รีวิวฉบับที่ 1719… อีกหนึ่งคอนโดใหม่ที่น่าสนใจในย่านทองหล่อ-เอกมัย ของปีนี้กับโครงการ AESTIQ Thonglor คอนโด High Rise 40 ชั้น รูปทรงโด่นเด่นสะดุดตา สไตล์ Futuristic อีกหนึ่งผลงานออกแบบของ A49 เน้นความเป็นส่วนตัว 203 ยูนิต มี Private Lift ถึง 6 ตัว แยกส่วน Welcome Lobby และ Private Lobby พร้อมที่จอดรถ 103 % จัดพื้นที่ส่วนกลางน่าสนใจและบริการพิเศษจากทางโครงการ ในราคาเริ่มต้น 9.59 ล้านบาท ไปชมกันเลยครับ
Fact @ 25 October 2018
- AESTIQ Thonglor (เอสทีค ทองหล่อ)
- REAL ASSET DEVELOPMENT CO.,LTD.
- Ultimate CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตวัฒนา
- คอนโด High Rise 40 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 203 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 11 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 220 คันคิดเป็น 103%
- ที่ดินประมาณ 1-3-88 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : พ.ค. 2562
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาส 4 ปี 2564
- 1 bedroom: 33 – 52 ตร.ม.
- 2 bedroom: 76 – 119 ตร.ม.
- 3 bedroom : 131 – 158 ตร.ม.
- Penthouse 289 – 301 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.70 – 3.0 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 9.59 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ AVG 295,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร :02-652-8852-55
- Call Center : 1232
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.740183, 100.586319
แผนที่จากทางโครงการครับ
โครงการ AESTIQ Thonglor ตั้งอยู่ภายในถนนสุขุมวิท 55 หรือที่เราเรียกกันว่า ซอยทองหล่อ นั่นเอง ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนซอยทองหล่อ ไม่ต้องเข้าซอย จึงเดินทางสะดวก สำหรับทำเลทองหล่อ ถือเป็นย่านยอดนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่อยู่อาศัยในย่านนี่มีราคาสูงลำดับต้นๆก็ว่าได้ และเป็นหนึ่งในย่านที่มีค่าครองชีพสูงในกรุงเทพ เป็นถนนอีกสายหนึ่งของ กรุงเทพฯที่ไม่เคยหลับและอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โดยถนนทองหล่อเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างสุขุมวิทและเพชรบุรี โดยที่ตั้งจะค่อนไปทางถนนเพชรบุรี สามารถขึ้นเหนือไปยังรามคำแหง, รามอินทรา หรือลาดพร้าวได้ไม่ยาก มีตำแหน่งอยู่ตรงข้ามกับซอยทองหล่อ 25 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังซอยพร้อมพรรคและไปพร้อมพงษ์ อโศก ได้ หรือจะไปทางทองหล่อ 13 ก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้นหากจะไปเอกมัยก็สามารถไปทางซอยแจ่มจันทร์ (ทองหล่อ 20) หรือจะวิ่งออกไปสุขุมวิทเพื่อทะลุไปพระรามสี่, คลองเตย, พระราม 3 ทางถนนสุขุมวิท 36, 40 ก็สะดวก จะเห็นว่าการเดินทางโดยรอบทำได้ค่อนข้างหลากหลาย เป็นตัวเลือกในการหลีกเลี่ยงปัญหารถติดภายในเส้นทองหล่อได้ดีทีเดียวครับ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวทำได้ค่อนข้างสะดวก ด้วยเส้นทางลัดเลาะที่กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น ก็ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างหลากหลาย สำหรับหลีกเลี่ยงปัญหารถติดได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ทางโครงการยังมีที่จอดรถสำหรับลูกบ้านถึง 103% ซึ่งคอนโดระดับนี้ก็การันตีได้ว่าทุกห้องต้องมีรถยนต์อย่างน้อยห้องละคันกันอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องที่จอดรถที่ตัวโครงการเลยครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็ถือว่าสะดวกอยู่ครับ เนื่องจากโครงการอยู่ในซอยทองหล่อ ห่างจาก BTS ทองหล่อ ประมาณ 1.8 กิโลเมตร แต่ทางโครงการมีรถ Shuttle Car Service ให้บริการ สามารถรับส่ง BTS ทองหล่อ และตัวโครงการได้ ยิ่งไปกว่านั้นทางโครงการยังมี Luxury Car Service ซึ่งคาดว่าจะเป็นรถ Tesla นะ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถยืมใช้บริการได้ ถือว่าสะดวกสุดๆเลยครับ นอกจาก Service จากทางโครงการแล้ว โดยรอบโครงการยังมีป้ายรถประจำทางห่างจากหน้าโครงการประมาณ 100 ม. และภายในซอยทองหล่อ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน ก็มีรถ Taxi พี่วินมอเตอร์ไซค์ วิ่งภายในซอยตลอด All day All night อยู่แล้วครับ
ความอุดมสมบูรณ์รอบด้านของโครงการ AESTIQ Thonglor ตั้งอยู่ติดกับถนนทองหล่อ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจร้านค้า แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารอร่อย Hi-end มากมายเปิดทั้งกลางวันกลางคืน เรียกได้ว่า All Day – All Night กันเลยก็ว่าได้ ทองหล่อจึงเป็นย่านที่สะท้อนความเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง พื้นที่ดินภายในถนนเส้นนี้มีราคาสูงมากๆ ซึ่งการจะสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทำได้ค่อนข้างยาก เราจึงเห็น Community Mall เก๋ๆ แนวๆ ซึ่งมี The Common, J Avenue, 72 Courtyard, The Taste อยู่ในระยะสามารถเดินได้จากตัวโครงการ นอกจากนั้นก็มี The Third Place, Market Place, The Maze Thonglor เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารหรูๆ ร้านนั่งชิลคูลๆ อีกมายมาก รวมทั้งมีร้านกินดื่มและแหล่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์จำนวนมากอีกด้วย ดังนั้นย่านนี้จึงเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารชิคๆจำนวนมากเลยครับ หรือถ้าจะไปห้างสรรพสินค้า ก็จะมีอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งสถานี BTS เอกมัย คือ Gateway เอกมัย หรือจะลัดเลาะไปทะลุพร้อมพงษ์เพื่อไป Emporium และ Emquatier ก็ไม่ยาก จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว ส่วนโรงพยาบาลและโรงเรียน ก็มีรายล้อมอยู่รอบโครงการเช่นกัน โดยเยื้องๆกับตัวโครงการคือโรงพยาบาลคามิลเลี่ยน ถัดออกมาก็มีโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลกรุงเทพ
การเดินทางไปโครงการวันนี้ เราจะเริ่มต้นกันที่ถนนสุขุมวิทนะครับ ขับมาจากทางด้าน BTS พร้อมพงษ์ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) ซึ่งภายในจะมี Community Mall เก๋ๆ หลายจุด ซึ่งมีบางที่ที่ไม่ไกลจากตัวโครงการเรา ผมขออนุญาตพาแนะนำให้รู้จักกันไปด้วยเลยแล้วกันนะครับ
เริ่มต้นที่ถนนสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้ามาจากสยาม ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอ BTS ทองหล่อ ให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) ครับ
เมื่อเจอป้ายถนนสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ
เข้ามาแล้วจะพบกับความอุดมสมบูรณ์ภายในซอย สองข้างทางต้นซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแถวด้านล่างจะเป็นร้านค้า และร้านอาหาร ถนนในซอยนี้จะเป็นฝั่งละ 3 เลน ไม่มีเกาะกลางทำให้รถสามารถเลี้ยวเข้า-ออกซอยด้านข้างได้เกือบทุกซอยครับ
ตรงเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านยา ร้านอาหารอยู่ริมสองข้างทาง เช่น Tops Market Place และ Starbucks ตรงนี้เปิด 24 ชม.ด้วยนะ
ถัดมาอีกหน่อยก็จะเจอกับ Eight Thonglor ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์อีกแห่งที่น่าสนใจในย่านนี้ เป็นแหล่งรวมเซเลปมากมาย มาพร้อมกับร้านอาหารภายในให้เลือกอย่างหลากหลาย มี Studio ออกกำลังกาย รวมถึงร้านเสื้อผ้า เก๋ๆ Design ดังๆ อีกมากมาย
เมื่อเลยมาอีกสักหน่อย จะพบ Community Mall ชื่อ The Teste อยู่ทางขวามือ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตร
The Teste ทองหล่อ คือ Community Mall ที่เลือกเฟ้นสุดยอดร้านอาหารดังจากนานาชาติ มาเปิดที่แรกในเมืองไทย ภายในประกอบไปด้วย
- Iron Chef Table : อาหารแต่ละเมนูถูกออกแบบโดยเชฟกะทะเหล็กในประเทศไทยทั้ง 7 ท่าน
- Hakamatsu Thailand : ร้านหมูทอดทงคัดสึชื่อดังจากญี่ปุ่น ปัจจุบันมีทั้งหมดมากกว่า 100 สาขา
- Dolly Churro Chef : ร้านขายขนม ชูโร่ ชื่อดัง (เป็นขนมจากสเปนนะ) มีขนมภายในให้เลือกอีกมากมาย
- Rose-Mary-by-Madame-Tuang : ร้านอาหาร European Cusine ของ คุณมาดามตวง ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันทางหน้าจอโทรทัศน์
- ตำทองหล่อ : อาหารอีสาน + ซีฟู๊ดรสแซ่บ
- Sweetery Bangkok : ร้านของหวานสไตล์ maximal ขนมหวานวัตถุดิบเกรดเอ เสิร์ฟในจานใหญ่ยักษ์จนต้องร้องขอชีวิต
- Endo Sushi : ร้านดังจากตลาดปลาโอซาก้า เปิดมามากกว่า 100 ปี
- Dreamlolf : ร้านอาหารสไตล์ International Fusion
- Starbucks Coffee : ร้านกาแฟยอดนิยมในบรรยากาศร่มรื่น
นอกจากนี้ยังมีร้านค้า และ Shop ชิคๆ สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมออกกำลังกาย หรือผู้ที่ชื่นชอบ accessories ประเภทนาฬิกา ก็คือ
- The Cog Watch : ร้านนาฬิกาหรู pre-owned ที่ดารา เซเลป ไฮโซ ชอบใจ
- Shane Wilding Golf Center : โรงเรียนสอนตีกอล์ฟ ไดร์ฟกอล์ฟในร่มที่ทันสมัย
เมื่อเลย The Teste เมื่อสักครู่มาอีกนิดหน่อย จะพบกับทองหล่อซอย 15 จะเป็นที่ตั้งของ J-Avenue ซึ่งเป็น Community Mall ที่เรียกได้ว่าอยู่คู่ซอยทองหล่อมาอย่างยาวนาน มีที่ตั้งห่างจากโครงการประมาณ 450 เมตร ซึ่งถือเป็นระยะที่สามารถเดินได้
ภายในประกอบไปด้วย ร้านค้า ร้านอาหารชื่อดังที่เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วมากมาย ซึ่งบางร้านภายในนี้ก็เปิดให้บริการ 24 ชม. ครับ เรียกได้ว่า All day all night กันจริงๆ และสำหรับใครที่ต้องการหาวัตถุดิบในการทำอาหาร หรือหาซื้อของกินของใช้ J-Avenue ก็มีทั้งร้านอาหาร Supermarket ให้เลือกเดิน (มี After You ร้านขนมชื่อดังตั้งอยู่ไม่ไกลด้วย) ถือว่าเป็นข้อดีของโครงการเราเลยนะ ที่สามารถเดินด้วยสองเท้าไปยัง Community Mall เหล่านี้ได้ เพราะว่าที่จอดรถเเถวนี้ราคามหาโหดมาก
บรรยากาศภายในมีการจัดให้มีที่นั่ง ทั้งส่วนของร้านที่เป็น In-door และ Out-door มีการเชื่อมต่อกันของชั้น 1 และ ชั้น 2 ได้ด้วยบันไดขนาดใหญ่ที่มาพร้อมต้นไม้สร้างบรรยากาศภายในให้น่าสนใจและร่มรื่นไปอีกครับ
เมื่อตรงเลยมาเพียง 50 เมตร ทางขวามือจะมี 72 Courtyard เป็น Community Mall อีกตัวของย่านนี้ ส่วนทางซ้ายมือก็จะมีซอยทองหล่อ 17 ซึ่งถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าไปด้านในประมาณ 50 เมตร จะพบ Community Mall อีกแห่ง คือ The Commons นั่นเองครับ ไหนๆก็ผ่านแล้วผมขอพาเข้าไปดูทั้งสองที่เลยแล้วกันนะครับ เนื่องจากมีระยะที่ไม่ไกลจากตัวโครงการ สามารถเข้ามาใช้งานง่าย ทั้งสองที่มีระยะห่างจากโครงการพอๆกันประมาณ 400 เมตร ครับ
มาดูที่ฝั่งขวามือกันก่อน 72 Courtyard ซึ่งเป็น Community Mall หน้าตาแปลกของย่านนี้ โดยเป็นสถานที่แฮงค์เอ้าท์ที่รวบรวมร้านอาหารและบาร์เจ๋งๆ อยู่ภายใน ออกแบบแนวคิดโดยทีมสถาปนิกหญิงจากอังกฤษ ผู้ออกแบบห้างใหญ่อย่าง ‘Central Embassy’ ตัวอาคารมีลักษณะคล้ายกล่องสีดำ พื้นผิวฟาซาดตกแต่งด้วย Terrazzo ช่วยเสริมให้ดีไซน์ดูแปลกใหม่สะดุดตา เหมาะกับคนที่ชอบไนท์ไลฟ์เป็นอย่างยิ่ง
ด้านหน้าทางเข้าจะปิดทึบ พอเข้ามาจะเป็นโซนของ F&B (Food & Beverage) แยกออกเป็นหลายๆร้าน ภายในมีคอร์ดให้นั่งกลางแจ้งกันได้ ส่วนชั้น 2 ด้านบนมีลานไม้ เป็นลานโล่งกว้างและสวนเขียวขนาดเล็ก (Pocket Park) ที่มองเห็นบรรยากาศโดยรวมของอาคารและผู้คนที่แวะเวียนได้โดยตลอด
มาต่อกันที่ฝั่งตรงข้าม เพียงเดินเข้าซอยทองหล่อ 17 ประมาณ 50 เมตร ก็เจอแล้ว สำหรับ The Commons ซึ่งต้องบอกก่อนว่า Community Mall แห่งนี้ไม่เหมือนกับที่อื่นๆที่มาพามาเท่าไหร่นักนะครับ ซึ่งจะไม่ได้มีพื้นที่ส่วนกลางที่มีแอร์ ไม่มีร้านค้าเฟรนไชส์ที่เคยคุ้นกันเท่าไหร่นัก แล้วที่นี่มีอะไร ? คำตอบก็คือเขาต้องการทำให้ที่นี่มีความเป็นชุมชน ที่อยากให้คนเมืองใช้เวลาด้วยกันและอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น เป็นมุมสีเขียวให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า อะไรทำนองนี้นะครับ
ภายในประกอบไปด้วยร้านค้าที่มีความกลมกลืนกัน ร้านขนม ร้านอาหาร กาแฟ ด้านหน้าเปิดโล่ง เป็นโต๊ะ และเก้าอี้สามารถเดินเข้าไปด้านในเพื่อซื้ออาหารของร้านต่างๆ แล้วมานั่งทานตรงนี้ได้ ภายในยังมีพื้นที่สวยๆที่ออกแบบมาให้เหมาะแก่การพักผ่อนได้ดีทีเดียวครับ
เมื่อตรงต่อมาอีกประมาณ 400 เมตร ในที่สุดก็ถึงตัวโครงการ AEQTIQ ทองหล่อ จะสังเกตุเห็นตัวโครงการอยู่ทางขวามือนะครับ ซึ่งปัจจุบันเป็นตำแหน่งของ Sale Gallery
บรรยากาศด้านหน้า Sale Gallery ตกแต่งค่อนข้างเด่นสดุดตา ใช้การเล่นเส้นโค้ง ซึ่งจะไปล้อกับตัวอาคารของโครงการ เน้นความ Modern Luxury ดูเรียบ หรูหรา มีไสตล์
ที่ตั้งของโครงการ AESTIQ Thonglor อยู่บนนถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ตรงข้ามกับซอย สุขุมวิท 25 มีเนื้อที่ดิน 1-3-88 ไร่ มีลักษณะ เป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหลังมีพื้นที่คอขวด อีกหน่อยหนึ่ง ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบพื้นที่มาได้อย่างคุ้มค่า พื้นที่โครงการโดยรอบส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัยขนาด 2-3 ชั้น ซึ่งมีแนวอาคารสูงอยู่บ้าง แต่มีระยะห่างจากตัวโครงการพอสมควร ซึ่งชั้นห้องพักของโครงการเริ่มต้นที่ชั้น 11 เป็นต้นไป ดังนั้นจึงหมายความว่าห้องพักจะสามารถได้รับวิวและลมในทุกๆด้านเลยทีเดียว ไปดูรายละเอียดแต่ละด้านกันครับ
วิวทิศเหนือที่ความสูงประมาณ 70 เมตร
- ทิศเหนือ : บริเวณริมถนนทองหล่อมีแนวอาคารสูงประมาณ 5 ชั้น ยาวตลอดแนว ด้านหลังเป็นอาคารพักอาศัย 2-3 ชั้น มีอาคาร 24 ชั้น 2 อาคาร ห่างออกไป 150 เมตร และ 180 เมตร วิวค่อยข้างเปิดโล่ง ไม่มีอาคารสูงมาบังสายตา ได้เห็นความเคลื่อนไหวบริเวณถนนทองหล่อฝั่งถนนเพชรบุรีด้วยครับ
วิวทิศตะวันออกที่ความสูงประมาณ 70 เมตร
- ทิศตะวันออก : มีแนวอาคารพักอาศัย 2-3 ชั้น วิวด้านนี้ค่อนข้างเปิดโล่งเลย เป็นทิศที่ไม่มีอาคารสูงเลยในระยะใกล้โครงการ โล่งสบายตา มุมมองเป็นฝั่งชุมชนบ้านพักอาศัยเก่าแก่ในย่านนี้ครับ ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านและวุ่นวาย
วิวทิศใต้ที่ความสูงประมาณ 70 เมตร
- ทิศใต้ : บริเวณริมถนนทองหล่อ มีแนวอาคารสูงประมาณ 3-4 ชั้น ด้านหลังเป็นอาคารพักอาศัย 2-3 ชั้น ห่างออกไป 90 เมตร มีอาคาร 26 ชั้น และ 110 เมตร มีอาคาร 33 ชั้น ทางด้านนี้มีอาคารให้เห็นก็จริง แต่มีระยะห่างค่อนข้างไกล ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องลมพัดผ่าน อีกทั้งในด้านมุมมองยังสามารถมองเห็นถนนทองหล่อฝั่งมุ่งหน้าไปสุขุมวิทได้ จะค่อนข้างมีความคึกคักพอสมควร
วิวทิศตะวันตกที่ความสูงประมาณ 70 เมตร
- ทิศตะวันตก : ติดกับถนนทองหล่อ ฝั่งตรงข้ามมีอาคารสูงประมาณ 2-3 ชั้น และ ห่างออกไปประมาณ 110 เมตร มีอาคาร 12 ชั้น อยู่ครับ ซึ่งห้องพักโครงการเริ่มต้นที่ชั้น 11 เป็นต้นไป และด้วยระยะห่างค่อนข้างเยอะทำให้ไม่ค่อยส่งผลกระทบเรื่องวิวมากนัก
มาดูบรรยากาศรอบๆโครงการในแนวราบกันครับ เริ่มต้นที่ฝั่งขวามือของโครงการกันก่อน ซึ่งจะเป็นทิศเหนือฝั่งมุ่งหน้าไปถนนเพชรบุรี บริเวณทางเดินกว้างประมาณ 2.5 เมตร มีทางยุระดับสูงขึ้นกว่าตัวถนนทองหล่อ มีต้นไม้ให้ร่มเงาเป็นหย่อมๆ ฝั่งด้านข้าง เป็นร้านค้า ร้านอาหารมีของกินให้เลือกเยอะพอสมควรเลยครับ
ฝั่งตรงข้ามมีอาคาร 4 ชั้น ส่วนชั้น 1 เป็นร้าน S&P ยาวตลอดแนวประมาณ 7 ห้อง มีต้นไม้ขนาดประมาณ 2 ชั้น เรียงเป็นแนว ช่วยให้ร่มเงา เดินสะดวกครับ ไม่ร้อน
เดินเลยต่อมาจะมีถนนส่วนบุคคลครับ ภายในเป็นที่พักอาศัย มีป้อม รปภ. ดูแลตลอด
เมื่อเดินต่อมีแนวร้านอาหารเป็นอาคาเรียบถนนทองหล่อไปอีกเรื่อยๆ แทรกด้วยร้านค้า คลีนิคความงาน ประปรายครับ
เลยต่อมามีป้ายรถประจำทางฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิทอยู่ด้วยครับ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 100 เมตร
ฝั่งตรงข้ามมีอาคาร The Icon 1 สูง 17 ชั้น ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการพอสมควร ทำให้ไม่ค่อยมีผลกระทบในเรื่องวิวมากนัก
เลยมาอีกนิดหนึ่งมีโรงพยาบาลคามิลเลียน อยู่ฝั่งตรงข้าม โดยจะมีไฟแดงและทางม้าลายบริเวณนี้ด้วยครับ
บริเวณหน้าโรงพยาบาลมีของกินค่อนข้างเยอะหลายหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งแบบแผงลอย และแบบร้านอาหาร ช่วงราคาจะกว้างมากยิ่งขึ้น สำหรับกลุ่มผู้ใช้หลายรูปแบบครับ
เลยมาอีกจะมีธนาคารกรุงศรีสำหรับทำธุระต่างๆ
เลยมาจะมี 7-Eleven อยู่ที่ปากซอยทองหล่อ 20 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเอกมัยได้ด้วย บริเวณฝั่งตรงข้ามมีวินมอเตอร์ไซต์ให้บริการด้วยครับ
กลับมาที่ตัวโครงการนะครับ เพื่อที่จะพาไปดูฝั่งอื่นต่อ
บริเวณตรงข้ามโครงการเลย จะมีพี่วินมอเตอร์ไซต์ตั้งกลุ่มกันรอให้บริการอยู่ตลอดครับ สะดวกมากๆ สามารถกวักมือเรียกจากฝั่งโครงการก็ได้ พี่เขาใจดีวนมารับให้ไม่ยากครับ
วินกลุ่มที่ว่าเป็นวินประจำหน้าปากซอยทองหล่อ 25 ซึ่งอย่างที่เกลิ่นไปก่อนหน้านี้แล้วว่าซอยนี้สามารถทะลุไปออก อโศกและพร้อมพงษ์ได้ครับ
บรรยากาศภายในซอยทองหล่อ 25 เป็นถนน 2 เลน เดินรถค่อนข้างสบาย เป็นซอยเล็กลัดเลาะหลายต่อหน่อย แต่ก็ไม่พลุกพล่านมากนัก เป็นตัวเลือกที่ดีในการเดินทางครับ
ยังคงอยู่กันที่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ฝั่งมุ่งหน้าไปถนนสุขุมวิท เช่นเคยครับ มีร้านอาหารต่างๆ เรียงรายเช่นเดิม มีต้นไม้และเสาไฟให้แสงสว่างประดับตามทาง
มีสำนักงานเกี่ยวกับความสวยความงามอยู่ที่มุมปากซอยทองหล่อ 23
ซอยทองหล่อ 23 ภายในเป็นถนน 2 เลน สามารถทะลุไปเชื่อมต่อกับ อโศก และ พร้อมพงษ์ได้เช่นกันกับซอยทองหล่อ 25 ซึ่งก็ช่วยเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้อีกครับ
กลับมาที่ฝั่งหน้าโครงการนะครับ เดี๋ยวผมจะพาเดินไปดูพื้นที่รอบข้างโครงการฝั่งซ้ายมือ เป็นทิศใต้ฝุ่งมุ่งหน้าไปถนนสุขุมวิทครับ
ทางซ้ายมือของโครงการมีทางเท้าขนาดประมาณ 2.5 เมตร ยกสูงขึ้นจากถนนเล็กน้อยเช่นกัน มีแนวต้นไม้และเสาไฟตั้งเป็นจุด
ข้างตัวอาคารเลยปัจจุบันเป็นอาคารสำนักงานเก่าร้างอยู่ ประมาณ 3 ชั้นครับ มีระยะร่นเข้าไปจากถนน
เลยมามีธนาคารธนชาติ สำหรับทำธุระต่างๆได้เช่นกัน ติดกันเป็นโชว์รูมและศูนย์ซ่อมมอเตอร์ไซต์ มีรถผ่านเข้าออกตลอดครับ ในเวลาเปิดทำการ
เลยมาอีกมีอาคาร The Height ซึ่งเป็นตึกสูงบรรยากาศด้านหน้ามีต้นไม้ใหญ่ ค่อนข้างร่มรื่นทีเดียว บริเวณนี้มี รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมงครับ
บรรยากาศตึก The Height ครับ เป็นอาคารสูง 26 ชั้น ซึ่งจะมีระยะห่างจากตัวโครงการเราประมาณ 90 เมตร มีระยะค่อนข้างกว้างทีเดียวครับ
ฝั่งตรงข้ามมีอาคาร IVY ทองหล่อ เป็นอาคาร 24 ชั้น
บรรยากาศภายในสำนักงานขายของโครงการ ตกแต่งด้วยพื้นกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาว ผนังกระเบื้องลายหินอ่อนสีดำ ดูโล่งสะอาด เมื่อเข้ามาจะพบเคาน์เตอร์พนักงานขาย มีโมเดลตั้งอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยที่นั่งต่างๆ ด้านในคือห้องน้ำและห้องตัวอย่าง
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- รพ.คามิลเลี่ยน ~ 100 เมตร
- The Commons ~ 400 เมตร
- 72 Courtyard ~ 400 เมตร
- J Avanue ~ 450 เมตร
- The Teste ~ 650 เมตร
- Tops Market ~ 1.1 กิโลเมตร
- Big C Ekamai ~ 1.6 กิโลเมตร
- M Theater ~ 1.8 กิโลเมตร
- Major Ekamai ~ 2.2 กิโลเมตร
- RCA ~ 2.7 กิโลเมตร
- Rain Hill ~ 2.8 กิโลเมตร
- Emporium ~ 3.0 กิโลเมตร
- Emquatier ~ 3.1 กิโลเมตร
- Gateway Ekamai ~ 3.6 กิโลเมตร
- Show DC ~ 4.8 กิโลเมตร
- Terminal 21 ~ 5.4 กิโลเมตร
โครงการAESTIQ Thonglor ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-3-88 ไร่ เป็นคอนโดHigh Rise 40 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 203 ยูนิต สำหรับชื่อโครงการ AESTIQ จะมาจาก Aesthetic + Unique = การมีสุทรียะอย่างมีเอกลักษณ์ โดยมีแนวคิดการออกแบบแบบ Futuristic ใช้เส้นสายความโค้ง ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย ตัวโครงการนอกจากจะมีความหรูหราและมีสไตล์จากภายนอกของอาคารแล้ว การออกแบบโครงการยังเน้นความเป็นส่วนตัวด้วยตัวอาคาร 40 ชั้น แต่มีเพียง 203 ยูนิตเท่านั้น อีกทั้งยังมี Private Lift ในทุกๆห้อง เป็นระบบ 1 time 1 unit คือลิฟต์จะขึ้นไปทีละ 1 ชั้นเท่านั้น เท่ากับว่าไม่ต้องใช้ลิฟต์ร่วมกับใคร นอกจากนั้นแล้วภายในมีที่จอดรถ 220 คันคิดเป็น 103% มีจำนวนที่จอดเยอะกว่าจำนวนห้องพักอาศัย โดยแบ่งเป็น
- Conventional Parking 24 คัน บริเวณรอบโครงการและชั้น Basement
- Automatic Parking 196 คัน มีช่องจอด 2 slots เป็นระบบช่องจอดนำเข้าจากเกาหลี ขนาดช่องจอด 2.1 x 5.3 เมตร รับน้ำหนักไ้ด้ถึง 2,700 kg. ใช้เวลารอประมาณ 3 นาที
นอกจากนี้ทางตัวโครงการยังมีรายละเอียดและการบริการพิเศษอีกมายมาก เช่น
- Valet Parking บริการจอดรถให้ (7.00 – 22.00)
- Doorman Service พนักงานเปิดประตู
- รถ Luxury Car Service เป็นรถ Tesla ให้บริการ 2 คัน (7.00-22.00)
- Shuttle Service รถรับส่ง BTS ทองหล่อ (8.00 – 17.00)
- EV Charging Station 2 จุด
- Concierge Service 24 ชั่วโมง
- 6 Private Lifts
- ลิฟต์แก้วจากชั้น 1 ขึ้น ชั้น 2
โดยภายในอาคารมีห้องพักทั้งหมด 4 แบบ หลากหลายขนาดดังนี้
- 1 bedroom: 33 – 52 ตร.ม.
- 2 bedroom: 76 – 119 ตร.ม.
- 3 bedroom : 131 – 158 ตร.ม.
- Penthouse 289 – 301 ตร.ม.
Facade ในด้านทิศตะวันตกใช้ผนังอาคารเป็นกระจกโค้ง Curtain Wall Reflective Insulated เป็นกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นมาประกบกัน โดยมี Aluminium Spacer ซึ่งบรรจุสารดูดความชื้นแล้วใส่ฉนวน เช่น อากาศแห้ง (Dried Air) หรือ ก๊าซเฉื่อย ไว้ภายในเพื่อให้มีคุณสมบัติในการเก็บรักษาอุณภูมิภายในได้ดีมาก (สามารถสะท้อนความร้อนได้ประมาณ 95%-98%) และไม่ทำให้เกิดฝ้าหรือหยดน้ำ แม้ว่าอุณหภูมิภายในกับภายนอกแตกต่างกันมาก ช่วยทำให้อาคารดูทันสมัย แถมภายในห้องยังได้รับมุมมองพิเศษตามความโค้งของแนวอาคาร และตัวอาคารมีการแบ่งออกเป็น 3 Clusters เพื่อให้เกิดการ ventilation ภายในอาคาร และยังทำให้ตัวอาคารดูไม่ทึบตันอีกด้วย จะเห็นได้ชัดในส่วนของการอธิบายแปลนอีกทีนะครับ
ภาพจำลองบรรยากาศ Drop Off โครงการ ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับ Step Garden ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Welcome Lobby ที่ด้านหน้าสุดของโครงการ สังเกตว่าตัวอาคารเน้นการตกแต่งด้วยกระจกรูปทรงโค้ง Facade ด้านนอกก็เป็นกระจกแผ่นยาวเชื่อมต่อกับด้านบนอาคาร ภายในก็มีกระจกอีกชั้น ซึ่งเน้นความเปิดโล่ง เชื่อมต่อกับบริบทโดยรอบได้ดีทีเดียว ด้านข้างมี Step Garden เพื่อขึ้นสู่ Main Lobby ที่ชั้น 2 ครับ เป็นพื้นที่สำหรับให้ลูกบ้านและ visitor ใช้ร่วมกันได้ครับ
ภาพจำลองพื้นที่ Welcome Lobby ภายในตกแต่งด้วยกระจก พื้นและผนังเป็นหินอ่อนภายใน มีการยกระดับฝ้าขึ้นประมาณ 6 เมตร ซึ่งส่วนนี้จะมีลิฟต์แก้วเชื่อมต่อไปยังชั้น 2 ที่ Main Lobby จะมี Exclusive Facilities คอยให้บริการ ส่วนนี้จัดไว้ให้สำหรับ Visitor และลูกบ้านสามารถใช้งานร่วมกันได้ ประกอบไปด้วย
- Golf Simulator
- Private Theater
- Greenery Space
- Kids Club
- Meeting Room
ส่วนด้านหลังสามารถไปเชื่อมกับ Private Lobby ได้ ซึ่งจะเป็นส่วนของลูกบ้านเท่านั้น เนื่องจากต้องใช้ Key Card ในการเข้าถึง
ภาพจำลองส่วน Hideaway Pavilion ซึ่งเป็นพื้นที่สวนในพื้นที่คอขวดด้านหลังโครงการ เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้หลักการในการออกแบบแบบ Enclosed Space โดยการมีที่นั่งแบบ Sunken ลงไป พร้อมกับม่านน้ำตรงกลาง โอบล้อมด้วยน้ำและต้นไม้ เป็นพื้นที่ปิดล้อมในบรรยากาศอบอุ่น เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหย่อนใจ
พื้นที่ Greenary Space เป็นพื้นที่ส่วนกลางภายในอาคารส่วนชั้น 2 ด้านหลังอาคาร ที่มีการยกระดับพื้นเพื่อแบ่งส่วนพื้นที่ เปิดมุมมองลงไปยังส่วน Hideaway Pavilion ด้านหลัง เป็นอีกบรรยากาศที่เน้นความสงบ ความเคลื่อนไหวน้อย เหมาะแก่การนั่งเล่นและพักผ่อน
ที่ชั้น 30-31 ของอาคารมีพื้นที่ Facilities ด้านบนเพิ่มเติมครับ ประกอบไปด้วย
- Reflextion Pool : รูปตัว L ขนาดยาว 25 x 3.6 เมตร ระบบเกลือ
- Aquatic Treadmill : ลู่วิ่งออกกำลังกายใต้น้ำ
- Upside Down Jacuzzi : สระ Jacuzzi รับวิวเมืองมุมกว้าง มีการแบ่งพื้นที่ด้วยม่านน้ำตก
สระว่ายน้ำ มีโครงสร้างปกคลุม โดยใช้วัสดุเป็น Aluminium Mosiac มีพื้นที่ผิวที่สะท้อนผิวน้ำและแสงไฟเมืองรอบๆ ได้บรรยากาศการว่ายน้ำที่แปลกตาไปอีกครับ
ที่ชั้น 30 ยังมีส่วนของ Private Onsen แยกชายหญิง รับวิวเมืองด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วน Sauna & Stream อีกด้วยครับ
ภาพจำลอง Panoramic Gym ขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกายครบครัน ตรงกลางมี Bike Simulator สามารถปั่นจักรยานพร้อมภาพจำลอง ได้มิติใหม่ในการออกกำลังกาย
มาดูที่ส่วนโมเดลกันบ้างนะครับ อาคารทั้งหมดเป็นอาคาร 40 ชั้น ซึ่งจะมีพื้นที่ส่วนกลางแยกกันในหลายๆส่วนของอาคาร รายละเอียดดังนี้ครับ
1st Floor
- Step Garden
- Hideaway Pavilion
- Welcome Lobby
- Private Lobby
2nd Floor
- Main Lobby
- Greenery Space
- Private Theater
- Golf Simulator
- Kids Club
- Meeting Room
3rd – 9th Floor
- Automatic Parking
10th Floor
- Serene Garden
11th – 40th Floor
- Living Area
30th Floor
- Reflection Pool
- Upside Down Jacuzzi
- Aquatic Treadmill
- Private Onsen
- Sauna&Stream
- Living Area
31st Floor
- Panoramic Gym
- Bike Simulator
- Skyline Garden
- Sky Social Club
- Multipurpose Room
- Living Area
Rooftop
- Aestiq Peak
ทางเข้าออกโครงการมีทางเดียวนะครับ ทางถนนทองหล่อ ซึ่งเมื่อเข้ามาด้านในสามารถเลือกที่จะไปวนที่ Drop Off (เลี้ยวขวา) หรือจะเข้าที่จอดรถ Conventional Parking ด้านหลังอาคาร (ตรงไป) ได้ครับ
ในภาพเป็นส่วน Drop Off ส่วนแรกของโครงการ บริเวณ Welcome Lobby ซึ่งจะเป็นพื้นที่สำหรับรับรองทั้งลูกบ้านภายในเองและ Visitor ซึ่งจะมีส่วนเชื่อมต่อขึ้นชั้น 2 ได้ที่ Step Garden ด้านข้างครับ
หากไม่วนเข้า Drop Off แล้วตรงต่อมา ด้านข้างนี้ก็จะเป็นเส้นทางเดินรถแบบ 2 ทาง สามารถสวนกันได้ ด้านหลังจะมีที่จอดรถแบบ Conventional Parking (ส่วนสีส้มในภาพ) หรือจะลงชั้น Basement ที่ชั้นใต้อาคาร (สีแดง) รวมแล้วมีทั้งหมด 24 คัน ซึ่งจะผ่านช่องทางสำหรับรถออกของ Automatic Parking (สีเหลือง) และ ทางวนรถออกมาจาก Drop Off ของภายในอาคาร (สีฟ้า) บริเวณสองส่วนนี้เป็นช่องรถออกมา ไม่สามารถวนเข้าไปได้นะครับ
พื้นที่คอขวดด้านหลัง ทางโครงการจัดไว้เป็น Hideaway Pavilion เป็นพื้นที่ปิดล้อม มีพื้นที่ตรงกลางเป็นที่นั่งเล่น พักผ่อนในบรรยากาศปิดล้อม เป็นทัศนียภาพที่สงบให้กับพื้นที่บนอาคารได้มองลงมาเห็นได้ด้วยครับ
มีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า เป็น Enclosed Space โอบล้อมด้วยต้นไม้และน้ำ มีม่านน้ำล้อมรอบให้บรรยากาศที่เงียบสงบ
ที่บริเวณชั้น 10 ของโครงการมีส่วนของ Serene Garden ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนรับวิวเมืองและถนนทองหล่อ ตั้งอยู่บริเวณหน้าโครงการทางด้านทิศตะวันตก
มาที่ชั้น 30 และ 31 ของโครงการเป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกเช่นกัน อย่างที่อธิบายไปบ้างแล้วในส่วนของภาพ perspective และ ภาพรวมโมเดล ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนของ สระว่ายน้ำ Reflection Pool ในชั้น 30 คร่อมด้วย สวน Skyline Garden ของชั้น 31
มีการเล่นฟอร์มอาคารเป็นแบบ Free From โดยทั้งสองพื้นที่จะเชื่อมต่อถึงกัน ด้วยทั้งการมองเห็น และช่องแสง
มาดูกันต่อที่ส่วนผังโครงการ โครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 1-3-88 ไร่ โดยมีทางเข้า-ออก 1 ทาง ที่บริเวณติดถนนทองหล่อ โดยตัวระดับพื้นภายในโครงการจะยกสูงขึ้นจะถนนทองหล่อประมาณ 1 เมตร และตัวอาคารที่ใกล้ถนนที่สุดจะมีระยะร่นเข้ามา 8 เมตร มาดูที่ชั้น 1 กันก่อนนะครับ ทางเดินรถภายใน เมื่อเข้ามาภายในจะมีทางให้เลือกสำหรับเดินรถ 2 ทางแยกเป็น 2 สี
- สีฟ้า : เส้นทางวนเพื่อนเข้าไป Drop Off สำหรับรับส่งคน โดยจะมี Drop Off 2 จุด จุดแรกอยู่ที่หน้าอาคาร Welcome Lobby ซึ่งเป็นอาคารสำหรับรองรับ Visitor และ ลูกบ้าน ส่วน Drop Off อีกจุดคือบริเวณหน้า Private Lobby ซึ่งส่วนนี้จะเข้าใช้งานได้เฉพาะลูกบ้าน เส้นทางบริเวณนี้จะสามารถวนส่งเสร็จแล้วเลือกเข้าจอดที่บริเวณ Automatic Parking เลยก็ได้ หรือจะวนรถออกไปเพื่อเลือกไปจอดแบบปกติที่ด้านในอาคาร หรือวนออกนอกโครงการด้วยเลยก็ได้ โดยบริเวณนี้ในช่วงเวลา 7.00 – 22.00 จะมี Valet Parking บริการจอดรถให้ด้วยครับ
- สีน้ำเงิน : ทางเข้าออกเพื่อไปจอดรถใต้อาคาร เป็นทางเดินรถ 2 เลน สวนกันได้ครับซึ่งที่บริเวณชั้น 1 นี้ก็จะมีที่จอดให้ด้วย 4 คัน และที่ชั้นล่างอีก 20 คัน
พื้นที่หน้า Private Lobby มีที่จอดรถ EV Charger, Car Service, Shuttle Car อยู่ 4 ที่จอดครับ ทางเข้าประตูมี Doorman Service ให้บริการเปิดประตู ยกของให้ สะดวกสบาย เมื่อเข้าไปภายในจะมีส่วนของห้องนิติบุคคล และ Mail Box Room โดยจะมี Conceice Service ให้บริการ 24 ชั่วโมง และ Private Lifts ทั้งหมด 6 ตัว Fireman Lift อีก 1 ตัวครับ ส่วนพื้นที่ด้านหลังจะเป็นส่วนของ Hideaway Pavilion พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศเงียบสงบครับ
วนมาดูที่ชั้น Ground Floor กันสักนิดนะครับ เมื่อเราวนรถตามลูกศรสีน้ำเงินมา ด้านล่างจะมีส่วนพื้นที่จอดแบบ Conventional Parking ทั้งหม ด 20 คัน และเครื่องของที่จอดรถแบบ Automatic Parking โดยที่ัชั้นนี้ก็จะมีลิฟต์วิ่งขึ้นไปสู่ห้องพักได้เช่นเดียวกันครับ
ชั้น 2 จะเป็นส่วนของ Exclusive Facilities ซึ่งสามารถขึ้นมาจาก Welcome Lobby ด้วยลิฟต์แก้ว หรือจะขึ้นมาจาก Step Garden ด้านข้างก็ได้เช่นกัน พื้นที่ในชั้นนี้เรียกว่าเป็น Main Lobby สามารถใช้งานทั้งลูกบ้าน และ Visitor โดยมี Exclusive Facilities ดังนี้ครับ
- Step Garden : ทางเดินพื้นที่สีเขียวด้านข้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเข้าของพื้นที่ส่วนนี้ สามารถยืนรับลม บรรยากาศภายนอกอาคารได้
- Kids Club : พื้นที่สำหรับเด็ก ไม่ไกลจากสายตาของผู้ปกครอง
- Greenery Space : พื้นที่ด้านหลังโครงการ สามารถรับวิว Hideaway Pavilion ที่ส่วนหลังโครงการได้
- Private Theater : ห้องดูหนังฟังเพลง ที่เน้นความเป็นส่วนตัว
- Golf Simulator : ห้องตีกอล์ฟจำลอง เป็นตัวเลือกในการออกกำลังกาย
- Meeting Room : ห้องประชุมด้านหลังโครงการ
ชั้น 3-9 เป็นส่วนของชั้น Automatic Parking ซึ่งเราจะข้ามมาดูกันที่ชั้น 10 เลยนะครับ จริงๆแล้วเป็นชั้นงานระบบ ซึ่งจะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ด้วย นั่นก็คือส่วนของ Serene Garden สวนที่เปิดมุมมองกว้างหน้าโครงการ สามารถรับวิวได้มากกว่า 180 องศา ซึ่งจะเห็นถนนทองหล่อทั้งเส้นเลยก็ว่าได้ครับ
ขึ้นมาที่ส่วนของห้องพัก จะสังเกตุได้ว่าผังอาคารถูกแบ่งออกเป็น 3 Clusters ซึ่งจะช่วยในเรื่องของช่องแสงภายใน Corridoor ทางเดิน ซึ่งจะเป็น Single Corridoor ทั้งหมด และการ Ventilation ของลมภายในอาคาร เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการเลยทีเดียว โดยจะมีบันไดและลิฟต์หนีไฟอยู่ที่บริเวณแกนกลางของอาคาร
ห้องพักจะเริ่มต้นที่ชั้น 11 เป็นต้นไป ซึ่งที่ชั้น 11-20 จะมีทั้งหมด 11 ยูนิต/ชั้น ทางโครงการจึงออกแบบห้อง 2 Bedrooms อยู่ในตำแหน่งมุมของอาคารในทางทิศตะวันตกซึ่งอย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า ในฝั่งทิศตะวันตกผนังอาคารจะเป็นกระจกโค้ง Curtain Wall Reflective Insulated ซึ่งจะสามารถป้องกันความร้อนได้ดี รับวิวได้หลายมุม รวมถึงมีกระจกโค้งตามมุมอีกด้วย
ส่วนห้อง 21-25 จะลดเหลือแค่ชั้นละ 9 ยูนิต เนื่องจากเปลี่ยนจากห้องเล็ก รวมเป็นห้องใหญ่มากยิ่งขึ้น จะเป็นห้อง 2 Bedrooms ทั้ง 4 มุมของอาคาร และเป็นห้อง 1 Bedroom อีก 5 ห้อง
ขึ้นมาถึงชั้น 30 จะมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ของโครงการอยู่ที่ชั้นนี้อีกเช่นกัน มีห้องน้ำพร้อมห้องอาบน้ำแยกชายหญิงให้ ในชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยด้วย โดยจะเป็นห้อง 2 Bedrooms 2 ยูนิต มีการเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางด้วยระบบ Key Card จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูงเช่นเดิม ส่วนพื้นที่ส่วนกลางที่ว่าประกอบไปด้วย
- Reflection Pool : สระว่ายน้ำรูปตัว L ระบบเกลือ ขนาด 25 x 5 เมตร
- Aquatic Treadmill : ที่ออกกำลังกายใต้น้ำ มีติดตั้งให้ 2 เครื่อง
- Upside Down Jacuzzi : สระ Jacuzzi รับวิวเมือง มีม่านน้ำเป็นตัวแบ่งพื้นที่
- Private Onsen : ห้อง Onsen แยกชายหญิง
- Sauna & Stream : ห้องซาวน่าแยกชายหญิง
ชั้น 31 เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่มีสวนเป็นตัวเชื่อมต่อกันกับสระว่ายน้ำของชั้น 30 และในชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นห้อง 2 Bedrooms 2 ยูนิต มีการเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางด้วยระบบ Key Card เหมือนเดิม Facilities ของชั้นนี้ประกอบด้วย
- Skyline Garden : สวนด้านหน้าโครงการรับวิวถนนทองหล่อ มีการเล่นรูปฟอร์มล้อกันกับสระว่ายน้ำ (ของชั้น 30)
- Sky Social Club : เป็นเหมือนส่วน Lounge ที่ไว้สำหรับนั่งเล่น จิบเครื่องดื่ม คุยกัน รับวิวเมือง
- Panoramic Gym : ห้องออกกำลังกายรับวิวหลายด้าน ภายในมีส่วน Bike Simulator
- Multipurpose Room : ห้องอเนกประสงค์ สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ
ซึ่งชั้นนี้สำหรับห้องพักอาศัยทางบริเวณ Lift ตัวฝั่งทิศตะวันตก (หน้าโครงการ) 3 ตัว ต้องมาต่อลิฟต์ที่ Service Lift ตรงกลาง อีก 1 ชั้นครับ
ขึ้นมาต่อที่ชั้นบน ห้องพักจะเป็น 3 Bedrooms ชั้นละ 2 ยูนิต โดยจะมีขนาดห้องเล็กลงเรื่อยๆตามความสูง
ชั้น Roof Top ต้องขึ้นจากชั้นห้อง Duplex โดยถ้าเป็นห้องทั่วไปตัองขึ้นลิฟต์ service ขึ้นมา จากนั้นเดินขึ้นบันไดมาต่อครับ ด้านบนเป็น Aestiq Peak ซึ่งจะเป็นพื้นที่ดาดฟ้า รับวิวได้ 360 องศารอบด้าน
อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือ Private Lift เป็นระบบ 1 time 1 unit ซึ่งจะทำให้แต่ละห้องพัก มีลิฟต์ที่ขึ้นไปแล้วเข้าสู่ตัวห้องได้เลย และจะไม่มีการรับใครระหว่างทาง หมายความว่าเวลาเรากดขึ้นลิฟต์ ลิฟต์จะขึ้นไปส่งเราถึงที่หมายก่อน จากนั้นจึงลงมารับคนต่อไป จะได้ประโยชน์ในเรื่องความสะดวกและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก ผมขออนุญาตใส่เบอร์ลิฟต์แต่ละตัวเพื่อที่จะอธิบายในส่วนของอัตราส่วนการใช้ลิฟต์ต่อห้องพักของแต่ละตัวนะครับ
- ลิฟต์ 1 : จะแตกต่างจะลิฟต์ตัวอื่น เนื่องจากมีประตูเปิดออก 1 ทาง ไม่ต้องแชร์กับห้องอื่น มีอัตราส่วนอยู่ที่ 1 : 29 ห้อง / ตัว
- ลิฟต์ 2 : 1 : 58 ห้อง / ตัว
- ลิฟต์ 3 : 1 : 58 ห้อง / ตัว
- ลิฟต์ 4 : 1 : 67 ห้อง / ตัว
- ลิฟต์ 5 : 1 : 66 ห้อง / ตัว
- ลิฟต์ 6 : 1 : 67 ห้อง / ตัว
- ลิฟต์ 7 : เป็นลิฟต์หนีไฟและลิฟต์ขนของด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
1st Floor
- Step Garden
- Hideaway Pavilion
- Welcome Lobby
- Private Lobby
2nd Floor
- Main Lobby
- Greenery Space
- Private Theater
- Golf Simulator
- Kids Club
- Meeting Room
3rd – 4th Floor
- Automatic Parking
10th Floor
- Serene Garden
11th – 40th Floor
- Living Area
30th Floor
- Reflection Pool
- Upside Down Jacuzzi
- Aquatic Treadmill
- Private Onsen
- Sauna & Stream
- Living Area
31st Floor
- Panoramic Gym
- Bike Simulator
- Skyline Garden
- Sky Social Club
- Multipurpose Room
- Living Area
Rooftop
- Aestiq Peak
บริการอื่นๆ และรายละเอียดปลีกย่อย
- Valet Parking บริการจอดรถให้ (7.00 – 22.00)
- Doorman Service พนักงานเปิดประตู
- รถ Luxury Car Service เป็นรถ Tesla ให้บริการ 2 คัน (7.00-22.00)
- Shuttle Service รถรับส่ง BTS ทองหล่อ (8.00 – 17.00)
- EV Charging Station 2 จุด
- Concierge Service 24 ชั่วโมง
- ลิฟต์แก้วจากชั้น 1 ขึ้น ชั้น 2
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว (Private Lift)
- ลิฟต์ขนของ 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 220 คันคิดเป็น 103%
- ระบบ CCTV / Access Card
วันนี้จะพามาชมห้อง 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 117.30 – 119.14 ตร.ม. โดยห้องนี้จะเป็นห้องด้านหน้าของอาคารทางด้านทิศตะวันตก รับวิวถนนทองหล่อ ซึ่งจะมีผนังกระจกโค้ง Curtain Wall Reflective Insulated ตามรูปด้าน Facade ของตัวอาคาร พื้นที่ภายในจึงค่อนข้างพิเศษ เปิดรับวิวแบบมุมกว้าง และสามารถมองเห็นวิงโดยรอบได้ 3 ด้าน
ซึ่งโครงการนี้จะมีความพิเศษตรงที่ได้เป็น Private Lift ในทุกๆ ยูนิต เป็นระบบ 1 Time 1 Unit คือไม่มีการจอดแวะรับ ลิฟต์ไปทีละ 1 จุดหมายเท่านั้น มีตัว Lift เป็นเหมือนประตูห้อง เปิดออกมาก็คือภายในห้องพักเลย ตัวห้องให้มาแบบ Fully Fitted คือจะได้พวกเฟอร์นิเจอร์ built-in ต่างๆ บางส่วนมาด้วย เช่น เคาน์เตอร์ครัว เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า และอีกหลายๆส่วน มีระดับพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3 เมตร ผนังฉาบเรียบทาสี มีบัวพื้นไม้สังเคราะห์ สูง 5 cm. พื้นเป็น Engineering Wood ผิวไม้โอ๊ค ในส่วนห้องครัวและห้องน้ำจะเป็นพื้น Marble Porcelain ระบบปรับอากาศภายในเป็นระบบ Concealed (แอร์ฝังฝ้า) หน้าบานตู้ต่างๆจะเป็นกระจกดำทอง (Dark Gold Tinted Mirror) และบางส่วนเป็นไม้ลามิเนต
ภายในห้องแบ่งพื้นที่การใช้งานภายในออกเป็น 6 ส่วนใหญ่ๆ คือ Foyer ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอนหลัก ห้องนอน 2 เมื่อออกมาจากลิฟต์จะพบพื้นที่แรก คือ Foyer เป็นพื้นที่โถงด้านหน้าของตัวห้อง เป็นส่วนเตรียมกระจายสู่ส่วนต่างๆภายในห้อง เข้ามาจะพบกับห้องนั่งเล่นอยู่ด้านหน้า ซึ่งจะมีแนวกระจก Full Height ยาวตลอดแนวเพื่อรับวิวภายนอก และยังเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ให้กับตัวห้องอีกด้วย ด้านในมีห้อง Master Bedroom ที่สามารถรับวิวได้เต็มที่เช่นกัน มีส่วน Walk-in Closet พร้อมกับห้องน้ำในตัวและมีอ่างอาบน้ำ และหน้าต่างกระจกสามารถรับวิวขณะอาบน้ำ จาก Foyer หากไปขวามือจะเป็นส่วนห้องนอนรอง ซึ่งจะมีห้องน้ำกลางของห้องอยู่บริเวณนั้นด้วย พื้นที่บริเวณนี้เชื่อมต่อกับระเบียงได้ ซึ่งตำแหน่งระเบียงจะตรงกับโถงทางเดิน สามารถเป็นช่องแสงให้กับโถงทางเดินได้ อีกทั้งยังช่วยระบายอากาศภายในห้องได้
จาก Foyer หากเลี้ยวซ้ายจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่มีแนวกระจก Full Height ด้วยเช่นกัน สามารถรับวิวในขณะรับประทานอาหาร ติดกันคือห้องครัว จะเป็นครัวเปิดขนาดค่อนข้างใหญ่ มีประตูเชื่อมออกไปยังส่วน Corridor ด้านนอก สำหรับทิ้งขยะ เป็นทางเข้าออกของแม่บ้านได้ และเป็นทางหนีไฟด้วยเช่นกัน ถือว่าจัดฟังค์ชั่นภายในได้อย่างลงตัวทีเดียว ไปชมรายละเอียดส่วนต่างๆกันเลยครับ
วัสดุภายในห้อง
พื้น
- ส่วน Foyer และ ครัว : Marble Porcelain สีน้ำตาลครีม
- พื้นหห้องนั่งเล่น ส่วนรับประทานอาหาร ห้องนอน : พื้น Engineering Wood ผิวไม้โอ๊ค
- ห้องน้ำ : Marble Porcelain สีขาว
ครัว
- หน้าบานตู้ในครัว : ลามิเนต
- ผนังครัว : กระจกดำทอง ( Dark Gold Tinted Mirror)
- Top เคาน์เตอร์ : หินควอซ (Quartz)
ห้องน้ำ
- Top เคาน์เตอร์ : Acrylic Solid Surface
- หน้าบานเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า (ห้องน้ำกลาง) : ลามิเนต
- หน้าบานเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า (ห้องน้ำ Master Bathroom) และตู้ในห้องน้ำ : กระจกดำทอง ( Dark Gold Tinted Mirror)
ส่วนทางเข้าห้องของโครงการนี้ค่อนข้างจะแตกต่างและไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไรนัก เนื่องจากเป็น Private Lift เมื่อเปิดประตูลิฟต์ออกมาก็เป็นภายในห้องเลย สะดวก และเป็นส่วนตัวสุดๆ แทบจะไม่ต้องไปเดินในส่วนของ Corridor ตรงกลางของชั้นเลย (แต่จะมีประตูให้ออกไปอยู่นะ) ขนาดลิฟต์ประมาณ 1.4 x 1.35 ม. วัสดุและขนาดยังไม่ได้เหมือนในห้องตัวอย่างนะครับ แต่จะประมาณๆนี้
เมื่อออกจากลิฟต์มาส่วนแรกที่จะเจอก็คือ Foyer ของห้อง ซึ่งเป็นพื้นที่เตรียมตัวสำหรับเข้าและออก พื้นที่ใส่รองเท้า เก็บของ มีระดับพื้นถึงฝ้าประมาณ 2.7 เมตร ผนังเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีบัวไม้สังเคราะห์ที่ผนังสูงประมาณ 5 ซม. ให้มาด้วยครับ ซึ่งพื้นจะปูด้วยกระเบื้อง Marble Porcelain นอกจากนี้ทางโครงการจะ built-in ตู้เก็บของมาให้ด้วยครับ พื้นที่ด้านในสามารถวางชั้นที่นั่งไว้สำหรับนั่งใส่รองเท้าได้ครับ
ตู้ที่จะได้เป็นตู้กรอบบานไม้ลามิเนต เป็นบานทรงสูง สำหรับเก็บของ เก็บรองเท้า ภายในมีไฟในแต่ละช่องด้วยครับ มีการทำหลบมุมทางเดินเข้าไปเล็กน้อย ไม่ขวางและเสียพื้นที่โถงทางเดิน
มีสวิทช์ไฟสามารถเปิดปิดได้ในแต่ละช่อง นอกจากนั้นขอบบานยังทำมุมให้จับง่าย ถนัดมือ ทำให้หน้าบานเรียบดูเรียบร้อย อีกทั้งเวลาเดินผ่านไปมาจะได้ไม่ต้องเกี่ยวแขนหรือของอะไรให้วุ่นวายด้วยครับ
เมื่อเข้ามาภายในห้องส่วนแรกคือบริเวณห้องนั่งเล่น พื้นที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว พื้นภายในห้องเป็นพื้น Engineering Wood ผิวไม้โอ๊ค มีระดับพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3 เมตร ภายในห้องใช้ระบบแอร์แบบ Concealed (แอร์ฝังฝ้า) จึงทำให้บางพื้นที่ต้องลดระดับฝ้าลงมาสำหรับพื้นที่งานระบบแอร์ จะเหลือประมาณ 2.7 เมตรครับ ที่สำคัญคือมีแนวกระจกโค้ง Full Height ยาวเป็นแนวเกือบจะครึ่งห้องเลยทีเดียว สามารถรับวิวภายนอกได้ มากกว่า 90 องศา
มาดูส่วนห้องนั่งเล่นกันก่อนนะครับ เป็นพื้นที่ที่อยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าเป็นศูนย์กลางของห้องก็ว่าได้ เป็นส่วนแยกไปยังพื้นที่อื่นๆภายในห้อง ดังนั้นทางโครงการจึงจัดกระจก Insulated แผ่นละ 1.1 เมตร Full Height สูง 3 เมตร ยาวตลอดแนวมาให้ นอกจากจะได้รับวิวภายนอกอย่างเต็มที่แล้ว ยังทำให้ห้องได้รับแสงสว่างจากภายนอกจากทั้ง 2 ฝั่ง เข้ามาสู่พื้นที่ภายใน ฝ้ามีการเว้นรางม่านมาให้บริเวณริมกระจก เก็บรายละเอียดได้ดีทีเดียว
ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.7 เมตร เหมาะกับทีวีขนาดใหญ่ 50 นิ้วขึ้นไป ดูใหญ่จุใจกันไปเลยครับ โดยมีพื้นที่โดยรอบค่อนข้างกว้าง สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ หรือจะมาเป็นชุดตัว U เลยก็ยังเหลือพื้นที่เดินสะดวกสบายทีเดียวครับ
บริเวณมุมหักของอาคาร มีกระจกเข้ามุม ที่สามารถทำให้ห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้น ดูสบายตา บริเวณนี้เป็นจุดที่รางม่านมาชนกันได้พอดี
ที่มุมของห้องมีลักษณะพื้นที่เป็นรูปทรงตามฟอร์มอาคาร จึงทำให้จัดพื้นที่การใช้สอยค่อนข้างยาก แนะนำให้จัดเป็นพื้นที่ที่ใช้พื้นที่ไม่เยอะ อิงแนวผนังทึบเป็นหลัก เช่นโต๊ะทำงาน ตู้หนังสือ หรือมุมนั่งเล่นรับวิวเป็นต้น จะได้ไม่บังกระจก ทำให้ภาพรวมห้องดูโล่งกว้างด้วยครับ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight ให้ 4 ดวงครับ ซึ่งที่แนวริมหน้าต่างมีการเว้นร่องแนวผ้าม่านไว้ให้ครับ
มาดูส่วน Common Area กันให้หมดก่อนแล้วกันนะครับ เมื่อมองย้อนกลับไปจะพบกับพื้นที่รับประทานอาหาร และห้องครัว เราไปดูกันครับ
พื้นที่รับประทานอาหารบริเวณนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและห้องครัว ซึ่งทางโครงการออกแบบให้พื้นที่ Common Area มีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด ถึงแม้จะทำกิจกรรมที่แตกต่างกันอยู่ แต่ก็สามารถมองเห็นกันได้ครับ เหมาะแก่การอยู่กันเป็นครอบครัว
พื้นที่รับประทานอาหารมีความกว้างประมาณ 3.45 เมตร มีความกว้างค่อนข้างเยอะ สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารแนวยาวได้ ซึ่งในห้องตัวอย่างจัดไว้สำหรับนั่ง 5 ที่นั่ง แต่ด้วยพื้นที่แล้ว สามารถจัดพื้นที่นั่งได้ถึง 8 ที่นั่งเลยทีเดียว ซึ่งจะมีผนังฝั่งหนึ่งเป็นผนึงทึบฉาบเรียบทาสี และฝั่งอีกฝั่งเป็นช่องแสง ซึ่งก็เว้นรางม่านไว้ให้เช่นเคย บริเวณนี้สามารถติด TV ที่ผนังทึบได้ หรือจะ Built-in เป็นชั้นหนังสือ หรือชั้นวางของ ก็ยังเหลือพื้นที่เดินโดยรอบได้เหลือเฟือเลยครับ
ที่มุมมีกระจกเข้ามุมเช่นเดียวกันกับของส่วนห้องนั่งเล่น ทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น
ผนังฝั่งช่องแสงของห้องมีหน้าต่างบานกระทุ้งขนาด 0.8 x 1.7 เมตร ช่วยระบายอากาศและกลิ่นอาหารภายในห้องได้ดีที่เดียวครับ
ฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบทาสีส่วนนี้มีระยะสูงจากพื้น 2.7 เมตร เนื่องจากเป็นแอร์แบบ Concealed (แอร์ฝังฝ้า) ให้ไฟ Downlight มา 4 ดวง ในส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารครับ
ส่วนต่อมาคือพื้นที่ครัว ซึ่งของห้องนี้จะได้เป็นครัวแบบเปิด สำหรับลูกบ้านที่ชอบทำอาหาร ก็มีพื้นที่ให้ติดฉากกั้นหรือบานเลื่อน ให้ทำเป็นครัวปิดได้ เพื่อป้องกันกลิ่นและควันไปรบกวนส่วนอื่นภายในห้อง
พื้นที่ครัวมีขนาดค่อนข้างกว้าง มีการเปลี่ยนพื้นจาก Engineering Wood เป็น กระเบื้อง Marble Porcelain ลายหินอ่อนสีน้ำตาลครีม ง่ายต่อการทำความสะอาด มีคิ้วที่พื้นคาดแบ่งประเภทพื้น ทางโครงการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้ มีขนาดพื้นที่ทำครัวภายใน ระหว่างหน้าบานเคาน์เตอร์ทั้งสองฝั่งประมาณ 2 x 2.5 เมตร
ภายในมีเคาน์เตอร์ครัว 2 ฝั่ง มาดูที่ฝั่งยาวกันก่อนนะครับ เคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหินควอซ (Quartz) พร้อมด้วยผนังครัวเป็นกระจกดำทอง (Dark Gold Tinted Mirror) พร้อมบานเปิดกระจกดำทองเช่นกันภายในเก็บของได้หลายช่องมีหลายรูปแบบ
ที่ชั้นกลางอย่างที่บอกไปแล้วว่าปิดผิวด้วยหินควอซ มี Hob&Hood และ Sink มาให้ครบ พร้อมพื้นที่เตรียมอาหารขนาดใหญ่
อ่างล้างจานแบบหลุมเดียวขนาด 60 x 40 ซม. ของ Gorenje แบรนด์นำเข้าชื่อดังจากสโลวีเนีย
เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันแบบ 4 หัว จาก Gorenje เช่นกันครับ
ชั้นด้านล่างที่ส่วนพื้นที่ตัว L เคาน์เตอร์บริเวณนี้เป็นส่วนวางอาหารสำหรับเตรียมนำไปเสริฟ จึงมีลิ้นชักสำหรับใส่อุปกรณ์รับประทานอาหารอยู่ด้านใต้ ทั้งส่วนของช่องใส่ช้อนส้อม และจานชาม เรียงตามลำดับเล็กไปใหญ่
ส่วนพื้นที่ด้านยาว มีช่องใต้อ่างล้างจานเป็นช่องขนาดใหญ่สำหรับเก็บของภายในมีถังขยะแบบยึดกับบานเปิด ซึ่งจะเปิด-ปิด ตามหน้าบาน ส่วนที่ด้านซ้ายเป็นช่องเก็บวัตถุดิบปรุงอาหาร และจานชามต่างๆ
ที่ด้านล่างยังมีเตาอบจาก Gorenje ขนาด 60×45 ซม. ซึ่งทางโครงการ built-in มาให้ด้วยครับ เรียบไปกับเคาน์เตอร์ บริเวณด้านล่างนี้สังเกตดูที่ส่วนใต้สุดจะมีการร่นระยะเข้าไป ประมาณ 10 ซม. เพื่อสำหรับวางเท้า ให้เราสามารถยืนได้ชิดกับขอบเคาน์เตอร์ครับ
ตู้เย็นทางโครงการก็ built-in ให้มาด้วยครับ เป็นตู้เย็นขนาด 20 Q. หน้าบานเป็นลามิเนต แยก 2 ระดับ ส่วนช่อง Chilled มีขนาด 1.2 x 1.1 ม. ส่วนช่อง Freeze มีขนาด 1.2 x 0.7 ม. พื้นที่ด้านบนสุดยังมีตู้เก็บของอีกด้วย ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าเลยทีเดียว
มาดูส่วนเคาน์เตอร์เล็กข้างตู้เย็นกันครับ เป็นส่วนวางของอย่างเดียว โดยมีวัสดุปิดผิวและผนังหลังครัวเป็นแบบเดียวกันกับอีกฝั่ง
ตู้ด้านบนเป็นช่องเก็บของทั้งหมด ค่อนข้างเยอะ ใช้เก็บอุปกรณ์ขนาดเล็กได้ สำหรับการแยกเก็บ
ด้านล่างเป็นชั้นวางของที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง เก็บอุปกรณ์ครัวได้เยอะครับ
ที่ผนังด้านในสุดของห้องครัว มีประตูเชื่อมต่อออกไปยัง Corridor ด้านนอก ซึ่งจะเป็นทางสำหรับไปทิ้งขยะ ทางเข้าออกแม่บ้าน และทางหนีไฟอีกด้วยครับ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีมีไฟ Downlight ให้ 4 ดวงครับ
ไปดูส่วนต่อไปของห้องกันครับ คือพื้นที่ส่วนพักผ่อน บริเวณนี้ออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว โดยการทำเป็นทางเดินยาวเข้าไปแยกจากส่วน Common Area ชัดเจน ภายในประกอบด้วยพื้นที่ห้องนอนรอง และห้องน้ำหลักของห้อง ซึ่งใช้ร่วมกับห้องนอนรองนี้ด้วย รวมถึงระเบียงซักล้างของห้องนี้ด้วยครับ
เมื่อเข้ามาภายในทางเดินขนาด 1 เมตร ที่สุดทางเดินมีประตูแยกออกไป 3 ส่วน ซ้ายมือคือห้องน้ำ ส่วนหน้าคือระเบียง ส่วนขวาคือห้องนอน ทางโครงการออกแบบให้มีระเบียงตรงกับแนวทางเดิน ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาสู่บริเวณทางเดินนี้ รวมถึงช่วยระบายอากาศและเปิดรับลมเข้ามาภายในห้องได้อีกด้วย
มาดูที่ส่วนพื้นที่ระเบียงกันก่อนนะครับ ภายในมีพื้นที่ประมาณ1 x 1 เมตร ก่อนออกจากห้องไปยังระเบียง เป็นพื้นที่ที่มาพร้อมตู้ Built-in สำหรับใส่เครื่องซักผ้า
ตู้มีความกว้างขนาด 1 เมตร วางเครื่องซักผ้าได้สบายๆ ชั้นบนมีชั้นวางของสำหรับอุปกรณ์ซักผ้า จัดมาให้พร้อมเลยครับ
เชื่อมต่อออกไปส่วนระเบียง การออกแบบห้องนี้เน้นพื้นที่ภายในห้องไม่ค่อยเน้นพื้นที่ระเบียงมากนัก ทำให้ระเบียงมีขนาดพอใช้งานได้ มีระดับพื้นลดลงประมาณ 2 ซม. พร้อมรางบานเลื่อนที่พื้น ภายนอกเป็นพื้นกระเบื้อง มีพื้นที่ภายนอกระเบียงขนาด 1.8 x 1 เมตร และราวกระจกกันตกสูง 1.1 เมตร ผนังฉาบเรียบทาสี
มีช่องเก็บ CDU. ชัดเจน พร้อมแนวระแนงเหล็กเปิด-ปิด พื้นที่ผนังสามารถทำเป็นชั้นวางของ หรือจะทำเป็นที่แขวนอุปกรณ์ทำความสะอาดก็ได้ครับ แต่ต้องระวังเรื่องแดดและฝนด้วยนะครับ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 1 ดวงครับ
มาดูกันต่อที่ห้องนอนรองกันนะครับ เลี้ยวขวาเข้ามาจากบริเวณทางเดินเมื่อสักครู่ ภายในห้องระดับพื้นถึงฝ้า 3 เมตร ขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต แล้วยังเหลือพื้นที่รอบข้างเดินสบายๆ ภายในห้องตัวอย่าง ได้ built-in ผนังมาค่อนข้างหนาของจริงจะกว้างกว่าในรูปนะครับ นอกจากนั้นยังมีหน้าต่างด้านข้าง ซึ่งจะมีบานกระทุ้ง 1 บานขนาด 1.2 x 1.8 เมตร สามารถเปิดระบายอากาศรับลมได้ด้วย
ที่ฝั่งปลายเตียงมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ มีระยะประมาณ 1 เมตร สามารถติดทีวีที่ผนังแล้วเดินผ่านได้สะดวก
ด้านข้างมีขนาด 0.65 เมตร สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้สบายๆ
ที่ฝั่งทางเข้าห้อง มีตู่เสื้อผ้า Built-in มาให้ เป็นบานสไลด์เลื่อนได้ทั้งซ้ายและขวา ถือว่าประหยัดพื้นที่หน้า ทำให้เวลาเดินเข้าออกห้องไม่ต้องห่วงเรื่องจะมีอะไรมาเกี่ยวหรือบังประตูทางเข้าเลยครับ
พื้นที่ด้านขวาของเตียงในห้องตัวอย่างมีการ built-in ผนังออกมาค่อนข้างหนา จริงๆตรงนี้จะมีระยะเท่าด้านใน ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 เมตร จากเตียง ถือว่ากว้างทีเดียว สามารถ built-in ตู้แบบในห้องตัวอย่างก็ได้ เป็นไอเดียในการตกแต่งได้ครับ
พื้นที่ด้านขวาของเตียงในห้องตัวอย่างมีการ built-in ผนังออกมาค่อนข้างหนาเหมือนในรูป สามารถทำเป็นตู้เก็บของได้ครับ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight ได้ 2 ดวง
มาดูห้องน้ำกันต่อ ซึ่งห้องนี้จะเป็นห้องน้ำหลักของห้องนี้ภายในเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประกอบไปด้วย 3 ส่วน จัดไล่ส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจน ภายในมีระดับพื้นถึงฝ้า 2.75 เมตร พื้นและผนังกระเบื้อง Porcelain Marble ลายหินอ่อนสีขาว ดูกลมกลืนกันทั้งห้อง ทำให้ห้องน้ำดูสว่าง สะอาด สบายตาครับ
พื้นที่ภายในมีขนาดค่อนข้างกว้าง ทางเข้ามีขอบยกสูงขึ้น 2 ซม. พื้นภายในลดประมาณ 2 ซม. ส่วนอาบน้ำมีขอบยกสูงขึ้น 2 ซม. เช่นกัน ที่ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นเป็นกระจกบานเปิดเข้าด้านใน พร้อมที่จับอลูมิเนียม
ภายในห้องน้ำให้มาพร้อมกระจกบานใหญ่ ยาวตลอดแนว ขนาด 0.90 x 1.65 ม.ซ่อนไฟด้านหลังสามารถเปิดปิดได้ ที่ด้านใต้กระจกมีแนวผนัง Low Wall ขนาด 15 x 80 ซม. สามารถวางของได้เยอะทีเดียว
อ่างล้างหน้าเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วย Acrylic Solid Surface มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วนและความชื้นได้ดี ตัวอ่างเป็นของ Grohe ขนาด 44 x 30 ซม. รอบข้างโดยรอบมีพื้นที่วางของค่อนข้างเยอะ สามารถวางอุปกรณ์ล้างหน้า แปรงฟันได้ดีเลยครับ
ที่ด้านล่างเป็นเคาน์เตอร์อ่าง built-in มาให้ ขนาด 80 x 40 ซม. พร้อมบานเปิด 2 บาน ใส่ของได้ 1 ช่อง ยกสูงจากพื้นเพื่อป้องกันการกระทบกับน้ำ และง่ายต่อการทำความสะอาด
โถสุขภัณฑ์ของห้องนี้เป็นโถเซรามิคจาก Inax ติดตั้งมาพร้อมกับสายชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม พร้อมใช้งานครับ
สายชำระสแตนเลสขนาดพอดีมือ มาพร้อมกับที่ใส่กระดาษทิชชู่แบบไม่มีปีกปิดกันน้ำ ต้องระวังกระดาษเปียกด้วยนะครับ
ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ แบ่งส่วนชัดเจน เป็นฉากอาบน้ำใสบานเปิดเข้าด้านใน เป็นที่จับแสตนเลส
ภายในมีพื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.9 x 1.4 เมตร มีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุม มีขอบกั้นยกสูงขึ้น 2 ซม.
ภายในส่วนอาบน้ำเป็นแบบ Hand Shower ของ Grohe ซึ่งจะมาพร้อมช่องใส่อุปกรณ์อาบน้ำ ทำเป็นชั้นด้านข้างสำหรับวางของใช้ในห้องน้ำ ขนาด 90 x 30 ซม. แบ่งเป็น 2 ระดับ
ที่ด้านฝั่งตรงข้ามโถสุขภัณฑ์มีราวแสตนเลสแขวนผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าติดตั้งมาให้
ฝ้าด้านบนเป็นแบบเฉียบทาสี มีไฟ Downlight 2 ดวงมาให้
มาดูที่ส่วนสุดท้ายกันครับ คือส่วนของห้อง Master bedroom ซึ่งจะมีทางเข้าจะส่วนด้านในของห้องนั่งเล่น เป็นส่วนเฉพาะที่แยกออกจากส่วนอื่นมีประตูแยกเข้าไปชัดเจน เข้าไปดูภายในกันครับ
ภายในส่วนของห้องนอน Master bedroom เนื่องจากมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงทำให้มีทางเดินภายในแยกออกไปซ้ายและขวา ฝั่งซ้ายเป็นส่วนของห้องนอน ส่วนฝั่งขวาเป็นพื้นที่ walk-in closet และห้องน้ำ
พื้นที่ภายในมีขนาดค่อนข้างกว้างทางเดินโล่งสบาย มีพื้นที่ทางเดินด้านหน้าประมาณ 2 เมตร
มาดูที่ฝั่งห้องนอนกันก่อนนะครับ ภายในมีระดับพื้นถึงฝ้า 3 เมตร ห้องนอนมีขนาดค่อนข้างกว้าง วางเตียง 6 ฟุต แล้วยังเหลือพื้นที่รอบข้างค่อนข้างเยอะ โดยจะมีแนวกระจกล้อมรอบ 2 ฝั่ง ภายในจัดสรรพื้นที่ได้ค่อนข้างหลากหลายเนื่องจากมีขนาดห้องใหญ่ สามารถวางโซฟา หรือโต๊ะทำงานภายในห้องได้สบายๆ
อีกจุดที่เป็น Hilight ของห้องนี้ครับ คือจะมีส่วนกระจก Full Height โค้งยาวตลอดแนว สามารถรับวิว Panorama ได้เลยทีเดียว โดยบริเวณนี้ค่อนข้างสำคัญกับการจัดวางเตียงภายในห้อง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบวิวแบบเต็มๆหน้า ก็ควรวางเตียงในแบบห้องตัวอย่าง แต่หากใครที่ชื่นชอบการดูทีวีไปด้วยในขณะนอน อาจจะหันแนวหัวเตียงเข้าผนังด้านข้าง สามารถวางโซฟาปลายเตียง และติดที่วีที่ผนังอีกฝั่งได้ครับ
บริเวณปลายเตียงมีขนาดค่อนข้างกว้าง เดินไปมาสะดวก หรือสามารถจัดเป็นมุมนั่งรับวิวได้ครับ ซึ่งบริเวณนี้จะได้รับวิวถนนทองหล่อด้านหน้าโครงการ สำหรับผู้ที่ชอบห้องที่ดูทีวีไปด้วยในขณะนอน อาจจะต้องจัดรูปแบบการวางเตียงอีกแบบ
เมื่อวางเตียง 6 ฟุตแล้ว มีขนาดพื้นที่รอบเตียงค่อนข้างเยอะ สามารถจัดวางเตียงได้หลากหลายรูปแบบ หรือถ้าชอบไอเดียในแบบห้องตัวอย่าง ก็ถือว่าสามารถเดินรอบเตียง ขึ้นลงได้สะดวกรอบด้าน
อีกมุมหนึ่งของห้องมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานชิดผนัง และยังเหลือพื้นที่เดินไปมาได้สะดวกเลยทีเดียวครับ
พื้นที่บริเวณนี้สามารถทำเป็นโต๊ะทำงาน หรือหากใครที่ชอบดูทีวี อาจจะจัดเตียงวางชิดผนังฝั่งตรงข้าม หันหน้าเข้าผนังฝั่งนี้ และทำ built-in เป็นชั้นวางทีวีก็สามารถทำได้ครับ
ฝ้าเพดานภายในห้องนี้ให้มาเป็นแบบฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 4 ดวงครับ โดยจะมีระบบปรับอากาศภายในแบบฝังฝ้า ซึ่งส่วน Walk-in Closet และห้องน้ำ จะมีระดับฝ้าลดลงเหลือ 2.7 เมตร
พื้นที่ส่วนต่อไปคือส่วนของ Walk-in Closet ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของห้องนี้ ภายในมีทั้งตู้แบบเป็นแบบหน้าบาน และแบบไม่มีหน้าบาน แต่ภายในล้วนแต่มีช่องเก็บของที่ค่อนข้างเยอะ รอบตัวเลยทีเดียว และมีตำแหน่งของทางเข้าห้องน้ำอยู่ภายใน
พื้นที่ภายในทั้งหมดมีขนาด 1.15 x 1.65 เมตร หน้าบานเป็นบานสไลดทั้งหมดทำให้ไม่เสียพื้นที่ทางเดินเลย แถมยังเป็นหน้าบานกระจกรอบด้านอีกด้วย สามารถใช้หน้าบานเป็นพื้นที่ในการแต่งตัวได้เลยครับ
ภายในตู้ต่างๆ มีทั้ง 3 ระดับ บนสุดเป็นช่องเก็บของแยก ส่วนชั้นกลางเป็นช่องราวแขวนเสื้อ ชั้นล่างเป็นช่องขนาดใหญ่และลิ้นชักต่างๆ ภายในมีไฟให้แสงสว่าง สะดวกต่อการใช้งานครับ
มาดูกันต่อที่ส่วนของห้องน้ำ Master Bathroom กันครับ ห้องนี้ส่วนตัวผมชอบมาก ภายในมีขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ระดับพื้นถึงฝ้า 2.7 เมตร จัดแบ่งลำดับส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจน แถมยังมีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายที่เลยทีเดียว ส่วนแรกคือพื้นที่อ่างล้างหน้า มีการแยกเป็น His & Her ใช้งานง่าย สะดวก มีการ built-in ทั้งตู้เคาน์เตอร์ใต้อ่าง และตู้บานสูงมาให้ด้วย รวมถึงภายในที่พื้นที่อาบน้ำ มีทั้งรูปแบบ Hand Shower, Rain Shower, และอ่างอาบน้ำมาให้ มีตัวเลือกหลากหลายในการอาบน้ำ นอกจากนั้นยังมีช่องแสงที่เปิดกว้างตั้งแต่พื้นถึงฝ้า ทำให้สามารถรับวิวภายนอกได้ในขณะอาบน้ำ มีบานกระทุ้งเปิดเพื่อระบายอากาศได้อีกด้วย
พื้นที่ภายในมีอุปกรณ์และ built-in ต่างๆที่ทางโครงการจัดมาให้ทุกอย่างถูกจัดเป็นสัดส่วนชัดเจน พื้นและผนังใช้เป็นกระเบื้อง Marble Porcelain ลายหินอ่อนสีขาว ดูร่วมกับสุขภัณฑ์แล้วสบายตา มีหน้าบานกระจก จากเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า และ ตู้แนวตั้งผิวหน้าบานกระจก Dark Gold Tinted Mirror ตัดกับสีหินอ่อนสีขาวดูเรียบแต่หรูหราครับ
ที่ผนังได้กระจกแผ่นใหญ่มาให้ 140 x 90 ซม. พร้อมทั้งเคาน์เตอร์อาบน้ำแบบ His and Her ขอบโดยรอบมีที่วางของค่อนข้างเยอะ พื้นที่ด้านล่างเป็นบานเปิด 4 บาน หน้าบานกระจก Dark Gold Tinted Mirror
กระจกสามารถเปิดได้ 2 ด้าน พร้อมชั้นวางของด้านใน ขนาดหน้าบานเปิดบานละ 60 x 90 ซม.
ขนาดเคาน์เตอร์ Top เป็น Acrylic Solid Surface 145 x 60 ซม. อ่างล้างหน้าแบบ His and Her ของ Grohe ทั้งคู่ อ่างละ 45 x 30 ซม. มีพื้นที่วางของโดยรอบเยอะทีเดียวครับ
เคาน์เตอร์ด้านล่างเปิดได้ 2 ช่อง สำหรับใส่ของภายใน ขนาด 145 x 60 ซม.มีการยกสูงขึ้นจากพื้นเพื่อป้องกันน้ำ และง่ายต่อการทำความสะอาด
ฝั่งตรงข้ามอ่างล้างหน้ามีตู้ built-in มาให้ หน้าบาน กระจก Dark Gold Tinted Mirror สำหรับใส่ของภายใน เปิดได้ 2 ตอน ด้านบนมีขนาด 160 x 65 ซม. มี 4 ช่องย่อยสำหรับเก็บของ บานเปิดด้านล่าง 1 ช่อง ขนาด 45 x 65 ซม. มีการยกสูงจากพื้นเพื่อป้องกันน้ำ และง่ายแก่การทำความสะอาด
โถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติของ Inax มีแถบควบคุมอยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งที่ใส่กระดาษทิชชู่อยู่ด้านหลัง ไม่มีสายชำระ
ด้านในสุดมีพื้นที่อาบน้ำ มีฉากกั้นกระจกใสแบ่งพื้นที่อาบน้ำชัดเจนเปิดเข้าด้านใน ภายในประกอบไปด้วย Hand Shower, Rain Shower, และอ่างอาบน้ำมาให้ ผนังเป็นแนวกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้สามารถรับวิวภายนอกได้ในขณะอาบน้ำ
ภายในพื้นที่อาบน้ำมีพื้นที่ 0.8 x 1.8 เมตร จากฉากกั้นถึงอ่างอาบน้ำมีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุม
อ่างอาบน้ำของ Bathroom Design ขนาด 80 x 170 มาพร้อมฝักบัวและที่วางของ เหมาะแก่การลงไปนอนแช่น้ำรับวิว
ฝักบัว Grohe สายยาว 1.2 ม. รูปทรงสี่เหลี่ยมแปลกตาหน่อย แต่จับถนัดมือใช้ได้เลย
กระจกที่ริมผนังเป็นแนวยาวเปิดเห็นค่อนข้างโล่ง มีบานกระทุ้งให้ด้วย 1 บาน ขนาด 1.55 x 1.15 ม. สามารถระบายอากาศภายในห้องน้ำและรับลมได้ดีทีเดียว
ส่วนอาบน้ำหลักมีทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ของ Grohe มาพร้อมช่องใส่ของอุปกรณ์อาบน้ำขนาด 90 x 20 ซม. สองชั้น
Hand Shower ของ Grohe ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือเลยครับ สามารถปรับรูปแบบการไหลของน้ำได้หลายรูปแบบ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ให้ไฟ Downlight มา 1 ดวงครับ
สวิทช์ไฟทั้งหมดของห้องเป็นของ Siemens ครับ
แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 33.62 ตร.ม.
แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.94 ตร.ม.
แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 44.38 ตร.ม.
แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 49.63 ตร.ม.
แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 52.28 ตร.ม.
แปลนห้อง 2 Bedrooms ขนาด 76.75 ตร.ม.
แปลนห้อง 2 Bedrooms ขนาด 94.78 ตร.ม.
แปลนห้อง 2 Bedrooms ขนาด 117.30-119.14 ตร.ม. (แบบห้องที่ทำการรีวิว)
แปลนห้อง 3 Bedrooms ขนาด 131.64-134.59 ตร.ม.
แปลนห้อง 3 Bedrooms ขนาด 149.66-152.89 ตร.ม.
นอกจากนี้ยังมีห้อง Duplex Penhouse ขนาด 289 – 301 ตร.ม. ที่ชั้น 38 และ 39 อีกครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25 October 2018
- ห้อง 1 Bedroom A6 ชั้น 11 ห้อง 11A6-07 เนื้อที่ 48.86 ตร.ม. ราคา 13.3 ล้านบาท หรือ 272,656 บาท/ตร.ม.
- ห้อง 2 Bedrooms B4 ชั้น 22 ห้อง 22B4-05 เนื้อที่ 94.78 ตร.ม. ราคา 28.3 ล้านบาท หรือ 299,567 บาท/ตร.ม.
- ห้อง 2 Bedrooms B6 ชั้น 22 ห้อง 11B6-01 เนื้อที่ 119.14 ตร.ม. ราคา 32.9 ล้านบาท หรือ 276,775 บาท/ตร.ม.
- ห้อง 3 Bedrooms C2A ชั้น 32 ห้อง 32C2a-06 เนื้อที่ 151.67 ตร.ม. ราคา 49.4 ล้านบาท หรือ 326,010บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 – 3 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS ทองหล่อ
- จอง 200,000 บาท
- ทำสัญญา 800,000 บาท
- ผ่อนดาวน์ 35 งวด
- ค่ากองทุน 1000 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 130 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเล – ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนซอยทองหล่อเดินทางสะดวก เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โดยถนนทองหล่อเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างสุขุมวิทและเพชรบุรี ที่ตั้งจะค่อนไปทางถนนเพชรบุรี สามารถเดินทางไปยังรามคำแหง, รามอินทรา หรือลาดพร้าวได้ไม่ยาก มีตำแหน่งอยู่ตรงข้ามกับซอยทองหล่อ 25 สามารถทะลุไปโผล่พร้อมพงษ์ อโศก ได้ หรือจะไปทางทองหล่อ 13 ก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้นหากจะไปเอกมัยก็สามารถไปทางซอยแจ่มจันทร์ (ทองหล่อ 20) หรือจะวิ่งออกไปสุขุมวิทเพื่อทะลุไปพระรามสี่, คลองเตย, พระราม 3 ทางถนนสุขุมวิท 36, 40 ก็สะดวก จะเห็นว่าการเดินทางโดยรอบทำได้ค่อนข้างหลากหลาย เป็นตัวเลือกในการหลีกเลี่ยงปัญหารถติดภายในเส้นทองหล่อได้ดีทีเดียวครับ
การเดินทางโดยใช้รถ – ค่อนข้างสะดวก ด้วยเส้นทางลัดเลาะออกได้หลายทาง ก็ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลาย สำหรับหลีกเลี่ยงปัญหารถติด นอกจากนี้ทางโครงการยังมีที่จอดรถสำหรับลูกบ้านถึง 103% ซึ่งมากกว่าจำนวนห้องพักซะอีกจึงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องที่จอดรถที่ตัวโครงการเลยครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ถือว่าสะดวกห่างจาก BTS ทองหล่อ ประมาณ 1.8 กิโลเมตร โครงการมีรถ Shuttle Car Service ทั้งหมด 2 คัน ให้บริการ สามารถรับส่ง BTS ทองหล่อ และตัวโครงการได้ ยิ่งไปกว่านั้นทางโครงการยังมี Car Service ซึ่งเป็นรถ Tesla ให้ลูกบ้านสามารถยืมใช้บริการได้อีก จำนวน 2 คัน โดยรอบโครงการยังมีป้ายรถประจำทางห่างจากหน้าโครงการประมาณ 100 ม. และภายในซอยทองหล่อ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน ก็มีรถ Taxi พี่วินมอเตอร์ไซค์ วิ่งภายในซอยตลอด
การออกแบบโครงการ – ถือว่าทำได้ดีเลยครับ ตัวอาคารมีลักษณะภายนอกที่โดดเด่น ด้วยแนวกระจกโค้ง Curtain Wall Reflective Insulated ภายนอกดูจะเป็นผืนเดียวกันทั้งหมด นอกจากจะดูสวยมีสไตล์แล้วนั้น คุณสมบัติยังช่วยสะท้อนความร้อนให้กับห้องทางทิศตะวันตกอีกด้วย นอกจากนั้นภายในห้องยังได้รับมุมมองพิเศษตามความโค้งของแนวอาคาร อีกทั้งตัวอาคารมีการแบ่งออกเป็น 3 Clusters เพื่อให้เกิดการ Ventilation ไหลเวียนอากาศภายในอาคาร และยังทำให้ตัวอาคารดูไม่ทึบตันอีกด้วย ส่วนการกระจายพื้นที่ส่วนกลาง ตั้งแต่การเข้าถึงที่แยกออกเป็น 2 Lobby เพื่อแบ่งส่วนความเป็นส่วนตัว ภายในแยกเป็น Private Lift 6 ตัว เน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อาคาร
การออกแบบห้องพัก – มีการแบ่งแยกส่วน Common Area กับส่วนพื้นที่พักผ่อนออกจากกันชัดเจน แต่ยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ การวางผังภายในห้องสอดคล้องกับผังอาคาร ทำให้ห้องพักรับวิวได้หลายด้าน อีกทั้งยังเปิดช่องแสงเข้าสู่ตัวห้องได้ค่อนข้างเยอะทีเดียว มี Foyer ด้านหน้าสำหรับเตรียมความพร้อมในการเข้า-ออกตัวห้อง พื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นศูนย์กลางแจกไปยังส่วนต่างๆของห้อง ครัวที่ได้เป็นครัวเปิดทำให้ห้องดูโปร่โล่งกว้าง แต่ก็ยังมีพื้นที่ที่สามารถติดตั้งฉากกั้นหรือส่วนแบ่งให้เป็นครัวปิดได้ มีประตูที่เชื่อมต่อไปยัง Corridor ส่วนกลาง ที่ง่ายต่อการจัดการภายในครัว ออกแบบส่วนห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ไว้ครบและลงตัวในการใช้งาน อาบน้ำสามารถมองเห็นวิวได้จากกระจกบนใหญ่ได้เต็มที่
วัสดุ – ถือว่าได้มาดีเหมาะสมกับาคา ห้องที่ได้มาเป็นแบบ Fully Fitted มีกระจก Insulated ขนาด Full Height สูง 3 เมตร ยาวตลอดแนว ซึ่งภายในห้องมีส่วนอื่นๆที่ built-in มาให้ค่อนข้างเยอะพอสมควร ทั้งส่วนเคาน์เตอร์ครัวทั้งหมด รวมถึงตู้เย็นและเตาอบ built-in ห้องน้ำที่ให้มาแบบห้องตัวอย่างทั้งหมด เคาน์เตอร์อ่างมีบานเปิดใต้อ่าง อ่างอาบน้ำ และฉากกั้น ก็ได้มาด้วย พื้นภายในห้องเป็น Engineering Wood ผิวไม้โอ๊ค ส่วนห้องน้ำและห้องครัวเป็นกระเบื้อง Marble Porcelain ลายหินอ่อน ส่วนหน้าบานเป็นกระจกดำเงา Dark Gold Tinted Mirror และไม้ลามิเนต ผนังฉาบเรียบทาสีมีบัวไม้สังเคราะห์ 5 ซม.ให้ ไฟในห้องเป็น Downlight ทั้งหมด Top ครัวเป็นหิน Quartz ส่วน Top เคาน์เตอร์ห้องน้ำเป็น Acrylic Solid สุขภัณฑ์ของGrohe และ Inax ห้องน้ำ Master Bedroom ได้โถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ
สาธารณูปโภค – พื้นที่โครงการมีพื้นที่ส่วนกลางมาหลายส่วน โดยที่เน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก เริ่มตั้งแต่การแยกพื้นที่ Lobby ออกเป็น 2 ส่วน พร้อมกับสามารถเชื่อมต่อ Exclusive Facilities มากมายที่ชั้นสอง ด้านหลังมี Hideaway Pavilion อยู่ด้านหลัง โดยเชื่อมต่อกับพื้นที่ Greenery Space ด้านหลังของชั้น 2 ด้วย ส่วน Facilities และที่ชั้น 10 มี Serene Garden ที่ได้รับวิวถนนทองหล่อเต็มๆ อีกส่วนอยู่ที่ชั้น 30 และ 31 ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ได้รับบรรยากาศมุมสูงทั้งหมด สุดท้ายก็มี Aestiq Peak อยู่ที่ยอดบนสุดของอาคารครับ
Judgement
ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ ULTIMATE CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะครับ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เป็นสินค้าประเภท Unique เสียส่วนใหญ่ และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อคอนโดระดับนี้ ไม่ตัดสินง่ายๆด้วยคะแนนแน่นอน
BOTTOM LINE
AESTIQ Thonglor เหมาะกับคนที่ต้องการอาศัยอยู่ภายในย่านทองหล่อ ได้ความอุดมสมบูรณ์ครบครัน แต่ยังอยากได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ด้วย ได้ Private Lift จำนวนเพื่อนบ้านไม่เยอะ เน้นการออกแบบที่โดดเด่นดีไซน์ Futuristic เน้นวัสดุดีตอบโจทย์การใช้งาน มีงบประมาณ 10 – 65 ล้านบาท