รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.198 – รีวิวคอนโดตากอากาศ Centric Sea พัทยา
20 มีนาคม 2016
รีวิวฉบับที่ 1036 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมตึกเสร็จของคอนโดตากอากาศจาก SC Asset กันค่ะ นั่นคือ Centric Sea พัทยา คอนโดวิวทะเล ตั้งอยู่ในตัวเมืองพัทยาบนถนนพัทยาสายสอง โครงการนี้เป็นคอนโดตากอากาศภายใต้แบรนด์ “Centric” โครงการแรกของ SC Asset เริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายนปี 2556 ซึ่ง Mr. Boom เคยทำรีวิวไว้ช่วงที่อาคารกำลังก่อสร้างก่อสร้างและพาท่านผู้อ่านไปชมวิวทะเลมุมสูงจากนั่งร้านโครงการมาแล้ว (หากใครยังเคยได้อ่านรีวิวฉบับนี้ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ) ปัจจุบันอาคารสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ตามมาดูกันว่า Centric ที่ถูกเติมคำว่า “Sea” ลงไปในชื่อโครงการจะทำออกมาได้ดีแค่ไหนค่ะ
Fact @ 19 March 2016
- เซ็นทริค ซี พัทยา (Centric Sea Pattaya)
- บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ที่ พัทยากลาง, ถนนพัทยาสาย 2 จ.ชลบุรี
- คอนโด High Rise 2 อาคาร และ Low Rise 1 อาคาร จำนวน 999 ยูนิต
- อาคาร A สูง 44 ชั้น 451 ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
- อาคาร B สูง 32 ชั้น 463 ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต
- อาคาร C สูง 7 ชั้น 85 ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 308 คันคิดเป็น 30.8% ไม่รวมจอดซ้อนคัน จอดรถที่ชั้น 1-2 ของตึก A,B และชั้น 1-3 ของตึก C ใต้อาคารทั้งหมด
- ที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ประมาณ 35 คัน มีแผนกำลังจะทำเพิ่มรวมกับที่จอดเดิมแล้วประมาณ 100 คัน
- ที่ดินประมาณ 6-0-77.9 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : เมษายน 2556
- ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้ว พร้อมเข้าอยู่
- 1 Bedroom 28-41 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 57-79 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท
- 3 Bedrooms 109 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 86,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 75,000-145,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 1749
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 12.939602, 100.887380
โครงการ Centric Sea พัทยา ตั้งอยู่บนถนนพัทยาสายสองซึ่งขนานกับถนนพัทยาสายหนึ่งที่เป็นถนนเลียบหาด ที่ตั้งโครงการมีระยะห่างจากชายหาด (วัดระยะกระจัด) ประมาณ 400 – 500 เมตร จึงมีระยะที่ไม่ห่างจากทะเลมากนัก รวมถึงพื้นที่จากชายหาดถึงที่ตั้งโครงการยังไม่มีอาคารที่สูงกว่ามาบังวิว ทำให้คอนโด Centric Sea พัทยา เป็นคอนโดตากอากาศที่สามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็นกันได้ค่ะ
การเดินทางไปยังโครงการถ้ามาจากกรุงเทพหลักๆก็คงใช้เส้นมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 วิ่งเลี่ยงเมืองชลบุรีมานะคะ มาเลี้ยวซ้ายเข้าสุขุมวิท หรือถ้ามาจากชลบุรีก็วิ่งสุขุมวิทตรงๆลงมาเลย จากถนนสุขุมวิทเลี้ยวขวาเข้าถนนพัทยากลาง และขับตรงต่อไปเรื่อยๆจนถึงถนนพัทยาสายสอง ก็เลี้ยวขวาอีกทีก็จะเจอตัวโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ
ข้อดีของทำเลที่ตั้งของโครงการนี้ จัดว่าอยู่ในใจกลางเมืองพัทยาเลยก็ว่าได้ เนื่องจาก บนถนนพัทยาสายหนึ่งและสายสองนี้ เป็นจุดที่อยู่ใกล้หาดพัทยา จัดว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว, เศรษฐกิจและความเจริญหลักๆของเมืองพัทยาเลย ใกล้เคียงโครงการมีห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร, ร้านค้า และโรงแรม บวกกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย แน่นอนว่าย่อมมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การอยู่อาศัยหรือการมาพักผ่อนระยะสั้น นอกจากนี้ทำเลตรงนี้ยังอยู่ใกล้กับถนนหลักอีก 3 เส้นของพัทยา (ในระยะขับรถ) คือ พัทยาเหนือ-พัทยากลาง-พัทยาใต้ ซึ่งเป็นจุดที่มีสำนักงาน และสถานที่ราชการประจำเมือง อาจจะเหมาะกับบุคคลอีกกลุ่มที่ทำงานที่นี่ คิดจะมาอาศัยอยู่ในระยะยาว และต้องการการเดินทางในเมืองที่สะดวก
ส่วนข้อเสียของทำเลนี้ก็มีเหมือนกัน เพราะความเจริญของพัทยาในขณะเดียวกันก็หมายถึง ความพลุกพล่านวุ่นวาย เพราะมีความเป็น “City Life” ใกล้ชิดกับแสงสีเสียงของเมืองพัทยา ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ คนที่ชอบก็จะชอบเลย แต่ถ้าคนที่อยากได้ความสงบ Private และเป็นส่วนตัว ชอบการพักผ่อนแบบปลีกวิเวก ไม่ยุ่งกับใคร อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก และข้อเสียเปรียบอีกอย่างหนึ่งของที่ตั้งโครงการ คือ เป็นโครงการที่ไม่ได้อยู่ติดหาด เพราะอยู่บนถนนพัทยาสายสอง การที่จะไปเล่นน้ำทะเลหรือไปที่ชายหาดไม่ใช่ว่าเดินออกจากรั้วโครงการแล้วจะถึงหาดเลย จะต้องอาศัยการเดิน, ขี่จักรยาน หรือนั่งรถเอา ในระยะ 400-500 เมตร ซึ่งถ้าบวกกับแดดเปรี้ยงๆของฤดูร้อนแล้วอาจจะเป็นระยะที่เหงื่อแตกกันเลยทีเดียว ไม่สะดวกเหมือนโครงการที่อยู่ติดหาดค่ะ
ในเรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์บริเวณนี้ มีจุดสังเกตอยู่อย่างหนึ่งที่คนที่ไปพัทยาบ่อยๆจะเข้าใจดี นั่นคือถนนวันเวย์ค่ะ เนื่องจากถนนพัทยาสายหนึ่ง และถนนพัทยาสายสองนั้น เป็นถนนวันเวย์ทั้งคู่ (พัทยาสายสองจะมีเฉพาะช่วงที่เลยพัทยาใต้ไปแล้วที่ไม่ใช่วันเวย์) ซึ่งมันจะสร้างความปวดหัวให้กับเราเล็กน้อย แต่คิดว่าก็คงเป็นเรื่องที่ทุกคนที่อยากจะมาอยู่พัทยาคงจะทำใจไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังมีตัวช่วยอย่างทางลัดในซอยคือซอยพัทยา 6 ที่สามารถเชื่อมถนนพัทยาสาย 2 กับถนนพัทยาสายหนึ่งได้ ไม่ต้องไปอ้อมวงเวียนปลาโลมาค่ะ
ชายฝั่งจะอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของโครงการ ระยะทาง (แบบการกระจัด) จากหน้าโครงการ ไปถึงหน้าหาด ประมาณ 400 เมตรค่ะ เดินเอาพอได้ถ้าแดดไม่แรงมาก ส่วนถ้าวัดการกระจัดจากตัวตึกไปจนถึงหน้าหาดจะได้ระยะประมาณ 500 เมตรนะคะ แปลว่า ในห้องบางห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก (และไม่โดนบังวิว) แค่เราอยู่ประมาณชั้น 10 ก็มองเห็นทะเลได้ค่อนข้างชัดเจนแล้วค่ะ ถ้าขึ้นไปชั้นสูงๆ เกินชั้น 20 ขึ้นไปจะได้วิวทะเลที่กว้างทีเดียว
อย่างเช่นถ้าเราขับรถออกจากหน้าคอนโดเรา เราก็จะถูกบังคับให้เลี้ยวขวาไปทางวงเวียนปลาโลมา ถ้าสมมติว่าเราอยากไปเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาซึ่งอยู่ด้านหลังเรา ห่างออกไปแค่ประมาณ 700 เมตร (ดูแผนที่ก่อนหน้านี้ประกอบไปด้วย) เราก็ต้องวิ่งไปอ้อมวงเวียนเพื่อไปเข้าพัทยาสายหนึ่ง จะวิ่งย้อนกลับมาทางพัทยากลางไม่ได้ หรือสามารถใช้เส้นทางพัทยาซอย 6 ที่ช่วยล่นระยะทางได้นิดหนึ่งค่ะ เพื่อเหตุที่เขาต้องทำให้ถนนสายหนึ่งกับสายสองเป็นถนนวันเวย์นี้ก็เพราะว่า ในบางเวลาปริมาณรถของถนนสองเส้นนี้มันเยอะมาก และรถก็จะติดมาก ถ้าไม่บังคับให้รถที่วิ่งไปมาถูกระบายไปในทางเดียวกัน มันอาจจะทำให้เกิดปัญหา “Dead Lock” ขึ้นมาได้นะคะ คือเป็นรถติดแบบงูกินหาง ขยับไปไหนไม่ได้เลย เพราะรถไม่มีทางระบายออกค่ะ
ไปดูสภาพแวดล้อม โดยรอบโครงการกันค่ะ เริ่มต้นที่ตัวโครงการมีหน้ากว้างติดถนนประมาณ 10 ม. ซึ่งเป็นส่วนของถนนทางเข้าโครงการ ส่วนตัวอาคารจะอยู่ลึกเข้าไปด้านในประมาณ 100 ม. ทำให้ภายในโครงการค่อนข้างสงบเหมาะกับการพักอาศัย เพราะไม่ได้รับเสียงรบกวนจากความคึกคักของ “ถนนใกล้หาด” มากนัก ส่วนตัวสำนักงานขายที่ตั้งอยู่ข้างๆ โครงการ (แต่ไม่ได้อยู่ในที่ดินของโครงการนะคะ)
ถนนพัทยาสายสองที่อยู่หน้าโครงการ เป็นถนนที่ขนานอยู่กับถนนเลียบหาด (สายหนึ่ง) ระยะทางจากถนนเส้นนี้ลงไปที่หาดอยู่ในระยะ 400-500 เมตร ยังพอเดินได้อยู่ ทำให้ถนนเส้นนี้ยังคงความคึกคักของ “ถนนใกล้หาด” เอาไว้ได้ แต่ก็น้อยกว่าพัทยาสายหนึ่ง ริมถนนก็จะมีร้านค้า มีมินิมาร์ทอยู่ตลอดสองข้างทาง
ใครที่เคยมาพัทยาบ่อยๆ หรืออาศัยอยู่ที่นี่เป็นประจำ ก็จะรู้ว่าแท็กซี่ในพัทยานั้นมีราคาสูงมาก ราคา Start เริ่มต้นอยู่แถวๆ 200 บาท ซึ่งกะฟันกำไรชาวต่างชาติเน้นๆ คนพื้นที่จริงๆ (หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่รู้ทันก็ตาม) จะนิยมนั่งรถกระบะสองแถวหน้าตาแบบนี้กันมากกว่า ราคาเบาๆ เริ่มต้นแค่ 10 บาทเท่านั้นแหละ รถสองแถวพวกนี้จะมี Loop ในการวิ่งอยู่ไม่กี่แบบ ถ้าเคยนั่งบ่อยๆก็จะเข้าใจ และเรียนรู้ได้ไม่ยาก นั่งเป็นแล้วจะเที่ยวพัทยาได้สนุกกว่าเยอะ เพราะบางทีที่จอดรถในพัทยาหายาก นั่งสองแถวเอา ราคาไม่แพง มีวิ่งตลอดเวลา และสะดวกกว่าเพราะไม่ต้องหาที่จอดรถ
ตรงข้ามโครงการจะมีโรงแรมอยู่ 2-3 แห่งเรียงติดกัน ขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง อย่างอันนี้ชื่อว่า Twin Palms Resort เป็นโรงแรมขนาดเล็ก สูง 4 ชั้น จึงไม่ได้เป็นอาคารที่บังวิวของโครงการนะคะ
ส่วนถัดมาจะมี Hard Rock Hotel ที่จะเป็นโรงแรม + Rock Pub ชื่อดังในย่านนี้ กลางคืนชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวมาก ที่ผับอาจจะมีเสียงดังหลุดๆออกมาบ้าง แต่ว่าตัวอาคารของโรงแรมจะอยู่ลึกเข้าไปจากหน้าที่ดินพอสมควร ไม่ถึงกับรบกวนจนทนไม่ได้ แต่ยังไงคนที่คิดจะมาอยู่ที่พัทยาคงจะอยากได้แสงสีเสียงอยู่แล้วแหละ
ฝั่งเยื้องๆของโครงการจะมีที่ดินเปล่าๆ ว่างๆ อยู่ ที่เห็นมีต้นไม้ขึ้นหนาๆค่ะ แปลงนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรสามารถขึ้นโครงการคอนโด High Rise ได้นะคะ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าที่ดินแปลงนี้จะเป็นอะไรค่ะ
ติดกันเป็นที่ดินเปล่าผืนใหญ่ที่สามารถสร้างคอนโด High Rise ได้อีกเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันเป็นลานเอนกประสงค์ สำหรับให้เช่าพื้นที่ จัด Event ต่างๆ เช่น Pattaya Music Festival ก็มาจัดที่นี่ค่ะ
ตัวถนนพัทยาสายสองนี้พอเลยพัทยากลางมาแล้วความคึกคักจะน้อยลงไป ถ้าเทียบกับช่วงต้นๆของถนนที่ค่อนไปทางพัทยาใต้ ก่อนที่จะมาถึงพัทยากลาง (ใกล้ๆ Central Festival นั่นแหละ) จะมีความคึกคักกว่ามาก
แถวๆด้านหน้าของโรงแรมมี 7-Eleven อยู่หนึ่งจุด สามารถเดินมาจากโครงการมาซื้อของกินของใช้เล็กๆ น้อยๆ ค่ะได้นะคะ
ตึกสูงที่อยู่ด้านหน้านี้เป็นของโรงแรม Grand Sole (แกรนด์ โซเล่) ค่ะ เป็นอาคาร Mid-Rise จำนวน 11 ชั้น ซึ่งมีความสูงประมาณชั้น 18 ของโครงการ Centric Sea ค่ะ ทำให้ตึกนี้ Block วิวของห้องพักในชั้น 3 – 18 ที่หันทิศตะวันตกของตึก B และบางห้องของตึก A ค่ะ
กลับมาที่หน้าโครงการค่ะ ต่อไปเราจะพาไปชมบรรยากาศภายในโครงการกันค่ะ
ซูมแผนที่ลงมาดูอีกระดับหนึ่งให้เห็นแนวที่ดินของโครงการชัดๆ ถ้าเอา Master Plan มาเทียบก็จะได้ประมาณนี้นะคะ ที่ดินของโครงการมีทางเข้าติดถนนพัทยาสายสอง และมีระยะ Setback ร่นเข้าไปประมาณ 100 เมตร ก่อนที่ที่ดินจะไปบานอยู่ข้างในเป็นลักษณะคล้ายๆตัว L แบบนี้ค่ะโดยที่ดินผืนนี้มีขนาด 6 ไร่นิดๆ
จุดสังเกตที่ชัดเจนอย่างหนึ่งซึ่งถ้าใครไปดูโครงการด้วยตัวเองก็คงจะเห็น ก็คือด้านหน้าโครงการมีโรงแรมเก่าแก่อยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่า โรงแรมแกรนด์โซเล่ (Grand Sole Hotel) ซึ่งเป็นอาคารสูง 11 ชั้น ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของโครงการเรียกว่าเกือบจะประชิดเลยก็ว่าได้ทำให้เกิดการ Block วิวของตึกของ Centric ไปส่วนหนึ่ง เมื่อเห็นดังนี้ทางโครงการจึงมีการจัดวางผังที่ดินตามที่เห็นโดยนำตึกที่สูงที่สุด คือ
- ตึก A สูง 44 ชั้น นำมาไว้หลังโรงแรมเลย ชั้นล่างๆที่ต่ำกว่าชั้น 17-18 นี่เรียกว่าปล่อยให้โดนบังวิวทะเลไป แต่ยอมให้มีอีกประมาณ 20 ชั้นด้านบนให้เห็นวิวทะเลชัดๆ แล้วจัดให้มี Sky Facilities ให้ลูกบ้านทุกห้องสามารถขึ้นไปใช้ได้เหมือนกันที่ชั้นดาดฟ้าของตึก
- ตึก B สูง 32 ชั้น วางขยับออกมาหน่อย ยอมให้มีบางส่วนของตึก B ถูกอาคารด้านหน้าของโรงแรมบังวิวไป แต่ยังมีประมาณครึ่งนึงของตึก กับส่วนที่อยู่ชั้นสูงๆ ที่ยังไม่โดนบังวิว แล้วก็จัดให้มี Sky Facilities เช่นเดียวกันกับตึก A จะได้ไม่ต้องไปแย่งกันใช้ มีของใครของมัน
- ตึก C จัดให้แตกต่างออกไปเลย คือเป็นตึก Low Rise 7 ชั้น ออกแบบมาไม่ได้เน้นวิวทะเลจะเน้นใช้งาน Facilities ส่วนกลางซึ่งจะมีครบเหมือนตึก A และ B แต่จำนวนยูนิตในตึกน้อยกว่ามาก ทำยูนิตแค่ 85 ยูนิต เป็นอาคาร Private จึงเหมาะสำหรับคนที่อยากได้แนวสงบๆ ปลีกวิเวก อินดี้ๆ และคนที่ต้องการอยู่คอนโดในเมืองพัทยา ไม่ได้เน้นวิว เน้นทำเลที่ดีและราคาก็ถูกกว่าตึก A และ B ตามระเบียบค่ะ
ส่วนสภาพแวดล้อมรอบโครงการ ทิศใต้ของโครงการมีที่ดินเปล่าขนาดใหญ่อยู่อีกผืนหนึ่ง สามารถขึ้นอาคารสูงได้แน่ๆ และทางด้านทิศตะวันตกตรงข้ามกับโครงการ ยังมีที่เปล่าขนาดค่อนข้างใหญ่อีก 2-3 แปลงที่ขึ้นเป็นตึกสูงได้เหมือนกัน เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ โดยเฉพาะแปลงที่ดินที่เขียนว่า “ลาน Event ให้เช่า” จะเป็นแปลงขนาดใหญ่ติดถนนสายหนึ่งและสายสองที่สามารถขึ้นได้หลายอาคารทีเดียว ซึ่งปัจจุบันที่ดินแปลงนี้จะเป็นลานจัดกิจกรรมเอนกประสงค์ เคยใช้เป็นที่จัดงานใหญ่ๆของพัทยา เช่น พัทยา Music Festival หรือ งานสงกรานต์ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะยังคงสภาพแบบนี้ต่อไปถึงเมื่อไหร่นะนะคะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งสำหรับคอนโดที่ที่ดินไม่ได้อยู่ติดหาดค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Central Center (Big C) ~ 950 ม.
- Art In Paradise ~ 1 กม.
- Central Festival พัทยา ~ 1.7 ม.
- Big C Extra ~ 2.6 กม.
- Foodland พัทยา ~ 2.8 กม.
- Walking Street ~ 2.9 ม.
- Makro พัทยา ~ 3 กม.
- King Power พัทยา ~ 3.4 กม.
ภาพรวมของภายนอกโครงการ Centric Sea พัทยา เป็นกลุ่มคอนโด 3 อาคาร อาคาร A และ B เป็นอาคาร High Rise 2 อาคาร และอาคาร C เป็นอาคาร Low Rise 1 อาคาร การจัดวางตึกเรียกว่าใส่ลงไปเต็มที่ของขนาดที่ดินเลย ทำให้การจัดวางของตึกทั้ง 3 อยู่ชิดกันมาก แต่กระนั้นโครงการก็ระมัดระวังเรื่องระยะห่างระหว่างอาคารมาพอสมควร ทำการบ้านมาดี หลบหลีกกันเต็มที่ ไม่ให้บังวิวกันเอง หรือเสีย Privacy ของห้องไปมากนัก ซึ่งทั้ง 3 อาคารมีการจัดวางอาคารที่แตกต่างกัน ดังนี้
- อาคาร A ตึกหน้าสุดของโครงการ มีรูปร่างของอาคารเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า จุดเด่นของอาคารนี้คือมีความสูงมากที่สุด (44 ชั้น) โดยหันหน้าแคบเข้าทะเล ทำให้มีมุมสำหรับนั่งชมทะเลที่ชั้นบนสุดไม่มากนัก แต่ก็เป็นตึกจะได้รับทั้งวิวเมืองพัทยาและวิวทะเลจากมุมสูงค่ะ
- อาคาร B มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายกับอาคาร A แต่มีความสูงที่น้อยกว่าคือ 32 ชั้น จุดเด่นของอาคารนี้คือหันหน้ายาวเข้าทะเลทำให้มีพื้นที่นั่งชมทะเลบนชั้นสระว่ายน้ำและ Sky Lounge ที่กว้างกว่า
- อาคาร C มีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าเช่นกัน แต่จะมีความยาวเกือบตลอดพื้นที่ดิน เว้นแค่ระยะ Set Back 2 ฝั่งของที่ดินเท่านั้น เป็นตึกที่มีความสูงเพียง 7 ชั้น จึงจะไม่ได้รับวิวทะเลแน่นอนนะคะ แต่จะเป็นตึกที่คอนข้างเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน
ทั้ง 3 อาคารมี Facilities ส่วนกลางอยู่ทุกอาคาร อาทิ Sky Infinity Edged Swimming Pool, Fitness, Sky Garden, Sky Lounge (อาคาร A และ B) และส่วนกลางอื่นๆในอีกหลายๆจุด ซึ่งเดี๋ยวจะค่อยๆพาไปชมทีละอาคารนะคะ
เริ่มจากดู Master Plan แบบชัดๆก่อน ที่ดินเป็นรูปตัว L หน้าตาประมาณนี้ มีทางเข้าออกของลูกบ้านทางเดียวคือทางถนนพัทยาสายสอง แต่จะแยกทางเข้าออกของพนักงาน, แม่บ้าน, พนักงาน Service ต่างๆไว้อีกทางหนึ่งคือทางซอยพัทยากลางซอย 16 ส่วนด้านหน้าโครงการที่ติดถนนไม่กว้างมากนักประมาณ 15 ม. จึงจะสังเกตุยากนิดนึงนะคะเวลาขับรถมาโครงการอาจต้องชะลอกันสักหน่อย พื้นที่ชั้น 1 ของโครงการไม่มีห้องพักอาศัย จะเป็นพื้นที่ของลานจอดรถซึ่งมีช่องจอด 308 คันคิดเป็น 30.8 % ไม่รวมรวมจอดแบบซ้อนคัน ซึ่งเป็นแบบไม่ Fix ช่องจอดนะคะ เส้นทางเดินรถในอาคารเมื่อขับเข้ามาด้านในพื้นที่โครงการ จะเป็นเส้นทางเดินรถแบบสวนทางกัน สามารถขับวนรอบโครงการได้นะคะ อาคารแรกของโครงการมีระยะร่นจากด้านหน้าถนนเข้าไปประมาณเกือบๆ 100 เมตร ขนาดที่ดินประมาณ 6 ไร่ วางอาคาร 3 ตึก ตามนี้ค่ะ
- อาคาร A สูง 44 ชั้น 451 ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต ชั้นจอดรถ 1 และ 2
- อาคาร B สูง 32 ชั้น 463 ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต ชั้นจอดรถ 1 และ 2
- อาคาร C สูง 7 ชั้น 85 ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต ชั้นจอดรถ 1 ถึง 3
บรรยากาศด้านหน้าของโครงการด้านที่ติดกับถนนพัทยาสายสอง ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักทางเดียวของโครงการ ด้านหน้าโครงการกว้างประมาณ 9 เมตร เป็นทางเข้าออกของรถ เข้า 1 เลน ออก 1 เลนนะคะ จากมุมนี้จะเห็นตึกสูงสีเทานั่นคือตึก A ของโครงการค่ะ มีระยะห่างจากทางเข้าประมาณ 100 ม. ส่วนตึกด้านในสุดคืออาคาร C เป็นอาคาร 7 ชั้นสีน้ำตาล ห่างจากทางเข้าประมาณ 150 ม. แม้ไม่ได้มีระยะไกลมากแต่ด้านหน้าโครงการจะมีรถกอล์ฟรอให้บริการอยู่ด้วยนะคะ
ทางเข้าโครงการเป็นไม้กระดกเปิดปิดด้วยระบบ Key Card มี ร.ป.ภ รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงและกล้อง CCTV บริเวณป้อมยามทางเข้า – ออกโครงการนะคะ ทางเข้าของคนเดินและทางเข้ารถยนต์จะเป็นทางเดียวกัน ไม่ได้แยกประตูไว้ให้นะคะ ซุ้มประตูของโครงการใช้สีเทาฟ้าสีเดียวกับอาคาร A และ B ค่ะ
เข้ามาด้านในโครงการกันแล้วนะคะ จะขับรถยนต์หรือเดินเท้าเข้ามาก็เดินตรงเข้าไปก่อนประมาณ 100 ม.นะคะ แล้วค่อยแยกไปพักอาศัยตามตึกต่างๆ สองฝั่งทางเดินจะปลูกต้นไทรสลับต้นไม้ใหญ่ไว้ตลอดแนวรั้วเลยนะคะ เวลาเดินเข้ามาก็ดูสบายตาค่ะ
ถึงทางแยกแรกแล้ว ถ้าขับรถยนต์เข้ามาต้องตรงไปก่อนนะคะ แยกนี้ห้ามเลี้ยวซ้ายค่ะ อาคารด้านซ้ายที่เจออาคารแรกนี้คืออาคาร A ถ้าจะจอดรถที่อาคาร A ก็ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายข้างหน้าค่ะ เป็นที่จอดสำหรับรถที่มีความสูงไม่เกิน 2.1 ม. เท่านั้นนะคะ สำหรับรถ
เลยตึก A เข้ามา จะพบตึก C ที่ตั้งอยู่ด้านในสุดของโครงการ สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ทางจะบังคับให้เลี้ยวซ้ายไปยังอาคาร B และอาคาร C ไม่สามารถตรงเข้าอาคาร C ไปได้นะคะ เป็นทาง One Way ส่วนทางขวามือจะมีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ให้บริการด้วยค่ะ
ที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ของโครงการมีอยู่หลายตำแหน่ง แต่ละตำแหน่งจะจอดกันเยอะทีเดียว เพราะผู้ที่มาพักผ่อนหรือนักท่องเที่ยวที่พัทยานิยมใช้รถมอเตอร์ไซค์กันค่ะ จากความคล่องตัวของการขี่มอเตอร์ไซค์ สามารถซอกแซกเส้นทางได้อย่างรวดเร็ว และหาที่จออดรถง่ายกว่ารถยนต์ ซึ่งสามารถหาเช่าได้ง่ายโดยเฉพาะที่ถนนเลียบหาด ราคาประมาณ 300-350 บาท/วัน ค่ะ
จากอาคาร A เมื่อเลี้ยวซ้ายตามลูกศรไปแล้วเราจะพบตึก B อยู่ด้านหน้าค่ะ สังเกตุอาคาร A และ B จะมีขนาดฐานอาคาร (podium) ค่อนข้างใหญ่และมีระยะระหว่างตึกห่างกันไม่มากประมาณ 12 ม. โดยฐานอาคารนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นชั้น Lobby และที่จอดรถนะคะ ไม่ได้เป็นห้องพักอาศัยจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเสียความ Private จากห้องฝั่งตรงข้ามค่ะ
ส่วนห้องพักอาศัยอาคาร A และ B เริ่มต้นที่ชั้น 3 ซึ่งตั้งแต่ชั้น 3 อาคารถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กกว่า Podium ชั้นล่าง ระยะห่างระหว่างตึก A และ B จึงมากขึ้นกว่า 12 ม. ซึ่งมีระยะห่างพอสมควรให้ไม่รู้สึกใกล้กับห้องฝั่งตรงข้ามเกินไปค่ะ ต้องบอกว่าทางโครงการคิดเผื่อลูกบ้านมาดีพอสมควร
จากมุมนี้เราจะเห็นทั้ง 3 อาคารเลยนะคะ ซ้ายมือคืออาคาร A ด้านหน้าคือออาคาร B และ ซ้ายมือคืออาคาร C ค่ะ เส้นทางเดินรถในโครงการจะบังคับให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง ซึ่งเส้นทางจะพาไปยังที่จอดรถอาคาร B, C และทางออกโครงการค่ะ
จากมุมนี้ด้านซ้ายเป็นอาคาร A ด้านขวาเป็นอาคาร B ส่วนอาคารสีขาวด้านหน้าคือ โรงแรม Grand Sole ที่เคยอธิบายไปตรงทางเข้าโครงการค่ะ นี่จะเป็นส่วนด้านหลังของโรงแรมเค้านะคะ โรงแรมมีความสูงประมาณชั้น 18 ของอาคาร Centric A และ B จึงบังวิวทะเลของห้องพักบางส่วนที่มีความสูงต่ำกว่าชั้น 19 ค่ะ ส่วนเส้นทางเดินรถถ้าตรงไปจะไปทางออกโครงการ ถ้าเลี้ยวขวาจะไปที่จอดรถของอาคาร B และ C ซึ่งจะพาเลี้ยวขวาไปดูให้ครบรอบโครงการกันก่อนค่ะ
เลี้ยวขวามาจะเป็นที่จอดรถใต้ตึก B ค่ะ ซึ่งจะยกใต้ถุนสูง ใต้ตึก B จึงสามารถจอดรถที่มีหลังคาสูงได้ ด้านซ้ายมือเป็นแนวรั้วของโครงการ ซึ่งได้ปลูกต้นไทรล้อมไว้ตลอดแนว เพิ่มบรรยากาศของสีเขียว ให้ดูร่มรื่นน่าน่าพักอาศัยค่ะ
ตรงมาเรื่อยๆทางจะบังคับให้เลี้ยวซ้ายค่ะ ประตูด้านหน้านี้เองที่เป็นทางเข้าออกของพนักงาน Service (เช่น แม่บ้าน, Reception) ซึ่งจะไปเชื่อมกับซอยพัทยากลาง 16 จากการสอบถามคือไม่ได้เปิดให้ลูกบ้านเข้าออกนะคะ ให้เฉพาะพนักงานใช้ค่ะ
ตามเส้นทางมาเรื่อยๆ ด้านขวามือจะเป็นทางเข้าที่จอดรถใต้อาคาร B อีกตำแหน่งหนึ่งนะคะ ซึ่งทำไว้ให้รถหลังคาสูงแบบพวกรถตู้ รถ Pick-up หรือรถที่ติดแร็คบรรทุกจักรยานไว้ด้านบนก็สามารถเข้าจอดได้ แต่ต้องมีความสูงไม่เกิน 3.5 ม.นะคะ ส่วนด้านหน้าที่มองตรงๆไปจะเป็นอาคาร C นะคะไปดูใกล้ๆกันค่ะ
ที่อาคาร C ส่วนนี้จะมีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ในร่มและติดกันคือทางเข้าที่จอดรถ ซึ่งจะจำกัดความสูงที่ 2.1 เมตร ถ้ารถที่ขับมาหลังคาสูงเกินก็สามารถจอดที่ใต้อาคาร B แทนได้ค่ะ เพราะที่โครงการนี้ออกแบบให้ลูกบ้านสามารถใช้ Facilities ของทั้ง 3 อาคารร่วมกันได้หมดนะคะ ถึงจุดนี้ก็พามาดูทางเข้าที่จอดรถครบทั้ง 3 อาคารแล้ว ต่อไปจะพากลับไปที่หน้าอาคาร A นะคะ
ถ้าไม่ได้เลี้ยวเข้าที่จอดรถตึก C ตรงไปตามทางจะเจอทางเข้าที่จอดรถอาคาร B อีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งทางเข้านี้จะจำกัดความสูงที่ 2.1 ม. เช่นเดียวกับอาคาร C นะคะ
ตรงผ่านทางเข้าที่จอดรถอาคาร B มาทางจะบังคับให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยังทางออกค่ะ
ขับตามทางมาเรื่อยๆ ทางจะบังคับให้เลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังทางออก จากมุมนี้เราจะเห็นช่องจอดรถรอบตึก A ซึ่งรถที่มีหลังคาสูงก็สามารถจอดได้เหมือนกับที่ตึก B ค่ะ
ตามทางมาจะมาออกที่จุดรวมพลด้านหน้าโครงการ ซ้ายมือตอนนี้เป็นอาคาร A นะคะ
กลับมาที่ทางเข้า Lobby อาคาร A แล้วนะคะ ต่อไปเราจะไปเจาะลึกรายละเอียดทีละตึกกันค่ะ ว่าแต่ละอาคารมีห้องพัก และ พื้นที่ส่วนกลางเป็นอย่างไรกันบ้าง ตึกไหนจะเห็นวิวอย่างไรตามไปชมกันค่ะ
ต่อไปเราจะพาชมทีละตึกของโครงการนะคะ เริ่มจากอาคาร A ค่ะ
เรามาค่อยๆดู Floor Plan ไปทีละชั้นนะคะ เริ่มจาก ชั้น G ทางเข้าอาคารสามารถเข้าได้จาก 2 ทางคือทาง Lobby ด้านหน้า และจากทางที่จอดรถด้านหลังค่ะ พื้นที่ในชั้นนี้หลักๆเป็นส่วนของช่องจอดรถใต้อาคาร (ประมาณ 18 คัน) และส่วนพื้นที่ Lobby เข้ามาใน Lobby นี้จะเจอ Reception และ Shop อยู่ 1 ยูนิต ซึ่งมีทางเข้าอยู่ใน Lobby มีพื้นที่ 27 ตารางเมตร ซึ่งโครงการยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นร้านอะไรค่ะ
จากส่วน Lobby นี้จะมีทางเดินที่เชื่อมไปยัง Mail Box ห้องน้ำและห้องสำนักงานนิติบุคคลซึ่งอยู่ทางด้านหลัง สำหรับความปลอดภัยนั้นจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ประตูทางเข้าโถงลิฟท์นะคะ แขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอในส่วนของ Lobby ได้อยู่ค่ะ
- ประตูทางเข้าอาคาร —>ไม่ต้องใช้ Key Card แขกของลูกบ้านสามารถเข้ามารอในส่วน Lobby ได้
- ประตูทางเข้าโถงลิฟท์ —>ใช้ Key Card แขกของลูกบ้านต้องรอลูกบ้านมารับขึ้นส่วนพักอาศัยเท่านั้นค่ะ
บริเวณหน้า Lobby อาคาร A จะตรงกับจุดของ Drop-off ของอาคาร ซึ่งเป็นจุดที่ใช้เพื่อความสะดวกสบายในการรับ–ส่งลูกบ้านนะคะ บรรยากาศด้านหน้า Lobby ดูหรูหราด้วยกระเบื้องสีขาวครีมลายเดียวกันทั้งบนผนังและพื้น เข้ากันกับประตูวงกบไม้เต็มบานจากพื้นถึงฝ้าซึ่งถูกออกแบบให้เป็นประตูเปิดออกได้หมดทุกบาน เพื่อในช่วงฤดูหนาว จะสามารถเปิดประตูรับลมหนาวจากธรรมชาติได้ค่ะ ด้านข้างเพิ่มความหรูหราด้วยสวนหินซึ่งนอกจากจะทำความสะอาดง่ายแล้วยังทำให้ประหยัดค่าส่วนกลางในการดูแลรักษาด้วย เป็นผลดีกับลูกบ้านที่ส่วนใหญ่ซื้อเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับพักตากอากาศ ก็จะไม่ต้องเสียค่าส่วนกลางมากนัก เพราะวันทำงานก็ไม่ค่อยได้มาพักอาศัยอยู่แล้วค่ะ
ส่วนบันไดทางเข้าอาคารมีบางส่วนเป็นทางลาด เพื่อให้สะดวกในการลากกระเป๋าเดินทาง รวมถึงรถ Wheelchair ของคนแก่ คนพิการ ก็สามารถขึ้นได้สะดวก นอกจากนี้ทางโครงการมีรถเข็นแบบซุปเปอร์มาร์เก็ตไว้ให้บริการด้านหน้าด้วย เผื่อลูกบ้านมีสัมภาระหลายใบจะได้สะดวกในการขนขึ้นห้องพักค่ะ
เนื่องจากเป็นโครงการใกล้ทะเล เวลาลูกบ้านไปเล่นทะเลก็มักมีทรายติดรองเท้ามาเสมอ บริเวณทางเข้าประตูจึงมีพรมดักฝุ่น ดักทราย ซึ่งถูกออกแบบให้มีความยาวตลอดด้านหน้าประตู เพื่อช่วยไม่ให้ด้านใน Lobby สกปรกมากนักนะคะ
ส่วนภายใน Lobby จะมี Reception และมีชุดโซฟาไว้รับรองอยู่ 3 ชุดค่ะ บรรยากาศภายในดูสะอาดด้วยกระเบื้องสีขาวครีมลายเดียวกับภายนอกอาคารนะคะ ซึ่งโถง Lobby นี้มีระยะจากพื้นถึงฝ้าสูงถึงประมาณ 3 เมตร และประตูวงกบไม้ตัวบานเป็นบานกระจก บานประตูสามารถเปิดได้ทุกบานทำให้ฤดูหนาวสามารถเปิดเพื่อรับลมหนาวได้เต็มๆนะคะ ขวามือมีทางเดินไปในส่วนของ Mail Box ห้องน้ำและห้องนิติบุคคลที่อยู่ด้านหลังค่ะ
สองฝั่งทางเดินนี้จะเป็น Mail Box และ ห้องน้ำชาย หญิงทางฝั่งซ้าย ด้านในสุดเป็นห้องประชุมของโครงการค่ะ ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นทางไปที่จอดรถ ส่วนของ Lift Lobby และ สำนักงานนิติค่ะ
บรรยากาศในส่วนห้อง Mail Box จะเป็นช่องเล็กๆใส่จดหมายอยู่ในขนาดที่พอใช้ได้สำหรับคอนโดตากอากาศที่ไม่ได้มีคนส่งจดหมายมาเป็นประจำ ถ้าเป็นคอนโดลักษณะเดียวกันนี้แต่อยู่ในกรุงเทพคงต้องบอกว่าขนาดเล็กเกินไป ติดกันกับห้องจดหมายเป็นห้องน้ำชาย และห้องน้ำหญิงค่ะ ด้านในสุดจะเป็นห้องประชุมของโครงการนะคะ
จากห้องประชุมเดินทะลุด้านหลังมาจะเป็นส่วนของ Lift Service ของโครงการจำนวน 1 ตัวค่ะ
ถ้าเดินผ่านห้อง Lift Service ไปทางด้านหลังจะมีห้องนิติบุคคลอยู่ติดกับที่จอดรถค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของ Lobby เมื่อมองจากฝั่ง Reception จะมีประตูกั้นในส่วนของ Lift Lobby ที่จะใช้ขึ้นไปชั้นบนค่ะ
เริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ประตูเข้า Lift Lobby ด้านในนะคะ เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ผู้ที่ไม่มีบัตรจะขึ้นไปชั้นห้องพักไม่ได้ค่ะ Key Card ที่นี่เป็นแบบล็อกชั้นนะคะ ขึ้นได้เฉพาะชั้นที่อยู่อาศัย และชั้น ส่วนกลางคือชั้น 3 (Roof Garden), ชั้น 40 (Mini-Roof Garden) และชั้น 44 (Sky Infinity Edge Pool, Sky Fitness, Sky Lounges) ค่ะ
ลักษณะของ Key Card ของโครงการค่ะ แตะเบาๆจะได้ยินเสียง “ติ๊ด” พร้อมแล้ว..ก็เข้าไปชมด้านในอาคาร A กันต่อเลยค่ะ
เข้ามาเป็นโถงลิฟท์ของอาคารจะมีโถงลิฟท์ตำแหน่งเดียวอยุ่ตรงกลางของตัวอาคาร มีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งการจัดตำแหน่งไว้ตรงกลางมีข้อดีที่ทำให้ห้องพักทั้ง 2 ฝั่งของอาคารมีระยะไม่ห่างจากโถงลิฟท์มากค่ะ บริเวณหน้าลิฟท์จะมีป้ายบอกชั้นติดไว้เรียบร้อยค่ะ
ด้านบนหน้าลิฟท์จะมีหน้าปัด Digital แสดงชั้นที่ลิฟท์หยุดอยู่ ภายในลิฟต์สว่างพอสมควรทีเดียววัสดุโดยรอบเป็นสแตนเลสภายในกรุกระจก ทำให้บรรยากาศภายในลิฟท์ดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด มุมบนติดกล้อง CCTV เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ลิฟท์ค่ะ
ปุ่มกดภายในลิฟท์จะใช้คู่กับ Key Card นะคะ โดยลิฟท์จะถูกล็อกชั้นให้ใช้ได้เฉพาะชั้นที่พักอาศัยและชั้นที่มี Facilities ส่วนกลางเท่านั้นค่ะ แผงปุ่มกดจะแยกปุ่มออกเป็น 2 สี แต่ไม่ได้มีความแตกต่างกันของชั้นพักอาศัยนะคะ ทำเพื่อให้สามารถกดชั้นได้ง่ายขึ้นเท่านั้นค่ะ
ชั้น 2 ของตึกเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดนะคะ โดยเชื่อมต่อกับส่วนพักอาศัยในอาคารด้วยลิฟท์ 3 ตัว สัดส่วนของพื้นที่จอดรถทั้งหมด ที่ตึก A นี้จะจอดรถได้ 2 ชั้น คือ 55 คันในช่องจอด ไม่รวมซ้อนคัน (และไม่แน่ใจว่าซ้อนคันได้หรือเปล่าเมื่อดูจากพื้นที่) เทียบกับลูกบ้านตึก A อย่างเดียว คือประมาณ 12% แปลว่า ในช่วง High Season คนของตึก A อาจจะจอดในตึกตัวเองไม่พอ และต้องออกไปจอดที่ตึกอื่นๆ หรือ จอดนอกอาคารนะคะ ซึ่งก็จะไม่สะดวกเท่าไหร่ โดยที่อัตราส่วนรวมของทั้งโครงการอยู่ที่ประมาณ 30.8% ซึ่งน่าจะพอเพียงที่จะรองรับลูกบ้านทั้งโครงการได้ ในช่วง Low Season แต่ถ้าเป็นช่วง High Season อันนี้ต้องลุ้นกันอีกทีค่ะว่าคนที่ซื้อห้องคอนโดที่นี่จะชอบมาพักผ่อนกันเยอะแค่ไหน
ทางเข้าที่จอดรถมีป้ายบอกทาง In – Outไว้ชัดเจนดีค่ะ ความสูงของที่จอดรถ มีระยะ 2.1 ม. เหมือนกับของอาคาร B และ C นะคะ
ภายในมีลูกศรบอกทางขึ้นลง อีกเช่นกัน
บรรยากาศภายในที่จอดรถค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียว เนื่องจากมีระยะผนังถึงฟ้าสูงทีเดียว และมีช่องรับแสงและระบายอากาศจำนวนมาก ซึ่งช่องรับแสงเหล่านี้ยังทำให้ ประหยัดค่าไฟของส่วนกลางอีกด้วยค่ะ
ภายในที่จอดรถจะมีลิฟต์ 3 ตัว ซึ่งเป็น Lift Lobby ที่เชื่อมเข้าตัวอาคารได้เลย จึงค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ
ชั้น 3 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัยชั้นแรกของตึก A โดยมีห้องพักอาศัย 12 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 10 ห้อง (ขนาด 31.5-35.7 ตร.ม.) และห้อง 2 Bedroom 2 ห้อง (ขนาด 57.5-58.4 ตร.ม.) การจัดเรียงห้องพักเป็นรูปตัว L แบบ Double Corridor ตามแนวตึกทำให้เกิดห้องมุม 5 ห้อง โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวอยู่ตรงกลางอาคารทำให้ห้องทั้ง 2 ฝั่งอาคารมีระยะห่างจากโถงลิฟท์พอๆกันโดยห้องที่อยู่ไกลจากลิฟท์ที่สุดมีระยะประมาณ 15 ม.ค่ะ ลิฟท์มีทั้งหมด 3 ตัว รองรับลูกบ้านตึก A ทั้งหมด 451 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 150:1 เทียบกับความสูงอาคารอยู่ที่ 44 ชั้น จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้สำหรับคอนโดตากอากาศที่ไม่ได้มีคนมาพักตลอดเวลา ถ้าเป็นคอนโดลักษณะเดียวกันนี้แต่อยู่ในกรุงเทพคงต้องบอกว่าน้อยเกินไป และนอกจากนี้มีลิฟท์ Service อีกหนึ่งตัวที่เข้าจากอีกด้านหนึ่ง ใกล้ๆกับสำนักงานนิติบุคคล
ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 2 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาของลิฟท์ ซึ่งบันไดทั้ง 2 ตัวสามารถลงไปยังลานจอดรถที่ชั้น 1 ได้ค่ะ บางส่วนของชั้นนี้จะเป็นพื้นที่สวนสำหรับเดินเล่น หรือนั่งพักผ่อน พร้อมทั้งเป็นพื้นที่สีเขียวให้กับโครงการ ซึ่งลูกบ้านทั้ง 12 ห้องที่อยู่ในชั้นนี้ก็สามารถเปิดประตู้ห้องเดินออกมาที่สวนได้เลยโดยไม่ต้องลงลิฟท์มาใช้ค่ะ ต่อไปเป็นเรื่องวิวในชั้นนี้
- ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (หันหน้าไปหาทะเล)แม้ว่าจะโดนโรงแรมแกรนด์ โซเล่ บังวิวทะเลเต็มๆ แต่ก็ตึกของโรงแรมก็ไม่ได้มีระยะประชิดกับอาคาร A มากนักห่างกันประมาณ 30 ม. ซึ่งห้องในทิศนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำของโรงแรมแทนค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะได้วิวสวนนะคะ ซึ่งห้องเหล่านี้จะมีข้อดีที่ได้รับวิวที่ดีแต่ก็มีข้อเสียที่จะเสียเรื่องความเป็นส่วนตัวไปเหมือนกันค่ะ ส่วนอาคาร C อยู่ด้านหลังทางฝั่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นสวนส่วนกลางเช่นกัน จึงจะไม่เห็นตัวอาคารชัดๆค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะหันออกด้านข้างของโครงการ ซึ่งที่ดินด้านนี้ติดกับแปลงที่ดินที่เป็นที่ว่าง ซึ่งยังไม่มีอาคารบล๊อกวิวในระยะประชิดนะคะ ต้องรอลุ้นโครงการที่จะขึ้นในอนาคตค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีห้องส่วนใหญ่จะหันหน้าเข้าสวน แต่จะมีบางห้องที่หันหน้าออกด้านข้างโครงการ ซึ่งแปลงที่ดินด้านนี้มองออกไปตรงๆไม่ได้มีตึกสูงในระยะประชิด แต่จะโดนบล๊อกวิวซ้ายขวา ด้วยโรงแรมแกรนด์ โซเล่ และอาคาร B ของโครงการเองค่ะ
ทางเข้า Roof Garden ของโครงการจะอยู่ติดกับโถงลิฟท์ สวนในชั้นนี้จะเป็นรูปตัว L ล้อมอาคารไว้ฝั่งหนึ่งนะคะ
บรรยากาศภายในสวนหย่อมร่มรื่นพอสมควร มีการจัดชุดโต๊ะสนามไว้ให้ใช้เป็นพื้นที่ที่สามารถมานั่งเล่น นั่งทำงานได้ค่ะ การจัดวางพื้นที่สวนหย่อมนี้ให้อยู่ระหว่างอาคาร A และ อาคาร B ทำให้พื้นที่นี้ได้รับร่มเงาจากอาคารที่ขนาบซ้ายขวาตลอดทั้งวัน แต่การจัดผังก็จะมีห้องที่ติดกับสวนเลย ซึ่งพื้นที่ระหว่างห้องพักอาศัยในชั้น 3 และพื้นที่สวน กั้นกันเพียงไม้พุ่มเตี้ยและระเบียง ทำให้ความปลอดภัยในการอยู่อาศัยบนชั้น 3 ของห้องฝั่งวิวสวนนี้ลดลง อย่าลืมล๊อกประตูห้องประตูระเบียงนะคะ
อีกมุมหนึ่งของสวนซึ่งเป็นสวนหินค่ะ การจัดสวนหินมีข้อดีที่ดูแลง่าย ก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลส่วนกลางด้วยค่ะ
สวนด้านนี้จะไม่ได้ถูกขนาบด้วยอาคาร 2 ฝั่งนะคะ ตอนกลางวันจึงจะร้อนนิดนึง ฝั่งนี้จึงจัดเป็นสวนต้นไม้ มีการปูหญ้าเพื่อให้ต้นไม้ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ซึ่งตอนเย็นบรรยากาศตรงฝั่งนี้คงจะน่านั่งทีเดียวค่ะ
มีการจัดเป็น Sunken Seat คือการฝั่งที่นั่งลงไปในระดับเดียวกับต้นไม้ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้รู้สึกใกล้ชิดและโดนโอบล้อมโดยธรรมชาติ
สวนส่วนกลางตำแหน่งนี้ยังมีข้อดีที่เป็นจุดพักผ่อนทางสายตาให้แก่ห้องพักโดยรอบทั้ง 3 อาคารเลยนะคะ ช่วยทำให้บรรยากาศในการพักผ่อนที่นี่ดูร่มรื่นมากขึ้นค่ะ
ตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น ผังชั้น 4-7 ห้องพักจะเหมือนกับชั้น 3 นะคะ ต่างกันตรงที่ชั้นนี้ไม่มี Facilities แต่ชั้น 6-7 จะมีห้อง 1 Bedroom อยู่ชั้นละห้องที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นคือห้อง 37.3 ตร.ม. เรื่องวิวในทิศต่างๆจะยังไม่ต่างจากชั้น 1-3 นะคะ ส่วนที่ต่างจะเป็นมุมมองของวิวนิดหน่อย โดยห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะ ชั้น 4-5 จะเห็นสวนได้กำลังดี แต่ชั้น 6-7 น่าจะได้วิวสวนในระยะไกลแล้วค่ะ แต่ก็มีข้อดีที่จะยังได้ Privacy ค่ะ และยังคงมีบางห้องที่หันหน้าออกด้านข้างโครงการ ซึ่งมองออกไปตรงๆไม่ได้มีตึกสูงในระยะประชิด แต่จะยังโดนบล๊อกวิวซ้ายขวา ด้วยโรงแรมแกรนด์ โซเล่ และอาคาร B ของโครงการอยู่นะคะ
ชั้น 8-9 ผังโดยรวมจะเหมือนชั้น 4-7 นะคะ ต่างกันตรงที่ชั้นนี้มีจำนวนห้องพักลดลงเหลือ 10 ห้อง จะมีห้อง 1 Bedroom 8 ห้อง (ขนาด 31.5-37.3.7 ตร.ม.) และห้อง 2 Bedroom 2 ห้อง (ขนาด 57.5-58.4 ตร.ม.) วิวจะยังเหมือนในชั้น 4-7 นะคะ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือยังไม่พ้นการบล๊อกวิวจากโรงแรม และด้านข้างทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังโดนบล๊อกจากอาคาร B อยู่ ส่วนด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้เริ่มพ้นอาคาร C ก็จะเห็นวิวเมืองแล้วค่ะ
ชั้น 10-18 ผังโดยรวมจะเหมือนชั้น 8-9 นะคะ ต่างกันตรงที่ชั้นนี้มีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นเป็น 12 ห้อง จะมีห้อง 1 Bedroom 10 ห้อง (ขนาด 31.5-37.3.7 ตร.ม.) และห้อง 2 Bedroom 2 ห้อง (ขนาด 57.5-58.4 ตร.ม.) วิวจะยังเหมือนในชั้น 8-9 นะคะ
ชั้น 19-39 ผังโดยรวมจะเหมือนชั้น 10-18 นะคะ ต่างกันตรงที่ชั้นนี้มีจำนวนห้องพัก 11 ห้อง จะมีห้อง 1 Bedroom 8 ห้อง (ขนาด 31.5-37.3 ตร.ม.) และห้อง 2 Bedroom 3 ห้อง (ขนาด 57.5-66.1 ตร.ม.) ซึ่งตำแหน่งของห้อง 1 Bedroom ขนาด 37.3 ตร.ม. ที่จะมีชั้นละ 1-2 ห้องจะสลับตำแหน่งไปเรื่อยๆในแต่ละชั้น จุดนี้เองทำให้รูปด้านของอาคาร A นี้ดูมีมิติ นอกจากนั้นห้อง 2 Bedroom ขนาด 66.1 ตร.ม. ตั้งแต่ชั้น 33 ขึ้นไปภายในห้องน้ำจะมีอ่างอาน้ำ ซึ่งเป็น Sexy Bath เห็นวิวทะเลค่ะ ต่อไปคือเรื่องวิวในชั้นนี้ ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (หันหน้าไปหาทะเล) ตั้งแต่ชั้น 19 เป็นต้นไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะไม่ถูกโรงแรมบังแล้วนะคะ สามารถเห็นวิวทะเลได้แล้วค่ะ ส่วนห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ได้วิวสวนระยะไกล และบล๊อกวิวด้วยอาคาร B จนถึงชั้น 35 จะพ้นยอด Sky Lounge ของอาคาร B ค่ะ
ชั้น 40 ผังโดยรวมจะเหมือนชั้น 19-39 นะคะ ต่างกันตรงที่ชั้นนี้มีสวนส่วนกลางอีกตำแหน่งหนึ่งเป็น Mini-Roof Garden คือเป็นสวนลอยฟ้าเหมือนชั้น 3 แต่จะมีขนาดเล็กกว่า ชั้นนี้จะมีจำนวนห้องพัก 9 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 6 ห้อง (ขนาด 34.7-37.2 ตร.ม.) และห้อง 2 Bedroom 2 ห้อง (ขนาด 57.5-66.1 ตร.ม.) และห้อง 3 Bedroom ชั้นละ 1 ห้อง (ขนาด 96.6 ตร.ม.) เรื่องวิวเปิดโล่งหมดทุกด้านแล้วค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ Sea View ฝั่งพัทยาเหนือ
- ห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ City View
- ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ Sea View บริเวณแหลมบาลีฮาย
- ห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ City View และ สามารถเห็น Sea View ได้นิดหน่อยค่ะ
ทางเข้า Mini-Roof Garden ในชั้นนี้ค่ะ ประตูเป็นบานกระจกกรอบอลูมิเนียม สามารถเข้าในสวนได้เลยไม่ต้องใช้ Key Card ค่ะ เพราะลิฟท์จะ Lock ชั้นอยู่แล้วค่ะ ส่วนของห้องพักอาศัยจะมีประตูกั้นอีกชั้นหนึ่งซึ่งประตูนี้ต้องใช้ Key Card ค่ะ ผู้ที่มาใช้บริการสวนในชั้นนี้จึงสามารถใช้ได้แค่สวนไม่สามารถเข้าในโถงทางเดินห้องพักได้นะคะ
บรรยากาศภายในสวนจะเล่นระดับของบันไดเป็นขั้นๆ ซึ่งแต่ละขั้นมีความสูงกว่าปกติให้สามารถนั่งห้อยขาลงได้ มีต้นไม้ใหญ่อยู่บริเวณน 2 มุมของสวน ในชั้นนี้ระเบียงไม่ได้สูงมากทำให้สามารถเห็นวิวทะเลและวิวเมืองได้เลยนะคะ
ฝั่งขวามือของสวน (หันหลังให้ประตู) จะเห็นวิวทะเลฝั่ง Central Festival Pattaya ได้นะคะ ที่ดินที่ยื่นเข้าไปในทะเลตรงนั้นคือแหลมบาลีฮาย ซึ่งใกล้กันนั้นเป็นที่ตั้งของเขาพระบาทที่เป็นจุดชมวิวชื่อดังของเมืองพัทยา สามารถเห็นอ่าวพัทยาได้โดยรอบ เป็นโค้งน้ำคล้ายวงพระจันทร์ค่ะ
อีกมุมหนึ่งเป็นวิวเมืองของพัทยา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารที่มีความสูงไม่เกิน 10 ชั้น ทำให้มุมนี้สามารถเห็นเส้นขอบฟ้าได้ชัดเจนค่ะ
ส่วน Facilities หลักๆของตึก A จะถูกนำขึ้นมาไว้ที่ชั้น 44 นี้ค่ะ ตรงนี้ก็จะมีสระว่ายน้ำแบบ Infinite-Edge Pool แบบไม่มีขอบ หรือท่ีเราชอบเรียกว่า “สระน้ำล้น” นั่นแหละค่ะ ซึ่งจะสามารถว่ายน้ำไปด้วยแล้วก็ชมวิวทะเล หรือพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อมๆกันได้ แล้วก็จะมี Deck นั่งชมวิว แบบ Semi-Outdoor อยู่ทางด้านทิศใต้ พร้อมกับ Sunken Seat สำหรับออกมานั่งชมวิวได้ ซึ่ง Facilities ตรงนี้จะได้ใช้ประโยชน์มากโดยเฉพาะในกรณีที่มีการจัดงานเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลพลุนานาชาติที่จัดทุกปลายปี ซึ่งเขาจะจุดพลุกันบริเวณหน้า Central Festival พัทยา เราก็ขึ้นมาชมวิวบนนี้ได้เลยค่ะ
ออกจากลิฟท์ชั้น 44 มาจะเจอประตูทางเข้าสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นประตูกระจกวงกบไม้มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าทำให้ทางเข้าดูโปร่งมากค่ะ ส่วนถ้าใครไม่ชอบอากาศร้อนธรรมชาติของเมืองไทย สามารถขึ้นไปนั่งตากแอร์ชมวิวทะเลบนชั้น Sky Lounge ได้ด้วยประตูทางด้านซ้ายค่ะ เดี๋ยวเราจะไปชมชั้นสระว่ายน้ำให้ครบก่อนค่อยขึ้นไปด้านบนนะคะ
ออกจากประตูของโถงลิฟท์มาจะเจอกับทางเดินตรงไปสู่สระว่ายน้ำวิวทะเล ด้านซ้ายเป็น Sunken Seat คือที่นั่งชมวิวจะอยู่ติดกับราวระเบียงกระจกไว้สามารถนั่งชมวิวแบบ Panorama ได้เลยค่ะ
ที่นั่งแบบ Sunken Seat บนชั้นนี้จะฝังตัวลงไปเป็นทรงกลมในบ่อน้ำ ทำให้รู้สึกเหมือนกับนั่งชมวิวอยู่ในบ่อน้ำค่ะ
การออกแบบราวระเบียงจะใช้เป็นกระจกลามิเนตซึ่งจะแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดา และเวลาที่กระจกแตกเศษกระจกจะติดอยู่กับฟิล์มไม่ร่วงหล่นมาเป็นอันตราย ติดตั้งแบบ Frameless เลยทำให้ไม่มีขอบกระจกบังสายตานะคะ
การใช้กระจกแบบ Frameless ทำให้เวลานั่งชมวิวจะไม่มีอะไรบังสายตาเลยค่ะ วิวที่ได้ก็จะประมาณนี้ แต่เวลานั่งลงไปใน Sunken Seat วิวจะกว้างขึ้นไม่เห็นเสาทั้ง 2 ฝั่งเลยนะคะ
จุดนั่งชมวิวบนชั้นสระว่ายน้ำอีกจุดหนึ่งนะคะ ถ้าชอบแบบมีเบาะรองนุ่มๆก็นั่งมุมนี้ดีกว่าค่ะ ทางโครงการวางเก้าอี้ให้หันออกด้านนอกอาคารนะคะ จึงสามารถนั่งชมวิวได้เต็มๆเช่นกัน วิวก็จะเป็นคนละมุมกับที่เห็นเวลานั่งใน Sunken Seat นะคะ
ถัดมาคือส่วนของสระว่ายน้ำแบบ Infinite-Edge Pool มีขนาดกว้างยาวประมาณ 9 x 15 ม. ขนาดพอใช้ว่ายออกกำลังกายได้แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต 451 ยูนิตในอาคารนี้ค่ะ
จากขอบสระว่ายน้ำนี้สามารถเห็นวิวทะเลได้เลยนะคะ ถ้ามาใช้บริการสระน้ำก็จะสามารถว่ายน้ำไปด้วยแล้วก็ชมวิวทะเล หรือพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อมๆกันได้เพราะทะเลพัทยาเป็นทะเลฝั่งตะวันตกค่ะ
ภายในสระน้ำมี Daybeds เป็นเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนและรับวิวรอบสระว่ายน้ำ ลูกบ้านที่ไม่ชอบว่ายน้ำจะมานั่งชมวิวบน Daybeds นี้ก็ได้ จากมุมนี้จะเห็นวิวของแหลมบายลีฮายค่ะ
อีกมุมหนึ่งของสระว่ายน้ำเป็น Jacuzzi ค่ะ สามารถมานั่งชมวิวพร้อมนวดตัวด้วย Jacuzzi ก็ชิวไปอีกแบบค่ะ
ที่ล้างตัวก่อนลงสระมาตั้งแอบอยู่ด้านในสุดของสระนะคะ ข้อดีของการมีสระว่ายน้ำอยู่ชั้นบนสุดคือไม่ต้องกังวลเลยว่าจะถูกแอบมองจากอาคารข้างๆ เพราะชั้น 44 ของตึก A เป็นชั้นที่สูงที่สุดในพื้นที่บริเวณนี้นะคะ
ที่ชั้น 44 ยังมีชั้นล่างซ่อนอยู่ด้วยนะคะ ซึ่งเป็นส่วนของห้องน้ำ ภายในจะมี Sauna, ตู้ล็อกเกอร์, ห้องอาบน้ำ, ห้องสุขา แยกหญิงชายไว้ค่ะ ส่วนด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำจะเป็นพื้นที่สวนนั่งเล่นซึ่งจัดเตรียมไว้ให้นั่งรับวิวได้อีกมุมค่ะ
เดินลงมาจากชั้นสระว่ายน้ำ ฝั่งซ้ายจะเป็นที่นั่งชมวิวในสวนอีกตำแหน่งหนึ่งค่ะ ส่วนฝั่งขวาจะเป็นทางไปห้องอาบน้ำและ Sauna ค่ะ
สวนตรงนี้เหมาะกับคนที่จะมานั่งรอหรือเก็บของให้เรียบร้อยหลังจากการอาบน้ำ หรือ Sauna นะคะ เพราะเวลานั่งแล้วพุ่มไม้จะบังวิวในระดับสายตาพอดี จึงไม่เหมาะสำหรับการนั่งชมวิวเท่าไหร่
ฝั่งตรงข้ามที่นั่งชมวิวในสวนจะเป็นบ่อน้ำพุ ซึ่งจะอยู่ตรงทางเข้าของห้องอาบน้ำและ Saunaค่ะ
นี่คือบริเวณทางเข้าห้องอาบน้ำและ Sauna มีน้ำพุและน้ำตกอยู่ตรงทางเข้าทำให้เกิดเสียงน้ำ “ซู่ซ่า” ตลอดเวลา ซึ่งช่วยทำให้บรรยากาศดูชุ่มชื่นขึ้นค่ะ
ห้องน้ำจะแยกห้องชายหญิงเอาไว้ ห้องซ้ายมือคือห้องผู้หญิง ห้องขวามือคือห้องผู้ชาย
ภายในห้องน้ำจะมีอ่างล้างมือ ด้านหลังอ่างล้างมือเป็นห้อง Sauna ค่ะ
ภายในห้อง Sauna นั่งได้ประมาณ 2-3 คนค่ะ
ห้องสุขามีขนาดพอใช้งานได้ และมีห้องอาบน้ำเอาไว้สำหรับล้างตัวเวลาว่ายน้ำเสร็จ ผนังด้านหลังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่นค่ะ
ภายในห้อง Steam นั่งได้ประมาณ 3-4 คนค่ะ
ตู้ล็อกเกอร์มีขนาดพอจะใส่เสื้อผ้า อุปกรณ์เล็กๆน้อยๆได้ค่ะ
ที่ชั้น 44 นี้ยังมีชั้นลอยอยู่ด้านบนอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งครึ่งหนึ่งของชั้นถูกทำเป็น Sky Lounge ซึ่งอารมณ์ของตรงนี้จะแตกต่างจากชั้นล่าง เพราะเป็นพื้นที่ Indoor มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่ง จิบเครื่องดื่ม นั่งคุยกับเพื่อนๆ ไม่ร้อน ใช้รับแขก หรือพาเพื่อนมาที่บ้านได้ดี ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของชั้นลอยนี้จะเป็นห้องฟิตเนส สำหรับออกกำลังกายและรับวิวทะเลไปด้วยค่ะ
ทางขึ้นชั้น Sky Lounge ต้องเข้าทางประตูนี้นะคะ หน้าตาเหมือนบันไดหนีไฟ …ก็ใช่ค่ะ –”
เข้ามาภายในบันไดหนีไฟเก็บรายละเอียดไว้ดีนะคะ ผนังมีการปิดผิวด้วยวัสุดไม้สำเร็จรูป พื้นบันไดปูด้วยกระเบื้องไว้เรียบร้อยดีค่ะ
เดินขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งจะเจอประตูหน้าแบบนี้ค่ะ ติดป้ายไว้ว่ามีห้อง Fitness Toilet และ Sky Lounge อยู่ด้านในค่ะ
เปิดเข้ามาจะพบห้อง Fitness ก่อนเป็นห้องแรกเลยนะคะ ถ้าตรงไปจะเป็น Sky Lounge ค่ะ
เครื่องออกกำลังกายภายใน Fitness ประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่างเห็นวิวเมืองมุมสูงพอดีค่ะ
วิวมุมหนึ่งจากห้อง Fitness นะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นวิวเมืองเพราะตำแหน่งของห้องหันด้านข้างให้ทะเลค่ะ
ต่อไปคือบรรยากาศภายในห้อง Sky Lounge ซึ่งเป็นห้อง Indoor มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่ง สามารถนั่งคุยกับเพื่อนๆหรือใช้รับแขกได้สบายๆไม่ร้อนเพราะเป็นห้องติดแอร์ค่ะ จะมีมุมโซฟาไว้ให้หลายมุมนะคะ
ซึ่งโซฟาทั้งหมดจะหันหน้าออกทางหน้าต่าง เพราะหันไปรับวิวทะเลนั่นเองค่ะ
นี่คือวิวทะเลที่จะได้เห็นเมื่อมาใช้ห้อง Sky Lounge นะคะ ห้องนี้ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดของอาคารเลยเพราะเป็นชั้นที่สูงที่สุดและหันหน้าออกไปทางทะเล ถ้าสร้างเป็น Penthouse ขายก็คงจะได้มูลค่าสูง แต่ทางโครงการก็เลือกทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางให้กับลูกบ้านทุกคนค่ะ
ภายในห้องเตรียมที่วาง Laptop ไว้ให้ด้วยนะคะ เพื่อป้องกันการวาง Laptop บนตักแล้วร้อนขานะคะ ถ้าไม่ชอบนั่งทำงานบนโต๊ะ ก็สามารถเอาที่วาง Laptop ไปนั่งทำงานในมุมอื่นๆได้ค่ะ
สรุปเรื่องวิวที่จะได้รับจากโครงการในทิศต่างๆนะคะ หลักๆคือ โรงแรมแกรนด์โซเล่ที่บล๊อกวิวทะเลทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจนถึงชั้น 18 นะคะ และอาคาร B ที่บล๊อกวิวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจนถึงชั้น 34 ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้โดนอาคาร C บล๊อกวิวจนถึงชั้น 7 ค่ะ รายละอียดวิวในแต่ละชั้นก็ได้อธิบายไปแล้วนะคะ และเนื่องจากเป็นโครงการตากอากาศวิวทะเลจึงอยากจะพาไปชมวิวจากชั้นบนสุดของอาคารกันอีกสักนิด ซึ่งโครงการตั้งใจทำให้ชั้นบนสุดเป็นส่วนของ Facilities เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนสามารถขึ้นมาชมวิวจากบนนี้ได้ค่ะ
วิวทิศตะวันตกเฉียงใต้ : มองผ่านสระว่ายน้ำไปจะสามารถเห็นวิวทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเรือวิ่งกันขวักไขว่เกิดฟองขาวเป็นเส้นๆดูสวยงามดีค่ะ อาคารน้ำตาลสลับขาวด้านซ้ายมือคือ Central Festival พัทยา แหล่งท่องเที่ยว กินข้าวของนักท่องเที่ยวเมืองพัทยาค่ะ โดยในช่วงปลายปีของทุกปีจะมีจัดงานประกวดพลุนานาชาติกันบริเวณหน้า Central เลยนะคะ ซึ่งจากมุมนี้ของทางโครงการเราจะเห็นพลุกันอย่างชัดเจนแน่นอนค่ะ
วิวทิศตะวันตกเฉียงใต้ : วิวทะเลมุมเดิมแต่เปลี่ยนเป็นยามเย็นกันบ้างนะคะ ข้อดีของทะเลพัทยาคือเป็นทะเลฝั่งตะวันตกจึงสามารถชมพระอาทิตย์ตกกันได้จากมุมนี้นะคะ
ทิศใต้ : เป็นด้านที่หันเข้ามาในเมืองนะคะ เป็นวิวของตึกแถวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่มีความสูงไม่เกิน 10 ชั้น ทำให้ไม่มีอาคารมาบังวิวในระยะประชิดนะคะ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : เป็นอีกด้านที่หันเข้ามาในเมืองนะคะ ซึ่งจะมีระยะห่างจากทะเลมากขึ้น ความสูงอาคารบริเวณนี้ก็จะลดลงไปนะคะ จึงจะเห็นวิวของตึกแถวสลับบ้านอยู่อาศัย สามารถเห็นเส้นขอบฟ้าได้ชัดเจนจากมุมนี้ค่ะ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : เป็นอีกด้านที่หันเข้ามาในเมืองเช่นกัน จากมุมนี้ไม่มีตึกสายตาในระยะประชิดนะคะ สามารถเห็นเส้นขอบฟ้าได้ชัดเจนค่ะ
ทิศเหนือ : จากมุมนี้จะเห็นวิวเมืองเป็นส่วนใหญ่นะคะแต่ก็สามารถเห็นทะเลได้นิดหน่อยจากมุมนี้ ซึ่งอาคารที่สร้างใกล้หาดส่วนใหญ่จะเป็นอาคารที่สูงกว่า 10 ชั้น สร้างเป็นคอนโด โรงแรมกันนะคะ ตอนกลางคืนก็จะเปิดไฟแสงสีกันสว่างไสวค่ะ ถ้าชอบบรรยากาศเมืองๆแบบนี้ก็เลือกห้องทิศนี้ได้นะคะ
ต่อไปจะพาไปชมอาคาร B กันนะคะ
มาที่ชั้น G ของอาคาร B กันต่อ Function ก็จะคล้ายๆกับของตึก A ค่ะ หลักๆจะเป็น Lobby และ ที่จอดรถ ซึ่งที่จอดรถชั้น 1 ของตึกนี้จะมีความสูงพิเศษคือ 3.5 ม. มีช่องจอดประมาณ 38 คัน คือตรงจุดจอด A และ B ในผังค่ะ ส่วนจุด C จะเป็นทางขึ้นลงที่จอดรถบนชั้น 2 ซึ่งมีความสูง 2.1 ม.ตามปกติเท่ากับอาคาร A และ C ค่ะ นอกนั้นก็จะเป็นพวกส่วน Service อื่นๆ เช่น Mail Box, ห้องน้ำ, อาคารนี้ไม่มีสำนักงานนิติบุคคลนะคะเพราะใช้ที่เดียวกันกับตึก A และมียูนิตร้านค้า ขนาด 30 ตารางเมตร 1 ยูนิต ยังไม่ทราบว่าจะเป็นร้านอะไรค่ะ
สำหรับความปลอดภัยนั้นจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ประตูทางเข้าโถงลิฟท์นะคะ แขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอในส่วนของ Lobby ได้อยู่ค่ะ
- ประตูทางเข้าอาคาร —>ไม่ต้องใช้ Key Card แขกของลูกบ้านสามารถเข้ามารอในส่วน Lobby ได้
- ประตูทางเข้าโถงลิฟท์ —>ใช้ Key Card แขกของลูกบ้านต้องรอลูกบ้านมารับขึ้นส่วนพักอาศัยเท่านั้นค่ะ
บริเวณหน้า Lobby อาคาร B จะตรงกับจุดของ Drop-off ของอาคาร ซึ่งเป็นจุดที่ใช้เพื่อความสะดวกสบายในการรับ–ส่งลูกบ้านนะคะ บรรยากาศด้านหน้า Lobby จะไม่ได้กว้างขวางเท่าของอาคาร A นะคะ แต่ใช้วัสดุและการออกแบบเหมือนกัน บริเวณบันไดทางขึ้นก็มีแยกเป็นทางลาดเพื่อใช้สำหรับลากกระเป๋า หรือรถเข็น Wheelchair ได้เช่นเดียวกับอาคาร A ค่ะ
ประตูเข้า Lobby สามารถเปิดได้ทั้งหมด 6 บานนะคะ เผื่อเวลาฤดูหนาวก็สามารถเปิดประตูรับลมจากธรรมชาติได้เลย และบริเวณทางเข้าประตูก็มีพรมดักฝุ่น ดักทราย ซึ่งถูกออกแบบให้มีความยาวตลอดด้านหน้าประตู เช่นเดียวกับอาคาร A ค่ะ ห้องกระจกด้านในที่ถัดจาก Lobby ปัจจุบันเป็นสำนักงานของโครงการ ซึ่งในอนาคตจะเป็นร้านค้าค่ะ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเป็นร้านอะไร
ส่วนภายใน Lobby จะมี Reception และมีชุดโซฟาไว้รับรอง บรรยากาศภายในดูสะอาดด้วยกระเบื้องสีขาวครีมลายเดียวกับภายนอกอาคารนะคะ ซึ่งโถง Lobby นี้มีระยะจากพื้นถึงฝ้าสูงถึงประมาณ 3 เมตร และประตูวงกบไม้ตัวบานเป็นบานกระจก ทำให้บรรยากาศภายในดูโปร่งโล่งสบายค่ะ ขวามือมีทางเดินไปในส่วนของ Mail Box ห้องน้ำและที่จอดรถที่อยู่ด้านหลังค่ะ
ประตูด้านหน้าคือทางเข้าจากที่จอดรถ ฝั่งขวาจะเป็นส่วน Service ของคอนโด ได้แก่ Mail Box และ ห้องน้ำ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นประตูกั้นในส่วนของ Lift Lobby ที่จะใช้ขึ้นไปชั้นบนค่ะ
เริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ประตูเข้า Lift Lobby ด้านในนะคะ Key Card ที่นี่เป็นแบบล็อกชั้นเช่นเดียวกับตึก A ขึ้นได้เฉพาะชั้นที่อยู่อาศัย และชั้น ส่วนกลางคือชั้น 3 (Roof Garden), ชั้น 28 (Mini-Roof Garden) และชั้น 32 (Sky Infinity Edge Pool, Sky Fitness, Sky Lounges) ค่ะ
เข้ามาเป็นโถงลิฟท์ของอาคารจะมีโถงลิฟท์ตำแหน่งเดียวอยุ่ตรงกลางของตัวอาคาร มีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งการจัดตำแหน่งไว้ตรงกลางมีข้อดีที่ทำให้ห้องพักทั้ง 2 ฝั่งของอาคารมีระยะไม่ห่างจากโถงลิฟท์มากค่ะ บริเวณหน้าลิฟท์จะมีป้ายบอกชั้นติดไว้ แลมีโทรศัพท์เผื่อไว้แจ้งเหตุขัดข้องค่ะ
ชั้น 2 ตึก B ก็เหมือนตึก A เป็นที่จอดรถทั้งหมดนะคะโดยเชื่อมต่อกับส่วนพักอาศัยในอาคารด้วยลิฟท์ 3 ตัว สัดส่วนของพื้นที่จอดรถทั้งหมด ที่ตึก B นี้จะจอดรถได้ 2 ชั้น คือ 80 คันในช่องจอด ไม่รวมซ้อนคัน เทียบกับลูกบ้านตึก B อย่างเดียว คือประมาณ 17% ก็จะเยอะกว่าตึก A ขึ้นมาหน่อยค่ะ
ชั้น 3 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัยชั้นแรกของตึก B โดยมีห้องพักอาศัย 16 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 14 ห้อง (ขนาด 27.5-36.9 ตร.ม.) และห้อง 2 Bedroom 2 ห้อง (ขนาด 58.4-63.9 ตร.ม.) การจัดเรียงห้องพักเป็นรูปตัว L แบบ Double Corridor ตามแนวตึกทำให้เกิดห้องมุม 5 ห้อง โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวอยู่ตรงกลางอาคารทำให้ห้องทั้ง 2 ฝั่งอาคารมีระยะห่างจากโถงลิฟท์พอๆกันโดยห้องที่อยู่ไกลจากลิฟท์ที่สุดมีระยะประมาณ 20 ม.ค่ะ ลิฟท์มีทั้งหมด 3 ตัว รองรับลูกบ้านตึก A ทั้งหมด 463 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 154:1 พอๆกับตึก A แต่มีจำนวนชั้นน้อยกว่าอยู่ที่ 32 ชั้น ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ เทียบกับความสูงอาคารอยู่ที่ 44 ชั้น จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้สำหรับคอนโดตากอากาศ
ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 2 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาของอาคาร บางส่วนของชั้นนี้จะเป็นพื้นที่สวนสำหรับเเดินเล่น เปลี่ยนบรรยากาศ แล้วก็จะมีที่นั่งวางอยู่ตามจุดต่างๆ ให้มานั่งพักผ่อนได้ ส่วนสระน้ำที่ให้เห็นในภาพ ลงว่ายไม่ได้นะคะ เป็นแค่การตกแต่ง Landscape เท่านั้น ซึ่งลูกบ้านทั้ง 16 ห้องที่อยู่ในชั้นนี้ก็สามารถเปิดประตู้ห้องเดินออกมาที่สวนได้เลยเหมือนชั้น 3 ของตึก A ค่ะ ต่อไปเป็นเรื่องวิวในชั้นนี้
- ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (หันหน้าไปหาทะเล) มีห้องพักบางส่วนที่โดนโรงแรมแกรนด์ โซเล่ บังวิวทะเลเต็มๆ แต่ตึกของโรงแรมก็ไม่ได้มีระยะประชิดกับอาคาร A มากนักห่างกันประมาณ 30 ม. แต่ก็ไม่ได้วิวเปิดโล่งค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห้องพักบางส่วนจะได้วิวสวนของอาคาร B ค่ะ แต่ห้องพักบางส่วนจะเจอกับอาคาร C ซึ่งเป็นอาคารถัดไปมีระยะห่างประมาณ 12 ม. ซึ่งทางโครงการก็ทราบจึงออกแบบให้อาคารในส่วนที่มีระยะประชิดกับอาคาร B กลายเป็นส่วนของสระว่ายน้ำค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะได้วิวสวนของอาคาร A ค่ะ วิวด้านนี้ก็ไม่ได้เปิดโล่งเช่นกัน จะโดนอาคาร A บังวิวตลอดค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะหันออกด้านข้างของโครงการ ซึ่งที่ดินด้านนี้ติดกับแปลงที่ดินที่เป็นที่ว่าง ซึ่งยังไม่มีอาคารบล๊อกวิวในระยะประชิดนะคะ ต้องรอลุ้นโครงการที่จะขึ้นในอนาคตค่ะ
ทางเข้า Roof Garden ของโครงการจะอยู่ติดกับโถงลิฟท์ สวนในชั้นนี้ล้อมอาคารด้านหลังไว้ทั้งหมดนะคะ สามารถเข้าในสวนได้เลยไม่ต้องใช้ Key Card ค่ะ เพราะลิฟท์จะ Lock ชั้นอยู่แล้วค่ะ ส่วนของห้องพักอาศัยฝั่งซ้ายจะมีประตูกั้นอีกชั้นหนึ่งซึ่งประตูนี้ต้องใช้ Key Card ค่ะ ผู้ที่มาใช้บริการสวนในชั้นนี้จึงสามารถใช้ได้แค่สวนไม่สามารถเข้าในโถงทางเดินห้องพักได้นะคะ
เข้ามาจะเจอชุดโซฟารับแขกด้านหน้าก่อนค่ะ เป็นตำแหน่งนั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ถ้าไม่ชอบเข้าไปนั่งในสวนก็สามารถนั่งชมวิวสวนจากตรงนี้ได้ค่ะ
สวนด้านในมีขนาดกว้างทีเดียวค่ะ พื้นที่ทั้งหมดถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่สีเขียวสลับกับพื้นที่น้ำ สระน้ำที่ให้เห็นในภาพ ลงว่ายไม่ได้นะคะ เป็นแค่การตกแต่ง Landscape เท่านั้น
ภายในมีซุ้มเก้าอี้แบบ Semi-Outdoor อีกตำแหน่งหนึ่งให้สามารถเข้ามานั่งชมสวนได้ ซึ่งในมุมนี้จะเห็นสระน้ำสีฟ้าสลับกับพื้นหญ้าสีเขียวชัดเจน ด้านหลังจะเป็นห้องพักทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอาคาร B ซึ่งก็จะได้รับวิวสวนเต็มๆ
อีกมุมหนึ่งของซุ้มนั่งเล่นจะเห็นอาคาร C ที่อยู่ด้านหลังอีกอาคาร ซึ่งห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอาคาร C ก็จะได้รับวิวสวนเช่นกันค่ะ
สำหรับการจัดผังห้องพักก็จะมีห้องที่ติดกับสวนเลย ซึ่งพื้นที่ระหว่างห้องพักอาศัยในชั้น 3 และพื้นที่สวน กั้นกันเพียงไม้พุ่มเตี้ยและระเบียง ทำให้ความปลอดภัยในการอยู่อาศัยบนชั้น 3 ของห้องฝั่งวิวสวนนี้ลดลง ถ้าเป็นชั้น 4-6 ก็ยังได้บรรยากาศของสวนอยู่นะคะจะเสีย Privacy น้อยกว่าห้องพักในชั้น 3 ด้วย ส่วนถ้าสูงประมาณชั้น 7-8 ขึ้นไปจะเห็นสวนในระยะไกลซึ่งไม่ค่อยได้บรรยากาศสวนแล้ว แต่ก็เป็นชั้นที่เริ่มเห็นวิวเมืองพัทยาพอดีค่ะ
อีกมุมหนึ่งของสวนนะคะ จากฝั่งนี้จะมองเห็นสระว่ายน้ำอาคาร C ได้พอดี ซึ่งตรงนี้ก็จะมีมุมให้นั่งเล่นได้อีกหนึ่งมุมค่ะ แต่ตรงนี้จะเป็นที่นั่งแบบ Outdoor เลยนะคะ ถ้าตอนกลางวันแดดจัดๆอาจจะนั่งไม่ไหว มุมนี้จึงเหมาะจะนั่งตอนเย็นๆมากกว่าค่ะ
ตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น ผังชั้น 4-14 ห้องพักจะเหมือนกับชั้น 3 นะคะ ต่างกันตรงที่มีห้องพักทั้งหมด 17 ห้องเป็นชั้นที่หนาแน่นที่สุดในตึก ความหนาแน่นระดับนี้ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้อยู่ค่ะ ยังไม่หนาแน่นเท่าไรเมื่อเทียบกับคอนโดในคลาสเดียวกัน นี่เป็นข้อดีของการแบ่งคอนโดเป็นหลายๆตึก เนื่องจาก Facilities ของแต่ละตึกจะมีการแชร์กันใช้อย่างทั่วถึง และจำนวนห้องในแต่ละชั้นจะได้ไม่เยอะเกินไป แต่ในชั้นนี้จะเริ่มเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด ไม่มี Facilities นะคะ
ส่วนเรื่องวิว ห้องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห้องที่ค่อนไปทางทิศเหนือตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปเริ่มเห็นทะเลแล้ว จะพ้นในชั้น 19 ที่ห้องพักทางทิศจะเห็นวิวทะเลทุกห้อง ส่วนห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห้องที่มีความสูงตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปจะเห็นวิวเมืองพัทยาค่ะ
ชั้น 15-27 ผังโดยรวมจะเหมือนชั้น 4-14 นะคะ ต่างกันตรงที่ชั้นนี้มีจำนวนห้องพักลดลงเหลือ 16 ห้อง ตั้งแต่ชั้น 21 จะมีห้อง 2 Bedroom ขนาด 66.1 ตร.ม.ที่เป็นห้องพิเศษอยู่ 1 ห้องนะคะ คือภายในห้องน้ำจะมีอ่างอาน้ำ ซึ่งเป็น Sexy Bath เห็นวิวทะเลค่ะ ส่วนเรื่องวิวในทิศต่างๆจะเหมือนกับห้องในชั้น 4-14 นะคะ
ชั้นพักอาศัยของตึก B จะหน้าตาเหมือนๆกัน ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงชั้น 28 ที่จะพิเศษหน่อยตรงที่จะมี Pocket Garden พร้อม Deck ไม้ ให้ได้นั่งเล่น กินลมชมวิวกันไป เรื่องวิวบนชั้นนี้จะโดนบล๊อกอยู่ฝั่งเดียวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยอาคาร A ค่ะ
ภายในสวนเป็น Deck ไม้และบันไดเพื่อเดินขึ้นนั่งด้านในค่ะ
บรรยากาศด้านใน Pocket Garden จะเป็นต้นไม้ล้อมที่นั่งไว้แบบนี้นะคะ เวลานั่งลงจะไม่ได้เห็นวิวค่ะ ห้องพักที่ได้วิวจากสวนนี้มีชั้นละห้องนะคะคือห้องตั้งแต่ชั้น 29 ขึ้นไป ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ห้องมุมสุดที่ค่อนไปทางทิศใต้ค่ะ
เป็นสวนของอาคารอีกตำแหน่งหนึ่งที่ดูค่อนข้าง Private ค่ะ พื้นที่สวนนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากรองรับคนมาใช้งานพร้อมกันประมาณไม่เกิน 10 คนค่ะ
อาคารตั้งแต่ชั้น 29-31 จะถูกลดขนาดลงจากอาคารตัว L เหลือเป็นอาคารตัว I แล้วนะคะ ชั้นนี้จำนวนห้องพักจะน้อยลงเหลือ 13 ห้อง ทำให้ความหนาแน่นของจำนวนยูนิตในชั้นนี้ลดลงนะคะ เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบความพลุกพล่านค่ะ เรื่องวิวบนชั้นนี้จะเหมือนกับชั้น 28 นะคะคือโดนบล๊อกอยู่ฝั่งเดียวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยอาคาร A ค่ะ
ส่วนชั้น 32 ของตึก B จะเป็นชั้น Facilities ล้วนๆครับ ฟังก์ชั่นคล้ายกับตึก A อีกเหมือนกัน (เพื่อไม่ให้น้อยหน้าซึ่งกันและกัน) ต่างกันที่เมื่อเข้ามาในชั้นสระว่ายน้ำของตึกนี้เราจะพบส่วน Service ได้แก่ ห้องน้ำ, Sauna, และสวนก่อนที่จะไปพบกับสระน้ำในด้านบนค่ะ
ออกจากลิฟท์ชั้น 32 มาจะเจอประตูทางเข้าสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นประตูกระจกวงกบไม้มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าทำให้ทางเข้าดูโปร่งมากค่ะ
เข้ามาด้านในจะเจอทางเข้าห้องน้ำและ Sauna ก่อนนะคะ ส่วนทางแยกซ้ายขวา ทางซ้ายจะเป็นบันไดขึ้นไปสระว่ายน้ำ ทางขวาเป็นทางไปสวน สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนค่ะ
บรรยากาศของสวนบนชั้นนี้ค่ะ จะมีมุมนั่งเล่นจัดไว้หลายมุมอีกเหมือนกัน ซึ่งจากตรงนี้จะสามารถชมวิวได้นะคะ เป็น City View เมืองพัทยาค่ะ
วิวส่วนหนึ่งจากสวนในชั้นนี้นะคะ รั้วระเบียงถูกออกแบบให้เป็นพุ่มไม้หนาซึ่งไม่สามารถเข้าไปยืนริมระเบียงได้นะคะ แต่ก็ทำให้ปลอดภัยขึ้นเนื่องจาก Facilities ของโครงงการนี้ส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้นสูงสุดซึ่งมีความสูงมากทีเดียวนะคะ
มุมหนึ่งของสวนจะถูกบล๊อกวิวด้วยอาคาร A นะคะ มีระยะห่างของตึกประมาณ 12 ม. ไม่ได้ประชิดมากแต่ก็ทำให้ไม่สามารถเห็นวิวแบบเปิดโล่งได้ค่ะ
ด้านบนนี้จะมีชั้น Sky Lounge เช่นเดียวกับตึก A นะคะ ถ้าใครไม่ชอบอากาศร้อนธรรมชาติของเมืองไทย สามารถขึ้นไปนั่งตากแอร์ชมวิวทะเลบนชั้น Sky Lounge ได้ด้วยประตูทางด้านขวาค่ะ เดี๋ยวเราจะไปชมชั้นสระว่ายน้ำให้ครบก่อนค่อยขึ้นไปด้านบนนะคะ
ต่อไปจะพาขึ้นมาชมสระว่ายน้ำของอาคาร B กันต่อเลยนะคะ โดยจะได้เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ แบบ Infinite-Edge Pool มองเห็นวิวทะเลเหมือนกัน ซึ่งตึก B นี้จะนำเอาด้านกว้างหันออกทะเล ทำให้สระว่ายน้ำที่ทอดตัวยาวตามแนวเดียวกับตึก สามารถมองเห็นวิวทะเลได้กว้างเลย (แต่จะอยู่เตี้ยกว่าตึก A ประมาณ 10 ชั้นได้) และนอกจากนี้ก็จะมี Sunken Seat และที่นั่งสำหรับพักผ่อน และรับวิวได้เหมือนกัน
ทางขึ้นสระว่ายน้ำค่ะ เป็นบันไดกรวดล้างที่นิยมใช้กับสระว่ายน้ำ เพราะป้องกันการลื่นได้ดีค่ะ เพิ่มบรรยากาศในการพักผ่อนตากอากาศด้วยน้ำตกทางฝั่งขวามือของบันได จึงมีเสียงน้ำไหลตลอดเวลานะคะ
ขึ้นมาจะพบสระว่ายน้ำแบบ Infinite-Edge Pool ที่รับวิวทะเลอยู่นะคะ มีขนาดกว้างยาวประมาณ 5 x 20 ม. ขนาดใหญ่กว่าสระของตึก A นะคะ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต 463 ยูนิตในอาคารนี้ค่ะ
ด้านข้างสระน้ำมี Daybeds เป็นเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนและรับวิวรอบสระว่ายน้ำ ลูกบ้านที่ไม่ชอบว่ายน้ำจะมานั่งชมวิวบน Daybeds นี้ได้
ภายในว่ายน้ำมีการออกแบบเช่นกันให้มีพื้นที่นั่งชิวตามจุดต่างๆหลายจุด ไปชมจุดต่างๆกันค่ะ
ขอบสระเป็นทั้งบันไดทางลง และจุดนั่งชิวรอบขอบสระอีกนะคะ ถ้าไม่ชอบว่ายน้ำหนักๆ ก็มานั่งชิวตามขอบสระได้ มีแยกสระเด็กไว้ให้ขนาดเล็กๆนะคะ สระเด็กจะอยู่ติดกับ deck ไม้เพื่อให้ผู้ปกครองดูแลได้อย่างสะดวกค่ะ
อึกจุดหนึ่งเป็บขอบสำหรับนอนลอยตัวในน้ำ หรือนั่งชิวกับลูกๆรับวิวทะเลได้เพราะเป็นส่วนน้ำตื้นค่ะ
จากขอบสระว่ายน้ำนี้สามารถเห็นวิวทะเลได้เลยนะคะ ถ้ามาใช้บริการสระน้ำก็จะสามารถว่ายน้ำไปด้วยแล้วก็ชมวิวทะเล หรือพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อมๆกันได้เพราะทะเลพัทยาเป็นทะเลฝั่งตะวันตกค่ะ
ถัดมาเป็นส่วนของ Sunken Seat ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับสระน้ำ ด้านนี้จะได้รับวิวเมืองแทน และนี่เป็นจุดเด่นหนึ่งของสระว่ายน้ำอาคาร B คือสามารถเห็นวิวทั้ง 2 ฝั่งได้จากชั้นนี้ค่ะ
Sunken Seat จะลงไปอยู่ในน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในน้ำ แต่ไม่ต้องเปียกน้ำจริงๆ ซึ่งฟังก์ชั่นแบบนี้ตอนนี้ก็เริ่มมีให้เห็นในคอนโดตากอากาศยุคใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ด้านในสุดของชั้นสระว่ายน้ำเป็นทางไปที่ล้างตัวก่อนลงสระน้ำ ซึ่งจะมีพุ่มไม้ช่วยบังสายตาไว้ให้ค่ะ
ที่ล้างตัวก่อนลงสระมาตั้งแอบอยู่ด้านในสุดของสระ พื้นเป็นกรวดล้างป้องกันการลื่นนะคะ
จากมุมของที่ล้างตัวมองกลับมา จะเห็นอีกชั้นหนึ่งที่อยู่เหนือสระว่ายนำ้ และเป็นจุดที่สูงสุดของอาคาร นั่นคือชั้น Sky Lounge ค่ะ
ชั้น Sky Lounge ก็เป็นชั้นลอยอีก 2 ชั้นชั้นแรกจะเป็นส่วนของห้องน้ำ และชั้นบนจะเป็น Fitness และ Sky Lounge เช่นเดียวกับตึก A ค่ะ
ประตูของชั้นลอยจะเป็นประตูของบันไดหนีไฟเช่นเดียวกับของตึก A เวลาจะขึ้นมาชั้นลอยนี้ก็คือขึ้นทางบันไดหนีไฟจากชั้น 32 ค่ะ ตรงนี้เป็นชั้นแรกที่เป็นห้องน้ำค่ะ
เข้ามาภายในพื้นที่ห้องน้ำจะเจอห้องน้ำแยกหญิงชายนะคะ ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำมีป้ายติดแยกห้องหญิงชายไว้เรียบร้อยค่ะ
ภายในห้องน้ำหญิงจะมีอ่างล้างมือ ถัดเข้าไปด้านในมีห้องสุขา ห้องอาบน้ำเหมือนที่อาคาร A นะคะ
อีกมุมหนึ่งเป็นส่วนของตู้ล็อกเกอร์, Sauna และSteam ค่ะ
ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งของชั้นลอย ด้านหน้าจะเป็นห้อง Fitness ค่ะ ส่วนด้านข้างฝั่งซ้ายมือจะเป็น Sky Lounge
เครื่องออกกำลังกายภายใน Fitness ประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกาย 10 เครื่อง ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่างเห็นวิวสวนด้านล่างและวิวเมืองพัทยาพอดีค่ะ
ต่อไปคือบรรยากาศภายในห้อง Sky Loungeจะเหมือนกับอาคาร A นะคะ ซึ่งเป็นห้อง Indoor มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่ง สามารถนั่งคุยกับเพื่อนๆหรือใช้รับแขกได้สบายๆไม่ร้อนเพราะเป็นห้องติดแอร์ค่ะ จะมีมุมโซฟาไว้ให้หลายมุมนะคะ
แตกต่างกันอยู่นิดหนึ่งที่ขนาดของ Sky Lounge อาคาร B จะมีขนาดใหญ่กว่าและเปิดรับวิวจากหน้าต่างได้ 2 ฝั่งผนัง ซึ่งทำให้รู้สึกโปร่งโล่งกว่า Sky Lounge ของอาคาร A ค่ะ
วิวจากห้อง Sky Lounge ค่ะ มองลงมาจะเห็นวิวสระน้ำพอดี มองไปทางตะวันตกก็จะสามารถเห็นทะเลได้ค่ะ
วิวอีกมุมจากห้อง Sky Lounge เช่นค่ะ จากมุมนี้จะเห็น Sunken Seat และวิวเมืองทางฝั่งตะวันออกนะคะ
สรุปเรื่องวิวที่จะได้รับจากโครงการในทิศต่างๆนะคะ หลักๆคือ โรงแรมแกรนด์โซเล่ที่บล๊อกวิวทะเลทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ (บางห้อง) จนถึงชั้น 18 นะคะ และอาคาร A ที่บล๊อกวิวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ตลอดทุกชั้นของอาคาร ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้โดนอาคาร C บล๊อกวิวจนถึงชั้น 7 ค่ะ รายละอียดวิวในแต่ละชั้นก็ได้อธิบายไปแล้วนะคะ ต่อไปจะพาไปชมวิวจากชั้นบนสุดของอาคารกัน ดูซิว่าจะมีวิวทีแตกต่างจากอาคาร A อย่างไรบ้าง ซึ่งโครงการตั้งใจทำให้ชั้นบนสุดเป็นส่วนของ Facilities เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนสามารถขึ้นมาชมวิวจากบนนี้ได้เหมือนของอาคาร A ค่ะ
วิวทิศตะวันตกเฉียงใต้ : มุมจากตรงกลางของสระว่ายน้ำจะสามารถเห็นวิวทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา แต่ด้านข้างฝั่งขวาจะโดนอาคาร A บล๊อกวิวไว้นะคะ จึงจะไม่สามารถเห็นอ่าวพัทยาได้เต็มๆค่ะ
วิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : จะเป็นวิวทางด้านพัทยาเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมริมหาดหลายโครงการนะคะ วิวของเส้นขอบฟ้าในด้านนี้จึงจะถูกรบกวนด้วยอาคารสูงนิดหน่อยนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบวิวเมือง ชอบชมไฟแสงสีตอนกลางคืนค่ะ
ทิศเหนือ : จะเห็นวิวที่ค่อนข้างต่างกันของพื้นที่ริมหาดและพื้นที่ในเมือง โดยพื้นที่ริมหาดจะเป็นวิวของอาคารสูง พวกโรงแรม คอนโดหน้าหาด ส่วนพื้นที่ด้านในเมืองส่วนใหญ่จะเป็นอาคารเตี้ยๆ สูงไม่เกิน 10 ชั้น เพราะอาคารสูงจะค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆตามระยะห่างจากชายหาดค่ะ
ทิศตะวันออก : เป็นด้านที่หันเข้ามาในเมือง ส่วนใหญ่เป็นอาคารสูงไม่เกิน 10 ชั้น จากมุมนี้ไม่มีตึกสายตาในระยะประชิดนะคะ สามารถเห็นเส้นขอบฟ้าได้ชัดเจนค่ะ
ต่อไปจะพาไปชมอาคารสุดท้ายกันนะคะ นั่นคือ อาคาร C ค่ะ
มาที่ชั้น G ของอาคาร C กันต่อ ซึ่งชั้น 1-3 จะทำเป็นที่จอดรถทั้งหมด ไม่เหมือนตึก A-B ที่จอดรถได้แค่ 2 ชั้น และให้ห้องพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 3 แต่ของตึก C จะเริ่มที่ชั้น 4 ค่ะ ที่จอดรถของตึกนี้มี 163 คันในช่องจอด ซึ่งเยอะกว่าจำนวนห้องของตึกนี้ที่มีอยู่แค่ 85 ยูนิตเสียอีก อัตราส่วนมากถึง 192% แปลว่าเขาทำเผื่อไว้แล้วสำหรับให้คนจากตึก A-B มาจอดด้วยแน่ๆ เพราะดูทรงแล้วอีกสองตึกน่าจะจอดกันไม่พอ
ชั้น G ของอาคารนี้ไม่ได้มี Lobby Reception Mail Box อยู่ชั้นที่ชั้น G เหมือนของอาคาร A และ B นะคะ จะยกขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 4 เลยค่ะสำหรับความปลอดภัยนั้นลิฟท์ทางปีกฝั่งซ้ายจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ตัวลิฟท์นะคะ ส่วนลิฟท์ทางปีกฝั่งขวาจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ลิฟท์ชั้น 4 นะคะ ดังนั้น แขกของลูกบ้านจะสามารถขึ้นมาได้ถึงส่วนของ Lobby ชั้น 4 เท่านั้นนะคะ
- ตัวลิฟท์ฝั่งซ้าย —>ใช้ Key Card แขกของลูกบ้านต้องรอลูกบ้านมารับขึ้นส่วนพักอาศัยเท่านั้นค่ะ
- ตัวลิฟท์ฝั่งขวา —> ชั้น 1-4 ไม่ต้องใช้ Key Card ส่วนชั้น 4 ขึ้นไปใช้ Key Card เพราะเป็นส่วนห้องพักอาศัยค่ะ
หน้าโถงลิฟท์ของอาคาร C ค่ะ ในส่วนนี้ไม่ต้องใช้ Key Card นะคะ จะเริ่มใช้ตั้งแต่ในตัวลิท์ค่ะ แต่เราจะยังไม่ขึ้นอาคารจะพาไปชมสวนด้วนหลังอาคาร ซึ่งเป็นสวนส่วนกลางที่มีขนาดใหญ่อีกตำแหน่งของโครงการเลยนะคะ
เดินเข้ามาอีกฝั่งของโถงลิฟท์จะพบสวนด้านหลังของตึก C โดยจะทำเป็นพื้นที่สวนยาวตลอดแนวที่ดิน ขนานไปกับตึก C ซึ่งคนจากตึก A-B จะเดินมาใช้ก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่น่าจะเดินมาเท่าไร
ภายในสวนจะจัดที่นั่งไว้หลายตำแหน่งค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็จะมีมุมให้นั่งเล่นได้อีกมุมหนึ่ง แต่ตรงนี้จะเป็นที่นั่งแบบ Outdoor เลยนะคะ ถ้าตอนกลางวันแดดจัดๆอาจจะนั่งไม่ไหว มุมนี้จึงเหมาะจะนั่งตอนเย็นๆมากกว่าค่ะ
สำหรับอาคารนี้จะไม่มีห้องพักที่ติดกับสวนเลยนะคะ เพราะห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 4 ของอาคาร ห้องพักที่ชั้น 4 ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้นี้จึงจะได้วิวสวนแต่เป็นมุมสูงนะคะ ทำให้ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้อาศัยได้เป็นอย่างดีค่ะ
ชั้น 4 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัยชั้นแรกของตึก C โดยมีห้องพักอาศัย 19 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 17 ห้อง (ขนาด 31.3-35.9 ตร.ม.) และห้อง 2 Bedroom 2 ห้อง (ขนาด 57.8 ตร.ม.) การจัดเรียงห้องจะแบ่งห้องพักอาศัยออกเป็น 2 ฝั่ง (เหนือ-ใต้) เชื่อมกันด้วย Facilities ตรงกลาง ที่ชั้น 4 ของตึก ซึ่งจะประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, ห้องฟิตเนส และที่นั่งพักผ่อน มีเหมือนตึก A-B เลย แต่เป็นขนาดย่อส่วนลงมา นอกจากนี้ตึก C ยังเอา Lobby ส่วนกลางขึ้นมาไว้ที่ชั้น 4 นี้ด้วย และใส่ Pocket Garden ไว้ในชั้นเดียวกันอย่างเสร็จสรรพ ไม่ต้องไปชั้นอื่นอีก รวมกันอยู่ชั้นเดียวเลย ซึ่งก็น่าจะทำให้การใช้งาน สะดวกกว่าตึก A หรือ B ที่ต้องอยู่แยกๆชั้นกัน แต่อย่างไรก็ดี ตึก C ก็เป็นตึกเตี้ยแค่ 7 ชั้น ทำให้ขนาดของ Facilities อาจจะไม่ได้อลังการงานสร้างเท่ากับตึกสูงอีกสองตึกแน่ๆอยู่แล้วค่ะ
โถงลิฟท์มี 2 ตำแหน่งอยู่ติดกับพื้นที่สระว่ายน้ำส่วนกลาง 2 ฝั่ง ห้องพักทั้ง 2 ปีกอาคารมีระยะห่างจากโถงลิฟท์พอๆกันโดยห้องที่อยู่ไกลจากลิฟท์ที่สุดมีระยะประมาณ 25 ม.ค่ะ ลิฟท์มีทั้งหมด 4 ตัวอยู่ฝั่งละ 2 ตัว รองรับลูกบ้านตึก C ทั้งหมด 85 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 21:1 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยนะคะ
ตัวอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 2 ตำแหน่งและบันไดหลัก 2 ตำแหน่ง กระจายอยู่ 2 ปีกซ้ายขวาของอาคาร ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของคอนโด Low Rise 7 ชั้นนะคะ ต่อไปเป็นเรื่องวิวของอาคารนี้ซึ่งค่อนข้างจะเสียเปรียบเพราะโดนอาคาร A และ B บังวิวทะเลเต็มๆ และด้วยความสูงเพียง 7 ชั้นก็คงจะมีโอกาสรับวิวสวยๆไม่มาก
- ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (หันหน้าไปหาทะเล) ห้องพักในชั้นนี้จะได้วิวสวนในชั้น 3 ของอาคาร A , B มาชดเชยวิวทะเลค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะได้วิวสวนในมุมสูง หากมองข้ามสวนไปด้านนอกโครงการจะสามารถเห็นวิวเมืองพัทยาได้ แต่ห้องในด้านนี้ที่ค่อนไปทางมุมทิศใต้จะถูกบล๊อกวิวด้วยโรงแรม March Hotel ที่มีความสูง 7 ชั้นเท่ากันค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะหันออกด้านข้างของโครงการ ซึ่งที่ดินด้านนี้ติดกับแปลงที่ดินที่เป็นที่ว่าง ซึ่งยังไม่มีอาคารบล๊อกวิวในระยะประชิดนะคะ ต้องรอลุ้นโครงการในอนาคตค่ะ
- ห้องพักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เหมือนกับทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เลยค่ะคือเป็นที่ดินเปล่าที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรในอนาคตค่ะ
ออกจากลิฟท์ชั้น 4 มาจะเจอประตูทางเข้าสระว่ายน้ำทางด้านขวา ซึ่งเป็นประตูกระจกวงกบไม้มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าทำให้ทางเข้าดูโปร่งการออกแบบนี้เป็น Concept เดียวกันกับอาคาร A และ B เลยนะคะ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นทางไป Pocket Garden ค่ะ ส่วนกลางของอาคารนี้จะรวมอยู่ที่ชั้นนี้ชั้นเดียวเลยนะคะ
เข้ามาด้านใน Lobby ของอาคาร C จะมี Reception และมีชุดโซฟาไว้รับรองอยู่ 3 ชุดค่ะ บรรยากาศภายในไม่ได้ดูหรูเหมือน Lobby อาคาร A และ B นะคะ จะดูสบายๆด้วยผนังสีเทาและพื้นลายไม้ค่ะ ด้านในจะมีประตูกระจกกรอบอลูมิเนียมเพื่อเชื่อมไปยังส่วนสระว่ายนำ้นะคะ
เข้ามาในส่วนของสระว่ายน้ำซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างปีกห้องพักอาศัย 2 ฝั่งของตึก C การวางตำแหน่งสระว่ายน้ำตรงกลางอาคารมีข้อดีที่อาคารทั้ง 2 ฝั่งจะช่วยบังแดดให้กับสระว่ายน้ำ และห้องพักทุกห้องที่หันเข้าด้านในอาคารยังได้วิวสระน้ำด้วยค่ะ พื้นที่ในส่วนนี้ถูกแยกเป็นพื้นที่สระและพื้นที่ Deck ไม้แบบ Semi-Outdoor ค่ะ
ส่วนของพื้นที่ Deck ไม้แบบ Semi-Outdoor นี้ เป็นพื้นที่ที่สามารถมานั่งชมวิวสระว่ายน้ำ ผู้ปกครองสามารถมานั่งเล่นรอลูกหลานว่ายน้ำได้ในมุมนี้ หรือสามารถมานั่งเล่นโยคะในพื้นที่นี้ก็ได้ค่ะ
ด้านหลังของ Deck ไม้มีน้ำตกจำลองเต็มผนังยาวตลอดความยาวของสระว่ายน้ำเลยนะคะ ทำให้เกิดเสียงน้ำตกอยู่ตลอดเวลา
ลูกบ้านอาจมานั่งฟังเสียงน้ำตกไป อ่านหนังสือไปด้วยในบริเวณนี้ก็ได้นะคะ เพราะนอกจากเสียงน้ำตกที่จะช่วยผ่อนคลายแล้ว ความเย็นจากน้ำจะช่วยให้วันร้อนๆของเมืองพัทยาเย็นขึ้นด้วยค่ะ
จากขอบสระว่ายน้ำนี้สามารถเห็นวิวสวนของอาคาร B ได้พอดีค่ะ นอกจากจะให้วิวสวนแล้วอาคาร B จะช่วยบังแสงแดดในตอนบ่ายได้ดีด้วยนะคะ เพราะอยู่ทางทิศตะวันตก ทำให้พื้นที่สระว่ายน้ำของอาคาร C จะร่มเร็วกว่าอาคารอื่นๆ จึงเหมาะกับลูกบ้านที่เน้นออกกำลังกายตอนบ่ายๆ ไม่ได้เน้นชมวิวทะเลค่ะ
ด้านข้างสระน้ำมี Daybeds เป็นเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนและรับวิวรอบสระว่ายน้ำ บริเวณขอบสระนอกจากจะมีทางลงสระว่ายน้ำแล้ว ยังมีมุมให้นั่งชิวในสระด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้ชอบว่ายน้ำหนักๆก็สามารถนั่งชิวได้ค่ะ
ถัดเข้ามาด้านในติดกับผนังน้ำตกจำลองจะเป็นที่ล้างตัวก่อนลงสระนะคะ ซ้ายมือเป็นประตูเข้าส่วนของห้อง Fitness และห้องน้ำค่ะ
เข้ามาด้านในส่วน Service นี้จะแยกเป็น 2 ฝั่งนะคะ ฝั่งซ้ายเป็นห้อง Fitness ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำแยกชายหญิง เหมือนของอาคาร A และ B แต่จะต่างกันที่อาคารนี้ไม่มีห้อง Steam และ Sauna ค่ะ ส่วนประตูที่ตรงไปสุดนั้นเป็นทางเข้าในส่วนห้องพักอาศัย ซึ่งต้องใช้ Key Card ของห้องพักอาศัยในชั้นนั้นเท่านั้นค่ะ
เครื่องออกกำลังกายภายใน Fitness ประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกาย 8 เครื่อง ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่างจะได้วิวสระว่ายน้ำด้านหน้าพอดีค่ะ
มีชุดยกดัมเบลอีก 1 ชุด และลูกบอลสำหรับเล่นโยคะอีก 2 ลูกค่ะ
ต่อไปจะพามาชม Pocket Garden ที่อยู่ฝั่งซ้ายของอาคารกันนะคะ ส่วนหน้าสุดของสวนจะจัดชุดที่นั่งแบบ Semi-Outdoor ไว้ชุดหนึ่งค่ะ ในวันที่แดดแรงก็สามารถมานั่งเล่นในมุมนี้ได้ ก็ยังได้วิวสวนอยู่เหมือนกันค่ะ
ภายใน Pocket Garden จะเป็นทางเดินยาวตลอดจนสุดขอบอาคารนะคะ ซึ่งจะจัดมุมนั่งเล่นไว้ตลอดทางค่ะ
มุมนั่งเล่นมุมหนึ่งของสวนค่ะ ซึ่งจะมีหลังคาโปร่งๆคลุมไว้ ช่วยกันแดดได้บ้าง แต่ไม่มากนักนะคะ จึงเหมาะที่จะนั่งในช่วยบ่ายๆ เย็นๆมากกว่าค่ะ
มีการจัดเป็น Sunken Seat คือการฝั่งที่นั่งลงไปในระดับเดียวกับต้นไม้ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้รู้สึกใกล้ชิดและโดนโอบล้อมโดยธรรมชาติเหมือนกับในสวนชั้น 3 ของอาคาร A นะคะ แต่อันนี้จะเป็นทรงเหลี่ยมค่ะ
บรรยากาศภายในสวนหย่อมร่มรื่นพอสมควร ซึ่งห้องพักอาศัยที่ติดกับสวนนี้ก็จะได้วิวต้นไม้ที่ร่มรื่นด้วย แต่ก็ทำให้เสีย Privacy ในการอยู่อาศัยนะคะ พื้นที่ระหว่างห้องพักอาศัยในชั้น 4 และพื้นที่สวน กั้นกันเพียงไม้พุ่มเตี้ยและระเบียง ทำให้ความปลอดภัยในการอยู่อาศัยบนชั้น 3 ของห้องฝั่งวิวสวนนี้ลดลงค่ะ
วิวจากมุมหนึ่งของ Pocket Garden มองออกมาจะเห็นสวนของอาคาร B ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบมาให้เห็นพื้นที่สวนของตึกอื่นๆอยู่ตลอด ทำให้ดูร่มรื่น น่าพักผ่อนค่ะ
ชั้น 5-7 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งชั้น ผังโดยรวมจะเหมือนกับชั้น 4 เลยค่ะ แตกต่างกันที่โดยมีห้องพักอาศัยชั้นละ 22 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 18 ห้อง (ขนาด 31.3-36.2 ตร.ม.) และห้อง 2 Bedroom 4 ห้อง (ขนาด 57.8-57.9 ตร.ม.) และไม่มี Facilities ส่วนกลางในชั้นนี้แล้ว ส่วนเรื่องวิวจะไม่ต่างกันมากกับห้องพักอาศัยในชั้น 4 ที่ได้อธิบายไว้แล้วนะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ แบบ Infinite Edge Pool ที่ชั้น 44 ตึก A, ชั้น 32 ตึก B และ ชั้น 4 ตึก C
- Fitness+Sky Lounge ที่ชั้น 44 ตึก A, ชั้น 32 ตึก B และชั้น 4 ตึก C
- สวนหย่อม และพื้นที่นั่งเล่นที่ชั้น 3 ตึก A, ชั้น 3 ตึก B และชั้น 4 ตึก C
- Sunken Seat, Deck อาบแดด, พื้นที่นั่งพักผ่อนและรับวิวรอบสระว่ายน้ำ
- Pocket Garden ที่ชั้น 42 ตึก A และชั้น 28 ตึก B
- สวนหย่อมรอบโครงการ และด้านหลังตึก C
- ลิฟท์โดยสาร
- 3 ตัวที่ตึก A อัตราส่วน 150:1
- 3 ตัวที่ตึก B อัตราส่วน 154:1
- 4 ตัวที่ตึก C อัตราส่วน 21:1
- 55 คันที่ตึก A อัตราส่วนในตึกตัวเอง = 12%
- 80 คันที่ตึก B อัตราส่วนในตึกตัวเอง = 17%
- 163 คันที่ตึก C อัตราส่วนในตึกตัวเอง = 192%
Product Walkthrough
สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ Mr.Boom เคยพาไปดูชม และเจาะลึกรายละเอียดมาแล้ว 2 ห้อง คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.7 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom ขนาด 67.2 ตร.ม. ซึ่งจัดไว้ให้ชมที่สำนักงานขายนะคะ วันนี้จะพาไปชมห้องอีกแบบหนึ่งแต่จะไม่ลงรายละเอียดในเรื่องวัสดุและเฟอร์นิเจอร์มากนักนะคะ เพราะตรวจดูกับรีวิวที่ Mr.Boom เคยทำแล้วของจริงให้ตรงกับที่เคยรีวิวไว้ จึงจะเน้นพาไปดูห้องขายจริงที่ถูกจัดให้เป็นห้องตัวอย่างชั่วคราวมากกว่า เป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 57.5 ตร.ม. เราก็จะได้เห็นวิวจริงของห้องพักจากห้องตัวอย่างด้วยค่ะ
เฟอร์นิเจอร์โครงการนี้ให้แบบ Fully Furnished ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่เราเห็นในห้องตัวอย่างจะให้ทั้งหมดนะคะยกเว้นของตกแต่ง เราไปชมกันเลยค่ะ
ห้อง 2-Bedroom ขนาด 57.5 ตร.ม. Type B2 ถ้าดูจาก Unit Plan จะเห็นว่าห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้าง และเป็นห้องมุม ทำให้มีพื้นที่รับวิวมากกว่าห้องปกติ ห้องส่วนใหญ่ในห้องนี้จึงมีส่วนที่ติดกับผนังที่เป็นช่องแสงทั้งหมด ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น, ห้องนอนเล็ก, ห้อง Master Bedroom (ยกเว้นห้องครัว ห้องน้ำ) มีข้อดีหลักๆคือช่องแสงจะช่วยเพิ่มปริมาณแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาในห้องได้
Layout ของห้องนี้นำครัวมาไว้หน้าห้องเหมือนห้อง 2 Bedroom ขนาด 67.2 ตร.ม. แต่จะต่างกันตรงที่ห้องนี้ไม่มีผนังกั้นห้องครัว ทำให้ได้เป็นลักษณะครัวเปิด (Pantry) ซึ่งมีระยะพอให้กั้นเป็นครัวปิดได้แต่ไม่มีหน้าต่าง ต้องระบายกลิ่นออกทางที่ดูดควันเท่านั้น ติดกันกับห้องครัวเป็นส่วนรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่นจะติดอยู่กับระเบียง โดยที่ระเบียงของห้องนี้จะแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบนและเป่าออกด้านนอกห้องทำให้ห้องไม่ร้อน และทำให้ใช้งานพื้นที่ระเบียงได้เต็มพื้นที่, ห้องนี้มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำแบบ 3 Function โดย Master Bedroom และห้องนอนเล็กใช้ห้องน้ำด้านนอก ร่วมกับส่วนรับแขกค่ะ
เริ่มจากประตูหน้าห้องเป็นบาน HDF สีขาว มือจับประตูใช้เป็นแบบก้านโยก และใช้กุญแจไขธรรมดา ด้านหน้าห้องมีติดป้ายบอกเลขห้องไว้เรียบร้อยค่ะ
เมื่อเราเปิดประตูเดินเข้าห้องมาแล้ว เราจะพบกับส่วนที่เป็น living area ก่อนอันดับแรก เป็นพื้นที่นั่งเล่น วางโซฟาขนาดนั่งได้ 2-3 คน เวลาพาเพื่อนๆมาพักผ่อนที่ห้องหลายคน โซฟาอาจจะไม่พอนะคะ ก็น่าจะหาเก้าอี้สตูลตัวเล็กๆ มาเพิ่มได้ ฝ้าเพดานห้องนี้สูง 2.6 เมตร พื้นได้เป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม.ค่ะ
ส่วนนั่งเล่นนี้ติดกับประตูกระจกสไลด์ที่เปิดเชื่อมไประเบียงด้านนอกซึ่งเวลากลางวันแสงธรรมชาติจะเข้ามาในห้องนั่งเล่น ช่วยให้บรรยากาศในห้องไม่มืดทึบ
วงกบประตูเป็นอลูมิเนียมสีธรรมาติ ตัวล็อกจะมีอยู่ตำแหน่งเดียวตรงมือเปิดค่ะ ขอบวงกบด้านนอกมีความหนาเกือบคืบหนึ่งเลยนะคะ เป็นความหนาที่มากกว่าคอนโดปกติ เนื่องจากเป็นคอนโดสูงใกล้ทะเลมีลมมาปะทะค่อนข้างแรงค่ะ
Compressor แอร์ 2 ตัวเป็นแบบแขวนอยู่ใต้ฝ้าเพดานทั้งหมดนะคะ ทำให้พื้นที่ระเบียงสามารถใช้งานได้เต็มพื้นที่ ทางโครงการไม่ได้ออกแบบให้ใช้ตั้งเครื่องซักผ้าตรงระเบียงนี้นะคะจึงไม่ได้มีการเดินท่อไว้ พื้นที่นี้ออกแบบให้วางชุดโต๊ะกาแฟสักชุด สำหรับนั่งชมวิวริมระเบียงมากกว่าค่ะ
วิวจากระเบียงห้องมุมทางทิศเหนือนะคะ เป็นห้องพักอาศัยจริงที่ถูกจัดเป็นห้องตัวอย่างอยู่ในตอนนี้ค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของประตูห้องจะเป็นชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ถัดเข้าไปด้านในเป็น Pantry ครัวรูปตัว L มุมในสุดของ Pantry เว้นไว้ให้ใส่ตู้เย็นนะคะ ช่องสำหรับใส่ตู้เย็นมีความกว้างของช่อง 0.55 ม. ลึก 0.8 ม.ถ้าจะซื้อตู้เย็นมาใส่ก็ต้องดูขนาดให้พอดีนะคะ
ส่วนพื้นที่ครัวเข้าไปยืนทำอาหารได้ 1-2 คนเท่านั้นแต่ถือว่าจัดฟังก์ชั่นมาครบดีทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และ Counter เก็บของ ทำให้ใช้งานได้จริงจังระดับหนึ่งสำหรับเป็นคอนโดตากอากาศนะคะ แต่หากจะอยู่อาศัยจริงก็สามารถติดฉากกั้นเพิ่มเพื่อกันไม่ให้กลิ่นและควันฟุ้งเต็มห้องและติดเครื่องดูดอากาศแบบต่อท่อออกไปด้านนอกเพิ่มอีกตัวหนึ่งก็สามารถใช้ครัวได้เต็มที่แล้วค่ะ
ใต้ Counter ครัวจะเว้นช่องไว้ให้ใส่เครื่องซักผ้า ซึ่งเดินท่อไว้ให้ตั้งในตำแหน่งนั้นนะคะ ส่วนพื้นที่ว่างที่อยู่ด้านข้างประตูสามารถทำชั้นวางของ วางรองเท้าเพิ่มได้ค่ะ
ผ่านพื้นที่นั่งเล่นและส่วนครัวเข้ามาจะเจอโถงทางเดินที่เชื่อมห้องต่างๆภายในนะคะ ซ้ายมือห้องแรกเป็นห้องนอนเล็ก ถัดไปห้องที่อยู่ตรงกลางเป็นห้องนอนใหญ่ และห้องทางขวามือเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งทั้งห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่จะต้องใช้ห้องน้ำกับส่วนกลางนะคะ
ด้านในห้องนอนเล็กมีขนาดไม่กว้างมาก ถูกออกแบบให้เป็นห้องที่พอดีสำหรับ 1 คนและถูกจัดวางFurniture ต่างๆไว้ ได้แก่ เตียงขนาด 3.5 ฟุตไว้ ด้านข้างมีโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้าที่ Built-in ไว้เรียบร้อยค่ะ ซึ่งขนาดของเตียงนี้สามารถขยายเป็นเตียง 5 ฟุตได้นะคะ เพราะด้านข้างมีพื้นที่เหลือ หรือถ้าจัดเป็นเดี่ยวชิดฝั่งขวา ฝั่งซ้ายก็สามารถทำโต๊ะเขียนหนังสือได้เต็มพื้นที่เลยนะคะ เวลานั่งอ่านหนังสือก็สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้ค่ะ
หน้าต่างของห้องออกแบบมาให้อยู่ฝั่งหัวเตียงนะคะ ตั้งใจให้สามารถนอนมองวิวด้านนอกได้ แต่น่าเสียดายที่บานหน้าต่างไม่ได้แบบเต็มผนังนะคะ เพราะเป็นคอนโดวิวทะเลแต่พื้นที่กระจกยังน้อยอยู่ค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ของตู้เสื้อผ้าที่ Built-in ไว้เรียบร้อยแล้ว ติดกันเป็นพื้นที่ผนังโล่งๆซึ่งสามารถใช้ติด TV แบบแขวนได้ ส่วนพื้นที่ด้านล่าง TV ก็สามารถทำตู้เก็บของสำหรับใส่อุปกรณ์เล่นน้ำของเด็กได้นะคะ
ต่อไปเป็นห้องนอนใหญ่ ด้านในห้องนอนมีขนาดกว้างพอสมควรทำให้สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ได้ใหญ่ขึ้น จัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ ด้านข้างมีโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้าที่ Built-in ไว้เต็มผนังค่ะ เฟอร์นิเจอร์ที่จัดไว้ยังคงขาดโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับคุณผู้หญิงนะคะ ซึ่งภายในห้องนี้ก็สามารถทำโต๊ะยาวติดหน้าต่างสำหรับเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือเป็นโต๊ะทำงานได้ โดยในส่วนของหน้าต่างเป็นแบบ Bay Window เพื่อให้เปิดมุมรับวิวได้มากขึ้นค่ะ
ส่วนพื้นที่ปลายเตียง ไม่มีพื้นที่เหลือให้วางชั้นวางทีวีนะคะ ถ้าจะติดทีวีในห้องนี้ต้องติดแบบแขวนค่ะ ซึ่งก็ได้มีการติดตั้งสวิตซ์ไฟและช่องรับสัญญาณโทรทัศน์ไว้เรียบร้อยนะคะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนเป็นตู้เสื้อผ้าที่ถูก Bulit-in เต็มผนังไว้เรียบร้อยแล้ว ด้านข้างเป็นบานหน้าต่างสำหรับเปิดออกไปดูแลซ่อมแซมคอมเพรสเซอร์แอร์ค่ะ ตำแหน่งวางคอมเพรสเซอร์แอร์ตรงนี้ไม่ค่อยดีนะคะ เพราะอยู่ในห้องนอนเลยค่ะ
ห้องน้ำนี้มีความพิเศษที่เป็น 3 ฟังก์ชันนะคะ คือส่วนด้านหน้าที่เห็นนี้เป็นอ่างล้างหน้าซึ่งไม่มีประตูกั้น ส่วนด้านซ้ายเป็นห้องสุขา ด้านขวาเป็นห้องอาบน้ำค่ะ
พื้นห้องน้ำจะยกธรณีขึ้นมาทั้ง 3 ส่วนนะคะเพื่อกั้นไม่ให้น้ำเข้ามายังส่วนพักอาศัยอื่นค่ะ
ภาพรวมจะเป็นแบบนี้นะคะ ไล่มาจากฝั่งซ้ายเป็นห้องสุขามีประตูกั้นปิดเรียบร้อย สามารถเข้าไปปลดทุกข์หนักเบาได้เท่านั้นไม่สามารถอาบน้ำได้ค่ะ ตรงกลางเป็นอ่างล้างหน้าไว้ล้างมือและแปรงฟัน ส่วนฝั่งขวาจะเป็นห้องอาบน้ำโดยในห้องนี้จะมีทั้งที่อาบน้ำและสุขภัณฑ์ค่ะ
ภายในห้องฝั่งขวาจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยและขอบธรณี ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องทั้งหมดค่ะที่แตกต่างกันคือพื้นภายในห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องแบบด้าน เพื่อช่วยกันลื่นภายใน้ห้องน้ำค่ะ
โซนแห้งจะมีสุขภัณฑ์ของ Cotto แบบ 2 ชิ้น ขนาดไม่ใหญ่ พื้นที่ระหว่างเคาน์เตอร์กับกำแพงพอนั่งได้อยู่ไม่ถึงกับอึดอัดค่ะ มาพร้อมอุปกรณ์ประกอบครบเซ็ทนะคะ ได้แก่ แกนใส่กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำและที่ฉีดน้ำค่ะ
ส่วนโซนเปียกจะติดตั้งฝักบัวอาบน้ำและเดินสายสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยค่ะ ภายในยังมีที่นั่งอาบน้ำ ซึ่งสามารถนั่งอาบน้ำได้สะดวกทั้งเด็กและผู้สูงอายุค่ะ
ประตูห้องน้ำทั้ง 2 ฝั่งเป็นประตูสไลด์บาน HDF ประตูเปิดไม่ได้กว้างมากนักคะ ตามรูปคือเปิดสุดแล้วมีความกว้างประมาณ 50 ซม. อาจจะอึดอัดสักนิดค่ะ มือจับประตูห้องน้ำมาพร้อมตัวล็อกประตูเป็นแบบหมุนเปิดปิดค่ะ
ส่วนห้องสุขาทางฝั่งซ้าย ภายในจะมีเพียงสุขภัณฑ์ สายฉีดน้ำ และแกนใส่กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 March 2016
- 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 03 ห้อง A031B04 เนื้อที่ 35.45 ตร.ม. ราคา 2.766 ล้านบาท หรือ 78,025 บาท/ตร.ม. (City View)
- 2 Bedroom อาคาร A ชั้น 21 ห้อง A212B12 เนื้อที่ 57.66 ตร.ม. ราคา 5.527 ล้านบาท หรือ 95,855 บาท/ตร.ม. (City View)
- 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 41 ห้อง A411B07 เนื้อที่ 37.90 ตร.ม. ราคา 4.710 ล้านบาท หรือ 124,274 บาท/ตร.ม. (Sea View)
- 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 11 ห้อง B111B02 เนื้อที่ 31.88 ตร.ม. ราคา 3.422 ล้านบาท หรือ 107,340 บาท/ตร.ม. (Sea View)
- 2 Bedroom อาคาร B ชั้น 17 ห้อง B171B16 เนื้อที่ 65.59 ตร.ม. ราคา 5.958 ล้านบาท หรือ 90,837 บาท/ตร.ม. (Sea View)
- 2 Bedroom อาคาร B ชั้น 31 ห้อง B312B15 เนื้อที่ 59.16 ตร.ม. ราคา 5.160 ล้านบาท หรือ 87,221 บาท/ตร.ม. (City View)
- 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 04 ห้อง C041B01 เนื้อที่ 31.99 ตร.ม. ราคา 2.429 ล้านบาท หรือ 75,774 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom อาคาร C ชั้น 07 ห้อง C072B22 เนื้อที่ 59.84 ตร.ม. ราคา 4.465 ล้านบาท หรือ 74,532 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished – เฟอร์นิเจอร์ Built-in+ลอยตัว, แอร์ Daikin ในห้องนอนทุกห้องและห้องนั่งเล่น
- เพดานสูง 2.60 เมตร
- Kitchen & Sink + Hob & Hood + ตู้เย็น + ไมโครเวฟ + เครื่องซักผ้า
- ค่ากองทุน 550 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
- โปรโมชั่น 26 มีนาคม เปิดขายห้องชั้นใหม่ เป็นห้องตกแต่งเสร็จสรรพ พร้อมอยู่ พร้อมลงทุน ราคาพิเศษ ฟรี ค่าใช่จ่ายวันโอน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล – คอนโด Centric Sea พัทยา ตั้งอยู่บนถนนพัทยาสายสอง บริเวณกลางใจเมืองพัทยา จึงไม่ใช่คอนโดติดทะเลแต่เป็นคอนโดวิวทะเล ที่มีระยะห่างจากทะเลประมาณ 500 ม. เนื่องจากตั้งอยู่บน “ถนนใกล้หาด” ทำให้มีความสะดวกสบายและความอุดมสมบูรณ์ของโครงการค่อนข้างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, สำนักงาน, ร้านค้า หรือสถานที่ราชการก็ตามก็อยู่ไม่ไกล ทำให้นอกจากจะเหมาะกับคนที่อยากจะได้คอนโดตากอากาศที่พัทยาแล้ว อาจจะยังเหมาะกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องทำงานหรืออยู่อาศัยที่พัทยาเป็นหลักในชีวิตประจำวัน
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว – สำหรับผู้ที่เดินทางมาพักตากอากาศที่โครงการถือว่าสะดวกมาก เพราะโครงการตั้งอยู่ในเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆรัศมีประมาณ 4-5 กิโลเมตรก็แทบจะครบทั้งเมืองแล้ว ทำให้ไปเที่ยวไหนก็ขับรถไปไม่ไกล แต่การจราจรในเมืองพัทยาเรียกว่าติดมากในวันหยุด นอกจากนั้นที่จอดรถในเมืองพัทยาก็หายากอีกเช่นกันก็จะทำให้ความสะดวกลดลงไปบ้าง ถ้าใช้มอเตอร์ไซด์จะสะดวกกว่า
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้น – ถือว่าพอใช้ได้เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ สำหรับเมืองพัทยานั้นจะมีรถกระบะสองแถววิ่งผ่านตลอดซึ่งนอกจากจะราคาถูก สะดวกและเร็ว(ใช้ได้)แล้วยังมีให้เรียกตลอดเวลาด้วย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี ส่วน Taxi ราคาแพงมากนะคะ ส่วนใหญ่จะรอรับชาวต่างชาติที่ไม่เคยมาเที่ยวถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรจะขึ้นเท่าไหร่ ส่วนถ้าใครอยากขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ขึ้นได้เหมือนกัน มีวินอยู่หน้าโครงการเลย หรือที่นิยมกันในหมู่นักท่องเที่ยวก็จะไปเช่ามอเตอร์ไซค์มาขี่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดหรือไม่มีที่จอดรถค่ะ
การออกแบบโครงการ – สร้างเต็มที่ดินโครงการประมาณ 6 ไร่ วางตึกมาเต็มที่ดินเลย ทำให้รู้สึกว่าเป็นโครงการที่ค่อนข้างหนาแน่น แต่ในส่วนของห้องพักอาศัยมีการออกแบบที่หลบหลีก ไม่ให้ห้องปะทะกันในระยะใกล้ ในช่วงของอาคารที่ขนาบข้างกัน จะออกแบบพื้นที่สวนกั้นไว้ตรงกลางทำให้เกิดระยะห่างระหว่างตึกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีคอนโดนี้เป็นคอนโดตากอากาศอาจจะไม่ได้มีผู้ที่เข้ามาพักตลอดเวลา ก็น่าจะทำให้ความหนาแน่นเมื่อมีคนอยู่อาศัยจริงลดน้อยลงไป แต่ละตึกจะมีจุดขายของตัวเองที่แตกต่างกันไป
ตึก A จะเน้นวิวสวยเป็นหลัก ราคาจะสูงกว่าตึกอื่น เพราะเป็นตึกที่สูงที่สุด มี Facilities ลอยฟ้าที่สูงที่สุด จำนวนห้องต่อชั้นน้อยที่สุดในบรรดา 3 ตึก จึงจะมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด วิวที่ได้จะเป็นทิศตะวันตกและทิศใต้เป็นหลัก
ตึก B จะเน้นวิวสวยเหมือนกัน แต่ราคาจะถูกลงมาหน่อย เพราะชั้นพักอาศัยไม่ได้มีชั้นสูงเท่าตึก A วิวที่ได้จะเป็นทิศตะวันตกและทิศเหนือเป็นหลัก แต่ชั้นล่างๆของตึกนี้จะวิวสวยไม่เท่าตึก A เพราะโดนโรงแรมข้างหน้าบังวิวไปเยอะกว่า และยังโดนตึก A บังวิวทิศใต้ไปอีกด้วย
ตึก C เป็นตึกที่ไม่เน้นวิวเลย แต่เน้นความ Privacy เป็นส่วนตัวเป็นหลัก เพราะเป็นตึกที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดในบรรดา 3 ตึก และยังได้ประโยชน์เรื่องที่จอดรถที่มีชั้นจอดรถ 3 ชั้น ส่วนอาคาร A และ B มีเพียง 2 ชั้น ตึก C จึงเน้นอยู่อาศัยแบบสบายๆ ไม่เน้นวิว โดยเป็นตึกที่มีราคาต่อตร.ม.ถูกที่สุดด้วย
การออกแบบห้อง – ออกแบบห้องรองรับกลุ่มลูกค้า 2 กลุ่มนะคะ แบบห้องหนึ่งมีการจัดฟังก์ชันออกมาแบบคอนโดตากอากาศคือมีครบแต่ไม่เน้นการทำครัว ส่วนการออกแบบช่องเปิดให้รับวิวนั้นยังไม่ได้หน้าต่างเต็มบาน ซึ่งน่าจะเป็นจุดขายของคอนโดที่เน้นชมวิวค่ะ อีกแบบหนึ่งสำหรับคนที่อยากอยู่ในเมืองพัทยาแบบระยะยาว มีแบบห้อง 2 Bedroom ซึ่งให้ฟังก์ชั่นครัวแบบครัวปิด ที่มีประตูกั้นเป็นสัดส่วน จึงสามารถทำครัวได้จริงจังกว่า และมีพื้นที่ระเบียงที่ใช้งานได้เต็มที่กว่า เนื่องจากไม่ต้องเอาไว้วางคอมเพรสเซอร์แอร์ค่ะ
วัสดุ – ห้องให้มาแบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สเป็คของที่ให้ก็จะมีแอร์ Daikin 2-3 ตัว, เครื่องใช้ไฟฟ้า Electrolux, พื้นลามิเนต 8 มม., ชุดครัว MEX, เคาน์เตอร์ท้อปหินสังเคราะห์, สุขภัณฑ์ Cotto, ประตูบาน HDF สเป็คแบบนี้ถือว่าวัสดุเกรดกลางๆ สำหรับห้องชั้นล่างๆที่ราคาประมาณ 80,000 บาทต่อตร.ม. แต่ถ้าเป็นห้องชั้นบนๆที่ราคาเกินนี้จะถือว่าเริ่มแพงแล้ว เพราะที่จ่ายเงินเพิ่มไปไม่ใช่เรื่องวัสดุเลย เป็นเรื่องวิวทะเลล้วนๆ อันนี้ก็ต้องแลกกันนะครับ เพราะโครงการนี้มีราคาของห้องแต่ละชั้นแต่ละมุมที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่ 75,000 บาท/ตร.ม. ไปจนถึง 145,000 บาท/ตร.ม.เลย
พื้นส่วนกลาง – ที่โครงการจัดมาให้ครบทุกตึก ลูกบ้านทุกคนสามารถเดินไปใช้ส่วนกลางตึกไหนก็ได้นะคะ โดยจะวางไว้ที่บนยอดตึก A, B และชั้น 4 ตึก C จึงเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถเห็นวิวทะเลได้ด้วยและให้มาค่อนข้างหลากหลาย คือ สระว่ายน้ำ, Fitness, Sauna&Steam, สวนหย่อม และ Sky Lounge Fitness เทียบกับจำนวนห้องแล้วถือว่าน่าจะพอเพียง ยกเว้นช่วง High Season ถ้าลูกบ้านเลือกมาพักผ่อนที่โครงการเยอะก็อาจจะแน่นไปนิดนึงค่ะ แต่อัตราส่วนของที่จอดรถยังให้มาน้อยอัตราส่วน 30.8% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ถ้ารวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 32 % สำหรับอัตราส่วนลิฟท์อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้สำหรับการเป็นคอนโดตากอากาศค่ะ โดยมีอัตราส่วนลิฟท์ที่อาคาร A 150 : 1 และอาคาร B 154 : 1 ซึ่งมากทีเดียวนะคะ ส่วนอาคาร C มีอัตราส่วนที่ดีคือ 21 : 1 เท่านั้น ระบบความปลอดภัยจะมีการใช้ Key Card ตั้งแต่ในส่วนของโถงลิฟท์ซึ่งเป็นลิฟท์แบบล็อกชั้นค่ะ
Judgement
สำหรับการตัดสินใจซื้อคอนโดตากอากาศ จะไม่ได้พิจารณาจากความคุ้มค่าต่อราคาเพียงเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับความพึงพอใจส่วนบุคคล ซึ่งเป็นความคุ้มค่าทางอารมณ์ที่ผู้ซื้อจะตัดสินใจด้วยตนเอง ดังนั้นทางทีมงานเห็นว่าจะไม่มีการให้คะแนนในโครงการลักษณะนี้ค่ะ
BOTTOM LINE
Centric Sea พัทยา เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนสองกลุ่ม คือ กลุ่มคนที่หาบ้านพักตากอากาศที่พัทยา และกลุ่มคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยแบบระยะยาว ต้องการทำเลอยู่ในตัวเมือง สามารถเดินทางได้สะดวกและมีความอุดมสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการติดทะเล แต่ได้ยังได้วิวทะเลอยู่ อยากได้ห้องแบบ Fully-Furnished ไม่ต้องแต่งเยอะ มีงบประมาณตั้งแต่ 2.2 – 12 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 15,000 – 84,000 บาท/เดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )