รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.248 – รีวิวคอนโด M ทองหล่อ 10
9 ตุลาคม 2016
รีวิวฉบับที่ 705 … วันนี้เราจะพาไปชมโครงการใหม่ล่าสุดของ Major Development กันนะครับ โปรเจค M Thonglor Ten (เอ็ม ทองหล่อ เท็น) ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้ตั้งอยู่บนถนนทองหล่อนะครับ แต่อยู่ในซอยเจริญใจ (เอกมัย 12) ซึ่งเป็นถนนที่ต่อเนื่องกับถนนทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) ที่อาจจะทำให้เพื่อนๆผู้อ่านสับสนได้ โดยตัวคอนโดเป็นตึกสูง 22 ชั้น มีจำนวนยูนิต 179 ยูนิต บนที่ดินเกือบๆ 500 ตารางวา จัดเป็นคอนโด High Rise ตัวสุดท้ายของ Major Development ในปี 2014 ที่มาพร้อมกับยูนิตพิเศษแบบ Glass House Duplex ละครับ
Fact @ 1 November 2014
- M Thonglor 10 (เอ็ม ทองหล่อ 10)
- Major Development ., Plc.
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขตวัฒนา แขวงคลองตันเหนือ กรุงเทพมหานคร
- คอนโด High Rise 22 ชั้น 1 อาคาร 179 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิต
- ที่จอดรถ รวมจอดซ้อนคัน ประมาณ 50% จอดที่ชั้น G – 5F
- ที่ดิน 1-0-79 ไร่
- คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ม.ค. 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ 2560
- 1 Bedroom 29 – 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.089 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 55.5 – 101.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 7.825 ล้านบาท
- Penthouse 129 – 153 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.089 ล้านบาทหรือประมาณ 141,000 บาทต่อตารางเมตร
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ได้รับอนุญาต
- www.mde.co.th
- สำนักงานขาย : 02-381-5665
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.730794, 100.586734
แผนที่จากโครงการครับ
ก่อนอื่นเลยเราต้องมาเคลียร์กันเรื่องทำเลโครงการก่อนนะครับว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่ จากแผนที่ด้านบนเราจะเห็นว่า โครงการ M Thonglor 10 นั้นอยู่ในซอยเอกมัย 12 ซึ่งเป็นทางต่อเชื่อมจากซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) โดยความเห็นจากใจจริงๆผมว่า Major Development ควรจะปรับชื่อให้กระจ่างกว่านี้หน่อยนะครับ ไม่อย่างนั้นลูกค้าจะสับสนและเดินทางไปสำนักงานขายไม่ถูก ถ้ายังอย่างจะมีคำว่าทองหล่ออยู่จะใช้ชื่อว่า M Thonglor 10 – Ekkamai 12 ให้ระบุซอยต่อเนื่องไปเลยก็ชัดดี หรือย่อๆว่า M Thonglor – Ekkamai ก็ได้ ดูดีและตรงกว่า Thonglor 10 ครับ … เรื่องชื่อเป็นประเด็นนิดหน่อยก็จริงแต่ไม่มีผลกับคะแนนของตึกนะครับ
ระยะของ M Thonglor 10 จะบอกว่าใกล้ BTS ก็คงต้องบอกว่าไม่ใกล้นะครับ ด้วยระยะทาง 1.26 กิโลเมตรจากสถานี BTS เอกมัย แต่ด้วยความที่ทางโครงการมีรถรับส่งให้ถึงตัวสถานี ก็ทำให้ใช้งาน BTS ได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องพึ่งพามอเตอร์ไซค์รับจ้างในขาไป แต่ขากลับก็ต้องเลือกว่าจะกลับบ้านอย่างไรดีครับ
เส้นทางที่เราจะพาไปชมคร่าวๆในวันนี้คือการเดินทางจากซอยทองหล่อ 10 ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโครงการนะครับ วิ่งตรงเรื่อยๆจากถนนทองหล่อมุ่งหน้าไปยังถนนเอกมัย โดยซอยทองหล่อ 10 นี้เป็นซอยใหญ่ ถนน 4 เลน รถสวนกันได้ ฝั่งละ 2 คันแบบสบายๆ
วิ่งไปสุดเลยนะครับ ทะลุสี่แยกสุดซอยไปทางฝั่งตรงข้าม เข้าซอยเจริญใจ (เอกมัย 12)
บริเวณสี่แยกก็คึกคักดี เวลาเร่งด่วนของถนนเอกมัยก็จะมีรถติดยาวตั้งแต่แยกนี้ไปจนเกือบสุดซอยได้
ฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโด Alcove ห่างกันนิดเดียว ต่อไปคงจะมีบังวิวกันบ้างในระยะกลางๆ ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคอนโดในเมืองย่านสุขุมวิท
ถนนเอกมัยเป็นถนน 4 เลนเช่นกัน รถวิ่งเร็ว เวลาข้ามถนนให้ระวังดีๆนะจ๊ะ
ตรงหัวมุมสี่แยกมีร้าน 7-11 พอดี เดินจากคอนโดมาใช้เวลาไม่เกิน 3 นาที
พอเข้ามาในซอยเอกมัย 12 แล้ว ก็จะพบว่าขนาดซอยลดลงไปมากทีเดียว จากถนน 4 เลน เหลือเพียง 2 เลน และเป็น 2 เลนที่ค่อนข้างจะรถติด เพราะซอยนี้เป็นซอยเดียวกับปรีดีฯ 31 สามารถทะลุไปถึงพระโขนงได้เลยนะ ในขณะเดียวกันถ้าใครวิ่งเป็น ก็สามารถทะลุจากซอยทองหล่อ 10 ไปออกอโศก พร้อมพงษ์ได้เช่นกัน
ที่ดินข้างๆตึกที่ติดกันเป็นที่ของอู่ซ่อมรถ ดังนั้นเวลากลางวันอาจจะมีเสียงดัง ซึ่งเป็นประจำอยู่แล้วของอู่รถที่ต้องมีการเทสเครื่องยนต์ ฯลฯ
ฝั่งตรงข้ามที่ดินเป็นบริษัท Titanco International เป็นอาคารแนวราบเตี้ยๆ ไม่ได้บังวิวเรา
ที่ดินของ M Thonglor 10 ก็จะติดกับถนนซอยแบบนี้ ห่างจากสี่แยกนิดเดียว
ฝั่งที่ติดกับคอนโดอีกฝั่งหนึ่งเป็นอาคาร 5 ชั้นเตี้ยๆ จากการประเมินด้วยสายตา ดาดฟ้าน่าจะสูงเทียบเท่ากับชั้นจอดรถ หรืออาจจะชนชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นเริ่มต้นของที่อยู่อาศัยพอดี
เรามาย้อนดู Google Street View กันบ้าง จะได้เห็นภาพในอดีตของที่ดินแปลงนี้หน่อย
ว่าที่ดินเดิมเป็นตึกนี้นะ ก่อนที่จะมาเป็นสำนักงานขายคอนโด M Thonglor 10 อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติมทำเลเอกมัยได้ที่ มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS เอกมัย
หน้าตาของตึก M Thonglor 10 โดยรวมเป็นเช่นนี้นะครับ ด้วยความสูงที่ 22 ชั้น ทำให้อาจจะดูไม่ Sleek สูงโปร่งเท่ากับ M รุ่นพี่ๆอย่าง สีลมหรือลาดพร้าว แต่ด้วยการใช้สีโทนฟ้า-น้ำเงินเรืองแสงเป็น Night Shot ก็ทำให้เด่นได้ในยามค่ำคืน
แต่พอเรามาดูตัวโมเดลนะครับ ก็จะเห็นว่าจริงๆแล้วสีตึกไม่ได้เป็นอย่างในภาพ ออกจะเป็นสีแนว Modern สุภาพ ขาว-เทา มากกว่า โดยตัวตึกด้านหน้าที่หันหน้าลงทิศใต้นั้นกจะไม่มีลูกเล่นอะไรมากเท่ากับมุมมองจากด้านข้างครับ
ด้านข้างตึกฝั่งที่หันไปหาอู่รถหรือซอยทองหล่อในทางทิศตะวันตก ก็จะเป็นแนวเส้นๆแบบนี้ ใช้ Grid Line แบบไม่ Random ดูแล้วมีระเบียบดี
ด้านหลังฝั่งทิศเหนือที่หันไปทางท้ายถนนเอกมัยก็จะดูมีหน้าต่างด้วย ต่างกับด้านหน้าที่เป็นผนังเรียบๆเสียเยอะ
ฝั่งทิศตะวันออกที่หันไปทางพระโขนง จะมี Detail มากกว่าเพื่อน ตรงที่จะมีความตื้นลึกของตัวตึกมาผสมเข้ากับความหนาบางของเส้นสายนอกตึก
แต่มุมที่สวยที่สุดจะต้องมองจากด้านบนนะครับ เพราะจะเห็นสระน้ำและแนว Stacking ของตึกด้านหน้าบริเวณชั้น High Floor
มาดู Master Plan กันนะครับ ชั้นล่างสุดเป็นที่จอดรถโดยรอบ ทางโครงการเคลมตัวเลข 50% รวมจอดซ้อนคัน (หรือประมาณ 90 คัน จาก 179 ยูนิต) โดยจะจอดตั้งแต่ชั้น G ไปจนถึง 5F … สมัยนี้ที่จอดรถกลายเป็นของหายากไปแล้ว คอนโดเริ่มตารางเมตรละ 140,000 บาทให้ที่จอดรถในซองไม่ถึง 50% น่าเป็นห่วงอนาคตนะครับ เมื่อ 5 ปีก่อนผมยังเห็นตัวเลข 100%++ จากคอนโดในระดับราคาเดียวกันอยู่เลย
ชั้น 6 เป็นชั้นเริ่มต้นของที่อยู่อาศัย โดยฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นห้องเล็กทั้งหมด ขนาด 29 – 35 ตารางเมตร ส่วนห้องทิศตะวันออกซึ่งดีกว่าในแง่ของแดดก็จะเป็นห้องใหญ่
ทั้งนี้วิวของโครงการก็จะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพราะทั้งสองตึกต่างมีคอนโดที่อยู่ในระยะใกล้ (ไม่ประชิด) โดยทางฝั่งตะวันตกจะหันเข้าหาตึก Alcove ห่างประมาณ 60 เมตร ส่วนฝั่งตะวันออกจะหันเข้าหา Ceil by Sansiri ซึ่งระหว่าง M กับ Ceil จะมีระยะห่างมากกว่านิดหน่อยราวๆ 70-80 เมตรครับ
ที่ชั้น 6-7 เป็นที่ตั้งของห้องพิเศษ 1 Bedroom 55 sq.m. และ 2 Bedroom Duplex 76 sq.m. ที่มีสวนส่วนตัว (ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ส่วนกลาง แต่จะได้สิทธิ์ในการใช้ส่วนตัว)
หน้าตาห้องก็จะเท่ๆหน่อยตรงที่มี Sky Light ในส่วนของหลังคากระจกที่ยื่นออกมาบริเวณชั้นล่าง ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวจะกล่าวอีกทีหนึ่งในช่วงท้ายนะครับ
ชั้น 10 เป็นต้นไปก็จะเริ่มเข้า Typical Floor Plan แล้ว โดยชั้นๆหนึ่งจะมีจำนวนห้องสูงสุด 13 ห้องต่อชั้น มีบันไดหนีไฟสองจุด ทางเข้าช่องแสงสองจุด บริเวณด้านหน้าฝั่งทิศใต้และบริเวณ Core Lift ดังนั้นโถงทางเดินฝั่งทิศเหนือก็จะมืดๆนิดหนึ่ง แต่ด้วยระยะทางเดินที่ค่อนข้างสั้น จึงไม่มีปัญหาอะไรครับ
บางชั้นก็จะมี Random สวนบริเวณระเบียง โดยจะตัดพื้นที่ของห้องนอนบางส่วนออกไปเป็นพื้นที่ Outdoor ที่สามารถออกไปใช้ได้ อย่างเช่นห้อง A1-1GS นี้ที่มีขนาดห้อง 32 ตารางเมตรและสวนส่วนตัวอีก 2.85 ตารางเมตร ก็แล้วแต่คนนะครับว่าชอบต้นไม้ขนาดไหน และห้องพวกนี้เป็นห้องพิเศษมีจำนวนไม่มาก จึงไม่กระทบกับตัวตึกโดยรวม
เช่นเดียวกันกับชั้น 17 ที่จะมียูนิตแนว Duplex อีก แต่จะเป็นยูนิตที่หันหน้าไปทางทิศใต้ หนึ่งในไม่กี่ยูนิตของตึกนี้
ชั้น 21 เป็นชั้นส่วนกลางหลัก ได้ส่วนกลางทั้งชั้นไม่มีส่วนของห้องพักอาศัย ก็ถือว่าดีนะครับ ทุกคนได้รับสิทธิในการชมวิวเท่าๆกัน 😀 โดยชั้น 21 จะมีส่วนกลางหลักๆคือ
- สระว่ายน้ำ
- บ่อแช่ออนเซ็น
- ห้องเด็กเล่น
- ที่ัน่งเล่นข้างสระน้ำ
- ลาน BBQ
- ห้องอาบน้ำ
- Steam/Sauna
ชั้น 22 จะต้องขึ้นบันไดไปจากลิฟท์นะครับ เพราะลิฟท์ขึ้นสูงสุดที่ชั้น 21 เท่านั้นเอง ถือเป็นการซ้อมเดินนิดหน่อยก่อนที่จะขึ้นไปเล่น Gym, Pool ตลอดจนนั่งเล่นในห้อง Sky Lounge
จะบอกว่าขอบตึกแอบหักมุมนิดนึงด้วยนะครับ 😀
หน้าตาทางเข้าก็จะเก๋ๆหน่อย เล่นดีไซน์ Landscape ให้มีเหลี่ยมมุมเยอะๆ
ส่วนของ Gym และที่กระสอบทรายบนชั้น 22
โต๊ะ Pool ที่ชั้นเดียวกัน
ลงมาหน่อยจะเป็น Onsen ที่ชั้น 21 … ตรงนี้ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องความร้อนของน้ำ แต่ที่แน่ๆคงจะไม่ได้ใช้น้ำแร่ธรรมชาติแบบญี่ปุ่นนะครับ
Floating Sky Lounge บนชั้น 22 ให้มานั่งพักผ่อนชมวิวกันได้ทุกยูนิต
ส่วนของที่นั่งเล่นรอบสระ และ Sunken ตรงนี้ดีก็ต่อเมื่อฝนไม่ตก ถ้าฝนตกเชิญที่ Sky Lounge จะสะดวกกว่า
สระว่ายน้ำและสระแช่น้ำ แบ่งโซนกันชัดเจน
ตัดขอบสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ บนชั้น 21F พร้อมสระ Dip
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง บนชั้น 22F พร้อมชุดกระสอบทราย
- ที่นั่งรอบสระและ BBQ Space ที่ชั้น 21F
- บ่อออนเซ็น ที่ชั้น 21F
- ห้องเด็กเล่น ที่ชั้น 21F
- ห้อง Pool Lounge ที่ชั้น 22F
- Sky Lounge ที่ชั้น 22F
- Lobby ที่ชั้น G
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 90 : 1
- Service Lift เป็นหนึ่งในลิฟท์โดยสาร
- ที่จอดรถประมาณ 50% รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
ภาพจำลองห้องตัวอย่างภายในโครงการ
ห้องของที่นี่จะให้เฟอร์นิเจอร์มาเลือก 2 SET ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะเอาแบบไหน
Maverick – ดูแมนๆหน่อย ออกแนวสีโทนเทา
จำลองห้องนอนที่มี Bay Window แบบ Maverick
มองห้องนอนในมุมกลับ
ต่อมาเป็นแบบ Magnifique ที่จะดู Warm และอบอุ่นกว่า
สีโทนอ่อนกว่าด้วยนะครับ
ห้องที่เราจะพาไปชมเป็นห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom ขนาด 32.5 ตารางเมตร ทิศตะวันออกซึ่งเป็นห้อง 1 Bedroom แท้ๆ แยกสัดส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนด้วยประตูและผนังทึบ ไม่ได้ใช้บาน Slide ครับ
เริ่มจากหน้าห้องกันก่อนด้วยประตูขนาดโอเค
Digital Doorlock รุ่นที่มีพร้อมมือจับของ Yale
เปิดห้องเข้าไปปุ๊บ ฟังก์ชั่นแรกที่พบก็คือครัวรูปตัว L ต่อด้วยห้องนั่งเล่น โดยห้องตัวอย่างนี้เป็นห้องที่ตกแต่งแบบ Maverick สีจึงจะออกเทาๆหน่อย อย่างที่เห็นนะครับ
ถ้ามองย้อนกลับไปเราก็จะเห็นตู้เก็บของขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่แถมมาให้กับห้องนี้ด้วยเลย
วางสัมภาระได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง รองเท้า ไม้กวาด กระเป๋าเดินทาง ฯลฯ
กลับมาที่ครัวกันก่อน … ครัวนี้จะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ยกเว้นเตากับเครื่องดูดควัน ดังนั้นพวกตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า จะไม่มีนะครับ เว้นช่องว่างเอาไว้เฉยๆ
ครัวทำค่อนข้างสูง คือจากพื้นจรดเพดานเต็มพื้นที่ 2.7 เมตร ฟินนิชชิ่งด้วย Glossy จะดูมันๆวาวๆหน่อย อย่างที่เห็น
พอเปิดทุกบานออกมา ก็จะได้แบบนี้ ผมว่าค่อนข้างพอเลยนะครับสำหรับอยู่อาศัยไม่เกิน 2 คน บานที่ควรจะปรับปรุงหน่อยคงจะเป็นบานที่อยู่เหนือเครื่องดูดควัน น่าจะใส่ชั้นวางของเข้าไปอีกนิด จะช่วยได้มาก
ท๊อปหิน Quartz ผนังกระจก Glasskote ดี สวย ทนทาน … ซิงก์สแตนเลส หลุมสีเหลี่ยม หัวก๊อกงามๆ ตลอดจนผนังเตี้ยๆกันพวกถ้วยชามตกหล่น ฟังก์ชั่นนี้ทำออกมาได้ดีมากครับ
เตาไฟฟ้าสองหัวพร้อมเครื่องดูดควัน อยู่ใกล้ตู้เย็นและซิงก์ ทำงานได้สะดวก ไม่มีปัญหาอะไร
ภาพรวมของครัวจัดว่าโอเค พื้นที่ทำงานใช้ได้ โปร่ง โล่งสะอาดตา แต่ด้วยดีไซน์ครัวแบบครัวเปิด ซึ่งจะไม่เหมาะเวลาทำอาหารที่มีกลิ่นหรือมีควันแรงๆ เพราะมันจะลอยไปติดตามเฟอร์นิเจอร์นะครับ
พื้นครัวกับห้องนั่งเล่นจะแตกต่างกัน ครัวจะใช้กระเบื้องเซรามิก ให้ทนทานกับการทำอาหาร ทำคราบน้ำมันเลอะ ในทางกลับกันห้องนั่งเล่นกับห้องนอนจะเป็นพื้นลามิเนตสีอ่อน หนา 12 มม. เพื่อให้ดูสว่างๆ
สุดพื้นที่ครัวก็จะเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ก่อนจะถึงฟังก์ชั่นของโซฟาและห้องนั่งเล่น
โต๊ะที่นี่ดูเหมือนเล็กแต่จริงๆแล้วสามารถพับยืดออกมาได้นะครับ ขยายร่างเวลาต้องการทำอาหารมื้อใหญ่
เวลาขยายร่างจะออกมาเป็นแบบนี้ นั่งสองคนสบายๆ
พื้นที่ก็เหลือ แต่ถ้าพับออกมาแล้วไม่เก็บก็จะเกะกะทางเดินอยู่บ้าง
แต่ด้วย Prop ที่เยอะมากในห้องตัวอย่าง ทำให้ไม่สะดวกในการกางโต๊ะนครับ ผมเลยถ่ายแต่ Joint มาให้ดูว่าจะต้องพับขึ้นอย่างไร แล้วเวลาเก็บก็จะช่วยประหยัดที่ไปได้มากเลย
ต่อมาเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่นที่เป็นสัดส่วน แต่ด้วยความที่ต้องแบ่งความกว้างให้ห้องนอน ดังนั้นระยะโซฟากับทีวีจะห่างกันไม่ได้เต็มที่นะครับ
เวลาเรานั่งแล้วจะได้มุมมองประมาณนี้ ดังนั้นเราควรจำกัดทีวีไม่ให้มีขนาดเกินสัก 40 นิ้ว ไม่อย่างนั้นจะเริ่มปวดตาแล้วละ
อันนี้ผมใช้เลนส์ Wide ถ่ายให้เห็นภาพโดยรอบ ว่าเฟอร์นิเจอร์และชั้นวางของต่างๆที่ได้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงตำแหน่งติดแอร์ที่อาจจะลำบากหน่อยสำหรับคนขี้หนาว เพราะแอร์จะเป่ามาลงโซฟาพอดิบพอดี ดังนั้นถ้าใครไม่อยากให้แอร์เป่าศีรษะก็ควรจะปรับฟินแอร์ให้เป่ากดลงล่างหน่อย จะได้นั่งแล้วรู้สึกสบายๆนะครับ
ส่วนมุมสูงเวลามองลงไปก็จะได้มุมนี้
ด้านบนรางม่านมีจัดไว้ให้แล้ว ชุดไฟก็จะได้ตามนี้เลย
ระเบียงที่นี่ค่อนข้างแคบ ดังนั้นจะออกไปนั่งเก้าอี้คงไม่ได้ เปิดไว้สำหรับตากผ้าและ Service ช่องแอร์เป็นหลัก
แต่ด้วยความที่ราวกันตกเป็นกระจก Tempered Glass ก็จะช่วยเรื่องวิวและความโปร่ง เมื่อมองออกมาจากตัวห้องได้เช่นกันครับ
บริเวณ Coil ร้อน มีการติดตั้งกริล บานประตู เรียบร้อยทุกอย่าง ดูสวยทั้งจากภายในและจากภายนอก
สุดท้ายให้มุมมองห้องจากระเบียงหน่อยนะครับ จะเห็นว่าระยะพื้นถึงฝ้า 2.7 เมตรนั้น มีการดรอปลงไปราวๆ 15 ซม. (ประเมินด้วยสายตา) ในช่วงของครัว ซึ่งเป็นที่ติดตั้งงานระบบต่างๆ
ห้องนอนที่นี่จัดว่าขนาดใหญ่ใช้ได้เลย ดูจากการแบ่งพื้นที่แล้วแสดงว่าทาง Major Development ให้ความสำคัญของห้องนอนมากกว่าห้องนั่งเล่น
พื้นที่โต๊ะหัวเตียงมีสองชุด ชุดหนึ่งเป็นโต๊ะวางของอยู่ทางซ้าย อีกชุดหนึ่งเป็นโต๊ะทำงานอยู่ทางขวา ซึ่งสามารถปรับเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วยสำหรับสาวๆที่มีเครื่องสำอางค์เยอะๆ
ระบบไฟใช้เป็นไฟหลืบ จะช่วยให้แสงนวล สบายตา และทำให้ห้องมีมิติมากขึ้น
ทีวีแขวนผนัง เพราะดูจากพื้นที่ปลายเตียงนั้นแทบไม่เหลือให้เดินแล้ว การที่จะเอาชั้นวางทีวีมาใส่อีกคงจะเป็นไปไม่ได้
โต๊ะข้างเตียงด้านซ้ายไม่ควรจะใส่แบบนี้นะครับ มันจะไปบังปลั๊กไฟทำให้ใช้งานได้ยาก หรือบางตัวอาจจะบังมิดไปเลยทำให้ปลั๊กไฟใช้ไม่ได้นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ทางที่ดีควรจะเป็นแบบที่มีช่องว่างด้านล่าง ให้ขาคร่อมตัวปลั๊ก ก้มลงไปเสียบด้านล่างได้สบายๆ
ตำแหน่งติดตั้งแอร์ก็จะอยู่ปลายเตียงตามภาพ อยู่ปลายเตียงเหนือทีวี
Prop ชิ้นนี้ผมชอบเป็นพิเศษ เลยถ่ายติดมาให้ดูนะครับ นาฬิกาเก๋ๆ เยี่ยมๆ
กระจกห้องนอนที่ไม่เป็น Bay Window แบบห้องนี้ ก็จะเปิดได้ 1 บานจาก 2 บาน เป็นแบบบานกระทุ้งอย่างที่เห็น
ทีนี้เราจะมาดูพื้นที่ว่างอีกฝั่งของเตียงกันบ้าง โดยฟังก์ชั่นนี้ออกแบบมาให้ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งในเวลาเดียวกัน ระหว่างโต๊ะหรือตู้ นะครับ
เริ่มจากโต๊ะที่มีขนาดพอใช้ได้ (แต่โคมไฟใหญ่ไปแบบ Obviously) เวลาใช้งานจริงผมแนะนำให้ทำชั้นบนผนังขึ้นมา เพื่อวางของและโคมไฟ ช่วยให้มีพื้นที่ในการทำงานมากขึ้น
ส่วนตู้เสื้อผ้าก็จะมีไฟให้ด้านในแบบนี้ และมีลิ้นชักตามที่เห็นครับ
สุดท้ายของห้องนี้ก็คือห้องน้ำ ที่จะเข้าได้จากฝั่งของห้องนอนทางเดียว
ห้องน้ำได้ทำการ Built-in ตู้บานกระจกและชั้นใต้ซิงก์มาให้เรียบร้อยแล้ว
สุขภัณฑ์เป็นของ Amercian Standard
ห้องอาบน้ำขนาดใหญ่พอประมาณ กั้นด้วยกระจก Tempered Glass
ฝักบัวและระบบก๊อกผสม มีให้เรียบร้อย
ซิงก์เช่นกันของ American Standard มีการจัดไฟมาให้แบบนี้เลย
จบกันด้วยภาพ Prop สวยๆและสวิทช์ที่ดูสวยงามจาก Panasonic ครับ
จากที่เราได้เกริ่นเอาไว้ข้างต้น ว่าที่มีห้อง Glass House Duplex … เรามาเจาะลึกในรายละเอียดกันหน่อยดีกว่า … ว่าพื้นที่ส่วนที่จะใช้ได้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
ว่ากันด้วยชั้นล่างที่มี Bedroom, Living Area, Dining, Garden, Storage, Kitchen และ Bathroom ครบถ้วน จริงๆจะจบยูนิตแบบนี้เลยก็ได้นะครับ เพราะฟังก์ชั่นทั้งหมดครบหมดแล้ว แต่ด้วยความเป็น Duplex การจะมีชั้นลอยให้สวยๆนั้นก็ต้องเจ๋งกว่าแน่นอน
โดยส่วนของห้องนั่งเล่นนั้นจะยื่นออกไปที่ริมสวนหน่อย มีการออกแบบหลังคาแนว Glass House ปล่อยให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้จากทั้งมุมด้านข้างและด้านบน แน่นอนว่าร้อนมาก ดังนั้นการติดฟิล์มพวก Crystalline ก็จะช่วยได้ในเรื่องความร้อนแต่ก็ยังได้ความใสอยู่นะครับ และที่สำคัญคือความโปร่งที่มีพื้นที่ Void ไปชั้นบน จะทำให้ห้องนี้ดูน่าอยู่มากขึ้น เป็นคล้ายๆกับบ้าน 2 ชั้น ที่อยู่บนคอนโดละครับ
แน่นอนว่าชั้น 2 จะมีพื้นที่เล็กกว่า เพราะถูกหั่นออกไปบางส่วนแล้ว แต่ห้องนอนที่ได้ก็ไม่ใช่ห้องเล็กๆนะครับ ทั้งยังได้ความโปร่งจากกระจกสองด้านและมุม Bay Window ด้านหน้า ที่จัดทำเป็นโต๊ะทำงานแบบเก๋ๆได้ด้วย ส่วนห้องน้ำก็มีอ่างอาบน้ำเพิ่มเติมมาให้ ใช้งานได้ดีครับ
มองจากข้างนอกก็จะเห็นแบบนี้ คล้ายๆ Townhouse ที่วางอยู่บนคอนโดเลย
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 November 2014
- ราคาเริ่มต้น ห้อง 29 ตารางเมตร 4.089 ล้านบาท หรือ 141,000 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาห้องตัวอย่าง 32.5 ตารางเมตร ชั้น 10 ที่ 4.696 ล้านบาท หรือ 144,500 บาทต่อตารางเมตร
- ราคา 2 Bedrooms เริ่มต้น ห้อง 55.5 ตารางเมตร ชั้น 6 ที่ 7.825 ล้านบาท หรือ 141,000 บาทต่อตารางเมตร
- Fully Furnished (ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า)
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS เอกมัย
- จอง 50,000 – 150,000 บาท
- ทำสัญญา 5%
- ผ่อนดาวน์รวมทั้งสิ้น 20% โอนกรรมสิทธิ์ 80%
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน เก็บล่วงหน้า 1 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของโครงการ M ทองหล่อ 10 นี้ไม่ได้อยู่บนถนนทองหล่อหรือซอยทองหล่อ 10 แต่อยู่บนถนนเอกมัย ซอย 12 ซึ่งเป็นส่วนต่อเนื่องกับซอยทองหล่อ 10 โดยถ้าโครงการเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับทำเลมากกว่านี้ก็จะลดเรื่องความสับสนลงไปได้นะครับ แต่เรื่องชื่อนั้นคงจะไม่เกี่ยวกับคะแนนของโครงการ เพราะไม่ว่าจะชื่ออะไรตึกนี้ก็ต้องอยู่บนที่ดินแปลงนี้อยู่ดี
ซอยเอกมัย 12 นั้นเป็นซอยที่มีรถวิ่งสวนกันได้ 2 เลน สามารถวิ่งทะลุไปไหนมาไหนได้สะดวก ตั้งแต่อโศก ซอยสวัสดี พร้อมพงษ์ ซอยกลาง ทองหล่อ เอกมัยจนไปถึงพระโขนง ตรงนี้มีทางลัดเชื่อมต่อกันหมด ซึ่งจะวิ่งเร็วกว่าและสะดวกกว่าการใช้ถนนใหญ่สุขุมวิท ดังนั้นสำหรับคนที่ขับรถและชอบไปไหนมาไหนในฝั่งเลขคี่ ทำเลตรงนี้ก็ตอบโจทย์ได้สบายๆครับ ส่วนคนที่ขึ้นทางด่วนไปไหนมาไหนก็จะมีทางเลือกสองจุดหลักๆ หนึ่งคือทางด่วน รามอินทราช่วงสุดถนนเอกมัยที่จะใกล้ที่สุด สองคือทางด่วนอาจณรงค์ที่ต้องวิ่งทะลุซอยสุขุมวิท 40 ไปออกฝั่งกล้วยน้ำไทครับ
สำหรับเรื่องวิวนี้ก็คงจะไม่ได้วิวที่เคลียร์เต็มๆแต่ก็ไม่ได้ถูกบังมิดเช่นกัน เพราะโครงการ M Thonglor 10 นี้อยู่ระหว่างตึกสองตึกคือ Alcove และ Ceil ทำให้ถูกประกบอยู่ตรงกลางและยูนิตแทบทั้งตึกก็หันทิศตะวันตก – ตะวันออก ไปจ๊ะเอ๋กับสองตึกนี้พอดี แต่ด้วยความที่มีระยะห่างระหว่างตึกราวๆ 60 – 80 เมตรขึ้นไป ก็จะไม่อึดอัดเหมือนมีกำแพงมากั้นข้างๆห้อง แต่จะเป็นการเห็นตึกเพื่อนบ้านในระยะกลาง ซึ่งเป็นธรรมดาของคอนโดในโซนสาทรหรือสุขุมวิทที่จะเจอเช่นนี้แทบทั้งนั้นนะครับ ใครจะซื้อคอนโดในเมืองก็ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าด้วย ไม่ใช่ว่าวันนี้วิวโล่งแล้วมันจะโล่งตลอดไป เป็นตึกไหนก็ตามถ้าข้างๆมีที่ดินว่างอยู่ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะโดนตึกใหม่สร้างมาบังได้ครับ
เรื่องระยะทางจากรถไฟฟ้า 1.26 กิโลเมตร คงจะพูดไม่ได้ว่าเป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้า แต่จะอยู่ในรัศมีรถไฟฟ้าแน่นอน การเดินทางในขาไปรถไฟฟ้าจะสะดวกหน่อยเพราะทางโครงการมีรถ Shuttle ไปส่งที่ BTS เอกมัย แต่ขากลับคงจะไม่ได้สะดวกนักเพราะจะต้องกลับเองหรือไม่ก็ต้องนัดเวลากับ Shuttle ให้เรียบร้อย ซึ่งนิติของที่ตึกนี้จะมีระบบการรับ-ส่ง ลูกบ้านอย่างไร ก็ต้องเป็นเรื่องที่จะจัดการกันต่อไปในอนาคต แต่ที่แน่ๆก็คือการใช้ Shuttle Bus ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะครับ นอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย
วัสดุของที่ M Thonglor 10 จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มีให้ครบทั้ง Digital Doorlock, ท๊อปครัวหินควอทซ์, Built-in ทั้งห้อง, ไฟหลืบซ่อนตลอดจนฝ้าเพดานที่สูง 2.7 เมตร แต่ถ้าถามว่าสมกับราคาไหมก็คงจะตอบยาก ด้วยราคา 150,000 บาทต่อตารางเมตร ก็บอกได้เลยว่าคอนโดที่นี่ไม่ถูกแน่นอน ห้องเริ่มต้น 29 ตารางเมตรก็ต้องมีจ่าย 4.1 ล้าน++
แบบตึกทำออกมาได้กลางๆนะครับผมว่า ไม่ได้หวือหวาและก็ไม่ได้ดูทึมๆ ภาพลักษณ์ภายนอกจัดว่าสวยแบบ Modern เข้ากับยุคสมัยไม่ขัดตา ส่วนเรื่องความหนาแน่นของการอยู่อาศัยก็จัดว่าระดับกลางเช่นกัน ที่อัตราส่วนลิฟท์ 90:1 จำนวนยูนิต 179 ยูนิตและสูงสุดที่ 13 ยูนิตต่อ 1 ชั้น
การออกแบบห้องทำฟังก์ชั่นออกมาได้ดี ห้องตัวอย่างต้องชมเชยเรื่องครัว โต๊ะกินข้าว และพื้นที่เก็บของทั้งหมดที่ทำออกมาลงตัว แต่ด้วยห้องที่มีขนาด 32.5 ตารางเมตร ก็ทำให้ห้องนอนและห้องนั่งเล่นจะดูแคบไปบ้าง ส่วนห้องพิเศษแบบ Glass House Duplex ก็ช่วยสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับตึกนี้ เจาะลูกค้ากลุ่มที่ต้องการพื้นที่สีเขียว และความโปร่งโล่งที่คล้ายบ้านบนตึกคอนโดมิเนียมครับ
สุดท้ายคือเรื่องของส่วนกลางที่จัดพื้นที่มาให้ค่อนข้างเยอะ คือชั้น 21 และ 22 ทั้งชั้น เทียบกับจำนวนห้องแล้วผมถือว่าโอเคเลย ฟังก์ชั่นต่างๆของส่วนกลางอาจจะมีเล็กบ้างใหญ่บ้างเคล้ากันไป แต่จำนวนที่เยอะและมีฟังก์ชั่นหลากหลายก็ช่วยเรื่องการอยู่อาศัยได้มาก เช่น Sky Lounge ที่ช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ในห้องเล็กหน่อยได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ และทำให้ลูกบ้านทุกห้องไม่ว่าจะอยู่แค่ชั้น 6 ก็สามารถขึ้นมาชมวิวบนยอดตึกได้เช่นกัน ส่วนฟังก์ชั่นของส่วนกลางอื่นๆก็เจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไปอย่างเช่น Onsen, Pool Table และ Kid’s Room ที่เป็น Niche Function แต่ก็โดนใจสำหรับคนหลายๆคนนะครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาโดยรวม 150,000 บาทต่อตารางเมตร, 1 November 2014
- ทำเล 7.25/10 – ซอยเอกมัย 12
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ค่อนข้างสะดวก ทางลัดเยอะ แต่ที่จอดรถไม่มาก
- ไม่ใช้รถ 7/10 – ห่างจากรถไฟฟ้า 1 กิโลเศษ แต่มี Shuttle Bus ให้
- วัสดุ 8/10 – Fully Furnished ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า
- แบบ 8.5/10 – ภายนอกสวยงาม ภายในค่อนข้างลงตัว
- สาธารณูปโภค 8.75/10 – ทั้งชั้น 21 และ 22
- HIGH CLASS
- 7.64 / 10.00
BOTTOM LINE
M Thonglor 10 เป็นโครงการคอนโดในย่านสุขุมวิทเอกมัย-ทองหล่อ ที่ออกแบบได้ค่อนข้างลงตัว จุดเด่นอยู่ที่สาธารณูปโภคส่วนกลาง แต่ไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และใครจะเป็นเจ้าของก็ต้องมีงบ 4-5 ล้านสำหรับ 1 ห้องนอน หรือ 7-10 ล้านสำหรับ 2 ห้องนอนครับ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ