..วันนี้ผมจะพามารีวิว Modiz Voyage Srinakarin (โมดิซ โวยาจ ศรีนคริทร์) เป็นอีกหนึ่งโครงการของ AssetWise ที่ได้ทำลายสถิติตัวเองอีกครั้ง ด้วยการเป็นคอนโดที่มีส่วนกลางเยอะที่สุดในย่าน และยังเยอะที่สุดในแบรนด์ของตัวเองอีกด้วย ซึ่งถ้าใครที่เป็นคนชอบใช้งาน Facilities อยู่แล้วก็คงจะถูกใจกันไม่น้อยนะครับ รวมถึงยังมีแบบห้องที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการทำธุรกิจเป็นของตัวเองในคอนโดอีกด้วย โดยจะเป็นแบบห้องใหม่ที่เรียกว่า Business Type ส่วนจุดเด่นอื่นๆที่น่าสนใจจะมีอะไรบ้าง ผมได้รวบรวมมาให้แล้วดังนี้
- เป็นคอนโดที่มีส่วนกลางเยอะที่สุดในย่านรวมกว่า 60 ฟังก์ชัน ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั้งหมด 5 ชั้น และมาพร้อมกับ Sky Facilities ให้ขึ้นไปชมวิวได้ 360 องศา
- มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นห้องหน้ากว้าง / ห้องฝ้าเพดานสูง (Vertical Suite) และห้อง Business Type ที่สามารถจดทะเบียนทำธุรกิจได้
- มีการแบ่งโซนในอาคารได้ชัดเจนระหว่าง Resident Type และ Business Type ทำให้มีความเป็นส่วนตัวไม่รบกวนกัน
- ห้องฝ้าเพดานสูงกว่าปกติอยู่ที่ 2.7 – 2.9 m. ในแบบ Simplex ทำให้มีบรรยากาศที่โปร่งโล่ง และสามารถเพิ่มปริมาณพื้นที่เก็บของในแนวตั้งได้ด้วย
- ทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และยังมีรถไฟฟ้าสีอื่นๆที่จะเปิดในอนาคตรวมทั้งหมด 4 สาย ทำให้สามารถ Interchange ที่สถานีใกล้เคียงได้สะดวก
ข้อมูลโครงการ
Modiz Voyage Srinakarin (โมดิซ โวยาจ ศรีนคริทร์) ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2566
ชื่อโครงการ | Modiz Voyage Srinakarin (โมดิซ โวยาจ ศรีนคริทร์) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนน ศรีนครินทร์ เขต หัวหมาก |
ที่ดิน | 3-2-85.4 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise สูง 37 ชั้น |
จำนวนยูนิต | 813 ยูนิต (แบ่งเป็น ห้องพักอาศัย 638 ยูนิต, ห้องเพื่อการพาณิชย์ 170 ยูนิต และร้านค้า 5 ยูนิต) |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 31 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 40% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน (รวมช่องจอด EV Charger) |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2566 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2569 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง |
|
ราคาเริ่มต้น | 1.99 ล้านบาท** (Promotion) |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 113,000 บาท/ตร.ม. |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | https://bit.ly/47aXFbA |
Call Center | 02-168-0000 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์ และใกล้แยกลำสาลี สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆได้ง่าย และรถบนถนนช่วงนี้ก็ไม่ค่อยติด เดินทางได้สะดวก
- ใกล้จุด Interchange ของรถไฟฟ้า 4 สายหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นสายสีเหลือง / แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และในอนาคตก็จะมี สายสีส้ม + สายสีน้ำตาลด้วย
- เป็นทำเลที่ไม่มีตึกสูงข้างเคียงบังวิว แลกกับความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ที่ค่อนข้างน้อยอยู่ในปัจจุบัน
พิกัด Google Maps : 13.754076, 100.645601
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
..โครงการ Modiz Voyage Srinakarin (โมดิซ โวยาจ ศรีนคริทร์) ตั้งอยู่ติดถนนศรีนครินทร์ใกล้กับแยกลำสาลี ซึ่งจุดเด่นของบริเวณนี้ก็คือ มีตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถที่สามารถไปขึ้นทางด่วนพระราม 9 ได้ในเวลาเพียง 5 – 10 นาที เพราะรถตรงแถวๆช่วงนี้จะไม่ค่อยติดเลยครับ รวมถึงยังสามารถเชื่อมต่อกับทำเลข้างเคียงอื่นๆได้สะดวกอีกด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้ โดยเมื่อเร็วๆนี้รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองก็เพิ่งจะเปิดให้บริการไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเราสามารถไป Interchange เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสีอื่นๆได้ในระยะเพียง 1 – 2 สถานีเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีส้ม+สายสีน้ำตาล (ในอนาคต) ที่สถานีแยกลำสาลี และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ที่สถานีหัวหมาก
ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า บริเวณใกล้ๆกับโครงการปัจจุบันจะยังไม่ค่อยมีอะไรมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นพวกโรงแรม และอาคารสำนักงานไปซะหมด จึงอาจต้องขับรถไปพึ่งทำเลใกล้เคียงอย่าง หัวหมาก รามคำแหง และบางกะปิ ซึ่งจะมีตลาดและห้างสรรพสินค้าอยู่เยอะเลยทีเดียวครับ หรือถ้าเป็นสมัยนี้เราก็อาจใช้บริการของ Application ในการสั่งอาหาร เข้ามาเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกก็ได้เหมือนกัน
รถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด :
ปัจจุบันคือ MRT สถานีศรีกรีฑา อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 750 m. ซึ่งทางโครงการจะมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งลูกบ้านในอนาคตด้วย
ส่วนถ้าเป็นการเดินถึงแม้จะมีระยะใกล้กว่าอยู่ที่ประมาณ 350 m. ก็จริง แต่ผมลองเดินดูแล้วก็ยังไม่ค่อยแนะนำครับ เนื่องจากติดที่จะต้องข้ามถนนตรงวงแหวนนั่นเอง และปัจจุบันก็ยังไม่มีสะพานลอยหรือทางม้าลายให้ใช้งานเลยด้วย
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
จะเป็นจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช (ด่านพระราม 9) โดยจะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 5.9 km. ซึ่งใช้เวลาประมาณ 7 – 10 นาทีเท่านั้นก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้วครับ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าทำเลถนนช่วงนี้รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ ทำให้สามารถเข้าเมืองได้ค่อนข้างสะดวก
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนแนวราบ และเป็นอาคารสำนักงานที่สูงไม่เกิน 8 ชั้น จึงทำให้ได้วิวที่ค่อนข้างโล่งกว้าง มองไปได้ค่อนข้างไกล และไม่ค่อยโดนบล็อควิวเยอะเหมือนทำเลเพื่อนบ้านใกล้เคียงเท่าไหร่นัก ประกอบด้วย
- ทิศเหนือ : ติดกับ บริษัทกรีนสปอต ซึ่งมีที่ดินผืนใหญ่มากๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลานจอดรถและอาคารสำนักงานเล็กๆ ส่วนระยะไกลสามารถมองไปทางแยกลำสาลี-บางกะปิได้ครับ
- ทิศใต้ : ติดกับ ชุมชนแนวราบและอาคารสำนักงานสูง 8 ชั้น ส่วนระยะไกลจะมองไปทางพัฒนาการ-ศรีนครินทร์ แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ ถนนวงแหวนที่ค่อนข้างสวยเลยทีเดียว
- ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าหลักของโครงการ ติดกับ ถนนศรีนครินทร์และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงแรมสูงหลายสิบชั้น
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ชุมชนแนวราบ ได้วิวทางฝั่งหัวหมาก-รามคำแหง
เรามาเดินดูบรรยากาศรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ ซึ่งด้านหน้าจะเป็นถนนศรีนครินทร์ และด้านขวาจะอยู่ติดกับบริษัทกรีนสปอตแบบนี้เลย
ส่วนทางด้านซ้ายของโครงการก็จะอยู่ติดกับอาคารสำนักงานสูงประมาณ 8 ชั้น ซึ่งก็มีค่อนข้างหลากหลายบริษัทเลยทีเดียวครับ
และเนื่องจากตัวโครงการจะตั้งอยู่ตรงจุดทางโค้งพอดี ดังนั้นหากใครที่ขับรถมาจากทางพัฒนาการ – พระราม 9 ก็อาจต้องหาจุดสังเกตดีๆสักนิดนึง ไม่งั้นก็อาจขับรถเลยได้ง่ายๆเลย
โดยถ้าเราขับเลยวงแหวนของแยกหัวหมาก-กรุงเทพกรีฑามาแล้ว ก็ให้ชิดซ้ายเอาไว้ได้เลย (ตรงตึกมาม่าและเลนโซ่) ซึ่งตัวโครงการจะอยู่ตรงทางโค้งฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม The Grand Fourwings Convention นั่นเองครับ
ปัจจุบันสำนักงานขายจะตั้งอยู่ติดถนนทางด้านหน้าแบบนี้ และมีที่จอดรถด้านในให้บริการ (อนาคตถ้าตึกสร้างเสร็จก็จะรื้อถอนบริเวณนี้ออก และเปลี่ยนเป็นสวนแทนครับ)
ภายในสำนักงานขายจะมีทั้งโมเดลและห้องตัวอย่างให้ดู ซึ่งก็จะมีอยู่ทั้งหมด 2 ชั้น พร้อมกับมีพนักงานขายให้ติดต่อสอบถามได้ตลอดเวลาครับ
นอกจากนี้ยังมี Welcome Drink จากร้านกาแฟ Black Winter คอยให้บริการด้วยนะครับ ซึ่งกาแฟที่ผมได้ลองชิมก็คือ Black Voyage ที่เป็นตัว Signature ของโครงการนี้โดยเฉพาะ
โดยจะเป็นกาแฟผสมน้ำผลไม้หอมสดชื่นและอร่อยดีครับ หรือถ้าใครอยากสั่งเป็นเมนูอื่นทางร้านก็มีให้เลือกอีกเยอะเลย
(ปล.ถ้ามีลูกค้าชื่นชอบกันเยอะ หรือได้ผลตอบรับดี นี่ก็อาจเป็นหนึ่งในร้านที่จะมาเปิดใน Shopใต้ตึกก็ได้นะครับ ถ้าใครสนใจก็สามารถลองแวะไปชิมกันได้นะ)
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตลาดบางกะปิ ~ 1.6 km.
- The Mall บางกะปิ ~ 1.7 km.
- HappyLand Center ~ 2.2 km.
- Makro ลาดพร้าว ~ 2.3 km.
- Lotus’s บางกะปิ ~ 2.8 km.
- HomePro รามคำแหง ~ 3.2 km.
- ธัญญาพาร์ค ~ 3.6 km.
- The Paseo Town รามคำแหง ~ 3.7 km.
- Sammakorn Place รามคำแหง ~ 4.7 km.
- เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม ~ 5 km.
- Big C รามคำแหง ~ 7.8 km.
โรงพยาบาล
- รพ.รามคำแหง ~ 1.9 km.
- รพ.เวชธานี ~ 3.1 km.
- รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 3.3 km.
- รพ.ลาดพร้าว ~ 4.7 km.
- รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง ~ 4.8 km.
โรงเรียน
- รร.บางกะปิ ~ 2.3 km.
- Ramkhamhaeng Advent International School ~ 2.6 km.
- ม.อัสสัมชัญ (ABAC) ~ 3.1 km.
- รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ~ 3.6 km.
- Wellington College International School Bangkok ~ 3.6 km.
- ม.รามคำแหง ~ 4 km.
- รร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ~ 5.3 km.
- รร.นวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ~ 7.2 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- เป็นโครงการที่มีจำนวน Facilities เยอะที่สุดในย่านรวมกว่า 60 ฟังก์ชัน
- มี Sky Facilities ให้ขึ้นไปใช้งาน ทำให้สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา
- มีการแยกโซนกันชัดเจนระหว่างห้อง Resident Type และ Business Type ไม่ว่าจะเป็นโถงทางเดินในชั้นพักอาศัย และการใช้งานลิฟต์โดยสาร ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัว
..โครงการ Modiz Voyage Srinakarin (โมดิซ โวยาจ ศรีนคริทร์) เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-2-85.4 ไร่ และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 813 ยูนิต ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการใหม่จากทาง AssetWise ที่ได้ทำสถิติมีจำนวนฟังก์ชันส่วนกลางเยอะที่สุดในย่าน และยังเยอะที่สุดในแบรนด์ของตัวเองอีกด้วย ซึ่งก็คงจะถูกใจคนที่ชอบใช้งาน Facilities อยู่ไม่น้อยครับ เพราะอัดแน่นมาให้มากกว่า 60 ฟังก์ชันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของ AssetWise ที่ได้มีการทำห้องคอนโดที่สามารถจดทะเบียนบริษัทสำหรับทำธุรกิจจริงจังได้อีกด้วย โดยเค้าจะเรียกห้องแบบนี้ว่า Business Type ตอบโจทย์กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มประกอบธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการอยู่อาศัยในคอนโดที่โดดเด่นด้านทำเล สามารถเดินทางสะดวก มีส่วนกลางให้ใช้งานเยอะ และยังอยู่ในงบประมาณที่จับต้องได้ง่ายกว่าการไปซื้อโฮมออฟฟิศนั่นเอง ส่วนรายละเอียดของโครงการนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้างเราไปชมกันเลยครับ
Master Plan ของโครงการจะมีการร่นระยะเข้าไปจากถนนใหญ่ค่อนข้างเยอะ โดยจัดเป็นพื้นที่สวนสีเขียวทำให้ดูสดชื่นและมีความสวยงาม อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นทั้งส่วนต้อนรับ และเป็น Buffer คอยกันฝุ่นหรือมลพิษต่างๆจากถนนใหญ่ได้อีกด้วย ซึ่งรอบๆอาคารจะเป็นถนนที่เดินรถแบบ One Way ให้สามารถไปอ้อมขึ้นที่จอดรถทางด้านหลังได้ และยังมีที่จอดรอบๆอาคารสำหรับ EV Charger และ Visitor ด้วยครับ
ฟังก์ชันภายในอาคารชั้น 1 หลักๆจะเป็นพื้นที่โซนต้อนรับอย่าง Lobby และ Multi-Working Space ที่สามารถใช้รับรองแขกภายนอก และยังสามารถนั่งทำงานหรือพูดคุยร่วมกันได้ด้วย รวมถึงยังมีพื้นที่ร้านค้าอีก 5 ยูนิต ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านได้ดีในอนาคต (ในเรื่องของกรรมสิทธิ์และประเภทร้านค้า อาจต้องสอบถามกับทางโครงการอีกครั้งหนึ่งนะ)
เรามาดูบรรยากาศจากโมเดลกันสักหน่อยครับ โดยทางเข้าด้านหน้าจะแบ่งเป็น 2 ทางหลักๆคือ ทางเข้าของรถยนต์ที่จะต้องผ่าน Main Gate เป็นไม้กั้นกระดกระบบ Easy Pass ก่อนตามปกติ
และจะมีทางคนเดินที่จะสามารถชมสวน Sanctuary Garden และมุมน้ำตกที่จัดอย่างสวยงามอยู่ด้านหน้าได้ครับ ซึ่งทำให้ช่วยปรับอารมณ์ความวุ่นวายจากภายนอก ก่อนที่จะกลับเข้ามาพักผ่อนในโครงการได้เป็นอย่างดี
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะเห็นว่ามีกำแพงทำเป็นป้ายชื่อโครงการชัดเจน และมีพื้นที่สีเขียวประดับไว้ทางด้านหน้าสวยงามดีทีเดียว
ทางเดินของสวน Sanctuary Garden จะสามารถตรงไปยัง Lobby ที่อยู่ใต้อาคารได้โดยตรง แต่อาจมีช่วงที่จะต้องเดินข้ามถนนภายในอยู่ด้วยสักหน่อย ดังนั้นจึงต้องใช้ความระมัดระวังกันสักนิดนึงด้วยนะครับ
แต่สำหรับทางเดินรถจะมีจุด Drop-Off อยู่ด้านข้างของอาคารแบบนี้ สามารถจอดรับ-ส่งคนได้ตรงนี้เลย และถ้าเป็นลูกบ้านก็สามารถตรงไปขึ้นชั้นจอดรถที่อยู่ด้านในได้เลยครับ
โดยระหว่างทางก็จะมีช่องจอด EV Charger ให้บริการด้วย ใครที่ใช้รถพลังงานไฟฟ้าก็สามารถมาชาร์จไฟตรงนี้กันได้
ทางลงชั้นจอดรถจะอยู่แยกออกมาทางด้านหลัง และอีกด้านของอาคารก็จะมีทั้งที่จอดรถ Visitor + ที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงยังเป็นทางเดินรถที่สามารถวนกลับออกไปด้านนอกอาคารก่อนหน้านี้ได้อีกด้วย
ภายในอาคารชั้น 1 จากโมเดลเราจะเห็นได้ว่า เป็นพื้นที่แบบฝ้าเพดานสูง Double Volume ทำให้ดูโปร่งโล่ง และยังรายล้อมไปด้วยช่องกระจกขนาดใหญ่ ทำให้เชื่อมต่อกับธรรมชาติอย่างสวนและผืนน้ำรอบๆได้อีกด้วย
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Grand Living Area ที่อยู่ทางด้านหน้าสุด เป็นพื้นที่ส่วนต้อนรับที่สามารถใช้รับรองแขกได้ บรรยากาศภายในมีความสว่างโปร่งโล่ง และล้อมรอบด้วยกระจกทั้ง 3 ด้าน ทำให้เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอกได้เป็นอย่างดี
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Lobby อีกด้านหนึ่ง ภายในมีชุดโซฟาสำหรับนั่งคอย และเป็นพื้นที่ Double Volume เชื่อมต่อไปยังชั้นบนได้ด้วย
อีกด้านหนึ่งตรงบริเวณทางเข้าจาก Drop-Off จะมีบันไดขนาดใหญ่ ให้เราสามารถเดินขึ้นไปใช้งาน Facilities ที่อยู่ด้านบนได้ โดยเฉพาะ Multi-Working Space และร้านค้าต่างๆที่จะมาเปิดให้บริการในอนาคต
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Grand Lobby เป็นพื้นที่รับแขกอีกจุดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่และสามารถรองรับแขกได้มากขึ้น โดยจัดเป็นพื้นที่โซฟามาให้ 2 ตัว หรือใครจะมานั่งเล่นพักผ่อนกันก็ได้ครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Business Grand Lobby จัดเป็นพื้นที่ให้มีโต๊ะเก้าอี้ขนาดใหญ่ ให้สามารถนั่งประชุมหรือคุยงานกันได้แบบจริงจังมากขึ้น
ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เหมาะจะใช้รับแขกที่ไม่ค่อยสนิท เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพาขึ้นไปชั้นบนของอาคารให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ
แปลนชั้น 9 จะเป็นหนึ่งในชั้น Main Facilities ที่มีพื้นที่ส่วนหนึ่งแบ่งเป็นโซนของ Resident แยกออกไป โดยมีประตูกระจกที่ต้องใช้ Key Card กั้นเอาไว้เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว มีเพียง 12 ยูนิตเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชอบใช้ Facilities บ่อยๆ เพราะสามารถเดินมาจากห้องพักอาศัยในชั้นเดียวกันได้สะดวกมาก
ในส่วนของ Facilities หลักๆจะประกอบด้วยฟังก์ชันสำหรับนั่งพักผ่อน พื้นที่นั่งทำงาน ห้องครัวทำอาหาร พื้นที่นั่งดินเนอร์และปาร์ตี้ ห้องดูหนัง ห้องถ่ายงานสตูดิโอ ห้องประชุม และอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงยังมีพื้นที่สวนสีเขียวขนาดใหญ่ ให้เราได้ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศภายนอกกันอีกด้วย
จากโมเดลเราจะเห็นว่าพื้นที่ภายใน Facilities จะเป็นฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume และเชื่อมต่อมายังพื้นที่สีเขียวที่อยู่ภายนอกได้ โดยนอกจากจะมีจุดให้เดินเล่นและนั่งทำงานใต้ต้นไม้ได้แล้ว ยังมี Pavilion ขนาดใหญ่ให้พอหลบแดดในช่วงกลางวันได้อีกด้วยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Dinning Area ภายในมีการจัดเป็นชุดโต๊ะขนาดใหญ่ 8 ที่นั่ง ให้สามารถนั่งทานอาหารร่วมกันได้อย่างจริงจัง หรือจะจองห้องเป็นพื้นที่จัดปาร์ตี้ส่วนตัวก็ได้นะครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Co-Kitchen Area ภายในมีเคาน์เตอร์ครัวพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ให้เรายืมใช้ครัวทำอาหาร หรืออาจจ้างเชฟจากภายนอกมาทำให้ทานก็ได้ ซึ่งก็เป็นฟังก์ชันที่จะต้องจองกับนิติก่อนอีกเช่นกันครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Live Studio เหมาะกับคนที่ทำงานเป็นสายช่างภาพ ถ่ายวิดีโอ หรือ Youtuber เพราะภายในจะมีพวกอุปกรณ์แสงไฟ และฉากหลังให้ยืมใช้งานครบ หากใครที่เป็นสายทำ Content ก็สามารถมาจองห้องเพื่อใช้งานกันได้ครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ The Greenery ที่เป็นพื้นที่สีเขียวแบบเล่นระดับภายนอก ให้เราสามารถมาเดินเล่นและเปลี่ยนบรรยากาศนั่งทำงานด้านนอกกันได้ รวมถึงยังมี Outdoor Work Space ให้เรามานั่งหลบแดดกันร่มๆได้อีกด้วย
แปลนชั้น 11 – 19 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor ที่ตรงกลางจะมีประตูกระจกกั้นโซน Business Type แยกออกจากโซนของ Resident Type เพื่อทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้น
เนื่องจากโซนของ Business Type เป็นห้องพักอาศัยที่มีการประกอบธุรกิจ ซึ่งอาจต้องมีพนักงานหรือแขกจากภายนอกขึ้นมาบนห้องด้วยนั่นเอง ทางโครงการจึงแบ่งโซนของโถงทางเดิน และโซนการใช้งานลิฟต์โดยการให้แยกออกจากกันไปเลย
ดังนั้นคนที่จะขึ้นมายังชั้น Business Type ก็จะถูกกำหนดให้ขึ้นมาด้วยลิฟต์ 2 ตัวทางด้านซ้ายเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าของห้องต้องการไปยังชั้น Facilities อื่นๆ ก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนมาใช้ลิฟต์หลัก 4 ตัวทางด้านขวา ซึ่งก็จะต้องใช้ Key Card ในการเข้า-ออก เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยครับ
แปลนชั้น 20 – 30 ในโซนของ Business Type จะเปลี่ยนไปเป็นห้องพักอาศัยแบบ Vertical Suite หรือห้องฝ้าเพดานสูง ซึ่งก็จะมีความโปร่งโล่งและให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากขึ้น
ในขณะที่ฝั่งของ Resident Type ก็จะยังคงเป็นห้องแบบ Simplex เช่นเดิม โดยความน่าสนใจก็คือ 1 Bedroom Extra Wide ที่เป็นห้องแบบหน้ากว้าง Signature ของโครงการ ที่จะมีไปจนถึงชั้น 31 เลยนั่นเอง
แปลนชั้น 31 ตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไปจะเป็นห้องแบบ Resident Type ทั้งหมดครับ โดยจะมีเพื่อนร่วมชั้น 31 ยูนิต และมีอัตราส่วนลิฟต์ประมาณ 135 : 1 ถือว่าค่อนข้างสูงอยู่ในระดับหนึ่งเลย
สำหรับแบบห้องจะมีให้เลือก 4 Type ด้วยกัน และแบ่งเป็นโซนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่ห้องทางทิศใต้จะเน้นเป็นห้องหน้ากว้าง สามารถชมวิวรถไฟฟ้าและทางด่วนได้
ในขณะที่ห้องทางทิศเหนือจะเน้นเป็นห้องขนาดใหญ่ และมองวิวเมืองทางฝั่งบางกะปิเป็นหลัก แถมแดดก็ยังไม่ร้อนอีกด้วย ใครชอบแบบไหนมากกว่าก็ลองพิจารณากันดูครับ
แปลนชั้น 32 เป็นชั้น Main Facilities ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องไปได้จนถึงชั้น 33 โดยจะเป็นฟังก์ชันแบบ Active Zone ที่เน้นการออกกำลังกายเป็นหลัก ซึ่งนอกจาก Fitness และ Swimming Pool ขนาด 4.5 x 25 m. ที่สามารถออกกำลังกายได้จริงจังแล้ว
ยังมีฟังก์ชันที่น่าสนใจอย่าง Private Chromo Therapy หรือบ่อแช่ออนเซ็นส่วนตัว / Steam / Sauna / Spa & Massage Room และ Beauty and Salon Room ซึ่งรับรองว่าคนสาย Healthy และรักสวยรักงามจะต้องชอบชั้นนี้มากๆแน่นอนครับ
จากโมเดลชั้น Main Facilities นี้จะอยู่ที่ชั้น 32 – 33 จึงทำให้นอกจากเราจะได้มาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพดีๆแล้ว ยังสามารถชมวิวแบบ 360 องศาได้อีกด้วย เพราะโดยรอบจะไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิวเลยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำบนชั้น 33 เป็นสระแบบกลางแจ้ง ที่เราสามารถว่ายออกกำลังกายไป และชมวิวไปด้วยได้
ซึ่งนอกจากสระว่ายน้ำหลักแล้ว ยังมีการแบ่งเป็นสระเด็ก และพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนในโซนน้ำตื้นอีกด้วย ส่วนต้นไม้ก็จะให้บรรยากาศผ่อนคลายเหมือนอยู่รีสอร์ทดีครับ
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Voyage Gym เป็นฟังก์ชันที่มีการตกแต่งเป็นโทนสีเข้มได้ดูเท่ และทันสมัยแตกต่างจากฟังก์ชันอื่นๆพอสมควร
ภายในมีอุปกรณ์ต่างๆให้ใช้งานได้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน และเครื่องยกน้ำหนัก ซึ่งผนังทั้ง 2 ด้านเป็นกระจกทั้งหมด จึงสามารถออกกำลังกายไปและชมวิวไปด้วยเพลินๆได้ครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Beauty and Salon Room เป็นห้องที่เราสามารถจองเพื่อเรียกช่างจากภายนอกมาให้บริการถึงที่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องพาขึ้นไปบนห้องให้เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเอง
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Spa & Massage Room เช่นเดียวกับห้อง Beauty and Salon Room เราสามารถเรียกช่างจากภายนอกให้มาบริการเราที่นี่ได้ครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Private Chromo Therapy ซึ่งจะเป็นบ่อออนเซ็นไว้แช่น้ำอุ่นเพื่อความผ่อนคลาย โดยจะแยกการใช้งานระหว่างชาย-หญิงเพื่อความเป็นส่วนตัว แน่นอนว่าเราสามารถแช่น้ำไป และชมวิวจากช่องหน้าต่างที่อยู่ด้านข้างไปด้วยได้แบบนี้เลยครับ
แปลนชั้น 34 – 37 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบ Vetical Suite ของห้องแบบ Resident Type โดยจะมีจุดเด่นคือ วิวมุมสูงของโครงการ และความเป็นส่วนตัวที่มากกว่าชั้นอื่นๆ เนื่องจากตัวอาคารจะเหลือโซนห้องพักอาศัยเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 20 ยูนิต
สำหรับห้องที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ 2 ห้องที่อยู่ในกรอบสีแดง เนื่องจากเป็นห้องที่ไม่มีผนังอยู่ติดกับเพื่อนบ้านเลย จึงหมดปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากห้องข้างๆไปได้เยอะพอสมควร (แต่ถ้าเป็นห้องที่อยู่ติดลิฟต์ อาจต้องรอดูของจริงอีกทีว่าจะมีเสียงของลิฟต์หรือเปล่านะครับ แถมประตูห้องก็ยังอยู่ใกล้โถงลิฟต์มากที่สุดหลักด้วย)
แปลนชั้น Rooftop เป็นชั้นดาดฟ้าที่จัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ให้เราสามารถขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน หรือมาชมวิวมุมสูงกันได้ครับ โดยเฉพาะใครที่ห้องพักอยู่ชั้นไม่สูงมาก ก็สามารถขึ้นมาชมวิว 360 องศาที่ชั้นนี้กันได้เลย
และจากโมเดลเราจะเห็นว่า เค้ามีการออกแบบให้พื้นที่ Rooftop เป็นทางลาดให้เราได้เดินออกกำลังกายกันได้ รวมถึงยังมีศาลาและจุดนั่งเล่นต่างๆ ให้เราได้ใช้งานกันด้วยครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้น G
- Recreation Point
- Sanctuary Garden
- EV Charger
- Lobby
- Grand Lobby
- Welcome Zone
- Foyer Sitting Area
- Working Area
- Multi-Working Space
- Business Grand Lobby
ชั้น 9
- Dining Terrace
- Dining Hall
- Chef’s Playground
- Theater Room
- Magic Circle Seat
- Chilling Seating
- Resting Spot
- Lounging Seat
- Relaxation Seating Area
- Curved Seat
- Cozy Corner
- Idea Quite Corner
- Private Seating Area
- Conference Room
- Meeting Room
- Cozy Seating Area
- Sunken Seating Area
- Live Preparation Area
- Live Studio
- Semi-Outdoor Lounge
- The Greenery
- Outdoor Work Space
ชั้น 32
- Sky Front Jacuzzi
- Pool Bed Area
- Island Relax Chair
- Cloud Pool ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 25 m.
- Sunded Area
- Sky Chair
- Kid Pool
- Outdoor Shower
- Seat Terrace
- Living Area
- The Locker & Dressing Space (L)
- Ladies’ Sauna
- Ladies’ Steam
- Ladies Private Chromo Therapy
- Gentlemen Private Chromo Therapy
- Gentlemen Steam
- Gentlemen Sauna
- The Locker & Dressing Space (G)
- Resting Place
- Spa & Massage Room
- Beauty and Salon Room
- Voyage Gym
- Health Station
- Course Studio
- Spining Bike Room
ชั้น Rooftop
- Ska Walk Garden
- Floating Sky Deck
- Sky Bar
- Point View
- ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 135 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 40% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card Access / Finger Scan
แบบห้อง
Highlights :
- มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นห้องหน้ากว้าง / ห้องฝ้าเพาดานสูง และห้อง Business Type ที่สามารถจดทะเบียนทำธุรกิจได้
- ห้องแบบ Resident Type ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบพร้อมเข้าอยู่
- ห้องแบบ Business Type ได้ฝ้าเพดานที่สูงมากกว่า Resident Type ทำให้มีความสูงโปร่ง และสามารถเพิ่มปริมาณพื้นที่เก็บของแนวตั้งมากขึ้นได้อีกด้วย โดยจะได้เป็นห้องเปล่าให้เราจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะกับธุรกิจของแต่ละคนได้เองครับ
- ห้องแบบ Vertical Suite นอกจากจะได้ฝ้าเพดานสูงพิเศษ ทำให้โปร่งโล่งและมีบรรยากาศเหมือนอยู่บ้านแล้ว ชั้นลอยด้านบนยังมีขนาดใหญ่มาก เทียบเท่าห้องปกติ 1 ห้องได้เลยทีเดียว จึงสามารถจัดฟังก์ชันและใช้ประโยชน์ได้เต็มที่มากขึ้น
..โครงการ Modiz Voyage Srinakarin (โมดิซ โวยาจ ศรีนคริทร์) มีแบบห้องให้เลือกเยอะเลยครับ แต่ที่พิเศษก็คือ จะมีแบบห้องหน้ากว้างเป็น Signature ที่หลายๆคนค่อนข้างให้ความสนใจไม่น้อย รวมถึงยังมีแบบห้อง Vertical Suite ที่ได้ฝ้าเพดานสูงโปร่งเหมือนอยู่บ้าน
และถือเป็นครั้งแรกของ AssetWise ที่มีห้องแบบ Business Type ให้เลือกอีกด้วย ซึ่งตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากอยู่คอนโด แต่ก็ต้องการทำธุรกิจไปด้วยนั่นเอง โดยแบบห้องต่างๆก็จะมีให้เลือกดังต่อไปนี้
Resident Type
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 24.6 – 26.8 ตร.ม.
- 1 Bedroom Extra Wide พื้นที่ใช้สอย 25.8 – 26.4 ตร.ม.
- 1 Bedroom Exclusive พื้นที่ใช้สอย 23.4 – 27.3 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34 – 34.6 ตร.ม.
- 1 Bedroom Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 24.8 – 26.3 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 34 – 34.8 ตร.ม.
Business Type
- 1 Bedroom Smart Suite พื้นที่ใช้สอย 24.5 – 29.7 ตร.ม.
- 1 Bedroom Wise Suite พื้นที่ใช้สอย 34.1 – 34.9 ตร.ม.
- 1 Bedroom Smart Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 24.8 – 29.6 ตร.ม.
- 1 Bedroom Wise Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 34.9 – 35 ตร.ม.
รายการวัสดุมาตรฐาน ประกอบด้วย
- พื้นกระเบื้องยาง SPC (Stone Plastic Composite)
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก COTTO
- Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์
- ชุดเครื่องครัวจาก TEKA
และในส่วนของเฟอร์นิเจอร์แต่ห้องจะมีความแตกต่างกันครับ โดยห้องแบบ Resident Type จะขายแบบ Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ ขาดแค่เพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย
ส่วนห้องแบบ Business Type จะเป็นห้อง Fully Fitted ที่ให้เฉพาะชุดครัว Built-in และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นมาตรฐานเท่านั้น ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นๆเราจะต้องเผื่องบในการตกแต่งเพิ่มเติมเองนะครับ
- 1 Bedroom Extra Wide พื้นที่ใช้สอย 25.8 – 26.4 ตร.ม.
เรียกได้ว่าเป็นแบบห้อง Signature ของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ครับ จุดเด่นคือ เป็นห้องหน้ากว้างที่สามารถแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วนดีมากๆ รวมถึงยังทำให้ทุกฟังก์ชันสามารถอยู่ติดกับช่องแสง และทำให้พื้นที่ภายในดูสว่างโปร่งโล่งมากๆอีกด้วย
บริเวณกลางห้องจะเป็น Living Area และ Dining Area เป็นจุดศูนย์กลางของห้องที่ผมชอบมากๆ โดยเฉพาะส่วนของโต๊ะทานอาหารที่อยู่ติดกับช่องแสง ทำให้เราสามารถนั่งชมวิวภายนอกไปด้วยได้เพลินๆ หรือจะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่งทำงานก็ได้
ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่มีประตูกระจกกั้นแยกเป็นสัดส่วน แต่ก็ยังคงมีพื้นที่เชื่อมต่อกันทำให้ดูกว้างขวางโปร่งโล่ง ส่วนฟังก์ชันใช้งานอื่นๆอย่าง ห้องครัว ระเบียง และห้องน้ำ จะอยู่แยกออกไปอีกด้านหนึ่งของห้องเป็นสัดส่วน ภาพรวมของห้องนี้จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ซึ่งเป็นคนที่ชอบบรรยากาศกว้างขวางโปร่งโล่งเป็นพิเศษนั่นเอง
เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Common Area ซึ่งอยู่ตรงกลางห้องพอดี โดยเราจะเห็นได้ว่าบรรยากาศห้องมีความกว้างขวางและสว่างโปร่งโล่งดีทีเดียว
แต่ถึงแม้ภายในจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นส่วนใหญ่ ด้วยลักษณะแปลนห้องและมุมมองหน้าห้องแบบนี้ ก็ไม่ได้ทำให้ฟังก์ชันอื่นๆเสียความเป็นส่วนตัวเลยครับ
อีกหนึ่งความพิเศษก็คือ ความสูงของฝ้าเพดานที่มากกว่าปกติอยู่ที่ 2.7 m. จึงทำให้รู้สึกถึงความสูงโปร่ง และปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง SPC ที่ทนความชื้นได้ดีกว่าไม้ลามิเนต
พื้นที่ด้านหน้าห้องจะเป็น Living Area ที่มีระยะดูทีวีกว้าง 2.5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้พอดีๆ ซึ่งเซ็ตเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาก็จะประกอบด้วย
ชั้นวางทีวี / โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และเครื่องปรับอากาศ (หน้าตาอาจไม่ได้เหมือนในห้องตัวอย่าง ลองสอบถามโครงการอีกครั้งนะครับ)
นอกจากนี้ที่ผนังด้านข้างโซฟาจะเห็นแผงควบคุมของระบบ Bluetooth Sound System มาให้ด้วย ซึ่งเราสามารถเปิดเพลงผ่านลำโพงที่ฝังอยู่บนฝ้าเพดานของห้องแบบนี้ได้เลย
ถัดมาจะเป็นโต๊ะนั่งทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งจะอยู่ติดกับช่องแสงขนาดใหญ่แบบนี้เลยครับ (ของจริงน่าจะได้เป็นโต๊ะกลมที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน แต่ถ้าใช้เป็นโต๊ะที่หันออกไปชมวิวด้านนอก เหมือนกับในห้องตัวอย่างก็น่าสนใจไม่น้อยนะครับ)
และสำหรับใครที่มีแพลนอยากเปลี่ยนโต๊ะหรือจัดมุมตรงนี้ใหม่ ผมก็ได้วัดระยะเผื่อมาให้แล้วนะ โดยจะมีความกว้างอยู่ที่ 1.9 m. โดยนอกจากเราจะใช้เป็นโต๊ะนั่งทานอาหารได้แล้ว ผมก็คิดว่ายังเหมาะที่จะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่งทำงานได้อีกด้วย
ถัดมาเราจะมาดูห้องทางฝั่งซ้ายมือกันก่อน ซึ่งจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ทำให้มีความเป็นสัดส่วนแต่ก็ยังคงมีพื้นที่เชื่อมต่อกันดูกว้างขวางดี และถ้าใครที่ต้องการเพิ่มความเป็นส่วนตัว ก็อาจติดผ้าม่านเอาไว้เลื่อนปิดตอนมีแขกก็ได้นะครับ
ประตูกระจกบานเลื่อนเป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำ พร้อมกระจกใสแบบธรรมดา และมีตัวล็อคเพื่อความเป็นส่วนตัวจากด้านใน
ซึ่งเวลาเดินผ่านก็อาจต้องระวังสะดุดรางที่พื้น หรือต้องคอยทำความสะอาดฝุ่นในรางกันด้วยนะครับ แต่ข้อดีก็คือ สามารถกันเสียงและแอร์ได้ดีกว่ารางแบบแขวนลอยนั่นเอง
เข้ามาภายในห้องนอนจะมีขนาดใหญ่ใช้งานได้พอดีๆ (กว้าง 2.5 x 3.4 m.) แต่ที่ชอบมากๆก็คือ ช่องแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเตียง ที่ทำให้บรรยากาศสว่างโปร่งโล่งนั่งเอง
ซึ่งช่องแสงที่ว่าจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งด้านข้าง ที่สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้ด้วยนะครับ โดยกรอบก็จะเป็นอลูมิเนียมสีดำเหมือนประตูเลย
แต่กระจกจะเปลี่ยนมาใช้เป็นสีเขียวตัดแสง เพื่อให้ช่วยกรองแสงและความร้อน ที่มาจากภายนอกได้ด้วยนั่นเอง
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่แต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า ซึ่งทางโครงการจะ Built-in ตู้แบบนี้มาให้ พร้อมฐานเตียงขนาด 5 ฟุตเหมือนห้องตัวอย่างเลย โดยที่เราอาจต้องทำโต๊ะแต่งหน้าเพิ่มเติมเองนะ
พื้นที่รอบเตียงมีขนาดเหลือให้ใช้งานได้พอดีๆ ซึ่งขนาดห้องนี้จำเป็นที่จะต้องวางเตียงด้านหนึ่งให้ชิดกับหน้าต่างไปเลย และจะทำให้เหลือพื้นที่แต่งตัวกว้าง 1 m. กับพื้นที่ปลายเตียง 50 cm. ให้ขึ้น-ลงได้สะดวก
อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีโถงทางเดินเล็กๆ แยกฟังก์ชันใช้งานอื่นๆออกไปเป็นสัดส่วน ประกอบด้วย ระเบียง ห้องครัว และห้องน้ำ
ดังนั้นสิ่งที่จะต้องแลกมาก็คือ เวลาที่เราจะอาบน้ำหรือใช้งานตอนกลางคืน ก็อาจต้องมีระยะเดินที่มากกว่าห้องปกติอยู่สักหน่อยนั่นเองครับ
เริ่มกันที่ระเบียงขนาด 1.5 x 0.9 m. สามารถออกไปใช้งานได้พอดีๆ และด้านบนก็จะมีการแขวน Condensing Unit ซ้อนกันอยู่ 2 เครื่อง เพราะภายในห้องเราจะได้แอร์ 2 ตัว
ซึ่งนอกจากเราจะใช้ระเบียงนี้ในการตากผ้าเช็ดตัว หรือผ้าอื่นๆได้แล้ว ยังมีประโยชน์ในเรื่อง การให้ความสว่างและโปร่งโล่ง ตรงบริเวณหน้าห้องครัวและหน้าห้องน้ำแบบนี้ได้ด้วยครับ
ถัดมาจะเป็นห้องครัวที่กั้นด้วยประตูกระจกแบบบานพับ 2 ตอน ซึ่งบริเวณขอบประตูจะมีการซีลด้วยยาง จึงทำให้สามารถปิดประตูได้อย่างแนบสนิท และช่วยป้องกันกลิ่น/ควันได้ดีมากๆ
รวมถึงบริเวณด้านบนยังมีการทำช่องแสงขนาดใหญ่ เพื่อทำให้ในครัวมีความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย
ภายในครัวจะมีการ Built-in เคาน์เตอร์มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยครับ โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยพอดีๆกว้าง 1.3 x 1 m. และมีพื้นที่วางตู้เย็นกว้าง 70 cm. ส่วนด้านบนจะไม่ได้มีพัดลมดูดอากาศนะครับ ดังนั้นจึงอาจต้องพึ่งพาเครื่องดูดควันของเตาเป็นหลักแทน
(ส่วนตัวผมแอบเสียดายตรงที่ ไหนๆตำแหน่งครัวก็อุตส่าห์อยู่ติดระเบียงหรือผนังภายนอกแล้ว ถ้าสามารถทำช่องเปิดเชื่อมต่อกับภายนอกโดยตรงได้เพิ่ม ก็จะทำให้ครัวนี้สว่างและระบายอากาศได้จริงจังกว่านี้ครับ)
Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว สามารถทนความร้อนและความชื้นได้ดี อีกทั้งยังมีการกรุกระเบื้องเป็น Backsplash เพื่อให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
Hob and Hood เป็นของยี่ห้อ TEKA มาพร้อมกับอ่างล้านจานที่มีฝาปิดได้ เอาไว้สำหรับเพิ่มพื้นที่ในการวางของได้ดี แถมช่องด้านล่างก็ยังมีถังขยะติดมาให้แบบนี้เลยครับ
ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่มีการกั้นฟังก์ชันมาให้เป็นสัดส่วน ภายในเราจะได้สุขภัณฑ์จาก Cotto ครบเหมือนห้องตัวอย่างเลย ส่วนพื้นที่ส่วนแห้งก็จะกว้าง 1.4 x 1.4 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ และด้านบนก็จะมีพัดลมดูดอากาศติดมาให้พร้อมใช้งาน
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็จะติดฉากกั้นกระจกบานเลื่อนมาให้แบบนี้ ภายในกว้าง 1 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ แถมยังมี Hand Shower ที่ปรับระดับความสูงได้ติดมาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้ด้วย
- 1 Bedroom Wise Suite พื้นที่ใช้สอย 34.1 – 34.9 ตร.ม.
ห้องนี้จะเป็น Business Type คือจะเป็นห้องที่เราสามารถจดทะเบียนทำธุรกิจได้แบบจริงจัง (ถ้าเทียบกับบ้านแนวราบ ก็จะเหมือนกับโฮมออฟฟิศนั่นเอง) เหมาะกับคนที่เพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง แต่ก็ต้องการทำเลที่ดีใกล้ตัวเมือง และสามารถเสียภาษีได้อย่างถูกต้อง ในงบประมาณที่มีค่อนข้างจำกัด รวมถึงยังอาจได้ใช้ประโยชน์จากส่วนกลางของคอนโดอีกด้วยนั่นเองครับ
จุดเด่นของห้องนี้คือ Common Area ขนาดใหญ่ ที่เราสามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงานของทีมงานได้แบบหลายที่นั่งเลย ส่วนฟังก์ชันอื่นๆก็จะอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดเล็กๆด้านหน้า มีห้องน้ำที่เข้า-ออกได้ 2 ฝั่งเพื่อความสะดวก ส่วนห้องนอนก็จะกั้นด้วยผนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัว หรืออาจปรับเป็นห้องประชุม/ห้องผู้จัดการก็ได้ สรุปแล้วจึงเป็นห้องที่มีความยืดหยุ่น สามารถใช้เป็นพื้นที่ทำงานก็ดี พร้อมกับอยู่อาศัยไปด้วยก็ได้ครับ
เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับ Common Area ที่เป็นจุดเด่นของห้องนี้ โดยสิ่งที่พิเศษของห้อง Business Type ที่ต่างจากห้อง Resident Type ก็คือ ฝ้าเพดานที่สูงเพิ่มขึ้นเป็น 2.9 m.
ซึ่งนอกจากความโปร่งโล่งที่มากขึ้นแล้ว เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งได้ ด้วยการ Built-in เพิ่มพื้นที่เก็บของให้มากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อาจทำธุรกิจที่ต้องมีการสต็อกสินค้าได้ด้วยนั่นเองครับ
สำหรับพื้นที่ Common Area จะมีความกว้าง 2.5 x 5.75 m. โดยของจริงจะได้เป็นห้องโล่งๆ เพื่อให้เราสามารถจัดพื้นที่ให้เหมาะกับธุรกิจของแต่ละคนได้ ซึ่งถ้าลองกะดูคร่าวๆ หากวางโต๊ะนั่งทำงานก็อาจได้เต็มที่สักประมาณ 5 – 6 ที่นั่งครับ
สำหรับห้องตัวอย่างนี้จะมีการแบ่งพื้นที่โซนติดระเบียง ให้กลายเป็นพื้นที่ Living Area ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนมาให้ดูเป็นไอเดีย หรือใครจะกั้นผนังกระจกทำเป็นห้องส่วนตัวสำหรับประชุม หรือห้องผู้จัดการก็ได้นะครับ
ระเบียงภายนอกมีขนาดกว้าง 1.8 x 1 m. สามารถออกมาให้งานยืนสูดอากาศได้ตามปกติ โดยพื้นที่ตรงนี้จะเป็นช่องแสงเพียงหนึ่งเดียวของ Common Area เลยก็ว่าได้
อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีการกั้นผนังแยกฟังก์ชันต่างๆออกไปเป็นสัดส่วน
เริ่มกันที่ห้องครัวด้านหน้าสุด จะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้ช่วยป้องกันกลิ่น/ควันจากการประกอบอาหาร ไม่ให้ลอยเข้ามารบกวนพื้นที่ส่วนอื่นในห้องได้
ภายในมีการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้เหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ โดยในห้องจะมีขนาดพื้นที่กว้าง 2 x 0.8 m. ให้ใช้งานพอดีๆ และมีพื้นที่วางตู้เย็นกว้าง 90 cm. อยู่ทางด้านหน้า
ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่ของจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์อะไรมาเลยนะครับ ซึ่งหากใครที่อาจไม่ได้อยู่อาศัยที่นี่อยู่แล้ว ก็อาจมีไอเดียปรับห้องนี้ให้เป็นห้องผู้จัดการ หรือห้องประชุมจริงจังไปเลยก็ได้
ห้องกว้าง 2.9 x 3.4 m. ถือว่ามีขนาดใหญ่และมีพื้นที่กว้างขวางใช้งานได้สะดวก ซึ่งหากเราลองวางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้ว ก็จะยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือ 0.8 – 1 m. ให้ใช้งานได้สบายๆเลย
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะมีห้องน้ำให้ใช้งานด้วยครับ
จุดเด่นของห้องน้ำนี้ก็คือ สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง จึงทำให้มีความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น และยังทำให้คนที่อยู่ในห้องนอนไม่เสียความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
ภายในมีการกั้นฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์จาก Cotto ครบเป็นมาตรฐานเหมือนเดิม โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.5 x 1.5 m. ใช้งานได้สบายๆ
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นสัดส่วน และภายในกว้าง 1.5 x 0.9 m. ใข้งานได้ดี มีการเจาะช่องที่ผนังให้ใช้วางของเพิ่มเติมได้ด้วยครับ
- 1 Bedroom Exclusive พื้นที่ใช้สอย 23.4 – 27.3 ตร.ม.
เป็นแบบห้องมาตรฐานเริ่มต้นของโครงการ ลักษณะจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ เราจะได้ครัวที่อยู่ติดกับระเบียง ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศได้โดยตรง เหมาะกับคนที่ชอบการทำอาหารแบบจริงจัง รวมถึงยังได้ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ และใช้งานห้องน้ำด้านในได้สะดวกอีกด้วย แต่เวลาที่มีแขกมาขอเข้าใช้ก็อาจต้องเสียความเป็นส่วนตัวนิดๆหน่อยๆในบางครั้งครับ
- 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34 – 34.6 ตร.ม.
เป็นห้องที่มีลักษณะเหมือนห้องตัวอย่างของ Business Type ที่เราได้ชมกันไปก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่จะมีการกั้นผนังกระจกเป็นห้องอเนกประสงค์ตรงระเบียงเพิ่มเติม ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการฟังก์ชันใช้งานอื่นๆได้ เช่น ห้องทำงาน หรือห้องนอนลูกเล็กๆก็ได้ แต่ห้องนี้จะเป็นรูปแบบของ Resident Type จึงไม่สามารถทำเป็นธุระกิจที่ต้องมีการจดทะเบียนจริงจังได้นะครับ
- 1 Bedroom Plus Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 34 – 34.8 ตร.ม.
อีกหนึ่งห้อง Highlight ของโครงการก็คือ Vertical Suite หรือห้องฝ้าเพดานสูงนั่นเอง ซึ่งจะมีให้เลือกทั้ง Resident Type และ Business Type เลยครับ ถึงแม้แปลนจะคล้ายๆกัน แต่จะมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในเรื่อ ‘ความสูงฝ้าเพดาน’ ที่ห้อง Resident จะมีความสูงอยู่ที่ 4.7 m. และห้อง Business จะมีความสูงอยู่ที่ 5.8 m.
สำหรับห้องตัวอย่างนี้จะเป็นแบบ Resident Type บริเวณด้านหน้าห้องจะเป็นพื้นที่ครัวและห้องน้ำฝ้าสูงปกติ ก่อนที่จะเจอกับพื้นที่ Living Area ฝ้าเพดานสูงพิเศษด้านใน ทำให้ได้บรรยากาศที่โปร่งโล่ง มาพร้อมกับห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งานด้านล่าง และมีบันไดขึ้นชั้น 2 ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลยทีเดียวครับ
โดยด้านบนก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ผมยังรู้สึก ‘ว้าววว~’ มากๆเลย เพราะด้วยขนาดพื้นที่ชั้นลอยที่มีมากถึง 21 ตร.ม. ซึ่งเทียบเท่ากับห้องคอนโดขนาดเริ่มต้นทั้งห้องเลยทีเดียว จึงทำให้มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางและใช้งานได้เต็มที่ โดยนอกจากเราจะมีพื้นที่เตียงนอนตามปกติแล้ว ยังสามารถทำ Walk-in Closet แบบจริงจัง หรือจะเพิ่มพื้นที่นั่งทำงาน และพื้นที่นั่งเล่นที่ชั้นบนด้วยก็ยังได้ครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะ
ราคา
Modiz Voyage Srinakarin ราคา ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2566
Resident Type
- 1 Bedroom / 1 Bedroom Exclusive / 1 Bedroom Extra Wide พื้นที่ใช้สอย 23.4 – 27.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.28 – 3.97 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34 – 34.6 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.03 – 4.97 ล้านบาท
- 1 Bedroom Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 24.8 – 26.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.04 – 5.04 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 34 – 34.8 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.01 – 6.72 ล้านบาท
Business Type
- 1 Bedroom Smart Suite พื้นที่ใช้สอย 24.5 – 29.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.78 – 3.97 ล้านบาท
- 1 Bedroom Wise Suite พื้นที่ใช้สอย 34.1 – 34.9 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.78 – 4.64 ล้านบาท
- 1 Bedroom Smart Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 24.8 – 29.6 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.46 – 4.55 ล้านบาท
- 1 Bedroom Wise Vertical Suite พื้นที่ใช้สอย 34.9 – 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.11 – 5.24 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Resident Type = Fully Furnished และ Business Type = Fully Fitted ที่ได้เฉพาะชุดครัว
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน Simplex สูง 2.7 – 2.9 เมตร / Vertical สูง 4.7 – 5.8 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ TEKA
- มีรถ Shuttle Bus ไปกลับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง MRT ศรีกรีฑา
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 15,000 – 25,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมิน (ชำระคนละครึ่ง)
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง Resident Type = 60 บาท/ตร.ม./เดือน และ Business Type = 70 บาท/ตร.ม./เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
- Promotion = ส่วนลดพิเศษสูงสุด 500,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแบบห้อง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ สอบถามกับทางโครงการอีกครั้ง)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
บทสรุป
ทำเล : อยู่ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์ใกล้กับแยกลำสาลี นับว่าเป็นทำเลเชื่อมต่อกับย่านใกล้เคียงอื่นๆได้ค่อนข้างสะดวก อีกทั้งยังมีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นทางด่วนศรีรัช และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง แต่ทั้งนี้ก็อาจต้องแลกมากับความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้รอบๆโครงการ ที่ปัจจุบันจะยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ จึงต้องพึ่งพิงทำเลใกล้เคียงอย่างโซนหัวหมาก รามคำแหง และบางกะปิ ที่จะมีทั้งตลาดและห้างสรรพสินค้าต่างๆที่คึกคักมากกว่า หรือไม่งั้นก็อาจต้องพึ่งการใช้ Application ในการสั่งอาหารมาก็สะดวกดีครับ
การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าค่อนข้างสะดวกดีทีเดียว เนื่องจากทำเลนี้รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ จึงทำให้เราสามารถขับรถไปขึ้นทางด่วนศรีรัชที่พระราม 9 ได้ในระยะเวลาเพียง 7 – 10 นาทีเท่านั้น หรือถ้าจะไปทำเลอื่นๆก็จะมีทางแยกให้เชื่อมต่อไปได้สะดวกหลายเส้นทาง ส่วนที่จอดรถของโครงการมีให้ประมาณ 40% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ส่วนตัวผมคิดว่าให้มาน้อยไปหน่อย เพราะทำเลนี้ไม่ได้ใกล้รถไฟฟ้าขนาดที่เดินไปขึ้นได้สะดวกขนาดนั้น แต่กลับกันถ้าใช้รถยนต์จะค่อนข้างสะดวกกว่าเยอะเลย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ติดถนนใหญ่ทำให้เรียกรถสาธารณะได้ง่าย และมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวก โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ MRT ศรีกรีฑา ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 750 m. เป็นระยะขับรถที่อนาคตจะมี Shuttle Service บริการรับ-ส่งลูกบ้านให้ด้วย (ถึงแม้ระยะเดินจะห่างเพียง 350 m. แต่ที่ไม่แนะนำเพราะต้องเดินข้ามถนนแบบไม่มีสะพานลอยหรือทางม้าลาย จึงอาจไม่ค่อยปลอดภัยนั่นเองครับ)
จุดเด่นที่น่าสนใจของรถไฟฟ้าช่วงนี้คือ จะอยู่ใกล้กับสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสีอื่นๆเพียง 1 – 2 สถานีเท่านั้น จึงทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางเลี่ยงรถติดที่หลากหลายดีทีเดียว ได้แก่ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ที่สถานีหัวหมาก และรถไฟฟ้าสายสีส้ม+สายสีน้ำตาล (ในอนาคต) ที่สถานีแยกลำสาลี
การออกแบบโครงการ : มีเพื่อนบ้าน 813 ยูนิต เทียบกับเพื่อนบ้านแล้วถือว่าไม่เยอะมากนัก แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ มีฟังก์ชันส่วนกลางเยอะที่สุดในย่าน และเรียกได้ว่าเยอะที่สุดของ AssetWise ในปัจจุบันอีกด้วย ซึ่งมีมากกว่า 60 ฟังก์ชันให้ใช้งาน มาพร้อมกับ Sky Facilities ให้ขึ้นไปชมวิวได้แบบ 360 องศา
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งโซนของห้องพัก Resident Type และ Business Type ออกจากกันชัดเจน โดยจะมีการกั้นด้วยประตูกระจก และแยกการใช้งานลิฟต์ เพื่อไม่ให้แขกหรือพนักงานของโซน Business Type เข้ามาทำให้โซนห้องพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลางเสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ
ซึ่งข้อดีของห้องแบบ Business Type ที่นอกจากเราจะจดทะเบียนและเสียภาษีได้แล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนกลางของคอนโดได้อย่างเต็มที่อีกด้วย เช่น หากใครที่เป็นสายถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอทำ Content ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศมาตามมุมต่างๆของส่วนกลางได้ รวมถึงยังมีฟังก์ชันอื่นๆให้ใช้งานอย่างจริงจังได้อีกด้วย
เรียกได้ว่า ได้พื้นที่ทำธุรกิจในทำเลที่ดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการครบ โดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปหาพื้นที่ด้านนอกเลย แต่ทั้งนี้ก็ได้การจำกัดห้องพักแบบ Business Type ให้มีสัดส่วนเพียง 20% ของทั้งโครงการเท่านั้น เพื่อให้ยังคงมีความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย และไม่พลุ่กพล่านวุ่นวายมากเกินไปนั่นเองครับ
การออกแบบห้องพักอาศัย : มีแบบห้องให้เลือกเยอะ และมีรูปแบบที่น่าสนใจหลายอย่างเลยครับ โดยเฉพาะห้องหน้ากว้างที่ถือเป็น Signature ของโครงการที่หลายๆคนให้ความสนใจอย่างมาก ภายในมีบรรยากาศที่กว้างขวางโปร่งโล่ง และอยู่ติดกับช่องแสงทุกฟังก์ชันเลยครับ นอกจากนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของห้องฝ้าเพดานสูงอีกด้วย โดยห้องแบบ Simplex ก็สูงกว่าห้องปกติทั่วไปอยู่ที่ 2.7 – 2.9 m. รวมถึงยังมีห้องแบบ Vertical Suite ฝ้าเพดาน 4.7 – 5.8 m. ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน และมีพื้นที่ชั้นลอยขนาดใหญ่กว้างขวางมากๆอีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ห้องแบบ Business Type ที่สามารถจดทะเบียนทำธุรกิจได้แบบจริงจัง เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ก็อยากได้ทำเลที่ดีๆ ในงบประมาณที่จำกัด และสามารถจับต้องได้ง่ายกว่าการไปหาซื้อโฮมออฟฟิศนั่นเองครับ ภายในมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งทำงานได้สักประมาณ 5 – 6 โต๊ะ อีกทั้งยังมีพื้นที่ฝ้าเพดานสูงสามารถเพิ่มการเก็บสต็อกสินค้าแนวตั้งได้ รวมถึงจะอยู่อาศัยก็ได้หรือทำธุรกิจก็ดี
วัสดุ : สำหรับห้องแบบ Resident จะขายเป็น Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย แต่สำหรับห้องแบบ Business จะขายแบบ Fully Fitted ให้เฉพาะชุดครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น แต่ในส่วนอื่นๆอาจต้องเตรียมงบสำหรับ Built-in เพิ่มเติมเอง เพื่อให้เราสามารถจัดพื้นที่ทำงาน ที่เหมาะกับธุรกิจของแต่ละคนได้ครับ
สาธารณูปโภค : เป็นโครงการที่ให้ส่วนกลางมาเยอะที่สุดในย่านกว่า 60 ฟังก์ชัน และมีให้ใช้งานครบไม่ว่าจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่ทำงาน พื้นที่สันทนาการ ฟังก์ชันออกกำลังกาย และยังมีพื้นที่สำหรับสาย Healthy อย่างบ่อแช่ออนเซ็น / Spa & Massage Room และ Beauty and Salon Room ด้วยครับ ซึ่งนับว่าเป็นฟังก์ชันพิเศษที่มีไม่เหมือนใครในย่านเลยนั่นเอง
อีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะขอพูดเสริมสักนิดนึงก็คือ ‘ค่าส่วนกลาง’ โดยห้องทั้ง 2 รูปแบบจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่ากันคือ Resident Type = 60 บาท/ตร.ม./เดือน และ Business Type = 70 บาท/ตร.ม./เดือน เนื่องจากการประกอบธุรกิจอาจต้องมีทั้งแขกและพนักงาน ที่แวะเวียนมาทำงานหรือคุยงานร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ต้องมีการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เช่น ที่จอดรถ หรือห้องประชุม บ่อยกว่าห้องพักแบบปกติ ดังนั้นจึงมีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพื่อเป็นการบำรุงรักษาพื้นที่นั่นเองครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 113,000 บาท/ตร.ม., 31 ตุลาคม 2566
- ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ ได้วิวที่เปิดโล่ง แต่หาของกินใกล้ๆได้ยากอยู่สักหน่อย
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวกมาก รถไม่ค่อยติด ไปขึ้นทางด่วนได้ง่าย แต่ที่จอดน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – เรียกรถสาธารณะง่าย มีรถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทาง พร้อมบริการ Shuttle Service รับ-ส่งจากโครงการ
- วัสดุ 7.5/10 – ขายแบบ Fully Fitted และ Fully Furnished ตามรูปแบบของห้องพัก
- แบบ 8.75/10 – มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ทั้งห้องหน้ากว้าง ห้องเพดานสูง และห้อง Business Type
- สาธารณูปโภค 9/10 – ให้ส่วนกลางมาเยอะสุดในย่าน มาพร้อมกับ Sky Facilities ให้ขึ้นไปชมวิวได้ 360 องศา
- MAIN CLASS
- 8.06 / 10.00
Modiz Voyage Srinakarin เหมาะกับใคร
โครงการ Modiz Voyage Srinakarin (โมดิซ โวยาจ ศรีนคริทร์) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดติดถนนใหญ่ ใกล้แยกลำสาลี เดินทางด้วยรถสะดวก และมีรถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้หลายเส้นทาง โดยเป็นโครงการที่มีส่วนกลางเยอะที่สุดในย่านรวมกว่า 60 ฟังก์ชัน และมีแบบห้องให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นห้องหน้ากว้าง ห้องฝ้าเพดานสูง และห้องแบบ Business Type ที่สามารถจดทะเบียนทำธุรกิจส่วนตัวได้แบบจริงจัง มีงบประมาณระดับ 2.28 – 5.24 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 16,000 – 37,000 บาท/เดือน
ส่งท้ายปีด้วยโปรโมชั่นคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้าและสินเชื่อพิเศษกับงาน Living Expo 2023 อย่าลังเลจนพลาดเป็นเจ้าของคอนโดราคาดีๆ
ลงทะเบียนรับฟรี หนังสือและโพย ที่จะพลิกทุกวิธีการหาบ้านเดิมๆให้ตรงใจและประหยัดเวลามากขึ้น
Living Expo 2023 วันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน 2566 ชั้น 1 สยามพารากอน
ลงทะเบียนเลย คลิกที่นี่