รีวิวเจาะลึก 41 ไม่น่าเชื่อว่าทำมา 40 โครงการแล้ว รีวิวที่ 41 จึงจะเป็นรีวิวแรกของโครงการในเครือ LPN Development ที่เป็นเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่ในวงการคอนโดมิเนียมบ้านเรา และยิ่งไปกว่านั้นเราก็ได้ทำรีวิวโปรเจคล่าสุดของโครงการคอนโดมิเนียม LPN กันเลย นั่นก็คือ Lumpini Park Beach จอมเทียน ที่ติดชายหาดจอมเทียนในเมืองพัทยา
VDO REVIEW พาชมห้องตัวอย่าง
https://www.youtube.com/watch?v=5FBpi9a5Yh4
Fact @ 23 Nov 2011
- ลุมพินี Park Beach จอมเทียน
- LPN Development, Plc.
- คอนโด High Rise 31 ชั้น 185 ยูนิต
- เนื้อที่โครงการประมาณ 19 ไร่ (รวม 2 เฟส ก็คือที่ดินเปล่าด้านหลังตึก B, C ด้วย)
- ขนาดห้อง 28 – 151 ตารางเมตร
- 1 Bed / 2 Beds / 3 Beds
- ราคาขาย 1.29 – 13 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 46,000 บาท ต่อตารางเมตร
เจาะลึกทำเลที่ตั้ง
ทำเลที่ตั้งก็ไม่มีอะไรมาก เป็นที่ดินติดถนนใหญ่เลียบชายหาดจอมเทียนที่วางตั้งฉากกับชายหาด ด้านหน้าติดถนนเลียบชายหาดและด้านหลังติดถนนจอมเทียนสาย 2 โดยทำมุมเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้เข้ากับอ่าวไทย ทำเลดีครับอยู่ในส่วนของโซนที่พัฒนาแล้ว มีโรงแรม ร้านอาหารขึ้นเยอะแยะเต็มไปหมด
เก็บภาพตัวอย่างไซต์งานก่อสร้างหลังสำนักงานขายมาให้ดู
ออกจากพัทยาใช้ถนนสุขุมวิท ขับง่ายๆ วิ่งตรงมุ่งหน้าไปยังหาดจอมเทียน ทางที่ไประยางน่ะแหละครับ
เลี้ยวเข้าที่ถนนจอมเทียนสาย 1 (เลียบชายหาด) จากนั้นก็ขับตรงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจอะไรจะเจอคอนโด CETUS ก่อน
วิ่งไปอีกหน่อย เลยซอยจอมเทียน 15 ไปนิดนึงก็จะเจอสำนักงานขาย ตรงนี้ก็ไม่ค่อยคึกครื้นเท่าจอมเทียนโซนต้นๆ แต่ก็ไม่เสียหายครับ
เมื่อเรามาถึงสำนักงานขาย ที่มีตุ๊กตารูปคนโบกมืออันเป็นสัญลักษณ์ของ LPN ที่ประจำสำนักงานขายทุกที่ เราก็เลี้ยวเข้าไปชมกัน
ส่วนเรื่องทำเลพัทยาดีอย่างไร ทำไมต้องซื้อคอนโดติดหาด คอนโดติดหาดต่างจากในซอยใกล้ๆหาดอย่างไร ทำไมไม่ซื้อหัวหินแทนพัทยา ฯลฯ เรื่องพวกนี้อยู่นอก Scope การรีวิวชุดนี้นะครับ เดี๋ยวไว้ว่างๆมีโอกาสจะเขียนเป็นบทความลงในเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กับการซื้อคอนโดติดทะเล ว่าต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไร อย่างไรบ้าง
เจาะลึกตัวสินค้า
โครงการนี้ เฟสแรกเป็นตึก 3 ตึก ห้องรวมกัน 1,846 ยูนิต แออัดกันพอสมควร ก็แน่ละปลูกเข้าไป 3 ตึก A, B, C ในที่ดิน 19 ไร่กว่า ซึ่งตรงนี้ยังมีพื้นที่เหลืออีกนะครับ จะขึ้นเป็นโครงการในอนาคต ก็แน่นอนว่าต้องมียูนิตตึก D และ E อีกราว 1,200 ยูนิตรวมเป็นคร่าวๆ 3,000 ยูนิต (รายละเอียดยังอยู่ในขั้นการพัฒนา สามารถเปลี่ยนแปลงได้) แต่ดีที่คอนโดนี้สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ก็คือทั้งจอมเทียนเลียบหาดสาย 1 และจอมเทียนสาย 2 ทำให้การคมนาคมค่อนข้างจะโอเคขึ้นมาหน่อย อีกอย่างก็คือ ลูกค้าส่วนใหญของโครงการนี้เป็นคนกรุงเทพฯไปเสีย 80% โอกาสที่จะไปอยู่จนเกิน 50% ของ Capacity ผมว่ามีน้อยมาก นอกจากช่วงวันหยุดยาว Long Weekend ที่เป็นเทศกาลหลักๆจริงๆ ซึ่งโดยปกติแล้วพัทยาก็แทบจะแตกอยู่แล้วในเทศกาลเช่นนั้น
ปัญหาเรื่องที่จอดรถที่มี 640 คัน เทียบได้ประมาณ 34% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดคงจะมีปัญหาในช่วงเทศกาลเท่านั้น เพราะด้วยเหตุผลดังกล่าวที่บอกไปข้างต้น คนกรุงเทพฯคงจะไม่ย้ายมาอยู่ถาวรแน่ ปล่อยเช่าก็ใช่ว่าจะปล่อยได้อย่างยาวนานจริงจัง คงจะมีบ้างช่วง 2-3 เดือนที่ต่างชาติแวะมาพักหนีหนาวเปลี่ยนบรรยากาศเป็นริมทะเล เนื่องจากทำเลหาดจอมเทียนแถวนี้เป็นทำเลตากอากาศ ไม่ใช่ทำเลที่คนพัทยาจะใช้ชีวิตอยู่เพื่อเช้าไปทำงานเย็นกลับเข้าบ้าน ถ้าอย่างนั้นไปเช่า Apartment ดีๆในเมืองพัทยาดีกว่า ไม่ต้องดั้นด้นออกมาที่จอมเทียนแบบนี้
วิวของโครงการถ่ายจากชั้นประมาณ 20 หากไปเยี่ยมโครงการก็ลองขอ iPad จากพนักงานขายดูได้ จะมีการแพนกล้องดูวิวได้ครบทุกจุด ซึ่งวิวที่หันไปทางสัตหีบนั้นจะสวยน้อยกว่าทางพัทยา เนื่องจากมีตึกนึงบังวิวอยู่บางส่วน แต่ว่าทิศสัตหีบจะร้อนน้อยกว่ามาก เนื่องจากเป็นทิศใต้ หากเทียบกับทิศวิวพัทยาซึ่งเป็นทิศตะวันตกแท้ๆ
ผังโครงการของ Lumpini Park Beach จอมเทียนหันไปทางทิศตะวันตกเต็มๆเฉียงใต้หน่อยๆ … ก็แน่ละอ่าวไทยมันอยู่ทางทิศตะวันตกของหาดจอมเทียน ถ้าอย่างได้คอนโดเพื่อจะดูตะวันลับฟ้า มลายไปกับน้ำทะเลสวยๆ ก็ต้องทำใจได้ว่าหน้าคอนโดของคุณต้องโดดแดดบ่ายเต็มๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (เป็นกันทั้งหาดครับ) ต่างกับคอนโดหัวหิน ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นวิวตะวันลับทะเล และตอนเย็นก็จะสามารถนั่งหน้าห้องได้อย่างสบายใจ เนื่องจากอ่าวไทยอยู่ทางทิศตะวันออกของหัวหินนั่นเอง
ดูจาก Facility หลักๆแล้วก็ไม่มีอะไรมาก ก็คือพวกสวนและสระว่ายน้ำ 2 จุด และอาคารอีก 5 ตึก โดยมีตึก A เพียงตึกเดียวที่อยู่ติดหาดจริงๆ นอกนั้น B, C, D, E ก็ลดหลั่นกันลงมา ถ้าให้ผมเดาๆเล่นๆ อาจมีลุ้นว่าตึก D และ E จะมีราคาต่ำน่าตกใจออกมา เนื่องจากเป็นตึกที่อยู่หลังสุดของโครงการเลย … เดาล้วนๆนะครับ เพราะอนาคต เอาแน่เอานอนไม่ได้
อาคาร B และ C มีจุดที่เชื่อมกันเป็นที่จอดรถ ซึ่งถ้าใครซื้อตึก A (ติดทะเล) ไว้ ก็ต้องเดินไกล (มาก) จากอาคารจอดรถที่ตึก B และ C ส่วนตัวก็เข้าใจว่าโครงการจำเป็นต้องออกแบบที่จอดรถแบบนี้ เพราะที่ดินของตึก A นั้นแพงมาก หากตัดเอา 2-3 ชั้นไปทำที่จอดรถ ก็เท่ากับว่าเสียห้องวิวชายหาดไปซะอย่างนั้น … พวกตึก A ก็ต้องเดินกันหน่อยนะครับ
จากภาพข้างบนเราจะเห็นว่าส่วนบนสุดของที่จอดรถก็จะกลายเป็นสวนกับสระว่ายน้ำ เป็นวิวให้คนที่ซื้อห้องตึก B และ C ได้รับชมกันไป เพราะว่ามองไม่เห็นทะเล
หากดูตามโมเดลข้างบนจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ว่าตึก A, C จะมีส่วนที่เห็นทะเลชัดๆอยู่เยอะ … อย่าลืมนะครับ ห้องข้างๆก็เห็นทะเลนะ เพราะว่าที่ดินเว้าด้านหน้าเป็นอาคารเตี้ยๆของชาวบ้านรอบข้าง ไม่มีการบังวิวแต่อย่างไร
สุดท้ายเรามาดูมุมตรงกันบ้าง … ห้องด้านหน้าสุดของตึก A มันน่าสนใจยิ่งนัก วิวเปิด 180 องศา 3 ห้องนอน สนนราคาก็น่าตกใจยิ่งนัก 11-13 ล้าน … เรียกกันว่าซื้อห้อง 1.29 ล้าน ได้สิบห้องเลยทีเดียว
สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ
- Lobby
- สระว่ายน้ำ 2 แห่ง ชั้น 6 อาคาร B/C และ ชั้น G
- สวน 3 แห่ง ชั้น G ของอาคาร A, B/C และชั้น 6 ของอาคาร B/C
- ฟิตเนส, ซาวน่า ชั้น 6 อาคาร B/C
- ที่จอดรถ 640 คัน
มีสนามบาสเล็กๆแอบอยู่ตรงแถวๆโคนตึก C ด้วย ถ้าพนักงานขายไม่ชี้ให้ดู ผมก็คงจะไม่เห็นเป็นแน่
ซูมไปดูโมเดลสระว่ายน้ำ ขอบอกว่าห้องข้างล่างน่ะไม่ใช่ที่จอดรถนะครับ แต่เป็นโซนพิเศษ เรียกว่า PARK BEACH (ตามชื่อโครงการ) คือเห็นสวนและทะเลด้วย หันหน้าออกชายฝั่ง (แต่คงจะไม่เห็นอะไรมากเนื่องจากมันเตี้ย อยู่แค่ชั้น 2-4 เท่านั้น)
ภาพสุดท้ายของ Facility เอาแอเรียด้านหน้าที่ติดหาดของตึก A มาให้ดู ว่าจะมีสระว่ายน้ำอยู่ 1 แห่ง พร้อมเป็นอาคารเล็กๆ ต้อนรับลูกบ้านที่พึ่งกลับมาจากการไปเล่นน้ำในทะเล หรือชอบเล่นสระน้ำที่อยู่ใกล้ทะเล
รูปแบบห้องและราคาเปิดขาย
1 Bedroom อยู่ที่ 28 – 49 ตารางเมตร มีราคาไล่ตั้งแต่ห้องโปรโมชั่น 1.29 ล้านบาท ไปยังห้องเฉียดๆ 3 ล้านบาทที่ 49 ตารางเมตร จอง 10,000 สัญญา 30,000 ดาวน์ 10%
2 Bedrooms อยู่ที่ 56.5 – 71 ตารางเมตร เริ่มต้นอยู่แถวๆ 3.4 ล้านวิ่งไปถึง 5 ล้านเศษได้พวกห้องมุมวิวทะเล จอง 30,000 สัญญา 100,000 ดาวน์ 20%
3 Bedrooms อยู่ที่ 151 ตารางเมตร เริ่ม 11 ล้าน มุมเปิดกว้าง 180 องศาเห็นทะเลสวยเลย จอง 100,000 สัญญา 400,000 ดาวน์ 20%
จะเห็นว่าเก็บ จอง สัญญา ดาวน์ของห้อง 3 Bedrooms โหดมาก เปิดมาก็ซัดไปครึ่งล้าน ผ่อนดาวน์อีก 2 ล้าน … หนักทีเดียว เนื่องจากห้องนี้มันเจ๋งแบบข้างล่างนี้ครับ
มีระเบียงหน้ากว้างเปิดให้เห็นทะเลเต็มๆ กว้างพอที่จะออกไปปาร์ตี้กันได้ที่ระเบียงเลย โดยมีห้องนอนใหญ่ได้วิวพัทยาวางอยู่ทางขวา … ห้องนอนสองได้วิวสัตหีบ ห้องน้ำในตัว 3 ห้อง พร้อมกับห้องโถงกลางกว้างใหญ่ เหมือนกับเป็นห้องศูนย์กลางให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวออกมาเฮฮาสังสรรค์กัน โดยพื้นที่ในจุดนี้เชื่อมกับระเบียงจนเป็นเนื้อเดียวกัน … มันเยี่ยมมากครับ แต่ก็ต้องจ่ายในราคา 11-13 ล้าน … แน่อยู่แล้ว ของดีต้องแพง
Product Walkthrough
เรามาถึงห้องที่จะเอื้อมมือหยิบแตะจับกันได้บ้าง ห้อง 1 Bedroom ตามนี้เลย 28 ตารางเมตร ให้ครอบครัวขนาดเล็ก เข้าไปพักแทนโรงแรมได้อย่างสบาย จริงๆใหญ่กว่าอยู่โรงแรมอีกนะครับ 28 ตารางเมตรเนี่ย
ภาพห้องตัวอย่างชุดนี้ถ่ายจากสำนักงานขายในกรุงเทพฯนะครับ ก็จะเห็นว่าเปิดเข้าไปรับวิวทะเลเลย (สมมุติว่าระเบียงมองเห็นทะเลนะ) ถ้าได้ห้องทิศเหนือก็จะมองเฉียงๆ เห็นพัทยาบ้างทะเลบ้างปะปนกันไป
พื้นเป็นแกรนิตโต้ LPN ไม่ได้แถมอะไรให้เลยนะครับพวก Furniture ทั้งหลาย ที่ให้ดูๆก็เป็นอุปกรณ์ตกแต่งทั้งนั้น
ดู Space การวางโซฟานั่นที่สามารถนั่งได้ 3 คน
ในห้องน้ำมีตู้อาบน้ำเรียบร้อย ไม่ได้ออกแบบมาอย่างหรูหราแต่ก็ใช้งานได้โอเค มาตรฐาน
ระเบียงที่จงใจออกแบบมาให้กว้างกว่าปกติ น่าจะกว้างกว่ายูนิตคอนโดในกรุงเทพฯสัก 2 เท่า เพื่อให้เอาเก้าอี้ไปตั้งได้
เจาะลึกรวบยอด
หลังจากที่วิเคราะห์ไปมากมายแล้ว ก็มาสรุปกันอีกครั้งหนึ่ง ว่ากันด้วยเรื่องทำเลก่อน
“ชายหาดมีจำกัด” คอนโดติดหาดเป็นทรัพย์สินที่หมดแล้วหมดเลย และอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นทรัพย์สินที่มี “มูลค่า” แปรผันตรงกับปัจจัย “ความหายาก” อย่างแท้จริง
หากลองดูในทำเลหลักๆของพัทยา เช่นพวกพัทยาเหนือ-กลาง-ใต้ ที่เป็นเมืองหลักของที่นี่ หากไม่ไปทุบโรงแรมมาสร้างเป็นคอนโดมิเนียม ก็คงคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นคอนโดในราคาล้านกว่าบาทเลย เนื่องจากที่ดินแถวนั้นกับหาดจอมเทียนราคาต่างกันมาก ยิ่งหลังจากที่มี Central Festival ไปเปิดก็ทำให้ราคาที่ดินช่วงริมหาดอยู่ใกล้ๆกับ Central ติดจรวด แทบจะพุ่งไปอวกาศเลย เพราะอะไร? ก็เพราะ “ทำเลที่ดินที่ติดหาดและติด Central” มันมีอยู่แค่นั้น มันจะไม่มีเพิ่มขึ้นอีก เป็นไปไม่ได้เลย นอกจาก Central ไปเปิดสาขาใหม่ ซึ่ง … ก็ไม่ใช่ Central เดิมอยู่ดี
ดังนั้นก็คือคอนโดติดหาด อยากซื้อ … ซื้อได้ ถ้าคิดว่าสามารถจ่ายได้ ในราคานี้ ซึ่งเป็นราคาที่หาได้ยาก สำหรับ “คอนโดใหม่ แบรนด์ใหญ่” ไม่อย่างนั้นแล้วเราคงจะไม่ได้เห็นคอนโดติดชายหาดพัทยาราคาตารางเมตรละ 40,000 กว่า … นอกเสียจากไปซื้อคอนโดมือ 2 หรือคอนโดแบรนด์เล็กๆหน่อย ที่ทำเลด้อยลงไปกว่านี้
ส่วนต่อมาเป็นเรื่องของแบบห้อง จากการที่ได้ดูก็จะพบว่าเน้นระเบียง มีการออกแบบให้ระเบียงใหญ่กว่าปกติ ซึ่งถูกต้องแล้วสำหรับคอนโดริมทะเล แต่ประเด็นก็คือ ทะเลพัทยาหันหน้าเข้าหาทิศตะวันตก อย่างที่ผมบอกคือ มีระเบียงใหญ่ไป กลางวันใช้ไม่ได้ ต้องใช้เวลาเย็นหรือกลางคืนเท่านั้น ถ้าใครคิดว่าจะไปนั่งระเบียงทั้งวันชมทะเล “ขอให้คิดใหม่” มันเป็นไปไม่ได้ครับ ที่นี่หาดจอมเทียนไม่ใช่หัวหิน และไม่ใช่ริมหาดอันแสนน้อยนิดของพัทยาที่หันหน้าขึ้นเหนือ (ซึ่งตรงนั้นเป็นทำเลทองของทองไม่เหลือมาทำคอนโดอยู่แล้ว)
ดูที่ชื่อเสียง LPN ย่อมไม่มีปัญหาอะไร ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มาดูกันที่วัสดุบ้าง ของที่ใช้ก็เป็นของเกรดปานกลางมาตรฐาน ไม่ได้ใช้ของดีเวอร์ หรือของเกรดต่ำเพื่อจะกดราคาอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช (แต่พื้นห้องน่าจะใช้เป็นไม้พิเศษไวนิลแบบทนไอทะเล) ซึ่งมันก็จะทำให้ราคาแพงขึ้น อันนี้ก็ความชอบส่วนบุคคล เอามาคิดไม่ได้
สุดท้ายจบที่สาธารณูปโภค มีไม่มากหากเทียบกับจำนวนห้องทั้งหมด 1800 กว่าห้อง ยังไม่นับรวมตึก D และ E ที่อาจมีถึง 1200 ห้อง ก็จะทำให้สาธารณูปโภคไม่เพียงพอได้ โดยเฉพาะที่จอดรถในช่วงเทศกาล Long Weekend
Judgement
- ทำเล – ติดถนนเลียบชายหาดจอมเทียน ด้านหลังติดถนนจอมเทียน 2 อยู่ในทำเลที่ดี
- ชื่อเสียง – LPN, Lumpini Park Beach จอมเทียน ไม่ค่อยได้ทำตลาดต่างจังหวัดอย่างนี้เท่าไร แต่ในกรุงเทพฯหายห่วง มีแทบจะทุกเขตชั้นใน
- ราคา – 46,000 – 80,000 ไล่ตั้งแต่ห้องเล็กๆวิวสระน้ำ ไปจนถึงหน้าห้องติดทะเล
- วัสดุ – คุณภาพอยู่แถวๆตารางเมตรละ 50,000 – 60,000 ถ้าจ่ายมากกว่านั้นก็ถือว่าซื้อวิว
- แบบ – เหมาะกับการพักตากอากาศ ไม่่เหมาะกับการอยู่ยาวๆ ใช้ชีวิตประจำวัน
- สาธารณูปโภค – มีครบทุกอย่าง แต่อาจจะน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตทั้งหมด