รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.216 – รีวิวคอนโด Notting Hill สุขุมวิท-แพรกษา
21 มิถุนายน 2016
รีวิวฉบับที่ 1068 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมคอนโดก่อนเปิด Presale จากค่าย Origin Property กับโครงการ Notting Hill สุขุมวิท-แพรกษา คอนโด High Rise 35 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนแพรกษา และในอนาคตมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีแพรกษามีระยะห่างประมาณ 850 ม. แบบห้องมีแบบ 1 Bedroom และแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 23-40 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 1.09 ล้านบาทค่ะ
Fact @ 5 March 2016
- Notting Hill Sukhumvit-Praksa (นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่บน : ถนนแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ
- คอนโด High Rise 35 ชั้น 1 อาคาร 980 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 9 ชั้น 1 อาคาร และอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 1 อาคาร ภายในมีร้านค้า 4 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 30 ยูนิต
- ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 35 %
- ที่ดินประมาณ 3-1-91 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ภายในปี 2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2561
- Type 1 Bedroom 23.00-23.50 ตร.ม.
- Type 1 Bedroom Plus 35.00-40.00 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น
1.09ล้านบาท - ราคาเริ่มต้นปัจจุบัน 1.29 ล้านบาท (อัพเดต 20/3/2017)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 55,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 50,000- n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆรถไฟฟ้าสถานีแพรกษา ได้ที่ : มองหาทำเลน่าอยู่ รถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยาย ตอนที่ 2 โรงเรียนนายเรือ – เคหะสมุทรปราการ
- Register official Website : คลิกที่นี่
- โทร : 020 300 000
[PR NEWS – 25/3/2017] Notting Hill สุขุมวิท-แพรกษา จาก Origin Property จัดกิจกรรม Open House กับโปรโมชั่นพิเศษ ในวันที่ 25 มีนาคม 2560 ณ สำนักงานขาย เปิดจองยูนิตพิเศษ 990,000 บาท !! สนใจติดต่อโทร. 02-030-0000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.585251, 100.613704
แผนที่จากทางโครงการที่ตั้งโครงการอยู่บนแพรกษา บริเวณที่ตั้งโครงการมีเส้นทางเชื่อมต่อกับถนนใหญ่หลายสาย ได้แก่ ถนนสุขุมวิท, ถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ เช่น โรบินสัน, Big C และยังสามารถเชื่อมไปยังถนนบางนา-ตราด ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าใหญ่อย่าง เมกะบางนา และเซ็นทรัลบางนา นอกจากนี้ยังมีระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าแพรกษา 850 ม. ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการในปี 2563 ด้วยค่ะ
ทำเลโครงการอยู่บน ถ.แพรกษา จ.สมุทรปราการ ตั้งอยู่ระหว่างซ.เทศบาลบางปู 26 กับ ซ.เทศบาลบางปู 28 มีระยะเข้ามาจากเส้นสุขุมวิทประมาณ 550 ม.ในส่วนของการเดินทางถือว่าค่อนข้างสะดวกพอสมควรเพราะอยู่ไม่ไกลจากถนนสุขุมวิทมากนักทำให้สามารถเชื่อมไปยังถนนเส้นอื่นๆ เพื่อเข้า-ออกเมืองได้ ได้แก่ ถนนศรีนครินทร์ และถนนบางนา-ตราด หรือจะออกไปยังบางปู ก็วิ่งออกถนนแพรกษาแล้วไปทะลุออกถนนสุขุมวิทก็ได้เช่นกัน ส่วนการเดินทางไปย่านนิคมอุตสาหกรรมบางพลีสามารถวิ่งออกถนนเทพารักษ์ตรงยาวไปได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยในการเดินทางอย่างเส้นวงแหวน กาญจนาภิเษกที่จะวิ่งรอบนอกของกรุงเทพฯ ออกไปทางพระราม 2, สุขสวัสดิ์, ทุ่งครุ ได้สะดวกค่ะ
ส่วนการเดินทางเพื่อเข้าถึงโครงการโดยรถสาธารณะนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายค่ะ ถ้ารถสองแถวที่ผ่านหน้าโครงการก็มีวิ่งระหว่าง ปากน้ำ – นิคมอุตสาหกรรมบางปู คอยวิ่งให้บริการให้เห็นอยู่ตลอดค่ะ ส่วนหน้าโครงการก็จะมีป้ายรถเมล์ที่มีสาย 145 วิ่งจากปากน้ำ ผ่านเส้นศรีนครินทร์ ไปจนถึงหมอชิตใหม่ค่ะ และมีสาย 25 วิ่งจากปากน้ำ ไปตามเส้นสุขุมวิท จนถึงท่าช้าง ที่ร่วมให้บริการเช่นกันค่ะ หากรีบๆต้องการใช้วินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการ โดยอยู่บริเวณหน้าปากซอยเทศบาลบางปู 26 ถัดจากป้ายรถเมล์มานิดเดียวค่ะ ส่วนรถตู้ที่เห็นจะมีรับส่งระหว่างปากน้ำ (แพรกษา) ถึงสนามบินสุวรรณภูมิค่ะ สำหรับรถแท็กซี่ก็มีให้เรียกได้สะดวกเช่นกันค่ะ เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนแพรกษาเลย จึงเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกด้วยรถสาธารณะนะคะ
นอกจากนี้ถนนสุขุมวิทยังเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มส่วนต่อขยายที่เป็นสายหลักเข้าไปยังใจกลางเมืองได้ ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่มีความคืบหน้าประมาณ 80% และมีกำหนดเปิดใช้บริการในปี 2563 ตามแผนของ MRTA ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีแพรกษามีระยะห่างประมาณ 850 ม. ที่จะทำให้การเดินทางเข้าเมืองสะดวกสบายขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้ถนนสุขุมวิทยังเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มส่วนต่อขยายที่เป็นสายหลักเข้าไปยังใจกลางเมืองได้
ความอุดมสมบูรณ์ที่เป็นศูนย์การค้าต่างๆ และ Hyper Market มีอยู่รายรอบนะคะ แต่ไม่ใช่ในระยะเดิน จะต้องนั่งรถไปค่ะ บนถนนศรีนครินทร์ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ ทั้ง Major Cineplex Lotus สมุทรปราการ, Foodland ศรีนครินทร์, Big C สำโรง, Makro ศรีนครินทร์ เป็นต้น ส่วนใครที่ชอบเดินซื้ออาหารหรือเดินเล่นตลาดนัดก็จะมีตลาดหนามแดงที่อยู่ตรงข้ามวัดหนามแดง ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่เปิดในช่วงเย็นๆเลยไปจนค่ำเลยค่ะ โดยรวมแล้วจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีรถสาธารณะผ่าน สามารถเดินทางได้ง่ายค่ะ
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินได้ ก็จะมี 7-11 อยู่ใกล้โครงการประมาณ 40 ม. นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์ ก็จะมีให้พึ่งพิงได้บ้าง ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในระยะที่ต้องนั่งรถไปนั้น ก็จะมีกระจุกตัวกันบริเวณจุดเชื่อมถนนทั้งถนนเเพรกษา-สุขุมวิท และถนนศรีนครินทร์-สุขุมวิท ซึ่งจะมีทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ห้างร้านใหญ่ๆ ในย่านนี้อย่าง Big C และ Robinson สมุทรปราการ รวมทั้ง i mall ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้าร้านอาหารขนาดกลางๆ ในย่านนี้
เนื่องจากโครงการ Notting Hill สุขุมวิท-แพรกษา นั้นตั้งอยู่ในบนถนนแพรกษา ซึ่งสามารถเข้าออกเมืองได้จากทางถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก ซึ่งทั้ง 2 เส้นทางจะเชื่อมกันที่บริเวณแยกการไฟฟ้า การเดินทางในวันนี้ จึงจะพาไปดูเส้นทางการเข้าถึงโครงการจากบริเวณแยกการไฟฟ้าค่ะ จุดเริ่มต้นจากแยกการไฟฟ้า วิ่งตามถนนสุขุมวิทมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนแพรกษา มีระยะทางโดยรวมประมาณ 1.55 กม. ค่ะ
เริ่มต้นจากแยกการไฟฟ้าซึ่งเป็นสามแยกนะคะ ให้วิ่งตรงไปบนถนนสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้าปากน้ำค่ะ หากเลี้ยวซ้ายจะเข้าถนนศรีนครินทร์ บริเวณแยกก็จะมีอาคารการไฟฟ้านครหลวง เขต สมุทรปราการตั้งอยู่ จึงเป็นเหตุให้เรียกแยกการไฟฟ้าค่ะ
ข้ามแยกมาแล้ว ก็ตรงไปบนถนนสุขุมวิท จะผ่านสถานีรถไฟฟ้าศรีนครินทร์ ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ
ตรงมาไม่ไกลจะเจอป้ายวัดแพรกษา, เทศบาลตำบลแพรกษาให้ชิดซ้าย เตรียมเลี้ยวเข้าถนนแพรกษาค่ะ
เจอแยกแล้วเป็นแยกเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าเข้าถนนแพรกษาค่ะ ถ้าตรงไปจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าแพรกษา, Big C และโรบินสัน ซึ่งวันนี้เราก็จะพาไปชมด้วยเช่นกัน แต่เดี๋ยวไปโครงการกันก่อนนะคะ^^
เลี้ยวซ้ายเข้ามาในถนนแพรกษา เป็นถนน 6 เลน ไป 3 กลับ 3 บรรยากาศโดยรวมเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ฝั่งถนน ซึ่งเปิดเป็นธนาคารสาขาย่อย ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านหมอฟัน ร้านขายวัสดุก่อสร้างต่างๆ ค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ
ขับเข้ามาในถนนแพรกษาประมาณ 5o0 ม. จะเจอ 7-11 ติดกันเป็น ซอยเทศบาลบางปู 26 และร้านขายวัสดุก่อสร้าง ก็ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าโครงการ เพราะโครงการจะติดกับร้านขายวัสดุก่อสร้างค่ะ
จุดสังเกตุอีกจุดหนึ่ง คือด้านหน้าโครงการจะมีป้ายรถเมล์นะคะ หากต้องการเข้าโครงการก็เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลยค่ะ แต่สำหรับรีวิวในส่วนทำเล จะพาไปอัพเดตโครงการรถไฟฟ้าสถานีแพรกษากันอีกสักนิดค่ะว่าตอนนี้ดำเนินการก่อสร้างไปถึงไหนแล้วค่ะ
เส้นทางที่เราจะพาไปอัพเดทความคืบหน้าตัวสถานีแพรกษา จะไปกลับรถเพื่อมุ่งหน้าไปถนนสุขุมวิท แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางโรบินสันค่ะ ส่วนขากลับจากโรบินสันเราจะพาออกทางซอยอุ่นอารีย์ เข้าซอยเทศบาลบางปู 29 แล้วเลี้ยวเข้าถนนแพรกษาเพื่อกลับโครงการค่ะ
ออกจากโครงการก็ตรงไปบนถนนแพรกษา เพื่อไปกลับรถ ฝั่งซ้ายเป็นโกดัง รับรีด ดัด เหล็ก ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโครงการค่ะ
ขับมาไม่ไกลก็จะเจอป้ายกลับรถสีเหลืองนะคะ ก็ชิดขวาเตรียมกลับรถได้ค่ะ บรรยากาศ 2 ข้างทางก็ยังเป็นอาคารพาณิชย์เหมือนกับบริเวณรอบๆโครงการที่ผ่านมา แต่ก็จะมีร้านหลากหลายมากขึ้น เช่นร้านขายอะไหล่รถยนต์ ร้านขายอะไหล่แอร์ ค่ะ
ถึงจุดกลับรถแล้วค่ะ ซึ่งมีระยะห่างจากหน้าโครงการประมาณ 550 ม.
กลับรถเรียบร้อย ก็จะอยู่บนถนนแพรกษาฝั่งมุ่งหน้าเข้าถนนสุขุมวิทนะคะ นอกจากอาคารพาณิชย์ที่เห็นเป็นบรรยากาศโดยรวมกันแล้ว ถนนแพรกษาก็จะเป็นที่ตั้งของบริษัท โรงงาน ต่างๆเช่นกัน อย่างฝั่งซ้ายจะเป็น บริษัท ไทยเม็ททอล จำกัด ค่ะ
ตรงไปฝั่งซ้ายจะมีป้ายทางไปโรงเรียนอุ่นอารีวิทยา ซึ่งโรงเรียนนี้อยู่ในซอยเทศบาลบางปู 29 เป็นซอยที่สามารถไปทะลุโรบินสันได้ โดยเข้าทางด้านหลังโรบินสันแทน ซึ่งเดี๋ยวเราจะวิ่งเส้นทางนี้เป็นทางจากโรบินสันกลับโครงการค่ะ
วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนถึงสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทนะคะ ส่วนทางยกระดับที่เห็นอยู่ด้านหน้านั้นคือเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ค่ะ
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทมาแล้ว มองไปไกลๆจะเห็นสถานีแพรกษาที่กำลังก่อสร้างอยู่ 2 ฝั่งซ้ายขวาถูกขนาบด้วย โรบินสัน และ Big C สมุทรปราการ ค่ะ ให้ตรงไปเรื่อยๆบนถนนสุขุมวิทนะคะ รถค่อนข้างแน่นนิดนึงเพราะต้องขับผ่านใต้สถานีที่อยู่ในช่วงก่อสร้างค่ะ
ผ่านตัวสถานีมาไม่ไกล จะมีทางแล้วเลี้ยวเข้าโรบินสัน เป็นสะพานข้ามคลองค่ะ
โรบินสัน สมุทรปราการ จะติดกับสถานีรถไฟฟ้าแพรกษาเลยนะคะ ตัวสถานีมีขนาดใหญ่พอสมควรเลยนะคะ ด้านบนที่เป็นชานชาลาใกล้จะเรียบร้อยแล้ว เหลืองานในส่วนบันไดทางขึ้นสถานียังไม่เรียบร้อยดี ซึ่งการก่อสร้างมีความคืบหน้าประมาณ 80 % แล้ว และมีแผนจะเปิดให้บริการในปี 2563 ค่ะ
บันไดสถานีมีทางขึ้นลง 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นบันไดเลื่อน อีกฝั่งหนึ่งเป็นบันไดขึ้นลงธรรมดา ตามรูปแบบของทางขึ้นลงสถานีทั่วไปนะคะ โดยปลายสุดของบันได มีระยะพอๆกับสุดปลายหลังคาสถานีรถไฟฟ้า ไม่ได้มีบันไดขึ้นลงที่ยื่นออกจากตัวสถานีอีกนะคะ
ลานด้านหน้าโรบินสัน ที่ถัดมาจากสถานีรถไฟฟ้า จะมีตลาดนัดขายของที่มีร้านค้าให้เลือกพอสมควร ในอนาคตหากรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วตลาดนี้ก็คงจะคึกคักขึ้นอีกนะคะ
ต่อไปจะพากลับโครงการโดยใช้ทางออกหลังโรบินสัน คือผ่านทางซอยอุ่นอารีย์ค่ะ
จากทางออกของโรบินสัน จะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายไปปากน้ำ, ถนนศรีนครินทร์ หากเลี้ยวขวาไปบางปู ให้เลี้ยวซ้ายไปทางปากน้ำค่ะ
เลี้ยวซ้ายออกมานิดเดียวจะเจอทางแยกให้เลี้ยวซ้ายตามทางไปค่ะ ซอยนี้จะแคบนิดนึงนะคะ เป็นถนน 2 เลน ไปกลับอย่างละเลนค่ะ
เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆจะไปออกถนนแพรกษาได้ค่ะ
ถึงถนนแพรกษาให้เลี้ยวขวา จะเข้าถนนแพรกษาฝั่งที่มุ่งหน้าไปโครงการ ตามเส้นทางในตอนต้นที่พาไปโครงการค่ะ
จากอาคารพักอาศัยของโครงการเป็นตึกสูง 35 ชั้น ซึ่งความสูงระดับนี้จะเท่ากับหอชมเมืองสมุทรปราการที่กำลังก่อสร้างอยู่เลยนะคะ สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น บางแปลงเป็นบริษัท, โรงงานขนาดเล็ก และโครงการอยู่อาศัยแนวราบ สำหรับพื้นที่โดยรอบโครงการสรุปได้ดังนี้ค่ะ
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับ ที่ดินเปล่า ถัดไปเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ ถนนแพรกษา และโกดังเก็บเหล็ก 2 ชั้นครึ่ง
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับ แคมป์คนงานก่อสร้าง ถัดไปเป็นอพาร์ทเม้นท์ 4 ชั้น
- ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับ ร้านขายวัสดุก่อสร้าง
ส่วนการวิเคราะห์ในเรื่องของวิวจากห้องพักอาศัยนั้น ภาพรวมโครงการไม่มีอาคารสูงที่อยู่ในระยะประชิดทั้ง 4 ด้าน สำหรับทิศตะวันออกเฉียงใต้และจะได้เปรียบในเรื่องวิวภายนอกโครงการมากกว่าทิศอื่นๆ เพราะเป็นวิวที่หันออกนอกเมือง มีข้อดีที่ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าในอนาคตจะมีตึกสูงขึ้นมาบังวิว จึงมีระยะสายตาในการมองวิวได้ไกล ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะติดกับอาคารจอดรถ 9 ชั้น ซึ่งอยู่ในระยะประชิดทำให้บางห้องในทิศนี้ที่จะถูกบล็อควิวไปบ้าง หากเป็นห้องที่มีความสูงเกิน 9 ชั้นไปแล้วเป็นวิวเมืองแบบอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น สลับกับหมูบ้านซึ่งเป็นทิศที่หันออกนอกเมืองเช่นกันแต่ไกลๆจะยังมีอาคารสูงอยู่บ้าง ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้วิวสระและสวนภายในโครงการ ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้จะอยู่ฝั่งที่หันไปทางแนวรถไฟฟ้า จึงจะเห็นวิวเมือง อาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้นที่มีรถไฟฟ้าอยู่ด้านหลัง สำหรับการเลือกทิศทางของห้องนั้นเป็นความชอบส่วนบุคคล นอกจากจะคำนึงถึงวิวแล้ว ก็อย่าลืมคำนึงเรื่องทิศทางลมกันด้วยนะคะ
เรามาดูสภาพแวดล้อมที่ติดกับที่ดินของโครงการกันนะคะ ภายในเส้นประสีเหลืองเป็นพื้นที่ของโครงการ Notting Hill ค่ะ ซึ่งถัดไปคือร้านขายวัสดุก่อสร้างค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งขอบเขตของโครงการคือเส้นประสีเหลืองด้านซ้าย ส่วนแปลงที่ดินที่ติดกันฝั่งขวาของโครงการเป็นที่ดินเปล่า ซึ่งในตอนเย็นจะเป็นตลาดนัดขายอาหารค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านขายวัสดุก่อสร้าง, คลินิกรักษาสัตว์, ร้านขายอาหาร, ร้านรับทำป้าย เป็นต้นค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- รถไฟฟ้าสถานีแพรกษา ~ 850 ม.
- Robinson สมุทรปราการ ~ 850 ม.
- Big C สมุทรปราการ ~ 900 ม.
- โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ ~ 2.4 กม.
- ทางขึ้นวงแหวนอุตสาหกรรม ~ 5 กม.
- นิคมอุตสาหกรรมบางปู ~ 6.5 กม.
- เมืองโบราณ ~ 7.7 กม.
- สถานตากอากาศบางปู ~ 10.7 กม.
- Central บางนา ~ 15 กม.
- Mega บางนา ~ 16.5 กม.
ต่อไปมาดูกันที่ตัวโมเดลกันนะคะ จะได้เห็นภาพรวมของโครงการกันชัดขึ้น^^โครงการเป็นคอนโด High Rise ประกอบด้วย 3 อาคาร คืออาคารพาณิชย์ 2 ชั้น จะอยู่ด้านหน้าสุดของโครงการบริเวณทางเข้า ส่วนอาคารถัดไปคืออาคารพักอาศัย 35 ชั้น 1 อาคาร คืออาคารตรงกลางนั่นเอง และมีอาคารจอดรถ 9 ชั้น แยกจากตึกอยู่อาศัย ทำให้เวลาจอดรถจะต้องลงอาคารจอดรถก่อนแล้วจึงเข้าอาคารอยู่อาศัยอีกตึกหนึ่ง ซึ่งถ้าหากอาคารที่จอดรถและอาคารอยู่อาศัยรวมเป็นอาคารเดียวจะสามารถขึ้นห้องพักในตึกเดียวกันได้เลย โดยอาคารจอดรถจะอยู่ถัดเข้าไปด้านในสุดของแปลงที่ดินค่ะ โดยทั้ง 3 อาคารจะเรียงตัวกันจากด้านที่ติดถนนแพรกษาเข้าไปด้านในของแปลงที่ดิน โดยอาคารพักอาศัย 35 ชั้นจะวางด้านแคบเข้าหาถนน ซึ่งหน้าขางเข้าออกโครงการจะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยทางเข้า-ออกของโครงการจะเข้าออกทางถนนแพรกษาทางเดียวนะคะ
ด้านข้างของอาคารฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ดินเปล่า ซึ่งเจ้าของที่ดินปล่อยเช่าเป็นตลาดนัดในตอนเย็น วันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์และอาทิย์ ในฝั่งนี้จะไม่มีอาคารสูงบังในระยะประชิดนะคะ และเป็นทิศที่หันออกนอกเมืองทำให้ในอนาคตมีโอกาสเกิดตึกสูงขึ้นมาบังวิวน้อยด้วยค่ะ
อาคารด้านตะวันออกเฉียงเหนือ อาคารด้านนี้เป็นด้านในสุดของตัวโครงการ โดยจะหันหน้าเข้าหาที่ดินเปล่า ซึ่งอาคารที่ติดกับที่แปลงข้างเคียงจะเป็นอาคารจอดรถ 9 ชั้น ส่วนอาคารพักอาศัย 35 ชั้นในด้านนี้จะติดกับแคมป์คนงาน และอาคารจอดรถ 9 ชั้น โดยจะวางอาคารส่วนด้านแคบของอาคารเข้าหาอาคารที่จอดรถ ทำให้ห้องพักบางห้องจะโดนบังวิวในระยะประชิด ถ้าจะให้วิวพ้นอาคารที่จอดรถจะต้องเลือกชั้น 11 ขึ้นไปค่ะ
อาคารด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อาคารฝั่งนี้จะวางตัวด้านยาวของอาคารไปตามรูปร่างของที่ดิน อาคารในด้านนี้เป็นด้านที่หันหน้าเข้าหาถนนสุขุมวิท ซึ่งไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิดเหมือนด้านอื่น แต่จะได้วิวภายนอกที่เปิดโล่งไม่มากเท่าด้านอื่น เนื่องจากจะถูกบล็อกวิวระยะไกลด้วยแนวรถไฟฟ้า และอาคารสูงที่ขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าค่ะ
ด้านหน้าโครงการ จะมีอาคาร 2 ชั้น ซึ่งจะเป็นร้านค้า 2 ยูนิตในอนาคต โดยปัจจุบันเป็นสำนักขาย มีห้องตัวอย่างตกแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดียอยู่ด้านใน ด้านข้างอาคารมีฟุตบาททางเดินสำหรับเข้า- ออกโครงการกั้นด้วยเกาะกลางที่ปลูกต้นไม้กั้นไว้ เพื่อแยกกับทางเข้า-ออกรถให้ชัดเจน ทำให้การเดินเข้าออกโครงการมีความปลอดภัยดีค่ะ
เส้นทางเข้าออกของรถยนต์ ในอนาคตจะมีป้อมยามด้านหน้าทางเข้าโครงการ และรถยนต์จะผ่านเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access ค่ะ เมื่อเข้ามาในโครงการแล้ว รถยนต์จะถูกบังคับให้ตรงไปตามทางเพื่อเข้าสู่จุด Drop-Off หน้าทางเข้าอาคาร ทำให้สะดวกในการรับ-ส่ง ลูกบ้านจากรถยนต์ค่ะ
จากจุด Drop-Off จะติดกับทางเข้า Lobby ซึ่งภายใน Lobby ก็จะมีโถงลิฟท์อยู่ภายใน ซึ่งในส่วนของโถงลิฟท์นี้จะต้องใช้ Key Card ในการเข้านะคะ สำหรับแขกของลูกบ้านจะไม่มี Key Card จึงไม่สามารถขึ้นไปยังส่วนพักอาศัยในแต่ละชั้นได้ เป็นระบบรักษาความปลอดภัยให้ผู้อยู่อาศัยค่ะ
สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ในการเดินทางสามารถนำรถมาจอดได้ที่อาคารจอดรถที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งตัวอาคารจอดรถมีชั้นจอดรถทั้งหมด 9 ชั้น โดยที่จอดรถรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 35 % ของจำนวนห้องในโครงการ ภายในอาคารมีลิฟท์บริการ 1 ตัวค่ะ
บนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ มี Facilities ต่างๆ เช่นกัน ได้แก่ สนามบาสเกตบอลแบบ 3 ต่อ 3 ผู้เล่น, เส้นทางวิ่งออกกำลังกาย และพื้นที่ออกกำลังกายบนดาดฟ้าค่ะ การขึ้นมาชั้นดาดฟ้านี้จะไม่มีลิฟท์ขึ้นมาถึงนะคะ ต้องเดินจาดชั้น 9 ขึ้นมาอีก 1 ชั้นค่ะ
มาดู Facilities ส่วนอื่นๆในอาคารพักอาศัย 35 ชั้นกันบ้าง เริ่มจากสระว่ายน้ำส่วนกลางที่ชั้น 1 กันก่อน โดยพื้นที่สระว่ายน้ำจะถูกล้อมด้วยอาคาร 3 ด้าน ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น ภายในสระแบ่งเป็นสระเด็ก โดยจะมีพื้นที่รอบๆสระเด็กให้ผู้ปกครองได้ดูแลอย่างใกล้ชิดได้ นอกจากนี้ก็จะมีห้อง Fitness ซึ่งเป็นห้องกระจกที่สามารถมองออกมายังสระว่ายน้ำและสวนหย่อมรอบๆสระว่ายน้ำได้ค่ะ
ถัดมาจากสระว่ายน้ำ จะมีห้องขยะและห้องระบบไฟอยู่ทางอาคารด้านนี้ โดยถนนข้างอาคารด้านนี้จะไม่ได้เชื่อมไปยังอาคารจอดรถด้านหลังนะคะ ถนนตรงนี้จะเป็นถนน Service สำหรับเจ้าหน้าที่ หรือรถขยะเข้ามาให้บริการค่ะ
มาดู Facilities บนชั้น 35 กันบ้างนะคะ เริ่มจากตรงกลางที่เป็นกล่องสีขาวจะเป็นโถงลิฟท์ ออกมาจากโถงลิฟท์จะแบ่งพื้นที่สวนออกเป็น 2 ฝั่ง สวนฝั่งด้านหน้าอาคารจะเป็นสวนแบบ Binocular View เป็นจุดที่ได้วิวดีที่สุดในโครงการ เนื่องจากอาคารฝั่งนี้จะหันไปทางอ่าวไทยค่ะ ส่วนพื้นที่สวนด้านหลังจะเป็นสวนแบบ Sky English Garden อาคารฝั่งนี้จะได้รับวิวเมืองแทน ภายในพื้นที่สวนจะจัดมุมนั่งเล่นต่างๆไว้ค่ะ
จากพื้นที่สวนแบบ Sky Binocular View จะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับ Sky Lounge ซึ่งเป็นจุดนั่งชมวิวอีกจุดหนึ่ง แต่จะเป็นแบบกึ่ง Outdoor ค่ะ
ตัวอาคารใช้โทนสี Earth Tone แสดงถึงความเรียบง่าย ให้บรรยากาศที่อยู่สบาย และเพิ่มเติมการออกแบบโดยการใช้สีขาวและเทามาเป็นตัวนำเส้นแนวตั้งและแนวนอนของอาคาร
มาดูที่รูปทัศนียภาพและบรรยากาศจำลองกันต่อ เริ่มกันที่ Lobby โครงการเป็นแบบ Double Floor (2 ชั้น ติดกัน) สูงประมาณ 5 ม. ทำให้เกิดความรู้สึกโปร่งโล่งภายในอาคาร ผนังด้านหนึ่งของอาคารเป็น กระจกสูงนำแสงธรรมชาติเข้ามาในอาคาร
เครื่องออกกำลังกายภายใน Fitness ภายในจะมีเครื่องออกกำลังกาย ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่างเห็นวิวสระน้ำและวิวสวนด้านนอกพอดีค่ะ
ภาพจำลองสระว่ายน้ำส่วนกลางของโครงการเป็นระบบเกลือมีขนาด 8 x 20 ม. มีความลึก 2 ระดับคือ 1.2 ม. และ 0.6 ม.ค่ะ ขนาดพอให้ออกกำลังกายได้ บรรยากาศโดยรอบจะเน้นให้เกิดความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มค่ะ
บรรยากาศภายในส่วนหย่อมที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ มีการสร้างบรรยากาศให้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่ม โดยรอบเป็นเส้นทางวิ่งออกกำลังกาย ด้านข้างมีสนามบาสเกตบอลขนาดเล็กค่ะ
ภาพจำลองสวนหย่อมแบบ Sky Binocular View ซึ่งเป็นจุดชมวิวของอาคาร เป็นมุมมองที่หันไปทางนอกเมือง จึงไม่มีตึกสูงบังวิวเลยนะคะ ทำให้เห็นเส้นขอบฟ้าได้จากจุดชมวิวนี้ค่ะ
เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการNotting Hill สุขุมวิท-แพรกษา มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางถนนแพรกษา ที่ดินด้านหน้าโครงการที่ติดถนนมีความยาวประมาณ 35 ม. จะเห็นว่ามีด้านที่ติดถนนยาวพอสมควรจึงเป็นโครงการที่จะสังเกตเห็นได้ง่าย ส่วนด้านลึกที่สุดมีความยาวประมาณ 150 ม. ซึ่งความลึกระดับนี้ทำให้โครงการสามารถสร้างอาคารได้ 3 อาคาร อาคารที่ติดถนนเป็นอาคารร้านค้าเล็กๆ 2 ชั้น ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขาย ถัดเข้ามาเป็นอาคารพักอาศัยขนาดใหญ่ 35 ชั้น ภายในมี Facilities ส่วนกลางที่ชั้น 1 และชั้น 35 และอาคารด้านในสุดเป็นอาคารที่จอดรถ 9 ชั้น ซึ่งชั้นบนสุดจะมี Facilities เช่นกัน
ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ จะเป็นพื้นที่ของลานจอดรถ เส้นทางเดินรถในอาคารเมื่อขับเข้ามาด้านในพื้นที่โครงการ จะเป็นทางบังคับให้ตรงไปผ่าน Drop-Off ด้านหน้าอาคาร และสามารถกลับรถไปทางออกโครงการที่จุดกลับรถหน้า Drop-Off ได้เลย หรือหากต้องการจอดรถที่อาคารจอดรถ 9 ชั้นก็สามารถขับเข้าไปจอดที่ด้านในของโครงการได้ เส้นทางเดินรถเป็นแบบสวนทางกัน และไม่สามารถขับวนรอบโครงการได้ ส่วนอีกเส้นทางเดินรถสีเหลืองที่วิ่งไปทางอคารฝั่งซ้าย เป็นเส้นทางของรถ Service อย่างรถขยะเป็นต้นค่ะ ทางขึ้นห้องพักจะขึ้นผ่าน Lobby ในอาคาร เพื่อเข้าไปยังโถงลิฟท์นะคะ ระบบความปลอดภัยของทางเข้าอาคารทั้ง 2 จะเป็นประตู 2 ชั้นคือ
- ประตูทางเข้าอาคาร —>ไม่ต้องใช้ Key Card แขกของลูกบ้านสามารถเข้ายังอาคารได้ ต้องให้ลูกบ้านมารับเข้า Lobby เท่านั้น
- ประตูทางเข้า Lobby —>ใช้ Key Card ลูกบ้านจึงมีความปลอดภัยตั้งแต่ในส่วนของ Lobby เลยค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกในชั้นนี้จะมี ร้านค้า 4 ยูนิต, Lobby, Co-Working Space, Fitness, สระว่ายน้ำ และสวนหย่อมค่ะ
ตั้งแต่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งชั้น โดยชั้น 2-29 จะมีแปลนอาคารที่เหมือนกัน แต่ละชั้นมีห้องพักอาศัย 30 ยูนิต
- เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 23-23.5 ตร.ม. 24 ห้อง เป็นแบบที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในแต่ละชั้น
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. 4 ห้อง ซึ่งจะอยู่ติดกับโถงลิฟท์ทั้ง 2 ด้าน
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 30.5 และ 40 ตร.ม. อีกอย่างละห้อง
ซึ่งตำแหน่งจะอยู่เฉพาะห้องมุมของอาคาร ห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่หันหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทางเดินจัดเป็น Double corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวอยู่ตรงกลางอาคารซึ่งในโถงจะมีลิฟท์ 4 ตัวนะคะ มีอัตราส่วนลิฟท์ 245 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่มากทีเดียว อาจจะต้องเผื่อเวลารอลิฟท์สักหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้อยู่ศัยออกจากบ้านพร้อมๆกันนะคะ ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 3 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาและตรงกลางของอาคาร ซึ่งบันไดทั้ง 3 ตัวสามารถลงไปยังชั้น 1 ได้ค่ะ การจัดวางห้องในอาคารใช้วิธีการจัดวางเรียงไปตามรูปตรงอาคารลักษณะตัว L จะมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น ที่ห้องหนึ่งประตูห้องตรงข้ามกับประตูบันไดหนีไฟ และอีกห้องหนึ่งที่ประตูตรงกับโถงทางเดิน
ต่อไปเป็นเรื่องของวิว ห้องพักในชั้นนี้ห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้วิวสระว่ายน้ำสวนหย่อมของโครงการนะคะ ส่วนที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะหันทางร้านขายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งห้องชั้น 2 ทางทิศนี้จะโดนบังวิวในระยะประชิดนะคะ ถ้าอยากให้วิวโล่งๆ มองไปได้ไกลๆหน่อยหน่อยต้องเลือกประมาณชั้น 6 ขึ้นไปค่ะ ส่วนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จะติดกับถนนแพรกษา จึงไม่โดนบล็อกวิวในระยะประชิดแต่ถ้าอยากได้วิวเมืองที่สามารถมองไปได้ไกลๆก็ต้องเลือกประมาณชั้น 6 ขึ้นไปเช่นกัน สำหรับห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะถูกบล็อกวิวโดยอาคารที่จอดรถ 9 ชั้นนะคะ ก็ควรเลือกห้องที่ประมาณชั้น 11 ขึ้นไปค่ะ
มาต่อกันที่ ชั้น 30-34 ของตึกค่ะ จะมีแปลนเหมือนกับชั้น 2-29 เลย ต่างกันคือตั้งแต่ชั้น 30 ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัยจะจำนวนยูนิตที่น้อยลงทำให้ชั้น 30-34 จะไม่มีห้อง Type BP3 ขนาด 40 ตร.ม. นะคะ โดยมีห้องพักอาศัยแต่ละชั้น ชั้นละ 28 ห้อง แบ่งเป็น
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 23-23.5 ตร.ม. 23 ห้อง
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. 4 ห้อง ซึ่งจะอยู่ติดกับโถงลิฟท์ทั้ง 2 ด้าน
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 30.5 ตร.ม. อีก 1 ห้อง
เรื่องของวิวสำหรับชั้น 30-34 ไม่มีอาคารบล็อกวิวในระยะประชิดแล้วค่ะ จะได้วิวเมืองโล่งๆทั้ง 4 ด้าน แตกต่างกันบ้านในวิวระยะไกล หากชอบวิวเมืองแบบที่ไกลๆเห็นอาคารสูงตามแนวรถไฟฟ้า ก็จะเป็นวิวฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ค่ะ ส่วน ถ้าชอบแบบวิวเมือง อาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น โล่งๆเห็นเส้นขอบฟ้าชัดๆ ก็ควรเลือกห้องฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือไกลๆยังมีให้เห็นอาคารสูงบ้างนิดหน่อยค่ะ
สำหรับชั้นบนสุดของแต่ละอาคาร เริ่มจากอาคารพักอาศัย 35 ชั้นกันก่อนนะคะ บนชั้น 35 สามารถขึ้นมาถึงโดยลิฟท์ 4 ตัว ซึ่งพื้นที่ทั้งชั้นจัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ จากโถงลิฟท์จะแยกพื้นที่ใช้งานออกเป็น 2 ฝั่งคือฝั่งด้านหน้าอาคารและฝั่งด้านหลังอาคาร โดยฝั่งด้านหน้าอาคารเป็น Sky Binocular View เป็นพื้นที่สวน ที่ใช้เป็นจุดชมวิว นั่งพักผ่อนได้ และมีพื้นที่ Sky Lounge Terrace เป็นจุดนั่งชมวิวเช่นกันแต่จะเป็นกึ่ง Outdoor ส่วนสวนฝั่งด้านหลังอาคารเป็น Sky English Garden ภายในถูกจัดเป็นสวนสไตล์อังกฤษ เน้นพื้นที่สนามหญ้า และมีที่นั่งพักตามมุมต่างๆ
ต่อไปเป็นชั้นบนสุดของอาคารจอดรถ 9 ชั้น โดยชั้นที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางนี้จะอยู่บนชั้นที่ 10 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า การเข้าถึงต้องเดินขึ้นบันไดจากชั้น 9 มา เพราะลิฟท์จะขึ้นถึงแค่ชั้น 9 ค่ะ พื้นที่ส่วนกลางภายในชั้นนี้จะเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และต้นไม้พุ่ม ซึ่งทำให้บรรยากาศร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีเส้นทางวิ่งออกกำลังกายในสวนด้วย นอกจากพื้นที่สวนก็ยังมีสนามบาสเกตบอลขนาดเล็ก และมีพื้นที่สำหรับออกกำลังกายบนดาดฟ้าด้วยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 20 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด 7 x 8 ม.
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- Co-working Space
- Double Sky Roof Top Garden (Sky English Garden, Sky Binocular View, Sky Lounge Terrace, Sky Three on Three Basketball, Sky Jogging Track, Sky Exercise)
- ลิฟท์โดยสารอาคารพักอาศัย 4 ตัว ลิฟท์, ลิฟท์โดยสารอาคารที่จอดรถ 1 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 245 : 1
- Service Lift 1ตัว
- ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 35 %
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องตัวอย่างมี 2 ห้องนะคะ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.5 ตร.ม. และแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 2 แบบเลยค่ะ
ไปชมห้องแรกกันเลยค่ะ เป็นห้อง Type B1 แบบห้อง 1 bedroom ขนาด 23.5 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบห้องส่วนใหญ่ของโครงการ ภายในประกอบด้วย 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องนอน 1 ห้องครัว และ 1 ห้องน้ำ ขายเป็นแบบ Fully Fitted จากประตูทางเข้าหลักจะเปิดมาเจอพื้นที่ครัวที่เป็นแบบ Pantry ฝั่งตรงข้ามพื้นที่ครัว เป็นตำแหน่งวางตู้เย็นและโต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่ง ติดกันเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งเป็นทั้งพื้นที่รับแขก นั่งเล่น ทานอาหารและพื้นที่ทำงาน ด้านในสุดของส่วนห้องนั่งเล่นจะถูกกั้นกับระเบียงด้วยประตูกระจกบานเลื่อนทำให้ห้องนั่งเล่นได้รับแสงธรรมชาติจากประตูบานเลื่อนด้วย ส่วนระเบียงขนาดไม่กว้างมาก พอสำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าเล็กๆได้ค่ะ
ฝั่งขวามือของห้องจะเป็นห้องนอน ซึ่งประตูทางเข้าห้องนอนจะอยู่ระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นเป็นประตูบานเปิดปิด ภายในสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ค่ะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอน ซึ่งในกรณีที่มีเพื่อนๆหรือแขกมาหาก็ต้องเดินผ่านห้องนอนเรา ไม่สามารถเข้าจากห้องนั่งเล่นได้ค่ะ ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านในของอาคารจึงไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆค่ะ
เริ่มจากทางเข้าห้อง ห้องตัวอย่างไม่ได้ติดบานประตูมาให้ดูนะคะ สำหรับประตูเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.6 เมตร พร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกค่ะ
ภายในห้องจะเจอ Pantry ครัวทางด้านขวา ฝั่งตรงข้ามเป็นตำแหน่งสำหรับวางทีวีและชุดโต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่ง ถัดไปเป็นพื้นที่นั่งเล่น วางโซฟา 2 ที่นั่งซึ่งติดกับประตูกระจกสไลด์ที่เปิดเชื่อมไประเบียงด้านนอกซึ่งเวลากลางวันแสงธรรมชาติจะเข้ามาในห้องนั่งเล่น ช่วยให้บรรยากาศในห้องไม่มืดทึบ ห้องนี้สูง 2.6 เมตร ส่วนประตูฝั่งขวาที่อยู่ติดกับชั้นวางทีวีคือประตูเข้าห้องนอน พื้นห้องจะปูด้วยลามิเนต 8 มม. ตั้งแต่ทางเข้าห้อง ส่วนของ Pantry ครัว พื้นที่นั่งเล่น และภายในห้องนอนนะคะ ซึ่งเวลามีคราบสกปรกที่เกิดจากการทำครัวก็จะทำความสะอาดยากกว่ากระเบื้องค่ะ
ต่อไปจะเริ่มอธิบายแต่ละส่วนของห้องพักอาศัยนะคะ มุมที่ติดประตูเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็น โดยห้องตัวอย่างจัดไว้มีขนาด 8.4 คิว ถ้าจะซื้อตู้เย็นขนาดใหญ่กว่านี้ก็อย่าลืมคำนึงถึงขนาดพื้นที่วางด้วยนะคะ ส่วนด้านบนที่ติดอยู่กับฝั่งเดียวกับประตูจะเป็นตู้ Breaker ไฟของห้องพักค่ะ
ถัดมาเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งซึ่งตามที่ห้องตัวอย่างจัดมาให้ดู สามารถวางโต๊ะทานอาหารได้แค่ 1 ที่นั่ง ซึ่งถ้าลดขนาดโซฟาลงก็จะมีพื้นที่เหลือพอให้วางเก้าอี้ได้อีกตัวนึงค่ะ แต่ก็ต้องจัดให้นั่งติดมุมกันนะคะ
หรือมีวิธีวางโต๊ะอาหารอีกวิธีนึงคือ เลือกโต๊ะทานอาหารที่สามารถขยายแบบพับเก็บได้ค่ะ จะทำให้มีพื้นที่ให้วางเก้าอี้มากขึ้นไม่ต้องวางเก้าอี้ในช่องระหว่างโต๊ะทานข้าวกับโซฟาค่ะ
ถัดมาในส่วนของ Pantry ครัวและตู้ลอย ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้กับห้อง Fully Fitted นะคะ
เคาน์เตอร์ครัว Built-in มีขนาด 1.2 x 0.9 ม. วัสดุเป็นโครงไม้กรุลามิเนต Top เป็นลามิเนตปิดผิวลายหินอ่อน ด้านล่างมีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า อีกตู้หนึ่งเป็นตู้บานเปิดปิดใต้อ่างล้างจาน ซึ่งบานพับเป็นแบบ Soft close เหมือนกับตู้แขวนผนังนะคะ ตู้นี้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ ซึ่งบานพับเป็นแบบ Soft close ซึ่งจะเป็นบานพับที่ต้องปิดในมุม 45 องศา ตัว Sofe Close ถึงจะทำงานนะคะ
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 2 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าค่ะ จึงไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารเหลือ ทำให้ทำอาหารหนักๆ อย่างที่ต้องใช้เขียงหั่นนู่นนี่ไม่ค่อยสะดวกนะคะ ส่วน Backsplash ด้านหลังในห้องตัวอย่างติดกระจกเงาไว้ทำให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย แต่ห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านจะไม่ได้มีให้นะคะ ต้องติดเพิ่มเองค่ะ
ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานยี่ห้อ Mex มีขนาดพอจะใส่แก้วได้ 6 – 7 ใบ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ
โครงการให้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าของ Mex มาค่ะ ให้มาเป็น Set พร้อมพัดลมดูดควัน ซึ่งเป็นระบบหมุนเวียนภายในห้องไม่ได้ต่อท่อออกไปด้านนอก จึงไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นแรงอย่างอาหารไทย เพราะจะทำให้กลิ่นลอยไปรบกวนพื้นที่อยู่อาศัยส่วนอื่นๆได้ค่ะ
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ส่วนด้านล่างเป็นตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ
ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 46 นิ้ว โดยทีวีที่ห้องตัวอย่างจัดไว้จะเป็นแบบติดผนัง ซึ่งก็เหมาะสมค่ะ เพื่อไม่ให้บังทางเดินไปพื้นที่ระเบียงที่อยู่ด้านใน
พื้นที่ที่เหลือระหว่างโซฟากับผนังติดทีวี นอกจากจะเป็นทางเดินไปพื้นที่ระเบียงด้านในแล้ว ยังต้องสามารถวางโต๊ะสำหรับทำงานหรือนั่งทานข้าวได้ แนะนำเป็นโต๊ะเขียนหนังสือที่มีล้อเคลื่อนที่ได้ ซึ่งสามารถปรับเป็นโต๊ะอเนกประสงค์สำหรับทานข้าวได้ ตัวล้อสามารถสอดเข้าไปใต้เก้าอี้ได้จึงไม่เปลืองพื้นที่ค่ะ
ผนังสำหรับแขวนทีวี ในห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกค้า จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ไม่ได้ตกแต่งแบบนี้นะคะ ส่วนด้านขวาจะเป็นประตูสำหรับเข้าห้องนอนค่ะ
ติดกับกับห้องรับแขกเป็นประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อเปิดออกไประเบียงค่ะ
วงกบประตูเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตูบานละ 1 ตำแหน่ง ถ้าต้องการให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นสามารถติดตัวล็อกแบบก้นหอยตรงกลางระหว่างประตู 2 บาน ได้อีก 1 ตำแหน่งค่ะ
ธรณีประตูกั้นระหว่างพื้นห้องและพื้นระเบียง มีความสูงประมาณ 5 ซม. ตัวรางของประตูบานเลื่อนจะอยู่บนขอบประตูธรณีอีกชั้นหนึ่ง เวลาเดินเข้าออกก็ระวังสะดุด พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. ของ Cotto ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อม และผิวหน้ากระเบื้องจะป้องกันการลื่นได้ค่ะ
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.6 x 2.45 ม. ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้านะคะ ขอบระเบียงถูกกั้นราวกันตกไว้เรียบร้อย วัสดุเป็นเหล็กทาสีน้ำตาลไว้ค่ะ
พื้นที่ระเบียงทั้ง 2 ฝั่งเป็นที่เปล่านะคะ และที่พื้นได้เดินท่อระบายน้ำไว้ให้ในกรณีฝนตก หรือตากผ้าแล้วทำระเบียงเปียกก็สามารถระบายน้ำลงไปทางท่อได้ค่ะ
ด้านหนึ่งของระเบียงจะเป็นที่ตั้งของคอมเพลสเซอร์ แอร์ 2 ตัวซึ่งเป็นแบบแขวน และเป่าออกด้านนอก จึงทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ระเบียง ได้เต็มที่ค่ะ
จากระเบียงภายนอกมองกลับเข้ามาในห้องนะคะ ระหว่างผนังแขวนวางทีวีและ Pantry ครัวเป็นประตูทางเข้าห้องนอน บานประตู HDF ขนาด 0.8 x 2 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.6 เมตร พร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกค่ะ พื้นระหว่างห้องจะมีตัวจบพื้น เหมือนแบบประตูทางเข้าห้องนะคะ
ด้านในห้องนอนมีขนาดพอสำหรับวางFurniture ต่างๆได้แก่ เตียงขนาด 5 ฟุตวางไว้ชิดหน้าต่าง ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือฝั่งเดียวและด้านข้างโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ที่ผนังฝั่งที่เหลือค่ะ
ส่วนปลายเตียงเหลือพื้นที่นิดเดียว หากเดินเข้าออกก็ไม่สะดวกและไม่มีพื้นที่เหลือให้วางชั้นวางทีวีนะคะ ถ้าจะติดทีวีในห้องนี้ต้องติดแบบแขวน
สำหรับหน้าต่างของห้องนะคะ ซึ่งโครงการติดตั้งมาให้มีขนาดใหญ่พอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นบานใหญ่บานเดียวแต่ก็เป็นช่องให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนได้เพียงพอ โดยหน้าต่างกระจกใสจะเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานเลื่อน โดยจะมีบานที่เลื่อนได้ 2 บานอยู่ด้านบน มีตัวล็อกที่ฝังอยู่ในวงกบประตูแบบเดียวกับประตูบานเลื่อนสำหรับออกไประเบียงค่ะ
จากหน้าต่างของห้องนอนมองกลับเข้ามาในห้อง จะมีทางเข้าห้องน้ำอยู่ที่ผนังอีกฝั่งหนึ่งนะคะ ประตูเป็นบานประตู HDF ขนาด 0.7 x 2 เมตร ส่วนมือจับเป็นลูกบิดธรรมดาค่ะ
พื้นด้านข้างเดียงอีกฝั่งหนึ่งมีพื้นที่เหลือให้สำหรับเดินขึ้นเตียงและเปิดตู้เสื้อผ้าได้ โดยมีความกว้างประมาณ 1.5 ม.
ตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้ถูก Built-in ไว้จะเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน หน้าบานของตู้บานหนึ่งจะถูกกรุกระจกไว้เพื่อใช้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องนะคะ และภายในยังมีราวแขวนผ้า ซึ่งแขวนได้ทั้งแบบเสื้อผ้าตัวสั้นและตัวยาวนะคะ และมีลิ้นชักเก็บของอีก 1 ช่อง รวมถึงตู้ช่องโล่งไว้ใส่ของได้อีก 2 ช่อง ส่วนด้านบนเป็นตู้บานเปิด ไว้เก็บผ้านวมผืนใหญ่ๆได้ค่ะ
มือจับตู้เสื้อผ้า สามารถจับได้ถนัดมือดีค่ะ
ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยขอบธรณี ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องเซรามิคทั้งหมดค่ะที่แตกต่างกันคือพื้นภายในห้องน้ำจะเป็นแบบด้าน เพื่อช่วยกันลื่นภายใน้ห้องน้ำค่ะ ผนังด้านหลังอ่างอาบน้ำในส่วนแห้งมีข้อดีที่สามารถติดกระจกได้เต็มบานนะคะ ซึ่งจะช่วยให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นด้วยค่ะ
พื้นห้องน้ำมีระดับเดียวกับห้องนอน แต่มีธรณีประตูสูงประมาณ 5 ซม. เพื่อกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆค่ะ
อ่างล้างหน้าของ American Standard หรือเทียบเท่า มีขนาดไม่ใหญ่มาก และมีความลึกของตัวอ่างไม่มาก ทำให้เวลาล้างมือล้างหน้าน้ำอาจจะกระเด็นนะคะ ควรหาผ้าเช็ดเท้ามาวางที่พื้นซักผืนก็จะช่วยให้พื้นส่วนแห้งไม่เปียกได้ค่ะ
โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า เป็น Set มากับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระยี่ห้อเดียวกันค่ะ ด้านข้างมีการเว้นพื้นที่พอสมควรเพื่อให้สะดวกในการหยิบทิชชู่ แต่ถ้าติดที่แขวนกระดาษชำระไว้ฝั่งขวาจะใช้งานง่ายขึ้น เพราะอยู่ฝั่งเดียวกับสายฉีดชำระค่ะ
ผนังด้านข้างโถสุขภัณฑ์ จะ Built-in ช่องสำหรับวางของไว้ให้ 2 ชั้น เหมือนในห้องตัวอย่างนะคะ ซึ่งสามารถใช้วางหนังสือ หรือสิ่งของตกแต่งต่างๆที่ไม่ต้องการให้เปียกได้ค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้าง 0.9 x 1 เมตร
ธรณีที่ถูกยกขึ้นจากพื้นประมาณ 5 ซม. ทำให้น้ำในพื้นที่อาบน้ำไม่ไหลออกมาในพื้นที่ส่วนแห้งนะคะ
หน้าตาฝักบัวที่โครงการให้ค่ะ ห้องตัวอย่างไม่ได้มีการติดตั้งระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ แต่ห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกค้าจะมีการเดินระบบไว้ให้นะคะเรียบร้อยค่ะ
หน้าตาของฝักบัวและก๊อกเปิดปิดของ American Standard นะคะ มีขนาดจับได้ถนัดมือดีค่ะ
ตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ภายในห้องฝั่งที่ติดกับโถงทางอาคาร ทางโครงการจึงติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้ให้ เนื่องจากห้องน้ำแบบนี้ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศค่ะ ไฟในห้องห้องน้ำที่ได้จะเป็นดาวไลท์ที่เห็นนะคะ
ต่อไปจะพาไปชมห้องแบบ Type B Plus 1 กันบ้าง เป็นแบบห้อง 1 bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ซึ่งสามารถปรับเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนอีกห้องก็ได้ 1 ห้องนั่งเล่นซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับโซนกินข้าวและระเบียง ทุกห้องถูกกั้นเป็นสัดส่วนทำให้โดยรวมดูดี ติดที่ระเบียงจะมีขนาดเล็กสักหน่อย ห้องนี้ถึงจะเป็นห้องหัวมุมหน้ากว้างทำให้ได้ช่องแสงเยอะกว่าห้องทั่วไป ต้องการเน้นแบบบรรยากาศแบบห้องโล่งๆ จึงวางห้องนอนทั้ง 2 ห้องติดผนังฝั่งที่มีหน้าต่าง ห้องน้ำและส่วน Pantry ครัวอยู่ฝั่งด้านในอาคารเหมือนกับแบบห้อง B1 ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ
ต่อไปมาดูภายในห้องกันค่ะ จากประตูห้องเปิดเข้ามาจะพบส่วนของ Living นะคะ มีโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่ง ถัดเข้าไปเป็นชุดโซฟา สำหรับนั่งเล่น ดูทีวีค่ะ มองกลับไปยังประตูจะพบว่าส่วนด้านหน้าห้องเป็นส่วนทานข้าว และอีกมุมหนึ่งหน้าประตูเป็นทางเดินไปส่วนพื้นที่ครัว ห้องน้ำ ห้องนอน และห้องอเนกประสงค์ค่ะ
เริ่มจากโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่งที่วางอยู่ติดกับประตูกันก่อนนะคะ ซึ่งการวางโต๊ะจะวางชิดผนังฝั่งหนึ่งไว้เพื่อให้ไม่เปลืองพื้นที่ ส่วนพื้นที่ด้านข้างโต๊ะทานข้าว เหลือพื้นที่พอให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งทานข้าวได้ค่ะ
มาดูรายละเอียดฝั่งห้องนั่งเล่นก่อนบ้างค่ะ พื้นที่นั่งเล่นอยู่ระหว่างโต๊ะทานข้าว และระเบียงด้านนอก ทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาภายในพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่นั่งทานข้าวได้
พื้นที่นั่งเล่นในห้องตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาไว้มีขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 46 นิ้ว โดยทีวีที่ห้องตัวอย่างจัดไว้จะเป็นแบบติดผนัง ซึ่งก็เหมาะสม เพื่อไม่ให้บังทางเดินไปพื้นที่ระเบียงที่อยู่ด้านใน
พื้นที่ที่เหลือระหว่างโซฟากับผนังติดทีวี ถ้าจะวางโต๊ะกลางจะต้องเป็นโต๊ะที่มีขนาดเล็กเพื่อให้เหลือพื้นที่ทางเดินไปพื้นที่ระเบียงด้านใน
ระเบียงของห้องจะอยู่ด้านข้างห้องนั่งเล่น เหมือนห้อง 1 Bedroom ประตูเป็นบานเลื่อนกระจกเพื่อรับแสงธรรมชาติค่ะ
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.6 x 2.35 ม. ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้านะคะ ขอบระเบียงถูกกั้นราวกันตกไว้เรียบร้อย วัสดุเป็นเหล็กทาสีน้ำตาลไว้ค่ะ
สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom Plus จะเหลือพื้นที่ใช้งานที่ระเบียงน้อยกว่าแบบ 1 Bedroom เพราะ มีคอมเพลสเซอร์ แอร์ 3 ตัวจึงต้องมีคอมเพลสเซอร์แถวนึงที่ต้องแขวนคอมเพลสแอร์ 2 ตัว ทำให้พื้นที่ตรงนั้นไม่สามารถเข้าไปใช้งานได้ค่ะ
มองผ่านส่วน Living กลับไปยังมุมประตูด้านหน้าห้อง จะมีทางแยกด้านขวามือ เป็นโถงที่จะเชื่อมห้องต่างๆ ด้านข้างประตูมีพื้นที่เหลือประมาณ 40 x 40 ซม. สามารถใช้ประโยชน์ได้ 2 ฟังก์ชั่นคือ Built-in เป็นตู้เก็บรองเท้า หรือ ขยายส่วนเคาน์เตอร์ครัวด้านในเพิ่ม เพื่อเพิ่ทพื้นที่ในการทำอาหารค่ะ
มาต่อกันที่โถงทางเดินที่เชื่อมห้องต่างๆภายในนะคะ ซ้ายมือส่วนแรกเป็น Pantry ครัว ขวามือเป็นพื้นที่ที่สามารถทำตู้เก็บของเพิ่มเติมได้ ส่วนห้องด้านในที่ติดกับครัวเป็นห้องน้ำ ถัดไปจากห้องน้ำจะเป็นห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งห้องนอนและห้องอเนกประสงค์จะต้องใช้ห้องน้ำกับส่วนกลางนะคะ ทุกห้องด้านในมีประตูปิดแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนนะคะ
มาดูห้องครัวก่อนค่ะ พื้นระหว่างโถงกับPantry ครัวจะใช้พื้นที่เดียวกันนะคะ การจัดวางผังของเคาน์เตอร์ครัว เหมือนกับแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ ต่างกันที่ห้องนี้ตู้เย็นจะย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับ Pantry ซึ่งประตูตู้เย็นส่วนใหญ่จะเปิดออกฝั่งขวา ทำให้การหยิบของจากตู้เย็นมาวางบนเคาน์เตอร์ครัวจะไม่ค่อยสะดวก เพราะถูกบังด้วยประตูตู้เย็นนะคะ อุปกรณ์ที่ให้และขนาด counter เหมือนแบบ 1 ห้องนอน ตู้ลอยด้านบนมีขนาดและจำนวนเหมือนกัน รวมทั้งระบบดูดอากาศก็เป็นแบบหมุนเวียนในห้องเหมือนกัน ทำให้การทำอาหารที่มีกลิ่นแรงมากๆไม่เหมาะเท่าไหร่นะคะ
หันกลับไปมองห้องนั่งเล่น เยื้องๆเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เหลือให้สามารถทำตู้เก็บของเพิ่มเติมได้ โดยห้องตัวอย่างตกแต่งมาให้ดูเป็นชั้นวางของเปิดโล่ง ซึ่งแนะนำว่าตู้เก็บของที่ติดกับห้องครัว ทำเป็นตู้บานปิดน่าจะเหมาะสมกว่า เพื่อป้องกันกลิ่นอาหารไปติดกับของใช้ต่างๆในตู้ค่ะ
ติดกับ Pantry ครัวก็เป็นห้องน้ำส่วนกลางของแบบ 1 Bedroom Plus ขนาดไม่เล็กจนเกินไป และสามารถติดกระจกได้เต็มผนังซึ่งจะช่วยให้ห้องน้ำดูใหญ่ขึ้นไม่อึกอัดค่ะ และผนังข้างโถสุขภัณฑ์ก็มีช่องวางของ 2 ช่องเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ค่ะ
ส่วนอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมือนแบบ 1 Bedroom ค่ะ
ส่วนเปียกภายในห้องน้ำ ก็จะมีขอบธรณีที่ยกขึ้นไว้กั้นไม่ให้น้ำในส่วนเปียกไหลออกไปส่วนแห้งเช่นกันค่ะ
ห้องติดกันกับห้องน้ำ คือ ห้องนอน และถัดไปจากห้องนอนคือห้องอเนกประสงค์ เราไปดูกันทีละห้องนะคะ เริ่มจากห้องนอนกันก่อน
ภายในห้องนอนมีพื้นที่พอๆกับห้องนอนของแบบ 1 Bedroomเลยนะคะ โดยมีขนาดพอสำหรับวางFurniture ต่างๆได้แก่ เตียงขนาด 5 ฟุตวางไว้ชิดหน้าต่าง ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือฝั่งเดียว ซึ่งทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ที่ผนังฝั่งที่เหลือค่ะ ส่วนช่องแสงในห้องจะมีหน้าต่างบานขนาดกลางที่เป็นบาน fix ผสมกับบานเลื่อน เหมือนแบบในห้อง 1 Bedroom เช่นเดียวกันค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงมีระยะเหลือประมาณ 50 ซม. สามารถวางตู้วางทีวีตัวเล็กๆได้ แต่ก็จะไม่เหลือพื้นที่เดินไปเปิดหน้าต่างเลยนะคะ จึงควรใช้แบบติดผนังดีกว่าค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งเหลือให้สำหรับเดินขึ้นเตียงและเปิดตู้เสื้อผ้าได้ โดยมีความกว้างประมาณ 1.5 ม.
ตู้เสื้อผ้าเหมือนในห้อง 1 Bedroom เลยนะคะ
ฝ้าในห้องนอนจะเป็นยิปซั่มบอร์ด ดวงไฟแบบดาวน์ไลท์เหมือนกันทั้งห้องนะคะ และในห้องนอนจะมี Smoke Detector และ Sprinkler ติดตั้งไว้ด้วยค่ะ
มาชมห้องอเนกประสงค์เป็นห้องสุดท้ายกันค่ะ ซึ่งเป็นห้องที่เพิ่มขึ้นมาจากห้อง 1 Bedroom นะคะ สามารถปรับใช้งานเป็นได้ทั้งห้องทำงาน หรือเป็นห้องนอนเล็กก็ได้ค่ะ
พื้นห้องจะเป็นพื้นลามิเนต หนา 8 มม. เชื่อมต่อมาจากส่วนของพื้นที่โถงทางเดินหน้าห้องเลยนะคะ แต่จะมีตัวจบพื้นให้เหมือนกับห้องนอนค่ะ
สำหรับห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องนอนเล็กไว้ให้ดูนะคะ ภายในใส่ได้แค่เตียงเดี่ยววางชิดกับหน้าต่าง และตู้เสื้อผ้านะคะ ส่วนปลายเตียงก็ไม่สามารถติดตั้งชั้นวางทีวีได้ ต้องใช้ทีวีแบบแขวนเท่านั้นค่ะ
พื้นที่ระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้าเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้ และมีพื้นที่สำหรับยืนเปิดตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ
พื้นที่หัวเตียงที่ห้องตัวอย่าง Built-in มาเป็นชั้นวางของ ซึ่งเหมาะสมนะคะ เพราะ สามารถใช้เป็นที่วางของแทนโต๊ะหัวเตียงได้ค่ะ ห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านเป็นห้องเปล่านะคะ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ให้ ก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการแต่งห้องได้ค่ะ
หันมาฝั่งที่เป็นหน้าต่างของห้องนะคะ ซึ่งโครงการติดตั้งหน้าต่างมาให้มีขนาดเท่ากับห้องนอนที่พาไปชมมาก่อนหน้านี้เลยนะคะ ด้วยขนาดห้องที่เล็กกว่าห้องนอนทำให้ห้องอเนกประประสงค์นี้ได้รับแสงธรรมชาติทั้งห้องค่ะ โดยหน้าต่างจะเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานเลื่อน เหมือนแบบห้องนอนนะคะ
จากฝั่งด้านหน้าต่างมองกลับมาทางตู้เสื้อผ้าที่ถูก Built-in ไว้จะเป็นตู้บานเปิด 2 บาน หน้าบานของตู้เป็นหน้าบานทึบ ส่วนกระจกถ้าไม่กรุบนบานประตูตู้ ก็สามารถกรุผนังด้านข้างได้นะคะ
ตู้เสื้อผ้าที่ถูก Built-in ไว้จะเป็นตู้บานเปิด 2 บาน ด้านในของตู้จะมีราวแขวนผ้า ซึ่งแขวนได้ทั้งแบบเสื้อผ้าตัวสั้นและตัวยาวนะคะ และมีลิ้นชักเก็บของอีก 1 ช่อง ช่องเก็บของแบบช่องโล่งไม่มีหน้าบานปิดอีก 2 ช่อง รวมถึงช่องเก็บของด้านบน ซึ่งสามารถใช้เก็บผ้านวมผืนใหญ่ๆหรือกระเป๋าเดินทางได้เลยค่ะ
ปลั๊กและสวิตซ์ไฟฟ้าที่ได้ มีหน้าตาแบบนี้นะคะ เป็นของ Huco หรือเทียบเท่า ค่ะ
Type BP2 แบบห้อง 1 bedroom Plus ขนาด 39.5 ตร.ม. แบบห้องจะคล้ายแบบ B Plus 1 แต่จะวางตำแหน่งห้องนั่งเล่นให้อยู่ตรงกลางแทน แล้วจัดห้องนอนและห้อง Multi-functionให้ขนาบห้องนั่งเล่น 2 ฝั่ง ทำให้ลดพื้นที่สำหรับทำโถงทางเดินลง เพราะห้องนอนนี้เข้าจากห้องนั่งเล่นได้เลย ส่วนที่แตกต่างออกมาคือจำนวนห้องน้ำที่เพิ่มมาอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องน้ำในตัวของห้องนอนใหญ่ ข้อดีที่มีห้องน้ำ 2 ห้องทำให้สามารถรองรับสมาชิกในห้องได้มากขึ้น และการมีห้องน้ำส่วนกลางที่ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน ก็ทำให้แขกที่มาเยี่ยมสามารถใช้ห้องน้ำด้านนอกได้ ไม่เดินผ่านห้องนอนค่ะ
Type BP3 แบบห้อง 1 bedroom Plus ขนาด 40 ตร.ม. การจัดผังภายในเหมือนแบบ B Plus 1 เลยแต่จะมีขนาดของพื้นที่พักอาศัยที่กว้างกว่าค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 5 March 2016
- 1 Bedroom เนื้อที่ 23.5 ตร.ม. ราคา 1.09 ล้านบาท หรือ 46,382 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 20,000 บาท
- ทำสัญญา 40,000 บาท
- ดาวน์ 12 % ผ่อนดาวน์ 24 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน
- โปรโมชั่นในงาน Pre Sale วันที่ 14 พ.ค. นี้ 100 ท่านแรกได้ทอง 1 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล – โครงการ Notting Hill สุขุมวิท-แพรกษา ตั้งอยู่บน ถ. แพรกษา จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีระยะห่างจากพื้นที่ในเมือง, ย่าน CBD พอสมควร จึงเป็นทำเลที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ทำงานในบริเวณโดยรอบนี้เป็นหลัก ตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ 6 เลน ทำให้มีความสะดวกสบายทั้งในเรื่องการเดินทาง และการหาของกินซึ่งทำได้ง่าย ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดิน 500 ม. พอจะพึ่งพิงร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์ และ 7-11 ได้บ้าง แต่ถ้านั่งรถไปก็จะมีควมอุดมสมบูรณ์ให้เลือกอีกมาก ทั้งศูนย์การค้า Hypermarket ตามถนนสุขุมวิท และถนนศรีนครินทร์
การเดินทางโดยใช้รถ – การเดินทางถือว่าค่อนข้างสะดวกพอสมควรเพราะอยู่ไม่ไกลจากถนนสุขุมวิทมากนักทำให้สามารถเชื่อมไปยังถนนเส้นอื่นๆ เพื่อเข้า-ออกเมืองได้ ได้แก่ ถนนศรีนครินทร์ และถนนบางนา-ตราด นอกจากนี้ถนนสุขุมวิทยังเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มส่วนต่อขยายที่เป็นสายหลักเข้าไปยังใจกลางเมืองได้ หรือจะออกไปยังบางปู ก็วิ่งออกถนนแพรกษาแล้วไปทะลุออกถนนสุขุมวิทก็ได้เช่นกัน แต่ถนนแพรกษาด้านหน้าโครงการ จะมีรถหนาแน่นนิดนึงนะคะ โดยเฉพาะบริเวณแยกถนนแพรกษากับถนนสุขุมวิทจะติดเป็นพิเศษค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – จัดอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ เพราะโครงการติดถนนใหญ่ ทำให้สามารถใช้รถสาธารณะได้สะดวก และยังมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งรถเมล์ ที่วิ่งเข้าในเมือง ซึ่งมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการ รถสองแถวและรถตู้ ที่วิ่งในพื้นที่บริเวณนี้ และรถแท็กซี่รวมถึงรถไฟฟ้าในอนาคตที่มีระยะห่างโครงการ 850 ม. ซึ่งไม่ใช่ระยะเดิน แต่ก็ทำให้สามารถเข้าเมืองได้สะดวกขึ้น และเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้เป็นสายหลักที่วิ่งในเมืองอยู่แล้วด้วยค่ะ
วัสดุ – วัสดุภายในห้องได้มาคุ้มราคานะคะ ด้วยราคาต่อตร.ม. ที่เริ่มต้น 50,000 บาท และเฉลี่ยที่ประมาณ 55,000 บาท/ตร.ม. โครงการขายแบบ Fully Fitted พื้นห้องได้เป็นลามิเนต 8 mm. ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร โคมไฟดาวไลท์ พื้นห้องน้ำและระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิคไซส์ 30 cm. อุปกรณ์ในห้องน้ำของ American Standard ส่วนครัวได้แต่เคาน์เตอร์ ตู้ลอย ซิงค์ล้างจาน และเตาไฟฟ้า ห้องนอนและห้องอเนกประสงค์มีตู้เสื้อผ้าแถมให้ ถ้าเทียบกับโครงการโซนเอราวัณก็ถือว่าโอเคกว่า ซึ่งก็ Trade Off กันไป เพราะที่ตั้งโครงการที่ไกลกว่า
การออกแบบ – การออกแบบโครงการ สร้างเต็มที่ดินโครงการ 3-1-91 ไร่ โครงการมีรูปแบบที่เรียบง่าย มี 3 อาคาร แยกอาคารร้านค้าออกมาในส่วนที่ติดกับถนน และแยกอาคารพักอาศัยกับอาคารจอดรถทำให้การไปที่จอดรถลำบากขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว Facilities ส่วนกลางแยกชั้นไม่ให้อยู่ชั้นเดียวกับชั้นพักอาศัย ทำให้ชั้นพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวค่ะ ห้องพักมีความสูง 2.6 ม. ทำให้ห้องดุโปร่งดีค่ะ ส่วนการออกแบบภายในห้องตามแบบของคอนโดทั่วไป แต่มีขนาดที่เล็กกว่า ทำให้เตียงต้องวางชิดหน้าต่าง และพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งไม่มีค่ะ ซึ่งก็แลกมากับราคาที่ถูกลงค่ะ
ส่วนวิวด้านนอกโครงการทั้ง 4 ทิศ ตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นมา จะไม่มีอาคารมาบังวิวในระยะประชิดนะคะ ซึ่งเป็นข้อดีของโครงการที่ตั้งอยู่ย่านชานเมือง ทำให้วิวที่ได้เป็นวิวเมืองโล่งๆ สามารถมองไประยะไกลๆได้ค่ะ
สาธารณูปโภค – เรื่องของส่วนกลางที่จัดพื้นที่มาให้ค่อนข้างหลากหลาย คือชั้น 1 และ 35 ทั้งชั้นของอาคารพักอาศัย 35 ชั้น และชั้นดาดฟ้าทั้งชั้นของอาคารจอดรถ เทียบกับจำนวนห้องแล้วถือว่าแน่นไปหน่อย ฟังก์ชั่นต่างๆของส่วนกลางอาจจะมีเล็กบ้างใหญ่บ้างเคล้ากันไป แต่จำนวนที่เยอะและมีฟังก์ชั่นหลากหลายก็ช่วยเรื่องการอยู่อาศัยได้มาก เช่น Sky Lounge ที่ช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ในห้องเล็กหน่อยได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ และทำให้ลูกบ้านทุกห้องไม่ว่าจะอยู่แค่ชั้น 2 ก็สามารถขึ้นมาชมวิวบนยอดตึกได้เช่นกัน ส่วนฟังก์ชั่นของส่วนกลางอื่นๆก็เจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไปอย่างเช่น สนามบาส, Jogging Track และ Co-Working Space ที่ตอบสนองความต้องการของคนที่หลากหลาย แต่ติดอยู่อย่างนึงที่อัตราส่วนลิฟท์ 245 : 1 นั้นหนาแน่นไปหน่อยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 55,000 บาท/ตร.ม., 5 March 2016
- ทำเล 7.25/10 – อยู่ในย่านชานเมือง แต่อยู่ในย่านแหล่งงาน และมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ค่อนข้างสะดวกเพราะใกล้ถนนสุขุมวิทและศรีนครินทร์ แต่รถติดหนาแน่น
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – สะดวกมาก ติดถนนใหญ่จึงมีทางเลือกในการเดินทางหลากหลาย
- วัสดุ 7.75/10 – วัสดุตามมาตรฐานราคา และให้ของครบดี
- แบบ 7.5/10 – รูปแบบโครงการแน่นไปหน่อย แต่ออกแบบห้องมาได้พื้นที่คุ้มค่า และราคาห้องหยิบง่ายดี
- สาธารณูปโภค 8/10 – เยอะและน่าใช้ แต่น่าเสียดายเรื่องอัตราส่วนลิฟท์ที่สูงไปพอสมควร
- ECONOMY CLASS
- 7.5 / 10.00
BOTTOM LINE
Notting Hill สุขุมวิท-แพรกษา เหมาะกับคนวัยทำงานที่มองหาคอนโดอยู่อาศัยในย่านแพรกษา หรือทำงานประจำแถบโรงงานย่านเทพารักษ์ ปู่เจ้าสมิพราย มาจนถึงแถบบางปู ชอบโครงการที่มีส่วนกลางหลากหลาย หวังพึ่งรถไฟฟ้าในอนาคต มีงบประมาณระดับ 1-1.5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 7,000 – 10,500 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )