รีวิวฉบับที่ 1856 .. สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักอาศัยในย่านลาดพร้าว-โชคชัย 4 วันนี้ผมมีโครงการใหม่มาให้ดูครับ.. Chewathai Hallmark ลาดพร้าว – โชคชัย 4 คอนโด Low Rise 2 อาคาร บนถนนสังคมสงเคราะห์ ใกล้กับถนนโชคชัย 4 เป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย ใกล้ตลาด ห้องพักอาศัยมีให้เลือก 4 รูปแบบ 4 ขนาด พร้อมอาคาร Club House แยกโซน ในราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท เข้าไปดูรายละเอียดภายในกันครับ
Fact @ 5 April 2019
Hallmark Ladprao-Chokchai 4 (ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4)Chewathai Hallmark Ladprao – Chokchai 4 (ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว – โชคชัย4) << up date 26/03/2020- บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนสังคมสงเคราะห์ เขตวังทองหลาง
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 434 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 4-1-15.6 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q2/2019
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4/2020
- 1 Bedroom Type A ขนาด 26.00-26.50 ตร.ม.
- 1 Bedroom Type B ขนาด 32.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus Type C ขนาด 40.00 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 45.50 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท (Promotion)ราคาเริ่มต้น 1.82 ล้านบาท (Update 16/5/2020)- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 80,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1260
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.796149,100.599384
แผนที่จากทางโครงการครับ
ทำเลของโครงการตั้งอยู่บนถนนสังคมสงเคราะห์ เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนโชคชัย 4 และถนนลาดพร้าว 71 ซึ่งเป็นถนนที่มีความคึกคักทั้งคู่ เป็นแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น บริเวณนี้ที่อยู่อาศัยริมถนนส่วนใหญ่เป็นแนวตึกแถว อาคารพาณิชย์ และร้านค้าที่อยู่กันมานาน รวมถึงภายในถนนสังคมสงเคราะห์เอง ตามซอยย่อยเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ สามารถทะลุกันได้ค่อนข้างหลากหลาย เข้าถึงตัวโครงการได้หลายช่องทาง ทั้งยังมีซอยเล็กซอยน้อยให้เลือกใช้เป็นตัวเลือกในการเลี่ยงรถติดได้ด้วย
สำหรับการเดินทางโดยใช้รถบนถนนสังคมสงเคราะห์ ห่างจากถนนลาดพร้าวประมาณ 1.1 กิโลเมตร ถือว่าไม่ไกล ซึ่งอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับโชคชัย 4 และถนนลาดพร้าว 71 ทั้งสองฝั่งเป็นถนนที่ค่อนข้างคึกคัก รถติดพอสมควร สามารถเชื่อมลัดเลาะไปยังถนนสำคัญอื่นๆได้รอบทิศทั้งถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก ถนนพหลโยธิน ถนนประดิษฐ์มนูธรรม และถนนประเสริฐมนูกิจ ถ้าใครทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ถือว่าสะดวกพอสมควร ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะอยู่บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือถนนเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ซึ่งไม่ไกลจากตัวโครงการ เนื่องจากมีจำนวนคนหลายครัวเรือนพักอาศัยอยู่ในย่านนี้ จึงต้องทำใจและเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์ด้วย เพราะปริมาณรถบนถนนจะค่อนข้างหนาแน่นโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถเดินจากโครงการไปยังถนนลาดพร้าวได้ในระยะประมาณ 1.1 กิโลเมตร เนื่องจากถนนเส้นนี้ใช้เป็นเส้นทางลัดและเป็นชุมชนที่อยู่อาศัย จึงมีรถผ่านเข้า-ออกตลอด จึงทำให้มีวินมอเตอร์ไซค์และรถแท็กซี่ผ่านไปมาอยู่ตลอด ในตอนนี้ทำเลนี้อาจจะไม่ได้อิงการใช้รถไฟฟ้ามากเท่าไหร่นักแต่ก็สามารถเดินทางมาใช้ MRT ลาดพร้าว ที่บริเวณแยกรัชดา – ลาดพร้าวได้สะดวก ส่วนในอนาคตจะมีรถไฟฟ้า สายสีเหลือง “ลาดพร้าว-สำโรง” สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีโชคชัย4 อยู่บริเวณหน้าปากซอยโชคชัย 4 เลย น่าจะเตรียมตัวเริ่มก่อสร้างประมาณปีหน้า ไป Interchange กับ MRT สถานีลาดพร้าว ซึ่งถ้ารถไฟฟ้าสายนี้สร้างเสร็จก็จะเพิ่มความสะดวกขึ้นไปอีกครับ
ด้วยความที่พื้นที่โดยรอบมีคนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น ในระยะเดินจึงทำให้มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร มีร้านของชำ ร้านค้า ร้านอาหารให้บริการใกล้ๆ ห่างออกไปหน่อยทั้งสองฝั่งทั้งโชคชัย 4 ขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหาร Street food ที่เรียงรายกันตลอดทั้งสองฝั่งถนน มีให้เลือกทั้งร้านข้างทางไปยันร้านติดแอร์ บางร้านก็เปิด 24 ชั่วโมง คนที่อยู่แถวนี้ไม่ต้องเน้นทำกับข้าวกินเองได้เลย ตลอดสะพาน 2 จะเปิดในช่วงเวลากลางวัน ส่วนตลาดโชคชัย 4 จะคึกคักในเวลากลางคืน ถ้าหากอยากจะออกไป Avenue หรือห้างสรรพสินค้า ก็อิงไปทางฝั่งถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ที่มีทั้ง Central East Ville, CDC และ Crystal Park
ถึงแม้ทำเลที่ตั้งของเราจะไม่ได้อยู่บนถนนโชคชัย 4 แต่ก็เรียกว่าเป็นพื้นที่ข้างเคียงเลยทีเดียว เพราะมีทางเข้าออกที่เชื่อมต่อได้กับถนนโชคชัย 4 ที่ไปทะลุต่อยังถนนลาดพร้าววังหิน และ นาคนิวาสได้อย่างสะดวก และแน่นอนจุดเด่นของละแวกนี้คือ “ของกิน” รับรองว่ามีให้เลือกเยอะ ที่เอามาลงให้ดู คือเพียงแค่ส่วนนึงเท่านั้น ถ้าใครได้ลองไปขับรถวนดูที่เส้นโชคชัย 4, ลาดพร้าววังหิน และนาคนิวาส จะเห็นพวกร้านอาหาร Street food อร่อยๆเรียงรายอยู่ทั้ง 2 ฝั่งข้างทางตลอดแนว มีตั้งแต่รถเข็นเร่ขายข้างทาง ร้านตึกแถว ยันร้านติดแอร์ บางร้านก็เปิด 24 ชั่วโมง ซึ่งเราก็พยายามทำแผนที่รวมร้านอร่อยๆเอาไว้เผื่อคนที่กำลังจะมาอยู่แถวนี้จะได้ไปลองชิมกัน
ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนสังคมสงเคราะห์ ซึ่งสามารถลัดเลาะเข้าได้หลายเส้นทาง และพวกถนนลาดพร้าวรอบๆ ก็สามารถลัดเลาะกันไปมาได้ค่อนข้างหลากหลาย แต่สำหรับการเดินทางไปโครงการวันนี้ ผมจะพาทุกคนไปด้วยเส้นทางที่มาตรฐานที่สุดนะ คือวิ่งบนถนนลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนโชคชัย 4 จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าถนนสังคมสงเคราะห์ ซึ่งจะมีระยะทางจากโครงการถึงถนนลาดพร้าวประมาณ 1.1 กิโลเมตร เข้ามาไม่ได้ลึกมากนัก ไปดูกันเลย
เริ่มต้นที่ถนนลาดพร้าวฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งจริงๆแล้วสามารถใช้ MRT สถานีลาดพร้าว ออกทางประตูทางออกหมายเลข 4 แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาก็ได้นะครับ
ตรงมาเรื่อยๆจะมีทางให้เลี้ยวเข้าถนนโชคชัย 4 ครับผม
บนถนนโชคชัย 4 จะค่อนข้างคึกคักเลยทีเดียว มีร้านค้าร้านอาหารเรียงรายสองข้างทาง เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์มาก เหมาะแก่การหาซื้ออาหารและของใช้สำหรับช่วงเข้าหรือออกจากโครงการ ให้เราตรงต่อเข้าไปเลยครับ นอกจากนั้นฝั่งซ้ายมือจะมี The Shelter โชคชัย 4 เป็นศูนย์การค้าขนาดย่อม ภายในมี Big C Market อยู่ระหว่างทางผ่านด้วยครับ
หลังจากตรงเข้ามาบนถนนโชคชัย 4 ประมาณ 600 เมตร จะมีทางให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสังคมสงเคราะห์ เลี้ยวเข้าไปเลยครับ
ตรงต่อไปบนถนนสังคมสงเคราะห์อีกประมาณ 600 เมตร ก็ถึงแล้วครับ
จะมีรั้วโครงการอยู่ทางขวามือยาวคือส่วนของ Phase 1 ส่วนสำนักงานขายจะอยู่บนพื้นที่ของ Phase 2
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
สำหรับพื้นที่โครงการอยู่บนถนนสังคมสงเคราะห์ตรงหัวมุมถนนพอดี ซึ่งถนนบริเวณนี้จะมีระยะถนนกว้างกว่าบริเวณอื่นๆ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบในการเข้าออกสะดวก และไกลกับพื้นที่ฝั่งตรงข้าม ตัวโครงการมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้างนะ ภายในแบ่งออกเป็น 2 Phase แยกทางเข้าออกกันและมีรั้วแบ่งกันชัดเจน ซึ่งเราจะพูดถึงแค่ Phase 1 นะครับ ภายในพื้นที่ของเราประกอบไปด้วยอาคารอาศัยรูปตัว L 2 อาคาร และอาคารพื้นที่ส่วนกลาง Club House อยู่ตรงกลาง จึงทำให้ได้มุมมองที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งภายนอกโครงการและในโครงการ ลองมาดูกันว่าแต่ละทิศจะติดกับพื้นที่อะไรรอบข้างบ้าง
- ทิศเหนือ – ของอาคาร A จะติดกับถนนสังคมสงเคราะห์ซึ่งเป็นทางเข้าออกของโครงการ มีหอพัก 4 ชั้นอยู่เยื้องๆ บังวิวไปบางส่วน ส่วนอีกฝั่งจะได้รับวิวถนน จึงทำให้มุมมองฝั่งนี้ค่อนข้างจะมี movement เห็นความเคลื่อนไหวของบริบทโดยรอบตลอดเวลา มีเสียงและฝุ่นรบกวนมากกว่าฝั่งอื่นๆ ส่วนทิศเหนือของอาคาร B จะหันเข้าพื้นที่ส่วนกลาง ได้วิวสระว่ายน้ำ และเห็นอาคาร A เป็นวิวที่ไม่โล่งแต่ก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวภายในโครงการ
- ทิศตะวันออก – ทั้งอาคาร A และ อาคาร B จะติดกับพื้นที่ของ Phase 2 ซึ่งคาดว่าจะเป็นอาคารสูงเท่ากัน ดังนั้นจึงจะไม่ได้วิวโล่ง ส่วนบางพื้นที่ก็จะได้เห็นพื้นที่ Club House ตรงกลางด้วย
- ทิศใต้ – ของอาคาร A หันเข้าภายในโครงการ เห็น Club House และอาคาร B ส่วนของอาคาร B จะค่อนข้างได้วิวโล่ง หันออกด้านนอกรั้วโครงการ เป็นแนวพื้นที่พักอาศัยแนวราบ 1-2 ชั้น
- ทิศตะวันตก – เป็นทิศเดียวที่ทั้งอาคาร A และ B ได้วิวโล่งทั้งสองอาคาร จะติดกับพื้นที่พักอาศัย 1-2 ชั้น แต่ก็เป็นทิศที่รับความร้อนสุงที่สุดนะ
มาดูรอบๆตัวโครงการกันนะครับ ขอพาเดินเข้าไปดูลึกเข้าไปภายในถนนสังคมสงเคราะห์ก่อนละกันนะครับ ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ติดกับพื้นที่ของ Phase 2 ในอนาคตนะครับ
ติดๆกันเลยจะมีเป็นแนวอาคารตึกแถวประมาณ 3-4 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ส่วนที่ใกล้กับพื้นที่โครงการจะมีร้านขายของชำ มีตู้ ATM ให้บริการด้วยนะ
ด้านข้างมีซอยสังคมสงเคราะห์ 25 เป็นซอยที่สามารถไปทะลุกับถนนลาดพร้าวได้นะ ใช้ลัดเลาะออกได้หลายช่องทาง
ลึกเข้าไป ฝั่งตรงข้ามจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยนะ ร้านใหญ่ทีเดียว
เดินต่อมาก็มีแนวร้านค้าค่อนข้างเยอะนะ ร้านอาหารก็มีให้เห็นเรื่อยๆนะ ทุกๆช่วงเสาไฟฟ้า จะมีของกินให้ฝากท้องได้เลยล่ะ
ข้างๆมีซอยสังคมสงเคราะห์ 23 ซึ่งเป็นซอยตัน ภายในเป็นบ้านพักอาศัย มีบริบทเงียบสงบ
ย้อนกลับมาดูหน้าโครงการ ตัว Sale Gallery ตั้งอยู่บนพื้นที่ของ Phase 2 ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง แต่ด้านข้างที่ติดแนวรั้วล้อมรอบไว้ คือพื้นที่ Phase 1 ของเรา ที่กำลังเตรียมการก่อสร้างครับ
ลองเดินไปดูฝั่งซ้าย ที่ติดกับตัวโครงการฝั่งของ Phase 1 ของเรากันบ้าง
หน้าพื้นที่โครงการมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่นะ ซึ่งพอโครงการสร้างเสร็จ พี่ๆเขาอาจจะต้องขยับไปอยู่ทางฝั่งด้านข้าง หรือรอบๆบริเวณนี้แหละครับ เอาเป็นว่ามีให้ใช้งานได้ง่ายเลยทีเดียวล่ะ
ตัวโครงการอยู่บริเวณมุมหัวโค้งทางเลี้ยว ซึ่งส่วนที่จะอยู่บริเวณนี้คืออาคาร A ทำให้บางส่วนของห้องพักอาศัยทางฝั่งนี้จะได้รับวิวทางโค้ง
ลองแวะเข้าไปดูพื้นที่ภายในของที่ตั้งโครงการสักนิดนะครับ ด้านในสุดของพื้นที่ (ทิศใต้) ติดกับอาคารพักอาศัย 2-3 ชั้น จะมีผลกับแนวอาคาร B ทางช่วงชั้นล่างๆเล็กน้อยนะครับ
ทางฝั่งขวามือ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) จะมีแนวอาคาร 4 ชั้น เป็นฝั่งเดียวที่มีอาคารข้างเคียง สูงหน่อยในระยะประชิด จะมีผลกับแนวอาคาร A ครับ
ทางฝั่งซ้ายมือ (ทิศตะวันออก) จะเห็นอาคาร Sale Gallery และรอบๆยังเป็นพื้นที่โล่งนะ แต่ในอนาคตจะเป็นพื้นที่ของ Phase 2 ซึ่งจะบังวิวด้านนี้พอสมควร มีผลกับทั้งอาคาร A และ B แต่มีระยะห่างที่ค่อนข้างไกล ไปดูในรายละเอียดภายในจะเห็นภาพชัดขึ้นนะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัยและร้านค้าแนวราบมีความสูงแค่ 1-2 ชั้น ไม่ได้มีผลกับวิวทางฝั่งนี้มากนัก
ลองเดินไปดูฝั่งข้างๆกันต่อนะครับ เลยแนวทางโค้งมานิดนึง จะมีพวกร้านล้างรถ ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์เป็นแนวยาว
ติดกับตัวโครงการทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่เราเห็นกันในรั้วโครงการ คืออาคารธนาภาเพลส หอพักอาศัย 4 ชั้นครับ
ฝั่งตรงข้ามก็มีอาคาร 5 ชั้น แต่มีระยะห่างค่อนข้างไกล
เดินมาอีกหน่อยจะมีทางเข้าไปภายใน เหมือนเป็นเวิ้งร้านค้า ร้านอาหาร มีร้านอาหาร และร้านหมูกะทะขนาดใหญ่ที่หัวมุม เอาใจสายหมูกะทะได้ดีเลยล่ะ
เลยมาอีกนิดหนึ่งมี Family Mart และ 7 Eleven ให้มาใช้บริการกันได้ ถือว่าอยู่ในระยะเดินนะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- The Shelter ~ 750 m.
- รพ.เปาโล โชคชัย 4 ~ 850 m.
- ตลาดโชคชัย 4 ~ 1.1 km.
- สน.โชคชัย 4 ~ 1.2 km.
- Home Pro เลียบด่วน ~ 2.0 km.
- Tesco Lotus เลียบด่วน ~ 2.3 km.
- Central Festival EastVile ~ 2.5 km.
- Plaza Lagoon ~ 3.4 km.
- The Jas วังหิน ~ 3.8 km.
- Crystal Park ~ 3.6 km.
- Tesco Lotus สาขาวังหิน ~ 4 km.
- CDC ~ 5 km.
ขอเล่าความเป็นมาของพื้นที่สักนิดนึงนะครับ เดิมทีพื้นที่นี้เป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ของละแวกนี้มาอย่างยาวนาน จนปัจจุบันเหลือเป็นพื้นที่ว่างไม่กี่แปลงในย่านนี้ เมื่อก่อนภายในพื้นที่จะมีต้นธูปฤาษีขึ้นหนาอยู่ตลอด จึงเป็นภาพจำที่คุ้นชินตาของพื้นที่นี้สำหรับคนที่ผ่านไปมาเส้นสังคมสงเคราะห์เป็นประจำ นักออกแบบเลยหยิบเอาอัตลักษณ์ส่วนนี้มาเล่นกับการออกแบบโครงการ โดยจะใช้เส้นแนวตั้ง ที่แสดงถึงแนวเส้นของต้นธูปฤาษีมาใช้ในส่วนของการออกแบบด้วย เส้นตั้งนอกจากจะใช้เล่าเรื่องราวความเป็นมาของพื้นที่แล้วยังทำให้รู้สึกว่าตัวอาคารสูง สง่า และดูมั่นคงแข็งแรงอีกด้วย
ภายในพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ประกอบไปด้วย อาคาร Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 434 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ซึ่งโครงการนี้จะประกอบด้วยพื้นที่ภายใน 2 Phase ปัจจุบันคือ Phase 1 ที่กำลังจะเตรียมขายกันในเดือนพฤษภาคมนี้ พื้นที่ภายในของทั้ง 2 Phase จะถูกแยกออกจากกันชัดเจน แยกทางเข้าออกและมีรั้วกั้น ซึ่งก็ช่วยในเรื่องของการจำนวนผู้พักอาศัย และความเป็นส่วนตัว แต่จะได้รับผลกระทบเรื่องของมุมมองในบางตำแหน่งของห้องพักอาศัยนะครับ
มุมมองของอาคาร A
- ทางฝั่งทิศเหนือ – จะติดถนน ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบเรื่องเสียงบ้างสำหรับชั้นล่างๆหน่อย มุมมองมีวิว 2 ลักษณะ ถ้าเป็นฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ในชั้น 2-4 จะโดนอาคารหอพัก 4 ชั้น บังวิวเล็กน้อย สูงขึ้นไปก็จะค่อนข้างโล่ง ส่วนทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะได้รับวิวถนน กว้างโล่ง ใกล้กับทางเข้าออกโครงการ
- ทางฝั่งทิศตะวันออก – ทิศนี้เป็นฝั่งที่จะเห็นห้องพักอาศัยกันเองของแนวอาคารที่เป็นตัว L ซึ่งมุมมองของห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกโดยตรงจะมีไม่มากนัก รับวิวภายในโครงการ ส่วนของ Club House เป็นหลัก ถ้าเลยไปนอกรั้วโครงการจะค่อนข้างโล่ง แต่ในอนาคต จะเป็นพื้นที่ของ Phase 2 ซึ่งมีความสูงเท่ากัน ทำให้วิวฝั่งนี้จะค่อนข้างโดนบล็อคนะ
- ทางฝั่งทิศใต้ – เป็นอีกฝั่งที่จะเห็นห้องพักอาศัยกันเองของแนวอาคารที่เป็นตัว L เช่นกันกับทิศตะวันออก มุมมองก็จะเป็นวิวภายในโครงการเช่นกัน และจะเห็นอาคาร B ถือเป็นอีกฝั่งที่ไม่ได้วิวโล่ง
- ทางฝั่งทิศตะวันตก – จะเป็นทิศที่ได้วิวค่อนข้างโล่งนะ เพราะติดกับพื้นที่พักอาศัยแนวราบ แต่ทิศนี้จะได้รับความร้อนสูง อาจจะต้องหาม่านมาช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวห้องบ้างนะครับ
มุมมองของอาคาร B
- ทางฝั่งทิศเหนือ – จะเป็นทิศที่หันเข้าภายในโครงการ เห็นห้องพักอาศัยกันเองของแนวอาคารที่เป็นตัว L จะได้วิว Club House และมองเห็นอาคาร A เป็นฝั่งที่ไม่ได้วิวโล่งมากนัก
- ฝั่งทิศตะวันตก – เป็นฝั่งที่มองออกไปภายนอกโครงการ ได้วิวโล่ง เพราะติดกับแนวบ้านพักอาศัยแนวราบ
- ฝั่งทิศใต้ – เป็นอีกด้านที่ได้มองออกไปนอกโครงการ ได้วิวโล่งเช่นกัน เพราะติดกับแนวบ้านพักอาศัยแนวราบ
- ฝั่งทิศตะวันออก – ทิศนี้เป็นฝั่งที่จะเห็นห้องพักอาศัยกันเองของแนวอาคารที่เป็นตัว L รับวิวภายในโครงการส่วนของ Club House เป็นหลัก วิวนอกรั้วโครงการปัจจุบันจะค่อนข้างโล่ง แต่ในอนาคต จะเป็นพื้นที่ของ Phase 2 ซึ่งมีความสูงเท่ากัน ทำให้วิวฝั่งนี้จะค่อนข้างโดนบล็อค
ตัวอาคารแยกออกเป็น 2 ฝั่ง หน้าและหลัง โดยมีอาคาร Club House อยู่ตรงกลาง ข้อดีคือช่วยลดจำนวนผู้อยู่อาศัยต่อชั้น แบ่งสัดส่วนการจัดการพื้นที่ ซึ่งแต่ละอาคารก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน จึงทำให้เราสามารถเลือกความหลากหลายของตำแหน่งที่ตั้งห้องพักอาศัยได้มากยิ่งขึ้นนะ
เริ่มที่ทางเข้าออกของโครงการมีจุดเดียว ใช้แบบ Keycard Access ระบบ Easy Pass แบบทางด่วนที่ไม่ต้องเปิดกระจกลงมาเพื่อเอา Keycard มาทาบ สะดวกและรวดเร็ว มีตำแหน่งอยู่ข้างอาคาร A ซึ่งก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน ข้อดีก็คือเข้าออกง่าย สะดวก เดินเท้าเข้ามาก็เข้าถึงตัวห้องพักอาศัยได้ง่าย ส่วนข้อเสียคือจะมีผลกระทบเรื่องเสียง และความวุ่นวาย เนื่องจากคนอื่นๆภายในโครงการต้องขับเข้าออกผ่านไปมาอยู่ตลอด
เมื่อเข้ามาภายในพื้นที่อาคาร A จะใกล้กับทางเข้าออก ซึ่งอธิบายข้อดี-ข้อเสียไปบ้างแล้ว มีส่วน Club House อยู่ตรงกลางของพื้นที่โครงการ ซึ่งจะสามารถเข้าใช้งานได้สะดวก รวมถึงพื้นที่ด้านในของอาคาร ฝั่งติดถนนประชาสงเคราะห์ ก็มีพื้นที่ Kid’s Zone เป็นพื้นที่สำหรับเด็กๆ และ ใช้ออกกำลังกายได้ด้วย ภายในจะประกอบไปด้วยพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้ง ท่ามกลางสวนรอบๆ
ส่วนพื้นที่ Club House จะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ซึ่งง่ายแก่การเข้าถึงและใช้งาน นอกจากนั้นยังเป็นมุมมองให้กับพื้นที่พักอาศัยโดยรอบด้วย แต่การอยู่ตรงนี้ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เพราะต้องมีรถผ่านไปมาอยู่รอบๆ จะทำให้พื้นที่ไม่ค่อยได้ความเป็นส่วนตัว และจะเดินข้ามไปมาอาจจะต้องระวังกันทั้งคนขับรถและคนเดิน ควรมีเจ้าหน้าที่ประจำเป็นจุดๆคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยให้นะครับ
ภายในอาคาร Club House จะประกอบไปด้วย
- ร้านค้า
- สระว่ายน้ำ
- ฟิตเนส
- Co-Working Space
- สวนดาดฟ้า
พื้นที่ของอาคาร B จะอยู่ด้านในของตัวโครงการ ซึ่งจะมีข้อดีข้อเสียที่ค่อนข้างตรงข้ามกับอาคาร A ในเรื่องของการเข้าออกโครงการอาจจะไม่สะดวกเท่าอาคาร A เพราะมีระยะทางที่ไกลกว่า แต่จะได้ความสงบมาแทน เพราะไม่ต้องมีรถผ่านไปมาหน้าอาคารมากนัก ส่วนพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนของ Club House สามารถเข้าถึงได้ในระยะที่สะดวก แต่ส่วน Kid’s Zone ที่ตั้งอยู่ที่อาคาร A ก็จะต้องเดินไปใช้งานไกลหน่อยครับ
อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าภายในพื้นที่โครงการจะมีอีก Phase หน่ึงด้วย ซึ่งแยกทางเข้าออก มีรั้ว และการดูแลชัดเจน พื้นที่ของเราภายในประกอบไปด้วยอาคารพักอาศัย 2 อาคาร มีรูปทรงเป็นตัว L คั่นกลางด้วยอาคาร Club House พื้นที่ส่วนกลางที่เข้าใช้ง่ายได้สะดวกจากทั้งสองฝั่ง
- ทางเข้าออกและการเดินรถ – โครงการมีทางเข้าออกทางเดียวที่ทิศเหนือของโครงการ ใกล้กับอาคาร A เป็นการเดินรถสองทางสวนกันภายในพื้นที่โครงการ มีพื้นที่จอดรถทั้งภายนอกอาคารและใต้อาคาร ส่วนใต้อาคารแต่ละอาคารจะเป็นการวนรถทางเดียว โดยมีที่จอดรถประมาณคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- พื้นที่ส่วนกลาง – แต่ละอาคารจะมีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 1 : 109 ยูนิต โดยที่อาคารแต่ละอาคารจะมี Lobby และแยก Mailbox ของตนเอง แต่ที่อาคาร A มี Shop ให้ 1 ร้าน สามารถเดินมาใช้บริการได้ พื้นที่ส่วนกลางหลักๆเลยจะอยู่ที่อาคาร Club House 2 ชั้นตรงกลาง ภายในประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ ฟิตเนส, Co-Working Space, สวนดาดฟ้า
มาดูที่ชั้นพักอาศัยกันบ้าง เริ่มที่อาคาร A มีทั้งหมด 217 ยูนิต และมี 31 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะมีรูปแบบอาคารและการวางห้องพักแบบเดียวกันทั้งหมด ตัวอาคารที่เป็นตัว L จะช่วยทำให้มีห้องพักอาศัยหันรับวิวได้หลากหลาย มีตัวเลือกเยอะขึ้น แต่จะมีทั้งส่วนที่หันออกภายนอก และหันเห็นแนวห้องพักอาศัยของอาคารเดียวกันเองบ้าง อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างสำหรับบางตำแหน่ง ทั้งอาคารมีรูปแบบห้องทั้งหมด 4 แบบ
– 1 Bedroom Type A ขนาด 26.00-26.50 ตร.ม. เป็นรูปแบบห้องที่มีเยอะที่สุดในอาคาร อยู่ที่ 13 ยูนิต/ชั้น รับวิวโล่งทางฝั่งทิศตะวันตก 8 ยูนิต และวิวภายในโครงการทางทิศตะวันออกและทิศใต้อีก 5 ยูนิต
– 1 Bedroom Type B ขนาด 32.00 ตร.ม. จะมีจำนวนรองลงมาที่ 10 ยูนิต/ชั้น รับวิวฝั่งทิศเหนือที่จะโดนอาคารสูง 4 ชั้นบล็อคอยู่ 6 ยูนิต และวิวภายในโครงการฝั่งทิศใต้อีก 4 ยูนิต
– 1 Bedroom Plus Type C ขนาด 40.00 ตร.ม. มีจำนวน 6 ห้องต่อชั้น รับวิวทิศเหนือฝั่งถนนซึ่งเป็นวิวโล่ง 4 ห้อง และทิศใต้ฝั่งที่หันหน้าเข้าหาอาคาร B แบบเยื้องๆ ไม่ตรงมากนัก
– 2 Bedrooms Type D ขนาด 45.50 ตร.ม. มีจำนวน 2 ห้องที่มุมอาคารฝั่งทิศตะวันออกและทิศใต้ เพราะเป็นรูปแบบห้องที่รับวิวได้ 2 ฝั่ง
โถงลิฟต์และโถงทางเดิน – มีลิฟต์โดยสารจำนวน 2 ตัวต่ออาคาร ซึ่งจะอยู่ที่อัตราส่วน 1 : 109 ยูนิต ถือว่าสูงเหมือนกันนะครับ ตัวพื้นที่โถงลิฟต์เองจะได้รับแสงธรรมชาติด้านข้าง เห็นวิวภายในโครงการ รวมถึงโถงทางเดินแบบ Double Corridor ที่พยามเปิดช่องแสงในทุกช่วงอาคาร ทั้งสุดทางเดินและตรงกลางช่วงอาคาร ถือว่าช่วยประหยัดไฟในช่วงเวลากลางวันได้ดี ซึ่งส่วนนี้จะมีผลกับค่าส่วนกลางของเรานะ
ส่วนอาคาร B จะอยู่ตรงข้ามกับอาคาร A มีลักษณะภายในเหมือนกับเกือบจะทั้งหมด เรียกได้ว่าแทบจะ Mirror กันออกมาเลย แต่มีการสลับตำแหน่งของห้องพักอาศัยเล็กน้อย มีทั้งหมด 217 ยูนิต และมี 31 ยูนิตต่อชั้นเท่ากัน และมีรูปแบบห้องทั้งหมด 4 แบบเช่นกันกับอาคาร A
– 1 Bedroom Type A ขนาด 26.00-26.50 ตร.ม. เป็นรูปแบบห้องที่มีเยอะที่สุดในอาคาร อยู่ที่ 13 ยูนิต/ชั้น รับวิว ทางฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเป็นหลัก
– 1 Bedroom Type B ขนาด 32.00 ตร.ม. จะมีจำนวนรองลงมาที่ 10 ยูนิต/ชั้น รับวิวโล่งฝั่งทิศใต้ 8 ยูนิต และวิวภายในโครงการฝั่งทิศตะวันตกอีก 2 ยูนิต
– 1 Bedroom Plus Type C ขนาด 40.00 ตร.ม. มีจำนวน 6 ห้องต่อชั้น รับวิวทิศเหนือฝั่งถนนซึ่งเป็นวิวโล่ง 4 ห้อง และทิศใต้ฝั่งที่หันหน้าเข้าหาอาคาร B แบบเยื้องๆ ไม่ตรงมากนัก
– 2 Bedrooms Type D ขนาด 45.50 ตร.ม. มีจำนวน 2 ห้องที่มุมอาคารฝั่งทิศตะวันออกและทิศใต้ เพราะเป็นรูปแบบห้องที่รับวิวได้ 2 ฝั่ง
โถงลิฟต์และโถงทางเดิน – มีลิฟต์โดยสารจำนวน 2 ตัวต่ออาคาร ตำแหน่งโถงลิฟต์รับวิว Clubhouse และโถงทางเดินแบบ Double Corridor รับช่องแสงจากภายนอกตามมุมต่างๆของอาคารเช่นกัน
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- Mail box
- Club House
- Passion Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด n/a เมตร
- Healthy Fitness Club
- Creative Co-working Space
- Kid’s Zone
- ร้านค้า 1 ร้าน
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 109 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 109 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 109 : 1
- ที่จอดรถประมาณคิดเป็น 40%
- ระบบ Key Card Access แบบ Easy Pass
- ระบบ CCTV
- รปภ. ดูแลตลอด 24 ชม.
มาดูห้องแบบแรกกัน 1 Bedroom A Type 26.00 – 26.50 ตร.ม. ซึ่งจะมีขนาดเล็กที่สุด และมีจำนวนมากที่สุดในโครงการ เป็นห้องตอนยาวหน้าแคบ ภายในได้พื้นที่ที่ลงตัว ข้อดีของการวางผังแบบนี้คือ มีการจัดแบ่งส่วนแต่ละพื้นที่ชัดเจน ได้ความเป็นส่วนตัวในแต่ละส่วน พื้นที่หน้าประตูห้องที่เปิดมามีการใช้งานเลยลักษณะนี้ จึงต้องหาพื้นที่สำหรับวางตู้รองเท้าในบริเวณนี้ด้วย นอกจากนั้นยังหาตำแหน่งวางชั้นวางรองเท้าค่อนข้างยากหน่อย อาจจะต้องข้ามโซนดูทีวีเข้ามาวางภายในห้อง ซึ่งจะต้องหมั่นทำความสะอาดบริเวณนี้อยู่บ่อยๆนะครับ
ขอแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 5 ส่วน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ระเบียงซักล้าง เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่นเลย บริเวณนี้จะมีพื้นที่นั่งรับประทานอาหารด้วยนะ สามารถดูทีวีไปด้วยได้ เชื่อมต่อไปที่ส่วนห้องนอนจะเป็นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อทำให้ห้องดูโล่ง ภายในมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า และมีช่องแสงที่สามารถส่องเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นได้ด้วย เดินออกมาเป็นส่วนของห้องน้ำที่มีตำแหน่งอยู่หลังผนังที่เป็นชั้นวางทีวี เข้าถึงได้ง่าย และทางเข้าหลบมุมจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน ได้ความเป็นส่วนตัว ไม่เขิลเวลาเปิดเข้าออก หน้าห้องน้ำยังมีพื้นที่เป็นมุมเล็กๆที่สามารถจัดเป็นโต๊ะทำงาน หรือชั้นวางของก็ได้ ส่วนตรงข้ามห้องน้ำมีพื้นที่ครัว ที่เป็นครัวปิด ใกล้กับระเบียง จะได้ทั้งช่องแสงและง่ายต่อการระบายอากาศ ตำแหน่งระเบียงก็มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าและแขวน Condensing Unit แล้วออกไปยืนสูดอากาศและใช้งานได้สะดวกนะ ไปดูของจริงกันครับ
ภายในห้องจะให้เป็นแบบ Fully Fitted ให้เคาน์เตอร์ครัวกับตู้เสื้อผ้า แต่ปัจจุบันมีโปรโมชั่นถ้าจองตอนเปิดตัว (เดือนพฤษภาคม) จะให้แบบ Fully Furnished ตามห้องตัวอย่างเลยนะ ภายในมีระดับพื้นถึงฝ้าที่ 2.45 เมตร พื้นเป็นลามิเนต หนา 8 มม. ผนังฉาบเรียบทาสีพร้อมบัวไม้เชิงผนัง
เมื่อเปิดประตูมาจะพบพื้นที่ห้องนั่งเล่นเลย ด้วยขนาดห้องที่ไม่ได้ใหญ่นักเลยต้องใช้พื้นที่ให้คุ้ม อย่างที่บอกไปตอนอธิบายผัง ว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เข้าออก และมีการใช้งานส่วนของห้องนั่งเล่นไปด้วย จึงต้องหาที่เก็บรองเท้าและดูแลรักษาความสะอาดให้ดีนะครับ
ส่วนของฝั่งที่วางโซฟา จะมีขนาดพื้นที่แนวยาวพอสมควรนะ สามารถวางโซฟาแนวยาวขนาด3-4 ที่นั่งได้ แต่จะมาเป็นโซฟาชุดค่อนข้างยากนะ ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับวางพื้นที่โต๊ะรับประทานอาหาร
ขนาดพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารไม่ได้กว้างมากนัก น่าจะนั่งได้ 2-3 ที่นั่ง
ฝั่งที่วางทีวีก็มีพื้นที่พอสมควรสำหรับทำชั้นวางทีวี ซึ่งจริงๆแล้วถ้าใช้เป็นทีวีแขวนผนังจะได้พื้นที่ด้านล่างที่สามารถทำเป็นชั้นวางรองเท้าก็ได้นะ ส่วนด้านบนก็สามารถทำเป็นชั้นวางของได้ด้วยนะ
ส่วนนี้จะให้ฝ้าแบบฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวงครับ
ส่วนต่อไปของห้องคือห้องนอนครับ ซึ่งจะแบ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์กรอบบานอลูมิเนียม กระจกใส แบบ Double Slice มีระยะเปิดกว้างสุดที่ 1.5 เมตร เปิดแล้วโล่งทีเดียวครับ
ด้านในมีตัวล็อคให้นะ และมีรางที่พื้นด้วย เดินเข้าออกต้องระวังสะดุดกันนิดนึงนะครับ
ภายในห้องนอนมีขนาดกว้างใช้ได้ วางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งได้ ที่สำคัญคือมีช่องแสงให้ด้วย ภายในห้องตัวอย่างจัดมาให้เป็นเตียง 5 ฟุตวางชิดผนัง แต่โครงการจะให้มาแค่ตู้เสื้อผ้านะครับ ส่วนอื่นต้องหามาวางเอง
พื้นที่หน้าประตูทางเข้ามีขนาดค่อนข้างกว้างเลย จากหน้าตู้ถึงผนังประมาณ 1.8 เมตร และจากหน้าประตูถึงเตียงประมาณ 1.5 เมตร มีพื้นที่ให้ยืนแต่งตัว หรือจะวางโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งแบบห้องตัวอย่างก็ได้สบายๆเลยครับ
ที่ปลายเตียงมีพื้นที่สำหรับแขวนทีวีด้วยนะ เดินสายไว้ให้เรียบร้อย ส่วนด้านในห้องนอนมีกระจกช่องแสงเป็นบาน Fixed ขนาด 1.1 x 0.9 เมตร และบานกระทุ้งขนาด 1.1 x 0.6 ครับ เปิดรับลมระบายอากาศได้
พื้นที่ปลายเตียงมีขนาดเหลือประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งถ้าติดทีวีแขวนผนังแล้วก็จะเดินยากหน่อยนะครับ
ส่วนริมผนังที่ติดกับช่องแสง ในห้องตัวอย่างผลักเตียงมาชนผนังเพื่อพื้นที่หน้าทางเข้าห้อง จึงทำให้ไม่เหลือพื้นที่เดินริมผนังครับ
มองย้อนกลับไปที่ทางเข้าห้องนอน จะมีพื้นที่สำหรับติดม่านด้านบนประตูทางเข้าด้วยนะ สำหรับแบ่งความเป็นส่วนตัวกับห้องนั่งเล่น
ส่วนตู้เสื้อผ้าที่เขาให้มา จะเป็นแบบบานสไลด์นะ ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่หน้าตู้ได้ เป็นบานกระจกหนึ่งฝั่ง ใช้ส่องกระจกได้เต็มตัวเลยทีเดียว ส่วนภายในแบ่งเป็นพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ด้านบนสุดและล่างสุด ส่วนตรงกลางใช้แขวนเสื้อและลิ้นชักแยกเก็บของตามประเภทครับ
ภายในห้องนอนให้ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง
ออกจากห้องมาซ้ายหัน ไปดูส่วนต่อไปในห้องนะ จะเห็นพื้นที่ด้านในสุดสำหรับทำเป็นชั้นวางของ หรือโต๊ะทำงานก็ได้ มีพื้นที่ขนาดประมาณ 60 x 90 เซนติเมตร ครับ ฝั่งขวามือคือห้องน้ำ ส่วนฝั่งซ้ายคือห้องครัว ไปดูห้องน้ำกันก่อนนะครับ
ภายในห้องน้ำจะได้ลักษณะแบบนี้เลยนะ ตกแต่งด้วยโทนสีสว่าง พื้นและผนังเป็นกระเบื้องเซรามิค มีระดับพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.2 เมตร อุปกรณ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดเป็นของ American Standard หรือเทียบเท่าครับ
พื้นที่ภายในเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้าง นั่งโถสุขภัณฑ์แล้วไม่ชิดผนัง ทางเข้าห้องน้ำลดระดับลงประมาณ 2-3 เซนติเมตร
ส่วนแรกเลยคือได้กระจกเงาติดผนัง มาพร้อมอ่างล้างหน้าแบบฝังบนเคาน์เตอร์ ซึ่งเป็นเคาน์เตอร์ไม้มีช่องสำหรับวางของด้านข้าง และบานเปิดใต้อ่าง
อ่างล้างหน้าเซรามิคของ American Standard ขนาดประมาณ 45 x 55 เซนติเมตร มีพื้นที่วางของเล็กน้อยครับ แต่ด้านหลังมีผนัง Low Wall ขนาดประมาณ 10 เซนติเมตร วางเยอะได้เยอะนะ
ด้านล่างมีบานเปิดเก็บของได้เล็กน้อย เคาน์เตอร์ยกสูงจากพื้นเพื่อป้องกันน้ำและง่ายแก่การทำความสะอาด
ส่วนโถสุขภัณฑ์เซรามิคแบบ 2 ชิ้น ของ American Standard มาพร้อมสายชำระและที่ใส่กระดาษชำระ ตรงนี้ผมว่าพื้นที่ด้านข้างค่อนข้างแคบไปหน่อย สำหรับคนตัวใหญ่อาจจะใช้งานได้ไม่ค่อยสะดวกนัก
สายชำระสเตนเลสแบบกดด้านหลังจับถนัดมือดีนะ มาพร้อมกับที่ใส่กระดาษชำระสเตนเลสเช่นกัน
ต่อไปเป็นส่วนอาบน้ำที่ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วย เป็นกระจก Tempered Glass พร้อมที่จับสเตนเลส มีระยะทางเข้าอยู่ที่ประมาณ 70 เซนติเมตร
พื้นที่อาบน้ำอยู่ที่ประมาณ 1 x 0.85 เมตร ทางเข้ามีขอบก่อสูงขึ้นประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อแบ่งพื้นที่
ส่วนอาบน้ำเป็นอุปกรณ์จาก American Standard เช่นกัน ให้มาเป็น Hand Shower นะ ไม่ได้มีพื้นที่สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้ อาจจะต้องหาชั้นวาง หรือเจาะแขวนเอาเองนะครับ
ส่วนฝักบัวอาบน้ำขนาดใหญ่พอสมควรเลย ปรับรูปแบบการไหลของน้ำได้หลายรูปแบบ
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ให้ไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมพัดลมระบายอากาศ
ออกมาจากห้องน้ำ ฝั่งตรงข้ามคือห้องครัว มีฉากกั้นแบบ 3 ตอนมาให้ ซึ่งข้อดีของฉากกั้นแบบ 3 ตอนคือจะสามารถมีระยะเปิดที่กว้างกว่าแบบ 2 ตอนนะ โดยจะมีอยู่ที่ประมาณ 80 เซนติเมตร
เป็นกรอบบานอลูมิเนียมกระจกใส พร้อมตัวล็อคและรางที่พื้น แถมภายในห้องครัวจะเปลี่ยนพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคนะครับ ทำความสะอาดง่าย
ภายในห้องครัวเป็นครัวปิดไม่ต้องห่วงเรื่องกลิ่นและควันจะไปรบกวนส่วนอื่นๆภายในห้องเลย แถมยังใกล้กับระเบียงจึงทำให้ง่ายต่อการระบายอากาศ ทางโครงการให้ชุดเคาน์เตอร์ครัวมาด้วยแบบในห้องตัวอย่าง ส่วนที่ใกล้กับทางเข้าออกห้องครัวคือพื้นที่เว้นว่างไว้สำหรับวางตู้เย็นประมาณ 65 x 65 เซนติเมตร ซึ่งสะดวกดีนะ เพราะส่วนตู้เย็นเป็นส่วนที่ต้องใช้งานบ่อย ใกล้กับประตูทำให้ไม่ต้องเดินเข้าไปภายในห้องครัวลึก กรณีมีคนประกอบอาหารอยู่ก็ไม่ต้องเบียดกันเข้าไปใช้งานตู้เย็น
พื้นที่ภายในมีเหลือประมาณ 180 x 90 เซนติเมตร ขนาดกำลังยืนทำครัวคนเดียวสบายๆ
ชุดเคาน์เตอร์ครัว มีชั้นวางของด้านบนยาวตลอดแนว ส่วนช่วงกลางมีทั้งส่วนเตาไฟฟ้าและอ่างล้างจาน พร้อมพื้นที่เตรียมอาหารเล็กน้อย รวมทั้งหมดกว้าง 1.2 เมตร ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์สีขาว ส่วนด้านล่างมีพื้นที่วางไมโครเวฟ และลิ้นชักเลือกเก็บของตามประเภท พร้อมพื้นที่เก็บของใต้อ่างล้างจาน
ด้านบนเป็นหน้าบานเปิดเก็บของได้หลายประเภททีเดียว กรุผิวด้วยเมลามีน
หน้าบานมีการเซาะร่องทำเป็นที่จับสำหรับเปิด-ปิดไว้ด้วย ทำให้หน้าบานเรียบไม่ต้องมีที่จับ
ส่วนช่วงกลางเป็นเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์สีขาว มีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานครับ
อ่างล้างจานแบบหลุมเดี่ยวขนาดประมาณ 40 x 40 เซนติเมตร
เตาแม่เหล็กไฟฟ้าจาก Franke แบบ 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนวนภายใน แต่ไม่ต้องห่วงเพราะใกล้กับระเบียง ง่ายแก่การระบายอากาศ
ด้านล่างเป็นพื้นที่เก็บของและที่วางไมโครเวฟ มีหลายรูปแบบทีเดียว ส่วนใต้อ่างล้างจานเป็นช่องขนาดใหญ่ สำหรับเก็บของชิ้นใหญ่ ส่วนลิ้นชักแบ่งเก็บของตามประเภทต่างๆ
ส่วนนี้จะได้ฝ้าฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 1 ดวงครับ
ส่วนต่อไปเชื่อมต่อไปยังระเบียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน เปิดได้มีระยะประมาณ 0.6 เมตร
มีตัวล็อคและรางที่พื้น ยกขอบขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร กันน้ำและสิ่งสกปรกเข้ามาภายในห้อง
พื้นที่ภายนอกปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1 x 1.5 เมตร วางเครื่องซักผ้า และออกไปยืนใช้งานได้สะดวก
ด้านบนแขวน Condensing unit ฝ้าฉาบเรียบทาสีให้ไฟ Downlight 1 ดวง ผนังด้านข้างทาสีของตัวอาคารสีกรมท่าครับ
มาดูกันต่อที่ห้องที่ 2 เป็นรูปแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 40 ตร.ม. ห้องมีลักษณะเป็นแนวยาวเช่นกัน แต่จะมีฟังค์ชั่นเพิ่มขึ้น คือห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดเป็นได้ทั้งห้องนอนเล็ก หรือห้องทำงาน ซึ่งทำให้ห้องนี้มีความพิเศษ เหมาะกับคนที่กำลังมองหาพื้นที่เพิ่มเติมภายในห้องพักอาศัย ภายในห้องจัดสัดส่วนพื้นที่ไว้ค่อนข้างดี แยกส่วนแต่ละพื้นที่ห้องชัดเจน
แบ่งพื้นที่การใช้งานภายในห้องออกเป็น 6 ส่วน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องอเนกประสงค์ ห้องครัว ระเบียง และห้องนอน เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับส่วนทางเดินเล็กน้อย เป็นพื้นที่ที่ช่วยให้ความส่วนตัวแก่พื้นที่ภายในห้อง เพราะไม่ได้เปิดมาแล้วเจอเลย เป็นพื้นที่สำหรับเตรียมตัวเข้าและออกห้อง ถอดและใส่รองเท้า เดินเข้ามาเล็กน้อยจะมีห้องน้ำอยู่ด้านข้าง ภายในเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งส่วนเปียกแห้งชัดเจน ออกมาจะเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็นส่วนแจกไปยังพื้นที่ต่างๆภายในห้อง มีระยะดูทีวีที่กว้าง แต่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่ทำให้ไม่สามารถวางโซฟาและโต๊ะขนาดใหญ่ได้มากนัก ด้านข้างมีห้องอเนกประสงค์ขนาดพื้นที่ภายในสามารถจัดเป็นห้องทำงานได้ ถ้าเป็นห้องนอนต้องวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต หรือเตียงเด็ก ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องครัว ซึ่งเป็นครัวปิดติดระเบียงง่ายแก่การระบายอากาศและเป็นช่องแสงให้กับพื้นที่ภายในห้อง อีกส่วนด้านข้างคือห้องนอน ซึ่งภายในมีช่องแสงเปิดรับลมระบายอากาศได้ พร้อมพื้นที่ Walk-in Closet ในตัว และสามารถเชื่อมเข้าห้องน้ำได้ด้วย สะดวกและได้ความเป็นส่วนตัว
ภายในห้องให้เป็นแบบ Fully Fitted ให้เฉพาะชุดครัวและตู้เสื้อผ้า (แต่มีโปรโมชั่นตอนเปิดตัวโครงการจะได้แบบ Fully Furnished ตามห้องตัวอย่างนะ) มีระดับพื้นถึงฝ้า 2.45 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. ผนังฉาบเรียบทาสีพร้อมบัวเชิงผนัง เช่นกัน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นทางเดิน บริเวณนี้เป็นพื้นที่เหมือน Foyer ของห้อง ซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นที่สำหรับเตรียมตัวเข้า-ออกจากห้อง พื้นที่ถอดและใส่รองเท้า ดังนั้นจึงต้องดูแลความสะอาดให้ดีนะ
ขนาดพื้นที่กว้างประมาณ 1.2 เมตร ถัดจากรัศมีประตู ผนังด้านข้างสามารถวางชั้นวางรองเท้าได้เล็กน้อย แนะนำให้ทำเป็นตู้แนวตั้งจะได้พื้นที่ใช้งานเยอะหน่อย
บริเวณนี้จะมีไฟ Downlight มาให้ 1 ดวงครับ
เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งจะเป็นส่วนแจกไปยังพื้นที่ต่างๆ ขนาดค่อนข้างกว้าง แต่ด้านข้างจะถูกประกบด้วยห้องทั้งสองด้าน ทำให้พื้นที่สำหรับวางโซฟาจะค่อนข้างจำกัด
มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร ค่อนข้างกว้างเลยนะ ทำให้เราสามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้ ควรใช้ทีวีขนาดประมาณ 55-60 นิ้ว
มองย้อนกลับไปที่ทางเข้าจะมีห้องน้ำอยู่ด้านข้าง เข้าไปดูกันครับ
ภายในห้องน้ำหลักๆแล้วจะมีลักษณะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ ใช้กระเบื้องเซรามิคโทนสีสว่าง สุขภัณฑ์จาก American Standard หรือเทียบเท่าทั้งหมด แต่จะมีจุดต่างกันเล็กน้อยตรงที่มีทางเข้าออก 2 ทางนั่นเองครับ
ภายในห้องมีขนาดกว้างนะ ใช้งานสะดวก เรียงลำดับส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน และพื้นในห้องน้ำลดระดับลงจากพื้นห้องประมาณ 2-3 เซนติเมตร มีการยกขอบที่ทางเข้าและส่วนอาบน้ำ เพื่อป้องกันน้ำออกไปเลอะพื้นที่รอบข้างด้วย ที่สำคัญคือมีประตูเข้าออกจากพื้นที่ห้องนั่งเล่น และพื้นที่ห้องนอน ช่วยเอื้อให้สะดวก และรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับห้องนอน ไม่ต้องเดินผ่านห้องนั่งเล่นเวลาเข้าออก
อ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์ก็ลักษณะแบบเดิมเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ครับ เป็นของ American Standard ทั้งหมด
ส่วนอาบน้ำก็ให้ฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered Glass มาเช่นกัน
พื้นที่ภายในขนาดประมาณ 0.8 x 1.3 เมตร ยืนอาบหมุนตัวสบายๆ
ส่วนอุปกรณ์อาบน้ำก็เป็น Hand Shower จาก American Standard เช่นเดิมครับ
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ให้ไฟ Downlight 2 ดวง กับพัดลมระบายอากาศ
มาดูส่วนต่อไปกันครับ จะเข้าไปจากห้องนั่งเล่น นั่นคือห้องอเนกประสงค์ของเรานั่นเอง ที่มุมห้องจะมีการหักมุมเล็กน้อย เพื่อทำให้ห้องดูกว้างขึ้น แต่อาจจะหาเฟอร์นิเจอร์มาวางภายในห้องยากสักหน่อย ด้านนอกนี้สามารถ built-in เป็นชั้นวางของหรือตู้รองเท้าได้นะ
ประตูทางเข้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียมกระจกใส มีระยะทางเข้าอยู่ที่ประมาณ 0.9 เมตร ได้แสงจากภายนอก ทำให้ห้องดูไม่อึดอัดจนเกินไป
ภายในไม่ได้มีช่องเปิดที่สามารถรับลมระบายอากาศได้ แต่มีแนวกระจกใสที่เป็นประตูทางเข้ารับแสงจากภายนอกจึงทำให้ห้องไม่ดูทึบนัก
ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2.2 x 2 เมตร ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ แต่ด้วยขนาดห้องอาจจะดูอึดอัด และไม่ได้มีเครื่องปรับอากาศติดให้ ถ้าจะติดต้องเดินท่อลอยเอง หรือจะทำเป็นห้องทำงานก็เหมาะสม สำหรับคนที่อยากได้มุมทำงานเพิ่มเติมภายในห้อง ให้มีสัดส่วนที่ชัดเจนและได้ความเป็นส่วนตัว มุมห้องที่ถูกหักทำให้ภายในห้องจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ยากขึ้นเล็กน้อย
ภายในฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟ downlight 1 ดวงครับ
ไปดูส่วนต่อไปภายในห้อง ฝั่งตรงข้ามกับห้องอเนกประสงค์ จะเป็นประตูบานเลื่อนเช่นกัน แต่เป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน Double Slice ซึ่งข้อดีของประตูบานเลื่อนแบบนี้คือเมื่อเปิดสุดจะมีระยะเปิดได้เยอะกว่าแบบ 2 ตอน บริเวณนี้เปิดสุดจะมีระยะทางเข้าอยู่ที่ 1.2 เมตร เป็นประตูสไลด์กรอบบานอลูมิเนียมกระจกใส
ภายในห้องครัวมีตัวล็อคจากในห้องครัว และรางเลื่อนที่พื้น จะเดินเข้าออกถือจานก็ต้องระวังสะดุดกันด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง
ภายในมีขนาดใหญ่กว่าห้องก่อนหน้านี้ ทั้งขนาดห้องและส่วนของเคาน์เตอร์เอง โดยส่วนพื้นที่ห้องจะมีพื้นที่ให้วางโต๊ะนั่งรับประทานอาหาร มีมุมนั่งทานเป็นสัดส่วน ส่วนเคาน์เตอร์ครัวก็มีขนาดกว้างมากยิ่งขึ้นเล็กน้อยสำหรับพื้นที่วางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าครับ ทำให้พื้นที่ระเบียงเราจะใช้งานได้มากยิ่งขึ้นนะ
พื้นที่ภายในมีระยะจากผนังถึงเคาน์เตอร์และประตูทางเข้าถึงประตูไประเบียงขนาดประมาณ 1.6 x 2.4 เมตร สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ลักษณะประมาณ 2-3 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่ที่สามารถยืนประกอบอาหารไปด้วยได้นะ ส่วนตำแหน่งวางตู้เย็นก็ยังใกล้กับประตูเข้าออกเช่นเดิมนะครับ ใช้งานสะดวก
พื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2-3 ที่นั่ง พื้นที่ค่อนข้างมีจำกัดจึงทำให้ไม่สามารถจัดได้หลายรูปแบบนัก
เคาน์เตอร์ครัวมีลักษณะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ มีชั้นวางของด้านบน มีเคาน์เตอร์ส่วนกลางปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ ที่มีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า2หัวพร้อมเครื่องดูดควัน และอ่างล้างจาน จาก Franke เหมือนห้องก่อนหน้านี้ครับ ส่วนด้านล่างมีลิ้นชักแยกของเก็บตามประเภท ตรงกลางมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 65 เซนติเมตร ส่วนใต้อ่างล้างจานก็มีช่องเก็บของขนาดใหญ่
ส่วนด้านในสุดมีประตูกระจกบานเลื่อนเชื่อมต่อไปยังระเบียง มีตัวล็อคและรางที่พื้น ยกขอบขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร
พื้นที่ภายนอกมีขนาดประมาณ 2.2 x 1 เมตร แถมยังไม่ต้องวางเครื่องซักผ้า จึงจะทำให้มีพื้นที่ใช้งานได้ค่อนข้างเยอะ สามารถวางโต๊ะเก้าชุดกาแฟได้
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 1 ดวง แขวน Condensing unit 2 ตัว
มาดูต่อที่ห้องข้างๆคือห้องนอนครับ ภายในห้องติดกับผนังอาคารเช่นกันทำให้มีช่องแสงภายใน ขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้างเลยล่ะ สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้ เหลือพื้นที่ด้านข้างสบายๆเลยครับ ภายในมี walk-in closet และทางเชื่อมเข้าห้องน้ำได้ด้วย
พื้นที่ปลายเตียงสามารถแขวนทีวีได้ ด้านข้างมีหน้าต่างซึ่งจะเป็นทั้งบาน Fixed และบานกระทุ้งครับ
พื้นที่หน้าห้องมีขนาดค่อนข้างเยอะนะ สำหรับของจริงเราสามารถเลือกวางตำแหน่งเตียงได้แล้วแต่ชอบ แต่ในห้องตัวอย่างจากประตูถึงเตียงประมาณ 1.6 เมตร
พื้นที่ปลายเตียงขนาดประมาณ 55 เซนติเมตร เดินผ่านไปมาสบายๆ
ที่ริมผนังมีกระจกเป็นทั้งบาน Fixed ขนาด 1.1 x 0.9 และบานกระทุ้ง ขนาด 1.1 x 0.6 ครับครับ
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ให้ไฟ Downlight 2 ดวง
ย้อนกลับไปที่ทางเข้าห้องจะมีทางด้านข้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ Walk-in Closet และทางเข้าห้องน้ำจากภายในห้องนอน
พื้นที่ด้านข้างนี้มีขนาดค่อนข้างกว้าง จัดได้ค่อนข้างหลากหลายครับ ตู้เสื้อผ้านี่เขาให้มาด้วยนะ
พื้นที่บริเวณนี้มีขนาดประมาณ 1 เมตร เดินเข้าไปภายในจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการให้มา มีพื้นที่สำหรับยืนแต่งตัว ส่องกระจกได้เป็นสัดส่วน
ตู้เสื้อผ้าลักษณะเดียวกันกับห้องก่อนหน้านี้ ด้านบนและด้านล่างเป็นชั้นวางของ ช่วงกลางเป็นพื้นที่แขวนเสื้อและลิ้นชักแยกเก็บของตามประเภท
ประตูทางเข้าเป็นบานเลื่อนแขวน มีระยะเปิดประมาณ 65 เซนติเมตร เข้าออกได้สะดวกครับ
ประตูเป็นรางแขวนด้านบนมาพร้อมตัวล็อค ส่วนด้านล่างก็มีขอบยกขึ้นเพื่อป้องกันน้ำไหลออกมา
บริเวณนี้ให้ไฟ Downlight 1 ดวงครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 5 April 2019
- 1 Bedroom Type A ขนาด 26.00-26.50 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาทราคาเริ่มต้น 1.82 ล้านบาท (Update 16/05/2020) - 1 Bedroom Type B ขนาด 32.00 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น 1.85 ล้านบาทราคาเริ่มต้น 2.50 ล้านบาท (Update 16/05/2020) - 1 Bedroom Plus Type C ขนาด 40.00 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น 3.15 ล้านบาทราคาเริ่มต้น 3.20 ล้านบาท (Update 16/05/2020) - 2 Bedrooms ขนาด 45.50 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น 3.65 ล้านบาทราคาเริ่มต้น 3.80 ล้านบาท (Update 16/05/2020)
- Fully Fitted (โปรโมชั่นช่วงเปิดตัวจะเป็น Fully Furnished )
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเล – โครงการตั้งอยู่บนถนนสังคมสงเคราะห์ เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนโชคชัย 4 และถนนลาดพร้าว 71 ซึ่งเป็นถนนที่มีความคึกคักทั้งคู่ เป็นแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น พื้นที่ข้างเคียงจะส่วนใหญ่เป็นแนวตึกแถว อาคารพาณิชย์ เข้าถึงตัวโครงการได้หลายช่องทาง ทั้งยังมีซอยเล็กซอยน้อยให้เลือกใช้เป็นตัวเลือกในการเลี่ยงรถติดได้ ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินจะมีร้านค้าร้านอาหารให้เดินใช้งานและฝากท้องได้นะ ถัดออกมาไม่กี่ร้อยเมตรทางฝั่งถนนโชคชัย 4 เรียกว่าถนนที่ขึ้นชื่อเรื่อง Street Food มาก เรียงรายทั้งสองข้างทางตลอดเกือบจะทั้งเส้น ทางฝั่งถนนลาดพร้าว 71 ก็ไม่ธรรมดา มีร้านค้าร้านอาหารเรียงรายเช่นกัน โดยรอบมีตลาดทั้งตลาดสดและตลาดนัด ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ก็ไม่ไกลจนเกินไปครับ เรียกได้ว่าย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างครบทุกรูปแบบ
การเดินทางโดยใช้รถ – ด้วยตัวโครงการอยู่บนถนนรอง จึงทำให้มีทางลัดเลาะเข้าถึงตัวโครงการได้หลายช่องทาง เลือกเดินทางไปถนนสายหลักโดยรอบได้ง่าย ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะอยู่บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือถนนเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งก็มีระยะทางไม่ไกลนะ แต่การจะอยู่แถวนี้ต้องยอมรับว่า ปริมาณรถบนถนนจะค่อนข้างหนาแน่นโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน โดยโครงการนี้จะมีพื้นที่จอดรถให้ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – สำหรับถนนสังคมสงเคราะห์ไม่ได้มีรถประจำทางวิ่งผ่าน แต่มีรถกระป้อวิ่งไปมารวมถึงวินมอเตอร์ไซค์และรถแท็กซี่ค่อนข้างตลอด เพราะเป็นถนนรอง จึงทำให้เรียกได้ไม่ยาก และด้วยระยะที่ไม่ได้มีไกลจากถนนลาดพร้าวนัก จึงถือว่าก็สะดวกอยู่ ใช้งานง่าย และ ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้า สายสีเหลือง “ลาดพร้าว-สำโรง” สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีโชคชัย4 อยู่บริเวณหน้าปากซอยโชคชัย 4 เลย น่าจะเตรียมตัวเริ่มก่อสร้างประมาณปีหน้า ไป Interchange กับ MRT สถานีลาดพร้าว ซึ่งถ้ารถไฟฟ้าสายนี้สร้างเสร็จก็จะเพิ่มความสะดวกขึ้นไปอีกครับ
วัสดุ – ภายในโครงการจะให้แบบ Fully Fitted นะครับปกติ ให้เฉพาะชุดครัว และตู้เสื้อผ้า แต่ในวันเปิดตัวโครงการ (เดือนพฤษภาคม 2019) จะได้แบบ Fully Furnished นะครับ ซึ่งภายในห้องจะได้พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ในห้องน้ำจะได้แบบในห้องตัวอย่างเลย คือสุขภัณฑ์จาก American Standard หรือเทียบเท่าทั้งหมด พร้อมฉากกั้นอาบน้ำมาด้วยนะ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวที่จะได้จะเป็น top เคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์สีขาว หน้าบานต่างๆเป็นไม้อัดกรุเมลามีน ไฟ Downlight ทั้งห้อง
การออกแบบ – ตัวโครงการออกแบบได้ค่อนข้างเรียบง่าย ทำออกมาในสไตล์โมเดิร์น ด้วยความที่พื้นที่โครงการเป็นฟรีฟอร์ม จึงทำให้ตัวอาคารวางตามแนวที่ดิน ออกมาเป็นรูปตัว L รับวิวได้ทั้งภายนอกและภายในโครงการ แยกอาคารออกเป็น 2 อาคารช่วยให้ลดจำนวนผู้ใช้แต่ละอาคาร ได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น และวางพื้นที่ส่วนกลางไว้ตรงกลางช่วยให้เข้าถึงได้ง่ายจากทั้งสองอาคาร และยังเป็นมุมมองให้กับห้องที่หันเข้าภายในโครงการอีกด้วย
ห้องพักอาศัยของที่นี่จะมี 4 รูปแบบ ตั้งแต่ห้อง 1 Bedroom 2 ขนาด, ห้อง 1 Bedroom Plus และ ห้อง 2 Bedrooms ภายในห้องต่างๆจะเน้นการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ภายในที่ค่อนข้างทำได้ชัดเจนนะ เป็นครัวปิดทั้งหมด มองถึงการใช้งานจริง มีการเปิดรับช่องแสงเข้ามาส่องทะลุเข้ามาภายในห้องได้ สูง 2.45 เมตร สำหรับห้องขนาด 1 Bedroom จะมีพื้นที่ภายในค่อนข้างลงตัว เป็นห้องขนาดเล็กที่ดูแล้วใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า ได้ความโปร่งโล่งจากแนวประตูกระจกใส ที่ช่วยทำให้ห้องดูกว้างยิ่งขึ้น ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus จะได้ห้องอเนกประสงค์ที่ใช้ทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องนอนขนาดเล็กได้ ภายในห้องน้ำมีทางเข้าออกสองทาง เพื่อความสะดวกและได้ความเป็นส่วนตัวของห้องนอน แต่ละส่วนแบ่งออกจากกันชัดเจนด้วยประตูกระจกใสเช่นกัน จึงทำให้ห้องดูไม่ทึบ ส่วนห้อง 2 Bedrooms ที่จะมีตำแหน่งอยู่ตามมุมอาคาร ก็จะสามารถรับวิวได้ 2 ฝั่ง แบ่งสัดส่วนภายในชัดเจน
สาธารณูปโภค – มีลักษณะเป็นอาคาร Club House มีตำแหน่งอยู่ที่กลางโครงการระหว่างสองอาคาร เข้าถึงได้ง่าย ภายในมีมาให้ถือว่าครบถึงแม้ว่าบางส่วนจะดูเล็กไปสักหน่อย จะมีหลักๆ 3 ส่วน คือสระว่ายน้ำ Co-Working Space, ฟิตเนต และที่หลักอาคาร A จะมี Kid Zone อีกหน่อย คือพื้นที่ลานเรียนรู้ ทำกิจกรรมต่างๆ การทำเป็นอาคาร Club House จะช่วยให้ดูแลจัดการง่าย เข้าถึงสะดวก แต่อาจจะอันตรายสักหน่อยเพราะมีรถเดินรอบอาคาร แอบเสียดายที่บนอาคารไม่มีพื้นที่ส่วนกลางเลย จึงทำให้อดได้ใช้งานพื้นที่ส่วนกลางมุมสูงจากบนอาคาร
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคา AVG 80,000 บาท/ตร.ม., 5 April 2019
- ทำเล 7.75/10 – ไม่ไกลถนนลาดพร้าว เข้าออกได้หลายทาง มีความอุดมสมบูรณ์โดยรอบสูง
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เข้าออกได้หลายช่องทาง ที่จอด 40% ไม่รวมซ้อนคัน
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ใกล้ถนนลาดพร้าว เรียกแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ได้สะดวก
- วัสดุ 7.25/10 – มาตรฐานเหมาะสมกับการใช้งาน มาแบบ Fully Fitted ต้องแต่งเพิ่ม
- แบบ 7.5/10 – ออกแบบได้ดี มีห้องให้เลือกหลายแบบ ภายในห้องจัดพื้นที่เป็นสัดส่วนลงตัว
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาครบ แยกเป็นสัดส่วน มีร้านค้าให้ด้วย
- MAIN CLASS
- 7.55 / 10.00
BOTTOM LINE
Chewathai Hallmark ลาดพร้าว – โชคชัย4 เหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านโชคชัย 4 และอยู่ในระยะเดินไปถนนลาดพร้าวได้สะดวก พื้นที่ส่วนกลางให้มาครบ ตัวห้องมีให้เลือกหลายแบบ ภายในจัดเป็นสัดส่วน แต่ต้องเผื่องบแต่งห้องด้วยนะ มีงบประมาณระดับ 1.69 – 3.65 ล้านหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,000 – 24,000 บาท