รีวิวโครงการ

Vana Residence พระราม 9 – ศรีนครินทร์ อัปเดตพื้นที่ส่วนกลางและบ้านตัวอย่างแบบใหม่ จาก Asset Five [รีวิวฉบับที่ 2258]

28 กรกฎาคม 2021

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1687 … Vana Residence พระราม 9 – ศรีนครินทร์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน ที่อยู่ในทำเลย่านที่มีแต่บ้านแนวราบหลักอย่างกรุงเทพกรีฑา แต่ว่าจะอยู่ติดกับถนนเส้นใหม่อย่าง “ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า” ซึ่งในย่านนี้ก็ยังมีรูปแบบโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนที่ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปไม่มากเท่าไร จุดเด่นคือเป็นบ้านหน้ากว้าง และ บ้าน L Shape ที่เหมาะกับครอบครัวขนาดกลางอยู่กันได้ 3 Gen และเรื่องการให้ความสำคัญกับที่จอดรถในตัวบ้านครับ

Fact @ 20 September 2018

  • Vana Residence Rama 9 – Srinakarin (วนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์)
  • ผู้ประกอบการ : Asset Five Development
  • LUXURY – SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : เขตบางกะปิ ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่)
  • เนื้อที่โครงการ 19-3-53 ไร่ จำนวน 69 ยูนิต
  • Type A ที่ดิน 64-  136 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 492 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
  • Type B ที่ดิน 56 – 76 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 420 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
  • Type C ที่ดิน 53 – 68 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
  • ราคาเริ่มต้น Type A – 28.8 ล้านบาท / Type B – 25.6 ล้านบาท / Type C – 20 ล้านบาท
  • เพดานชั้น 1 สูง 2.7 เมตร / ชั้น 2 สูง 3.1 เมตร / ชั้น 3 สูง 2.9 เมตร
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : มีนาคม 2561
  • เริ่มเปิดขาย : กันยายน 2561
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : Q3 ปี 2563
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • สำนักงานขาย : 083-954-9499
  • Line : @ASSETFIVE

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.749945, 100.669314

แผนที่จากทางโครงการ Vana Residence พระราม 9 – ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ในโซนกรุงเทพกรีฑา ซึ่งในย่านนี้ถือเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบที่สำคัญ ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เพียงนิดเดียวก็เข้ามอเตอร์เวย์ พระราม 9 ได้แล้ว ในพื้นที่เองก็จะมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ในตัวระดับนึง แต่ยังไม่ถึงกับมีห้างครับ แต่ที่เด่นจริงๆคงจะเป็นเรื่องของรอบๆพื้นที่มีแหล่งสถานศึกษาแบบนานาชาติ ซึ่งการมีบ้านเดี่ยวระดับบนอยู่ในย่านนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่อยู่เหมือนกัน

Vana Residence พระราม 9 – ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ในติด “ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า” เป็นถนนเส้นตัดใหม่ 6-8 เลนซึ่งมีความกว้างมาก ตัวต้นและปลายสายถนนสามารถไปได้ตามชื่อเลยครับ โดยระหว่างทางถนนเส้นนี้จะมีการพาดผ่านถนนกรุงเทพกรีฑา – ถนนกาญจนาภิเษก – ถนนเจ้าคุณทหารอยู่ด้วย โดยใกล้ๆกันนี้จะพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ในโซนนั้นคือ กรุงเทพกรีฑาสปอร์ตคลับ และ ยูนิโก้ แกรนด์ กอล์ฟ ทำเลถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลเมืองออกมาหน่อย แต่ก็สามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆได้สะดวก ไม่ไกลจากทางด่วนมากนัก

โดยถนนกรุงเทพกรีฑา สามารถวิ่งไปถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นถนนหลักที่ตัดกับถนนเส้นสำคัญหลายสาย ทั้ง ถนนอ่อนนุช , ถนนพัฒนาการ , ถนนพระราม 9 , มอเตอร์เวย์ ,  ถนนหัวหมาก และ ถนนรามคำแหง การจราจรจะค่อนข้างติดขัดบริเวณถนนศรีนครินทร์, ถนนพระราม 9 ตามแยก และบริเวณรอบๆห้างใหญ่ๆ

นอกจากนั้นยังมีซอยลัดเอาไว้หนีรถติดคือซอย กรุงเทพกรีฑา 7 ซึ่งสามารถใช้ไปออกถนนรามคำแหง , ซอยกรุงเทพกรีฑา 8 และ 20 สามารถใช้ลัดไปออกมอเตอร์เวย์ได้ สำหรับการเดินทางไปยังที่ต่างๆถ้ามีรถยนต์จะสะดวกกว่า ถ้าเป็นคนที่ทำงานหรือคุ้นชินกับละแวกนี้ ใช้ถนนศรีนครินทร์, พระราม 9 เข้าเมือง หรือ ใช้มอเตอร์เวย์ออกไปยังย่านบางนา, สุวรรณภูมิ และไปชลบุรีได้เลย

ณ วันที่ผมเข้าไปสำรวจทำรีวิวนั้น ต้องถือว่าน่าดีใจกับชาวกรุงเทพกรีฑาตอนต้นตรงนี้ด้วยนะครับ เพราะโปรเจคขยายถนนเดิม กับโครงการถนนตัดใหม่สายศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เสร็จเป็นส่วนใหญ่แล้ว เหลือแต่ตรงอุโมงค์เท่านั้น (รูปแบบเป็นการตัดถนนใหม่ 6-8 ช่องจราจร ระยะทางรวม 11.2 กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณแยกถนนศรีนครินทร์ตัดกับถนนกรุงเทพกรีฑา ตรงผ่านแนวเดิมของถนนกรุงเทพกรีฑาจากปากซอยเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นมุ่งหน้าเข้าเขตสะพานสูงซึ่งจะเป็นช่วงที่ตัดถนนใหม่ทั้งหมด) ไปชนกับถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออกเลย ซึ่งถ้าเปิดเสร็จทั้งหมดแล้วก็จะช่วยระบายการจราจรในย่านนี้ได้ดีมาก

บริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ ถือว่ามีความเจริญอยู่พอสมควรเป็นทำเลที่มีหมู่บ้านขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ขึ้นค่อนข้างเยอะ (แต่ระดับ 20 ล้าน++ ขึ้นไปมีไม่เยอะ นับนิ้วได้ครับ) ซึ่งสภาพแวดล้อมรอบๆบนถนนกรุงเทพกรีฑานี้จะไม่คึกคักเท่าถนนศรีนครินทร์และพัฒนาการ แต่ก็มีรถวิ่งเข้า-ออกตลอดเพราะสามารถใช้เป็นทางลัดได้ การจราจรมีติดขัดบ้างแต่ก็ไม่เท่ากลับถนนเส้นหลักๆที่ใช้เข้าเมือง เรื่องอาหารการกิน จะมีทั้งร้านอาหารเล็กๆและที่เป็นร้านนั่งรับประทาน และมี Market Today Community mall ที่รวมร้านอาหาร ตลาดสด ในรูปแบบบ้านสไตล์ยุโรปอยู่ในซอย กรุงเทพกรีฑา 7 ซอยที่ใช้ลัดไปถนนรามคำแหง และไม่นานนี้ก็มีคอมมูนิตี้มอลล์เปิดใฟหม่อีกแห่งอย่าง The Park

ส่วนในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างบนถนนพัฒนาการจะคึกคักกว่าเพราะเป็นถนนที่ต่อจากถนนเพชรบุรี สามารถไปทองหล่อ – อโศก – ดินแดง – ประตูน้ำได้ และมีสถานที่ราชการ โรงพยาบาล ศูนย์การค้าอย่าง Tesco Lotus, Max Value, London Street จาก MK Group รวมไปถึงม.เกษมบัณฑิต และสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ส่วนบนถนนศรีนครินทร์จะเป็นเส้นทางหลักที่ใช้ในการเดินทางซะมากกว่า ถ้าขึ้นเหนือไปจะเริ่มเป็นรามคำแหงและราชมังคลากีฬาสถาน ถ้าลงใต้ก็จะเป็นบางนา – อ่อนนุช ที่มีศูนย์การค้าอย่างซีคอนสแควร์ และสวนหลวงร.9

สุดท้ายอย่างที่บอกไปตอนต้นคร่าวๆอีกอย่าง การอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ แสดงว่าจะต้องมีลูกๆ เด็กๆเป็นส่วนประกอบในบ้านพักอาศัย ซึ่งในพื้นที่รอบๆไม่ไกลจากโครงการยังมีโรงเรียนนานาชาติที่สำคัญถึง 3 แห่งแบบใกล้ๆเลยล่ะ อย่าง Brighton College Bangkok / Wellington College international bangkok / Stamford International University ซึ่งก็ถือว่าตอบโจทย์กับกลุ่มครอบครัวระดับที่ซื้อบ้านระดับนี้

การใช้ทางด่วน จากโครงการ จะเข้าตัวเมือง

ถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบพระราม 9 – ศรีนครินทร์ – พัฒนาการ จะถือว่าเป็นทำเลที่มีความสะดวก เพราะถือว่าเป็นทำเลที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับย่านนี้ โครงการนี้มีจุดเด่นที่ไม่ไกลจากทางด่วนมากนักและมีเส้นทางลัดไปออกมอเตอร์เวย์ได้ ถ้าจะขึ้นทางด่วน จุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะอยู่บริเวณแยกพระราม 9-ศรีนครินทร์ โดยจะวิ่งใช้เส้นทางหลัก หรือจะลัดออกทางซ.กรุงเทพกรีฑา 8 แล้วมากลับรถขึ้นทางด่วน

การใช้ทางด่วน จากโครงการ จะออกตัวเมือง

พอออกจากโครงการนิดเดียวก็กลับรถครับ หลังจากนั้นตรงอย่างเดียวไปจนถึงจุดตัดถนนศรีนครนิทร์ให้เลี้ยวซ้ายครับ และก็ตรงมานิดหน่อย เบี่ยงซ้ายเข้าสู่ถนนทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์ วิ่งนิดเดียวเท่านั้ก็จะมีจุดเบี่ยงขวาให้เข้ามอเตอร์เวย์ได้เลย (ไปวงแหวนกาญจนาฯ, สุวรรณภูมิ และชลบุรี)

การกลับเข้าถึงโครงการ ส่วนอื่นๆ ก็สามารถเข้าถึงได้หลายเส้นทาง อาทิเช่น

  • เส้นทางที่ 1 – มาจากตัวเมือง ถนนพระราม 9 เลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ เลี้ยวขวาเข้าถนนกรุงเทพกรีฑา และเปลี่ยนผ่านเป็นถนนตัดใหม่ ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เข้าไปประมาณ 1.5 กม. ถึงที่ตั้งโครงการ
  • เส้นทางที่ 2 – มาจากตัวเมือง ถนนพระราม 9 ตรงต่อไปเข้าทางมอเตอร์เวย์ ซึ่งทางนี้จะมีเส้นทางลัดเข้าโครงการได้จากซอย กรุงเทพกรีฑา 8 โดยจะเลี้ยวขวาไปเข้าซอยประชาร่วมใจก็ได้ หรือ เลี้ยวซ้ายไปกรุงเทพกรีฑาไปกลับรถใต้สะพานมาวิ่งกรุงเทพกรีฑาได้เช่นกัน
  • เส้นทางที่ 3 – มาจากถนนรามคำแหง มาเข้าถนนศรีนครินทร์ และเลี้ยวเข้าถนนกรุงเทพกรีฑา(ทางนี้จะมีเส้นทางลัดอีกเส้น คือ ซอย กรุงเทพกรีฑา 7  ซึ่งจะลัดมาออกถนนกรุงเทพกรีฑาใกล้กับ บริเวณใกล้ๆกับกรุงเทพกรีฑา สปอร์ตคลับ)

การเดินทางในวันนี้ผมเลือกใช้เส้นทางที่ 1 (โดยจะมีรูปประกอบให้เส้นทางให้ดู)

เริ่มจาก The Nine พระราม 9 ซึ่งเป็น Community Mall ที่มีทั้งร้านอาหาร, Supermarket และร้านค้าขายของทั่วไป ขากลับบ้านถ้าใครหิวก็แวะทานอาหารกันก่อนได้นะ มีป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าด้วย

ตรงมาเรื่อยๆจะเจอป้ายบอกทางให้เบี่ยงซ้ายจะไปยังศรีนครินทร์(บางกะปิ) ตรงไปจะไปยังเส้นศรีนครินทร์(พัฒนาการ) หรือถ้าชิดขวาจะเป็นจุดกลับรถ

วิ่งตรงบนถนนพระราม 9 มาเรื่อยๆ เราเตรียมชิดซ้ายเข้าทางเบี่ยงเพื่อเลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ ถ้าตรงต่อไปจะเป็นทางไปออกมอเตอร์เวย์

เราจะเบี่ยงเข้าเลนซ้ายสุด เพื่อจะเตรียมเข้าถนนศรีนครินทร์ครับ

ออกมาจากทางเบี่ยงเราก็จะเข้าเส้นสู่ศรีนครินทร์แล้ว จุดสังเกตแรกที่เจอก็คือ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ทางซ้ายมือ

ซึ่งถนนเส้นนี้ถ้าตรงไปเรื่อยๆก็จะไปแยกลำสาลีไปถึงบางกะปิได้ หรือเลี้ยวซ้ายก็ไปรามคำแหงได้ และที่แยกด้านหน้าพึ่งมีการปรับวงแหวนใหม่ เราจะอิงตามป้ายเพื่อจะไปถนนกรุงเทพกรีฑา

ตามป้ายกรุงเทพกรีฑาไปนะครับ ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดกลับรถได้ด้วย

เข้าสู่ถนนกรุงเทพกรีฑากันแล้ว หลายคนที่อยู่อาศัยเส้นนี้ตอนนี้ดีใจกันได้แล้วนะครับ หลังจากที่ปรับขยายทางถนนมาเป็นปีๆ ปัจจุบันก็สร้างเสร็จเป็นส่วนใหญ่แล้วนะครับ

ซึ่งส่วนของทางที่ยังทำไม่เสร็จก็เป็นส่วนของอุโมงค์ตรงนี้ที่จะไปทางร่มเกล้านั่นเอง ในส่วนนี้เราก็ตรงไปต่อนะครับ

ในละแวกสองข้างทางก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงปั๊มน้ำมันอยู่ด้วย ข้างๆปั๊มปตท.ทางซ้ายจะเป็นซอยกรุงเทพกรีฑา 7 ซึ่งเป็นทางลัดไปออกถนน รามคำแหง ภายในซอยจะมี Market Today Community mall ที่รวมร้านอาหาร ตลาดสด ในรูปแบบบ้านสไตล์ยุโรป แต่เรายังวิ่งตรงไปนะ เข้าสู่ถนนตัดใหม่ “ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า”

หลังจากที่ตรงปั๊มปตท. วิ่งเข้าสู่ถนนตัดใหม่ “ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า” มาได้ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการทางซ้ายมือ ซึ่งถ้าใครจะกลับเข้าไปตรงกรุงเทพกรีฑาตอนต้นที่เราผ่านมา เลยไปอีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะมีจุดกลับรถใต้สะพานอยู่ครับ

สภาพแวดล้อมโดยรอบส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นแนวเส้นทางถนนตัดใหม่ที่พึ่งเกิด ทำให้รอบๆพื้นที่โครงการจะเป็นที่ดินเปล่าเป็นส่วนใหญ่ ที่รอการมาพัฒนา สลับๆกันมีจะมีโครงการบ้านแนวราบอื่นๆ กับบ้านที่ปลูกเอกอยู่บ้างประปราย และที่เห็นเด่นๆทางขวามือนั้นคือมีโรงเรียนนานาชาติ Brighton College ที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน มาเสริมและรองรับเผื่อกลุ่มผู้ปกครองลูกบ้านทั้งหลายครัวเรือนในย่านนี้ด้วย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงเรียนนานาชาติ Brighton College ~ 500 เมตร
  • Market Today ~ 1.8 กิโลเมตร
  • ยูนิโก้ แกรนด์ กอล์ฟ คอร์ส ~ 2.9 กิโลเมตร
  • กรุงเทพกรีฑา สปอร์ตคลับ ~ 3 กิโลเมตร
  • The Park Community Mall ~ 3.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 4.3 กิโลเมตร
  • สวนสาธารณะหมู่บ้านนักกีฬา ~ 5.4 กิโลเมตร
  • สวนปิยะภิรมย์ ~  5.4 กิโลเมตร
  • London Street จาก Mk Group ~  5.6 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus พัฒนาการ ~  5.8 กิโลเมตร
  • The Nine พระราม 9  ~  6 กิโลเมตร
  • Max Value พัฒนาการ ~  6.4 กิโลเมตร 
  • สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link หัวหมาก ~ 6.5 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัย ABAC  ~ 6.6 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ~  6.6 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติ Stamford ~ 6.8 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวิภาราม  ~ 6.8 กิโลเมตร\
  • ราชมังคลากีฬาสถาน ~  7.2 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ~ 8.4 กิโลเมตร
  • สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link บ้านทับช้าง ~ 9.6 กิโลเมตร
  • ซีคอนสแควร์ ~  11 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

ภาพรวมของที่ดินโครงการ จะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงยาว ไปจนถึงด้านหลังที่ติดกับคลองบ้านม้าครับ โดยโครงการการแบ่งโซนนิ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ตามที่ผมใส่เอาไว้ในแมพคือ Zone 1 ด้านหน้าโครงการ ชื่อ Boulevard / Zone 2 ตรงกลาง ชื่อ ClubHouse / Zone 3 ด้านหลังชื่อ Private Zone

ซึ่งตัวที่ดินของโครงการมีประมาณเกือบ 20 ไร่ แต่มีบ้านเพียง 69 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มก่อสร้างบ้านบางส่วนใน Zone 1 ไปแล้วครับ เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยโครงการนี้ทางเข้าจะเป็นแบบ RFID หรือ Easypass ที่ข้างๆมีจุดป้อมรปภ.อยู่ และภายในจะมีรปภ.คอยวิ่งตรวจตรา พร้อมกับ CCTV ที่ถนนภายในโครงการ(ยังไม่ได้ระบุจำนวน) และสุดท้ายคือกำแพงรั้วที่ออกแบบมาสูงพิเศษ โดยจะเป็นคอนกรีตสูง 3 เมตร + ต่อเติมกั้บไม้ระแนงเพิ่มอีก 3 เมตร แต่ว่าภายในตัวบ้านจะไม่ได้ติดระบบรักษาความปลอดภัยมาให้ เพราะต้องการให้ลูกบ้านเลือกติดระบบรักษาความปลอดภัยที่มันมีหลากหลายในตลาดตอนนี้ให้ถูกใจกับเจ้าของบ้านเอง

ตัวโครงการ วางผังบ้านหลักมีส่วนที่น่าสนใจอีกสองจุดคือ บ้านเกือบๆทั้งหมด หันหน้าบ้านและหลังบ้าน ไว้ทางทิศเหนือ-ใต้ครับ ไม่โดนแดดเข้าบ้านตรงๆ (จะมีเฉพาะบางแปลงพิเศษที่อยู่โซนหน้าสุดของโครงการเลยที่หันหน้าไปทางตะวันตก) และจุดที่สองคือในซอยย่อยแต่ละซอย จะวางบ้านพักอาศัยไว้เพียงซอยละ 4 ยูนิตเท่านั้น เพื่อได้ความเป็นส่วนตัวครับ

เริ่มจากส่วนแรก ส่วนของถนนใหม่อย่าง”ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า” ก็มีการทำให้สูงการแนวถนนเดิมเมตรกว่าๆมาแล้วนะครับ แต่ที่ดินของโครงการซึ่งถนสูงขึ้นกว่าตัวถนนตัดใหม่อีกราวๆ 40 ซม. ตั้งแต่เข้าพื้นที่โครงการตัวพื้นจะปูด้วยคอนกรีตสแตมป์ทั้งหมด เพื่อความสวยงาม

ทางขวามือเป็น Signage ของโครงการที่ติดเอาไว้บนผนังที่กรุกระเบื้องลายหินอ่อนให้ดูเด่นๆหน่อย

ซุ้มทางเข้าออกโครงการจะออกแบบหน้าตาที่เน้นด้วยเส้นสายแนวตั้ง โดยจะใช้เป็นวัสดุอลูมิเนียมสีทองออกน้ำตาลให้ความรู้สึกดูเข้มขรึมหน่อม และก็มีส่วนของหลังคาคลุมบังแดด บังฝนมาให้ด้วย / ระบบการเข้าออกตอนนี้ยังไม่ได้ติดตั้งให้เห็นภาพนะครับ ของจริงจะเป็นบานประตูรั้วอัตโนมัติ โดยใช้ระบบผ่านเป็น RFID หรือเป็นแบบทางด่วนช่อง Easypass นั่นแหละครับ

พอพ้นซุ้มรปภ.และประตูบานเลื่อนอัตโนมัติมาแล้ว จะเป็นส่วนของถนนเมนโครงการแรก ความกว้างประมาณ 10-12 เมตร สลับกันไปครับ ซึ่งระดับโครงการ 20 ล้านเริ่มต้น แน่นนอนว่า ต้องเอาเสาไฟฟ้าลงใต้ดินมาแล้วให้เพื่อความสวยงาม ทัศนียภาพต่างๆ อีกทั้งพวกระบบสายเคเบิ้ล อย่าง fiber optic ก็อยู่ใต้ดินเช่นเดียวกัน

ที่ส่วนริมฟุตบาททางเดินด้านข้าง มีการแบ่งพื้นที่ทางเดินเป็นสัดส่วนไว้ด้วย โดยปูพื้นทางเดินระหว่างพื้นที่สีเขียวเป็นไม้พุ่มเตี้ย และก็ผนังของกำแพงส่วนบริเวณด้านหน้าโครงการ กรุผนังตกแต่งลายหิน Travertine แบบเดียวกับที่ป้ายด้านหน้าโครงการให้ดูสวยงาม

ในส่วนของถนนเส้นหลักภายในโครงการ ก็ยังเน้นสีเขียวของต้นไม้ โดยจะเน้นการวางเอาไว้ที่ริมรั้วกำแพงของโครงการ กับส่วนถนนเมนแบบที่เราเห็น ถือเป็นต้นไม้ที่สูงทีเดียวครับ ประมาณความสูงชั้นที่ 2-3 ของตัวบ้าน

พอพ้นส่วนถนนด้านหน้าโครงการเข้ามาหน่อยแล้ว จะเริ่มเห็นส่วนของบ้าน ตัวพื้นถนนจะถูกเปลี่ยนไปเป็น Asphalt หรือลาดยางนั่นเอง

หันไปมองทางซ้ายตอนนี้ ณ ปัจจุบันโครงการจัด Landscape เป็นพื้นที่สวนหย่อมชั่วคราว ซึ่งจริงๆแล้วพวกไม้พรรณต่างๆเหล่านี้ก็จะถูกจัดวางไว้ในโครงการ ตอนนี้ในโซนของพื้นที่ส่วนกลางตรงกลางโครงการยังก่อสร้างไม่เสร็จนะครับ

ส่วนของรั้วกำแพงรอบโครงการนี้ที่ออกแบบมาสูงพิเศษ โดยจะเป็นคอนกรีตสูง 3 เมตร + ต่อเติมกั้บไม้ระแนงเพิ่มอีก 3 เมตร ช่วยเพิ่มให้มั่นใจเรื่องของความปลอดภัยอีกระดับนึง

เนื่องด้วยโซนพื้นที่ส่วนกลางยังก่อสร้างไม่เสร็จนะครับ เลยมาเล่าด้วยภาพ Perspective กันก่อน บริเวณกลางโครงการจะมีอาคาร ClubHouse ตั้งอยู่เป็นอาคาร 2 ชั้น โดยชั้นล่างประกอบไปด้วยห้อง Reception Area หรือห้องนั่งเล่นแบบอยู่ในห้องแอร์ และมีส่วนที่เป็น Semi Outdoor ที่เป็นพื้นที่สามารถนั่งเล่น และมี Pool Bed นอนอาบแดดริมสระน้ำได้

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่น ที่เป็นแบบ Semi Outdoor แต่จะมีส่วนของ Facade ที่เป็น Bio Wood ปิดบังสายตาเพื่อความเป็นส่วนตัวอยู่ (แต่แสงและลมยังพอลอดผ่านไปได้นะ) และสุดท้ายเป็นฟังก์ชันห้อง Fitness ออกกำลังกายหันไปทางสระว่ายน้ำ

ภายจำลองบรรยากาศ บริเวณพื้นที่ส่วนกลางภายในห้องออกกำลังกาย ซึ่งล้อมรอบไปด้วยผนังกระจกทั้ง 3 ด้าน เพื่อต้องการเน้นเปิดช่องแสงธรรมชาติให้ดูโปร่งโล่ง (และผนังด้านในห้องติดกระจกเงาเพื่อตกแต่งให้ดูมี Space ที่กว้าง)

ภาพบรรยากาศจำลองสระว่ายน้ำ บริเวณพื้นที่ Club House ของโครงการ โดยจะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 เมตร (เป็นพื้นที่รวมโซนนิ่งของสระเด็กเอาไว้ด้วย) โดยมีการปลูกพุ่มไม้ระดับกลางเอาไว้รอบพื้นที่สระ เพื่อต้องการสร้างความเป็นส่วนตัวเวลามาใช้งาน คนขับรถผ่านไปมามองไม่ให้ครับ

และข้างๆของพื้นที่ ClubHouse อีกฝั่งนึงจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่าง สนามเด็กเล่นบ้านต้นไม้ (Tree House) โดยยังมีไม้พุ่มสูงมากั้นโซน และบังสายตาจากด้านนอก ซึ่งจะเห็นว่าโครงการค่อนข้างให้ความสำคัญกับความ Private ในการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางทีเดียว

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ระบบสายไฟ และ Fiber Optic ลงใต้ดิน
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 ม. ลึก 1.20 เมตร (แยกสระเด็ก)
  • อาคาร ClubHouse 2 ชั้น ประกอบไปด้วย

  • Reception Living Room
  • Relax Semi Outdoor
  • Multipurpose Area
  • Fitness

  • สนามเด็กเล่นบ้านต้นไม้ (Tree House)
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบอัตโนมัติ ระบบ RFID
  • ถนนภายในโครงการกว้างประมาณ 10 – 12 เมตร
  • ค่าส่วนกลาง 100 บ./ ตร.วา (จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี)

  • Product Walkthrough

    โดยโครงการนี้จะมีบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

    • Type A ที่ดิน 64- 136 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 492 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ (มี 19 Unit)
    • Type B ที่ดิน 56-76 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 420 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ (มี 31 Unit)
    • Type C ที่ดิน 53-68 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ (มี 19 Unit)

    ตัวสถาปนิกที่โครงการเลือกใช้ คือ makeAscene Architect ที่มีผลงานให้เห็นมาไม่น้อยแล้วเหมือนกัน อาทิเช่น Cooper Siam / Klass Sarasin, Klass Siam / FYNN Sukhumvit 31 / Savvi Pahol-Ari / Savvi Ari4 / Niche Mono Charoen Nakorn / The TEAK พวกนี้เป็นกลุ่มคอนโด และในส่วนของบ้านที่เคยออกแบบ อาทิเช่น ARNA Ekaamai และ Quarter Sukhumvit 31 เป็นต้น ออกแบบมาหลายโครงการขนาดนี้ก็พอการันตีได้ระดับนึงนะ

    Type A แบบแรกที่จะพาไปดูบ้านตัวอย่าง เป็นไซส์ใหญ่สุด คือ ขนาดที่ดินอยู่ในช่วง 64 – 136 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 492 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ พร้อมพื้นที่ส่วนของงานซักล้างและโซนแม่บ้านที่แยกออกมา การวางตำแหน่งของบ้านเนื่องจากเป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ แต่ที่ดินไม่ใหญ่มาก เลยเอาตัวบ้านไปชิดใกล้ๆกับกำแพงฝั่งนึง เพื่อให้ได้พื้นที่ดินเปิดโล่งในด้านข้างอีกฝั่งนึง และเหลือด้านหลังนิดหน่อย / ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ชั้น 1 สูง 2.7 เมตร / ชั้น 2 สูง 3.1 เมตร / ชั้น 3 สูง 2.9 เมตร

    จุดเด่นแรกคือเรื่องของ “พื้นที่จอดรถ” ที่โครงการแบ่งออกเป็น 3 ช่องระหว่างเสา แต่จอดได้ 4 คัน โดย 2 ช่องทางซ้ายเป็นแบบกว้างพิเศษที่สามารถจอดรถขนาดใหญ่อย่าง Super Car หรือพวกรถตู้แบบครอบครัวได้ เดินเข้าออกได้สบาย


    ชั้น 1 : ด้านในตัวบ้าน จะแบ่งโซนนิ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ตรงกลางจะเป็นพื้นที่ Waiting Area หรือพื้นที่โถงหน้าบันไดกับลิฟต์ (มีห้องเก็บของแยก) / ส่วนทางขวาสามารถทำเป็นห้องนอนของผู้สูงอายุได้ที่อยู่ชั้นล่างสุด มีห้องน้ำในตัว และมีช่องแสงประตูฝั่งหน้าบ้านที่คนในบ้านจะเข้าออกก็มองเห็นได้ง่าย / และฝั่งซ้ายมีการแยกโซนในส่วนของแม่บ้านชัดเจน ซึ่งมีฟังก์ชันห้องนอน ห้องน้ำ เคาน์เตอร์ครัวและพื้นที่ซักล้าง

    ชั้น 2 : จะเป็นส่วนหัวใจหลักของบ้านหลังนี้คือมี Common Area อยู่ตรงกลางบ้านขนาดใหญ่มากๆ ที่รวมพื้นที่เปิดโล่งเอาไว้ด้วยกัน ประกอบฟังก์ชันไปด้วย Living, Dining, Kitchen มีห้องน้ำให้ใช้แต่เป็นแบบ Powder Room และที่ด้านนอกยังเน้นในส่วนของพื้นที่ระเบียงเช่นกัน ที่สามารถออกไปนั่งปาร์ตี้กันได้ และมีความยาวพิเศษเท่าหน้ากว้างบ้านอีกด้วย / ในชั้นนี้จะมีห้องนอนอยู่ 1 ห้อง ซึ่งเป็นแบบฟูลฟังก์ชัน มีระเบียง พื้นที่แต่งตัว และห้องน้ำในตัว

    ชั้น 3 : ขึ้นมาจะเป็นแค่ส่วนโถงจากบันไดและลิฟต์เท่านั้น โดยจะเน้นแจกทางไปยังห้องนอนต่างๆ ส่วนของห้องนอนเล็กจะอยู่ไปทางฝั่งเดียวกันครับ เป็นแบบฟูลฟังก์ชัน มีระเบียง พื้นที่แต่งตัว และห้องน้ำในตัว เหมือนกัน แต่ห้องนึงหันไปหน้าบ้าน อีกห้องหันไปยังด้านข้าง / ส่วนของ Master Bedroom จะกินพื้นที่ขนาดใหญ่มากเป็นรูปทรงตัว L (เพราะในบ้านมาตรฐาน โครงการจะไม่ได้กั้นพาร์ทิชั่นในส่วนห้องนอนกัน Walk in Closet) ซึ่งขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้านจะให้น้ำหนักกับพื้นที่แต่งตัวมากขนาดไหน และห้องน้ำก็ยังได้ไซส์ใหญ่พิเศษ มีอ่างอาบน้ำ มีระเบียงในตัว

    บ้าน Type นี้จะเป็นที่ “ตัวบ้านหน้ากว้าง” ถึง 14 เมตร หน้าตาตัวบ้านเน้นดีไซน์ให้ดูมีความธรรมชาติ จากวัสดุที่มาตกแต่งผิวหน้าบ้านซึ่งเป็น Earth Tone แต่ว่าตัววัสดุต่างๆจะเป็นแบบวัสดุสังเคราะห์อย่างกระเบื้องลวดลายหิน, Artificial Wood (GEO Wood) | โดยโครงการจะลงต้นไม้ไว้ให้แต่ละหลัง 1 ต้น เป็นต้นไม้มงคลอย่าง “ต้นโชคลาภ”

    ส่วนของพื้นที่จอดรถจะมีการปูพื้นกระเบื้องแผ่นสีขาวมาให้แบบนี้ตลอดพื้นที่หน้าบ้าน จุดเด่นของ “พื้นที่จอดรถ” ที่โครงการแบ่งออกเป็น 3 ช่องระหว่างเสา แต่จอดได้ 4 คัน โดย 2 ช่องทางซ้ายเป็นแบบกว้างพิเศษที่สามารถจอดรถขนาดใหญ่อย่าง Super Car หรือพวกรถตู้แบบครอบครัวได้ เดินเข้าออกได้สบาย พื้นที่จอดรถลงเสาเข็มมาให้เท่ากับตัวบ้านนะ

    ลองกดมุมภาพให้ดูสักช่องนึงทางซ้ายสุดครับ ช่องนี้จอดซูเปอร์คาร์สบาย

    พ้นจากส่วนที่จอดรถ จะเป็นพื้นที่ชานพัก(เฉลียงหน้าบ้าน)มีการจบอารมณ์พื้นที่ด้วยขอบเส้นสแตนเลสด้วยแหะ ให้แนวระยะถอยร่นมาพอสมควรและยกสเต็ปแล็กน้อย ผิวอาคารหน้าบ้านจะกรุด้วยกระเบื้องลวดลายหินอ่อนสีขาว

    ในส่วนของประตูหลักทางเข้าหน้าบ้าน รอบๆของตัวบานประตูจะเป็นพื้นที่ช่องแสงธรรมชาติแบบฟิค เพื่อเปิดให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวกลางบ้านได้ ส่วนของตัวประตูจะได้เป็นบานไม้สักไซส์ใหญ่สูงถึง 2.60 เมตร ตัวประตูจะมีลูกเล่นถ้าเราต้องการจะยกเอาสิ่งของชิ้นใหญ่เข้าออกบ้าน สามารถเปิดสวิงออกได้ 2 ตอนด้วยครับจะได้ความกว้างในพื้นที่การเปิดเมตรนิดๆ และโครงการนั้นให้ Digital Door Lock มาด้วย

    เปิดเข้ามาส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ Wating Area ส่วนแรกสุด ที่เป็นพื้นที่โถงหน้าบันไดกับลิฟต์ (มีห้องเก็บของแยก) โดยที่ชั้นแรกนี้จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร และปูพื้นด้วยกระเบื้องพอร์ชเลนลายหินอ่อนสีขาว ส่วนของ Decorate ผนังทั้งหมดที่เป็นเส้นสายลวดลายต่างๆจะเป็นส่วนตกแต่งมาจากทางโครงการเท่านั้น ของจริงบ้านมาตรฐานจะติดเป็นวอลเปเปอร์มาให้ครับ

    หันไปทางขวามือ จะเห็นไปส่วนทางเข้าห้อง Storage แยก และติดกันเป็นส่วนของห้องนอนของผู้สูงอายุได้ที่อยู่ชั้นล่างสุด มีห้องน้ำในตัว

    ในส่วนของห้อง Storage นั้นพื้นที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่แบ่งการเก็บของได้ออกเป็นสองจุด คือส่วนแรกตรงนี้ที่สามารถ Built-In แย่งเป็นชั้นๆเก็บของได้ สามารถเก็บของชิ้นทรงสูง หรือจักรยานก็ได้นะ และอีกส่วนนึงในห้องเก็บของที่เป็นตำแหน่งใต้บันได ซึ่งในห้องนั้นจะมีพวกส่วนของงานระบบไฟในบ้านอยู่ด้วยครับ

    ในส่วนของห้องนอนของผู้สูงอายุได้ที่อยู่ชั้นล่างสุด มีห้องน้ำในตัว และด้านมีช่องแสงประตูฝั่งหน้าบ้านที่คนในบ้านจะเข้าออกก็มองเห็นได้ง่าย

    ซึ่งในห้องนี้ กรณีที่เจ้าของบ้านบางท่านไม่ได้มีผู้สูงอายุมาอยู่ด้วย อาจจะทำเป็นห้องโถงรับรองในส่วนของแขกเฉพาะเท่านั้น ซึ่งการเลือกทำฟังก์ชันแบบนี้ จะเหมาะกับคนที่มีแขกไปใครมา จะได้เข้ามาคุยกันในพื้นที่ตรงนี้ และไม่ไปรบกวนในส่วน Living Area หลักที่อยู่ชั้นสอง ซึ่งครอบครัวเราคงอยู่กันในพื้นที่นั้นเป็นหลักแน่ๆครับ

    ในส่วนของห้องนี้ก็ยังมีฟังก์ชัน ห้องน้ำในตัวที่เป็นแบบมีฟังก์ชันอาบน้ำในตัวได้ด้วย โดยจะแยกโซนแห้งและเปียกเอาไว้ วัสดุหลักในห้องน้ำจะเป็น TOTO & American Standard พวกกระจกก็จะได้แผ่นใหญ่ ซ่อนไฟแบบในบ้านตัวอย่างเลย

    พื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียกด้วย Shower Box กระจกนิรภัย ตัวชุดฝักบัวจะเป็นของ American Standard เราจะเห็นว่าส่วนของงานพื้นและผนัง ยังคงเป็นกระเบื้องพอร์ชเลนทำลวดลายหินธรรมชาติโทนสว่าง

    ออกเราออกมาจากห้องเมื่อกี้ มองตรงไปนะครับ เราจะเห็นไล่พื้นที่ทางขวามือไปอย่าง ทางขึ้นบันได -> ลิฟต์ -> ส่วนแยกพื้นที่โซนแม่บ้าน

    หน้าตาประตูทางเข้าลิฟต์เป็นลายไม้สีเข้ม มีเปิดช่องแสงไว้นิดหน่อย ด้านในเป็นพื้นที่ที่รองรับวีลแชร์เข้าได้ รวมถึงมีมือจับราวจับมาพร้อม โดยตัวลิฟต์จะใช้เป็นของยี่ห้อ Mitsubishi ที่สามารถรับน้ำหนักได้ 200 kg. หรือประมาณ 3 คน มีระบบติดต่อฉุกเฉิน หมุนเวียนอากาศ และไฟส่องสว่างดาวน์ไลท์สองจุด

    ถัดมาเป็นส่วน Maid Zone แยกออกมาทางนี้เลยครับ ไม่ได้ไปปะปนกับส่วนเจ้าของบ้าน ซึ่งตัวพื้นทั้งหมดในโซนนี้จะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องไซส์ 30 cm.

    ส่วนของห้องน้ำไม่ได้แยกกั้นโซนเปียกมาให้ แต่ก็ติดชุดฝักบัวให้อาบน้ำมา ก็เพียงพอสำหรับส่วนแม่บ้าน โดยวัสดุในห้องน้ำจะเปลี่ยนเป็น American Standard โดย Downgrade ลงมาครับ

    ส่วนของห้องนอนแม่บ้าน มีหน้าต่างช่องแสงอยู่ตรงกลางห้อง(ฝั่งหลังบ้าน) ซึ่งระยะต่างๆก็พอวางเตียงกับตู้เสื้อผ้าได้ กรณีที่บ้านไหนจะต้องมีแม่บ้าน 2 ท่าน ผมแนะนำทำได้ครับ แต่ใช้เป็นเตียง 2 ชั้นแทน

    ออกมาด้านนอกห้องนอนแม่บ้าน มุมนี้บ้านตัวอย่างทำให้ดูเป็นไอเดียว่าพื้นที่นี้เหมาะสำหรับจะทำเคาน์เตอร์ ซิงก์งานล้างจาน หรือจะทำเป็นครัวไทยก็ได้

    และฝั่งตรงข้าม ข้างๆกันเป็นพื้นที่รูปตัว L สามารถจัดเป็น Laundry Zone เอาพวกเครื่องซัก เครื่องอบ โซนรีดผ้ามุมนี้ไปให้เต็มที่ไปเลยครับ

    กลับเข้ามาด้านในกลางบ้านอีกครั้ง ความกว้างของช่วงทางเดินบันไดจัดมา 1 เมตรครับ ซึ่งวัสดุจะเป็นไม้เนื้อแข็ง โทนสีเข้ม พร้อมมือจับราวกันลื่น

    ในส่วนของชานพักชั้นแรก มีการแบ่งขั้นบันไดเป็นชานทรงสามเหลี่ยมมาหลายสเต็ปหน่อย เวลาใช้งานก็ระมัดระวังกันนิดนึงนะครับ การออกแบบจะค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่องความสว่างในพื้นที่บันไดพอสมควร โดยจะมีการติดไฟส่องสว่างที่พื้นทางเดินมาให้ พร้อมช่องแสงที่โถงบันไดช่วงชานพัก

    ระหว่างครึ่งนึงของชานพักบันไดทางซ้ายมือ จะเจอกับส่วนของห้อง Storage 2 ที่มีมาให้อีกส่วนด้วยตรงนี้ครับ / ส่วนรูปทางขวาเป็นส่วนของพื้นที่กระจกบานฟิคขนาดใหญ่เลยทีเดียว ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถดึงมูลี่ปิดได้

    ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนหัวใจหลักของบ้านหลังนี้คือมี Common Area อยู่ตรงกลางบ้านขนาดใหญ่มากๆ ที่รวมพื้นที่เปิดโล่งเอาไว้ด้วยกัน ประกอบฟังก์ชันไปด้วย Living, Dining, Kitchen มีห้องน้ำให้ใช้แต่เป็นแบบ Powder Room (จากในรูปตัวประตูบานเฟี้ยมบานกระจกเป็นส่วนตกแต่งนะครับ ไม่ได้กั้นมาให้) และความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่ชั้นนี้เป็นชั้นที่ได้ส่วนสูงที่สุดถึง 3.10 เมตร

    ในชั้นนี้จะมีห้องนอนอยู่ 1 ห้อง ซึ่งเป็นแบบฟูลฟังก์ชัน มีระเบียง พื้นที่แต่งตัว และห้องน้ำในตัว เนื่องจากเป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมาพอสมควรเลยให้น้ำหนักกับ “ห้องนอนทุกห้อง” ให้มีพื้นที่สำหรับฟังก์ชันตามจุดต่างๆกว้าง วางเฟอร์ได้ เดินไปมาสะดวก วางเตียง King Size ได้

    มุมที่ปลายเตียงสามารถจัดเป็นมุมโต๊ะทำงาน ชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ก็ได้ โดยเอามีวีแขวนผนังเอาไว้ / ในส่วนของพื้นในห้องนอนทุกๆห้องในบ้านจะปูด้วย  Engineering Floor (Oak Vintage Grey Color)

    ตำแหน่งของห้องนอนนี้จะได้พื้นที่ระเบียงที่หันไปทางด้านข้างบ้านครับ โดยที่ออกแบบเน้นช่องแสงเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่แบบนี้ และเชื่อมกับพื้นที่ด้านนอกอย่างโซนระเบียง ซึ่งได้เป็นไซส์ขนาดใหญ่ขนาดเอาพวกเก้าอี้นั่งเล่นไปวางได้ อีกทั้งยังให้ส่วนกันตกเป็นกระจกนิรภัยซึ่งได้ทั้งในเรื่องความสวยงามทางสายตา และแสงธรรมชาติลอดผ่านมาได้ / ที่ด้านนอกระเบียงทางซ้ายมือเราจะเห็นตัวกระจกพ่นฝ้าอยู่อันนึง เป็นส่วนช่องแสงจากพื้นที่ในห้องน้ำในตัวครับบริเวณพื้นที่อาบน้ำ

    มุมนี้เป็นโซนทางก่อนจะเข้าไปยังพื้นที่ Walk in Closet โดยสามารถจัดทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ หรือทำเป็นเก็บของ ตู้โชว์ชั้นวางก็ได้

    พื้นที่แต่งตัวตำแหน่งจะอยู่ตรงหน้าก่อนทางเข้าห้องน้ำพอดี ซึ่งใช้งานได้ง่าย หลังอาบน้ำเสร็จก็หยิบเสื้อผ้าแต่งตัวได้เลย

    ทางเข้าของห้องน้ำในบ้านทุกๆห้องโครงการจะมีการลดสเต็ปพื้นลงไปให้ระดับนึงไม่มาก แต่ที่สำคัญคือมีการลบมุมให้เป็นเหลี่ยมมนแบบนี้ เพื่อกันในเรื่องของเดินสะดุดปลายเท้าเตะโดนด้วย

    ส่วนของห้องน้ำจัดออกมาขนาดได้กำลังดีเลยครับในเรื่องของระยะทางเดินไปมา รวมไปถึงพื้นที่อาบน้ำ ค่อนข้างกว้างขวางแต่ไม่โหวงเหวงจนเกินไป ซึ่งพวกวัสดุต่างๆในห้องน้ำจะเหมือนกับห้องน้ำในห้องนอนชั้นล่างเลย ส่วนที่แตกต่างคือในพื้นที่อาบน้ำจะมีหน้าต่างบานฟิค(กระจกพ่นผ้า) ทำให้ตัวห้องน้ำดูสว่างโปร่งสบายตาดี

    ออกมาจากห้องนอนแล้ว เดี๋ยวเราจะไปดูส่วนที่เก๋ไก๋ไฉไลที่สุดในบ้านหลังนี้ทางซ้ายมือกันครับ

    Common Area อยู่ตรงกลางบ้านขนาดใหญ่มาก ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของบ้านหลังนี้เลย ที่รวมพื้นที่เปิดโล่งเอาไว้ด้วยกันในส่วนของความกว้างตัวบ้านทั้งหมด 14 เมตร ประกอบฟังก์ชันไปด้วย Living, Dining, Kitchen จากมุมนี้เราจะเห็นว่าบ้านตัวอย่างจัดเอามุม Dining ไว้ตรงตำแหน่งกลางบ้าน ซึ่งพื้นที่กว้างขนาดนี้สามารถเลือกรูปแบบของโต๊ะรับประทานอาหารได้หลากหลายมากๆและเป็นพื้นที่รองรับถึง 8-10 ที่นั่งก็ยังได้

    ถัดมาเป็นส่วนของพื้นที่จัดเป็น Living Area Zone ด้วยพื้นที่ขนาดกว้าง สามารถจัดพวกโซฟายาว เก้าอี้นั่งเล่นอะไรต่างๆในมุมนี้ได้ประมาณ 6-8 ที่นั่งก็ได้ แล้วแต่เจ้าบ้านจะเลือกเฟอร์แบบไหน โดยถ้าจะได้พื้นที่ใช้สอยคุ้มๆหน่อยก็เอาไอเดียของบ้านตัวอย่างในส่วนที่ติดกับผนังให้ Built-In เต็มพื้นที่กว้างยาวเป็นมุมตู้โชว์ ตู้เก็บของ ที่วางทีวีไปเลย ซึ่งระยะขนาดนี้จัดทีวีไซส์ใหญ่ถึง 60-70 นิ้วก็ได้เลย

    จากมุมนี้เราจะเห็นว่าส่วนผั่งหน้าบ้านทั้งหมดจะถูกออกแบบเป็นประตูกระจกบานเลื่อนทั้งหมด ซึ่งเน้นในเรื่องของความโปร่งโล่ง โปร่งแสงเพื่อให้ส่องผ่านมายังพื้นที่ Common Area นี้ เฉพาะระเบียงส่วนของพื้นที่นั่งเล่น ส่วนกันตกจะได้เป็นกระจกนิรภัยครับ และในพื้นที่โซนนี้โครงการจะให้แอร์แบบ Concealed Typed ของยี่ห้อ Daikin Inverter มาด้วย

    มองข้ามโซนโต๊ะรับประทานอาหารไปจะเป็นส่วนในโซน Kitchen หรือครัวฝรั่ง เป็นพื้นที่ครัวเปิด โดย 2 โซนนี้โครงการจะติดแอร์มาให้ร่วมพื้นที่กันเป็นแบบ Cassette Typed กระจายความเย็นได้ 4 ทิศทาง ของ Daikin Inverter เช่นกัน

    โดยในโซนพื้นที่ครัว จะมีเจ้า Island ขนาดกลางที่เป็นพื้นเชื่อมพื้นที่ทำกิจกรรมระหว่างครอบครัวไว้ ตรงนี้โครงการให้มาด้วยนะครับ

    พื้นที่ของ Island นี้สามารถเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร ของหวาน เครื่องดื่มง่ายๆได้เลย โดยที่ฝั่งนี้ด้านล่างจะเป็นชุดตู้เก็บของมีหน้าปิดทั้งหมด เก็บของได้ค่อนข้างเยอะมาก ส่วนของ Top Counter ที่นี่จะเป็นของ SCG ยี่ห้อ GEOLUXE

    Tips : GEOLUXE เป็นแบรนด์หนึ่งของเอสซีจี ที่จำลองต้นแบบมาจากหินอ่อน และใช้นวัตกรรมในการผลิตวัสดุที่มีชื่อว่า “Pyrolithic Stone” ซึ่งใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการนำวัสดุและแร่ธาตุจากธรรมชาติ มาผ่านกระบวนการผลิตที่จำลองรูปแบบการเกิดของหินตามกระบวนการทางธรรมชาติ จนมีความสวยงาม  โดยมีคุณสมบัติในเรื่องความแข็งแกร่ง ทนความร้อน ทนต่อกรดด่าง ทนต่อการขูดขีด มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำจึงเกิดคราบต่างๆ ได้น้อยมาก และสามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย

    ชุดของ Sink ในพื้นที่ Island เริ่มจากตัวก๊อกและสายฉีดที่สามารถยืดออกสามารถใช้งานได้ทั่วถึง ของยี่ห้อ Zuchetti พวกระบบน้ำต่างๆในบ้านนี้แยกน้ำร้อนน้ำเย็นไว้ให้ด้วย

    Sink เป็นสิ่งที่หน้าตาดูแปลกตาสำหรับผม มาว่ากันด้วยสเป็คของมันก่อน อันดับแรกผมว่ามันเป็นซิงค์เดี่ยวที่ใหญ่สะใจดีครับ ตัวนี้เป็นของยี่ห้อ ClenaUp นำเข้าจากญี่ปุ่น ตัวพื้นซิงก์มีการทำเป็นสโลปให้น้ำไหลเอียงไปทางเดรนเลย และที่แจ๋วอีกย่างคือ ผิวของซิงก์มีการเคลือบสิ่งที่เรียกว่า E-Coat โดยประโยชน์ของมันคือ ต่อต้านรอยขีดข่วนเชื้อรา, แบคทีเรีย และยังลดในเรื่องของเสียงเวลาน้ำไปกระทบ (ซึ่งผมก็เทสล่ะ เสียงน้ำกระทบเบาจริงๆ)

    ในส่วนพื้นที่ผนังด้านข้างมุมนี้ โครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่ครัวเปิดส่วนนี้ค่อนข้างมากทีเดียว หลักๆให้หน้าตาแบบนี้เลยครับ ยกเว้นแค่ตู้เย็นเท่านั้น นอกนั้นได้หมด

    พื้นที่เก็บของบริเวณโซนครัวนี้ขอบอกว่าอภิมหาจุใจครับ ดูจากจำนวนหน้าบานในรูปสิครับ มีทั้งแบบหน้าบานทึบกับกระจกสีดำใส แบ่งเป็นช่องต่างๆทั้งด้านบนผนัง และชุดตู้ด้านล่างใต้ Pantry ซึ่งทุกๆส่วนระบบการเปิดปิดเป็น Fitting Soft Close ทั้งหมด ตัว Top ครัว Pantry ยังได้วัสดุเป็นของ GEOLUXE เหมือนกับ Island ฝั่งตรงข้ามต่อเนื่องไปจนถึง Backsplash ที่กรุผนังด้านหลังด้วย

    ในส่วน Hob & Hood (เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว) รวมไปถึงชุด Microwave & Oven ด้านข้างด้วยเช่นกัน ทั้งหมดที่กล่าวมาจะได้เป็นของยี่ห้อ  Smeg นั่นเองครับ

    ติดกันกับพื้นที่ Pantry จะเป็นส่วนของห้อง Storage ส่วนที่ 3 ที่เราเจอในบ้านนี้ และบ้านตัวอย่างจัดให้ดูเป็นไอเดียอีกส่วนว่าด้านข้างๆ มีพื้นที่ที่จะสามารถทำเป็นตู้เก็บของ ชั้นวางไวน์ ตู้เก็บไวน์ ฯลน พวกนี้ได้ด้วย

    เข้ามาดูใน Storage ติดกับครัวกันหน่อย ในบ้านจริงมาตรฐานจะไม่ได้มีการ Built-In ชุดตู้เหล่านี้มาให้นะครับ อันนี้โครงการทำให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อเป็นไอเดีย และจะได้เห็นระยะของจริงด้วยว่าจะออกแบบชั้นวางของได้มากขนาดไหน

    มองออกไปฝั่งหน้าบ้านบริเวณโซนครัวนี้กันบ้างนะครับ ซึ่งก็เป็นประตูกระจกบานเลื่อนช่องแสงแบบ Full Height ตรงนี้ด้วยเช่นกัน

    นอกจากพื้นที่ในส่วนของ Common Area แล้ว พื้นที่ระเบียงในส่วนที่ติดกับโซนครัวก็ยังถือว่าได้ความสำคัญของการแบ่งพื้นที่มาไม่น้อยหน้าเช่นกัน เนื่องจากต้องการให้พื้นที่ตรงนี้เป็นมุมพักผ่อน และกว้างขวางพอที่จะจัดปาร์ตี้ครอบครัวเล็กๆได้ โดยที่ไม่ได้โดนแสงแดดส่องเข้าตรงๆและลมผ่านมาได้ อีกทั้ง Facade (ส่วนตกแต่งหน้าบ้าน) ยังทำหน้าที่สกรีนบดบังสายตาจากคนภายนอกได้ส่วนนึง เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน

    ตรงส่วนนี้ครับ โครงการตกแต่ง Facade (ผิวหน้าตกแต่งอาคาร) รวมไปถึงไม้แรงแนงด้านบนด้วย Biowood และปรับองศาของการเปิดให้เฉียงๆหน่อย เพื่อให้ Shading ของเงาแดดมาดูมีมิติ

    Biowood เป็นผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ เป็นไม้สังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของพีวีซี สามารถใช้งานได้เสมือนไม้จริงแต่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ รูปทรง สี และลวดลายของความเป็นไม้ธรรมชาติไว้ดังเดิม ซึ่งการเอามาใช้ตกแต่ง Facade นับว่าเป็นข้อดีตรงที่พื้นที่ตรงนี้เราไม่ได้ไปสัมผัสในการใช้งานอยู่แล้ว และเจ้าวัสดุนี้ มีคุณสมบัติพิเศษที่คงทนสามารถกันแมลงได้ทุกประเภท ไม่ลามไฟ ปราศจากสารเคมีเป็นพิษ การทำความสะอาดก็ง่าย เพียงแค่ทำความสะอาดด้วยเครื่องดูดฝุ่น ที่ปัดฝุ่น ไปจนถึงใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดเอาก็ได้

    การที่มีวัสดุทดแทนมาใช้ในบ้าน อาจจะทำให้ดูแบบว่าไม่ได้ใช้ของจริง ไม่ดูคลาสสิค แต่ถ้าเป็นวัสดุธรรมชาติอย่างไม้จริงข้อดีมันก็สวยกว่าแหละครับแน่นอนอยู่แล้ว แต่ข้อเสียมันก็มากอยู่หลายๆเรื่องทั้งเรื่องของราคาที่สูงกว่า การซ่อมบำรุงต้องทำบ่อยกว่า ฉีดปลวก ทาสี เคลือบเงา การทำความสะอาดที่ยากกว่าเป็นต้นครับ

    ในส่วนของพื้นที่ระเบียงก็จะยาวต่อเนื่องไปยังด้านนอกของพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น เท่ากับตัวระเบียงนั้นจะยาวเกือบ 14 เมตรเลยทีเดียว อีกทั้งด้วยพื้นที่ความกว้างของระเบียงทำให้แดดธรรมชาติที่ส่องมาจากหน้าบ้าน ไม่ลงไปไกลรบกวนในส่วนตัวบ้านมากนัก

    กลับเข้ามาในตัวบ้านกันครับ โดยที่ชั้น 2 จะมีฟังก์ชันสำหรับห้องน้ำส่วนรวมอยู่ตรงนี้ข้างๆกับตัวลิฟต์โดยสาร

    ฟังก์ชันห้องน้ำห้องนี้จะเป็นแบบ Powder Room นะครับ ไม่มีพื้นที่ส่วนอาบน้ำมาให้ แต่ตำแหน่งที่ชิดกับหลังบ้าน ทำให้มีหน้าต่างช่องแสงมาด้วย

    ไปต่อกันที่ส่วนบันไดทางขึ้นต่อไปที่ส่วนของชั้น 3

    ช่องแสงบริเวณระหว่างชานพักบันได เป็นตัวหน้าที่สำคัญในการช่วยกระจายแสงธรรมชาติให้เข้ามาสู่ตัวบ้าน นอกเหนือจากฝั่งหน้าบ้านและก็มีจุดนี้ครับ

    ขึ้นมาที่ชั้น 3 ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่โถงจากบันไดและลิฟต์เท่านั้น โดยจะเน้นแจกทางไปยังห้องนอนต่างๆ ส่วนของห้องนอนเล็กจะอยู่ไปทางฝั่งเดียวกัน คือทางซ้ายทั้งสองห้องเลย เดี๋ยวผมไล่ไปดูจากทางซ้ายสุดแล้วไล่ไปทางขวาจบที่ห้องนอนใหญ่นะ ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นนี้จะเปลี่ยนไปเป็น 2.90 เมตร

    ห้องนอนเล็กแรกนี้เป็นตำแหน่งที่จะตรงเป๊ะๆ กับห้องนอนที่ชั้นที่ 2 เลยทำให้ทุกอย่าง ทุกระยะ และฟังก์ชั่นทั้งหมดโคลนกันมาเลยครับ

    ห้องนอนเล็กถัดมาที่อยู่ติดกัน ก่อนจะเข้าห้องจะเป็นพื้นที่ทางเดินเล็กๆจุดนี้ก่อน และก็จะเจอกับห้องน้ำด้านในเป็นส่วนแรก

    ฟังก์ชั่นของห้องน้ำก็จะเหมือนกับห้องก่อนครับ แต่ว่าห้องนี้จะไม่ได้อยู่ตำแหน่งที่เจาะหน้าต่างเปิดแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องน้ำได้ ใช้ระบบพัดลมดูดอากาศและความชื้นเข้าช่วยแทนนะครับ

    ซึ่งในส่วนของพื้นที่อาบน้ำจะกว้างกว่าสักเล็กน้อย อีกทั้งที่ผนังด้านข้างชุดฝักบัวมีการเซาะร่องพื้นที่เอาไว้ (ไปติดตัวแบ่งชั้นพื้นที่เพิ่มเอา จะได้วางของได้หลายๆชั้นหน่อยครับ)

    โดยออกมาจากห้องน้ำก็จะเป็นพื้นที่ Space ขนาดใหญ่ ซึ่งแบ่งการใช้งานต่างจากห้องนอนก่อนหน้า โดยก็ใช้พื้นที่ริมผนังฝั่งนี้ทั้งหมดและครับจัดเป็นทั้งมุมโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า

    ตัวพื้นที่วางเตียงเอามาไว้ที่ตำแหน่งกลางห้อง ด้วย Space ทางเดินรอบด้านเตียงทุกฝั่งกว้างขวาง โดยเฉพาะพื้นที่ปลายเตียงครับเลยจัดเป็น Stool bar ตัวยาวแบบนี้มาต่อที่ปลายเตียง เพื่อให้ดูไม่โล่งจนเดินไป และทำให้มีระยะนอนดูทีวีที่ไกลหน่อย อาจจะต้องเพิ่มไซส์ทีวีเป็น 50-60 นิ้วแทนจะได้เหมาะกับระยะ

    ซึ่งห้องนอนห้องนี้ตำแหน่งจะได้วิวหันฝั่งออกไปด้านหน้าบ้านครับ โดยจะได้เป็นระเบียง Over Size มาด้วย ได้รับวิวที่กว้างกว่า อีกทั้งตัวระเบียงส่วนนี้ยังไปเชื่อมกับระเบียงของห้อง Master Bedroom ได้ด้วย

    ออกมาโถงทางเดินด้านนอก เดี๋ยวจะไปดูในส่วนของห้องสุดท้ายอย่าง Master Bedroom กัน

    Master Bedroom จากมุมในรูปดูแล้วก็ผิวเผินจะเหมือนกับห้องนอนก่อนหน้าที่ไปดูใช่ไหมครับ แต่เดี๋ยวก่อนดูไปอีกนิดครับ

    ที่ผนังด้านปลายเตียง สามารถ Built-In ชุดเฟอร์นิเจอร์ชั้นวาง ชั้นโชว์ เก็บของได้กว้างเต็มผนัง

    ออกมาที่ระเบียงระเบียงด้านนอกจากทางห้องนอนใหญ่ อย่างที่บอกว่าระเบียงจะยาวไปเชื่อมกับห้องนอนเล็กที่ติดกันครับ และมีความกว้างพิเศษกว่า 1.50 เมตร ซึ่งจัดเป็นมุมนอนเล่นแบบกึ่งตากอากาศส่วนตัวก็ได้ หรือถ้าใครรักต้นไม้ ธรรมชาติ ก็สามารถจัดเป็น Zone สวนกระถางให้เก๋ๆก็ได้นะ

    ในเฉพาะห้องนอน Master แอร์ที่ได้จะแตกต่างจากห้องนอนเล็กก่อนหน้าที่เป็นแบบ Wall Type แขวนผนัง แต่ห้องนี้จะได้เป็น Concealed Type ของ Daikin Inverter พื้นที่ข้างๆหัวเตียงฝั่งขวาจะเป็นทางเข้าไปสู่อีกฟังก์ชันอย่าง Walk in Closet

    พอข้ามฝั่งมาอีกจุดเท่านั้นครับ อื้อหือ Walk in Closet ใหญ่และกว้างมากๆ (ชุดตู้เหล่านี้เป็นไอเดียการตกแต่งนะครับ) ขอเกริ่นนิดนึงคือในส่วนของห้องนอนใหญ่เนี่ย โครงการเค้าจะไม่ได้กั้นพาร์ทิชั่นฝั่งหัวเตียงกับโซนแต่งตัวตรงนี้มาให้นะครับ จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งกว้างๆเลย เพราะฉะนั้นเจ้าของบ้านคนไหนจะจัดโซนฟังก์ชันในการใช้งานยังไงก็เลือกได้ตามความชอบของแต่ละบุคคลเลยว่าจะให้น้ำหนักกับพื้นที่ไหนมาก

    มองกลับไปอีกฝั่ง (ยังยืนอยู่ในพื้นที่ Walk in Closet) จะเห็นส่วนของทางเข้า Master Bathroom (บ้านตัวอย่างไม่ได้กั้นประตูมาให้) ของจริงจะมีประตูบานเลื่อนกระจกบานเลื่อนอยู่ ทำให้แสงธรรมชาติจากฝั่งหลังบ้านที่อยู่ในห้องน้ำ ส่องผ่านมายังโซนแต่งตัวได้ด้วย

    ยังคงลบเหลี่ยมมุมให้เช่นกัน ตัวพื้นจาก Engineering Wood Floor เปลี่ยนไปสูโซนของห้องน้ำเป็น Porcelain Tile, Mosaic Tile

    ฝั่งขวามือเป็นส่วนของพื้นที่ฟังก์ชันอ่างล้างมือ แบบ His & Her แยกคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงใช้งานกันคนละจุด และก็ทำเคาน์เตอร์อ่างไซส์ยาวเลยให้วางของใช้ต่างๆตรงนี้ได้

    Master Bathroom เรียกว่าได้พื้นที่มาเยอะจริงๆ แถมมีฟังก์ชันระเบียงในตัวด้วยแหะ ซึ่งสามารถช่วยเปิดหลังใช้งานเสร็จระบายเรื่องของอากาศและความชื้นได้ ส่วนถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็ปิดมูลี่เอา หรือไม่ก็จัดเป็นสวนกระถางไม้กลางมาวางไว้ที่ระเบียงก็ได้นะ ช่วยบังสายตาจากภายนอกและยังเห็นสีเขียวของต้นไม้ใกล้ๆด้วย

    โดยในห้องน้ำจะได้ Bathtub มาด้วย วางเอาไว้กลางห้องเลย ไซส์ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ของ Kasch ลงไปแช่ 2 คนได้นะ 😀  และด้านหลังจะแบ่งกั้นเป็นสัดส่วนอย่างฟังก์ชันอาบน้ำแยก และก็สุขภัณฑ์

    ในพื้นที่โซนอาบน้ำสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในห้องน้ำนี้ก็คือ RainShower นั่นเอง ส่วนของพื้นที่ยืนอาบก็มาตรฐานประมาณ 1.0 x 1.5 เมตร

    อีกฝั่งนึงเป็นโซนของสุขภัณฑ์ครับ โดยจะได้เป็นของ TOTO ที่บอดี้ใหญ่หน่อย รูปทรงโอบล้อมหลังแบบนี้


    บ้านตัวอย่างที่จะพาไปดูอีกหลังคือ Type B ช่วงขนาดที่ดิน 56 – 76 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 420 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ยังคงพร้อมพื้นที่ส่วนของงานซักล้างและโซนแม่บ้านที่แยกออกมา โดยรูปทรงของบ้านแบบนี้จะเป็นบอดี้แบบ L Shape และก็ไม่ได้เอาตัวบ้านไปชิดกับใกล้กำแพงฝั่งใดฝั่งนึงแล้ว เอาไว้ตรงกลางผืนที่ดินเลย / ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ชั้น 1 สูง 2.7 เมตร / ชั้น 2 สูง 3.1 เมตร / ชั้น 3 สูง 2.9 เมตร

    ชั้น 1 : ด้านในตัวบ้าน จะแบ่งโซนนิ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ตรงกลางจะเป็นพื้นที่ Waiting Area หรือพื้นที่โถงหน้าบันไดกับลิฟต์ (มีห้องเก็บของแยก) / ส่วนทางขวาสามารถทำเป็นห้องนอนของผู้สูงอายุได้ที่อยู่ชั้นล่างสุด มีห้องน้ำในตัว และมีช่องแสงประตูฝั่งหน้าบ้านที่คนในบ้านจะเข้าออกก็มองเห็นได้ง่าย / และฝั่งซ้ายมีการแยกโซนในส่วนของเมดแม่บ้านชัดเจน ซึ่งมีฟังก์ชันห้องนอน ห้องน้ำ เคาน์เตอร์ครัวและพื้นที่ซักล้าง

    ชั้น 2 : จะเป็นส่วนหัวใจหลักของบ้านหลังนี้คือมี Common Area อยู่ตรงฝั่งซ้ายมือของบ้าน กินพื้นที่ซีกซ้ายทั้งหมด รวมพื้นที่เปิดโล่งเอาไว้ด้วยกัน ประกอบฟังก์ชันไปด้วย Living, Dining, Kitchen มีห้องน้ำให้ใช้แต่เป็นแบบ Powder Room โดยพื้นที่ Living จะมีการหันหน้าออกไปยังช่องเปิดด้านนอกที่เป็นส่วนของพื้นที่ระเบียงที่สามารถออกไปนั่งปาร์ตี้กันได้ และระเบียงมีส่วนทางเดินเชื่อมไปกับส่วนของห้องนอนในชั้นนี้ได้ ที่ชั้นนี้มีห้องนอนอยู่ 1 ห้อง ซึ่งเป็นแบบฟูลฟังก์ชัน มีระเบียง พื้นที่แต่งตัว และห้องน้ำในตัว

    ชั้น 3 : ขึ้นมาจะเป็นแค่ส่วนโถงจากบันไดและลิฟต์เท่านั้น(ออกไประเบียงจากตรงโถงนี้ได้ด้วย) โดยชั้นนี้จะมีห้องนอน 2 ห้อง ฝั่งขวาจะเป็นห้องนอนเล็กที่ตำแหน่งอยู่แกนเดียวกันตั้งแต่ชั้น 1,2,3 ฟังก์ชันในห้องนอนทั้งสามก็จะเหมือนกันเลย ส่วนของห้องนอน Master Bedroom ยังได้น้ำหนักของพื้นที่อยู่เหมือนเดิม โดยจะอยู่ที่ฝั่งซีกซ้ายทั้งหมด ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวจากสายตาภายนอกกว่าห้องนอนอื่นเพราะว่าส่วนของระเบียงหันยังด้านข้างของบ้าน เพราะเป็นส่วนของรูปทรงตัว L

    ก่อนจะเข้าไปดูในบ้านตัวอย่าง พอดีผมเดินไปยังตำแหน่งที่ดินเปล่าข้างๆก่อน ข้อดีอีกอย่างคือโครงการนี้ บ้านทุกแบบทั้ง A,B,C จะมีการเน้นช่องเปิดไปที่ฝั่งหน้าบ้านและข้างบ้านเดียวฝั่งเดียวเท่านั้น จะมีด้านข้างอีกฝั่งที่เป็นส่วนทึบทั้งหมด ซึ่งการออกแบบแบบนี้ จะได้ความ Private เป็นส่วนตัวในมุมมองจากแต่ละหลัง ที่จะมองไม่เห็นกันและกันระหว่างอยู่อาศัยในตัวบ้านของแต่ละหลัง

    จากมุมนี้จะเห็นว่าตัวบ้านนั้นถูกยกขึ้นสูงกว่าถนนในโครงการอีกเล็กน้อยนะครับ โดยยังเหมือนเดิมพื้นที่ทั้งหมดปูด้วยกระเบื้องมาให้ พร้อมทั้งลงเสาเข็มพื้นที่จอดรถ แต่การแบ่งพื้นที่จอดรถจะเปลี่ยนไป โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนความกว้างเท่ากันทั้งคู่ ช่องละ 5 เมตร

    อาจจะแบ่งฝั่งนึงเป็นรถ B,C Segment และอีกฝั่งนึงก็จอดพวกรถใหญ่รถใหญ่อย่าง D Segment, รถตู้ได้ แต่อาจจะจอดควบคู่กับอีกคันที่เป็น Eco Car นะครับ

    พื้นที่เฉลียงตรงนี้ (ตำแหน่งที่อยู่ด้านนอกตรงกับห้องนอนผู้สูงอายุ) โครงการจะจัดลงต้นไม้ใหญ่มาให้ 1 ต้น (ต้นโชคลาภนั่นเอง)

    ตัวบ้าน Type นี้ก็ยังมีแนวร่นของชานพักหน้าบ้านมาพอสมควร ยกสเต็ปเช่นกัน รูปแบบของประตูเป็นแบบเดียวกัน บานไม้สักขนาดใหญ่เปิดได้ 2 ตอน พร้อมทั้งรอบๆซ้ายขวามีการติดเป็นช่องแสงบานฟิคถึง 4 ชุด เพื่อเน้นให้แสงธรรมชาติเข้าไปยังตัวบ้าน

    เปิดเข้ามาส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ Wating Area ที่เป็นพื้นที่โถงหน้าบันไดกับลิฟต์ (มีห้องเก็บของแยก) โดยที่ชั้นแรกนี้จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร และปูพื้นด้วยกระเบื้องพอร์ชเลนลายหินอ่อนสีขาว ส่วนของ Decorate ผนังทั้งหมดที่เป็นเส้นสายลวดลายต่างๆจะเป็นส่วนตกแต่งมาจากทางโครงการเท่านั้น ของจริงบ้านมาตรฐานจะติดเป็นวอลเปเปอร์มาให้

    หันไปดูทางขวากันก่อน ซึ่งตัวบ้าน Type B ก็ยังคงได้ส่วนของลิฟต์โดยสารมาด้วยเช่นกันนะ และติดกันเป็นส่วนของห้องนอนผู้สูงอายุที่อยู่ด้านล่าง

    ในส่วนของห้องนอนของผู้สูงอายุได้ที่อยู่ชั้นล่างสุด มีห้องน้ำในตัว และด้านมีช่องแสงประตูฝั่งหน้าบ้าน ที่คนในบ้านจะเข้าออกก็มองเห็นได้ง่าย ซึ่งช่องแสงจะใหญ่และมีมุมมองที่กว้างกว่าบ้าน Type A เสียอีก อีกทั้งตำแหน่งด้านนอกยังเป็นส่วนต้นไม้โชคลาภพอดีอีกด้วย

    รวมไปถึงพื้นที่อีกอย่างที่มีพื้นที๋โซนทำเป็น Walk in Closet ได้ ตำแหน่งบริเวณก่อนทางเข้าห้องน้ำครับ ก็ยังเหมือนเดิมอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่หลังแรกนะครับ ถ้าบางบ้านท่านไม่ได้มีผู้สูงอายุมาอยู่ด้วย แนะนำว่าทำห้องนี้เป็น Reception Room รับแขกเต็มตัวไปเลยก็ได้ มีแขกไปใครมา จะได้เข้ามาคุยกันในพื้นที่ตรงนี้ และไม่ไปรบกวนในส่วน Living Area หลักที่อยู่ชั้นสอง

    ออกจากห้องมามองไปยังฝั่งตรงข้าม จะเป็น Zone ของเมดแม่บ้าน (ซึ่งตอนนี้ปัจจุบันทางโครงการเค้าทำพื้นที่หลังประตูนี้เป็นโซนของ Sale Office ประจำโครงการอยู่กันครับ) เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายให้ดูกัน ไป Layout ในแปลนเอาละกัน แต่ว่าฟังก์ชันด้านในก็จะเหมือนกับหลักแรกแหละ เพียงแค่ตำแหน่งต่างกันเท่านั้นครับ

    ในส่วนของชานพักบันไดบ้านจากชั้น 1 ไปชั้น 2  Type B ทำออกมาได้ดีกว่านะครับ เพราะไม่ได้ถูกซอยชานพักแบบสามเหลี่ยมให้เห็น แบบนี้จะเดินได้ง่ายและปลอดไฟกว่า

    แต่ว่าบ้านแบบ B นี้จะไม่ได้มีส่วนเปิดช่องแสงบริเวณโถงบันได แบบบ้านหลังใหญ่ เพราะฉะนั้นต้องอาศัยความสว่างจากช่องแสงฝั่งหน้าบ้าน กับ โคมไฟคู้ส่องสว่างที่บริเวณบันไดนี้แทน ซึ่งผมก็ยังว่าสว่างอยู่นะ

    ขึ้นมาชั้น 2 Corridor นี้เป็นพื้นที่ส่วนแจกทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ซ้ายมือเป็นห้องนอนเล็ก ตรงกลางออกไปยังระเบียงขนาดใหญ่ได้ ขวามือเป็น Common Area (โถงรวม) ซึ่งเดี๋ยวผมพาไปทางฝั่งซ้ายกันก่อนนะ

    ทางฝั่งซ้าย ตำแหน่งของห้องนอนจะอยู่ติดกับลิฟต์โดยสาร ซึ่งดูแล้วจะตรงกับตำแหน่งของห้องนอนชั้นล่าง / สิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างคือตัวสีของพื้นบ้านนี้จะเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ยังคงเป็น Porcelain Tile

    ในส่วนของห้องนอนจะได้พื้นที่เปิดโล่งเป็นแบบหน้ากว้าง ซึ่งหันเตียงออกมองรับวิว

    ช่องแสงซึ่งเป็นจุดเด่นของห้องนี้นอกจากช่องแสงหลักตัวประตูกระจกบานเลื่อนที่ออกไปยังระเบียงด้านนอกได้ (มองตรงไปยังตำแหน่งต้นไม้โชคลาภเห็นสีเขียวพอดี) และยังมีช่องแสงอีกฝั่งด้านข้างซึ่งสูงด้วยนะครับ มุมนี้เหมาะกับมาวางโต๊ะทำงานในห้องมาก

    อีกฝั่งนึงห้องตัวอย่างจัดให้ดูเป็นไอเดีย เหมาะสมกับทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ และเก็บของเพิ่มเติมมาจากส่วนของ Walk in Closet ที่อยู่พื้นที่ด้านในถัดไปได้

    พื้นที่ Walk in Closet ก็เหมาะกับ Buit-In ชุดตู้เก็บเสื้อผ้าให้เต็มพื้นที่แบบนี้ครับ โดยทางซ้ายมีการเปิดช่องแสง ช่วยส่องสว่างในพื้นที่ตรงนี้ และทางขวามือไปยังส่วนของห้องน้ำ

    ห้องน้ำจะเป็นฟังก์ชันมาตรฐานเหมือนกับห้องน้ำก่อนๆหน้าที่ผมพาไปดู สิ่งที่แตกต่างคือการเจาะผนังทำเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ ในบริเวณพื้นที่ส่วนของอาบน้ำครับ ซึ่งก็ทำเป็นกระจกพ่นฝ้ามาให้เลย และมีจุดนึง(ซ้ายบน)เป็นหน้าต่างกระทุ้งสามารถเปิดออกช่วยระบายความชื้นได้

    ออกมาจากส่วนของห้องนอน เดี๋ยวไปดูส่วนของห้องโถงหลักอย่าง Common Area ที่อยู่ตรงข้ามกันบ้าง

    พอเราเข้ามาแล้ว หันไปทางขวามือก่อน จะเป็นส่วนของ Dining Zone ซึ่งจะเป็นชุดครัวเปิดแบบฝรั่ง ด้านหลังจะมีห้องอีกสองส่วนทางซ้ายคือห้อง Storage และทางขวาคือห้องน้ำแบบฟังก์ชัน Powder Room / ในส่วนของพื้นที่นี้โครงการจะให้แอร์แบบ Concealed Typed

    Island บ้านนี้ก็ยังคงได้เช่นกัน แต่สเกลจะเล็กลงมาหน่อยครับ โดยวัสดุต่างๆก็ยังเหมือนกันได้เป็น TOP ของ GEOLUXE แต่จะเปลี่ยนเป็นสีโทนสว่างแทน และมีเจ้าอ่างนำเข้าจากญี่ปุ่นยี่ห้อ CleanUp อยู่ เอ้อ.. ตำแหน่งของไมโครเวฟ(Smeg) จะมาอยู่ตรงนี้แทนนะครับ

    กลับหลังหันมาอีกฝั่งจะเป็น Pantry Zone ได้อุปกรณ์เช่นนี้เลย โดยพื้นที่เก็บของจากตู้และพื้นที่เตรียมอาหารจะลดลงกว่าบ้าน Type A หน่อย แต่ว่าก็ถือว่าเป็นชุดครัวที่ขนาดโอเคแล้วนะสำหรับครัวเปิด

    ด้านหลังของ Pantry ที่เป็นส่วนของฟังก์ชันเก็บของ แต่ว่าบ้านหลังนี้โครงการไม่ได้ Built-In ตกแต่งพวกชุดตู้ชั้นวางเก็บของต่างๆมาให้ดู

    ห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่งเป็นแบบ Powder Room ไม่มีส่วนอาบน้ำครับ

    มองเข้าไปในพื้นที่อีกฝั่ง Common Area ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของครอบครัวที่จะมาเจอกันบ่อยที่สุดของบ้านหลังนี้ เลยได้น้ำหนักของซีกนึงเลยของชั้นนี้ ประกอบฟังก์ชันไปด้วย Living, Dining, Kitchen

    พื้นที่ระหว่าง Island กับโซน Living เหมาะกับการจัดเป็นโซนรับประทานอาหาร โดยถ้าเราวางโต๊ะไซส์ประมาณบ้านตัวย่าง ผมว่ากำลังดีเลยนะ จะนั่งได้ประมาณ 6-8 ที่นั่ง ก็เพียงพอต่อสมาชิกในบ้าน และแขกเพิ่มได้อีก 2-3 คน

    Living Area Zone ด้วยพื้นที่ขนาดกว้าง สามารถจัดพวกโซฟายาว การเลือกตำแหน่งโซฟาก็แล้วแต่เจ้าของบ้านจะจัดวางนะครับ ในบ้านตัวอย่างเค้าเอาโซฟาหลักไปชิดกับผนังเพื่อชมวิวด้านนอก เวลาดูทีวีก็จะเอียงๆหน่อย ตรงมุมนี้เราดีไซน์เองได้หมด เพราะพื้นที่รับรองกว้างมากๆ ทีวีไซส์ใหญ่ถึง 60-70 นิ้วได้สบาย หรือจะเอาเป็นโปรเจคเตอร์มายังได้

    ส่วนของช่องแสงหลักในพื้นที่ Living Area Zone ตำแหน่งจะอยู่หันไปทางด้านข้างแทนแบบนี้ ซึ่งได้ในเรื่องของความ Private ในการใช้งาน บ้านข้างๆมองไม่เห็นกัน

    ส่วนของด้านนอกพื้นที่นั่งเล่น เปิดประตูออกไปจะเชื่อมกันด้วยพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ ที่เป็นแบบ Outdoor

    พื้นที่ของระเบียงค่อนข้างกว้างขวา สามารถมาจัดปาร์ตี้ หรือออกมาทานข้าวแบบ Outdoor ในมื้อเย็นของครอบครัวกันกันที่ตรงนี้บ้างก็ได้

    โดยส่วนกันตกของพื้นที่ระเบียงด้านนอก จะทำเป็นพื้นที่คอนกรีตก่อแบบเว้นพื้นที่ตรงกลางเอาไว้ประมาณ 60 ซม. ให้สำหรับลงพื้นที่สีเขียวได้ เพิ่มทัศนียภาพในพื้นที่ตรงนี้ครับ และเป็นส่วนเซฟตี้ได้

    ยังอยู่ในพื้นที่ระเบียงหลักที่ชั้น 2 ตรงนี้ ผมมองเงยหน้าขึ้นไปในส่วนของตัวบ้านที่ชั้น 3 จะเห็นว่ามีการออกแบบเน้นส่วนของระเบียงขนาดใหญ่ให้เชื่อมพื้นที่ของแต่ละโซนไปมาหากันได้เช่นกัน และส่วนของวัสดุไม้ที่เห็นยังคงเป็น Biowood นะฮะ

    กลับเข้ามาในตัวบ้าน เดี๋ยวเราจะขึ้นไปต่อกันที่ชั้น 3 กัน

    รูปแบบของชานพักบันไดก็จะเหมือนกับชั้นก่อนหน้า เป็นทรงจตุรัส 2 ส่วน แต่พื้นที่โถงบันไดส่วนนี้จะได้ช่องแสงที่เจาะกลับมาแล้ว มาคอมโบกับไฟที่พื้นทางเดินและโคมไฟส่องสว่างครับ

    ขึ้นมาชั้น 3 Corridor นี้เป็นพื้นที่ส่วนแจกทางไปยังห้องที่เหลือีกสองห้อง โดยซ้ายมือเป็นห้องนอนเล็ก ตรงกลางออกไปยังระเบียงขนาดใหญ่ได้ ขวามือเป็นส่วน Master Bedroom

    ซึ่งเดี๋ยวผมพาไปทางฝั่งซ้ายกันก่อนนะ ไปดูฝั่งห้องนอนเล็กกันก่อนนะ ซึ่งตำแหน่งมันจะอยู่พอดีแบบเป๊ะๆกับห้องนอนชั้นที่ 2 เลย

    ภายในห้องนอนก็เหมือนกันเป๊ะเช่นเดียวกันครับ ต่างกันการตกแต่งของบ้านตัวอย่างนี่แหละ จัดเป็นห้องนอนของลูกเล็กที่มีเตียง 2 ชั้น

    แอบลงมาเนียนเป็นลูกคนเล็กที่เตียงชั้นล่าง Impact ของช่องแสงธรรมชาติและมุมมองมันดีจริงๆแหะ ส่วนมุมที่เป็นกระจกเข้ามุมมันช่วยเพิ่มมุมมองได้ดีมาก ถ้าตรงนั้นด้านนอกจะเป็นต้นไม้แบบนี้จะดีมาก

    ในส่วนฟังก์ชัน Walk in Closet และถายในห้องน้ำก็จะเหมือนกับชั้น 2 เป๊ะ ขอไม่อธิบายซ้ำละกันนะครับ

    เดี๋ยวข้ามไปที่ส่วนของห้องสุดท้ายฝั่งตรงข้ามอย่าง Master Bedroom กันครับ

    Master Bedroom ซุ่งได้ความกว้างของพื้นที่เหมือนกับ Common Area ที่ชั้นสอง เพราะตำแหน่งตรงกันพอดี โดยในบ้านจริงมาตรฐานโครงการจะไม่ได้กั้นพาร์ทิชั่นในโซนของพื้นที่แต่งตัว Walk in Closet นะครับ

    หันไปทางขวาเราจะเห็นส่วนของห้องน้ำที่อยู่ติดกับส่วนแต่งตัว

    ภายใน Master Bathroom ขนาดกำลังดีเลยครับ ดูไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป

    ทางซ้ายมือยังคงจัดฟังก์ชันของอ่างล้างมือแบบ His & Her ของ TOTO ตัวก๊อกแยกระบบน้ำร้อนน้ำเย็นติดตั้งเสร็จสรรพ

    ฝั่งตรงข้ามกับอ่างจะแบ่งโซนส่วนอาบน้ำ และ ส่วนของสุภัณฑ์ไว้อยู่ติดกัน โดยจะกั้นเป็น Box ใส ที่เป็นกระจก Tempered Glass

    ถัดมาเป็นส่วนของพื้นที่วาง Bathtub ซึ่งข้างๆก็ยังพอมีพื้นที่เหลืออีกนิดหน่อย ผมแนะนำก็ไปหาพวกชั้นวางแบบลอยตัวมาเพิ่มให้เข้ากับพื้นที่ วางพวกของใช้จำเป็นในห้องน้ำอะไรพวกนี้ครับ

    ในส่นของห้องน้ำนี้จะมีประตูทางเข้าออกสองฝั่งนะครับ ประตูอีกจุดนึงจะเป็นการเข้ามาจากยังพื้นที่แต่งตัวนั่นเอง มีในห้องน้ำยังมีการเจาะช่องแสงที่เหลือเป็นแบบเข้ามุม แต่ตัวกระจกก็ยังพ่นฝ้าเพื่อบังสายตาอยู่

    นี่ครับออกมาจากประตูห้องน้ำ บ้านตัวอย่างจัดพื้นที่ Walk in Closet ให้ดูเป็นไอเดีย

    ออกมาจากห้องน้ำ ทางซ้ายมือมีพื้นที่เหมาะแก่การเอาเจ้าโต๊ะทำงานมาชิดกับหน้าต่างช่องแสงแบบนี้ให้เข้ากับพื้นที่ และเดินต่อเนื่องไปยังด้านในจะเป็นส่วนของพื้นที่เตียงนอน

    พื้นที่วางเตียงนอน King Size ตำแหน่งกลางห้อง ระยะรอบๆข้างสามารถวางโต๊ะหัวเตียงขนาดกลางได้อีก จากมุมในภาพ เราจะเห็นว่าฝั่งด้านหน้าบ้านก็มีการเปิดช่องแสงบานฟิค 2 จุด เอาไว้ให้ด้วยนะครับ แต่เนื่องจากตำแหน่งของจริงจะมีบ้านตรงข้ามอยู่ เลยมีส่วนของ Facade ที่เป็นทั้งส่วนตกแต่งหน้าบ้านและยังช่วยบังสายตาจากคนภายนอกได้ระดับนึงด้วย

    ช่องแสงหลักจะอยู่ที่ปลายเตียงครับ ซึ่งจริงๆแล้วจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ เพื่อออกไปสู่ระเบียงขนาดใหญ่ทางเดินรูปตัว L ด้านนอกได้ จริงๆตรงนี้เจ้าของบ้านคนไหนไม่ได้ชอบนอนดูทีวี ก็ไม่ต้องจัดแบบบ้านตัวอย่างก็ได้นะครับ เอาชั้นวางออกไปเลย เปิดรับชมสีเขียวของต้นไม้ผมว่าก็จะดีไปอีกแบบ

    มองจากในส่วนของ Master Bedroom แอบเห็นลูกๆในห้องจากส่วนของระเบียงกันและกันได้

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 September 2018

    • Type A ที่ดิน 64- 136 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 492 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
    • Type B ที่ดิน 56-76 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 420 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
    • Type C ที่ดิน 53-68 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
    • ราคาเริ่มต้น Type A – 28.8 ล้านบาท / Type B – 25.6 ล้านบาท / Type C – 20 ล้านบาท

    • จอง 200,000 บาท
    • ทำสัญญา 5% | ดาวน์ 15%
    • ค่าส่วนกลาง 100 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
    • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
    • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
    • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – Vana Residence พระราม 9 – ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่บริเวณกรุงเทพฝั่งตะวันออก ที่อยู่ตรงกลางระหว่างใจกลางเมืองและชานเมือง ดังนั้นบริเวณนี้จึงถือว่าเป็นทำเลที่สามารถใช้เดินทางเพื่อเข้า และ ออกนอกตัวเมืองได้สะดวก นอกจากนั้นยังมีซอยลัดเอาไว้หนีรถติดคือซอย กรุงเทพกรีฑา 7 ซึ่งสามารถใช้ไปออกถนนรามคำแหง , ซอยกรุงเทพกรีฑา 8 และ 20 สามารถใช้ลัดไปออกมอเตอร์เวย์ได้

    สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวถือว่าค่อนข้างสะดวก การเข้าเมืองมาจะมาถนนพระราม 9 ขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์-ศรีรัช เพื่อเข้าเมืองไป อโศก-พญาไท-สยาม หรือ จะออกนอกเมืองโดยใช้เส้นมอเตอร์เวย์ก็สะดวกอยู่ และการที่มีถนนตัดใหม่อย่างถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ที่สร้างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์อีกไม่นานก็จะทำให้บริเวณนี้มีศักยภาพในการพัฒนาต่ออีกมากในอนาคต เชื่อว่าที่ดินรอบๆโครงการที่เปิดถนนใหม่ ในอนาคตจะมีการพัฒนาเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องแน่นอนดูตย.จากรร.นานาชาติ Brighton ที่พึ่งมาเปิดข้างๆ หรือคอมมูมูนิตี้มอลล์อย่าง The Park ก็ได้ แต่ตอนนี้บรรยากาศตอนนี้ปัจจุบันก็จะยังโล่งหน่อย

    ความปลอดภัย – จากทางเข้าออกด้านหน้าเข้าออกผ่านรั้วประตูอัตโนมัติระบบ RFID หรือ Easypass โดยมีรปภ.ช่วยสกรีนทั้งที่ด้านหน้าและภายในโครงการ มี CCTV ที่ซุ้มด้านหน้าและถนนภายในโครงการ ส่วนของตัวบ้านไม่ได้ให้ระบบใดๆมาให้ลูกบ้านไปเลือกติดตามความชอบของเจ้าของ และรั้วของโครงการที่นี่ให้มาสูงมากโดยจะเป็นคอนกรีตสูง 3 เมตร + ต่อเติมกั้บไม้ระแนงเพิ่มอีก 3 เมตร

    การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – เริ่มจากดีไซน์ของบ้านของ Exterior ของบ้านดูดีทั้งคู่ บ้านเป็นแบบบ้านหน้ากว้าง หรือ L Shape (ที่มองไม่เห็นกันระหว่างเพื่อนบ้าน) ตัวบ้านที่เลือกแบบ 3 ชั้นมามีลิฟต์โดยสารมารองรับเพื่อให้มีความสะดวกสบายเผื่อในเรื่องของผู้สูงอายุจะไปมาหากัน นอกจากบ้านที่หน้ากว้างและยังเปิดช่องแสงตามจุดต่างๆมาให้ใหญ่และเยอะด้วย การแบ่งฟังก์ชันภายในบ้านค่อนข้างทำได้ประทับใจ ที่จอดรถกว้าง แยกในส่วนของแม่บ้านกันคนละโซนเลย ให้ความสำคัญกับ Common Area มาก ซึ่งเป็นพื้นที่หลักสำคัญของครอบครัว โดยในแต่ละห้องนอนก็มีฟังก์ชันในตัวของใครของมันครบและมีระเบียงในตัวทุกห้องด้วย สุดท้ายห้องของ Master Bedroom, Bathroom ได้ความสำคัญของพื้นที่กำลังดีได้ความรู้สึกที่โอ่โถ่กว้างเหมาะสมกับเจ้าของบ้าน ขอชื่นชมในเรื่องของแบบบ้านทั้งภายนอกและภายในเลยครับ

    วัสดุ – วัสดุของบ้าน ดูจากภายนอกและภายในคุมธีมให้เป็น Mood & Tone Natural มีความเป็นธรรมชาติ แต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ได้ลวดลายของธรรมชาติเป็นหลักทั้งไม้สังเคราะห์ Biowood, กระเบื้องพอร์ชเลนลายหินธรรมชาติ และลายหินอ่อน ตามจุดต่างๆ ซึ่งวัสดุทดแทนเหล่านี้ก็ดูสวยครับแต่ยังไงก็ไม่เท่าของจริง ซึ่งถ้าโครงการเอาของจริงมาลงราคาจะต้องพุ่งกระฉูดกว่านี้แน่ๆ และก็วัสดุธรรมชาติของจริงดูแลยากนะครับถ้าดูแลไม่ดีแปปเดียวดูโทรมไวไปเลย ส่วนวัสดุภายในโซนครัว, ให้แอร์มาทุกห้อง, พื้น Engineering Wood ผมว่าโอเคสมกับราคา

    พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – ตัวโครงการมีการเอาต้นไม้ใหญ่มาลงไว้ขนานกับรั้วกำแพงโครงการ รวมไปข้างบ้านถนนเมนแปลงมุม ยาวตลอดฝั่ง ประกอบกับด้วยระดับโครงการที่เอาสายไฟสายเคเบิ้ลทั้งหมดลงดินทำให้ดูสวยงามม และยังมีพื้นที่สวนหย่อมอีกจุดที่ตั้งชื่อว่า TreeHouse , นอกจากนี้ภายในตัวบ้านของแต่ละแปลงจะมีการลงต้นไม้ใหญ่ให้หลังละ 1 ต้นเป็นต้นโชคลาภ / ที่ดินของโครงการมีประมาณเกือบ 20 ไร่ แต่มีบ้านเพียง 69 ยูนิตเท่านั้นซึ่งก็ถือว่ามีความส่วนตัวไม่วุ่นวาย และมีการวางผังบ้านเกือบๆทั้งหมด หันหน้าบ้านและหลังบ้าน ไว้ทางทิศเหนือ-ใต้ครับ ไม่โดนแดดเข้าบ้านตรงๆ (จะมีเฉพาะบางแปลงพิเศษที่อยู่โซนหน้าสุดของโครงการเลยที่หันหน้าไปทางตะวันตก) และอีกอย่างคือในซอยย่อยแต่ละซอย จะวางบ้านพักอาศัยไว้เพียงซอยละ 4 ยูนิตเท่านั้น เพื่อได้ความเป็นส่วนตัวครับ

    สาธารณูปโภค – โครงการจัดพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด ไว้อยู่ในโซนตรงกลางโครงการ มีอาคาร ClubHouse 2 ชั้น ซึ่งประกอบไปด้วย Reception Living Room, Relax Semi Outdoor, Multipurpose Area, Fitness ด้านนอกกลางแจ้งมีสระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 ม. ลึก 1.20 เมตร (แยกสระเด็ก) และมีพื้นที่สนามเด็กเล่นบ้านต้นไม้ (Tree House) ถือว่าครบวงจรในตัวมาตรฐาน และแชร์ริ่งการใช้งานกับเพื่อนบ้านไม่เยอะมากด้วย

     

    Judgement

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับแพคเกจ 20 – 39 ล้านบาท, 20 September 2018

    • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – อยู่ติดถนนหลักตัดใหม่ ความเจริญรอบๆยังไม่มากแต่เห็นหลายๆจุดที่กำลังค่อยๆมาพัฒนาให้เห็น ในละแวกมีเส้นทางลัดไปรามคำแหง ออกมอเตอร์เวย์ใกล้ทางด่วน
    • ความปลอดภัย 7/10 –  รปภ.หน้าหมู่บ้าน , CCTV ในโครงการ , ประตูรั้วอัตโนมัติ, รั้ว 3+3 เมตร
    • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9.25/10 – แบบสวยทั้งดีไซน์ภายนอก ภายใน รวมไปถึงการแบ่งการจัดการพื้นที่ต่างๆและฟังก์ชันแต่ละจุดใช้งานได้ดีมาก เป็นบ้านหน้ากว้าง และยังคำนึงถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวในหลายๆจุด
    • วัสดุ 8/10 –  ห้องน้ำ Toto, American Standard พื้น Porcelain Tile และ engineering wood, ประตูหน้าบ้านไม้สัก, ชุดครัว Smeg, มีลิฟต์ของ Mitsubishi, และแอร์ฝังฝ้าที่ห้องโถงนั่งเล่นกับห้องนอนใหญ่
    • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – โครงการเน้นลงต้นไม้ใหญ่ตามริมรั้วและถนนเมน มีสนามเด็กเล่นบ้านต้นไม้ วางผังบ้านได้ดีเน้นทิศเหนือใต้ แต่ละซอยมีแค่ 4 หลัง
    • สาธารณูปโภค 8/10 – มาตรฐานมีครบทั้ง สโมสร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ทำออกมาได้สวยน่าใช้ แชร์กันไม่เยอะมาก
    • 7.81 / 10.00 
    • LUXURY – SUPER LUXURY

    BOTTOM LINE

    Vana Residence พระราม 9 – ศรีนครินทร์ เหมาะกับครอบครัวไซส์กลางใหญ่ ที่สามารถอยู่กันได้ 3 Generation รองรับส่วนของผู้สูงอายุ เน้นตัวบ้านหน้ากว้าง ดีไซน์สวย จอดรถง่าย หรือ L-Shape ที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง จำนวนยูนิตไม่มาก เดินทางเข้าออกเมืองสะดวก มีงบประมาณ 20 – 39 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าตกแต่ง) ซึ่งราคาระดับนี้ไม่ค่อยมีข้อจำกัดงบทางการเงินที่ผ่อนต่อเดือนเท่าไร