…วันนี้เราจะพามารีวิวโครงการ Cerocco บางนา 36 คอนโดใกล้ห้าง Central บางนา ในระยะเดินถึงได้ แต่มีราคาจับต้องได้ไม่ยากเพียงล้านกว่าๆเท่านั้นครับ และนอกจากนี้ยังมีการตกแต่งเป็นสไตล์ Modern Moroccan ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในย่านอีกด้วย โดยจุดที่ผมมองว่าเป็น Highlights หรือจุดน่าสนใจของโครงการจะมีดังนี้
- ราคา : เป็นคอนโดใกล้ห้าง Central บางนา ที่มีราคาจับต้องได้ง่ายสุดของย่านในปัจจุบันก็ว่าได้ หรือเริ่มต้นประมาณ 1.49 ล้านบาท
- ทำเล : ตั้งอยู่ภายในซอยบางนา 36 ฝั่งตรงข้าม Central บางนา แต่ยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปข้ามสะพานลอยมาช้อปปิ้งที่ห้างได้ไม่ยาก รวมถึงยังเป็นแหล่งที่มีอาคารสำนักงานเยอะแยะอีกด้วย
- ห้องพักอาศัย : ทั้งหมดเป็นห้อง 1 Bedroom แต่มีหลาย Layout และหลากหลายขนาดให้เลือก โดยจะได้ครัวปิดและห้องนอนเป็นส่วนตัวทุกยูนิตครับ
- การออกแบบ : ตกแต่งภายในพื้นที่ส่วนกลางด้วยสไตล์ Modern Moroccan เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในย่าน
ข้อมูลโครงการ
Cerocco Bangna 36 (ซีรอคโค บางนา 36) ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564
ชื่อโครงการ | Cerocco Bangna 36 (ซีรอคโค บางนา 36) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | ECONOMY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถ.บางนา-ตราด เขต บางนา |
ที่ดิน | 5-3-98 ไร่ |
ประเภทคอนโด | Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 752 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 28 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 238 คัน หรือประมาณ 31% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2566 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.4 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 1.49 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 66,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | n/a |
Pre-Sale | ปลายปี 2564 นี้ |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.cmc.co.th/cerocco-bangna/ |
Call Center | 1172 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ใกล้ห้าง Central บางนา สามารถเดินไปได้ในระยะ 550 m. โดยการข้ามสะพานลอยที่อยู่ใกล้กับปากซอยโครงการ
- ทำเลอุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย และยังอยู่ใกล้แหล่งงานออฟฟิศต่างๆเยอะอีกด้วย
- ใกล้ทางด่วนบูรพาวิถี และทางด่วนเฉลิมมหานคร เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย
- มีรถไฟฟ้า 2 สายเป็นตัวเลือกในการเดินทาง ทั้ง BTS บางนา และ MRT ศรีเอี่ยม (ในอนาคต)
พิกัด Google Maps : 13.663925, 100.634414
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ Cerocco บางนา 36 ตามชื่อเลยครับเค้าจะตั้งอยู่ในซอยบางนา 36 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Central บางนา เป็นห้างเก่าแก่รุ่นแรกๆ ที่เข้ามาบุกเบิกในย่านนี้มานานกว่า 10 ปี และปัจจุบันนี้ก็มีห้างสรรพสินค้ารุ่นน้องใหม่ๆเกิดขึ้นตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Mega Bangna / Ikea หรือ Bangkok Mall เป็นต้น และด้วยความที่ห้าง Central ได้เข้ามาบุกเบิกเอาไว้นานก่อนใคร เลยทำให้มีภาษีในเรื่องความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ ที่มากกว่าโซนอื่นๆของบางนาซะอีกครับ
เพราะนอกจากจะมีร้านค้าและตลาดให้จับจ่ายใช้สอยกันแล้ว บริเวณรอบๆตัวห้างยังเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานมากมาย ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์เงินเดือน/พนักงานออฟฟิศในพื้นที่นี้ย่อมมีอยู่เพียบ ดังนั้นการที่มีคอนโดราคาดีๆมาเปิดใกล้ที่ทำงานแบบนี้ ก็เลยทำให้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ ทั้งสำหรับคนที่ทำงานในย่านนี้อยู่แล้ว หรืออาจเป็นคนที่หวังพึ่งการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ทำเลนี้ก็ยังตอบโจทย์ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ และรถตู้ ที่สามารถขึ้นจากบริเวณปากซอยได้ง่าย รวมไปถึงยังมีรถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา ที่อยู่บนถนนสุขุมวิทในปัจจุบัน และจะมี MRT สถานีศรีเอี่ยม บนถนนศรีนครินทร์ในอนาคตอีกด้วย
ส่วนในเรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว จะมีทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนบูรพาวิถี ซึ่งจุดขึ้นทางด่วนก็จะอยู่ด้านหน้าห้าง Central พอดีเลย หรือเราจะไปใช้ทางด่วนตรงแยกบางนาเพื่อเข้าเมืองก็ได้ด้วยเช่นกันครับ อีกทั้งซอยบางนา 36 ก็ยังสามารถใช้ทางลัดจากซอย 30 เพื่อไปเชื่อมต่อกับซอยลาซาล-แบริ่ง-ศรีนครินทร์ ได้สะดวกอีกด้วยนะ
ย่านบางนา-ตราด ปัจจุบันมีโปรเจคยักษ์ใหญ่เปิดขึ้นมากมาย เรียกได้ว่าเป็นโซนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจก็เช่น การสร้างสุวรรณภูมิเฟสใหม่ เพื่อรองรับและขยาย Capacity ในการใช้งานมากขึ้น ทั้งในเชิงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอื่นๆ
หรือจะเป็นโครงการของ The Mall อย่าง Bangkok Mall ที่เคยมีข่าวว่าตั้งใจจะทำศูนย์การค้าขนาดใหญ่บริเวณตอนต้นของถนนบางนา-ตราด และอีกโครงการที่น่าสนใจของเครือ Central คือ Central Village เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะมี Outlet อยู่ภายในโครงการ ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิด้วย ส่วนข้อมูลอื่นๆของโครงการที่น่าสนใจก็จะมีดังนี้ครับ
- Bitec Bangna เฟส 2 >> ขยายพื้นที่การจัดงาน รวมทั้งหมด 70,000 ตร.ม. ทำให้สามารถรองรับการจัดงานและกิจกรรมได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ลบ.
- Bangkok Mall >> โครงการมิกซ์ยูสในเครือของเดอะมอลล์กรุ๊ป ภายในมีศูนย์การแสดงสินค้า, ที่อยู่อาศัย, ออฟฟิศ, Hall แสดงคอนเสิร์ตแบบครบวงจร บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ลบ.
- Central Plaza บางนา >> ปรับโฉมใหม่ให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น โดยมีการคัดสรรแบรนด์แฟชั่นระดับ Hi-end มาไว้ในจุดเดียว เรียกได้ว่าเป็นการปรับโฉมเพื่อรองรับกลุ่มคนหลากหลายมากขึ้น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 4,500 ลบ.
- Mega City >> เป็นเฟสใหม่ที่เปลี่ยน “เมกาบางนา” จากศูนย์การค้า ให้เป็นศูนย์รวมที่อยู่อาศัย, สำนักงาน, โรงเรียน และโรงแรม บนพื้นที่ 400 ไร่
- The Forestias >> โครงการ Mixed Use จาก MQDC บริษัทในเครือกลุ่มซีพี ภายใต้ Concept ที่ต้องการผสมผสานเมืองเข้ากับผืนป่าบนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 398 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 125,000 ลบ.
- Central Village >> คอมมูนิตี้มอลล์ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และแบรนด์ไทย ทั้งหมด 235 ร้านค้า มุ่งเน้นให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งของภูมิภาคเอเชียตะวันออก
- Suvarnabhumi Airport เฟส 2 >> เพิ่มเติมพื้นที่อาคารผู้โดยสารเฟส 2 เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ลบ.
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนบูรพาวิถี ห่างจากโครงการประมาณ 2.9 km. สามารถมุ่งหน้าไปทางชลบุรีได้ง่ายครับ
ส่วนอีกจุดหนึ่งที่น่าจะได้ใช้เข้าเมืองบ่อยๆคือ ทางด่วนเฉลิมมหานคร ที่อยู่ตรงสี่แยกบางนา ซึ่งห่างประมาณ 4.2 km. สามารถเข้าเมืองไปทางดินแดง-พระราม9-รามอินทราได้ง่ายครับ
ที่ตั้งของโครงการจะอยู่ภายในซอย บางนา 36 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของคนในย่านว่าเป็นซอยที่มีวินรถตู้ตั้งอยู่ตรงปากซอย ส่วนด้านในจะมีการแยกถนนซอยออกเป็น 2 เส้นคู่ขนานกันไป และเราสามารถเข้า-ออกได้ทั้ง 2 ทางเลยครับ
- เส้นทางหมายเลข 1 ระยะทางประมาณ 350 m. เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด และพอจะเดินได้ในเวลากลางวัน (แต่เวลากลางคืนไม่แนะนำ เพราะค่อนข้างเปลี่ยวอยู่สักหน่อยนะครับ)
- เส้นทางหมายเลข 2 ระยะทางประมาณ 500 m. สะดวกสำหรับอาคารที่อยู่โซนด้านใน และเป็นซุ้มประตูทางเข้าขนาดใหญ่ แต่อาจต้องใช้รถยนต์เป็นหลัก
- สะพานลอยข้ามถนน อยู่ห่างจากปากซอยประมาณ 70 m. สามารถข้ามถนนและเชื่อมตรงเข้าสู่ตัวห้าง Central ได้โดยตรงเลย มีระยะเดินรวมประมาณ 550 m.
บริเวณปากซอยบางนา 36 สังเกตง่ายๆคือจะมี H SEM MOTOR ตั้งอยู่ครับ และถัดไปอีกไม่ถึง 100 m. ก็จะมีสะพานลอยให้ข้ามไปฝั่ง Central ได้ด้วย
บรรยากาศบริเวณหน้าปากซอยบางนา 36 จะมีร้านค้าริมทางอยู่บ้างเล็กน้อย เช่น ร้านน้ำปั่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวมันไก่ เป็นต้น ถือว่าหาของกินได้ไม่ยาก
หรือถัดมาอีกหน่อยก็จะมีร้านบุฟเฟ่ต์อาหารเกาหลีที่เพิ่งเปิดใหม่ รวมถึงใต้สะพานลอยก็จะมีร้านสะดวกซื้อย่างเซเว่น และป้ายรถเมล์ให้เรียกรถสาธารณะกันได้สะดวกเลยครับ
ส่วนสะพานลอยนี้ก็สามารถเดินเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวห้างได้โดยตรงเลยครับ อย่างเวลาหลังเลิกงาน หรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็สามารถเดินมาช้อปปิ้งตากแอร์เล่นกันได้ง่ายๆ และไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดรถอีกด้วย
ซึ่งภายในก็มีครบเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าแบรนด์เนม ร้านอาหาร Tops Supermarket โรงหนัง หรือแม้แต่โซนเครื่องเล่นของน้องๆที่ชั้นบนสุดก็มีบริการพร้อม และถ้าใครอยากซื้อของตุนเข้าบ้านเยอะๆล่ะก็ สามารถเดินไป BigC ที่อยู่ติดกันนี้ก็ได้ด้วยนะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบของโครงการจะเป็นชุมชนแนวราบและที่ว่างเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังอยู่ภายในซอยแบบนี้จึงทำให้ได้ความเงียบสงบเหมาะแก่การอยู่อาศัย ซึ่งต่างจากแถวหน้าปากซอยและหน้าห้างก่อนหน้านี้ที่จะคึกคักมากๆครับ โดยจะสามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างและซอยบางนา 36 ที่เป็นทางเข้าหลักที่ 1 ของโครงการ
- ทิศใต้ : ติดกับ คลองบางนา และถัดไปเป็นชุมชนแนวราบ
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ชุมชนแนวราบ
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ซอยบางนา 36 เป็นทางเข้าหลักที่ 2 ของโครงการ และเป็นชุมชนแนวราบทั้งแมนชั่น 4 ชั้น บ้านเดี่ยว 1 – 2 ชั้น และที่ว่าง
เรามาเดินดูบรรยากาศภายในซอยบางนา 36 กันครับ เริ่มจากปากซอยก็อย่างที่บอกครับ ซอยนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าจะมีวินรถตู้ตั้งอยู่ สามารถนั่งไปเดอะมอลล์งามวงศ์วานได้ครับ
ส่วนบรรยากาศภายในซอยจะค่อนข้างเงียบๆแบบนี้นะครับ ระหว่างทางก็จะผ่านลานจอดรถของโรงพยาบาลบางนา 1 อพาร์ทเม้นท์ต่างๆ รวมถึงที่ว่างและลานจอดรถบัสด้วยครับ
และเมื่อมาถึงอพาร์ทเม้นท์แรกตรงนี้ จะมีทางแยกไปทางขวามือ ซึ่งจะเป็นถนนซอยที่คู่ขนานกันไปยังอีกทางเข้าหนึ่งของโครงการได้นั่นเอง
สำหรับทางเข้าที่ 1 ที่เป็นเส้นทางหลักของโครงการ และเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด วัดจากปากซอยมาจนถึงประตูทางเข้าประมาณ 350 m. โดยระหว่างทางก็จะเป็นที่ว่าง โกดังให้เช่า และ Gallery ให้เช่าถ่ายรูปครับ ซึ่งถ้าเดินตอนช่วงกลางวันก็พอได้นะ แต่ใครจะเดินตอนกลางคืนผมอาจไม่แนะนำเท่าไหร่ เพราะค่อนข้างเงียบและไม่มีบ้านคนระหว่างทางครับ
ส่วนเส้นทางที่ 2 เมื่อเราเลี้ยวเข้ามาก็จะต้องผ่านอพาร์ทเม้นท์ต่างๆ และยังมีที่ว่างกับบ้านพักอาศัยระหว่างทางด้วย
ซึ่งเมื่อเราเข้ามาจนสุดซอยก็จะเจอกับวิจิตรแมนชั่น และทางซ้ายมือจะเป็นเขตรั้วโครงการ ที่จะมีการทำซุ้มประตูทางเข้าที่ 2 ในอนาคตครับ โดยระยะทางจากปากซอยมายังตรงนี้ก็จะประมาณ 500 m.
ปัจจุบันบริเวณด้านหน้าโครงการจะเป็นที่ตั้งของ Sale Gallery ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 อาคารย่อยครับ
อาคารด้านซ้ายจะมีโมเดลโครงการตั้งอยู่ รวมถึงยังมีที่นั่งคุย และห้องน้ำด้านในไว้บริการด้วย
ส่วนอาคารด้านขวาจะเป็นห้องตัวอย่างครับ มีความสูง 2 ชั้น และพนักงานขายก็จะนั่งอยู่ในโซนนี้ด้วยเช่นกัน สามารถมาติดต่อสอบถามได้เลย ด้านในก็มีการตกแต่งด้วยโทนสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมากๆ
ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิดในการออกแบบอาคาร เป็นสไตล์ Modern Moroccan (เป็นศิลปะของชาวอาหรับมุสลิม ผสมผสานกับแอฟริกัน เปอร์เซียน สเปน และฝรั่งเศส หลากหลายเชื้อชาติผสมกัน ดูโดดเด่นด้วยสีสันที่สดใส และเต็มไปด้วยลวดลายสวยงามแปลกตา) แต่โครงการของจริงเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง อาจต้องรอติดตามชมในอนาคตกันอีกครั้งนะ
ห้องตัวอย่างจะมี 2 Type โดยแบ่งไปอยู่ที่ชั้นล่าง 1 ห้อง และชั้นบนอีก 1 ห้อง สามารถเดินบันไดขึ้นมาได้เลยครับ ตกแต่งได้สวยโดดเด่นมากๆ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Central Plaza บางนา ~ 500 m.
- Big C บางนา ~ 530 m.
- Little Walk บางนา ~ 1.1 km.
- Paradise Park ~ 3 km.
- Seacon Square ศรีนครินทร์ ~ 3.5 km.
- Imperial World สำโรง ~ 4.5 km.
- Mega บางนา & IKEA ~ 5.3 km.
โรงพยาบาล
- รพ.บางนา ~ 400 m.
- รพ.ไทยนครินทร์ ~ 550 m.
- รพ.กล้วยน้ำไท 2 ~ 3.3 กม.
โรงเรียน
- รร.เซ็นโยเซฟ บางนา ~ 1.9 km.
- รร.นานาชาติไทยสิงคโปร์ ~ 2 km.
- รร.นานาชาติ Berkeley ~ 2.4 km.
- รร.นานาชาติสแตมฟอร์ด ~ 4 km.
- รร.นานาชาติ บางกอกพัฒนา ~ 4 km.
- ม.รามคำแหง 2 ~ 5.3 km.
การคมนาคม
- ทางด่วนบูรพาวิถี ~ 400 m.
- รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (สถานีศรีเอี่ยม) ~ 1.1 km.
- รถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีบางนา) ~ 3.2 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- มีทางเข้า-ออก 2 ทาง ซึ่งอาคารโซนด้านในจะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น
- อาคารทั้ง 4 โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ โดยแบ่งเป็น 2 โซน เพื่อกระจายความหนาแน่นในการใช้งาน
- มีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบเป็นสไตล์ Modern Moroccan ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ต่างจากเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน
โครงการ Cerocco บางนา 36 เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 752 ยูนิต ตัวอาคารจะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ และแบ่งออกเป็น 2 Court ใหญ่ๆด้วยกันครับ ซึ่งเป็นการกระจายความหนาแน่นในการใช้งาน ให้แต่ละโซนสามารถมาใช้งานกันได้อย่างสะดวกและทั่วถึงมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดการออกแบบเป็นสไตล์ Modern Moroccan ที่มีความหรูหราและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นตรงซุ้มประตูทางเข้า และการตกแต่งภายในของพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งจะแตกต่างจากเพื่อนบ้านที่ส่วนใหญ่จะเป็นโมเดิร์นเรียบๆทั่วไปครับ
Master Plan โครงการมีทางเข้า-ออก 2 จุด โดยทางเข้าที่ 1 ทางด้านขวามือจะเป็นทางที่ใกล้และสะดวกที่สุด ซึ่งเราอาจได้ใช้งานบ่อยๆครับ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเข้า-ออกด้วยตัวเอง หรือเป็นจุดที่ให้รถแท็กซี่มารับ-ส่งตรง Drop-Off อีกทั้งยังมี Main Lobby ขนาดใหญ่ที่เอาไว้รองรับแขกภายนอกได้ด้วย ส่วนทางเข้าที่ 2 จะสะดวกสำหรับคนที่อยู่อาคารโซนด้านใน และมีที่จอดรถกระจายอยู่รอบๆ ไม่ว่าจะเป็นใต้อาคารและแบบกลางแจ้ง รวมถึงจะมี Lobby แยกเป็นของตัวเองในแต่ละอาคารด้วยนะครับ
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะถูกโอบล้อมด้วยอาคารพักอาศัยทั้ง 4 โดยแบ่งเป็น 2 Court ใหญ่ๆด้วยกัน ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมดเลยครับ โดยจุดที่ชอบก็คือ เค้าให้สระว่ายน้ำขนาดใหญ่มาถึง 2 สระ ทำให้ช่วยกระจายความหนาแน่นในการใช้งานได้เป็นอย่างดี หรือถ้าใครสะดวกจุดไหน และชอบบรรยากาศของโซนไหนก็เลือกใช้ได้เลยครับ เพราะอย่างโซนด้านซ้ายเค้าจะมีพื้นที่สำหรับเด็กอยู่ด้วย บรรยากาศอาจคึกคักพอสมควร ส่วนโซนด้านขวาก็จะมีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวจากน้องๆมากกว่าหน่อย แต่ก็จะอยู่ใกล้กับโซนรับแขกภายนอกตรง Main Lobby อยู่บ้างเหมือนกันครับ
สำหรับทางเข้าจุดแรกจะมีไม้กั้นกระดก และแบ่งเป็นทางเข้า-ออกเป็นมาตรฐาน สำหรับลูกบ้านจะเปิด-ปิดด้วยการแตะ Key Card ระยะใกล้ ส่วนแขกที่มาจากภายนอกก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามตามปกตินะครับ
และเมื่อผ่านประตูเข้ามาก็จะเจอกับ Drop Off ที่มีวงเวียนน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง รวมถึงยังมีหลังคาช่วยบังแดดบังฝนตรงก่อนจะเดินเข้า Main Lobby และเมื่อส่งคนเสร็จก็สามารถขับรถวนกลับออกไปได้เลย โดยที่ภายในโครงการจะไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวเลยครับ
ส่วนทางเข้าอีกจุดหนึ่งจะเป็นซุ้มประตูที่มีขนาดใหญ่กว่า ลักษณะเหมือนกำแพงเมืองสีขาวที่ดูโอ่อ่ามากๆครับ
เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับวงเวียนต้นไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถ Drop Off รับ-ส่งคนตรงบริเวณนี้ได้ด้วยครับ
และเมื่อเราลงจากรถแล้วก็สามารถเดินเข้า Lobby ใต้อาคารทั้ง 2 ได้เลย ส่วนรถก็วนกลับออกไปได้ตามปกติครับ
สำหรับที่จอดรถก็จะมีทั้งจอดในร่มใต้อาคาร และจอดกลางแจ้งบริเวณรอบๆครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นเพิ่มเติมก็คือ เค้าค่อนข้างให้ความสำคัญกับที่จอดรถสำหรับผู้พิการด้วย โดยมีมาให้ถึง 6 ช่องจอดเลยทีเดียว
อีกทั้งยังมีช่องจอด EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอีก 2 ช่องด้วยกัน ปัจจุบันรถประหยัดพลังงานแบบนี้ก็กำลังเป็นที่สนใจ และคาดว่าอนาคตก็น่าจะมีใช้กันแพร่หลายแล้ว ซึ่งโครงการนี้ก็มีเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยครับ
เรามาดูพื้นที่ส่วนกลางตรง Court ด้านในกันบ้างครับ โดยผมขอเริ่มจากโซนแรกที่อยู่ระหว่าง Tower B และ D (อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าที่ 1) ประกอบด้วยสระว่ายน้ำและสวนที่อยู่รอบๆครับ
ซึ่งทางโครงการได้ตกแต่งสวนให้มีบรรยากาศผ่อนคลายสไตล์รีสอร์ท ด้วยการปลูกพืชตระกูลปาล์มประดับเอาไว้รอบๆ พร้อมกับมีม่านน้ำตกประดับเพื่อความสวยงาม ทำให้ภาพรวมของส่วนกลางของโซนนี้จึงค่อนข้างเงียบสงบและเป็นส่วนตัวดีทีเดียวครับ
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางอีก Court หนึ่ง ที่อยู่ตรงระหว่าง Tower A และ C จะมีฟังก์ชันที่หลากหลายและคึกคักมากกว่า เพราะนอกจากสระว่ายน้ำและสวนแล้ว ก็ยังมีสระเด็กและสนามเด็กเล่นของน้องๆอีกด้วย
บรรยากาศภาพรวมก็จะเป็นสไตล์รีสอร์ทเหมือนกับฝั่งเมื่อครู่ครับ ซึ่งอาจมีการใช้เสียงอยู่บ้างในบางช่วงที่น้องๆมาใช้เครื่องเล่นเหล่านี้กับเพื่อนๆ แต่ถ้าเราดูจากรูปแบบโปรดักส์ที่เน้นไปทางห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก และเหมาะกับการอยู่ 1 – 2 คนมากกว่าแบบครอบครัวใหญ่
ผมจึงคาดการณ์ว่าเวลาอยู่อาศัยกันจริงๆ ก็อาจไม่ได้มีเด็กมาใช้เยอะสักเท่าไหร่ครับ แต่ก็ถือว่าดีที่เค้าเตรียมฟังก์ชันไว้ให้พร้อมแล้ว เผื่ออนาคตเราอาจมีลูกเล็กๆ หรือนานๆทีมีญาติมาเยี่ยม ก็จะมีฟังก์ชันเหล่านี้ไว้รองรับได้นั่นเอง
อีกจุดหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ บริเวณรอบๆพื้นที่ส่วนกลางจะมีการทำกำแพงต้นไม้ เพื่อช่วยบังสายตาจากบริเวณที่จอดรถรอบๆ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่มาใช้งานด้านในได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
สุดท้ายคือ บริเวณโซนด้านในสุดของโครงการ (หลัง Tower C) ซึ่งหากดูจากโมเดลเราจะเห็นว่ามีการจัดเป็นพื้นที่สวน ให้สามารถมาเดินเล่นหรือวิ่งออกกำลังกายได้ด้วยนะครับ
ถัดมาจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ภายในตัวอาคารบนชั้น 2 ซึ่งฟังก์ชันหลักๆเค้าจะอยู่ที่ Tower A และ B เพราะเป็นตำแหน่งกลางโครงการ ที่ทุกๆคนจะสามารถมาใช้งานได้สะดวกพอๆกัน ดังนี้
- Tower A : จะเน้นเป็นพื้นที่นั่งทำงานอ่านหนังสือ ประกอบด้วย Co-Working Space / Co-Living Space / Studio Room / Office เหมาะกับคนต้องการความเงียบสงบ หรือชอบเดินออกมานั่งทำงานนอกห้องพักเป็นประจำก็จะสะดวกมาก
- Tower B : จะมีฟังก์ชันที่ค่อนข้างหลากหลายหน่อยครับ เพราะมีทั้ง Fitness / Meeting Room / Waiting Area / Sauna เรียกได้ว่าคนที่อยู่ตึกนี้ได้ฟังก์ชันครบเครื่องดีจริงๆ แทบจะไม่ต้องไปใช้ตึกอื่นเลย แต่ก็อาจเป็นส่วนที่ดึงดูดให้เพื่อนบ้านตึกอื่น ต้องขึ้นมาใช้ที่ตึกนี้ด้วยเหมือนกันนะ
- Tower C : ตึกนี้จะมีเพียงแค่ Fitness และ Suana เท่านั้นครับ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่อยู่ตึกโซนด้านหลัง ไม่ต้องเดินไปใช้ถึงตึก B ที่อยู่ด้านหน้าไกลๆ แต่ประตูที่กั้นแยกโซนที่พักอาศัยออกจากโซนส่วนกลางของชั้นนี้ (ตรงวงกลมสีแดง) อาจอยู่ในตำแหน่งที่แปลกๆสักนิด เพราะคนที่ขึ้นลิฟต์มาใช้ฟิตเนส เค้าจะต้องเดินผ่านโซนห้องพักก่อนจะมาถึงประตู เลยทำให้ห้องพักของชั้นนี้มีความเป็นส่วนตัวลดลงนิดหน่อย แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสมากนัก และเน้นไปออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว การพักอยู่ชั้นนี้ก็จะสะดวกมากๆเลย
- Tower D : เป็นตึกที่อยู่ทางด้านหน้าสุด บนชั้น 2 จะไม่มีพื้นที่ส่วนกลางเหมือนตึกอื่นๆครับ เพราะชั้น 1 ของเค้าเป็น Main Lobby แบบฝ้าเพดานสูงไปแล้ว เลยทำให้ชั้นพักอาศัยของตึกนี้จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะมีเพื่อนร่วมชั้นเพียง 24 ห้อง แถมคนที่ใช้งานลิฟต์ขึ้น-ลงก็จะมีแต่คนที่อยู่ตึกนี้เท่านั้นอีกด้วย
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Main Lobby และ Waiting Area มีลักษณะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Space มีความโปร่งโล่ง และตกแต่งสไตล์ Modern Moroccan เน้นเส้นสายสีทองดูหรูหรา
แปลนชั้น 3 – 8 จะมีลักษณะที่เหมือนกันเลยครับ คือเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor โดยอาคาร A และ B จะมีจำนวนยูนิตเท่ากันอยู่ที่ 184 ยูนิต/อาคาร และมีเพื่อนบ้าน 27 ยูนิตต่อชั้น ส่วนอาคาร C และ D จะมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 192 ยูนิต และมีเพื่อนบ้านอยู่ที่ 28 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งจะมากกว่านิดหน่อยครับ โดยตำแหน่งที่ผมมองว่าน่าสนใจจะมีดังนี้
- กรอบสีเขียว : เป็นโซนเหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เพราะทิศทางของห้องจะหันออกไปยังสวนและคลองบางนาด้านหลังโครงการ
- กรอบสีแดง : เป็นตำแหน่งที่สามารถมองเห็นพื้นที่ส่วนกลาง บริเวณ Court ตรงกลางได้แบบตอนลึกเลยครับ ซึ่งจะเป็นวิวที่ทางโครงการเค้าได้จัดบรรยากาศเอาไว้สวยงามอยู่แล้วนั่นเอง
- กรอบสีส้ม : เป็นตำแหน่งห้องด้านในที่ยังคงได้เป็นส่วนตัว เพราะช่องหน้าต่างจะไม่หันหน้าชนกับใครเลยครับ (หันเข้าด้านข้างอีกตึกหนึ่งซึ่งเป็นผนังทึบ)
- กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งห้องที่สามารถมองเห็นพื้นที่ส่วนกลาง และมองผ่านช่องอาคารออกไปมองเห็นวิวระยะไกลด้านนอกได้ด้วย
สำหรับวิวด้านในของ Tower B และ D ถ้าเป็นตำแหน่งกรอบสีแดงจะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำและสวนได้แบบนี้ครับ ซึ่งจะเป็นโซนค่อนข้างมีความเงียบสงบพอสมควรเลย
ส่วนถ้าเป็นฝั่งของ Tower A และ C จะมีสระว่ายน้ำ สวน และสนามเด็กเล่น ซึ่งอย่างที่บอกครับว่าอาจมีความคึกคัก และมีเสียงจากการใช้งานของน้องๆอยู่บ้างในบางช่วงเวลานะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby แยกอาคาร
- Swimming Pool (Oasis Pool) ขนาด 5.5 x 25 เมตร จำนวน 2 สระ
- Kids Pool & Jacuzzi ขนาด 3.5 x 5.8 เมตร
- Fitness
- Passion Studio Room
- Co-Working Space
- Co-Living Space
- Meeting Room
- Playground
- Suana แยกชาย-หญิง
- Oasis Park ชั้น 1 และสวนบนชั้นดาดฟ้าทั้ง 4 อาคาร
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 94 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 92 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 92 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 96 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 96 : 1
- ที่จอดรถ 238 คัน หรือประมาณ 31% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card Access ระยะใกล้
แบบห้อง
Highlights :
- ฟังก์ชันห้องเป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดและห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบ เป็นส่วนตัวทุกยูนิต
- ช่องแสงภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่เกือบเต็มผนัง และสูงจากพื้นเกือบถึงฝ้า
- ได้พื้นกระเบื้องยางไวนิลที่ทนน้ำหรือความชื้นได้ค่อนข้างดี กับ Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ในระดับราคาห้องเท่านี้ถือว่าเป็นวัสดุที่ดีกว่ามาตรฐานครับ
โครงการนี้จะมีแต่ห้อง 1 Bedroom นะครับ โดยจะมีหลากหลาย Layout และหลายขนาดให้เลือกเยอะเลย ขายแบบ Fully Fitted คือให้เฉพาะเคาน์เตอร์ครัว กับสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น ซึ่งเราอาจต้องเตรียมเงินสำหรับซื้อของเข้าบ้านด้วยนะครับ ส่วนห้องพักจะมีมากกว่า 10 แบบ โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยคือ
- 1 Bedroom ขนาด 25.26 – 37.82 ตร.ม.
1 Bedroom ขนาด 25.87 – 26.55 ตร.ม. เป็นแบบที่มีเยอะที่สุดในโครงการครับ ลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมจตุรัสที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ภายในห้องจะมีการแบ่งฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนมากๆ โดยเฉพาะห้องนอนจะกั้นด้วยผนังทึบ ได้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่ก็แลกมากับช่องแสงของ Living Area ที่อาจมีน้อยลงหน่อยนะครับ เพราะเราจะได้แสงสว่างผ่านมาทางห้องครัวเท่านั้น ซึ่งจะเป็นครัวปิดที่สามารถทำอาหารได้จริงจัง และยังอยู่ติดกับระเบียงที่เปิดระบายอากาศ หรือออกไปตากผ้า/ยืนสูดอากาศก็ได้อีกด้วย ส่วนบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมห้องตัวอย่างกันเลยครับ
สำหรับฟังก์ชันแรกจะเป็น Living Area ซึ่งจะเห็นถึงความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวดีทีเดียว เพราะห้องนอนจะกั้นด้วยผนังและประตูบานทึบ แต่ก็อาจทำให้ปริมาณช่องแสงลดลงไปบ้างเช่นกัน ส่วนความสูงฝ้าคือ 2.4 m. และปูพื้นด้วยกระเบื้องยางไวนิล ที่ทนน้ำและความชื้นได้ดีว่าพื้นไม้ลามิเนตครับ
ส่วนระยะดูทีวีคือประมาณ 3 m. ถือว่าค่อนข้างกว้างเลยทีเดียวครับ สามารถใช้ทีวีขนาด 50 – 60 นิ้วได้สบายๆ โดยฝั่งชั้นวางทีวีเราอาจเพิ่มพื้นที่เก็บของ และชั้นวางรองเท้าได้ด้วยครับ
ส่วนตำแหน่งที่วางโต๊ะทานอาหาร ทางโครงการเค้าลองวางตรงกลางห้องมาให้ดูเป็นไอเดียนะครับ แต่จริงๆเราอาจวางตรงด้านข้างโซฟา เหมือนในแปลนห้องก่อนหน้านี้ก็ได้ หรือจะใช้โต๊ะกลางหน้าทีวีที่ปรับระดับความสูงแทนก็ได้อีกเช่นกัน เพื่อที่จะได้ประหยัดพื้นที่และไม่เกะกะทางเดินนั่นเองครับ
ถัดมาจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นห้องครัวเอาไว้ ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยให้แสงสว่างจากภายนอกส่องผ่านเข้ามาได้ อีกทั้งยังช่วยกันกลิ่น/ควันจากการประกอบอาหาร ไม่ให้เข้ามารบกวนในห้องได้ด้วยครับ โดยกรอบประตูจะเป็นอลูมิเนียมสีดำ พร้อมกระจกเขียวตัดแสงที่ช่วยกรองแสงยูวีและความร้อนได้ระดับหนึ่ง
อย่างที่บอกครับว่า ทุกๆยูนิตของโครงการนี้เราจะได้ครัวปิด ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารทานเองที่บ้านมากๆ เพราะเราสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายกลิ่น/ควัน ออกไปสู่ภายนอกได้โดยตรงเลยครับ
นอกจากนี้พื้นห้องก็จะมีการเปลี่ยนวัสดุเป็นกระเบื้อง เพื่อที่จะได้เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายครับ ส่วนความกว้างของพื้นที่ก็อยู่ที่ประมาณ 1 m. สามารถใช้งานได้สะดวกเลย
โดยทางโครงการจะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวชั้นล่างมาให้ครับ วัสดุเป็น Top หินสังเคราะห์ ที่สามารถทนน้ำกับความร้อนได้ดีมากๆ มาพร้อมกับอ่างล้างจานแบบ 1 หลุม และช่องเก็บของด้านล่าง (แต่สีของตู้อาจไม่ใช่แบบห้องตัวอย่างนะครับ รอดูของจริงอีกครั้ง)
สิ่งที่เราอาจต้องทำเพิ่มก็คือ ชั้นเก็บของด้านบน และ Backsplash ตรงผนังด้านหลัง เพื่อที่จะได้สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆ ส่วนเตาสำหรับทำอาหารเราก็อาจเลือกเป็นเตา Induction ที่สามารถพับเก็บได้ เพราะจะทำให้ประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน สุดท้ายคือช่องวางเครื่องซักผ้าด้านล่าง จะมีขนาด 55 x 65 cm. และสูง 85 cm. สามารถไปหาซื้อเครื่องมาต่อเข้ากับงานระบบที่เค้าเตรียมไว้ให้ด้านในได้เลยครับ
นอกจากนี้ตามลิ้นชักและบานตู้ต่างๆ ก็จะติดตั้งระบบ Soft Close ทำให้เวลาเราปิดตู้แรงๆ ก็จะไม่เกิดการกระแทกเสียงดัง และตู้ก็จะได้ไม่เสียหายด้วยครับ
ส่วนฝั่งตรงข้ามจะมีการเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นครับ ซึ่งจะมีขนาดประมาณ 65 x 70 cm. สามารถใช้ตู้เย็นทรงสูงได้เลย หรือใครจะเพิ่มพื้นที่เก็บของด้านบนอีกก็ยังได้
ระเบียงภายนอกมีขนาดประมาณ 1.5 x 0.9 m. สามารถออกมาใช้งานได้ เช่น ยกผ้าที่ซักเสร็จแล้วจากเครื่องออกมาตากที่ระเบียงใกล้ๆตรงนี้ได้เลย ส่วน Condensing Uint ก็จะแขวนอยู่ด้านข้างแบบนี้ พร้อมกับเป่าลมร้อนออกมาด้านข้าง ผ้าก็จะแห้งไวแน่นอน
ถัดมาเราจะไปดูห้องนอนและห้องน้ำที่อยู่อีกด้านของห้องกันบ้างครับ ซึ่งจะกั้นด้วยผนังทึบแบบนี้เลย เวลามีแขกมาเยี่ยมก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียความเป็นส่วนตัวครับ
เริ่มที่ห้องน้ำจะมีการแบ่งฟังก์ชันโซนเปียกกับโซนแห้งชัดเจน ซึ่งผมชอบกระจกเงาที่เค้าให้มาเป็นบานใหญ่มาก เลยทำให้พื้นที่ภายในดูกว้างและโปร่งโล่งมากขึ้น แถมยังส่องได้เต็มตัวดีอีกด้วย (แต่จะเป็นแบบติดผนังปกติ ไม่ได้มีการยื่นหรือซ่อนไฟแบบในห้องตัวอย่างนะครับ)
พื้นที่ส่วนแห้งมีขนาดประมาณ 1.4 x 1.5 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มีสุขภัณฑ์ต่างๆของ Kohler มาให้พร้อมใช้งาน ประกอบด้วย อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ รวมถึงยังมีตู้เก็บของด้านล่าง และเคาน์เตอร์หินสังเคราะห์สีดำ ที่สามารถวางพวกอุปกรณ์อาบน้ำได้พอสมควร
ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำจะมีขนาดประมาณ 1.3 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ และเราจะได้เฉพาะ Hand Shower พร้อมเจาะช่องวางของในผนังให้แล้ว แต่ถ้าใครไม่อยากให้ห้องน้ำเปียกเวลาใช้งาน ก็อาจเพิ่มฉากกั้นอาบน้ำหรือม่านพลาสติกด้วยตัวเองได้นะครับ
สุดท้ายคือห้องนอน ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวสูง และมีความโปร่งโล่งจากช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างแบบนี้ครับ
โดยทางโครงการได้ลองวางเตียง 5 ฟุตมาให้ดู ซึ่งขนาดพื้นที่ก็ค่อนข้างพอดีกับการใช้งาน และจำเป็นต้องวางเตียงชิดหน้าต่างแบบนี้ครับ เพราะเราจะต้องเหลือระยะด้านขวาสำหรับการเปิดประตูห้องนอนด้วย ทำให้คนที่นอนอยู่ด้านในอาจต้องขึ้น-ลงจากทางปลายเตียงและทางด้านขวาแทน รวมถึงเวลาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก็อาจไม่สะดวกเท่าไหร่นัก แต่ก็แลกกับการที่เราจะได้นอนเตียงใหญ่ๆสบายๆนั่นเอง
ด้านขวาของเตียงจะเหลือพื้นที่กว้างประมาณ 90 cm. ซึ่งทางโครงการได้วางตู้เสื้อผ้ามาให้ดูเป็นตัวอย่างครับ แต่โดยส่วนตัวผมมองว่าขนาดพื้นที่ตรงนี้ อาจไม่เอื้ออำนวยให้ใช้เป็นพื้นที่แต่งตัวเท่าไหร่ (เพราะหันตู้ไปทางเตียงก็ไม่เหลือพื้นที่ยืนแต่งตัว จะหันหน้าตู้ออกมาก็ได้ตู้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก) แนะนำให้ย้ายตู้เสื้อผ้าไปไว้ปลายเตียงแทน ส่วนพื้นที่ตรงนี้อาจทำเป็นมุมโต๊ะอเนกประสงค์/โต๊ะแต่งหน้าเล็กๆแทนก็ได้ครับ
และนี่คือพื้นที่ปลายเตียงที่ผมบอกครับ ซึ่งทางโครงการได้มีการเว้าพื้นที่เข้าไปประมาณ 55 cm. พอที่จะทำตู้เสื้อผ้าได้พอดีๆครับ แถมยังเหลือพื้นที่ให้ยืนแต่งตัวปลายเตียงอีกประมาณ 45 cm. ด้วย โดยอาจต้องแลกกับการไม่มีทีวีในห้องนอนนะครับ
ปิดท้ายกันด้วยจุดเด่นที่สุดของห้องนอนนี้ นั่นคือ “ช่องแสง” ที่เค้าให้มาใหญ่มากๆครับ มีความกว้างเกือบเต็มผนัง และสูงจากพื้นเกือบถึงฝ้าเพดานกันเลยทีเดียว ซึ่งเวลาเปิดผ้าม่านเอาไว้ก็จะได้ทั้งแสงสว่างและความโปร่งโล่ง รวมถึงยังสามารถชมวิวภายนอกได้อย่างเต็มที่อีกด้วย โดยช่องตรงกลางจะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ที่สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้นะครับ
1 Bedroom ขนาด 29.52 ตร.ม. สำหรับห้องตัวอย่างนี้จะเป็นห้องมุมของอาคารนะครับ แน่นอนว่าภายในเรายังได้ฟังก์ชันที่เป็นสัดส่วนเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นครัวปิดและห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาและน่าสนใจมากๆคือ “ความเป็นส่วนตัว” โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าห้องที่เวลาเราเปิดประตูอยู่ คนด้านนอกจะไม่สามารถมองเข้ามาเห็นพื้นที่ในห้องของเราได้เลย เพราะจะเจอโถงทางเดินก่อนจะเข้ายังโซน Living Area รวมถึงยังมีการทำโถงทางเดินกลางห้องแยกโซนห้องอื่นๆ ให้หลบมุมมองสายตาออกไปจากโซน Living Area ด้วยครับ
ซึ่งการจัดฟังก์ชันแบบนี้ก็มีสิ่งที่ต้องแลกมาเช่นกัน คือเราจะมีช่องแสงและความโปร่งโล่งที่น้อยลง ทำให้เวลาใช้งานในห้องจริงๆ อาจต้องมีการติดตั้งไฟส่องสว่างเพื่อใช้งานในตอนกลางวันตลอดเวลาด้วย แต่จุดที่ผมมองว่าทำออกมาได้ดีคือ “ขนาดพื้นที่ห้องนอน” ซึ่งจะเห็นว่าเรามีพื้นที่รอบเตียงให้ใช้งานมากขึ้น สามารถทำเป็นมุมแต่งตัวหรือวางทีวีได้ได้สบายๆ โดยบรรยากาศห้องตัวอย่างของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ
พื้นที่ส่วนแรกที่เข้ามาจะเป็น Living Area ซึ่งห้องตัวอย่างเค้าอาจไม่ได้มีโถงทางเดินหน้าห้องแบบของจริงให้ชมกันนะครับ แต่เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้เห็นถึงความเป็นส่วนตัวของห้องได้อยู่นะ เพราะจากมุมมองหน้าห้องนี้เราจะไม่เห็นประตูห้องนอนด้านในเลยนั่นเอง
ซ้ายมือจะเป็นตำแหน่งวางโต๊ะทานอาหารครับ โดยเราอาจใช้โต๊ะแบบ 2 ที่นั่งวางชิดผนังแบบนี้ก็ได้ หรือผมแนะนำให้เลื่อนโต๊ะมาวางตรงกลาง แล้วจัดให้เก้าอี้นั่งหันหน้าเข้าหากันได้นะครับ เพราะเรายังพอจะเหลือระยะให้ใช้งานและเดินผ่านได้สะดวกอยู่ (เก้าอี้ด้านขวามือจะได้ไม่เลื่อนถอยลงมาติดชั้นวางทีวีด้วยครับ)
ถัดมาจะเป็นชุดโซฟานั่งเล่น โดยจะมีระยะดูทีวีประมาณ 2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วกำลังพอดีครับ และมีความกว้างมากพอที่จะใช้เป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง แล้วนอนดูหนังได้สบายๆ หรือเราอาจแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้กลายเป็นโต๊ะ/ตู้เก็บของ ตรงบริเวณใต้แอร์แบบในห้องตัวอย่างก็ได้เช่นกันครับ
ส่วนภายในห้องน้ำจะมีการแบ่งพื้นที่มาให้เป็นสัดส่วน มีขนาดพื้นที่ใช้สอยและได้สุขภัณฑ์ของ Kohler ครบเหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ
และอย่างที่บอกว่าลักษณะทางเดินในห้องจะเป็นรูปตัว L ที่กว้าง 90 cm. สามารถเดินสวนกันได้พอดี ซึ่งจะเลี้ยวไปยังส่วนของห้องนอนและห้องครัวแยกออกไปเป็นสัดส่วน
โดยประตูตรงกลางคือห้องนอนครับ ซึ่งของจริงจะเป็นประตูบานทึบนะ แน่นอนว่าถ้าเราปิดเอาไว้ก็จะทำให้ได้แสงสว่างตอนกลางวันมาจากห้องครัวด้านข้างเท่านั้น ดังนั้นห้องของจริงอาจต้องพึ่งแสงไฟภายในห้องเยอะสักหน่อย เพื่อสามารถใช้งานได้สะดวกครับ
เรามาดูในห้องนอนกันต่อครับ อย่างที่ผมบอกว่าพื้นที่ใช้สอยคือดีขึ้นจากเดิมมาก ซึ่งเมื่อวางเตียง 5 ฟุตไปแล้ว ก็ยังจะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือฝั่งละประมาณ 40 cm. ให้ใช้งานได้พอดีๆ และที่ยังคงไว้ดีมากๆคือ ช่องแสงขนาดใหญ่ด้านข้าง ซึ่งจะทำให้ห้องดูสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นเยอะเลย
ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นพื้นที่เว้าเข้าไปประมาณ 1 m. สามารถทำเป็นมุมแต่งตัวได้สบายๆ แต่อาจต้องระวังตรงมุมเตียงสักนิดนะครับ เพราะจะเหลือช่องทางให้เดินผ่านไม่มากนัก
ส่วนปลายเตียงจะมีความกว้างเหลือประมาณ 1.25 m. สามารถจัดเป็นชั้นวางทีวี หรือโต๊ะอเนกประสงค์ไว้นั่งทำงานอ่านหนังสือในห้องได้สบายๆเลยครับ
สุดท้ายเรามาดูทางห้องครัวกันบ้างครับ โดยประตูของห้องนี้จะเป็นบานเลื่อนแบบติดรางด้านบน ทำให้ไม่มีรางที่พื้นมาให้เดินสะดุดหรือเก็บฝุ่น มีมือจับขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้สะดวก และมาพร้อมกับแถบผ้ากำมะหยี่ด้านข้างแบบนี้ครับ ซึ่งจะทำหน้าที่คอยกันกลิ่น/ควันจากการประกอบอาหารไม่ให้เข้ามารบกวนในห้อง แต่ยังคงทำให้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาได้อยู่บ้างนั่นเอง
ภายในครัวเราก็จะได้เคาน์เตอร์ครัวด้านล่าง Top หินสังเคราะห์ พร้อมกับอ่างล้างจานแบบ 1 หลุมเหมือนเดิมครับ และพื้นก็จะเปลี่ยนเป็นกระเบื้อง มีความกว้าง 1 m. ใช้งานได้สะดวก
ส่วนระเบียงจะมีขนาดประมาณ 1.65 x 0.8 m. สามารถออกมาใช้งานได้เต็มที่มากขึ้น และด้วยความที่ห้องนี้เป็นห้องมุม ก็เลยได้ระเบียงที่เป็นแบบเข้ามุมด้วยครับ แต่แอบเสียดายที่ระเบียงด้านขวาจำเป็นต้องใช้เป็นที่แขวน Condensing Unit เลยทำให้จริงๆแล้วเราอาจไม่ได้เห็นวิวด้านข้างตรงนี้นะครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
แบบแปลน
ราคา
Cerocco บางนา 36 ราคา ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564
- 1 Bedroom ขนาด 25.87 – 26.55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท (Promotion)
- 1 Bedroom ขนาด 29.02 – 29.52 ตร.ม. (ห้องมุม) ราคาเริ่มต้น 1.98 ล้านบาท (Promotion)
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- มีรถ Shuttle Bus ไป-กลับ MRT ศรีเอี่ยม (ในอนาคต)
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 10,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : เป็นคอนโดราคาล้านกว่าๆ ที่ใกล้ห้างเซ็นทรัลบางนาในระยะเดินถึง (ประมาณ 550 m.) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในจุดที่อุดมสมบูรณ์ และคึกคักมากที่สุดของย่านบางนา-ตราดเลยก็ว่าได้ครับ อีกทั้งโดยรอบยังเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานเยอะแยะเลย ซึ่งถ้าใครที่ทำงานในห้างหรือออฟฟิศแถวนี้อยู่แล้ว และกำลังมองหาคอนโดที่พักใกล้ๆในราคาจับต้องไม่ยาก โครงการ Cerocco บางนา 36 ก็ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย เพราะหากเทียบราคาต่อตารางเมตร หรือราคาแพ็คเกจรวมแล้ว ก็ยังถือว่าค่อนข้างย่อมเยากว่าเพื่อนบ้านอยู่ไม่น้อยทีเดียว ซึ่งก็แลกมากับทำเลที่อยู่ถัดเข้าไปภายในซอยหน่อยนะครับ
การเดินทางโดยใช้รถ : ซอยบางนา 36 เป็นฝั่งขาเข้าเมืองที่มุ่งหน้าไปทางสี่แยกบางนา ทำให้สามารถเข้าเมืองได้ง่าย และไปใช้ทางด่วนก็ไม่อยาก ซึ่งทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนบูรพาวิถี ประมาณ 2.9 km. สามารถวิ่งออกเมืองไปทางชลบุรีได้ อีกจุดหนึ่งคือ ทางด่วนเฉลิมมหานคร ระยะทางประมาณ 4.2 km. เข้าเมืองไปดินแดง-พระราม9 ได้สบายๆครับ
นอกจากนี้ผมยังมองว่าซอยบางนา 36 ยังมีข้อได้เปรียบในเรื่อง การใช้ทางลัดจากซอยบางนา 30 เพื่อไปเชื่อมต่อซอยลาซาล-แบริ่ง และไปออกสู่ถนนศรีนครินทร์ได้ง่าย รวมถึงยังเป็นซอยที่อยู่ระหว่างสะพานกลับรถของถนนบางนา-ตราดอีกด้วย (ห่างเพียง 1 – 2 km.) และทางโครงการก็มีที่จอดรถมาให้ 31% แบบไม่รวมซ้อนคันครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : บริเวณหน้าปากซอยมีรถสาธารณะคอยให้บริการเยอะเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถแท็กซี่ รถสองแถว และวินรถตู้ โดยตัวโครงการจะอยู่ถัดเข้าไปภายในซอยอีกประมาณ 350 m. ซึ่งถึงแม้จะเป็นระยะที่พอจะเดินได้ในตอนกลางวัน แต่ก็อาจไม่สะดวกสำหรับกลางคืน เพราะผมยืนยันว่าทางค่อนข้างเปลี่ยวพอสมควร น่าเสียดายที่ซอยนี้ไม่มีวินมอร์เตอร์ไซค์บริการในปัจจุบันครับ
ดีหน่อยที่ทางโครงการเค้ามีบริการรถรับ-ส่งลูกบ้านไปที่ MRT ศรีเอี่ยม ตรงบริเวณถนนศรีนครินทร์ในอนาคตด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของนิติในอนาคตอีกทีนะครับ ซึ่งก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน โดยผมแนะนำว่า ถ้ามีการรับ-ส่งลูกบ้านมายังปากซอยด้วยได้ ก็จะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้พักอาศัยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
วัสดุ : ขายแบบ Fully Fitted ให้เฟอร์นิเจอร์บางส่วนได้แก่ เคาน์เตอร์ครัวที่ได้เป็น Top หินสังเคราะห์ รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Kohler ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่เหลือเราอาจต้องเผื่อเงินสำหรับซื้อของเข้าบ้านด้วยนะครับ ซึ่งเราสามารถเลือกได้เองตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ ขนาด หรือราคาตามงบที่มีในกระเป๋า แต่จุดที่ผมคิดว่าเค้าให้มาดีกว่าเกณฑ์ระดับราคานี้คือ วัสดุปูพื้นกระเบื้องยางไวนิล ที่สามารถทนน้ำและความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนตทั่วไป กับช่องแสงภายในห้องนอนที่ให้มาบานใหญ่มากๆ
การออกแบบโครงการ : เป็นอาคาร Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร ที่มีเพื่อนบ้าน 752 ยูนิต ออกแบบและตกแต่งเป็นสไตล์ Modern Moroccan ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในย่าน ส่วนผังโครงการก็มีการพยายามเปิดทางเข้า-ออก 2 จุด โดยทางเข้าหลักที่ 1 จะเป็นเส้นทางที่สั้นและสะดวกที่สุดสำหรับทุกๆอาคาร เพียงแต่อาคารโซนด้านหลังอาจต้องมีการขับรถลอดใต้อาคารอื่นไปหน่อยครับ
ส่วนทางเข้าที่ 2 จะมีความใหญ่และดูดีกว่าเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตู ถนน และวงเวียน รวมถึงจะอยู่ใกล้กับอาคารโซนด้านหลังมากกว่า (แต่ก็อาจต้องยอมขับรถอ้อมไปอีกเส้นทางหน่อยนะครับ) และในด้านการวางผังอาคารเค้าจะนำพื้นที่ส่วนกลางมาไว้ตรงกลาง โดยโอบล้อมด้วยตัวอาคารพักอาศัย ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 Court ใหญ่ๆ เพื่อลดความหนาแน่นและกระจายการใช้งานออกไป ทำให้ห้องพักที่หันเข้ามาด้านในโครงการ ก็จะได้วิวส่วนกลางสวยๆหลายห้องเลยครับ
การออกแบบห้องพักอาศัย : โครงการนี้มีแต่ห้อง 1 Bedroom เท่านั้น แน่นอนว่าเค้าเน้นกลุ่มเป้าหมายที่อยู่อาศัยกัน 1 – 2 คนเป็นหลัก แต่ก็จะมีห้องหลากหลาย Layout และหลากหลายขนาดให้เลือกครับ โดยจุดเด่นของแบบห้องที่นี่คือ เราจะได้ครัวปิดทุกยูนิต เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารแบบจริงจัง เพราะเราสามารถปิดประตูในห้อง และเปิดระบายกลิ่น/ควันจากทางระเบียงได้โดยตรง
รวมถึงยังเน้นความเป็นส่วนตัวของห้องนอน โดยการกั้นห้องด้วยผนังทึบ และเพิ่มความโปร่งโล่งด้วยช่องแสงในห้องนอนที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ แต่สิ่งที่แลกมาคือ ความโปร่งโล่งที่น้อยของ Living Area เพราะจะได้แสงสว่างจากส่วนครัวเท่านั้น รวมถึงขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้องนอนในแปลนมาตรฐาน (แบบห้องที่มีเยอะที่สุดในโครงการ) ก็ค่อนข้างมีพื้นที่จำกัดมากๆ ใช้งานได้เพียงแค่แบบพอดีตัวเท่านั้นครับ
สาธารณูปโภค : ถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะ เหมาะสมกับจำนวนยูนิตนะครับ เริ่มที่ฟังก์ชันแบบ Outdoor ผมชอบที่เค้าให้สระว่ายน้ำขนาดใหญ่มาถึง 2 สระ แถมยังตกแต่งเป็นบรรยากาศสไตล์รีสอร์ทน่าใช้งานดีด้วย นอกนั้นก็จะเป็นพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก และสวนรอบๆสระครับ ส่วนฟังก์ชัน Indoor จะกระจายอยู่ในอาคารต่างๆ ซึ่งใช้งานร่วมกันทั้งโครงการครับ มีทั้ง Fitness 2 อาคาร / Co-Working Space / Co-Living Space / Meeting Room / Sauna / Lobby และพื้นที่นั่งคอยต่างๆ รวมถึงยังมีสวนเล็กๆบนชั้นดาดฟ้าให้ขึ้นไปพักผ่อนชมวิวได้ด้วย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 60,000 – 80,000 บาท/ตร.ม., 12 พฤศจิกายน 2564
- ทำเล 8.25/10 – อยู่ภายในซอย ใกล้เซ็นทรัลบางนาและอาคารสำนักงาน ในระยะเดินถึงได้ในตอนกลางวัน
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เป็นฝั่งขาเข้าเมือง ใกล้ทางด่วน 2 จุด และอยู่ในช่วงกลับรถด้วยสะพานได้สะดวก
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ปากซอยเรียกรถสาธารณะง่าย แต่การเข้า-ออกซอยยังไม่ค่อยสะดวกนัก มีบริการรถรับ-ส่งไป MRT ศรีเอี่ยม
- วัสดุ 7.5/10 – Fully Fitted แต่ให้วัสดุปูพื้นและ Top เคาน์เตอร์ครัวมาดี โดยรวมเหมาะสมกับราคา
- แบบ 7.5/10 – ตกแต่งสไตล์ Modern Moroccan ไม่เหมือนใครในย่าน ได้ครัวปิด และห้องนอนเป็นส่วนตัวทุกยูนิต
- สาธารณูปโภค 8/10 – ฟังก์ชันหลักๆครบ ให้มาเยอะ เหมาะสมกับจำนวนยูนิต
- ECONOMY CLASS
- 7.85 / 10.00
Cerocco บางนา 36 เหมาะกับใคร
โครงการ Cerocco บางนา 36 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้ห้าง Central บางนา ในระยะที่เดินถึงได้ หรืออาจเป็นพนักงานออฟฟิศในละแวกนี้ และต้องการที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน ทำเลอุดมสมบูรณ์หาของกินง่าย เน้นการอยู่อาศัย 1 – 2 คน กับแบบห้อง 1 Bedroom ที่ได้ครัวปิดและห้องนอนเป็นส่วนตัวในทุกยูนิต รวมถึงมีส่วนกลางให้ใช้งานครบ ตกแต่งด้วยสไตล์ Modern Moroccan เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในย่าน ราคาจับต้องได้ง่ายเพียงล้านกว่าๆ โดยมีงบประมาณระดับ 1.49 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 10,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc