รีวิวฉบับที่ 1231 … สวัสดีครับ วันนี้จะพาไปดูคอนโดในย่านแบริ่ง ชื่อโครงการว่า Attitude Bearing จาก The Urban Property โครงการนี้เป็นการรีเมคใหม่จากเดิมที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว แต่ว่ามีการปรับรูปแบบหลายอย่างทั้งเรื่องที่จอดรถที่ให้เพิ่มขึ้น เพิ่มระบบ Automated Parking System, ปรับขนาด ฟังก์ชั่นและเฟอร์นิเจอร์ในห้อง รวมถึงเปลี่ยนชื่อใหม่ให้สั้นและจำง่ายขึ้นด้วย ซึ่งก็มีการขอยื่น EIA ใหม่ทั้งหมด ตอนนี้ก็ผ่านแล้ว และเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วครับ
Fact @ 22 Nov 2016
- Attitude Bearing (แอททิจูด แบริ่ง)
- The Urban Property Co.,Ltd (บริษัท เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด)
- ECONOMY – MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : อำเภอเมือง สมุทรปราการ
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 137 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 21 ยูนิตที่ชั้น 3-7
- ที่ดินประมาณ 0-3-59.70 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q4 2016 / คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q1 2018
- 1 Bedroom 25.7 – 34.88 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.80 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 51.43 – 53.26 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.45 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร, ในห้องน้ำ 2.30 เมตร
- ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40% (มี Automated Parking System)
- ช่วงราคา 1.8 – 3.9 ล้านบาท / หรือเริ่มต้น(ห้องไซส์เล็กสุด)ประมาณ 70,038 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ(AVG) ประมาณ 66,500 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาทต่อตารางเมตร
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS แบริ่ง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS แบริ่ง
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-744-4114
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.654701, 100.606958
แผนที่จากทางโครงการครับ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง ที่ทะลุไปยังเส้นศรีนครินทร์ได้ เข้าซอยแบริ่งมาประมาณ 700 เมตร จะเจอซอยแบริ่ง 14 ทางขวามือ เข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร โครงการจะอยู่แปลงหัวมุมทางซ้ายมือ รวมระยะจากโครงการถึงสถานี BTS แบริ่งอยู่ที่ 1 กิโลเมตร ในแผนที่ยังแสดงส่วนของระบบรางในอนาคต(สายสีเหลือง) มาให้ดูว่าจะมีมาตัดที่บริเวณสำโรง
ถึงแม้ว่าโครงการจะอยู่ในเขจจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตัดกับกรุงเทพฯพอดีในช่วงซอยแบริ่งนี่แหละครับ แต่ในบริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ Attitude Bearing มีความเจริญอยู่พอตัว บนถนนรอบด้านไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิท, ถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ ความเจริญต่างๆค่อยๆตามมาทางเส้นรถไฟฟ้า ซึ่งตอนนี้สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีแบริ่ง ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นสถานีที่เปิดใช้สถานีสุดท้ายของสายสีเขียว สายสุขุมวิท อีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นศรีนครินทร์ ที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเล็กใหญ่ โรงพยาบาล มีโรงเรียนอยู่รอบๆบริเวณ ตั้งแต่ถนนบางนา-ตราดถึงคลองสำโรง ถือได้ว่ามีพื้นที่โครงการบ้านจัดสรรแนวราบ และแนวสูงอย่างคอนโดมากกว่า 10 โครงการ และที่กำลังเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เพราะยังมีแปลงที่ดินว่างเปล่าแปลงใหญ่ๆให้พัฒนาเรื่อยๆอีกเยอะ ส่วนใหญ่พยายามที่จะเกาะสายรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายใหม่ทางซอยฝั่งเลขคี่
ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบบางนา-สมุทรปราการหรือใช้พื้นที่นี้เป็นทางผ่าน ในปัจจุบันที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกำลังก่อสร้างอยู่แทบจะทุกคนจะมีรถยนต์ส่วนตัว และจะอาศัยถนนหลักในการเดินรถ แต่การที่ใช้แค่ถนนใหญ่อย่างเดียวจะทำให้หลีกเลี่ยงรถติดได้ยาก โดยเฉพาะถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนตรงยาวมาตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงปากน้ำ รวมถึงคนที่มีที่พักอาศัยอยู่บนถนนแถบนี้ ดังนั้นช่วงเช้า-เย็นจะทำให้ปริมาณรถบนถนนหนาแน่นมาก เพราะต่างจะมุ่งหน้ากลับบ้านกัน โดยเฉพาะทุกแยกไฟเขียวไฟแดงและทางกลับรถที่มีอยู่เป็นระยะๆ แต่แยกบางนา-ตราดและเส้นวงแหวนรอบนอก สามารถแยกไปบนถนนหลักๆได้อีก เช่น บางปู ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางสุขสวัสดิ์ เข้าเมืองไปทางอ่อนนุช หรือจะไปชลบุรีด้วยทางด่วนบางนา-ชลบุรี
การเดินทางนอกเหนือจากรถส่วนตัว ซอยสุขุมวิท 107(แบริ่ง) และสุขุมวิท 105(ลาซาล) ถือเป็นซอยหลักและถนนกว้างมาก เป็นซอยที่มีการเชื่อมถนนหลักอย่างสุขุมวิทและศรีนครินทร์ เลยทำให้ในซอยมีทั้งรถสองแถว รถกระป๊อวิ่งตั้งแต่ต้นซอยไปถึงท้ายซอย มีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ที่หน้าซอยตามแยกที่คนอยู่เยอะต่างๆ ถ้าใกล้โครงการสุดก็เป็นปากซอยแยกแบริ่ง 16 และด้วยความที่ซอยแบริ่งเป็นซอยขนาดใหญ่ทำให้เรียกแท๊กซี่ตรงปากซอยแบริ่ง 14 ได้เลย
ส่วนการใช้รถไฟฟ้า BTS ถึงแม้ว่าจะมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรที่สถานีแบริ่ง โครงการเค้าจะมี Shuttle Car Service มาช่วยเสริมตรงนี้ให้ (ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นรถชนิดอะไร และรอบเวลาเดินทาง) ซึ่งมีให้ก็ยังดีกว่าไม่มีเลยนะครับ 😀
ความอุดมสมบูรณ์รอบกว้างหน่อยจะอยู่ที่เส้นบางนา-ตราดที่มีห้างร้านเกาะกลุ่มกัน และในส่วนของถนนศรีนครินทร์แถบๆ IKEA ความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้อย่างในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งช่วงต้นซอยมีของขายหลายอย่างที่ชั้น 1 ของอาคารพาณิชย์โดยเฉพาะช่วงเย็นค่อนข้างคึกคัก ระยะเดินจากโครงการไปแถวๆปากซอยก็ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งของกินส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งเดียวกับโครงการแค่เดินย้อนไปทางต้นซอยแบริ่ง ส่วนร้านสะดวกซื้อมี 7-11 ก็จะอยู่บนซอยหลักแบริ่งเรื่อยๆ มีร้านสปา ร้านยา ร้านขนม ส่วนห้างใหญ่ๆอยู่แถวนี้ต้องพึ่งรถอย่างเดียวเลย
เส้นทางที่เราจะพาไปกันวันนี้คือเริ่มต้นจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ที่เป็นสถานีระบบขนส่งที่ใกล้ที่สุดจากโครงการ เดินตามแนวถนนใหญ่สุขุมวิท 200 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าที่ซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง ตรงเข้ามาประมาณ 700 เมตร แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเข้าที่แยกแบริ่ง 14 เดินเข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร โครงการจะเป็นแปลงหัวมุมอยู่ทางซ้ายมือ
เร่ิมต้นการเดินทางกันที่สถานี BTS แบริ่ง ฝั่งซอยสุขุมวิทเลขคี่มีทั้งทางขึ้น-ลง มีเป็นบันไดธรรมดาและบันไดเลื่อน ใครอยากสบายหน่อยก็ต้องเดินไกลขึ้นมานิดนึง
สภาพช่วงกลางวันเป็นอย่างที่เห็นในภาพเลย รถติด ปริมาณรถมาก ทั้งรถยนต์ส่วนตัว แท๊กซี่ และรถเมล์ที่มีป้ายรถเมล์อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง มีป้ายติดอยู่ด้านข้างด้วยนะครับ ว่าห้ามรถแท๊กซี่และรถยนต์ทั่วไปจอดรถรอนานๆ เพราะทำให้การจราจรขัดข้อง
เลยมาหน่อยจะเป็นทางเข้าของโรงเรียนนานาชาติ St.Andrew ที่มีทั้งทางเข้าจากถนนใหญ่และจากซอยสุขุมวิท 107
ผ่านตัวสถานีออกมาฝั่งซ้ายมือที่เป็นซอยเลขคี่ สิ่งปลูกสร้างจะเป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้น ด้านล่างส่วนใหญ่เปิดเป็นร้านค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นพวกอุปกรณ์ก่อสร้าง หรือว่าร้านซ่อมรถ ส่วนฝั่งซอยเลขคู่ก็นิยมเป็นเป็นโชว์รูมรถยนต์ใหญ่ บนถนนสุขุมวิทช่วงปลายนี้จะมี 3 เลน มีเกาะกลางทึบ
ตรงมาเรื่อยๆนิดเดียวจะเจอสัญญาณไฟเขียว-ไฟแดง เป็นทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง เลยไปหน่อยจะเป็นสะพานลอย ที่ก็สามารถใช้ตัวสถานีเป็นสะพานลอยได้เหมือนกัน เราเลี้ยวซ้ายกันเลย
เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 (แบริ่ง) จากรูปที่ให้ดูแสดงให้เห็นถึงความเจริญที่ค่อยๆมีมาเพิ่มเติมเรื่อยในซอยแบริ่งนี้ อย่างตึกแถวทางด้านซ้ายมือที่มีการรีโนเวทเป็นร้านค้า ร้านอาหารเครื่องดื่ม รวมไปถึง Watsons ด้วย
ในซอยแบริ่งสามารถเดินรถได้ัทั้งสองทาง มีทางเดินรถฝั่งละ 2 เลน จะมีบ้างที่มีการจอดรถชั่วคราวอยู่ทางเลนริมทางเดินเท้า ที่อยู่ไกลๆหน่อยก็จะเร่ิมมีคอนโดมิเนียม High Rise เข้ามาในพื้นที่มากขึ้นและบางส่วนที่เป็น Low Rise อยู่ในซอยแบริ่งที่แยกย่อยเข้าไป
หลังจากตรงมาประมาณ 350 เมตรจะเจอกับ Sale Office โครงการ ซึ่งตั้งอยู่ติดซอยแบริ่งเลยทางซ้ายมือนะครับ จุดสังเกตฝั่งตรงข้ามเป็นซอยแบริ่ง 6 เดี๋ยวผมจะย้อนกลับพามาดูข้างในกันอีกทีในส่วนรายละเอียดโครงการนะ
ผ่านจากช่วงต้นซอยเข้ามาก็จะเร่ิมมีสิ่งปลูกสร้างที่น้อยชั้นลง ความหนาแน่นของอาคารลดลงหน่อย แต่ก็มีแท๊กซี่ รถกระป๊อ และพี่วินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาเยอะ มีทางม้าลายข้ามไปมาอยู่เรื่อยๆ
และแน่นอน ในทุกๆระยะประมาณ 400 เมตรก็จะมี 7-11 อยู่ รวมถึงร้านขายยา ร้านล้างรถ ร้าน Family Mart
ตรงเข้ามาในซอยแบริ่งได้ประมาณ 700 เมตร ทางขวามือก็จะเจอซอยแบริ่ง 14 เราจะเลี้ยวเข้าซอยกันครับ
ที่ปากซอยแบริ่ง 14 ทางขวามือก็จะมีตู้โทรศัพท์สาธารณะ เผื่อว่าจะเป็นจุดสังเกตนะครับ ส่วนซ้ายมือก็จะเป็นอพาร์ตเมนท์ให้เช่า สูงประมาณ 5 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านอาหารในบางเวลา ตรงไปหน่อยที่ปากซอยแบริ่ง 16 ก็จะมีพี่วินให้บริการอยู่หน้าซอย ใครเชี่ยวชาญหน่อยเดินมาปากซอยแบริ่ง 14 แล้วโบกมือเรียก พี่วินก็น่าจะเห็น
เข้าซอยมาก็จะเจอกับถนนซอยความกว้างประมาณรถสองคันสวนกันได้พอดี มีรถจอดอยู่บ้างแต่ก็จอดกันเป็นฝั่งเดียว ข้างๆไม่มีทางเดินเท้าทั้งสองฝั่ง ทำให้เวลาเดินเข้าซอยอาจจะต้องระวังนิดหน่อย พอเดินเข้าซอยไปหน่อยทั้งสองฝั่งก็จะเป็นที่ดินว่างสลับกับบ้านพักอาศัยสูงประมาณ 2 ชั้นซะเป็นส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นร่มเงาต้นไม้จากบ้านคนในซอยนี้
เดินเข้ามาประมาณ 150 เมตร ก็จะเจอกับทางแยก ถ้าตรงไปจะเป็นซอยสันติคาม 13 ที่เชื่อมตรงอยู่กับซอยแบริ่ง 14 พอดี สามารถตรงไปออกซอยสุขุมวิท 109 ได้ ส่วนถ้าเลี้ยวขวาไปก็จะไปออกซอยแบริ่ง 10 และ 12 ได้ตรงกลางซอยพอดี ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะเชื่อมไปออกซอยแบริ่ง 16 ได้
แปลงที่ดินโครงการจะอยู่หัวมุมพอดี ระหว่างซอยสันติคาม 13 ที่ต่อยาวกับซอยแบริ่ง 14 ขนาดที่ดินโครงการประมาณเกือบ 1 ไร่ ตอนนี้มีการล้อมรั้วปิดไว้สูงพ้นสายตาชาวบ้านที่ผ่านไปมา
ทางขวามือก็จะเป็นออฟฟิศ โรงงาน สูงประมาณ 5 ชั้น มีพนักงานเดินเข้า-ออกบ้างในช่วงเช้า-กลางวัน-เย็น มีตู้ ATM ให้กดใช้งานได้อยู่ด้วยนะ
ภายในที่ดินโครงการตอนนี้เริ่มลงเสาเข็มก่อสร้างแล้วนะครับ และก็ทำระบบ Auto Parking ก่อนเพราะมีการขุดเจาะใต้ดิน อ้อ..เค้าขอ EIA ใหม่ผ่านแล้วนะ
สุดที่ดินแปลงโครงการ ส่วนที่ติดกับซอยสันติคาม 13 เป็นบ้านพักอาศัยที่มีพื้นที่กว้างหน่อย ตรงไปอีกก็จะเจอกับปากซอยสันติคาม 13 ที่จะมีป้ายซอยติดอยู่ ซึ่งเป็นซอยที่สามารถออกไปยังซอยสุขุมวิท 109 ได้ ถ้าเลี้ยวขวาก็จะไปออกถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าสมุทรปราการ ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะเป็นท้ายซอยสุขุมวิท 109 ที่เป็นซอยตัน
มุมนี้ยืนจากหน้าที่ดินโครงการมองย้อนกลับไปซอยแบริ่ง 14 สุดทางเป็น ซอยแบริ่ง(สุขุมวิท 107)
มาดูพื้นที่รอบๆกันหน่อย แปลงที่ดินโครงการเป็นแปลงหัวมุม รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหนึ่งติดกับซอยแบริ่ง 14 ที่ต่อเนื่องกับซอยสันติคาม 13 ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือทางเชื่อมกลางซอยระหว่างซอยแบริ่ง 10-12-14-16 แม้แปลกที่ดินจะเป็นแปลงมุมแต่ก็เลือกจะเปิดทางเข้า-ออกทางเดียว โดยทางเข้าจะเป็นฝั่งแคบกว่าที่เป็นซอยเชื่อมกลางซอย 14 และ 16 แปลงที่ดินเพื่อนบ้านส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบสูง 2 ชั้น มีพื้นที่หน่อย บางแปลงยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า นอกจากนั้นก็ยังมีอพาร์ตเมนท์สูง 5 – 10 ชั้นปนอยู่และก็คอนโด Low Rise ในซอยบ้าง ทั้งในซอยแยกแบริ่งและที่ติดกับซอยสุขุมวิท 107 ทำให้พื้นที่มีความคึกคักขึ้นมาหน่อย นอกจากนั้นก็ยังเป็นพื้นที่โรงงานทั้งเล็กใหญ่ อย่างอาคารโรงงามสูง 5 ชั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแปลงที่ดิน และขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆกับซอยแบริ่ง 16
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงเรียนนานาชาติ St.Andrew 850 เมตร
- สถานี BTS แบริ่ง 1.1 กิโลเมตร
- สนามกีฬาและสนามกอล์ฟราชนาวี บางนา 1.5 กิโลเมตร
- อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง 2.1 กิโลเมตร
- ตลาดสดเอี่ยมเจริญ 2.3 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ 2.4 กิโลเมตร
- โรงเรียน Bangkok Pattana International school 2.9 กิโลเมตร
- ศาลเจ้าพ่อทัพ 3 กิโลเมตร
- BITEC บางนา 3.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนลาซาล 3.5 กิโลเมตร
- วัดด่านสำโรง 3.6 กิโลเมตร
- โรงเรียนนานาชาติ Berkeley 4.3 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
- โรงพยาบาลศิครินทร์ 5.1 กิโลเมตร
- Makro 6.4 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ 7.9 กิโลเมตร
- Central บางนา 8.2 กิโลเมตร
ก่อนจะไปดูแปลนกับโมเดล มาดูในส่วนของ Sales Office ของโครงการ Attitude Bearing กันก่อน ไม่ได้ตั้งอยู่ที่ไซท์ที่ซอยแบริ่ง 14 นะครับ แต่ว่าจะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 107 (ติดแบริ่ง) ฝั่งซ้าย ตรงข้ามกับซอยแบริ่ง 6 พอดีเป๊ะ โดยมีโครงการคอนโด High Rise ชื่อว่า The Gallery อยู่หน้าซอยแบริ่ง 6 เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ของ Urban Property เช่นกัน ให้ใช้เป็นจุดสังเกตง่ายๆ
จุดสังเกตอีกอย่างคือ พี่หมีสีส้ม ยืนเด่นสง่า
ป้ายโครงการใช้ลายเส้นลวดลายสีทองตัดกับพื้นหลังสีขาวดูสวย เด่นดีครับ
เข้ามาด้านในแล้วจะเจอกับ Model ของโครงการ และมีชุดเก้าอี้และโต๊ะให้นั่ง มีเคาท์เตอร์ต้อนรับ ทางขวาจะมีทางเดินเข้าไปยังห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องที่เราจะพาไปชมกันวันนี้และห้องฝ่าย Support ต่างๆ
โบรชัวร์โฉมใหม่ของโครงการ เล่มขนาดใหญ่ให้เห็นกันชัดๆ
Attitude Bearing เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 137 ยูนิต อาคารเป็นรูปตัว U ตรงกลางตัว U เป็นพื้นที่สีเขียวมีทั้งส่วนที่เป็นสวนปกติ และส่วนที่เป็น Vertical Garden โครงการเข้าได้จากซอยสุขุมวิท 107 แยกซอยแบริ่ง 14 เข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร ก็จะเจอแปลงที่ดินอยู่ซ้ายมือแปลงมุม ตัวอาคารใช้โทนสีขาว-ทอง-เทา ออกแนวคลาสสิกหน่อย มีชั้น 1 เป็นชั้นจอดรถ ชั้น 2 เป็นพื้นที่ Lobby และ Library และเร่ิมมีห้องพักจนถึงชั้น 8 ที่จะแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นส่วน Outdoor Facilities อย่างสระว่ายน้ำ, สวนหย่อม, ห้องฟิตเนส และ Sauna Room หรือจะขึ้นบันไดไปยังชั้นดาดฟ้าที่มี BBQ Area และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่
แปลงที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แปลงมุม แต่เลือกจะเปิดด้านหน้าทางเข้าโครงการจากซอยที่เป็นทางเชื่อมระหว่างซอยแบริ่ง 14 และ 16 กลางซอย ที่เป็นด้านที่แคบกว่า เป็นประตูเข้าทางเดียวสำหรับทั้งคนที่ขับรถและเดินเข้า-ออก / มีป้ายโครงการอยู่ทางขวามือของทางเข้า ด้านในมีความกว้างสวนกันได้ การเดินรถเหมือนกับรูปร่างของอาคารคือเป็นรูปตัว U / ฝั่งซ้ายของทางเข้าจะเป็นฝั่งห้องพักอาศัยทั้งหมด ได้วิวภายนอกโครงการ ฝั่งนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 1-2 ชั้นแบบมีบริเวณหน่อย ไกลไปอีกนิดจะเป็นพื้นที่โรงงานขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับซอยแบริ่ง 16
เปรียบเทียบสีของโมเดล กับรูปภาพ Perspective จำลองนะครับ ตัวอาคารใช้โทนสีขาว-เทา เป็นหลัก ออกแนวคลาสสิกหน่อย และทำให้ดูตัดกับสีเขียวของต้นไม้ได้ดี
ส่วนด้านข้างที่เป็นฝั่งซอยสันติคาม 13 ที่ต่อเนื่องกับซอยแบริ่ง 14 เป็นฝั่งที่เป็นเว้ารูปตัว U ฝั่งนี้จะไม่มีระเบียงออกมาในระยะใกล้เนื่องจากอีกฝั่งของซอยเป็นโรงงานสูง 5 ชั้น พื้นที่ตรงโค้งตัว U ก็จะมีในส่วนของพื้นที่สีเขียวซะเป็นส่วนใหญ่ ทั้งสวนหย่อมและ Vertical Garden ส่วน Facilities บางส่วนก็จะยกขึ้นไปด้านบนที่ชั้น 8 และชั้นดาดฟ้า
พื้นที่สีเขียวตรงเว้ารูปตัว U ยังมีบันไดที่สามารถเดินจากพื้นที่โถงลิฟท์ชั้น 1 ขึ้นไปยัง Multi-purpose lobby ที่ชั้น 2 ได้เลย ซึ่งบันไดจะอยู่ในส่วนกระจกใสกันแดดกันฝนอีกทีหนึ่ง / ทางขวาเป็นรูปจำลองภาพบรรยากาศในส่วนของ Vertical Garden ที่เป็นพุ่มไม้แนวดิ่ง
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ บริเวณบันไดจากชั้น 1 ตรงโถงลิฟท์ขึ้นไปยัง Lobby ชั้น 2 ผนังจะเป็นกระจกเงาทั้งหมดให้แสงส่องผ่านเข้าไป Lobby ด้านในได้
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ บริเวณภายใน Lobby มีทั้งชั้นวางหนังสือ และจัดมุมโซฟา มุมโต๊ะต่างๆให้ได้นั่งกันเป็นกลุ่มๆ
ส่วนด้านหลังของโครงการก็จะเป็นห้องพักที่ได้วิวด้านนอกเช่นกัน ฝั่งนี้ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยที่มีบริเวณ ถ้าอยากให้พ้นความสูงต้นไม้ไปหน่อย ก็น่าจะต้องตั้งแต่ชั้น 3-4 ขึ้นไป / ฝั่งนี้ในรูปจะมีด้านนึงชั้น Ground ที่เป็นส่วนของ Automated Parking System เจาะลงไปใต้ดินอีก 2 ชั้นระดับ ทำให้ส่วนนี้สามารถจอดได้ 29 ช่องจอดรถนะครับ(ต้องเหลือว่าเอาไว้ 1 ช่องให้รถหมุนได้)
เราขึ้นมาดู Facilities ส่วนด้านบนกันบ้างที่ชั้น 8 และชั้นดาดฟ้า จะมีทั้ง Fitness Room, Sauna Room, Rooftop Swimming, สวนหย่อม, BBQ area และพื้นที่สีเขียวบนดาดฟ้า จะมาว่ายน้ำก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปนิดนึง แต่การยกสระว่ายน้ำขึ้นมาด้านบนนอกจากจะได้วิวที่ดีกว่า ยังช่วยหลบสายตาจากอาคารโรงงานสูง 5 ชั้นข้างๆ และจากลูกบ้านกันเอง ชั้นดาดฟ้าตัวลิฟท์จะขึ้นไม่ถึงนะครับ ดังนั้นต้องออกที่ชั้น 8 แล้วมาเดินขึ้นบันไดไปหน่อย
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ ชั้น 8 บริเวณส่วนกลางในห้องออกกำลังกาย วางเครื่องเล่นชิ้นใหญ่ประมาณ 4 ชิ้น(ไม่รวมบาร์ดรัมเบล) และด้านนอกจะมีห้องซาวน่าและสตีม
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ ชั้น 8 บริเวณส่วนกลาง บริเวณสระว่ายน้ำและสวนหย่อม (สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 4 x 14 เมตร ลึก 1.20 เมตร แยกสระเด็กขนาด 2.5 x 4.5 ลึก 30 ซม.)
พื้นที่ดาดฟ้าที่ขึ้นมาจากบันไดรูปตัว U จะเจอพื้นที่ BBQ area ก่อน ซึ่งความจริงก็จะเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ที่สามารถใช้ทำกิจกรรมต่างๆได้ รวมถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างๆกันด้วย
ดูภาพโดยรวมกันแล้วก็มาดูผังของแต่ละชั้นกันบ้างครับ เริ่มตั้งแต่ชั้นล่างสุด ชั้นที่ 1 ที่เป็นพื้นที่จอดรถ โดยแปลงจะเป็นแปลงมุมระหว่างทางเชื่อมซอยแบริ่ง 14 และ 16 และอีกฝั่งหนึ่งคือซอยสันติคาม 13 ที่ต่อเนื่องจากซอยแบริ่ง 14 ทางเข้าจะอยู่ที่ฝั่งแคบคือทางซอยเชื่อมหรือที่ในผังเขียนว่าทางสาธารณะประโยชน์
ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40% (มี Automated Parking System) ใต้อาคารรูปตัว U แต่ถึงแม้ว่าจะเข้า-ออกได้ทางเดียว ก็จะมีการเว้นช่องกลับรถที่ปลายตัว U อีกฝั่งที่เป็นทางตันมองในแง่ดีคือด้านการรักษาความปลอดภัยทำได้ง่ายกว่า ส่วนตรงกลางรูปตัว U จะเป็นทางเข้าอาคารที่สามารถเข้าไปถึงโถงลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 68 : 1 บันไดหนีไฟ 2 จุด และห้องนิติบุคคล หรือว่าจะเดินบันไดขึ้นไปยัง Lobby ชั้น 2 ได้เลย รอบตัวตึกทำเป็นพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ใหญ่และต้นไม้พุ่มแซมรอบเขตพื้นที่
ห้องพักเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว U ห้องพักแต่ละชั้นมี 2 แบบ แบบ 1-Bedroom และ 2-Bedrooms ชั้น 2 มีจำนวนยูนิต 18 ยูนิต โดย Facility จะถูกแบ่งไปอยู่ในชั้นต่างๆ อาทิ ชั้น 1, 2, 8 และดาดฟ้า อย่างส่วนที่แบ่งมาในชั้น 2 คือ Multi-purpose lobby และ Library ที่จะมาอยู่ในปีกฝั่งเหนือด้านใน ใกล้กับลิฟท์และบันไดจากที่จอดรถ ดังนั้นใครที่พักอาศัยอยู่ชั้น 2 ก็จะเหมือนมี Lobby ส่วนตัวใกล้ๆบ้าน ที่เปิดห้องพักออกมาก็เจอเลย
ห้องพักในชั้น 3–7 เป็นผังอาคารแบบ Typical Floor คือเป็นผังชั้นที่มีมากที่สุดในโครงการ มีห้อง 2 แบบปกติ ทั้ง 5 ชั้นเป็นชั้นที่จำนวนห้องเยอะที่สุดคือ 21 ห้อง โดยมีลิฟท์โดยสารอยู่ตรงกลางพอดี ทำให้ทั้งปีกฝั่งเหนือและฝั่งใต้มีความเป็นส่วนตัวที่ใกล้เคียงกัน แต่ห้องที่อยู่ตรงกลางทางทิศตะวันออก อาจจะมีความเป็นส่วนตัวน้อยลงมาหน่อยเพราะจะมีเพื่อนบ้านเดินผ่านไปผ่านมาเยอะนิดนึง
จาก 21 ห้องที่มีอยู่ใน Typical Floor Plan ประกอบไปด้วยแบบ 1-Bedroom 19 ยูนิต และ 2-Bedroom 2 ยูนิตที่ห้องมุมอาคาร การเลือกห้องก็แล้วแต่ความชอบอย่างห้องทางทิศเหนือได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวันแต่ก็จะอยู่ติดซอยเชื่อมระหว่างแบริ่ง 14-16 อาจจะมีเสียงดังกว่าฝั่งอื่นๆ ห้องทางทิศใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่า อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า ติดกับบ้านพักอาศัย ส่วนห้องฝั่งตะวันออกก็จะเป็นห้องที่ได้รับแสงเช้า และติดกับบ้านพักอาศัย แต่ก็จะอยู่ใกล้ลิฟท์ที่สุด ส่วนห้องที่อยู่วงด้านในก็จะได้รับแสงธรรมชาติที่น้อยลงมา เพราะองศาของแดดและความสูงของอาคารจะบังกัน ทำให้จะได้แสงในช่วงเที่ยงๆบ่ายๆที่แสงลงมาตรงๆเท่านั้น วิวก็จะเป็นวิวระยะใกล้มองขึ้น-ลง
ห้องพักของชั้น 8 จะต่างจากชั้นอื่นๆนิดหน่อย ตรงที่ตำแหน่งปลายตัว U ฝั่งเหนือเปลี่ยนเป็นพื้นที่ Facilities ทำให้ห้องพักลดจำนวนยูนิตเหลือ 14 ยูนิต คือ 1-Bedroom 12 ยูนิต และ 2-Bedrooms 2 ยูนิต ข้อดีของผู้พักอาศัยชั้น 8 คือจำนวนยูนิตน้อย ได้วิวที่มองได้ไกลกว่า และสามารถเดินขึ้นจากบันไดทั้ง 2 จุดไปถึงดาดฟ้าได้ง่ายกว่าห้องชั้นอื่นๆที่ต้องขึ้นลิฟท์แล้วต่อบันไดเพื่อขึ้นไปยังดาดฟ้า เพราะลิฟท์โดยสารจะหยุดที่แค่ห้องพักชั้น 8 นะ / ส่วน Facilities ออกมาจากโถงลิฟท์ก็จะเจอกับห้องฟิตเนส และ Sauna ถ้าขึ้นบันไดด้านหน้ามาก็จะเจอกับสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่มีสระเด็กด้วย ข้างๆกันก็จะเป็นส่วนขนาดเล็ก หรือว่าถ้าจะขึ้นบันไดรูปตัว U ก็จะไปยังส่วนดาดฟ้า
ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคาร หรือชั้นดาดฟ้า ตัวลิฟท์จะไม่ขึ้นมาส่งถึงชั้นนี้ แต่จะต้องลงที่ชั้น 8 ที่เป็นชั้นพักอาศัยแล้วเดินบันไดหนีไฟขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ด้านบนจะแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คืองานระบบที่ปีกฝั่งใต้ และพื้นที่ Facilities ที่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ BBQ area และส่วน Garden ซึ่งความจริงแล้วก็คือ Multi-purpose area ที่ลูกบ้านสามารถมาใช้พื้นที่หรือเดินเล่นช่วงเย็นๆได้
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- 2nd floor – Multipurpose Lobby + Library
- 8th floor – Sauna room + Fitness + Swimming pool
- สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 4 x 14 เมตร ลึก 1.20 เมตร แยกสระเด็กขนาด 2.5 x 4.5 ลึก 30 ซม.
- Rooftop – BBQ area + Landscape garden
- Vertical landscape
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 68 : 1
- Service Lift ไม่มี
- ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40% (มี Automated Parking System)
- Wifi Free บริเวณ Lobby & Library
- ระบบ CCTV / Access Card
- Shuttle Car Service (ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นรถชนิดอะไร และรอบเวลาเดินทาง)
- Rental and Resale service management (Website : urban-realty)
เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกันนะครับ คือแบบ 1 ห้องนอนเป็นห้องแบบเล็กที่สุดเพราะโครงการนี้ไม่ทำห้องแบบ Studio ความจริงแล้วแบบ 1 ห้องนอนในโครงการก็มีด้วยกันหลายขนาดซึ่งต่างกันนิดหน่อย ตั้งแต่ 25.7 – 34.88 ตารางเมตร โดยแบบ 1 ห้องนอนเป็นยูนิตที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ
โครงการขายแบบ Fully Fitted นะครับ คือให้ชุดครัว, Hob&Hood และแอร์ 2-3 ตัว ตามขนาดห้อง, Digital Door Lock, พื้นเป็นลามิเนต, กระเบื้อง, แกรนิตโต้ / ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานคือ 2.40 เมตร ในห้องน้ำลดเหลือ 2.30 เพราะมีงานระบบ / ไฟดาวน์ไลท์(ฝั่งฝ้า) / บานประตูในห้องเป็น HDF และห้องน้ำบานแบบ MDF / ได้กระจกฉากกั้นในห้องน้ำ **ปัจจุบันโครงการอยู่ในช่วงโปรโมชั่นถึงสิ้นปีคือขายเป็น Fully Furnish ตามในห้องตัวอย่าง ยกเว้นพร็อพตกแต่ง
ห้องตัวอย่างห้องแรกคือ Type A2M พื้นที่ห้องขนาด 26.17 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอพื้นที่นั่งเล่นก่อนอยู่ทางซ้ายมือ มีชุดโซฟา โต๊ะอเนกประสงค์หันหน้าเข้าผนัง สามารถใช้ได้ทั้งทานข้าวหรือทำงาน ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีและทางเข้าห้องน้ำที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนปกติ ลึกเข้าไปก็จะเป็นประตูบานเลื่อนเข้าสู่ห้องครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียงที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนเช่นกัน ซึ่งทำให้การระบายกลิ่นจากการทำครัวออกไปยังนอกห้องได้ง่ายขึ้น ส่วนในสุดทางขวาคือห้องนอนที่เปิดได้จากห้องนั่งเล่นด้วยบานประตูเปิด-ปิด ไม่ใช่แบบบานเลื่อนกระจกใส ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเวลามีเพื่อนหรือแขกมา แต่ก็ต้องเปิดประตูมาเข้าห้องน้ำด้านนอกหน่อย เพราะไม่ใช่ห้องน้ำที่เปิดได้จากในตัวห้องนอน
ประตูห้องพักของจริงจะเป็นแบบบานเปิด-ปิดสูง 2 เมตร มี Digital Doorlock ให้มาตรฐาน ยี่ห้อ Be-Tech หน้าตาเป็นแบบมีลูกบิดไปด้วยในตัวเลย จากด้านหน้าทางเข้าก็จะเป็นได้ทั้งแบบแสกนบัตรหรือกดเลขรหัส ส่วนจากภายในห้องก็จะเป็นแบบลูกบิดล็อก
เปิดประตูเข้ามาส่วนแรกเลยที่จะเจอคือห้องนั่งเล่น ที่มีชุดโซฟาอยู่ทางซ้ายมือ ไกลไปหน่อยเป็นมุมทานอาหาร ได้โต๊ะเอนกประสงค์ที่สามารถเป็นได้ทั้งโต๊ะทานข้าวได้ ด้านในเป็นประตูบานเลื่อนห้องครัวและระเบียง ส่วนทางขวาหลังประตูเป็นห้องน้ำและประตูเข้าห้องนอน / ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานคือ 2.40 เมตร, พื้นภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร / ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร
ทางขวามือติดกับประตู เป็นตู้วางของแบบ Built-in เข้ากับผนัง มีช่องเก็บของแบบมีบานปิดทั้งบนและล่าง ตรงกลางเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางทีวี และวางของกระจุกกระจิกนิดหน่อย
ตู้ด้านบนจะเป็นขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย สูงถึงเพดานที่ 2.40 เมตร ตัวบานจะยื่นเกินออกมาจากความสูงตู้ ทำให้มีช่องในการดึงออกมา ความสูงของบานก็อยู่ในระดับที่เปิดได้สบายๆ / ตู้ชั้นล่างเป็นแบบบานเปิดออก มีพื้นที่เก็บของพอสมควร ล่างสุดจะมีช่องเล็กๆที่ไม่มีบานปิด อาจจะสามารถวางรองเท้าได้หลายคู่เลย
ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางโซฟาชิดกับผนังห้อง โซฟารูปตัว I ความยาวของโซฟาอยู่ที่ 1.5 เมตร
ผนังของจริงจะเป็นฉาบเรียบทาสีมาตรฐานนะ ตำแหน่งของแอร์ในส่วนห้องนั่งเล่นที่ได้จะติดตั้งอยู่เหนือโต๊ะอเนกประสงค์
มุมนี้เป็นโซนรับประทานอาหาร โครงการเอาโต๊ะลอยมาวางให้ดู พอนั่งได้ 2 คน แต่แบบพอดี
แต่ว่าของจริงเค้าจะ Built ชุดโต๊ะติดผนังแบบนี้เอาไว้ให้ เป็น 2 in 1 โต๊ะทานอาหารและทำงานได้ ด้านหลังที่ผนังพอวางของใช้ได้นิดหน่อย (ชุดนี้อยู่ในโปรโมชั่น)
ซ้ายมือสุดติดกันเป็นทางเข้าไปครัวปิดเชื่อมต่อกับระเบียง ตรงกลางเป็นห้องนอนที่ต้องออกมาใช้ห้องน้ำที่ด้านนอก(ทางขวามือสุด)
ประตูเข้าครัวเป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอน กรอบประตูเป็นอลูมิเนียมสีดำ ตรงกลางเป็นกระจก เพราะเนื่องจากห้องนอนข้างๆ เป็นประตูบานเปิด-ปิดจะทำให้แสงจากภายนอกเข้าสูงตัวห้องนั่งเล่นด้านในไม่ได้ การติดบานเลื่อนที่มีลูกฟักใส จากทั้งประตูห้องครัวและประตูระเบียง ทำให้แสงธรรมชาติเข้าถึงห้องด้านในในช่วงกลางวันได้ดี
ภายในห้องครัวก็จะจัดข้าวของเครื่องใช้ชิดผนัง ไล่ตั้งแต่พื้นที่วางตู้เย็น เคาท์เตอร์ที่มีอ่างล้างจานแบบหลุมเดียว และ Hob and Hood ด้านบนก็ยังมีพื้นที่เก็บของได้นิดหน่อย พื้นจะเปลี่ยนจาลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร เป็นกระเบื้องสีสว่างขนาด 60 x 60 เซนติเมตร โดยกรอบของประตูบานเลื่อนจะมีร่องลงไปอยู่ในระดับเดียวกันกับพื้นที่ห้องทั้งสองห้อง ทำให้ดูเรียบร้อยไม่ต้องก้าวข้าม / พื้นที่ตู้เย็นไว้ที่กว้าง 75 เซนติเมตร
ด้านบนเป็นชุดตู้ติดผนัง มีหน้าบานปิดให้เรียบร้อย ได้ฟินิชชิ่งเป็น Soft Close ด้วย
Top ครัวเป็นหินแกรนิตสีดำ (ผนังด้านหลังของจริงเป็นฉาบเรียบธรรมดา) ไปหาติดเพิ่มเลยครับสำหรับคนที่คิดจะทำอาหาร / เคาน์เตอร์ลึก 55 เซนติเมตร / ได้ Hob&Hood ของ TEKA / การไล่จากพื้นที่เย็นคือตู้เย็น มาตรงกลางที่เป็นอ่างล้างจาน และเตาด้านขวา ถือว่าเป็นการวางลำดับที่ดี แต่ขาดพื้นที่ที่เป็นส่วนเตรียมอาหาร อาทิ พื้นที่วางเขียงสับหมู หรือที่วางจาน / ส่วนที่มีเตาอยู่ข้างๆกับประตูเลื่อนบานระเบียงก็จะทำให้กลิ่นและอากาศออกไปด้านนอกได้ดีขึ้น
ด้านล่างเคาน์เตอร์ก็จะมีทั้งตู้บานใหญ่ใต้อ่างล้างจาน เป็นที่เก็บของได้และเป็นส่วน Service ไปด้วย ส่วนทางขวาเป็นลิ้นชักล่าง-บน ตรงกลางเป็นช่องวางไมโครเวฟ
ทางออกไปยังระเบียงด้านนอกเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เวลาเปิดจะทำให้ห้องดูกว้างขึ้นเยอะมาก ปัจจุบันก็นิยมที่จะติดมุ้งลวดไว้ที่ประตูเลื่อนระเบียง สำหรับเวลาช่วงเย็นๆหลังทำงานเปิดประตูบานเลื่อนออกไปเต็มๆ แล้วปิดบานมุ้งลวดให้เต็มพื้นที่ ก็จะได้รับลมเข้าสู่ในห้องแบบไม่ต้องแคร์ยุงหรือพวกแมลง
ระหว่างพื้นที่ครัวและพื้นที่ระเบียงก็จะมีธรณียกสูงกั้นประมาณ 8 เซนติเมตร ไว้เผื่อสำหรับน้ำขังที่ระเบียง ก็จะไม่ซึมหรือเข้ามาในพื้นที่ครัว พื้นก็จะเปลี่ยนจากขนาด 60 x 60 เซนติเมตรในห้องครัว เป็น 30 x 30 เซนติเมตรที่ระเบียงด้านนอก
ระเบียงขนาด 1.00 x 1.65 เมตร ด้านหนึ่งเป็นพื้นที่ก๊อกน้ำ ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า ระเบียงนี้ออกจะเป็นระเบียงใช้งานซักล้างมากกว่าที่จะเป็นระเบียงชมวิวหรือนั่งเล่น
เหนือขึ้นไปจากพื้นที่วางเครื่องซักผ้าก็จะเป็น Com-air 2 ตัวแขวนอยู่ด้านบน ไม่มี Grill ปรับทิศทางลมร้อนที่เป่าออกมา ดังนั้นลมที่ออกมาจากเครื่อง Com-air ก็จะเป่าออกมาตรงๆ ส่วนผนังด้านที่มีก๊อกน้ำ ด้านบนก็จะมีไฟติดผนังให้
ออกมาดูส่วนของห้องน้ำที่ต้องเข้าทางห้องนั่งเล่นกันบ้าง ภายในห้องน้ำขนาด 1.5 x 2.5 เมตร แบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 3 ส่วนปกติ คืออ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกอาบน้ำพร้อมฉากกั้นอาบน้ำมาให้อยู่ด้านในสุด ผนังกรุด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมจาก American Standard ไม่มีเคาท์เตอร์ก่อด้านล่างมาให้วางของ แต่ตลอดความยาวของห้องน้ำก็จะมีปูนก่อยื่นออกมาประมาณ 10 เซนติเมตร(Low Wall) ให้วางของใช้ได้ ส่วนของโถสุขภัณฑ์จาก American Standard เช่นกัน ข้างๆมีสายชำระและที่ใส่ม้วนกระดาษชำระ
ส่วนพื้นที่เปียกที่อยู่ด้านในสุดก็จะมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ เป็นแบบประตูเปิดเข้าไป / พื้นที่ยืนอาบน้ำอยู่ที่ 0.9 x 1.1 เมตร มีจุดท่อระบายน้ำอยู่ด้านใน
ส่วนอาบน้ำก็จะมีทั้ง Rain Shower ด้านบน และฝักบัวอาบน้ำแบบมือจับ พร้อมที่วางสบู่ได้ 1 ก้อน อาจจะต้องติดชั้นวางของเพิ่มเติมหน่อย
ด้านบนก็จะเป็นที่ดูดกลิ่นและระบายอากาศภายในห้องน้ำ ระบบเป็นแบบปล่อยห้องต่อห้องออกไปยังด้านนอก ไม่ใช่แบบที่ดูดไปรวมกันแล้วปล่อยออกทีเดียว
ต่อมาห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนขนาด 2.65 x 3.00 เมตร ภายในห้องจะมีเตียงวางอยู่ตรงกลาง เอาเตียงชิดผนังด้านติดกับช่องแสง
พื้นที่ปลายเตียงค่อนข้างกว้าง และเดินง่ายทีเดียว สามารถเอาทีวีแชวนผนังแบบนี้ได้ และตำแหน่งแอร์ติดตั้งอยู่ที่ปลายเตียง
ข้างๆกับพื้นที่ข้างเตียงด้านขวา เหลือพื้นที่เดินไปใช้งานได้ปกติ แต่คงไม่สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ถ้าเลือกหน้าบานตู้เสื้อผ้าเป็นแบบเปิด ต้องใช้หน้าบานแบบเลื่อน
ข้างๆกับพื้นที่ข้างเตียงด้านขวาชิดกับผนังก็จะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าแบบบานดึงออกมาทั้งสองฝั่ง Built ให้เต็มความสูง ข้างๆกันคือโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมลิ้นชัก โต๊ะเครื่องแป้งหน้าตาดูดีทีเดียวมีติดตั้งปลั๊กไฟเอาไว้ให้ด้วย
ส่วนช่องแสงของห้องนอนเป็นแบบบาน Fix 3 บาน และบานกระทุ้งทางซ้ายมือ จากขนาดถือว่าได้ช่องแสงที่ใหญ่ทีเดียว
ตรงส่วนนี้โครงการทำฝ้าลดระดับเอาไวให้เลย เผื่องานใครติดตั้งม่านแบบนี้ครับ จะได้ดูเรียบร้อย
ห้องตัวอย่างห้องที่สองเป็นแบบ 1 Bedroom เช่นกัน Type B2D ขนาด 31.67 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเหมือนเดิม แต่ต่างกันที่ความลึกของห้อง ที่จะลึกมากกว่าห้องตัวอย่างที่แล้วหน่อยนึง Functions และตำแหน่งโดยรวมคล้ายกับห้องที่แล้วเป๊ะๆ Function ที่เพิ่มมามีจุดเดียวคือตู้เก็บของอเนกประสงค์แบบบานเปิด-ปิดแบบ Buit-in เต็มความสูง ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ ที่จะปรับทิศทางการเข้าประตูห้องน้ำ ให้ผ่านตู้ Built-in ด้านหน้าก่อน ดังนั้นเมื่อทางฝั่งขวามีตู้เพิ่มเข้ามา ทำให้ห้อง Type นี้ มีโซน Living ที่ยาวกว่าเดิมครับ
ฟังก์ชั่นห้องนี้จะเหมือนกับห้องแรกเลยนะครับต่างกันสองจุดที่บอกไปตอนอธิบายแปลนคือ Living Area ยาวขึ้นและมีเพิ่มพื้นที่ตู้เก็บของอเนกประสงค์หน้าห้องน้ำ
ฝั่งขวามือเป็นพื้นที่วางของแบบ Built-in เข้ากับผนัง มีช่องเก็บของแบบมีบานปิดรูปทรงตัว L ตรงกลางเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางทีวี และวางของใช้ทั่วไปนิดหน่อย ความกว้างของห้องนั่งเล่นอยู่ที่ 2.75 เมตร ดังนั้นระยะดูทีวีก็จะอยู่ที่ราวๆ 2.3 เมตร
ลองเปิดหน้าบานตู้ให้ดูเก็บของได้เยอะดีเลยนะครับ ไอเดียการตกแต่งจากห้องตัวอย่างโดยมีการซ่อนไฟเอาไว้ทำให้มุมนี้ดูสวยงาม น่าใช้ และเป็นหน้าตาให้กับห้องเราเวลาแขกมาด้วยนะผมว่า เอาไปใช้ได้นะไอเดียนี้
โซฟาห้อง Type นี้จะได้แบบ 2 ที่นั่งเหมือนกัน แต่จะได้ขนาดที่ยาวกว่านั่งสบายกว่า ไม่ต้องเบียดกัน
ด้านขวาเป็นมุมนั่งรับทานอาหาร โต๊ะทานอาหารตัวนี้ได้นะครับ แต่ส่วนตัวผมว่า ถ้าเอาโต๊ะเล็กข้างโซฟามาวางแบบนี้จะทำให้มุมนี้เข้าไปใช้งานยากมาก เอาออกไปแล้วหาโต๊ะกลางกาแฟมาตั้งระหว่างพื้นที่ดูทีวีดีกว่า
พื้นที่ในโซนครัวจะเหมือนกันครับ เป็นครัวปิด และได้ของวัสดุอุปกรณ์เหมือนกัน
สิ่งที่แตกต่างกันคือ ชุดครัวจะมีช่วงที่ยาวกว่า อย่างเห็นได้ชัด อย่างหน้าตู้ติดผนังด้านบน ห้องก่อนหน้าจะได้ 2 ตอนเท่านั้น
ห้องที่แล้วบริเวณเคาน์เตอร์ครัวจะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่การเตรียมอาหารที่ค่อนข้างแคบหน่อย แต่ของห้องนี้จะมีความยาวขึ้นทำให้หมดปัญหาตรงนี้ไป และได้ชุดตู้เก็บของด้านล่างเพิ่มมาอีกช่องด้วย
ประตูทางออกไประเบียงเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน เหมือนกัน ผมลองเปิดออกให้ดู พอแบ่งเป็น 3 ตอนแบบนี้เดินเข้าออกง่ายและกว้างกว่าแบบ 2 ตอนเยอะเลย
ระเบียงขนาด 1.00 x 1.65 เมตร ด้านหนึ่งเป็นพื้นที่ก๊อกน้ำ ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าฝาฟ้าข้างๆก็จะมีจุดท่อน้ำทิ้ง, ราวระเบียงสูง 1.1 เมตร ถ้าวางเครื่องผ้าจะเหลือแค่พื้นที่ออกไปยืนพอหมุนตัวขยับทำงานนิดหน่อยได้เท่านั้น
ด้านบนเหมือนกันกับห้องก่อน
ต่อมาเป็นพื้นที่ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ ที่เพิ่มในส่วนตู้เก็บของ Built-in แบบเต็มความสูง และเปลี่ยนทิศทางของประตูทางเข้าห้องน้ำ
ตู้เก็บของแบบ Built-in สูง 2.30 เมตร ขนาด 0.55 x 1.00 เมตร การเปิด-ปิดเป็นแบบกดเข้าไปที่บาน แล้วตัวบานจะกระเด้งออกมา ด้านในก็จะแบ่งช่องเอาไว้ตามการใช้งาน
ให้ดูการแบ่งช่องเอาไว้ใช้งานวางของ ซึ่งสามารถวางทั้งของใช้ทรงสูง หรือรูปทรงต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงอาทิเช่น ไม้กวาด เครื่องดูดฝุ่น ร่ม ฯลฯ เป็นต้น
ภายในห้องน้ำขนาด 1.6 x 2.6 เมตร โดยมีฟังก์ชั่นการใช้งานหลักครบ 3 ส่วนปกติ คืออ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกอาบน้ำพร้อมฉากกั้นมาให้ วัสดุต่างๆ จาก American Standard
ด้านนี้ผนังจะติดกระจกเงาบานใหญ่เอาไว้ให้
ส่วนของโซนเปียกกั้นด้วยธรณีก่อเล็กน้อย และกั้นด้วยกระจกฉากกั้น พื้นที่ยืนอาบน้ำอยู่ที่ 0.95 x 1.10 เมตร
ชุดฝักบัว และ Rain Shower เหมือนกันจ้า
ต่อมาเป็นห้องนอนที่ความจริงแล้วจะต้องมีบานประตูเปิด-ปิดติดตั้งมาให้ เป็นแบบผลักออกไปด้านผนังฝั่งซ้าย แต่ในห้องตัวอย่างไม่ได้ติดมาให้ดู พื้นเป็นแบบปูต่อเนื่องจากห้องนั่งเล่นเข้าไปยังห้องนอน คือไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร
ห้องนอนขนาด 2.65 x 3.00 เมตร ภายในห้องจะมีเตียงวางอยู่ตรงกลาง จะเหมือนกับห้องก่อนหน้า
การวางเตียงข้างนึงเอาไว้ชิดกับหน้าต่างช่องแสง เพื่อฝั่งขวามือใกล้ตู้เสื้อผ้าจะได้เดินไปมาใช้งานได้สะดวก
หน้าตาชุดตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง Built-In จะคล้ายๆกัน ต่างกันเล็กน้อย ไม่ได้เจ้าเก้าอี้สตูลเล็กนะฮะ
ให้ดูมุมแบบพื้นที่เก็บของในตู้เสื้อผ้าซักหน่อยครับ
ช่องแสงตำแหน่งก็จะเหมือนกัน
ลองเปิดบานกระทุ้งให้ดูสักหน่อย องศาที่เปิดได้ประมาณ 30-40 องศาประมาณนี้ครับ
แบบที่ไม่มีห้องตัวอย่างคือแบบ 2-Bedroom Type C1 ขนาด 51.43 ตารางเมตร ในทุกๆชั้น จะมี 1 ยูนิต โดยเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบหน้ากว้าง เปิดประตูเข้ามาจะเจอโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 4 ตัวอยู่ด้านหน้า ฝั่งซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L ที่อยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่นด้านใน ติดกับระเบียงจุดเดียวของห้อง ตรงกลางเป็นทางเดินเข้าห้องนอนเล็กประตูจะอยู่ทางขวา ส่วนฝั่งซ้ายคือประตูเข้าห้องน้ำ ส่วนตรงกลางเป็นประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว สังเกตว่าห้องนอนเล็กจะวางได้แค่เตียงเดี่ยว และจะต้องออกมาใช้ห้องน้ำด้านนอกร่วมกันกับส่วนนั่งเล่น รูปร่างห้องน้ำจะเป็นรูปตัว L ขนาดเท่ากันทั้งสองห้อง ซึ่งเป็นการจัดพื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำออกจะดูอึดอัดไปนิดนึง เพราะไม่ใช่การวางพื้นที่ใช้สอยเรียงกันสามส่วนแบบปกติ
ต่อมาเป็นแบบสุดท้าย 2-Bedroom เป็นห้องที่มีอยู่ทุกๆชั้น ชั้นละ 1 ห้องเช่นกัน เป็นห้องเข้ามุมพอดี Type C2 ขนาด 53.26 ตารางเมตร Function คล้ายๆกับห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องที่แล้ว แต่แตกต่างกันที่รูปร่างและตำแหน่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอโต๊ะทานข้าวอยู่ข้างๆกับเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว I อยู่ในพื้นที่เดียวกับห้องนั่งเล่น ที่ได้วิวระเบียงด้านนอก ตรงกลางเป็นทางเดินมีด้วยกัน 3 ประตูคือขวามือเป็นห้องนอนเล็ก ฝั่งตรงข้ามคือห้องน้ำ ประตูตรงกลางคือห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว โดยห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะจัดวางเรียงพื้นที่ใส่สอยสามส่วนตามยาว แต่ห้องน้ำแขกด้านนอกจะขนาดเล็กหน่อย เป็นฉากกั้นโค้งเข้ามุม ต่างจากห้องที่แล้วที่ห้องน้ำทั้งสองห้องจะแบบเหมือนกันขนาดเท่ากัน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 Nov 2016
- 1 Bedroom ขนาด 25.7 – 34.88 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.80 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 51.43 – 53.26 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.45 ล้านบาท
- ช่วงราคา 1.8 – 3.9 ล้านบาท / หรือเริ่มต้น(ห้องไซส์เล็กสุด)ประมาณ 70,038 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ(AVG) ประมาณ 66,500 บาทต่อตารางเมตร (ห้องไซส์ใหญ่ราคาต่อตร.ม.ถูกกว่าไซส์เล็ก)
**ปัจจุบันโครงการอยู่ในช่วงโปรโมชั่นถึงสิ้นปีคือขายเป็น Fully Furnish ตามในห้องตัวอย่าง ยกเว้นพร็อพตกแต่ง
- Fully Fitted (พร้อมแอร์ 2-3 ตัว, Digital Door Lock)
- เพดานสูง 2.40 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS แบริ่ง (ยังไม่กำหนดว่าเป็นรถแบบไหน)
- จอง 10,000 บาท / ทำสัญญา 40,000 บาท (ภายใน 7 วันหลังจากวันจอง)
- ดาวน์และผ่อนดาวน์ (สอบถามกับทางเซลล์โครงการหน้างาน)
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
Attitude แบริ่ง เป็นโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กำลังก่อสร้างสถานีต่อยาวจากใจกลางกรุงเทพไปยังสมุทรปราการ จากโครงการ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีแบริ่งที่ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วเป็นสถานีสุดท้าย สถานีถัดไปคือสถานีสำโรงที่ในอนาคตจะเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง แยกอีกทีเข้าที่ซอยแบริ่ง 14 ห่างจากทางขึ้น-ลงสถานีแบริ่ง 1 กิโลเมตร ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินเท้าน้อย มีแค่ร้านสะดวกซื้อ แต่ถ้าเดินมาที่ปากซอยสุขุมวิท 107 จะมีร้านอาหารอยู่ช่วงต้นซอย และช่วงถนนใหญ่สุขุมวิทก็จะเร่ิมมีความคึกคักขึ้น โดยเฉพาะปริมาณรถ และปริมาณคนสัญจรไปมา อิมพิเรียลเวิลด์สำโรงและตลาดสดเอี่ยมเจริญอยู่ในระยะ 2 กิโลเมตร ใกล้ๆก็จะมีโรงเรียนนานาชาติและโรงพยาบาลซะเยอะ เข้ามาใกล้น้อยในระยะเพื่อนบ้านส่วนใหญ่เป็นสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเดี่ยวพักอาศัยเกือบทั้งหมด มีที่ว่างเปล่าบ้าง อพาร์ตเมนท์บ้าง ส่วนห้างสรรพสินค้าในระยะประมาณ 10 กิโลเมตร ก็มีทั้ง Central บางนา, IKEA, ไบเทคบางนา และ Bangkok Mall ที่กำลังจะสร้าง ในอนาคตน่าจะมีเพิ่มอีกหลายแห่ง ทำให้มีความคึกคักและปริมาณรถตรงสี่แยกบางนาต่างๆเยอะขึ้นไปอีก
การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้า-ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิทขาออก และถนนศรีนครินทร์ รถบนถนนสุขุมวิทจะมีปริมาณมากกว่า แต่ตำแหน่งของโครงการก็ไม่จำเป็นจะต้องเข้าที่ซอยสุขุมวิท107 โดยตรง แต่สามารถลัดเลาะผ่านซอยสุขุมวิท105 หรือ 109 ที่เชื่อมกันมาถึงโครงการได้จากทั้งสองถนนใหญ่ อีกไม่นานหลังจากการเปิดใช้บริการของสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย อาจจะทำให้พื้นที่คึกคักมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นทางผ่านสำคัญๆ ทางขึ้นทางด่วนบางนา-ชลบุรีห่างและทางขึ้นทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเษกอยู่ในระยะไม่เกิน 5 กิโลเมตร ส่วนหากจะเข้าเมืองก็เข้าที่ถนนสุขุมวิทที่รถติด หรือจะเลือกใช้ถนนศรีนครินทร์เข้าถนนเพชรบุรีก็ได้ หรือจะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยใช้ถนนปู่เจ้าสมิงพรายข้ามไปถึงแถวสาธุประดิษฐ์
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ จากโครงการถึงสถานี BTS แบริ่งเป็นระยะ 1 กิโลเมตร แต่ถ้าไม่อยู่ในวันรีบๆก็สามารถเดินไปเรื่อยๆได้ ในซอยแบริ่ง 14 อาจจะเดินยากหน่อย แต่ว่าพอเข้าซอยสุขุมวิท 107 จะมีทางเดินเท้าทั้งสองฝั่ง หรือจะโบกมือเรียกใช้บริการพี่วินที่อยู่หน้าซอยแบริ่ง 16 ที่เดินออกมาจากโครงการเลี้ยวขวาไปซอยนึง ส่วนการเข้าถึงโครงการก็จะมีพี่วินที่หน้าซอยสุขุมวิท 107 อยู่แล้ว ภายในซอยสุขุมวิท 107 ถือว่าเป็นช่องทางลัดจากถนนใหญ่สุขุมวิทไปยังถนนศรีนครินทร์ ทำให้มีปริมาณรถเข้า-ออกพอสมควร ดังนั้นก็จะมีรถรับจ้างอย่างกระป๊อ สองแถว และแท๊กซี่ก็สามารถเรียกได้ตลอดความยาวซอยสุขุมวิท 107 / นอกจากนั้นทางโครงการมีบริการ Shuttle Service รับส่งถึงสถานี BTS แบริ่ง แต่ยังไม่ได้กำหนดเรื่องเส้นทางและความถี่ของการเดินรถ / ส่วนป้ายรถเมล์มีตลอดถนนสุขุมวิททั้งขาเข้าและขาออก รถตู้วิ่งผ่านหลายสายทั้งไปเข้าเมืองไปอโศก บางนา บางปู หรือเขตพื้นที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ มีสะพานลอยใช้ได้ทั้งที่อยู่หน้าซอยสุขุมวิท 107 และตัวสถานี
วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว เป็นแบบ Fully Furnished คือเกือบพร้อมเข้าอยู่ บางชิ้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว บางชิ้นเป็นแบบ Built-in (แต่ตอนนี้จัดเป็นโปรโมชั่นให้จนถึงสิ้นปี) พอหมดจากนี้จะเปลี่ยนเป็น Fully Fitted นอกจากนั้นยังมีแอร์ให้ ขนาด BTU และจำนวนขึ้นกับขนาดของห้องที่ซื้อ ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ส่วนห้องน้ำ, ห้องครัวแยกและระเบียงด้านนอกปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ประตูระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นบานประตูเปิด-ปิด ไม่ใช่แบบบานเลื่อนเหมือนทั่วไป ที่พยายามทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ข้อดีคือห้องจะได้ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น แขกไปใครมาจะได้มีความเป็นส่วนตัวหน่อย แต่บานประตูนี้ไม่ได้ติดมาให้ดูในห้องตัวอย่างแต่จะเป็นแบบเปิดเข้า สุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก American Standard ได้ฉากกั้นอาบน้ำด้วย ส่วนห้องครัวก็ได้อย่างที่เห็น ครบชุด ฝ้าสูง 2.40 เมตรในห้องน้ำลดเหลือ 2.30 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ ไม่มี Wallpaper ติดมาให้ มี Digital Doorlock ติดให้เรียบร้อย
ออกแบบรูปทรงอาคารเป็นตัว U สร้างอาคารเต็มพื้นที่ ชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถ ยก Lobby ขึ้นไปชั้น 2 และเป็นชั้นที่เริ่มมีห้องพักอาศัยจนถึงชั้น 8 โดยชั้น 8 ก็จะแบ่งพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งเป็น Facilities และมีดาดฟ้าที่ต้องขึ้นบันไดไปอีกนิดหน่อย การจัดวางห้องพักส่วนใหญ่เป็นแบบ Double Corridor แต่บางส่วนที่มี Facilities มาอยู่ใกล้ๆก็จะเป็นแบบ Single Corridor วิวห้องจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือหันออกนอกโครงการวิวทั่วไปจะเป็นบ้านเดี่ยวอยู่อาศัย 1-2 ชั้นบ้าง แปลงที่ดินเปล่าบ้าง โรงงานบ้าง ส่วนวิวห้องด้านในจะเป็นวิวแคบที่มองลงจะเจอกับสวนชั้น 1 ข้างๆเป็น Vertical Garden ส่วนมองบนหน่อยก็เจอท้องฟ้า ส่วนมองตรงก็คงไม่พ้นเป็นห้องพักฝั่งตรงข้าม ห้องชุดแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ 1-Bedroom คิดเป็นประมาณ 90% ของโครงการ และ 2-Bedroom อีก 10% ที่นี่จะไม่มีห้อง Studio และขนาดเริ่มต้นของแบบ 1 ห้องนอนก็อยู่ที่ 25.7 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าไม่เล็กมากถ้าเทียบกับคอนโด Low Rise ทั่วไป ขนาดห้องที่ใหญ่กว่าปกติ ทำให้จำนวนยูนิตภายในโครงการมีอยู่ 137 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวระดับหนึ่ง ไม่มากไม่น้อยไป จะได้มีคนแชร์ค่าส่วนกลาง แบบห้องจะมีให้เลือกไม่ค่อยมาก แบบ 1-Bedroom ประกอบไปด้วย 4 ส่วนคือห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอนและห้องน้ำ แต่ละห้องก็จะจับสลับ จับ Mirror กันนิดหน่อย แบบที่ใหญ่หน่อยก็จะเพิ่มแค่ตู้เก็บของแบบ Built-in ระหว่างพื้นที่ห้องนอนและห้องน้ำ ส่วน 2-Bedroom ก็จะมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แบบที่ห้องนอนเล็กจากผังใส่ได้ 1 เตียงเดี่ยว
สาธารณูปโภคส่วนกลางมีตามมาตรฐานของคอนโด Low Rise โดยมีที่จอดรถอยู่ที่ชั้น 1 เป็นที่จอดรถที่เข้า-ออกได้ทางเดียว เว้นช่องที่จอดให้กลับรถตรงสุดปลายตัว U จากนั้นก็จะเดินมาขึ้นลิฟท์โดยสารตรงกลางที่มี 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 68:1 เพื่อขึ้นไปยังชั้นอื่นๆ หรือว่าจะเดินบันไดตรง Vertical Garden ตรงกลางไปยัง Multi-purpose lobby บนชั้น 2 ที่อยู่ใกล้กับห้องสมุด Facilities บางส่วนก็ยกขึ้นไปยังชั้น 8 ที่มีทั้งห้องฟิตเนส, ห้อง Sauna, เดินขึ้นบันไดไปหน่อยจะเจอสระว่ายน้ำผู้ใหญ่และเด็กแบบ Outdoor ข้างๆเป็นสวนเล็กๆ ซึ่งความสูงนี่จะสูงกว่าอาคารโรงงานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจากนั้นเดินขึ้นไปยังดาดฟ้าก็จะมีพื้นที่ BBQ Area และสวนที่ขนาดใหญ่หน่อยอยู่ด้านบน ถือว่าเป็นคอนโด Low Rise ที่แบ่ง Facilities ออกเป็นหลายชั้นกระจายการใช้งานได้ดี
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ(AVG) 66,500 บาท/ตร.ม., 22 Nov 2016
- ทำเล 7.25/10 – อยู่ในย่านชานเมืองระหว่างกรุงเทพและสมุทรปราการ ความอุดมสมบูรณ์ช่วงสุขุมวิทตอนปลายยังไม่เยอะ แต่กำลังคลืบคลานมา
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ซอยแบริ่งเชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ มีทางด่วนด่านบางนาอยู่ไม่ไกล
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – 1 กิโลเมตรถึง BTS แบริ่งแต่โครงการมี Shuttle bus service ในซอยแบริ่งคึกคักยังมีพี่วิน แท๊กซี่ สองแถว
- วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางชิ้น พร้อมแอร์ ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า งานเรียบร้อยดี
- แบบ 7.5/10 – ห้องขนาดใหญ่กว่าคอนโดรอบข้าง มีแบบให้เลือกไม่เยอะ ไม่มี Studio type แบบ 1 ห้องนอนมีประตูเปิด-ปิดระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น ไม่ใช่แบบบานเลื่อนใส
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ครบ แต่ก็ขนาดกระทัดรัดตามขนาดสไตล์คอนโด Low Rise แต่ Facilities บางส่วนรวมทั้งสระว่ายน้ำอยู่ชั้น 8 ไม่เขินเพื่อนบ้านดี
- ECONOMY – MAIN CLASS
- 7.45 / 10.00
BOTTOM LINE
Attitude Bearing เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่อุดมสุข-ลาซาล-แบริ่งอยู่แล้ว มีรถใช้ส่วนตัวบ้าง ใช้รถสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโดยพึ่งพา Shuttle car service ของโครงการ อยู่ไกลจากสถานีแต่ได้ราคาสบายกระเป๋า มีงบประมาณประมาณ 1.8 – 3.9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 12,500 – 27,000 บาท