานีที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้ การจราจรช่วงเวลาเช้าและเย็นค่อนข้างจะติดขัด
ถ้าเดินทางโดยรถไฟฟ้าสามารถเรียกรถมอเตอร์ไซค์หรือรถสองแถวต่อได้ มีวิ่งให้บริการตลอดทั้งวัน
ตรงมาเรื่อยๆมุ่งหน้าสมุทรปราการ จะผ่าน อิมพีเรียล สำโรง ห้างสรรพสินค้าคู่ใจของคนย่านนี้ ถึงแม้ว่าจะอยู่มานานแต่ข้างในมีของขายมากมาย สังเกตตรงกลางถนนกำลังก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายอยู่
บริเวณฝั่งตรงข้าม อิมพีเรียล จะเป็นตลาดสำโรง มีของขายตลอดทั้งแนว
ขับผ่านอิมพีเรียลข้ามสะพาน บริเวณใต้สะพานจะมีตลาดสดอยู่อีกจุดหนึ่งชื่อ ตลาดเอี่ยมเจริญ มีของขายทั้ง ผักสด อาหารสด อาหารทะเล ให้เลือกซื้อกัน สามารถวนรถมาแวะซื้อของก่อนกลับบ้านได้ ที่เห็นตรงสุดทางเป็นที่กลับรถใต้สะพาน
ขับตรงมาเรื่อยๆ มุ่งหน้าสมุทรปราการ
ผ่านมาซักระยะ สังเกตทางด้านซ้ายจะเจอสำนักงานขาย เป็นตึกสีขาวๆอยู่ก่อนถึงโครงการประมาณ 600 เมตร จอดรถได้บริเวณด้านข้างโครงการ
ถัดจากสำนักงานขายไปจะเจอบิ๊กซี ให้เตรียมตัวชิดซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 115
ถึงแล้วค่ะ ซอยสุขุมวิท 115 หรือที่ชาวบ้านละแวกนี้เรียกกันว่า ซอย อภิชาติ โครงการต้องเข้าซอยไปประมาณ 270 เมตร ถ้าใครไม่อยากเดินไกลสามารถเรียกวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปได้ บริเวณหน้าปากซอยนี้จะเป็นที่ตั้งของสถานีปู่เจ้าสมิงพราย
เข้าซอยมาช่วงต้นซอยในระยะ 200 เมตร สภาพแวดล้อมจะเป็นโรงงานทั้งสองฝั่ง มีเสียงดังในบางจังหวะแต่ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมรบกวน ฝั่งซ้ายเป็นโรงงานชัยนิยม ผลิตถังอบพลังงานไอน้ำ ฝั่งขวาเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ ถนนซอยกว้างประมาณ 6 เมตร มีทางเท้าให้เดินสบายๆทั้ง 2 ฝั่ง
เข้ามา 270 เมตรทางด้านซ้าย ติดกับซอยอภิชาติ 3 จะเจอที่ตั้งของโครงการ ตอนนี้ที่ดินมีการล้อมรั้วไว้แล้วแต่ยังไม่ได้เคลียร์พื้นที่ด้านใน
ที่ตั้งโครงการ ด้านหน้าติดถนนซอย สุขุมวิท 115 ด้านข้างติดซอยอภิชาติ 3
พื้นที่โครงการ ยังไม่ได้มีการเคลียร์พื้นที่ ถอนหญ้า ถมดิน สำหรับเตรียมก่อสร้าง โดยจากการสอบถามทางโครงการแจ้งว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณไตรมาส 3 ปี 2558 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขอ EIA
เข้ามาในซอย อภิชาติ 3 ซึ่งเป็นซอยตันมีระยะทางจากต้นซอยถึงท้ายซอยประมาณ 300 เมตร ทางด้านซ้ายติดหลังโครงการเป็น อู่ซ่อมรถ S&T Body Service ทางด้านขวาเป็นที่ดินเปล่าขนาดเท่าๆโครงการซึ่งไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีโครงการเพื่อนบ้านเกิดขึ้นหรือไม่ ด้านหลังเป็นโครงการ B Loft -ของ Origin เช่นกันที่ทาง Think of living เคยเข้ามารีวิวให้ชมกันไปแล้ว
เข้ามาดูในซอยกันต่อค่ะ ถัดจากตัวโครงการไปจนถึงเกือบสุดซอยสภาพแวดล้อมจะเป็นบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้นและร้านค้าตึกแถวเป็นส่วนใหญ่ ของกินค่อนข้างจะหายากหน่อย
ตรงเข้ามาอีกซักพักจะเจออพาร์ทเมนท์ สีขาวส้ม ทางด้านขวาจะเริ่มมีร้านก๋วยเตี๊ยวและอาหารตามสั่ง
บริเวณท้ายซอย จากโครงการเข้ามาประมาณ 300 เมตร จะมีร้านสะดวกซื้อและตลาดเล็กๆ เริ่มด้วย Family mart
ถัดมาบริเวณหน้าซอยอภิชาติ 9 จะมี 7-11 ซึ่งซอยอภิชาติ 9 สามารถลัดออกถนนเทพารักษ์ ได้
ฝั่งตรงข้าม 7-11 มีตลาดเล็กๆ แต่ไม่ได้เปิดทั้งวันนะคะ
ถัดมาฝั่งเดียวกับ 7-11 จะเป็น Tesco Lotus Express ด้านข้าง Lotus มีร้านข้าวมันไก่หนึ่งร้านตรงเต๊นท์สีเขียวๆ
สุดซอยจะเป็นหมู่บ้าน รินทร์ทอง ข้างในหมู่บ้านมีร้านอาหารเล็กๆประปราย เช่นร้านส้มตำ ร้านขายข้าวสวย
ย้อนมาดูทางลัดไปถนนเทพารักษ์กันหน่อยค่ะ ถ้าขับตรงเข้ามาในซอยอภิชาติ 9 เรื่อยๆจะมาสุดตรงสามแยกนี้ สามารถออกถนนเทพารักษ์ได้ทั้ง 2 ทางนะคะ เลี้ยวซ้ายออกซอย เทพารักษ์ 8 เลี้ยวขวาออกซอย เทพารักษ์ 12
เราเลี้ยวมาทางซ้ายจะเจอ Family mart อีกจุดหนึ่งค่อนข้างใหญ่อยู่เหมือนกัน เอารถมาจอดด้านหน้าได้ จากนั้นเลี้ยวขวาก็จะออกซอย เทพารักษ์ 8 ค่ะ
ออกมาซอยเทพารักษ์ 8 ซึ่งด้านหน้าก็จะเป็นถนนเทพารักษ์แล้วค่ะ ถนนนี้ความอุดมสมบูรณ์จะค่อนข้างมากกว่าบริเวณหน้าซอยสุขุมวิท 115 หน่อย สามารถใช้เชื่อมไปยังถนนศรีนครินทร์ได้
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ทางด้านทิศเหนือจะติดกับ อู่ซ่อมรถเป็นตึกแถวสูงประมาณ 3 ชั้น จะบังวิวบริเวณนี้ ทางด้านทิศตะวันออก จะติดกับซอยอภิชาติ 3 และที่ดินเปล่า ทิศใต้ ติดกับถนนซอยสุขุมวิท 115 และบ้านพักอาศัย ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมาบังวิวแน่ๆ ทางฝั่งทิศตะวันตกติดกับร้านซ่อมมอเตอรฺไซค์เป็นตึกแถว 3 ชั้น
ทางด้านทิศเหนือ ติดกับร้านซ่อมรถซึ่งจะบังวิวทางฝั่งนี้ประมาณ 3 ชั้น
ทางด้านทิศตะวันออก ติดกับถนนซอยอภิชาติ 3 ด้านซ้ายเป็นที่ดินเปล่าถัดไปเป็นโครงการ B Loft
ทางด้านทิศใต้หรือหน้าโครงการ ติดกับถนนซอยสุขุมวิท 115 และบ้านพักอาศัย
ทางด้านทิศตะวักตก ติดกับร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์และตึกแถว 2-3 ชั้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C Jumbo สำโรง 500 เมตร
- สถานีตำรวจภูธร 1.3 กิโลเมตร
- ตลาดสำโรง 1.8 กิโลเมตร
- อิมพีเรียล สำโรง 2.4 กิโลเมตร
- พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ 2.4 กิโลเมตร
- ตลาดเอี่ยมเจริญ 2.5 กิโลเมตร
- St. Andrew International 3.2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลมนารมย์ 3.6 กิโลเมตร
- บางกอกพัฒนา 6.5 กิโลเมตร
- โรงเรียนลาซาล 7 กิโลเมตร
- ไบเทคบางนา 8 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลบางนา 23 กิโลเมตร
โครงการ Pause สุขุมวิท 115 เป็นอาคาร Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคารหันหน้าเข้าหากัน ตกแต่งภายนอกอาคารด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ดูทันสมัย โทนสีอาคารตกแต่งด้วยโทนสีเทา ทางเข้าโครงการมีทางเดียวคือฝั่งที่ติดถนนซอยสุขุมวิท 115 ด้านข้างเป็นซอยอภิชาติ 3 ที่เห็นในภาพบริเวณหน้าซอยจะมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายแบริ่ง – สมุทรปราการที่กำลังก่อสร้างอยู่ตอนนี้พาดผ่าน ด้านซ้ายของอาคารในภาพที่เห็นเป็นต้นไม้ จริงๆแล้วจะเป็นแนวตึกแถวสูงประมาณ 2-3 ชั้นค่ะ ใต้อาคารเป็นที่จอดรถและล็อบบี้ มีถนน 6 เมตรรอบอาคาร ห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2-8 โดยชั้น 8 จะเป็น ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ
ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 อาคารหันหน้าเข้าหากัน อาคารที่อยู่ทางฝั่งซ้ายเรียกว่าอาคาร A ส่วนอาคารที่อยู่ฝั่งขวาเรียก อาคาร B วางตัวในแนวตะวันออก – ตะวันตกทำให้บริเวณห้องพักฝั่งที่อยู่ทางทิศตะวันตกจะค่อนข้างร้อน ส่วนฝั่งที่หันหน้าชนกัน จะเห็นวิวเป็นห้องของเพื่อนบ้าน โดยอาคารทั้ง 2 อาคารห่างกันประมาณ 10 เมตร
ชั้นล่างจัดเป็นที่จอดรถ ไม่ Fix คัน จอดได้ 93 คันหรือคิดเป็น 30% ไม่รวมจอดซ้อนคันและถ้ารวมซ้อนคันได้ 35% ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยไปหน่อยสำหรับคอนโดระดับนี้ ชั้น 2 – 7 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพัก โดยห้องพักที่มีจะเป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด แบ่งออกเป็น Type Bs ห้องขนาดเล็ก 20 ตารางเมตร , Type B ขนาด 28 ตารางเมตร และ Type B plus ห้อง 35 ตารางเมตรซึ่งมี 1 ห้องนอนและห้องเอนกประสงค์อีก 1 ห้องสามารถปรับเป็นห้องนอนหรือห้องทำงานได้ การจัดวางห้องพักวางห้อง Type Bs อยู่ฝั่งด้านในที่หันหน้าชนกับอีกอาคารหนึ่ง ส่วน Type B อยู่ฝั่งที่หันหน้าออก และ Type B Plus อยู่มุมฝั่งด้านหน้าอาคาร
โถงลิฟท์ของตัวอาคารอยู่ค่อนมาทางด้านหน้าอาคาร มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร ไม่มี Service ลิฟท์ โดยมีอัตราส่วนลิฟท์ 77 : 1 ลิฟท์ไม่ล็อคชั้น มีบันไดหนีไฟ 2 จุดตรงโถงลิฟท์ 1 จุดและตรงสุดทางเดินอาคารอีก 1 จุด
ชั้น 8 ยังคงเป็นส่วนของห้องพักแต่ลดจำนวนห้องพักลงเหลือ 16 ห้องและแบ่งพื้นที่ตรงกลางอาคารทั้ง 2 อาคารเป็นส่วนของฟิตเนส และ สระว่ายน้ำ ชั้นดาดฟ้าจะเป็น Roof Top Garden โดยลูกบ้านที่จะเข้ามาใช้บริการจะต้องใช้คีย์การ์ดผ่านเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งปกติการมีชั้น Facility ร่วมกับห้องพักจะทำให้ความเป็นส่วนตัวของห้องที่อยู่ในชั้นนี้ลดลงเนื่องจากจะมีคนขึ้นมาใช้บริการพื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างบ่อย โดยโครงการนี้มีการแก้ปัญหาโดยการวางผังให้ลูกบ้านที่อยากมาใช้พื้นที่ส่วนกลางพอออกจากลิฟท์มาก็สามารถเดินเข้าไปใช้ส่วนกลางได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านพื้นที่ห้องพักและจัด Facility ของทั้ง 2 อาคารแยกกัน ของใครของมัน ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน
ภาพซูมพื้นที่ส่วนกลางของทั้งสองอาคาร แยกออกมาจากพื้นที่ห้องพักถ้าอยากใช้บริการต้องใช้คีย์การ์ดอีกชั้นหนึ่ง สระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือ กว้าง 4 ยาว 15 ลึก 1.5 เมตร และห้องฟิตเนสขนาดประมาณ 35 ตารางเมตร มีห้องน้ำและที่ล้างตัวให้ บันไดบริเวณข้างสระว่ายน้ำเป็นบันไดขึ้นไปชั้นดาดฟ้า
มาดูภาพจำลองทัศนียภาพของ Facility กันค่ะ บริเวณล็อบบี้และห้องสมุดจัดอยู่ในโซนเดียวกัน มีที่นั่งพักผ่อนและชั้นหนังสือให้ มองออกไปเป็นวิวสวนหย่อมพื้นที่ส่วนกลางโครงการ
ฟิตเนสตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น มองออกไปจะเห็นวิวเป็นขอบสระว่ายน้ำที่ยกสูงจากระดับห้องฟิตเนส เครื่องเล่นมีวางไว้ให้พอประมาณซึ่งทางโครงการยังไม่ได้สรุปจำนวนเครื่องที่จะมีให้ วัสดุพื้นเป็นกระเบื้องยางลายไม้ มีติดกระจกเงาให้ตามภาพ
สระว่ายน้ำของทั้งสองอาคาร อยู่บนระดับเดียวกับ Roof Top เป็นสระแบบ Infinity edge pool ระบบเกลือ ขนาดประมาณ 4 x 15 เมตร ลึก 1.5 เมตร เวลาขึ้นมาใช้บริการต้องขึ้นบันไดมาจากทางชั้น 8 ด้านล่างจะเป็นพื้นที่ของฟิตเนส
ถัดมาด้านบน สระว่ายน้ำสามารถเดินเชื่อมมายังพื้นที่สวนหย่อม ออกแบบโดยการเล่นระดับพื้นเป็นที่นั่งและมีการปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่น
ภาพจำลองบรรยากาศ สวนบนดาดฟ้าอีกมุมหนึ่งค่ะ
มีพื้นที่ปิ้งย่างบาร์บีคิวอยู่บริเวณ Roof Garden
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby & Library
- สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4 x 15 เมตร ลึก 1.5 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 2 ห้องขนาด 35 ตารางเมตร เครื่องออกกำลังกายประมาณยังไม่ได้ระบุจำนวน
- BBQ Zone
- Roof Top Garden
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 77.5 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 77 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 77 : 1
- Service Lift : ไม่มี
- ที่จอดรถ 93 คัน คิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 35%
- ระบบ CCTV / Access Card
เรามาดูห้องตัวอย่างกันต่อ บรรยากาศสำนักงานขายตกแต่งดูสบายตา มีห้องตัวอย่างให้ดู 2 ห้องคือ Type Bs และ Type B ค่ะ
เริ่มกันที่ห้องแรก Type Bs กันก่อน ห้องนี้เป็นห้องสตูดิโอ ขนาดประมาณ 21 ตารางเมตร วางผังเป็นห้องหน้าแคบแต่ยาว การจัดวางพื้นที่ใช้สอยแยกส่วนห้องน้ำ พื้นที่เตรียมอาหาร และห้องนั่งเล่นออกจากห้องนอนโดยกั้นด้วยประตูกระจกกรอบอะลูมิเนียม ตามแบบฉบับห้องสตูดิโอทั่วไป การจัดวางเฟอร์นิเจอร์จัดเรียงกันชิดเข้าผนังทั้งสองฝั่ง โดยมีทางเดินตรงกลางกว้างประมาณ 1.00 เมตร Type นี้จะได้พื้นที่ระเบียงค่อนข้างจะยาวหน่อย
รายการเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการแถมให้เป็นแบบ Fully-furnished คือแถมเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นในห้องตัวอย่างทั้งหมด สามารถลากกระป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย ส่วนเครื่องดูดควัน และ เตาไฟฟ้า แถมให้เป็นโปรโมชั่นค่ะ
ประตูห้องให้เป็นประตู HDF กรุผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ขนาด กว้าง 0.90 เมตร สูง 2.00 เมตร ไม่รวมวงกบ ของจริงที่ให้ไม่มีขอบไม้ที่ตกแต่งรอบๆและตู้ไอศครีม Maxnum นะคะ
มือจับเป็น Digital door lock ยี่ห้อ Samsung แบบใช้การ์ดทาบ ด้านขวาคือรูปร่างหน้าตา สวิตช์ ยี่ห้อ Siemens
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับชุดโต๊ะทำงาน Built-in ก่อนซึ่งเวลาจะใช้งานหากมีคนเข้าออกทางประตูจะไม่ค่อยสะดวกนัก ถัดไปเป็นส่วนครัวและห้องน้ำ
ถ่ายจากบริเวณครัว มองย้อนกลับไปที่ประตู ระยะทางเดินบริเวณนี้ประมาณ 1 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม.
สวิทซ์ที่ให้เป็นของ Siemens ด้านบนสวิทซ์เป็น Sound System ยี่ห้อ Razr
รูปแบบชุดครัวที่แถมให้ ขนาดประมาณ 1.80 x 0.60 เมตร วัสดุเป็นโครงไม้ปาติเกิ้ลกรุเมลามีนสีขาวโดยรอบ ไม่ได้แถมผนังกันเปื้อนมาให้ด้านล่างมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ
Top เป็นโครงไม้กรุเมลามีนกันน้ำลายไม้สีอ่อน
Sink อ่างล้างจานและก็อกเป็นของ Teka
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว ยี่ห้อ Teka เป็นรายการโปรโมชั่น
เครื่องดูดควันยี่ห้อ Teka เป็นระบบหมุนเวียนอากาศ จัดเป็นรายการโปรโมชั่น
ในลิ้นชักมีถาดเก็บของมาให้
มาดูต่อกันที่ห้องน้ำ ประตูห้องน้ำเป็นประตูบานเลื่อนกระจกฝ้า กรอบประตูอะลูมิเนียมสีดำ บานประตูกว้างบานละ 0.75 เมตร สูง 2.40 เมตร การออกแบบเป็นประตูบานเลื่อนทำให้บริเวณนี้ประหยัดพื้นที่ไปได้มาก
ระหว่างห้องครัวและห้องน้ำ มี Curb ยกสูงขึ้นมา 10 เซนติเมตร ฝังรางเลื่อนอะลูมิเนียมสีดำ
ภายในห้องน้ำแบ่งออกเป็นส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ผนังกรุกระเบื้องเซรามิคสีขาว ขนาด 20 x 40 เซนติเมตร พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคสีเทาผิวด้าน ขนาด 40 x 40 เซนติเมตร สุขภัณฑ์เป็นของ American Standard ด้านหลังให้กระจกเงาบานใหญ่ตามภาพ
อ่างล้างหน้าที่โชว์ในห้องนี้จะไม่ใช่ที่โครงการแถมให้นะคะ อ่างที่ให้จะเป็นอ่างในห้อง Type B
ก๊อกเป็นของ American Standard
โถสุขภัณฑ์ ของ American Standard
แยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งด้วยฉากกั้นอาบน้ำบานกระจกอะลูมิเนียม 3 ตอนสีขาวของ Shower King ขอบอะลูมิเนียมยกสูงจากพื้นขึ้นมา 5 เซนติเมตร พอกันน้ำได้ พื้นส่วนอาบน้ำไม่มีการลดระดับนะ เป็นฉากกั้นมาเลย มีขนาดประมาณ 1.00 x 0.82 เมตร ปูกระเบื้องเซรามิคสีเทา ขนาด 40 x 40 เซนติเมตรเหมือนกับส่วนแห้ง
ฉากกั้นอาบน้ำของ Shower King
ฝักบัวของ American Standard
หน้าตาฝักบัว ด้านข้างเนื่องจากมีช่อง Shaft ทางโครงการจึงทำช่องใส่ของให้ด้วยโดยสามารถจะเอากระจกหรือชั้นมาวางเป็นชั้นวางของเพิ่มได้
ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่น และห้องนอน กั้นระหว่างห้องด้วยบานเลื่อนกระจกอะลูมิเนียม 3 ตอน บานกระจกมีขนาดกว้างบานละ 0.87 เมตร สูง 2.40 เมตร เมื่อเปิดเต็มบานแล้วจะทำให้ห้องดูโล่งขึ้นและมีแสงเข้ามาในห้องเวลากลางวัน ทำให้ห้องไม่อับ แต่ถ้าอยากเป็นส่วนตัวก็สามารถปิดประตูหรือตกแต่งเพิ่มด้วยม่านได้ ระยะดูทีวีห่างกำลังพอดี
บริเวณด้านข้างเคาน์เตอร์ครัว สามารถดึงบานตู้ลงมาเพื่อจัดเป็นพื้นที่สำหรับวางจานอาหาร นั่งทานข้าวได้
ชั้นวางของเปิดโดยยกขึ้นมา ตัวอุปกรณ์สามารถล็อกได้
ฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว Drop ฝ้าตามห้องตัวอย่าง มีลำโพงติดตั้งให้
พื้นที่ห้องรับแขกวาง โซฟา 2 ที่นั่งได้ 1 ตัวพอดี
หน้าตามือจับประตูและตัวล็อค
ระหว่างห้องรับแขกและห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนโดยฝังรางเลื่อนประตูลงบนพื้น ฐานเตียงที่ทางโครงการแถมให้มีช่องเก็บของด้านข้างแต่ระยะระหว่างข้างเตียงกับบานประตูค่อนข้างน้อย อาจทำให้เก็บของได้ไม่สะดวกนัก
มุมมองจากมุมห้องนอนไปทางประตู ถ้าเปิดบานเลื่อนแล้วห้องจะโล่งขึ้น เตียงที่แถมให้เป็นเตียง 5 ฟุต แถมให้เฉพาะฐานเตียง ฟูกต้องหาซื้อเองค่ะ
ชั้นเก็บของปลายเตียง ชิ้นนี้โครงการก็มีให้เอาไว้เก็บของใช้ส่วนตัวได้เล็กน้อยตามภาพ
ปลายเตียงมีเต้าเสียบปลั๊ก และ ปลั๊กทีวีให้
อีกฝั่งนึงของเตียงวางตู้เสื้อผ้าขนาด กว้าง 0.95 เมตร สูงจนสุดเพดาน วัสดุเป็นโครงไม้ปาติเกิ้ลกรุเมลามีนสีขาว เหมาะสำหรับใช้งานคนเดียว ด้านในแบ่งเป็นช่องเก็บของและแขวนผ้า ตามรูป
พื้นที่บริเวณด้านข้างเตียงทั้ง 2 ข้างถูกขนาบข้างไปด้วย ตู้เสื้อผ้าและบานกระจกอะลูมิเนียม ทำให้ไม่มีระยะระหว่างข้างเตียงเหลือ
ส่วนปลายเตียงมีระยะระหว่างเตียงกับผนังประมาณ 75 เซนติเมตร
ห้องนี้แถมแอร์ให้ 1 ตัวเป็นของ Daikin ขนาด 9000 BTU
ระหว่างพื้นห้องนอนกับระเบียงกั้นด้วยบานกระจกกรอบอะลูมิเนียมเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีการยกระดับหรือลด Step ซึ่งเมื่อฝนตกหรือมีการซักล้างบริเวณระเบียงอาจจะทำให้น้ำไหลเข้าห้องนอนได้นะคะ
แต่ออกมาที่ระเบียงบริเวณราวกันตก มี Curb ยกสูงขึ้นมา 10 เซนติเมตร
พื้นที่ระเบียงกว้าง 0.70 เมตร ยาว 2.50 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าขนาด 7 kg. ได้ วัสดุพื้นปูระเบียงเป็นกระเบื้อง เซรามิค 40 x 40 เซนติเมตร ราวกันตกทำจากเหล็กทำสีดำ สูง 1.10 เมตร ผนังบริเวณระเบียงเป็นผนังทาสีขาว มีปลั๊กให้ 1 ตัวไม่มีหน้ากากกันน้ำให้
ตำแหน่งด้านบนเครื่องซักผ้า จริงๆจะต้องเป็นที่วาง Condernsing Unit แอร์โดยวางแบบแขวน เป่าลมออก แต่ในห้องตัวอย่างไม่ได้ติดโชว์ให้ดูค่ะ
ต่อไปเป็นห้อง Type B ขนาด 28 ตารางเมตร พื้นที่ห้องใหญ่ขึ้นมาหน่อยทำให้การจัดพื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น การจัดพื้นที่ใช้สอยแบ่งพื้นที่ออกเป็นห้องรับแขก ห้องนอนและห้องครัวแยกกันชัดเจน ห้องรับแขกจะได้พื้นที่โต๊ะกินข้าวเพิ่มมา ส่วนห้องครัวจะได้เป็นครัวปิด แต่ระเบียงจะเล็กกว่าห้อง Type Bs
เข้ามาจะเป็นห้องรับแขกก่อนค่ะ จัดวางโซฟา 2 ที่นั่งได้ 1 ตัว สามารถนั่งดูทีวีได้สบายๆ และชุดโต๊ะทานข้าว 2 ที่นั่งเล็กๆได้ 1 ชุดแอร์ห้องนี้จะแถมให้ 2 ตัวบริเวณห้องรับแขก 1 ตัวและห้องนอนอีก 1 ตัว
ถัดจากห้องรับแขกไปจะเป็นห้องครัวและห้องนอน ประตูห้องทั้งหมดเป็นบานเลื่อนกระจก กรอบอะลูมิเนียมสีดำ ซึ่งช่วยทำให้ห้องดูโปร่งและโล่งขึ้น
วางชุดโต๊ะทานข้าวได้ 1 ชุด แต่เก้าอี้อาจจะขวางทางเข้าออกห้องครัวเล็กน้อย ระยะตอนดึงเก้าอี้ออกมาแล้วเป็นดังภาพ
หน้าห้องนอนจัดเป็นมุมนั่งทำงานเล็ก ๆ เป็นสัดส่วนกว่าห้องแรก มุมนี้ถ้าใครอยากจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใส่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ไปแทนก็ได้ค่ะ
บรรยากาศภายในห้องน้ำ คล้ายๆห้องสตูดิโอแต่ขนาดกว้างกว่า ผนังกรุกระเบื้องเซรามิคสีขาว ขนาด 20 x 40 เซนติเมตร พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคสีเทาผิวด้าน ขนาด 40 x 40 เซนติเมตร สุขภัณฑ์เป็นของ American Standard ด้านบนโถส้วมมีพัดลมดูดอากาศ ผนังด้านหลังติดกระจกเงาบานใหญ่
รูปแบบอ่างล้างหน้าและก็อกที่โครงการแถมให้ของ American Standard
โถสุขภัณฑ์ของ American Standard
ระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้งกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำบานกระจกอะลูมิเนียม 3 ตอนสีขาวของ Shower King ขอบอะลูมิเนียมยกสูงจากพื้นขึ้นมา 5 เซนติเมตร พื้นส่วนอาบน้ำไม่มีการลดระดับมีขนาดประมาณ 1.20 x 1.80 เมตร ปูกระเบื้องเซรามิคขนาด 40 x 40 เซนติเมตร
ส่วนอาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.20 x 1.80 เมตร ปูกระเบื้องเซรามิคขนาด 40 x 40 เซนติเมตรเช่นเดียวกับส่วนแห้ง
หน้าตาฝักบัวที่แถมให้ค่ะ
ห้องครัวกั้นเป็นครัวปิด ซึ่งเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะไม่ลอยเข้าไปในห้องอื่น ชุดครัวที่ให้ขนาดพอๆกับห้องสตูดิโอ วัสดุเป็นโครงไม้ปาติเกิ้ลกรุเมลามีนสีขาวโดยรอบ ไม่มีแถมผนังกั้นเปื้อนมาให้ ระยะระหว่างชุดครัวกับผนังห่างกัน 1.00 เมตร
ชุดครัวด้านล่าง ตรงกลางมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า และมีช่องสำหรับใส่ไมโครเวฟ
ชั้นด้านบน เปิดออกมาใส่ของได้
เครื่องดูดควันเป็นของ Teka รูปร่างหน้าตาเหมือนห้องสตูดิโอ เป็นรายการโปรโมชั้น
เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka เป็นรายการโปรโมชั่นเช่นกันค่ะ
ถัดจากห้องครัวเป็นพื้นที่ระเบียง ขนาด 0.80 x 1.40 เมตร วัสดุเป็นกระเบื้องเซรามิคสีเทาขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ระหว่างพื้นห้องครัวกับระเบียงเป็นีะดับเดียวกันเช่นเดียวกับห้องสตูดิโอ ซึ่งจะมีปัญหาน้ำซึมเข้าห้องได้ในกรณีฝนตกหนัก
ระเบียงเป็นเหล็กสีดำ สูง 1.10 เมตรด้านล่างมี Curb สีขาวยกสูงประมาณ 10 เซนติเมตร
ถัดมาเป็นห้องนอนกั้นด้วยบานประตูกระจกใสเขียว กรอบบานอะลูมิเนียมสีดำ สามารถหาม่านมาปิดได้นะคะถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัว
หน้าตามือจับประตู
ระหว่างพื้นห้องนอนและห้องรับแขกฝังรางประตูเลื่อน
ระยะระหว่าง ข้างเตียงทั้งสองด้านถูกขนาบไปด้วยตู้เสื้อผ้าและผนังเช่นเดียวกับห้องสตูดิโอ
ส่วนปลายเตียงมีระยะประมาณ 70 เซนติเมตรค่ะ
มุมมองจากอีกฝั่ง ไปยังประตูทางเข้าห้องนอน จะอยู่หน้าห้องน้ำพอดีแนะนำให้หาม่านมาบังสายตาเพื่อความเป็นส่วนตัว
ตู้เสื้อผ้าขนาดกว้าง 1.20 เมตร วัสดุเหมือนห้องสตูดิโอค่ะ
ด้านในตู้เสื้อผ้ามีชั้นเก็บของมาให้ตามภาพ และ มือจับเป็นสแตนเลสฝังลงไปในบานตู้
บานกระจกในห้องนอน ยกสูจากพื้นมา 45 เซนติเมตร บานสูง 1.60 เมตร
บานหน้าต่างเป็นบานกระทุ้ง
รูปแบบตัวล็อคหน้าต่าง เป็นตามภาพค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 21 May 2015
- 1 Bedroom Type Bs อาคาร A ชั้น 2 ห้อง A223 เนื้อที่ 20.80 ตร.ม. ราคา 1.49 ล้านบาท หรือ 71,634 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Type B อาคาร A ชั้น 4 ห้อง A412 เนื้อที่ 28.90 ตร.ม.ราคา 2.09 ล้านบาท หรือ 72,318 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Type B อาคาร B ชั้น 7 ห้อง B805 เนื้อที่ 28.50 ตร.ม. ราคา 2.15 ล้านบาท หรือ 75,438 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Type Bp อาคาร A ชั้น 2 ห้อง A202 เนื้อที่ 35.60 ตร.ม. ราคา 2.29 ล้านบาท หรือ 64,325 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Type Bp อาคาร B ชั้น 8 ห้อง A802 เนื้อที่ 35.60 ตร.ม. ราคา 2.49 ล้านบาท หรือ 70,197 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.55 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood (Promotion)
- จอง 9,000 บาท
- ทำสัญญา 40,000 บาท
- ดาวน์ 12% ผ่อนดาวน์ 18 งวด
- ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ Pause สุขุมวิท 115 ตั้งอยู่ค่อนมาทางชานเมือง แต่สามารถเดินทางไปจังหวัดสมุทรปราการหรือเข้าเมืองได้ง่าย เนื่องจากใกล้ทางด่วน อนาคตหน้าซอยจะมีสถานีปู่เจ้าสมิงพราย รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แบริ่ง – สมุทรปราการ อยู่บริเวณหน้าปากซอย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 2-3 ปี ซึ่งถ้าเสร็จจะทำให้ความเจริญและความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้มีมากขึ้นไปอีก ปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ยังคงมีไม่เท่าเส้นสุขุมวิทในเมืองอย่าง อ่อนนุช และเอกมัย อาหารการกินบริเวณในซอยค่อนข้างจะหายากส่วนมากที่พึ่งพิงได้จะเป็นตลาดสดและร้านสะดวกซื้อ แต่ถ้าออกมาบนเส้นสุขุมวิทก็จะมีร้านอาหารและตลาดอยู่ค่อนข้างเยอะ สถานที่สำคัญโดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนนานาชาติเป็นส่วนใหญ่ ส่วนห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงคือ เซ็นทรัลบางนา และ อิมพีเรียล สำโรง
การเดินทางโดยใช้รถ ถ้ามีความจำเป็นต้องเดินทางไปทางจังหวัดสมุทรปราการหรือเข้าเมืองบริเวณใกล้เคียง การเดินทางถือว่าค่อนข้างสะดวก เนื่องจากใกล้ทางด่วนถึง 3 จุด คือทางด่วนบานา , ทางด่วนสุขุมวิท 62 และทางด่วนกาญจนาภิเษก การจราจรค่อนข้างจะติดขัดตลอดทั้งวันโดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็นโดยเฉพาะบริเวณสถานีแบริ่งเป็นต้นไป ภายในซอยที่สุขุมวิท 115 สามารถลัดไปออกถนนเทพารักษ์เชื่อมไปยังถนนศรีนครินทร์ได้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถในตอนนี้ถือว่าค่อนข้างลำบากอยู่ เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายยังสร้างไม่เสร็จ หากมีความจำเป็นจะต้องขึ้นรถไฟฟ้าจะต้องมาขึ้นสถานีแบริ่งซึ่งห่างจากโครงการอยู่พอสมควร ส่วนการเดินทางไปยังที่ต่างๆนอกเหนือแนวรถไฟฟ้าจะต้องพึ่งบริการมอเตอร์ไซค์ รถสองแถวหรือ เท็กซี่จากหน้าโครงการ ซึ่งเดินออกมาหน้าซอยก็สามารถเรียกได้เลย การเดินทางกลับบ้านในเวลากลางคืน อาจจะเปลี่ยวซักหน่อยแต่ระยะทางระหว่างหน้าปากซอยกับตัวโครงการห่างกันไม่มากนัก ประมาณ 270 เมตรและทางเดินในซอยมีทางเท้าให้ ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จจะการเดินทางจะสะดวกขึ้นสามารถเข้าเมืองได้ภายใน 15-30 นาที
วัสดุที่ทางโครงการให้ อยู่ในระดับพอใช้ค่อนข้างไปทางดี ตามมาตรฐานโครงการในระดับเดียวกัน ดีตรงที่แถมเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้งานได้เอนกประสงค์ โทนสีเข้าชุดกัน และมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน แถมให้เป็นโปรโมชั่นในกรณีที่ลูกค้าต้องการเพิ่มเติม แต่โดยรวมแล้วเรียกได้ว่าสามารถหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย
การออกแบบค่อนข้างดีในส่วนการจัดพื้นที่ส่วนกลางให้แยกออกมาจากส่วนพื้นที่ห้องพัก ออกแบบภายในได้สวยงาม และการจัดห้องแบบ Type B Plus ซึ่งจัดห้องเอนกประสงค์ให้สามารถปรับฟังก์ชั่นเป็นห้องนอนหรือห้องทำงานก็ได้ ส่วนการจัดวางผังห้องสตูดิโอเนื่องจากเป็นห้องหน้าแคบอาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดไปหน่อย เหมาะกับคนที่อยู่คนเดียว การออกแบบตัวอาคารดูเรียบง่ายแต่ทันสมัย การวางผังอาคาร 2 อาคารหันหน้าชนกัน ห้องที่หันหน้าชนกับเพื่อนบ้านอาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปซักหน่อยเนื่องจากระยะระหว่างอาคารห่างกันแค่ประมาณ 10 เมตรแต่ก็จะได้ร่มเงาของอาคารฝั่งตรงข้ามบังแดดได้บ้าง
สาธารณูปโภค โดยรวมให้ตามมาตรฐานโครงการทั่วๆไป ค่อนข้างดีที่จัดให้สระว่ายน้ำและฟิสเนต 2 อาคารแยกกัน ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน และค่อนข้างเป็นส่วนตัว ซึ่งโครงการทั่วไปมักจะจัดให้พื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณสวนตรงกลางแล้วทั้งสองอาคารใช้ร่วมกัน
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 65,000 บาทต่อตารางเมตร, 21 May 2015
- ทำเล 7.0/10 – อยู่ในย่านชานเมือง ความอุดมสมบูรณ์ยังไม่มากเท่าเส้นสุขุมวิทในเมือง แต่สามารถเดินทางเข้าเมืองและไปทางสมุทรปราการได้สะดวก
- (ทำเล 7.5 – กรณีรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการ หน้าปากซอยมีสถานีปู่เจ้าสมิงพราย ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบจะมากขึ้น )
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ค่อนข้างสะดวกเพราะใกล้เมืองและทางด่วน มีซอยลัดออกถนนเทพารักษ์ได้
- ไม่ใช้รถ 7.0/10 – ค่อนข้างลำบากหน่อย ต้องพึ่งรถมอเตอร์ไซค์ และรถสองแถว
- (ไม่ใช้รถ 7.75 – กรณีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ หน้าปากซอยมีสถานีปู่เจ้าสมิงพราย เดินทางเข้าเมืองสะดวก )
- วัสดุ 7.5/10 – ให้ตามมาตรฐานโครงการระดับเดียวกัน ค่อนข้างดีตรงที่ให้เฟอร์นิเจอร์ครบชุด
- แบบ 7.25/10 – ออกแบบโดยรวมถือว่าดี มีรายละเอียดในบางจุดที่ถ้าแก้ไขจะดีขึ้นเช่นระดับพื้นห้องนอนกับระเบียง
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – ให้ค่อนข้างมากกว่ามาตรฐานคอนโดระดับเดียวกัน
- ECONOMY CLASS
- กรณีรถไฟฟ้ายังไม่เปิดให้บริการ 7.37 / 10.00
- กรณีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว 7.58 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Pause Sukumvit 115 เหมาะกับคนต่างจังหวัดที่ต้องทำงานในเมือง คนที่ต้องการอยู่ใกล้เมืองแต่งบประมาณในการซื้อจำกัด คนที่หาที่พักใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนนานาชาติหรือ ชอบที่อยู่อาศัยย่านชานเมือง มีกำลังผ่อนชำระต่อเดือน 10,000 – 16,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/