รีวิวฉบับที่ 1585 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ Atmoz Ladprao 15 คอนโด Low rise ในซอยลาดพร้าว 15 ใกล้ Big C Extra และ MRT ลาดพร้าว สามารถเดินทางโดยใช้ทางลัดไปยังลาดพร้าวซอย 1 พหลโยธิน 24 และรัชดาภิเษกข้างศาลอาญาได้  มีส่วนกลางให้ในทุกอาคารและสามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด ราคาเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านบาท  โครงการจะมีอะไรให้บ้าง เราไปชมกันเลยค่ะ

Fact @ 11 May 2018

  • Atmoz Ladprao 15  (แอทโมซ ลาดพร้าว 15)
  • บริษัท เอสเตท คิว จํากัด (AssetWise)
  • Main Class (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตจตุจักร
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 570 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 245 คันคิดเป็น 45% จอดรถ 1 ชั้น และ Automatic Parking 8 ชั้น (80คัน) ที่จอดรถยนต์ประมาณ 198 คัน คิดเป็น 34.6% จอดรถชั้น 1 และ Auto Parking 8 ชั้น 80 คัน Update 23/09/2020
  • ที่ดินประมาณ 4-0-15.1 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ปี 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2563
  • 1 Bedroom 25-26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท (ราคาโปรโมชัน)
  • 1 Bedroom Exclusive 27-28 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.44 ล้านบาท
  • 1 Bedrooms Plus 35-36 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.04 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท (ราคาโปรโมชัน)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด67,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ MRT ลาดพร้าว ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT ลาดร้าว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่  
  • โทร  : 02-168-000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Sale Office Gallery :  13.806611, 100.573111

พิกัดที่ตั้งโครงการ :  13.814441, 100.570212

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

ทำเลที่ตั้งของโครงการ Atmoz Ladprao 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก1 ห่างจากปากซอยลาดพร้าว 15 เข้าไปประมาณ 800 เมตร ที่ตั้งโครงการเมื่อดูจากแผนที่โครงการจะตั้งอยู่ระหว่างถนนลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน และถนนรัชดาภิเษก ข้อดีของทำเลนี้คือ ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีทางเลือกในการใช้เดินไปยังถนนลาดพร้าวเพื่อเชื่อมต่อไปยังบางกะปิก็ได้ ใช้ถนนพหลโยธินเพื่อไปยังรัชโยธินหรืออนุเสาวรีย์ และใช้ถนนรัชดาภิเษกเพื่อใช้เดินทางไปยังโซนรัชดาภิเษกฝั่งที่มุ่งหน้าไปยังพระราม9 ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงานและศูนย์การค้ามากมายก็ได้เช่นกัน ตัวเลือกที่มีหลากหลายนี้สามารถทำให้เราจัดสรรการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ในช่วงเวลาที่เร่งรีบหรือรถติดได้

การใช้เส้นทางลัดภายในซอยนั้น ซอยลาดพร้าว 15 สามารถเชื่อมต่อกับลาดพร้าวซอย 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Union mall และ MRT พหลโยธินได้ และยังสามารถใช้ทางลัดไปซอยออกไปยังถนนรัชดาภิเษกบริเวณข้างศาลอาญาได้ (ตรงซอยทางออกข้างศาลอาญา ถนนค่อนข้างแคบ แนะนำให้เดินทางโดยใช้วินมอเตอร์ไซค์) นอกจากนี้ ซอยลาดพร้าว1 สามารถเชื่อมไปยังซอยพหลโยธิน 24 เพื่อไปยัง Tesco Lotus ลาดพร้าว โรงเรียนหอวังหรือแยกรัชโยธินได้ ถนนภายในซอยนี้เป็นถนน 2 เลนที่รถสามารถขับสวนกันได้แต่เนื่องจากเส้นทางหักเลี้ยวเยอะ ควรระมัดระวังในการขับรถด้วยคะ

มาดูความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการกันบ้างดีกว่าค่ะ โครงการ Atmoz Ladprao 15 นั้น ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ซึ่งนับว่าเป็นทำเลลาดพร้าวตอนต้นนั้น มีความอุดมสมบูรณ์สำหรับการอยู่อาศัยทั้งด้านการเดินทางโดยใช้รถสาธารณะ มีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว รถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ ให้บริการอยู่บนถนนทั้ง 3 เส้น มีห้างสรรพสินค้าที่ใกล้กับโครงการเช่น Big C Extra ,Union Mall ,Central ลาดพร้าว ,Tesco Lotus ลาดพร้าว รวมไปถึง Gourmet Market ตรง MRT ลาดพร้าว ตั้งอยู่ในระยะไม่เกิน 3 กม. เป็นทำเลที่ใกล้กับสถานศึกษาอย่างโรงเรียนหอวัง ราชภัฏจันทรเกษม หรือไปยังมหาลัยเกษตรศาสตร์ และสถานที่ทำงานอย่างSCB Park ตึกช้าง ตึกSun Tower  การบินไทย รวมๆแล้วเป็นทำเลที่พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตเลยค่ะ

มาดูเส้นทางการเดินรถไฟฟ้ากันซักนิด แน่นอนว่าจุดเด่นของทำเลบนถนนลาดพร้าวตอนต้นนี้คือรถไฟฟ้า ณ ปัจจุบันรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการอยู่ที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จากโครงการเดินทางไปยัง MRT ลาดพร้าวทางออก3 ระยะทางประมาณ 1 กม. หรือเดินทางไปยัง สถานีพหลโยธินโดยผ่านลาดพร้าว ซอย1 ประมาณ 1.5 กม. เป็นระยะทางที่ไม่ไกล และสามารถเรียกวินมอเตอร์ไซค์หน้าโครงการได้เลย ข้อดีเรื่องรถไฟฟ้าของทำเลนี้คือ มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563นี้ มีสถานี 5 แยกลาดพร้าวเเละสถานีพหลโยธิน 24 ที่ใกล้กับตัวโครงการเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้า BTS ไม่ต้องเปลี่ยนจากขบวนที่จตุจักรอีกแล้ว นอกจากนั้นคือรถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ที่มีแผนว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปี 2563 เช่นกันจะมีสถานีต้นทางที่แยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ใกล้ MRT ลาดพร้าวนี้เองค่ะ เรียกได้ว่าทำเลนี้กำลังจะมีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคตค่ะ

การเดินทางในวันนี้ เราใช้ถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้ามาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าวบริเวณแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว จากนั้นตรงมาเรื่อยๆเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 15 ค่ะ สำหรับสำนักงานขายจะอยู่คนละที่กับตัวโครงการนะคะ โดยจะอยู่ที่สำนักงานให้เช่า MOVE AMAZE บริเวณซอยลาดพร้าว 21 การเดินทางไปยังตัวโครงการจะเจอกับอะไร มีจุดสังเกตอะไรบ้าง เราไปชมกันเลยค่ะ

จากเส้นรัชดาภิเษก ถ้าเรามาจากพระราม 9 ให้ลงอุโมงค์ข้ามห้วยขวางและสุทธิสารมาได้เลยค่ะ พอใกล้ถึงแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าวแล้ว เราชิดซ้ายนะคะ ไม่ต้องขึ้นสะพาน เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนลาดพร้าวได้เลย ตรงหัวมุมจะมีสวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดาตั้งอยู่ค่ะ

เลี้ยวซ้ายมา เราจะมุ่งหน้าไปยังห้าแยกลาดพร้าวเเล้ว ซ้ายมือของเราจะเป็นสวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดาและทางขวามือของเราจะเป็น อาคารจอดรถสถานี MRT ลาดพร้าว ตรงนี้ชั้นใต้ดินจะมี Gourmet Martket อยู่ค่ะ

บรรยากาศภายใน Gourmet Market ค่ะ  Gourmet market นี้เป็น supermarket ที่เราจะเจอตามห้างในเครือ The Mall Group แต่สาขานี้พิเศษคือเปิดที่ชั้นใต้ดินอาคารจอดรถ MRT สถานีลาดพร้าวเลย เวลาให้บริการก็ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม มีทั้งส่วนของ Supermarket ,Food court , ร้านขนมปัง, ร้านกาแฟ เหมาะสำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้า ก่อนไปเรียนหรือทำงานก็หาอะไรทานก่อนได้ หรือตอนเย็นก็ซื้อของใช้ของกินเข้ามาก็สะดวกเลยค่ะ

มาดูเส้นทางต่อนะคะ พอเข้ามาถนนลาดพร้าวเเล้ว เลยอาคารจอดรถ MRTลาดพร้าวมาประมาณ 150เมตรเราจะเจอ Sales Gallery ของโครงการ Atmoz Ladprao 15 ตั้งอยู่ริมถนนฝั่งเดียวกันกับอาคารจอดรถค่ะ

Sales Gallery นั้นจะตั้งอยู่ในตึก Move Amaze

มีป้าย Atmoz อยู่ค่ะ การเข้าชมโครงการสามารถจอดรถใต้ตึกได้ แต่ทางโครงการแนะนำให้จอดในซอยลาดพร้าว21 ค่ะ มีที่จอดรถให้บริการอยู่เช่นกัน

เลย Sales Galleryมาเราจะเจอกับเลนกลับรถอยู่ทางขวา เรามาอยู่เลนนี้เลยเพื่อเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 15 ทางเลี้ยวจะอยู่หลังสะพานลอยนี้เองค่ะ

เราสามารถเลี้ยวขวาเข้าซอยลาดพร้าว15 ได้เลย แต่แยกนี้ไม่มีสัญญาณไฟนะคะ ช่วงที่รถติดอาจลำบากหน่อย เราเลยไปกลับรถข้างหน้าก็ได้ค่ะ ทางกลับรถอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 550 เมตร

ปากซอยลาดพร้าว 15 มีร้าน The Fat Cow ตั้งอยู่ค่ะ ขาย Craft Beer ด้วย

ตรงเข้ามาให้เราเบี่ยงซ้ายไป ลาดพร้าว 15 แยก1ค่ะ สำหรับคนที่ต้องการเรียกวินมอเตอร์ไซค์ต้องเดินเข้าซอยมานิดนึงตรงแยกนี้ ระยะทางประมาณ 50 เมตรค่ะ

เลี้ยวมาก็ตรงอย่างเดียวเลย เส้นนี้จะคึกคักหน่อย เพราะสามารถใช้ทะลุเข้าทางด้านหลังของ Big C Extra ได้เลย จากโครงการมายัง Big C มีระยะทางประมาณ 450 เมตร สามารถเดินได้ค่ะ แนะนำสำหรับคนที่ใช้รถเมล์มุ่งหน้าไปยังบางกะปิ หน้า Big C มีป้ายรถเมล์ให้บริการอยู่ สามารถเดินเพลินๆได้อยู่ค่ะ

บรรยากาศภายใน Big C Extra มีทั้งส่วนที่เป็น Supermarket , Food Court , HomePro, Office Mate ร้านหนังสือ ธนาคารให้บริการค่ะ

เลย Big C มาจะเจอเเยกที่ไปยังสำนักงาน RSหรือสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ค่ะ จะเจอมอเตอร์ไซค์เข้าออกตลอดเวลา ทำให้ซอยไม่เปลี่ยวและมีร้านอาหารข้างทางพอสมควรค่ะ

เราตรงมาจนสุดจะเจอโครงการตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ เลี้ยวเข้าไปเลย

โครงการตั้งอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ตามแนวรั้วนี้เลย

จากเส้นทางที่ผ่านมา มีร้านอาหารอยู่ข้างทางค่ะ เช่นร้านส้มตำ (ซ้ายบนใกล้โครงการที่สุด) ร้านอาหารเวียดนาม (ขวาบน) ร้านก๊วยเตี๋ยว(ซ้ายล่าง) ร้านอาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยว (ขวาล่าง ร้านอยู่หลังBig C) ร้านทั้งหมดนี้อยู่ในระยะที่สามารถเดินถึงได้ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

มาดูสภาพเเวดล้อมรอบๆโครงการกันบ้างค่ะ โครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 ซึ่งเป็นซอยตัน บรรยากาศจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว พื้นที่รอบๆโครงการส่วนมากเป็นบ้านพักอาศัย 2-3ชั้น ภายในซอยส่วนมากก็เป็นที่พักอาศัย2-3 ชั้นเช่นกันค่ะ ยกเว้นแปลงหัวมุมฝั่งตรงข้ามโครงการที่เป็นสำนักงานให้เช่ารถ จึงมีรถเข้า-ออกเป็นประจำค่ะ การที่บริเวณรอบๆโครงการเป็นบ้านพักอาศัยที่ไม่สูงมากนั้น  แต่ละด้านของโครงการจะติดกับ

  • ทิศเหนือ  – ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
  • ทิศใต้ – ติดกับถนนลาดพร้าว 15 แยก 1-10 สำนักงาน และบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – ติดกับบ้านพักอาศัยเเละสำนักงาน
  • ทิศตะวันตก – ติดกับถนนเข้า-ออกบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น

ทิศเหนือ มองเข้าไปจากโครงการ อาคารข้างเคียงส่วนมากเป็นที่พักอาศัย 2 ชั้นค่ะ

ทิศใต้ ติดกับถนนลาดพร้าว 15 แยก 1-10 ซึ่งใช้เป็นถนนทางเข้าหลักของโครงการ ซอยนี้เป็นซอยตัน ทางฝั่งขวาจะเห็นว่ามีรถมาจอดเรียงกันอยู่เนื่องจากฝั่งตรงข้ามเป็นสำนักงานให้เช่ารถนั่นเอง

ทิศใต้ ส่วนมากเป็นบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้นค่ะ

ทิศใต้ฝั่งอาคาร C ติดบ้านพักอาศัย 3 ชั้น

ทิศตะวันตก ติดกับถนนทางเข้าบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้นค่ะ มีต้นไม้ใหญ่ตรงมุมดูร่มรื่นค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ 

  • BigC Extra 600 m.
  • สวนลุมไนท์บาซาร์ ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว 1.4 km.
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น 1.8 km.
  • ยูเนี่ยนมอลล์ 2 km.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว 2.5 km.
  • โรงเรียนหอวัง 2.5 km.
  • ศาลอาญา 2.6 km.
  • อาคารซัน ทาวเวอร์ 3 km.
  • Major รัชโยธิน 3 km.
  • การบินไทย 3.1 km.
  • บางกอก แอร์เวย์ 3.4km.
  • ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ SCB Park 3.5 km.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 3.6 km.
  • ตึกช้าง 4.2 km.
  • กรมส่งเสริมการส่งออก 4.4 km.
  • ตลาดนัดสวนจัตุจักร 4.4 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

Atmoz Ladprao 15 เป็นคอนโด Low rise สูง 8 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 570 units แบ่งเป็น 3 อาคาร Tower A เป็นอาคารรูปตัว I วางขนานไปกับถนนทางเข้า ข้อดีของการวางผังนี้คือได้วิวรอบๆ ทำให้รับลมได้เต็มที่ ห้องฝั่งทิศใต้อาจได้รับความร้อนช่วงบ่ายๆหน่อยแต่สำหรับคนที่ไปเรียนหรือไปทำงานในช่วงกลางวันเรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหามากนัก Tower A นี้จะมีที่จอดรถอยู่ชั้นล่างและเป็นอาคารที่มี Autoparking รองรับ มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมหรือจัด party มีห้องดูหนังและเกมส์ตั้งบนชั้น 8 เรียกพื้นที่โซนนี้ได้ว่าเป็น Activity Area

มาต่อที่ Tower B และ Tower C ทั้งสองอาคารนี้เป็นอาคารรูปตัว L เมื่อวางประกบกันเเล้วจะเกิด Court ตรงกลาง พื้นที่ตรงนี้ถูกจัดเป็นสวนหย่อมเเละสระว่ายน้ำ ห้องด้านในที่ติดกับ Court จะได้รับวิวคือสวนนี้ แต่ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวเล็กน้อยเรื่องการมองเห็น เพราะห้องทางฝั่งตรงข้ามจะสามารถมองเข้ามายังห้องเราได้เช่นกัน ตัวTower B ที่อยู่ตรงกลางจะเป็นจุด Drop off รถ และมี Lobby ใหญ่อยู่ตรงกลาง และเป็นอาคาที่มีสระว่ายน้ำและสวนบนชั้นดาดฟ้า พื้นที่สวนบนดาดฟ้าเรียกว่าเป็น Passive Area ในส่วนของอาคาร C จะเป็นอาคารที่มี Fitness และ GYM มวยอยู่บนชั้น8 เรียกว่า Active Area และสำหรับพื้นที่จอดรถสำหรับผู้พักอาศัยที่ 2 อาคารนี้มีเฉพาะชั้น 1เท่านั้น ต้องใช้ร่วมกัน ค่ะ 

ทั้ง 3 อาคารถูกเชื่อมต่อกันที่ชั้น 8 โดยมีสะพานเชื่อมต่อกันทั้งหมด โดยตำแหน่งของสะพานเชื่อมนี้จะอยู่บริเวณด้านบนซุ้มประตูทางเข้าของโครงการที่บริเวณชั้น 8 ทำให้ทุกอาคารสามารถใช้งานพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดได้ โดยใช้สะพานนี้เดินเชื่อมหรือจะใช้ลิฟต์ของเเต่ละอาคาร ตรงขึ้นมาที่ชั้น 8ได้เลย ลิฟต์ที่นี่เป็นแบบล็อคชั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าคนที่อยู่อาคารอื่นๆจะเข้ามายังอาคารของเราได้ค่ะ โดยรวมถือว่าเป็นโครงการที่มีส่วนกลางให้เยอะมากและมีหลากหลายรูปแบบเพื่อการใช้งานเลยทีเดียว

ภาพโมเดลบริเวณทางเข้าโครงการ ทางเข้า-ออกจะอยู่ตรง Tower B มีไม้กระดกกั้นตรงทางเข้า-ออกพร้อมป้อมรปภ.  ถ้าขับรถเข้ามาสามารถจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดยัง Tower A ได้ หรือ วนขวามายังส่วน Drop-off และวนออกนอกโครงการ และจากบริเวณทางเข้าอาคาร มองตรงเข้าไปจะเป็นพื้นที่จอดรถอยู่ใต้  Tower B และ Tower C ด้านบนจะเห็นสะพานเชื่อมระหว่าง 3 อาคารบนชั้น 8 สามารถเดินจาก Activity Area บน Tower A มายัง Active Area บน Tower C และเดินขึ้นไปยังสวนเเละสระว่ายน้ำบน Roof Top ของ Tower Bได้ตรงสะพานนี้ค่ะ

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ LOBBY ของ Tower A ถูกออกแบบให้มี Double Space มีความสูงเท่ากับ 2 ชั้น ทำให้พื้นที่โถงดูโปร่งโล่งค่ะ

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ LOBBY Tower B เป็นแบบฝ้าเพดานสูงเช่นกัน อาคารนี้จะมี Lobby ที่มีขนาดใหญ่หน่อย

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ LOBBY  Tower B พื้นที่บริเวณนี้ถูกออกแบบให้มี Double Space เช่นกัน เป็น Lobby ที่ใหญ่ที่สุดของทั้งโครงการ เชื่อมต่อจาก Drop-off มีโซนห้องสมุดไว้นั่งอ่านหนังสือ ติวหนังสือ สามารถเห็นวิวและเดินไปยัง Court yard ตรงกลางได้ด้วยค่ะ

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ LOBBY  Tower C ยังคงถูกออกแบบให้มี Double Space เช่นกันค่ะ

ต่อเนื่องจาก Lobby ของTower B และTower C เข้ามายัง Courtyard ตรงกลางกันนะคะ ตรงนี้จะถูกเรียกว่า Serenity Courtyard พื้นที่ตรงนี้จะถูกจัดให้มีสระว่ายน้ำ สวนหย่อม และพื้นที่นั่งเล่น outdoor

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ Serenity Courtyard มี Lobby Double Space ที่เชื่อมไปยังสวนเเละสระว่ายน้ำ ให้บรรยากาศเหมือนโรงเเรมเลยค่ะ

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ Serenity Courtyard มีพื้นที่นั่งเล่น นอนเล่นได้ ข้อดีของ Court ที่มีอาคารสูงล้อมรอบนั้น ทำให้เกิดเงาไว้บังแดดตามมุมต่างๆตลอดวันค่ะ ทำให้พื้นที่ Outdoor สามารถใช้ได้จริง พื้นหญ้าและน้ำ ก็จะช่วยลดความร้อนจากเเดดที่สะท้อนบนพื้นคอนกรีตในเวลากลางวันได้ด้วยค่ะ

มาดู Activity Area ของ Tower A กันบ้างนะคะ พื้นที่นี้จะอยู่บนชั้น 8 ประกอบไปด้วย Co-living Lounge ที่มี Pantry มาให้ สามารถใช้ประกอบอาหารได้จริง หรือสามารถมาจัด Party ตรงบริเวณนี้ก็ได้ มี Cinema Lounge และ Games Room เป็นห้องไว้ให้ และมีพื้นที่สำหรับ Co-working Space สำหรับทำงานให้ด้วยค่ะ

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ Co-living Lounge ค่ะ โซนนี้ทางโครงการเตรียม Pantry มาให้ ถ้าครัวภายในห้องมีขนาดไม่เพียงพอก็สามารถขึ้นมาประกอบอาหาร หรือ จัดปาร์ตี้ได้

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ Co-living Lounge พื้นที่ส่วนนี้เชื่อมต่อไปยังสวนOutdoor ได้ด้วยค่ะ

ต่อที่ Tower B กันบ้าง พื้นที่ส่วนกลางของอาคารนี้จะอยู่ที่ Roof Top ค่ะ เข้าถึงได้โดยใช้ลิฟต์จากทุกอาคาร ตรงมายังชั้น 8 และเดินขึ้นบันไดไป ซึ่งจะประกอบด้วยสระว่ายน้ำและสวนหย่อม ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะไม่ค่อยเห็นคอนโด Low Rise ยกสระว่ายน้ำมาอยู่ด้านบนกันนะ

ถัดจากสระว่ายน้ำมาจะเป็น สวนไว้ให้เดินเล่นออกกำลังกาย มี Yoga Deck ให้เล่นโยคะด้วยค่ะ

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ Roof Top Area สระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้านี้มีขนาด 8×23 เมตร ลึก 1.2 เมตรในสระจะมี Aqua Bike ไว้ให้บริการด้วย ส่วนรอบๆสระมีการจัดสวนและปลูกต้นไม้เพื่อความร่มรื่นค่ะ

ภาพและบรรยากาศจำลองบริเวณ Roof Top Area และ Serenity Courtyard อีกมุม

ถัดมา Tower C ชั้น 8 จะเป็น Zone Active Area คือจะเป็นห้อง Fitness , Boxing Corner ไว้สำหรับออกกำลังกายต่างๆ มีห้องอาบน้ำและ Locker ไว้ให้บริการด้วยค่ะ

มาดูผังพื้นสรุปอีกครั้งกันนะคะ จากผังชั้น 1 จะมีทางเข้าเเละ Drop-off ตรงTower B มีที่จอดรถอยู่ชั้นล่าง สำหรับพื้นที่จอดรถ Tower A เลี้ยวซ้ายจากทางเข้าได้เลย แต่สำหรับ Tower Bและ Tower C ต้องตรงไปจากทางเข้าเเละวนขวาเพื่อไปยังที่จอดรถใต้อาคารเเทน โดยโครงการมีAuto Parking มาให้ที่ Tower A จำนวน 80 คัน  ทุกอาคารสามารถจอดได้ แต่คนที่อยู่ Tower B และ C จะเดินไกลหน่อย

ทุกอาคารจะมี Lobby มาให้ ซึ่งออกแบบให้มี Double Space ทำให้ดูโล่ง โปร่ง ที่ Tower A ใกล้ Drop-off มีพื้นที่เตรียมไว้ให้สำหรับร้านค้าจำนวน 2 ห้อง ที่ Tower B Lobby จะมีความพิเศษที่ใหญ่และมีห้องสมุดห้องอ่านหนังสือด้วย ส่วนTower C ชั้นล่างจะมีห้อง Laundry ให้ด้วยค่ะ  ทั้ง Tower B และ Tower C จะมี Serenity Court อยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร มีสระว่ายน้ำ สวน พื้นที่นั่งเล่นไว้ให้บริเวณนี้ค่ะ  ทุกอาคารมีลิฟต์ให้อาคารละ 2 ตัว และสามารถเข้าไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลางต่างๆได้ทุกอาคารค่ะ

ชั้น 2 ขึ้นไปจะเริ่มเป็นพื้นที่พักอาศัยค่ะ โดยการวางผังห้องพักนั้นส่วนใหญ่จะเอาห้องขนาดเล็ก (One Bedroom  ขนาด 25.02-17.12 ตร.ม.) เอาไว้ตรงกลาง  ส่วนห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา (One Bedroom Exclusive ขนาด 29.21-29.12 ตร.ม. และ One Bedroom Plus ขนาด 35.44-36.56 ตร.ม.) จะวางอยู่บริเวณหัวมุมของอาคารและวางอยู่ฝั่งด้านในของอาคาร B และ อาคาร C ชั้นนี้จะมียูนิตน้อยกว่าชั้น 3-7 เนื่องจากมีบางส่วนถูกใช้เป็นพื้นที่ Double Space ของ Lobby ชั้นล่าง ลิฟต์มีจำนวน 2 ตัวต่ออาคาร มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการเท่ากับ 95 : 1 ซึ่งก็ไม่ได้หนาแน่นเท่าไหร่

ชั้น 3-7 เป็นพื้นที่ห้องพักอาศัยเช่นกัน ผังคล้ายๆกับชั้น 2 แต่มีจำนวนห้องมากกว่า

ชั้น 8 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับห้องพักอาศัยเเละพื้นที่ส่วนกลาง Tower A มี Co-living Lounge , Cinema Lounge, Games Room และ Co-working Space ให้ รวมๆเรียก Activity Area Tower B จะเป็นที่สำหรับงานระบบ เเต่มีบันได้สำหรับเดินขึ้นไปยัง Roof Top ได้ค่ะ และ Tower C จะเป็น Active Area สำหรับออกกำลังกาย มีFitness , Boxing Corner ,Locker และห้องน้ำไว้ให้บริการด้วยค่ะ

เเละสุดท้าย Roof Topจะอยู่ตรง Tower มีSwimming Pool , Yoga deck และสวนสามารถเดินเล่นพักผ่อนบริเวณนี้ได้ค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ลิฟท์รวมทั้งโครงการ 6 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 245 คันคิดเป็น 45%

Tower A

  • Double Ceiling Lobby
  • Foyer Parking
  • Co – Working Space
  • Co-Living Lounge (& Pantry)
  • Cinema Lounge
  • Game Room (VR)
  • Party Zone
  • Unwind Space Area

Tower B

  • Sky Water Club
  • Panoramic Sky Pool (Rooftop) ขนาด 8×23 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • Aqua Bike
  • Yoga Deck
  • Barefoot Garden
  • Serenity Courtyard (Ground Floor)
  • Double Ceiling Lobby & Library
  • Drop off

Tower C

  • Reflective Oasis Pool (Ground Floor) ขนาด 19.5×9.65 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • Passive & Active Fitness
  • Boxing Corner
  • Multi-Function Room
  • Double Ceiling Lobby
  • Laundry Corner

Service & Security

  • Shuttle Service
  • 24 Hours Security Guard
  • CCTV
  • Access Card Control

รายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆ สอบถามข้อมูลได้จากทางนิติบุคคลของทางโครงการค่ะ


Product Walkthrough

โครงการ Atmoz Ladprao 15 จะมีห้องให้เลือกอยู่ทั้งหมด 3 แบบ คือ

  • One Bedroom  ขนาด 25.02-27.12 ตร.ม.
  • One Bedroom Exclusive ขนาด 29.21-29.12 ตร.ม.
  • One Bedroom Plus ขนาด 35.44-36.56 ตร.ม.

ห้องภายในโครงการ Atmoz Ladprao 15 จะขายแบบ Fully Furnished ค่ะ มีเฟอร์นิเจอร์ได้แก่ โซฟา เตียง ตู้เสื้อผ้า ครัว ชั้นวางทีวี และสุขภัณฑ์ให้ครบเลย วันนี้เรามีห้องตัวอย่างมาให้ชม 2 แบบด้วยกัน เป็นแบบ One Bedroom และ One Bedroom Plus ค่ะ

เริ่มที่แบบ One Bedroom กันนะคะ แบบ Type นี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 299 units เป็นห้องแนวลึก เมื่อเข้าไปจะเจอพื้นที่ครัวอยู่ฝั่งนึง และอีกฝั่งนึงเป็นห้องน้ำ ครัวเป็นแบบครัวเปิดเหมาะกับการซื้ออาหารมาทานในห้องหรือทำอาหารแบบง่ายๆ ห้องนี้มีพื้นที่วางโซฟาสำหรับดูทีวีได้ นั่งได้ประมาณ 2 คน แต่ไม่มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าว ต้องไปทานข้าวตรงโซฟาแทนนะคะ ถัดไปเป็นส่วนของห้องนอน สามารถวางเตียงขนาด 5′ ได้ มีพื้นที่ข้างเตียงสามารถวาง Sofa Bed หรือชั้นวางของเตี้ยๆได้ ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้าและมีระเบียงขนาด 1.475 x 0.90 มาให้ใช้งานค่ะ เครื่องซักผ้าและ Condensing Unit ของแอร์ก็ต้องวางบริเวณนี้ เป็นระเบียงที่เอาไว้ใช้ซักล้างมากกว่า

สรุป Furniture List ของห้อง One Bedroom ค่ะ

ประตูห้องนอนเป็นประตูบานเปิด ไม้กรุผิวด้วยลามิเนต ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ครบ ประตูนี้จะให้เหมือนกันทั้งโครงการเลยนะคะ

มือจับประตูมีทั้ง ลูกบิดก้านโยก และ Digital Door Lock ของYale ตามภาพค่ะ ซึ่ง  Digital Door Lock การเข้าออกห้องสามารถทำได้ 3 วิธีคือ Password, Key Card และ Wristband

พอเข้ามาในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวอยู่ซ้ายมือค่ะ และประตูห้องน้ำทางขวามือ ถัดไปด้านหลังเป็นพื้นที่นั่งเล่นและนอนพักผ่อนค่ะ พื้นของห้องเป็น Smart ไวนิล หรือกระเบื้องยางลายไม้นั่นเอง ข้อดีของกระเบื้องยางไวนิลนั้นคือมีความคงทนมากกว่าลามิเนต มีคุณสมบัติในการกันน้ำและรอยขีดข่วนต่างๆ การปูพื้นด้วยกระเบื้องชนิดนี้จะทำได้ยากกว่าเพราะต้องทำการฉาบพื้นคอนกรีตด้านล่างให้เรียบจริงๆไม่งั้นจะปูไม่ได้เลย แต่ข้อด้อยของมันคือได้สัมผัสที่ใกล้เคียงไม้น้อยกว่าหน่อยนึง

ชุดครัวนี้ทางโครงการ Built-in มาให้ กว้างประมาณ 1.40 ม. หน้าตาแบบนี้ วัสดุเป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต Top เคาน์เตอร์เป็นลามิเนตสีขาว ด้านหลังเคาน์เตอร์มีกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีมมาให้ ชั้นวางของสามารถวางอุปกรณ์ทำครัวต่างๆได้ค่ะ

มีเครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า 2 หัวและอ่างล้างจานของ MEX ให้พร้อมค่ะ

หันกลับมาที่ห้องน้ำ บริเวณสวิทช์ไฟจะมีแผง Thermostat หรือ แผงควบคุมอุณหภูมิห้อง แถมมาให้การทำงานของแผงนี้จะเชื่อมต่อกับพัดลมดูดอากาศในห้องน้ำ เป็นระบบที่เราสามารถตั้งว่า ถ้าสมมติในห้องน้ำเรามีอุณหภูมิถึงกี่องศา พัดลมดูดอากาศก็จะทำงานเองโดยอัตโนมัติจนกว่าอุณหภูมิจะลดลงเหลือตามที่เราตั้งไว้

ห้องน้ำจะถูกแบ่งส่วนเปียกและส่วนแห้งจากกัน พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคตามภาพเลยค่ะ

ภายในห้องและห้องน้ำจะอยู่ที่ระดับเดียวกัน มีก่อขอบพื้นยกขึ้นมาเพื่อกันน้ำไหลย้อนค่ะ

ใต้อ่างล้างหน้าทำเป็นตู้มาให้เก็บของและมีกระจกเงาติดตั้งมาให้ตามภาพค่ะ

ตู้เก็บของใต้อ่างเป็นบานเปิดคู่ค่ะ สามารถเก็บของใช้เล็กๆน้อยๆได้ อ่างล้างหน้าได้เป็นของ COTTO

โถสุขภัณฑ์ใช้ของ COTTO เช่นกัน มีที่วางทิชชู่และสายชำระมาให้

ผนังข้างๆ โถสุขภัณฑ์ มี Rescue Alarm เป็นปุ่มกดเพื่อส่งสัญญาณฉุกเฉินในห้องน้ำ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเมื่อกดปุ่ม เสียงจะดัง ทำให้ห้องข้างๆรู้ได้ว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในห้องนี้ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้น เป็นบานเลื่อน 3 ตอน

ภายในห้องอาบน้ำฝั่งนึงเป็นฝักบัวอาบน้ำ อีกฝั่งเจาะผนังเข้าไปสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ค่ะ

ฝักบัวได้ตามมาตรฐานและมีก๊อกน้ำสำหรับซักล้างไว้ให้ด้วยค่ะ ซึ่งสะดวกมากๆนะสำหรับใครที่จะซักผ้า

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น มีระยะดูทีวีประมาณ 3 เมตร

พื้นที่ตรงส่วนนี้มี Bluetooth Sound System เป็นระบบลำโพงที่เชื่อมต่อสัญญาณด้วย Bluetooth พร้อมลำโพงติดตั้งไว้ให้ สามารถเชื่อมต่อโดยใช้ Bluetooth หรือ USB ก็ได้คะ โดยลำโพงจะติดให้ 2 จุดคือ ห้องนั่งเล่นและห้องนอน

พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางโซฟา 2 ที่นั่งและวางโต๊ะกาแฟได้ แต่สิ่งที่โครงการให้มาจะไม่ใช่ชุดนี้นะคะ

จะได้โซฟาหน้าตาแบบนี้ขนาดประมาณ 1.60 x 0.80 ม.

Coffee Table ที่เราจะได้หน้าตาแบบนี้ค่ะ ขนาด 45×60 ซม.

ฝั่งตรงข้ามจะมี Built-in ชั้นวางโทรทัศน์ไว้ให้แบบนี้ ทั้งชั้นด้านล่างและด้านบนโดยชั้นวางจะกว้างประมาณ 1.30 ม. ค่ะ

ด้านล่างตู้วางโทรทัศน์ พอเปิดออกมาจะมีที่วางรองเท้ามาเพิ่มให้ด้วยค่ะ

ถัดมาจากพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นห้องนอน มีประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน กรอบบานอลูมิเนียมสีดำไว้เลื่อน ปิด-เปิดพื้นที่ส่วนนี้ไว้ เช่นในกรณีที่เเขกมาบ้านเเล้วเราไม่อยากให้เข้าไปวุ่นวายในห้องนอนก็สามารถปิดประตูนี้ หรือเราอาจติดม่านกั้นไว้อีกชั้นก็ได้ค่ะ การที่เรากั้นพื้นที่เป็นส่วนๆข้อดีก็คือเวลาเราเปิดแอร์ใช้งาน ความเย็นจะกระจายตัวได้เร็วขึ้นค่ะ

ห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5’ได้  แต่ไม่มีฟูกให้นะคะ

ปลายเตียงข้างๆมี LED Lighting Motion Sensor มาให้ เอาไว้ใช้สำหรับกลางดึก เราลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เมื่อผ่าน Sensor จะมีไฟติดบริเวณนี้ เอาไว้ดูทางเล็กๆน้อยๆได้ค่ะ

เตียงจะวางค่อนข้างชิดกระจกฝั่งบานเลื่อน ทำให้ไม่เหลือพื้นที่ข้างเตียงฝั่งนี้ ส่วนอีกฝั่งสามารถวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ เอาไว้วางโทรศัพท์มือถือ หรือหนังสืออ่านเล่นก่อนนอน

ส่วนปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือ 60-80 ซม. เดินได้สะดวกค่ะ

ปลายเตียงจะมีตู้เสื้อผ้า แอร์ และชั้นวางของได้ หรือเราจะวางเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องเเป้งก็ได้เช่นกันค่ะ

สิ่งที่ให้มาพร้อมกับห้องนอกจากเฟอร์นิเจอร์ก็คือแอร์ค่ะ

ตู้เสื้อผ้านี้ทางโครงการก็ Built-in มาให้ โดยความกว้างจะอยู่ที่ประมาณ 95 ซม. ภายในตู้เสื้อผ้ามีราวเเขวนบนเเละล่าง วางกระเป๋าหรือผ้าพับไว้ตามช่องก็ได้ค่ะ

ข้างๆเตียงมีพื้นที่ลึกเข้าไป พื้นที่ตรงนี้ในห้องตัวอย่างจะมีทำกรอบเพิ่ม แต่ในห้องมาตรฐานจะไม่มีนะคะ สามารถวาง Sofa Bed ได้ หรือจะทำเป็นชั้นวางของเล็กๆได้ค่ะ ส่วนหน้าต่างที่ให้จะเป็นชุดหน้าต่างที่มีบานกระทุ้ง เอาไว้เปิดระบายอากาศได้ค่ะ และบานติดตายให้เเสงเข้ามาในห้องเเละรับวิวได้

ข้างๆตู้เสื้อผ้าจะเป็นทางออกไปที่ระเบียง กั้นด้วยประตูบานเลื่อนอลูมิเนียม 3 ตอน

ประตูบานเลื่อนทางออกไปที่ระเบียงเป็น 3 ตอน กรอบบานอลุมิเนียมสีดำ บานกระจกใส เมื่อเปิดสุดประตูจะกว้างประมาณ  60 ซม. สามารถเดินเข้า-ออกได้สะดวก มีก่อธรณียกสูงเพื่อกันน้ำเข้าห้องเวลาเราซักล้างหรือฝนตกค่ะ

ขนาดระเบียงจะอยู่ที่ประมาณ 1.475 x 0.90ม. ราวกันตกสูงประมาณ 1.00 ม.

ตรงระเบียงด้านบนมีพื้นที่สำหรับแขวน Condensing Unit ได้ โดยแขวนแบบเป่าลมร้อนออกด้านนอกห้อง เวลามาใช้งานตรงระเบียงเราจะไม่โดนลมร้อน และมีระแนงบังตาด้านนอก ส่วนด้านล่างมีงานระบบเตรียมไว้ให้เผื่อติดตั้งเครื่องซักผ้า

ห้องตัวอย่างอีกห้องนึงที่พาไปชมจะเป็นแบบ One Bedroom Plus ค่ะ ห้อง Type นี้จะมีขนาดระหว่าง 35.44-36.56 ตร.ม. ทั้งโครงการมีอยู่ 121 Units ห้องนี้จะมีการแบ่งแยกพื้นที่ต่างๆชัดเจน มีการกั้นห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน สามารถวางโต๊ะทานข้าวได้ 2 ที่นั่ง มีครัวปิดกั้นเป็นสัดส่วนเอาไว้ประกอบอาหารหนักๆได้ และมีห้องอเนกประสงค์ เพิ่มขึ้นมาอีกห้องที่เราสามารถดัดเเปลงเป็นพื้นที่ใช้สอยอื่นๆได้เช่นห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องแต่งตัวก็ได้ค่ะ

สรุป Furniture List สำหรับห้องแบบ One Bedroom Plus ค่ะ

เมื่อเข้ามาในห้องเราจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปจะเป็นห้องนอน ซึ่งมีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ ทำให้เเสงเข้ามาถึงพื้นที่ส่วนนั่งเล่น ไม่ต้องเปิดไปในเวลากลางวันก็ได้ค่ะ ส่วนซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำอยู่ติดกับประตูทางเข้า ห้องครัว และ ห้องนอนอเนกประสงค์จะอยู่ถัดไปค่ะ

เมื่อเข้ามาในห้องมองไปยังทางขวามือ จะมีชั้นวางของ โซฟา และชุดโต๊ะ-เก้าอี้สำหรับทานอาหารให้  ตัวโซฟาจะได้เหมือนห้อง One Bedroom นะคะ

ตัวชั้นวางของมีความกว้างอยู่ที่ 50 ซม. สามารถวางรองเท้าไว้ด้านล่าง ทำให้ไม่มีฝุ่นเลอะเทอะห้อง และห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นค่ะ

ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็น Built-in ชั้นวางทีวี เราได้หน้าตาเเบบนี้เลยเปิดออกมาเก็บของ+เก็บรองเท้าได้แบบห้องก่อนหน้า ความกว้างของชั้นจะอยู่ที่ 1.20 ม. จากภาพทางซ้ายมือจะเป็นประตูเข้าห้องน้ำ และทางขวามือจะเป็นประตูเข้าห้องครัว หน้าห้องน้ำมี Thermostat ติดตั้งไว้ให้เช่นกัน ส่วนผนังด้านบนมีติดตั้งแอร์มาให้

ตัวห้องน้ำจะเเบ่งส่วนแห้งเเละส่วนเปียกออกจากกัน กั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำ โดยสุขภัณฑ์และวัสดุจะให้เหมือนกันทั้งโครงการ คือพื้นผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิค สุขภัณฑ์ COTTO

ก่อธรณีพื้นขึ้นมาแยกพื้นที่ เเละกันน้ำจากห้องน้ำย้อนเข้าส่วนนั่งเล่นค่ะ

อ่างล้างหน้าและกระจกเงาเช่นเดิมค่ะ

ด้านล่างอ่างมี Built-in ชั้นวางของเปิดได้

โถสุขภัณฑ์จาก Cotto และมี Rescue Alarm มาให้เช่นกันค่ะ

ฉากกั้นพื้นที่อาบน้ำเปิดบานเปิด 3 ตอน

พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.00 x 0.90 ซม. เวลาใช้งานหมุนตัว-หยิบจับได้สะดวก

ชุดฝักบัวเหมือนเดิมและมีเจาะช่องผนังด้านหลังสำหรับวางของใช้อาบน้ำได้ค่ะ

ถัดเข้ามาเราจะเจอกับห้องนอนโดยมีพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ด้านหน้าทางซ้าย และประตูเข้าพื้นที่ส่วนครัวเเละห้องนอน Plus ทางขวา

พื้นที่รับประทานอาหารสามารถจัดวางโต๊ะทานอาหารได้ 2 ที่นั่ง เฟอร์นิเจอร์ชุดนี้ทางโครงการจะมีให้แต่หน้าตาจะไม่ได้เป็นแบบนี้นะ ส่วนชั้นวางของด้านหลังทานโครงการไม่ได้ Built-in มาให้นะคะ เราสามารถดูเป็นไอเดียตกแต่งเพิ่มเติมได้

ชุดโต๊ะทานข้าวเราได้หน้าตาแบบนี้ค่ะ

ถัดมาจะเป็นทางเข้าครัว โดยประตูครัวจะเป็นบานเลื่อน ซ่อนเข้าไปในผนัง การที่มีประตูกั้นส่วนครัวออกจากส่วนอื่นๆนี้ทำให้กลิ่นจากการทำอาหารหรือควันไม่ไหลเข้ามาในห้องอื่นค่ะ กลิ่นเเละควันเมื่อติดเฟอร์นิเจอร์อื่นๆจะทำความสะอาดยาก

ภายในครัวจัดเป็นรูปตัว L เราสามารถวางตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า และเครื่องซักผ้าได้ในห้องนี้ค่ะ

ชุดครัว Built-in จะได้ตามภาพเลยค่ะวัสดุก็เหมือนห้อง One Bedroom เลย ด้านหลังเคาน์เตอร์มีกระเบื้องเเกรนิตโต้สีครีมให้ ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นและเครื่องซักผ้าทางโครงการไม่ได้มีให้นะคะ

เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า และอ่างล้างจานได้เหมือนในรูปเลย

กลับมาที่ห้องนอนกันบ้าง ตัวห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนเอาไว้กั้นเเยกสัดส่วนออกจากพื้นที่อื่นๆค่ะ

ห้องนี้ก็จะได้เตียง 5′ เช่นกัน การจัดวางคือวางเข้ามุมเลย

ปลายเตียงมี LED Sensor ให้เหมือนกันค่ะ

ฐานเตียงข้างด้านสามารถดึงออกมาเป็นลิ้นชัก สำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆได้

เมื่อวางเตียงชิดหน้าต่างเเล้ว พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งเอาไว้วางตู้เสื้อผ้า สำหรับตู้เสื้อผ้าโครงการจะ Built-in ให้เป็นบานเปิด กว้างประมาณ 90 ซม.

ข้างเตียงทางฝั่งขวาเหลือพื้นที่ประมาณ 1 เมตร โดยทางโครงการวางเป็นตู้เสื้อผ้ากว้างประมาณ 90 ซม.มาให้

ปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 80 ซม. สามารถติดTV แบบแขวนหรือชั้นวางลึกประมาณ 30 ซม.ได้ ถึงจะมีที่ว่างสามารถเดินผ่านได้สะดวก ถ้าจะติดตั้งทีวีแนะนำให้แขวนเอาจะสะดวกและประหยัดพื้นที่กว่าค่ะ

สุดท้ายเป็นห้องนอน Plus ค่ะ พื้นที่ตรงนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดเป็น Walk-in closet ได้ หรือเป็นห้องทำงานก็ได้ค่ะ ห้องนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียงทำให้เรารู้สึกโปร่งจากแสงธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องขนาดเล็กหน่อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดค่ะ

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่โครงการมีให้ในห้องนี้จะเป็นเตียงขนาด 3′

และมี Built-in ชุด Cabinet และราวแขวนเสื้อให้มาค่ะ โดยหน้าตาของชั้นจะหน้าตาแบบนี้มีราวเเขวนด้านล่างเอาไว้เเขวนเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆได้ค่ะ

พอวางเตียงตามห้องตัวอย่างแล้ว ปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือประมาณ 1 เมตร

ข้างเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 90 ซม. เดินใช้งานได้สะดวกค่ะ

ห้องนี้จะติดกับระเบียงด้วย โดยประตูระเบียงจะเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน

ส่วนระเบียงจะให้เหมือนห้อว One Bedroom ค่ะ สามารถวาง Condensing Unit ไว้ด้านบนได้ และมีงานระบบเดินไว้ให้สำหรับพื้นที่ซักล้างค่ะ

 

แบบสุดท้ายเป็นแบบ One Bedroom Exclusive มีขนาดห้องอยู่ที่ 28.21-29.12 ตร.ม. มีจำนวน 150 Units เป็นแบบห้องขนาดอยู่ระหว่าง Type One Bedrromแลำ One Bedroom Plus ผังจะถูกแบ่งเป็นซ้าย-ขวาชัดเจน คือเมื่อเข้ามาเราจะเจอกับส่วนนั่งเล่นพักผ่อน สามารถจัดโซฟา 2 ที่นั่งได้และมีพื้นที่ทานอาหารพอสำหรับ 1 ที่นั่ง และถักเข้าไปจะเป็นห้องนอน ฝั่งนี้จะเป็นพื้นที่พักผ่อน ระหว่างห้องนอนกับพื้นที่นั่งเล่นนั้น จะมีทางเข้าไปยังห้องน้ำและครัว โดยเเยกซ้ายขวาและมีประตูกั้นให้ ห้องน้ำก็จะมีพื้นที่ที่ดูกว้างขึ้นเเละทางเข้าก็จะลึกเข้าไปมีความเป็นส่วนตัว และได้ครัวเเนวยาวที่ติดกับระเบียงช่วยในเรื่องการระบายอากาศและกลิ่นได้ด้วย

ภาพ Furniture List ที่ทางโครงการให้สำหรับห้องแบบ One Bedroom Exclusive ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 May 2018

  • 1 Bedroom 25.02-27.12 ตารางเมตร ราคา 1.69-2.585 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Exclusive 28.21-29.12 ตารางเมตร ราคา 2.44-3.137 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus  35.44-36.56 ตารางเมตร ราคา 3.04-3.689 ล้านบาท
  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 10,000 – 20,000 บาท
  • ทำสัญญา 20,000 – 30,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ 12 งวด
  • ค่ากองทุน 500  บาท/ตร..
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร../เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ 

เจาะลึกรวบยอด

ทำเล Atmoz ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15  เป็นเส้นทางเดียวกับบริษัท RS และสามารถทะลุไปยังด้านหลังของ BIG C Extraได้ ทำให้แยก1ฝั่งนี้สามารถเดินเท้าได้ไม่เปลี่ยว ทำเลนี้นับว่าเป็นลาดพร้าวตอนต้น  มีความอุดมสมบูรณ์สำหรับการอยู่อาศัยทั้งด้านการเดินทางโดยใช้รถสาธารณะ มีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว รถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ ให้บริการอยู่บนถนนทั้ง 3 เส้น มีห้างสรรพสินค้าที่ใกล้กับโครงการเช่น Big C Extra ,Union Mall ,Central ลาดพร้าว ,Tesco Lotus ลาดพร้าว รวมไปถึง Gourmet Market ตรง MRT ลาดพร้าว ตั้งอยู่ในระยะไม่เกิน 3 กม. เป็นทำเลที่ใกล้กับสถานศึกษาอย่างโรงเรียนหอวัง ราชภัฏจันทรเกษม หรือไปยังมหาลัยเกษตรศาสตร์ และสถานที่ทำงานอย่างSCB Park ตึกช้าง ตึกSun Tower  การบินไทย รวมๆแล้วเป็นทำเลที่พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตเลยค่ะ 

ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก1 จากปากซอยเข้าไปประมาณ 800 เมตร เป็นเส้นทางเดียวกับบริษัท RS และสามารถทะลุไปยังด้านหลังของ BIG C Extraได้ ทำให้แยก1ฝั่งนี้สามารถเดินเท้าได้ไม่เปลี่ยว และมีวินมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้าออกตลอดเส้น การเข้าถึงรถสาธารณะสะดวก และมีให้เลือกหลายวิธีทั้งป้ายรถเมล์หน้า Big C รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวเเละพหลโยธิน สำหรับคนใช้รถ มีทางลัดในซอยที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนต่างๆได้หลายเส้น สามารถไปยัง ยูเนียนมอลล์และข้างศาลอาญาได้จากซอยลาดพร้าว1 และสามารถทะลุไปยังเส้นพหลโยธิน24 ได้เื่อไปแถวรัชโยธิน ความอุดลสมบูรณ์มีตลอดริมถนนลาดพร้าว มีให้เลือกหลากหลาย และมีห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงทั้งบริเวฯแยกลาดพร้าวรัชดา และห้าแยกลาดพร้าว

การเดินทางโดยใช้รถ ค่อนข้างสะดวกสามารถใช้เส้นทางได้หลากหลายเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญเช่น ถนนลาดพร้าว ถนนพหลโยธินและถนนรัชดาภิเษก และยังมีเส้นทางลัดภายในซอย สามารถเชื่อมต่อกับลาดพร้าวซอย 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Union mall และ MRT พหลโยธินได้ และยังสามารถใช้ทางลัดไปซอยออกไปยังถนนรัชดาภิเษกบริเวณข้างศาลอาญาได้ (ตรงซอยทางออกข้างศาลอาญา ถนนค่อนข้างแคบ แนะนำให้เดินทางโดยใช้วินมอเตอร์ไซค์) นอกจากนี้ ซอยลาดพร้าว1 สามารถเชื่อมไปยังซอยพหลโยธิน 24 เพื่อไปยัง Tesco Lotus ลาดพร้าว โรงเรียนหอวังหรือแยกรัชโยธินได้  ตัวเลือกที่มีหลากหลายนี้สามารถทำให้เราจัดสรรการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ในช่วงเวลาที่เร่งรีบหรือรถติดได้

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ โครงการอยู่ในซอยระยะจากหน้าปากซอยประมาณ 800 เมตร สามารถออกจากซอยโดยเรียกวินมอเตอร์ไซค์ได้ไม่ยาก หรือจะเดินไปยังด้านหลัง Big C Extra ทะลุห้างไปยังป้ายรถเมล์หน้า Big C ก็ยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้ และภายในซอยไม่เปลี่ยวมากเกินไป สำหรับคนใช้รถไฟฟ้าก็สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง MRT ลาดพร้าวและ MRT พหลโยธิน และในอนาคนจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีห้าเเยกลาดพร้าวและสถานีพหลโยธิน24 และมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีต้นทางตั้งอยู่ที่อาคารจอดรถใต้ดินสถานีลาดพร้าวในปัจจุบันนั่นเองค่ะ คาดว่าการเดินทางโดยรถไฟฟ้าจะสะดวกสบายขึ้นอีกมากค่ะ ทางโครงการมี shuttle bus รับ-ส่ง แต่จะเป็นสถานีอะไรนั้นต้องรอสรุปกับนิติบุคคลตอนโครงการสร้างเสร็จค่ะ

วัสดุ  โครงการขายแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ให้เกือบครบ ประตูทางเข้าห้องปิดผิวด้วยลามิเนต ใช้Digital Door lock ยี่ห้อ Yale พื้น Smart Vinyl ส่วนพื้นในห้องน้ำและระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิค ครัวเคาน์เตอร์เป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต Top เป็นลามิเนตสีขาว ส่วนผนังกันเปื้อนด้านหลังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ อุปกรณ์ต่างๆได้ครบทั้งครัวและห้องน้ำ อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และ Built-in ต่างๆ

การออกแบบ ทำออกมาได้ดีทั้งการวางผังและแบบห้อง ด้วยแบรนด์ Atmoz จะเน้นออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนกลางเยอะ บรรยากาศโปร่งโล่ง ตัวอาคารทั้ง 3 ไม่ไกลจากทางเข้า และในอาคาร B และ C ที่เป็นตัว L มีการทำ Court ให้พื้นที่ส่วนกลางอยู่ตรงกลาง คนที่พักอาศัยก็จะได้วิว มีพื้นที่ส่วนกลางชั้นล่างเป็น Double Space สร้างบรรยากาศคล้าย Lobbyโรงเเรม ดูโปร่ง โล่ง ส่วนห้องมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ วางพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างลงตัว

สาธารณูปโภค ให้มาถือว่าเยอะมีทั้ง Activity , Active และ Passive Lifestyle เหมาะกับหลายกลุ่มคนที่มีความชอบแตกต่างกัน มีพื้นที่ Lobby, Library, Courtyard, 2 Swimming Pool, Co-living Area, Co-Working Space, Game room, Fitness ที่ให้มามากเมื่อเทียบกับโครงการ Low rise โดยรอบ และการจัดวางพื้นที่ส่วนกลางกระจายตัวตามอาคารต่างๆ ผู้อาศัยสามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ในโครงการ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 70,000-80,000 บาท/ตร.., 11 May 2018

  • ทำเล 7.25/10 – อยู่ในซอยลาดพร้าว15 ห่างจาก MRTลาดพร้าว ประมาณ 1 กม. สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆจัดว่าดี
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เข้าออกได้หลายเส้นทางโดยใช้ซอยลัด
  • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – มีรถสาธารณะให้บริการใกล้โครงการ และทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้าหลายสาย 7
  • วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐานค่อนข้างดี โครงการขายแบบ Fully Finished
  • แบบ 8.25/10 – ออกแบบค่อนข้างดี เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งส่วนกลางและห้องพัก
  • สาธารณูปโภค 9/10 – เทียบกับราคาได้พื้นที่ส่วนกลางมาก เเละกระจายอยู่ทั่วทุกอาคาร และมีความหลากหลาย มีสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า เทียบกับจำนวนยูนิตแล้วพอดีกับการใช้งาน
  • MAIN CLASS
  • 7.68 / 10.00

BOTTOM LINE

Atmoz Ladprao 15  เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาคอนโดย่านรัชดาฯ-ลาดพร้าว (ลาดพร้าวตอนต้น) ใช้ชีวตหรือทำงานอยู่ในย่านนี้ ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง ใช้รถไฟฟ้าได้สะดวก ต้องการพื้นที่ส่วนกลางที่เยอะและหลากหลาย อยากได้ห้องแบบ Fully-Furnished มีงบประมาณ 1.69 – 3 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อน 12,000-26,000 บาท/เดือน