รีวิวโครงการ
คิดเรื่องอยู่ Ep.593 : บุราสิริ วัชรพล
14 พฤศจิกายน 2021
…สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะพามารีวิวโครงการ บุราสิริ วัชรพล ซึ่งตอนนี้ได้เปิดเฟสที่ 2 และกำลังจะเปิด Pre-Sale วันที่ 16 – 17 ต.ค. นี้แล้วครับ โดยครั้งนี้เค้าจะใช้แบบบ้านซีรีย์ใหม่ทั้งหมดเลย มีอยู่ 3 แบบให้เลือก ฟังก์ชันจะเน้นความโปร่งโล่ง ช่องแสงเยอะ สามารถเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับสวนภายนอกบ้านได้ ทำให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังมีพื้นที่ส่วนกลางสวยๆและร่มรื่นให้ได้ชมกันอีกด้วย โดยจุดเด่นหรือ Highlights ที่น่าสนใจของโครงการจะมีดังนี้
- การออกแบบบ้าน : แบบบ้านซีรีย์ใหม่ไซส์ใหญ่ มีห้องนอนชั้นล่าง เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบ 3 Generation เป็นครอบครัวใหญ่ได้สบายๆ มีความโปร่งโล่ง มีช่องแสงเยอะ เน้นเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอก
- พื้นที่ส่วนกลาง : มีบรรยากาศที่ร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท พื้นที่สวนรวมกันกว่า 5 ไร่ โดยมีแนวคิด Forest Sequence เป็นการจำลองบรรยากาศของผืนป่า ให้มาอยู่ในรูปแบบของฟังก์ชันส่วนกลางในแต่ละโซน
- ทำเล : ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 5 ใกล้ทางด่วนฉลองรัช และตลาดออเงิน
ข้อมูลโครงการ
Burasiri Watcharapol (บุราสิริ วัชรพล) ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2564
ชื่อโครงการ | Burasiri Watcharapol (บุราสิริ วัชรพล) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH – LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนน สุขาภิบาล 5 เขต สายไหม |
ที่ดิน | 94 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 242 ยูนิต (เฟสที่ 2 จำนวน 94 ยูนิต) |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.7 – 2.9 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | N/A บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2560 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2566 |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.sansiri.com/singlehouse/burasiri-watcharapol/th/ |
Call Center | 1685 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- การเดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วนฉลองรัชเพียง 2.5 km. สามารถเข้าเมืองได้ง่าย
- หาของกินได้ไม่ยาก มีตลาดออเงินอยู่ใกล้ปากซอยโครงการ รวมถึงมีร้านค้าและตลาดอื่นๆ อยู่บนถนนสุขาภิบาล 5 อีกเยอะเลย
- ที่ตั้งโครงการจะอยู่ร่นเข้ามาด้านในจากถนนใหญ่ ซึ่งจะเป็นถนนภาระจำยอมโครงการในเครือของแสนสิริเอง เลยทำให้มีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ต่างจากซอยสาธารณะที่จะมีความพลุกพล่านกว่า
พิกัด Google Maps : 13.895042, 100.656599
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ บุราสิริ วัชรพล ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 5 ในย่านวัชรพล-สายไหม ซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลกรุงเทพทางตอนเหนือ ที่คนมักจะนิยมมามองหาบ้านแนวราบแถวนี้กันบ่อยๆ เพราะสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายด้วยทางด่วนฉลองรัช ซึ่งจุดขึ้น-ลงก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการเลยครับ ถ้าใครที่ทำงานในเมืองแถวลาดพร้าว-เลียบด่วนรามอินทรา-พระราม 9 ก็น่าจะสะดวกดีไม่น้อยเลย
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ ก็บอกได้เลยว่าคึกคักมากๆ เพราะด้วยความที่เป็นชุมชนดั้งเดิมอยู่แล้ว แถมนับวันก็เริ่มมีหมู่บ้านจัดสรรมาเปิดใหม่เยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยทำให้มีตลาดใหญ่ๆ และ Hyper Market ตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้กันเพียบ ที่เด่นๆเลยก็คือ ตลาดออเงิน ซึ่งก็อยู่ใกล้กับปากซอยโครงการเพียงร้อยเมตร หรือจะไปเดิน BigC ซื้อของตุนเข้าบ้านทีละเยอะๆ ก็มีให้เลือกจับจ่ายด้วยเหมือนกัน
และอย่างที่รู้กันครับว่า ในช่วงเวลาเร่งด่วนของถนนเส้นนี้คือ การจราจรหนาแน่นมากๆ ซึ่งผมมองว่าทำเลของโครงการนี้ ค่อนข้างได้เปรียบเพื่อนบ้านในย่านเดียวกันอยู่พอสมควร เพราะด้านซ้ายก็เป็นตลาด ขวาก็เป็นทางด่วน เรียกได้ว่ามีทั้ง 2 สิ่งนี้อยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เราไม่ต้องเสียเวลากับรถติดบนท้องถนนมากนักนั่นเองครับ
โดยถ้าเราวัดจากซุ้มประตูโครงการ ออกมาถึงจุดขึ้นทางด่วนฉลองรัช (ด่านสุขาภิบาล 5) จะมีระยะทางประมาณ 2.5 km. ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเองครับ ซึ่งจุดที่ผมชอบอีกอย่างคือ บริเวณปากซอยของโครงการจะมีพี่ รปภ. คอยช่วยโบกรถให้เราด้วย ทำให้เวลาที่เราจะเลี้ยวขวาเข้าเมืองก็สามารถทำได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการจะเป็นที่ว่าง และโครงการแนวราบเพื่อนบ้าน โดยทำเลตรงส่วนนี้จะเป็นซอยของถนนภาระจำยอมของแสนสิริ ที่จะร่นเข้ามาจากถนนใหญ่อีกที เลยทำให้มีบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบไม่พลุกพล่าน สามารถสรุปได้ดังนี้ครับ
- ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างและหมู่บ้านจัดสรร
- ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่างและหมู่บ้านจัดสรร
- ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ ถนนภาระจำยอม และหมู่บ้านจัดสรร
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่างและหมู่บ้านจัดสรร
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตลาดออเงิน ~ 650 ม.
- เดอะ พรอมานาด ~ 7.86 กม.
- แฟชั่น ไอส์แลนด์ รามอินทรา ~ 7.96 กม.
- เดอะ คริสตัล ~ 10.38 กม.
- CDC ~ 10.92 กม.
โรงพยาบาล
- รพ.สายไหม ~ 4.31 กม.
- รพ.เซ็นทรัลเยนเนอรัล ~ 5.8 กม.
- รพ.สินแพทย์ ~ 6.86 กม.
โรงเรียน
- รร.นานาชาติกรุงเทพ ~ 14.47 กม.
- SISB Schools ~ 15.24 กม.
สถานที่ราชการและอื่นๆ
- จุดขึ้นทางด่วนฉลองรัช (ด่านสุขาภิบาล 5) ~ 2.5 กม.
- สวนวัชราภิรมย์ ~ 5.28 กม.
- รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สถานีสายหยุด ~ 5.7 กม.
- ท่าอากาศยานดอนเมือง ~ 6.35 กม.
- สนามกีฬากองทัพอากาศธูปะเตมีย์ ~ 7.39 กม.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- บ้านในเฟส 2 ที่กำลังจะเปิดขายในปัจจุบัน เป็นโซนใกล้สวนที่สามารถเดินมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ง่าย
- เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่บ้านในเฟส 2 จะเป็นแบบบ้านหน้ากว้าง และมีพื้นที่ดินเยอะเป็นส่วนใหญ่ เลยทำให้มีเพื่อนบ้านประมาณ 4 หลัง/ซอยเท่านั้น ถือว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากๆครับ
- แนวคิดการออกแบบที่จำลองลักษณะของผืนป่า ให้กลายมาเป็นบรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลางในแต่ละโซนค่อนข้างน่าสนใจดี และเห็นภาพตามได้ไม่ยากครับ
โครงการ บุราสิริ วัชรพล มีขนาดที่ดินกว่า 94 ไร่ และมีเพื่อนบ้าน 242 ยูนิต โดยเฟส 2 ที่กำลังเปิดขายอยู่ในปัจจุบัน จะมีอยู่ทั้งหมด 94 ยูนิต และเป็นโซนใกล้สวนที่อยู่ด้านในสุดครับ (บริเวณพื้นที่สีแดง) ซึ่งจะสามารถเดินมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายมากๆ อีกทั้งยังได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง เพราะเนื่องจากบ้านแบบใหม่จะเน้นเป็นบ้านหน้ากว้าง และมีที่ดินค่อนข้างใหญ่ เลยทำให้มีเพื่อนบ้านในซอยเดียวกันประมาณ 4 หลังเท่านั้น
ส่วนในแง่ของแนวคิดการออกแบบ ที่ต้องการให้บรรยากาศโครงการเป็นเหมือนผืนป่าขนาดใหญ่ เค้าจะมีการบิ้วอารมณ์ของเรามาตั้งแต่ ซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้าสุดเลยครับ ซึ่งจะทำเป็นเหมือนเรากำลังจะเดินทางเข้ามาในป่าขนาดใหญ่ และตลอดเส้นทางของถนนหลักจะมีการปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้ ให้กลายเป็นซุ้มอุโมงค์ต้นไม้ที่ร่มรื่น สลับกับพวกไม้ผลัดใบตามฤดูกาลบ้างเพื่อไม่ให้น่าเบื่อ ซึ่งปัจจุบันนับตั้งแต่โครงการนี้เปิดขายเฟสที่ 1 ก็ผ่านมาแล้วประมาณ 3 – 4 ปี ต้นไม้ก็เริ่มเติบโตจนเราจะได้สัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นแน่นอนครับ
นอกจากนี้ยังมีการจำลององค์ประกอบต่างๆของผืนป่า ให้มาอยู่ในรูปแบบของพื้นที่ส่วนกลางแต่ละโซนด้วย เช่น อาคาร Clubhouse และสนามเด็กเล่นจะเป็นเหมือนบ้านต้นไม้กลางป่า ส่วนสระว่ายน้ำก็จะเป็นเหมือนทะเลสาบ และมีการเล่นระดับของน้ำเป็นเหมือนน้ำตกขนาดย่อมๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สนามหญ้าบางส่วน ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนเนินเขา รวมถึงสวนหรือทางเดินต่างๆก็จะปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่นเยอะดีมากๆเลยล่ะครับ
เรามาเริ่มกันที่วงเวียนด้านหน้าโครงการกันเลยครับ โดยทางซ้ายมือจะเป็นซุ้มประตูทางเข้าโครงการเศรษฐสิริ วัชรพล ส่วนทางขวามือจะเป็นโครงการบุราสิริ วัชรพล
ซึ่งซุ้มประตูของบุราสิริแห่งนี้ เห็นครั้งแรกผมนึกถึง Supertrees at Gardens by The Bay ที่สิงคโปร์เลยนะครับ แต่อันนั้นเค้าจะเป็นโครงต้นไม้เหล็กที่ประดับด้วยไฟสวยงาม และได้รับการขนานนามว่าป่าอวตาร์
แต่สำหรับโครงการบุราสิริแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อตอนสมัยที่เปิดตัวใหม่ๆ ซุ้มของเสาเหล่านี้จะเป็นเพียงโครงเหล็กธรรมดา ที่ลดทอนรายละเอียดของต้นไม้ลง จนกลายเป็นการเล่นลวดลายสามเหลี่ยมเพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น
แต่พอเวลาผ่านไป 3 – 4 ปี ไม้เลื้อยที่ปลูกไว้ก็เติบโตจนเต็มเสาอย่างที่เห็น ดูร่มรื่นและสวยงาม ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดที่โครงการตั้งใจไว้คือ อยากให้เหมือนกับเรากำลังจะได้เดินเข้าไปยังผืนป่า โดยผ่านร่มเงาของต้นไม้ขนาดใหญ่เหล่านี้เข้าไปนั่นเองครับ
(…ในส่วนนี้แล้วแต่คนชอบนะ บางคนอาจมองว่าดูน่ากลัวหรือทึบเกินไป แต่ส่วนตัวผมที่เป็นคนชอบต้นไม้หรือธรรมชาติอยู่แล้ว ก็บอกเลยว่าชอบมากครับ เป็นซุ้มประตูที่เจ๋งไม่เหมือนใครดี)
ทางเข้า-ออกจะมีการแยกระหว่างลูกบ้านและ Visitor ออกจากกันชัดเจน (ทั้งขาเข้า-ขาออก) โดยถ้าเป็นลูกบ้านจะใช้เป็นระบบ RFID หรือสัญญาณ Bluetooth เหมือน Easy Pass บนทางด่วน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านได้เป็นอย่างดีเลยครับ
ส่วนถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อน ซึ่งโครงการนี้ก็จะใช้ LIV-24 ที่เป็นบริการดูแลความปลอดภัยโดยศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชม. จากแสนสิริ ผ่านทางกล้องวงจรปิดในพื้นที่ส่วนกลาง และรายงานผ่าน Application บนโทรศัพท์มือถือครับ
ส่วนบรรยากาศของถนนหลักภายในโครงการตรงเฟส 1 จะปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ทั้งสองข้างทาง ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 3 – 4 ปี ต้นไม้เหล่านี้ก็เติบโตจนกลายเป็นซุ้มอุโมงค์ ที่ดูร่มรื่นและสวยงามอย่างที่เห็นครับ
จากเฟสที่ 1 ผมขอพาวาร์ปมาดูในส่วนของ Facilities ที่อยู่ด้านในตรงเฟส 2 กันเลยครับ ซึ่งตัวอาคาร Clubhouse ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก “บ้านต้นไม้ขนาดใหญ่” ที่อยู่กลางป่านั่นเอง
โดยพื้นที่ชั้น 1 ของอาคารจะถูกยกระดับให้สูงขึ้นจากพื้นถนน ซึ่งเราก็จะต้องเดินขึ้นบันไดมาสักหน่อย เพื่อเวลามาใช้งานที่อาคารแห่งนี้จะมีความเป็นส่วนตัว และชมวิวสวนรอบๆได้ดีมากขึ้นนั่นเองครับ (สำหรับผู้สูงอายุก็สามารถไปเข้าทางด้านหลังได้นะ จะมีทางลาดให้ใช้งานครับ)
พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นจุดให้นั่งเล่นพักผ่อนครับ ซึ่งพออยู่ใต้อาคารแบบนี้ก็สามารถมานั่งเล่นได้ทั้งวันเลย เพราะจะมีลมอ่อนๆพัดพาเอาความชื้นของน้ำผ่านเข้ามา ให้เย็นสบายได้ตลอดวัน
ซ้ายมือจะเป็นจุดนั่งเล่นริมน้ำ ซึ่งจะมีทั้งแบบชิงช้าและเก้าอี้หวาย นั่งมองออกไปเห็นผืนน้ำและต้นไม้ในสวน ขวามือจะเห็นการเล่นระดับของสระน้ำ โดยเค้าจะปล่อยให้น้ำไหลลงมาตามขั้นบันได กลายเป็นเหมือนมุมน้ำตกเล็กๆนั่นเอง ซึ่งเราสามารถมานั่งพักผ่อนชมวิว และฟังเสียงน้ำเอื่อยๆไปได้เพลินๆเลยครับ
โดยสระบริเวณนี้จะเป็นสระเด็กครับ ซึ่งจะอยู่แยกออกมาจากสระใหญ่ชัดเจนเพื่อความปลอดภัย และผู้ปกครองก็สามารถมานั่งดูแลน้องๆ อยู่บริเวณนี้ได้อย่างใกล้ชิดเลยครับ
และใกล้ๆกันก็จะมีมุมจากุซซี่ให้นั่งแช่น้ำผ่อนคลายกันด้วยครับ โดยจะซ่อนอยู่ในมุมที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ และอยู่ใกล้กับชั้นน้ำตกแบบนี้ เลยทำให้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวดีทีเดียว
คราวนี้เรามาดูที่สระว่ายน้ำหลักกันบ้างครับ ซึ่งจะเป็นสระขนาดใหญ่กว่า 30 m. ที่ตั้งอยู่ติดกับพื้นที่สวน ซึ่งมีแนวคิดให้สระเป็นเหมือนทะเลสาบกลางป่าใหญ่นั่นเองครับ
และผนังสีดำทางขวาของสระว่ายน้ำจะเป็นม่านน้ำตก ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มบรรยากาศของสระแล้ว ยังช่วยบดบังสายตาจากพื้นที่จอดรถด้านหลัง และเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนทางขวามือเราก็สามารถว่ายน้ำไปและชมวิวสวนด้านข้างไปด้วยได้แบบนี้ ค่อนข้างสดชื่นและเป็นส่วนตัวดีครับ แต่ก็ยังเป็นสระแบบกลางแจ้ง แนะนำให้มาใช้ตอนช่วงเย็นๆ 4 – 5 โมงแดดร่มๆกำลังดีเลย
ส่วนฟังก์ชันใช้งานอื่นๆอย่างพวกห้องน้ำ ก็จะอยู่แยกออกไปตามทางเดินด้านขวาของสระ
ซ้ายมือของทางเดินนี้จะเป็นจุดล้างตัวแบบกลางแจ้งก่อนลงสระครับ
ส่วนห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือ ซึ่งก็มีแยกออกไปทั้งห้องน้ำชาย-ห้องน้ำหญิง และห้องน้ำผู้สูงอายุ
ภายในจะมีทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์ให้ใช้งานครบ
ถัดมาจะเป็นห้องนิติบุคคลและทางเชื่อมไปที่จอดรถ ที่อยู่ด้านข้างอาคาร Clubhouse ครับ ซึ่งจะเลือกเดินลงบันไดตรงๆมาเลย หรือจะใช้ทางลาดด้านข้างสำหรับผู้ใช้รถวีลแชร์และผู้สูงอายุก็ได้เช่นกันครับ
นอกจากนี้ก็จะมีทางเดินไปยังสวนที่อยู่ด้านข้างสระว่ายน้ำก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ ซึ่งบรรยากาศก็จะร่มรื่นดีทีเดียว และมีจุดให้นั่งเล่นพักผ่อนในสวนได้ด้วย โดยถูกจำลองบรรยากาศให้เหมือนกำลังอยู่กลางป่าที่อุดมสมบูรณ์ครับ
ถัดมาด้านในจะมีลานกว้างขนาดใหญ่ ที่จำลองเป็นเหมือนเนินเขาและทุ่งหญ้ากว้างๆ ให้สามารถพาน้องๆสัตว์เลี้ยงมาวิ่งออกกำลังกายด้วยได้ และอีกด้านก็จะมีมุมเครื่องเล่นของเด็กตั้งอยู่ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ เพราะสนามเด็กเล่นของจริงจะอยู่อีกโซนหนึ่งนะ
และตอนนี้เราจะเดินกลับไปที่อาคาร Clubhouse กันอีกครั้งนะครับ
เพราะยังเหลือพื้นที่ชั้น 2 ที่เรายังไม่ได้ขึ้นไปดูกันเลยนั่นเอง ซึ่งสามารถเดินขึ้นได้จากบันไดวนที่อยู่ตรงกลางครับ
เวลาใช้งานบันไดแบบนี้อาจต้องใช้ความระมัดระวังกันสักนิดนะครับ แต่ระหว่างทางเราก็จะได้ชมวิวสระว่ายน้ำและสวนไปด้วยแบบนี้ บรรยากาศโปร่งโล่งดีเหมือนกัน
เมื่อขึ้นมาชั้นบนเราจะเจอห้องกระจกแรกทางขวามือครับ
ด้านในเป็น Fitness ที่มีอุปกรณ์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Cardio และ Weight Training โดยห้องนี้จะใช้เป็นวัสดุลายไม้ทั้งหมด ทำให้ได้บรรยากาศสบายๆเป็นธรรมชาติมากเลยครับ
ซึ่งเครื่องออกกำลังกายกลุ่ม Cardio จะอยู่ติดกับหน้าต่างและระเบียง สามารถชมวิวสวนและสระที่อยู่ชั้น 1 ได้ทั้งหมดเลยครับ
ฝั่งตรงข้ามของ Fitness จะมีห้องกระจกอยู่อีกห้องหนึ่ง ซึ่งด้านหน้าถูกจัดเป็นพื้นที่นั่งคอยเล็กๆเอาไว้ตรงระเบียงด้วย
และถ้าเรามองลงไปจากระเบียงตรงนี้ ก็จะสามารถเห็นสระว่ายน้ำและสวนได้ทั้งหมด ซึ่งดูเผินๆเหมือนเราอยู่กลางป่าจริงๆเลยนะครับ เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ไปหมด
ส่วนภายในห้องกระจกจะเป็น Co-Working Space ที่มาในธีมญี่ปุ่น ให้ได้นั่งทำงานอ่านหนังสือกันได้แบบชิลๆ
หรือถ้าใครอยากนั่งโต๊ะแบบจริงจัง ก็มีให้เลือกนั่งได้เช่นกันครับ อีกทั้งมีปลั๊กไฟให้ใช้ใกล้ๆพร้อมเลย
ถัดมาจะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังโซนทางเดินลอยฟ้าครับ ซึ่งจะจำลองการเดินอยู่บนต้นไม้ใหญ่ สามารถมาเดินเล่นหรือนั่งเล่นพักผ่อนกันได้ แต่อาจมีการเล่นระดับของขั้นบันไดเยอะสักหน่อย ถ้าเด็กๆหรือผู้สูงอายุมาใช้งาน ก็อาจต้องระมัดระวังกันสักนิดนะครับ
แต่จุดที่ผมชอบนอกจากจะเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆแล้ว ยังทำให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นอีกด้วย เพราะเดินไปก็สามารถชมนกชมไม้ใกล้ๆไปด้วยได้ครับ
โดยทางเดินลอยฟ้านี้ก็จะเชื่อมต่อมาลงที่ด้านหน้าอาคาร Clubhouse ซึ่งถ้าใครที่อยากตรงดิ่งขึ้นไปใช้งาน Fitness หรือ Co-Working Space บนชั้น 2 ก็สามารถขึ้นจากตรงนี้เลยก็ได้นะ
ต่อไปเรามาดู Facilities ในสวนอีกจุดนึงกันบ้างครับ ซึ่งจุดแรกที่อยู่ใกล้กับอาคาร Clubhouse มากที่สุดจะเป็น Play Area หรือสนามเด็กเล่นสำหรับน้องๆ
และนี่จะเป็นแผนที่กิจกรรมในจุดต่างๆของเครื่องเล่นนี้นะครับ
Play Area แห่งนี้มีแนวคิดมาจาก Tree House หรือบ้านต้นไม้อีกเช่นกัน ซึ่งเครื่องเล่นต่างๆจะอยู่ล้อมรอบต้นไม้ที่ปลูกไว้ตรงกลาง เป็นฐานกิจกรรมให้น้องๆได้เล่นสนุกกันเต็มที่ โดยจะออกแบบและพัฒนาร่วมกับโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับน้องๆไปด้วยนั่นเองครับ
เดินต่อเข้ามาในสวนจะมีลักษณะเป็นสวนยาวๆตอนลึก ซึ่งเราสามารถมาเดิน/วิ่งออกกำลังกายรอบๆสวนแห่งนี้ได้นะครับ (ระยะทางไป-กลับรวมกันประมาณ 500 m.) โดยบรรยากาศโซนนี้จะเริ่มมีพวกดอกหญ้าและดอกไม้มากขึ้น เปรียบเหมือนเรากำลังเดินเล่นอยู่ริมชายป่านั่นเองครับ
นอกจากนี้ภายในสวนก็จะมีจุดให้นั่งเล่นพักผ่อนได้หลายจุดเลย และยังมีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งเล็กๆให้ใช้งานด้วย
ส่วนบริเวณปลายสวนอีกด้านหนึ่งจะเป็น Sansiri Backyard หรือแปลงปลูกพืชผักสวนครัว ที่มักจะมีอยู่ในหลายๆโครงการของแสนสิริ ซึ่งผลผลิตที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับการจัดการของนิติบุคคล โดยส่วนมากก็จะรวบรวมและแจกจ่ายให้ลูกบ้านที่ต้องการ สามารถนำไปประกอบอาหารทานกันได้ฟรีๆครับ
ส่วนบรรยากาศภายในซอยที่พักอาศัย ผมก็ได้ถ่ายมาให้ดูเปรียบเทียบกันทั้ง 2 เฟส จะเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างแตกต่างเหมือนเป็นคนละโครงการเลยล่ะครับ โดยเฟสเดิมก็ดูทันสมัยดี ส่วนเฟสใหม่ก็หรูหราไปอีกแบบ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 30 x 7 เมตร
- แบ่งสระเด็ก พร้อมโซนจากุชชี่
- Fitness
- Library & Co-Working Space
- Play Area (Tree House) สนามเด็กเล่น
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 2 จุด รวมประมาณ 5 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 16 ม. และถนนภายซอยในกว้าง 9 – 12 ม.
- Key Card Access ระยะไกล ระบบ RFID สัญญาณ Bluetooth
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก และประตูเหล็กรางเลื่อนไฟฟ้า
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor ทุกหลัง
แบบบ้าน
Highlights :
- ออกแบบช่องแสงภายในบ้านเยอะ จึงมีความสว่างโปร่งโล่ง สามารถเปิดประตู-หน้าต่างเพื่อระบายอากาศได้ดี อีกทั้งยังช่วยเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอก ให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นด้วยครับ
- เป็นบ้านไซส์ใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะ เริ่มต้น 4 – 5 ห้องนอน จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็ได้ เพราะจะมีห้องนอนชั้นล่างในบ้านทุกแบบเลย สามารถอยู่กันแบบ 3 Generation ได้สบายๆ
- บ้านทั้ง 3 แบบ จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปชัดเจน เช่น หลังเล็กสุดจะมีฝ้าเพดานสูง 6.2 m. และได้ระเบียงชั้นบนใหญ่ที่สุด ส่วนหลังกลางจะมี Courtyard ตรงกลางบ้าน พร้อมต้นไม้ใหญ่ที่มองเห็นได้จากทุกๆห้อง สุดท้ายคือหลังใหญ่จะมีฟังก์ชันทางลาด ที่เอื้อประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุได้ดีมากๆ เป็นต้น
แบบบ้านโครงการนี้จะมีทั้งหมด 3 Type ซึ่งเป็นโมเดลซีรีย์ใหม่จากทางแสนสิริ ที่มีการนำมาใช้และเปิดตัวที่โครงการนี้เป็นแห่งแรกอีกด้วยครับ โดยบ้านตัวอย่างก็จะมีให้เราได้ชมครบทั้ง 3 แบบเลย ประกอบด้วย
- Hickory (ฮิกคอรี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 229 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ - Daintree (เดนทรี) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 75 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 284 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ - Valdivian (วาลดิเวียน) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 84.75 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 354 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
ส่วนในด้านโครงสร้างของบ้านจะเป็นผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) ซึ่งจะมีความแข็งแรงทนทาน และป้องกันเสียงได้ค่อนข้างดี แต่การทุบ/เจาะ/ต่อเติม จะทำได้ยากกว่าผนังแบบทั่วไป เพราะส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่รับน้ำหนักไปด้วยในตัว ซึ่งอาจต้องปรึกษาช่างโครงการอีกครั้งถ้าต้องการต่อเติมนะครับ
Valdivian (วาลดิเวียน) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 84.75 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 354 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
เรามาเริ่มกันที่บ้านหลังใหญ่สุดของโครงการกันครับ ซึ่งจะมีฟังก์ชันหรือวัสดุบางอย่างที่แตกต่างจากหลังอื่นๆด้วย โดยหน้าตา Facade ภายนอกก็ค่อนข้างแตกต่างจากบ้านโมเดลเดิมอย่างเห็นได้ชัด
จากเดิมที่เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นเท่ๆ ก็เริ่มมีการใช้โทนสีน้ำตาลและระแนงบังสายตาเพิ่มเข้ามา ทำให้ดูผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เข้ากับบรรยากาศสไตล์รีสอร์ทกับผืนป่า ที่ทางโครงการตั้งคอนเซ็ปต์ไว้ได้เป็นอย่างดี
ลักษณะของแปลนชั้น 1 จะเป็นบ้านหน้ากว้างที่เน้น Common area ขนาดใหญ่เป็นจุดศูนย์กลาง และมีจุดเด่นในเรื่อง “ช่องแสง” ซึ่งทำให้มีความโปร่งโล่ง และยังระบายอากาศได้ดี โดยเฉพาะตรง Common Area และพื้นที่รับแขกด้านหน้าบ้าน ที่จะมีผนังกระจกถึง 3 ด้าน อีกทั้งยังเป็นแบบบ้านที่เหมาะกับครอบครัวใหญ่ ที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยมากๆครับ เพราะเค้ามีฟังก์ชันที่เหมาะกับการใช้งานของผู้สูงวัยได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทางลาดตรงพื้นที่จอดรถ หรือจะเป็นห้องนอนชั้นล่างที่มีห้องน้ำแบบไม่มีพื้นต่างระดับ
ส่วนพื้นที่ใช้สอยอื่นๆอย่างครัวไทยและห้องแม่บ้าน ก็จะอยู่แยกออกไปอีกด้านหนึ่งของบ้าน ซึ่งกั้นด้วยประตูทึบแยกออกจากโซนพักผ่อนของเจ้าของบ้านชัดเจน เผื่อตอนกลางคืนหรือกรณีที่เราไม่อยู่บ้านนานๆ ก็ยังสามารถปิดล็อคประตูเพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย แต่แม่บ้านเค้าก็ยังคงทำงานในส่วนพื้นที่ของเค้าได้สะดวกนั่นเองครับ
สำหรับชั้น 2 ห้องนอนจะมีขนาดใหญ่ พร้อมมีพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำเป็นส่วนตัวทุกห้องเลยครับ รวมถึงยังมีพื้นที่อเนกประสงค์หน้าห้อง Master Bedroom ให้ใช้งานอีกด้วย โดยเราสามารถทำเป็น Family Area หรือพื้นที่นั่งทำงานอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้ ซึ่งบริเวณนี้เองก็จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ เลยทำให้บรรยากาศของโถงทางเดินชั้น 2 สว่างและโปร่งโล่งขึ้นเยอะเลยทีเดียว ส่วนในห้อง Master Bedroom นอกจากพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางแล้ว ก็ยังมีจุดเด่นอยู่ตรงระเบียง 2 ชั้น ที่เราสามารถใช้งานได้แบบ Semi-Outdoor อีกด้วย
เริ่มกันที่พื้นที่จอดรถในร่มจะกว้างประมาณ 7.7 m. สามารถจอดรถคันใหญ่ๆ 3 คันได้สบายๆเลยครับ โดยพื้นก็จะลงเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้าน และมีการตัด Joint ที่บริเวณใต้ชายคา เพื่อแยกพื้นส่วนที่ไม่ได้ลงเสาเข็มออกไป เผื่อเวลาพื้นดินมีการทรุดตัวในอนาคต น้ำหนักของแผ่นพื้นก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างบ้านครับ
โดยพื้นก็จะปูเป็นหินทรายล้างมาให้แบบนี้ จึงช่วยป้องกันการลื่นได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับทางลาดกว้าง 1 m. สำหรับรถวีลแชร์และผู้สูงอายุ หรือคนปกติก็สามารถใช้ลากกระเป๋าเดินทางได้สะดวกครับ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่มีเฉพาะในแบบบ้านหลังใหญ่สุดเท่านั้น อีกทั้งบ้านของจริงก็จะมีส่วนของ EV Charger สำหรับชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าเตรียมเอาไว้ให้ด้วยนะครับ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปติดตั้งเองให้ยุ่งยาก หรือไปชาร์จไฟตามสถานีนานๆหลายชั่วโมง
ส่วนห้องเก็บของตรงนี้ก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับ กินพื้นที่เข้าไปถึงใต้บันไดในบ้านเลย สามารถใช้เก็บของชิ้นใหญ่ๆ หรือพวกอุปกรณ์ทำสวน และอุปกรณ์ล้างรถได้สบายๆ
ส่วนประตูทางเข้าบ้านก็จะเป็นบานทึบสีขาว พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ใช้งานเพื่อความปลอดภัยครับ (เพิ่มเติมนิดนึงสำหรับใครที่ต้องใช้รถวีลแชร์จริงจัง อาจทำพื้นลาดตรงธรณีประตูเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อลดความต่างระดับของพื้นตอนใช้งานครับ)
ส่วนทางเข้าหลักของบ้านเราจะต้องเดินผ่านสวนมาทางด้านซ้าย ซึ่งทางโครงการก็จะมีการปลูกต้นไม้และปูหญ้าไว้ให้เป็นมาตรฐาน (แต่อาจไม่เหมือนบ้านตัวอย่างนะครับ ไว้รอดูบ้านของจริงหรือสอบถามโครงการดูอีกครั้งนะ)
ซึ่งถ้าบ้านแปลงไหนมีที่ดินหน้าบ้านเยอะๆ เราก็สามารถจัดเป็นสวนต้อนรับสวยๆ ตามสไตล์ที่เราชอบได้เต็มที่เลยครับ เช่น บางคนอาจปลูกแปลงดอกไม้ บางคนก็ทำศาลานั่งเล่น หรือบางคนอาจทำบ่อปลาและมุมน้ำตกสวยๆ เป็นต้น
สำหรับทางเข้าบ้านจะอยู่บริเวณกึ่งกลาง ตรงพื้นที่ที่มีการเว้าเข้าไปครับ ซึ่งก็จะทำให้บ้านดูมีมิติมากขึ้น และยังช่วยให้แสงส่องเข้าไปภายในบ้านได้อย่างทั่วถึงมากขึ้นอีกด้วย อีกทั้งชานพักก็มีขนาดใหญ่และอยู่ใต้ชายคา เราสามารถหาเก้าอี้มาวางเพื่อจะได้นั่งใส่รองเท้าได้สะดวกๆครับ
ประตูทางเข้าหลักจะเป็นบานทึบของยี่ห้อ TOSTEM มีความแข็งแรงและปลอดภัยสูง ตามขอบวงกบมีการปิดซีลไว้อย่างดี หน้าบานปิดผิวด้วยอลูมิเนียมลายไม้สวยงาม ซึ่งมองเผินๆแล้วก็นึกว่าเป็นประตูไม้ของจริงเลยล่ะครับ ส่วนด้านบนก็จะติดโช๊คมาให้แล้ว เลยไม่ต้องกลัวว่าจะปิดประตูกระแทกเสียงดัง
นอกจากนี้ยังมีประตูกระจกบานเลื่อนอีกชุดนึง ที่นอกจากจะช่วยเรื่องความโปร่งโล่งแล้ว ถ้าวันไหนอากาศดีๆ เราสามารถเปิดประตูทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านพร้อมๆกัน ก็จะทำให้อากาศถ่ายเท และมีลมพัดผ่านได้ดีมากๆ รวมถึงหากวันไหนต้องการจัดปาร์ตี้ ก็สามารถเปิดประตูเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ในบ้านและนอกบ้าน ให้กลายเป็นพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ต่อเนื่องกันได้อีกด้วยนะ
โดยประตูหน้าต่างของบ้านจะเป็นอลูมิเนียมทำสีน้ำตาล ซึ่งจะทำให้บ้านดูสว่างและเป็นธรรมชาติมากขึ้น มาพร้อมกับกระจกเขียวตัดแสง และสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensor ที่จะมีเสียงดังแจ้งเตือนเบาๆ ในทุกๆครั้งที่มีการเปิด-ปิดประตูหน้าต่างของบ้าน (เสียงเหมือนเซเว่นเลยครับ แต่จะดังเบาๆ)
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของการเลือกใช้สี และลวดลายของพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ที่แตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งการใช้พื้นกระเบื้องลายไม้สีเข้มตรงประตูแบบนี้ ก็จะทำให้พื้นบริเวณนี้ที่มีคนเดินเข้า-ออกบ้านตลอดเวลาไม่เลอะง่ายนั่นเองครับ
พื้นที่ภายในส่วนแรกคือ CommonArea ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อทั้งพื้นที่นั่งเล่น โต๊ะทานอาหาร และส่วนเตรียมอาหาร โดยจะมีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.9 m. จึงทำให้บรรยากาศโปร่งโล่งดีครับ
รวมถึงการที่มีช่องแสงทั้ง 2 ด้านแบบนี้ ก็จะทำให้บ้านยิ่งดูสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นไปอีก อย่างที่ผมบอกว่าถ้าเราเปิดประตูทั้ง 2 ด้าน ก็จะทำให้มีลมพัดผ่าน อากาศถ่ายเทได้ดีนั่นเอง
ส่วนจุดนั่งเล่นพักผ่อนเราสามารถใช้ชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้เต็มที่เลยครับ เพราะมีพื้นที่กว้างขวางเหลือเฟือทีเดียว
แต่ที่ชอบจริงๆก็คือ โซฟานี้จะตั้งอยู่ใกล้กับช่องแสงขนาดใหญ่ ที่เราสามารถชมวิวสวนหลังบ้านสวยๆได้ ซึ่งจะดูร่มรื่นและสบายตามากๆ หรือจะเปิดประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปใช้งานก็ได้นะครับ
โดยธรณีประตูอาจมีการยกสูงขึ้นมาจากพื้นบ้านอยู่สักหน่อย ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันน้ำฝนกระเด็นหรือสาดเข้ามาในบ้าน (ใช้งานเดิมข้ามก็ระวังกันสักนิดนึงนะ) ส่วนเฉลียงหลังบ้านของจริงจะไม่ได้มีให้นะครับ แต่ก็ดูเป็นไอเดียเผื่อได้ใครอยากมีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนหลังบ้านเพิ่มเติม ก็สามารถทำแบบนี้ได้ครับ
นอกจากนี้บริเวณประตู/หน้าต่างก็จะมี Breeze Panel หรือช่องลมเล็กๆ ที่จะช่วยระบายอากาศให้มีการถ่ายเทได้ดี (โดยไม่ต้องเปิดประตู-หน้าต่าง) ซึ่งช่องลมนี้ด้านในจะมีมุ้งลวดเล็กๆช่วยกันฝุ่นและแมลงมาให้แล้วครับ สามารถเปิด-ปิดได้อย่างอิสระเลย
ถัดมาจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งก็สามารถใช้โต๊ะขนาด 6 – 8 ที่นั่งได้สบายๆ เหมาะกับครอบครัวใหญ่ครับ
รวมถึงยังมีส่วนเตรียมอาหารให้ได้ใช้งานกันอีกด้วย เหมาะที่จะเอาไว้อุ่นอาหารเบาๆ หรืออาจเป็นมุมชงเครื่องดื่ม และถ้าใช้ตอนจัดงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆนี่ก็เหมาะเลยครับ
โดยเคาน์เตอร์ครัวและโต๊ะ Island ตรงกลาง เราจะได้ Built-in มาให้ครบเซ็ตแบบนี้เลยครับ สามารถเก็บของได้เยอะมากๆ และได้ Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาวแบบนี้ มีความแข็งแรงทนทาน และกันความร้อน/ความชื้นได้เป็นอย่างดี
และเมื่อดู Common Area ที่อยู่ตรงกลางกันเสร็จแล้ว ต่อไปเราจะไปดูฟังก์ชันอื่นๆที่แยกออกไปกันบ้าง โดยขอเริ่มจากทางโซนฝั่งซ้ายของบ้านก่อนนะครับ
บริเวณนี้คือพื้นที่รับแขก ซึ่งจะอยู่ทางหน้าบ้านแยกออกมาจาก Common Area เป็นส่วนตัว
จุดเด่นของห้องนี้คือ ผนังทั้ง 3 ด้านจะเป็นช่องแสงทั้งหมด เลยทำให้ห้องนี้ค่อนข้างสว่างและโปร่งโล่งมากๆ ได้บรรยากาศเหมือนเป็น Glasshouse ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ และสามารถเชื่อมต่อกับสวนภายนอกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ
ส่วนทางหลังบ้านจะเป็นห้องที่มีบานประตูปิดทึบ แยกออกไปเป็นส่วนตัวจากบริเวณพื้นที่นั่งเล่นกลางบ้าน
ภายในมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง สามารถจัดเป็นห้องทำงานอ่านหนังสือ ห้องสันทนาการอื่นๆ หรือจะทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุก็เหมาะเลยครับ เพราะเค้าจะมีห้องน้ำในตัวให้ใช้งานได้ด้วย อีกทั้งยังใช้พื้นแบบกันกระแทก (Absorption Floor) ที่จะช่วยลดอุบัติเหตุเวลาลื่นล้ม หรือตอนทำของตกแตกได้เป็นอย่างดี
ส่วนประตูทางเข้าห้องน้ำก็สามารถเปิดบานเล็กข้างๆ เพื่อทำให้ช่องประตูมีขนาดใหญ่และกว้างมากขึ้น จนรถวีลแชร์สามารถผ่านได้สบายๆเลยครับ
บริเวณหน้าประตูจะใช้รางน้ำมาคั่นแทนการใช้พื้นต่างระดับ รวมถึงพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างประมาณ 1.75 x 3.5 m. เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของผู้สูงอายุหรือคนที่ใช้วีลแชร์ครับ และสุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำก็จะเป็นของ American Standard ทั้งหมดเลย
ส่วนอีกด้านก็จะเป็นพื้นที่อาบน้ำพร้อมที่นั่งอาบ และมีพื้นที่ยืนกว้างประมาณ 1 m. พอที่จะจอดรถวีลแชร์ได้พอดีครับ โดยเราอาจติดตั้งพวกราวจับต่างๆเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นได้นะครับ
ถัดมาเราจะไปดูฟังก์ชันที่อยู่ทางด้านขวาของตัวบ้านกันครับ โดยประตูจากพื้นที่จอดรถก่อนหน้านี้ก็จะเข้ามาจากทางนี้ ทำให้สามารถขนของเข้าไปเก็บในครัวได้สะดวก หรือจะเดินขึ้นชั้นบนได้เลยโดยไม่ต้องเดินผ่านฟังก์ชันอื่นๆก่อนให้เสียเวลาก็ได้
ตรงกลางเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำนะครับ และมีขนาดพื้นที่ประมาณ 2 x 1.45 m. สามารถใช้งานได้สบายๆเลย
ซึ่งสุขภัณฑ์ที่ได้ก็จะเป็นของ American Standard เช่นเดิม เพิ่มเติมคือโถสุขภัณฑ์จะได้เป็นแบบอัตโนมัตินะครับ
ติดกันจะเป็นครัวไทยที่สามารถทำอาหารได้จริงจัง เพราะนอกจากจะมีประตูบานทึบปิดแยกจากภายในบ้านแล้ว ยังมีช่องหน้าต่างและประตูหลังบ้าน ให้เราได้เปิดระบายอากาศ/กลิ่น/ควัน จากการทำอาหารได้เต็มที่อีกด้วย ซึ่งขนาดพื้นที่ใช้สอยจะกว้างประมาณ 2.35 x 1.65 m. สามารถช่วยทำครัวพร้อมกัน 1 – 2 คนได้สบายๆครับ
โดยชุดครัวเราจะได้ตามที่เห็นในบ้านตัวอย่างทั้งหมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นช่องเก็บของที่มีหน้าบานปิด / อ่างล้างจานแบบ 2 หลุม / Hob&Hood และเตาแก๊ส 3 หัวแบบฝังเคาน์เตอร์จาก Franke ซึ่งคราวนี้จะใช้ Top เคาน์เตอร์เป็นหินจริงสีดำแบบเท่ๆ ซึ่งอาจต้องดูแลรักษาดีๆนิดนึงนะครับ เพราะวัสดุประเภทหินเค้าจะมีรูพรุนในเนื้อผิวเยอะ เลยอาจทำให้เป็นคราบหรือด่างได้ง่าย
ส่วนประตูหลังบ้านเปิดออกมาจะเจอกับโซนซักล้างในร่ม สามารถวางเครื่องซักผ้าที่มุมข้างๆได้ มาพร้อมกับห้องน้ำและห้องแม่บ้านขนาดประมาณ 2 x 2.3 m. คือนอนคนเดียวได้แบบพอดี แต่จริงๆสมัยนี้มีบริการแม่บ้านรายวัน ไปเช้า-เย็นกลับเยอะแยะเลยครับ ซึ่งเราก็อาจใช้ห้องนี้เป็นที่เก็บของเพิ่มเติมอีกจุดแทนก็ได้
ต่อไปเราจะขึ้นไปยังชั้น 2 ของบ้านกันบ้างนะครับ ซึ่งบันไดจะอยู่ตรงกลางบ้านติดกับพื้นที่โต๊ะทานอาหารและส่วนเตรียมอาหาร สมมุติเวลาตอนเช้าๆที่เดินลงมาจากชั้นบน ก็สามารถแวะนั่งจิบกาแฟง่ายๆตรงนี้ก่อนไปทำงานได้นั่นเองครับ
โถงบันไดมีขนาดใหญ่และเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก แข็งแรงทนทาน กว้าง 1.2 m. ลูกตั้ง 18 cm. ลูกนอน 25 cm. สามารถใช้งานได้สบายๆ มาพร้อมกับราวจับตลอดทางเพื่อความปลอดภัย และช่องกระจกที่ใหญ่เกือบจะเต็มผนัง เลยค่อนข้างสว่างและโปร่งโล่งดี แต่ก็ยังมีระแนงด้านนอกช่วยพรางสายตาเอาไว้ ไม่ให้เสียความเป็นส่วนตัวครับ
ชั้นบนจะยังคงได้ฝ้าเพดานสูง 2.9 m. และวัสดุปูพื้นจะเป็น Engineered Wood ซึ่งจะทนน้ำหรือรอยขีดข่วนได้ดีกว่าพื้นไม้ชนิดอื่นๆ และด้านบนก็จะปิดผิวด้วยไม้จริงเป็นสีไม้โอ๊คเข้มๆ ที่ดูหรูหราแบบนี้ครับ
ผนังขวามือจะมีแผงควบคุมของอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในบ้านติดตั้งเอาไว้อยู่ด้วย รวมถึงด้านบนก็จะเป็น Motion Sensor สำหรับตรงโถงบันไดครับ
ถัดมาจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่หน้าห้อง Master Bedroom มีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถจัดเป็นพื้นที่ Family Area ไว้มานั่งพักผ่อน หรือพบปะพูดคุยกับคนในครอบครัวแบบส่วนตัวกันด้านบนได้ เช่น ถ้าลูกๆกับพ่อแม่มีเรื่องจะคุยกัน ก็สามารถนั่งคุยกันตรงนี้ได้ โดยไม่ต้องเข้าไปคุยในห้องนอนให้เสียความเป็นส่วนตัว รวมถึงบริเวณด้านหลังโซฟาจะสังเกตว่า เค้าทำเป็นเหมือนกึ่งๆระเบียงแบบ Semi-Outdoor ซึ่งถ้าวันไหนอากาศดีๆเราก็สามารถเปิดหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อรับลมได้ครับ
ส่วนภายในห้อง Master Bedroom ก็มีขนาดใหญ่ทีเดียว สามารถแบ่งพื้นที่ข้างเตียงทำเป็นมุมอเนกประสงค์ส่วนตัวเพิ่มได้สบายๆ หรือจะวางโซฟาปลายเตียงไว้นั่งดูทีวีก็ยังได้
แต่จุดเด่นของห้องนี้จริงๆคือ “ระเบียง 2 ชั้น” ขนาดประมาณ 4.4 x 1.4 m. ซึ่งด้านนอกราวระเบียงจะมีประตูกระจกบานเลื่อนสามารถเปิด-ปิดได้อีกชั้นหนึ่ง เราสามารถเปิดประตูจากในห้อง เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ระเบียงกับภายในห้องนอนให้กว้างขึ้นได้ และเปิดแอร์ในห้องนอนเพื่อทำให้พื้นที่ตรงระเบียงเย็นสบาย สามารถออกมาใช้งานได้จริงตลอดทั้งวันก็ได้ครับ
และนอกจากนี้ตัวระแนงบังสายตาที่เป็น Facade ของตัวบ้าน ปกติก็จะเป็นบาน Fixed ทั้งหมดครับ แต่จะมีเฉพาะระแนงตรงบริเวณด้านขวาของระเบียงห้องนอนใหญ่เท่านั้น ที่จะสามารถเลื่อนเปิด-ปิด เพื่อเปิดมุมมองและความโปร่งโล่งให้กว้างมากขึ้นได้ครับ
อีกด้านของห้องจะเป็น Walk-in Closet ที่อยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วน ซึ่งเราสามารถ Built-in ทำเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้สบายๆเลยครับ และติดกันก็จะเป็นห้องน้ำพอดี ออกมาจากห้องน้ำก็แต่งตัวได้เลย
ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่และกว้างขวางดีครับ ซึ่งเราจะได้สุขภัณฑ์ American Standard ทุกอย่างตามที่เห็นในบ้านตัวอย่างเลยนะ
เริ่มจากด้านซ้ายมือจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His&Her ที่คู่สามีภรรยาสามารถมาใช้งานพร้อมกันได้ และด้านล่างก็จะ Built ตู้มาให้เก็บ Supply ในห้องน้ำได้เยอะเลย นอกจากนี้โถสุขภัณฑ์ด้านขวาก็จะได้เป็นแบบอัตโนมัติด้วยนะครับ (มีให้เฉพาะแบบบ้านหลังใหญ่สุด ในห้อง Powder Room ชั้นล่าง และห้อง Master Bedroom นี้เท่านั้นครับ)
ส่วนอีกด้านจะเป็นโซนอาบน้ำที่มีให้เลือก 2 ฟังก์ชันด้วยกัน คืออ่างอาบน้ำแบบลอยตัวที่สวยงามดี อยู่ติดริมหน้าต่างขนาดใหญ่ที่เป็นกระจกฝ้าเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าใครอยากนอนแช่น้ำและมองท้องฟ้าไปด้วยก็สามารถเปิดหน้าต่างได้ครับ
ส่วน Shower Box จะกั้นด้วยกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้แบบนี้ โดยมีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.4 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ ด้านในมี Hand Shower และ Rain Shower ให้เลือกใช้งานครับ ส่วนที่ผนังก็จะเจาะช่องให้วางแชมพูมาให้แล้วเรียบร้อย
กลับมาที่โถงบันไดอีกครั้ง ต่อไปเราจะมาดูห้องนอนอื่นๆที่เหลือกันต่อครับ
เริ่มจากห้องแรกที่อยู่ตรงหน้าบันไดก่อนเลย ภายในมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ขนาดประมาณ 3.5 x 3.7 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆเลยครับ ซึ่งห้องนี้จะมีหน้าต่างเปิดออกไปทางโซนหลังบ้านครับ
ส่วน Walk-in Closet ก็จะอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วน ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกๆห้องเลยครับ จะไม่มีห้องไหนที่ต้องวางตู้เสื้อผ้าอยู่ข้างเตียงเลย ขนาดพื้นที่ใช้สอยก็กำลังดี กว้างประมาณ 1.7 m. ถ้าทำตู้เสื้อผ้าไปแล้วก็ยังเหลือทางเดิน และพื้นที่แต่งตัวกว้างประมาณ 1 m. ให้ใช้งานสบายๆ
ภายในห้องน้ำก็แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน แยกโซนเปียกกับโซนแห้งออกจากกันด้วยฉากกั้นอาบน้ำตรงกลาง
ทางฝั่งของพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างประมาณ 1.65 x 1.5 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ มาพร้อมกับอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จาก American Standard เช่นเดิม
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็จะกั้นด้วยกระจกนิรภัย และมีขนาดประมาณ 1.5 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้สบายๆเลยครับ และมี Hand Shower กับ Junction Box ให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้ มาพร้อมกับช่องวางของในผนังเหมือนเดิมครับ
ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่โซนหลังบ้านอีกห้องหนึ่ง แต่พิเศษหน่อยตรงที่จะเป็นห้องมุม ได้ช่องแสงถึง 2 ด้าน ทำให้บรรยากาศค่อนข้างโปร่งโล่งดีมากๆเลยทีเดียวครับ
ในเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอยจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อยประมาณ 4 x 4 m. และมีฟังก์ชันที่เหมือนกันห้องนอนก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมห้องน้ำในตัว และแยกโซนแต่งตัวออกไปเป็นสัดส่วนชัดเจน
ก่อนจะไปดูห้องสุดท้ายผมขอพาแวะโถงทางเดินหน้าห้องสักหน่อยครับ ซึ่งทุกคนจะเห็นว่าเค้าจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อยู่ด้วย ในกรณีที่ทุกห้องนอนใช้งานเต็มและยังขาดห้องพระอยู่ล่ะก็ เราสามารถกั้นพื้นที่ตรงส่วนนี้ เพื่อทำเป็นห้องพระเล็กๆเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
โดยเมื่อกั้นแล้วก็จะมีขนาดพื้นที่ใช้งานประมาณ 2 x 2.5 m. หรืออาจทำเป็นมุมนั่งเล่นเก๋ๆ เพิ่มก็ได้
และห้องนอนสุดท้ายจะอยู่บริเวณโซนด้านหน้าของบ้าน ซึ่งช่องแสงขนาดใหญ่จะช่วยทำให้บรรยากาศห้องดูโปร่งโล่ง แต่ก็ยังมีระแนง Facade ที่ช่วยพรางสายตาจากบ้านฝั่งตรงข้าม เลยทำให้ห้องนี้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ
และเช่นเคยที่จะมีห้องน้ำกับ Walk-in Closet อยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วนครับ
Daintree (เดนทรี) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 75 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 284 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
เป็นแบบบ้านที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของซีรีย์นี้ โดยมีจุดเด่นอยู่ตรง Courtyard ที่อยู่ตรงกลางบ้าน ซึ่งลักษณะแปลนจะเป็นผังรูปตัว C ที่โอบล้อมพื้นที่สวนหรือต้นไม้ตรงกลางเอาไว้ และจะเว้าพื้นที่เข้าไปเยอะกว่าหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ ก็เลยทำให้บรรยากาศในบ้านโปร่งโล่งมากขึ้น แสงสว่างสามารถส่องถึงได้ทุกจุด ที่สำคัญคือ ไม่ว่าเราจะอยู่ห้องไหน ก็จะมองเห็นต้นไม้ที่อยู่ตรงกลางได้ตลอดเวลานั่นเองครับ
สำหรับแปลนบ้านชั้นแรกผมมองว่าเค้ามีการออกแบบ และแยกฟังก์ชันการใช้งานได้เป็นสัดส่วนมากขึ้น เริ่มจากพื้นที่นั่งเล่น/รับแขก จะเป็นฟังก์ชันแรกสุดที่เข้ามาจากประตูหลักของบ้าน และอยู่แยกออกมาจาก Common Area ชัดเจน ซึ่งเวลาที่แขกมาหา ก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ด้านในบ้านครับ นอกนั้นก็จะมีห้องนอนชั้นล่าง ห้องครัว และพื้นที่ของแม่บ้านอยู่แยกไปเป็นสัดส่วนเหมือนเดิม
ชั้น 2 จะมีจุดเด่นอยู่ตรงพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่กลางบ้าน ซึ่งจะได้ช่องแสง 2 ด้านทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน เวลามาใช้งานหรือแม้แต่ตอนเดินผ่าน ก็จะสามารถมองเห็นพุ่มไม้ของต้นที่อยู่ตรง Courtyard กลางบ้านได้อย่างใกล้ชิด ทำให้รู้สึกสดชื่นและร่มรื่นดีมากๆครับ ส่วนห้องนอนทั้ง 3 ห้องก็จะมีห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัวทุกห้องเลย และพิเศษหน่อยสำหรับ Master Bedroom จะได้พื้นที่แต่งตัวที่มีขนาดใหญ่ ถูกใจสาวๆมากขึ้นแน่นอนครับ
สำหรับพื้นที่จอดรถจะเป็นการจอดในร่มแบบ 3 คัน กว้างประมาณ 7.7 m. และปูพื้นด้วยทรายล้างเช่นเดิมนะครับ
ส่วนทางเข้าบ้านจะไม่มีทางลาดแล้วนะครับ แต่ยังคงมีการติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เพื่อความปลอดภัยเช่นเดิม รวมถึงพื้นที่เก็บของก็จะเล็กลงด้วย แต่ยังพอใช้งานได้ดีครับ
สำหรับประตูทางเข้าหลักจะอยู่ทางด้านซ้ายของบ้านครับ ไม่ได้เข้าจาก Court ตรงกลางเหมือนหลังใหญ่นะ เพราะแบบบ้านหลังนี้เค้าจะทำสวน และปลูกไม้ยืนต้นมาให้เราแบบนี้เลยครับ
ซึ่งต้นไม้ตรงกลางที่โครงการจะปลูกให้นั้น ของจริงก็จะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีพุ่มใบเยอะกว่านี้ (อาจไม่ใช่ต้นแบบในบ้านตัวอย่างนี้นะ ลองสอบถามกับทางโครงการดูอีกครั้งครับ) และแน่นอนว่าทุกๆห้องและหลายๆฟังก์ชัน ก็จะสามารถมองเห็นต้นไม้ตรง Courtyard นี้ได้ตลอดเวลาเลย ซึ่งเป็นส่วนที่ผมค่อนข้างชอบมากๆ
ส่วนทางเข้าหลักก็จะมีเฉลียงขนาดใหญ่ และได้ประตูบานทึบจาก TOSTEM ที่เป็นลายไม้สวยงามเหมือนเดิมครับ
เมื่อเข้ามาภายในบ้านส่วนแรกที่เจอคือ พื้นที่นั่งเล่น/รับแขก ซึ่งจากมุมห้องนี้เราจะยังไม่สามารถมองเห็นพื้นที่ในบ้านได้ทั้งหมด เลยทำให้พื้นที่ในบ้านส่วนอื่นๆ ไม่เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเองครับ
จุดเด่นอีกอย่างคือ ผนังทั้ง 3 ด้านจะเป็นช่องหน้าต่างทั้งหมด ทำให้ได้บรรยากาศโปร่งโล่ง และได้สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติได้มากขึ้นเช่นเคยครับ ส่วนฝ้าเพดานก็จะสูงอยู่ที่ 2.7 m.
ถัดเข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ที่จะเป็นโซนของโต๊ะทานอาหารและส่วนเตรียมอาหารครับ โดยจะเห็นว่าบรรยากาศยังคงโปร่งโล่งดี เพราะมีช่องแสงขนาดใหญ่ของทั้งด้านหน้าบ้านและหลังบ้าน
โดยเฉพาะถ้าเรามองย้อนกลับมาที่หน้าบ้าน ก็จะสามารถมองเห็น Courtyard ที่อยู่ตรงกลางได้อย่างชัดเจนเลยครับ ซึ่งต้นไม้นี้ก็จะให้ร่มเงา แต่ไม่บังแสงที่จะส่องเข้ามาในบ้าน เลยทำให้บ้านสว่างดีนั่นเอง
ส่วนโต๊ะทานอาหารก็จะสามารถใช้ขนาด 6 – 8 ที่นั่งสบายๆเลยครับ ซึ่งโครงการก็จัดที่นั่งเป็นโซฟาตัวยาวมาให้ดูเป็นไอเดีย ว่าเราสามารถทำให้โต๊ะทานข้าวนี้มีความอเนกประสงค์ และน่านั่งใช้งานทำอย่างอื่นนอกจากทานข้าวได้ด้วยนั่นเองครับ
และข้างๆกันก็จะเป็นห้องนอนชั้นล่างครับ
ภายในมีขนาดประมาณ 3 x 3.5 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมกับตู้เสื้อผ้าเพื่อทำเป็นห้องนอนได้ครับ ซึ่งอาจเป็นห้องผู้สูงอายุก็ได้ เพราะเค้ามีห้องน้ำในตัวให้ใช้งานด้วย หรือใครอาจทำเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนัง/ฟังเพลงก็ได้นะ
โดยห้องน้ำนี้จะเป็นห้องน้ำปกติที่มีการลดระดับพื้น และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจนดี พื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.9 x 1.45 m. และพื้นที่ส่วนเปียก 0.9 x 1.45 m. สามารถใช้งานได้ปกติดี เพียงแต่เราอาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองนะครับ
ส่วนมุมของพื้นที่เตรียมอาหารที่อยู่ใน Common Area ก็จะได้เคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L พร้อมใช้งานเหมือนเดิมเลยครับ ที่จะต่างออกไปนิดหน่อยคือ Island ที่อยู่ตรงกลางจะมีขนาดเล็กลง ไม่มีหน้าบานปิดชั้นเก็บของ และ Top เคาน์เตอร์จะเป็นไม้ลามิเนตธรรมดาครับ
ถัดมาจะเป็นโซนฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งจะแยกออกมาอยู่อีกด้านหนึ่งของบ้านเป็นสัดส่วน อย่างเวลาที่เราจอดรถเสร็จก็สามารถขนของเข้าไปเก็บในครัวได้ใกล้ๆ หรือจะเดินขึ้นไปชั้น 2 เลยก็ได้
รวมถึงยังมีห้อง Powder Room ให้ใช้งานตอนก่อนออกจากบ้านได้อีกด้วย เพียงแต่ห้องน้ำนี้จะค่อนข้างอยู่ไกลจากพื้นที่รับแขกอยู่สักหน่อยนะครับ
ส่วนห้องครัวเราจะได้เคาน์เตอร์และอุปกณ์ทุกอย่าง เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ครบเซ็ตเช่นเคยครับ ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างจาน เตาแก๊ส และ Hob&Hood สามารถทำครัวจริงๆจังๆได้เต็มที่เลย
ส่วนพื้นที่ซักล้างและห้องแม่บ้านก็จะอยู่ในส่วนหลังบ้านถัดไปเช่นเดิมครับ
ในส่วนของโถงบันไดจะอยู่ทางด้านข้างของตัวบ้าน เลยทำให้ช่องแสงสามารถเปิดรับวิวได้เต็มที่แบบไม่มีระแนง Facade มาพรางสายตา
ขึ้นมาชั้นบนวัสดุปูพื้นจะเป็น Engineered Wood และเราจะได้ฝ้าเพดานสูง 2.9 m. เหมือนบ้านหลังใหญ่เลยครับ ทำให้บรรยากาศโปร่งโล่งมากขึ้น โดยส่วนแรกเราจะเจอกับห้องนอนเล็ก 2 ห้องก่อน
เริ่มกันที่ห้องขวามือจะเป็นโซนด้านหลังบ้าน มีขนาดประมาณ 3.9 x 3.5 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆเลยครับ โดยทางโครงการได้แต่งเป็นห้องเด็กเล็กมาให้ดูน่ารักดีทีเดียว แต่ถึงจะเป็นห้องเล็กก็ยังได้ช่องแสงถึง 2 ด้าน เลยค่อนข้างสว่างและโปร่งโล่งดีครับ
และแน่นอนว่าจะมีห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัวเหมือนห้องอื่นๆก่อนหน้านี้เลยครับ ส่วนฉากกั้นอาบน้ำจะต้องติดตั้งเองนะ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องนอนที่อยู่โซนหน้าบ้าน ค่อนข้างเหมาะกับลูกคนโต และช่องแสง 2 ฝั่งจะมีขนาดใหญ่มากครับ ด้านหน้าบ้านจะมีระแนง Facade ช่วยพรางสายตาเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากบ้านฝั่งตรงข้ามแบบนี้
ส่วนช่องแสงทางด้านข้างจะสามารถมองเห็นต้นไม้ที่อยู่ตรง Courtyard ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าเป็นต้นที่มีพุ่มใบมากกว่านี้ ก็คงจะร่มรื่นและสดชื่นดีไม่น้อยเลยครับ
ส่วนอีกด้านของห้องก็จะเป็นห้องน้ำและ Walk-in Closet เช่นเดิมครับ
มาถึง Highlight ของชั้นนี้กันแล้วครับ นั่นก็คือพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่ตรงกลางบ้าน ซึ่งจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ฝั่งทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน บรรยากาศดูสว่างและโปร่งโล่งมากๆ และถ้าเราเปิดหน้าต่างทั้ง 2 ด้านพร้อมๆกัน ก็จะกลายเป็นช่องทางผ่านของลมที่พัดเย็นสบาย และมีอากาศถ่ายเทได้ดีมากๆนั่นเองครับ
โดยทางโครงการจัดมาให้ดูเป็น Family Area ที่เราสามารถมานั่งเล่นกับคนในครอบครัวแบบเป็นส่วนตัว แล้วชั้นล่างก็เอาไว้รับแขกจริงจังไปเลยก็ได้ครับ หรือบางคนก็อาจกั้นผนังตรงนี้ทำเป็นห้องเพิ่มเติมก็ได้ เหมาะทั้งเป็นห้องทำงานและห้องพระ (ขนาดประมาณ 4.7 x 5.5 m.) ซึ่งหากกั้นด้วยผนังกระจกก็จะยังคงได้แสงสว่าง และความโปร่งโล่งในระดับหนึ่งอยู่ครับ แต่ถ้ากั้นด้วยผนังทึบจะได้ความเป็นส่วนตัว แต่ความโปร่งโล่งก็จะลดลงเช่นกัน (อันนี้แล้วแต่ความต้องการเลยครับ)
อีกด้านหนึ่งเราจะสามารถมองเห็นต้นไม้ที่อยู่ตรง Courtyard หน้าบ้านได้อย่างชัดเจน ซึ่งเวลาที่เราเดินผ่านโถงทางเดินนี้ ก็จะได้สัมผัสกับธรรมชาติ(พุ่มไม้สีเขียว)ได้อย่างใกล้ชิด บรรยากาศก็คงจะร่มรื่นและสดชื่นดีไม่น้อย (ในตอนที่ต้นไม้สูงใหญ่ และมีพุ่มใบหนาเต็มที่กว่านี้ในอนาคต)
และการที่โครงการนำโต๊ะอเนกประสงค์มาวางริมหน้าต่างแบบนี้ ผมเองก็คิดว่าเป็นไอเดียที่ดี เพราะเราสามารถนั่งทำงานอ่านหนังสือไป และดูวิวต้นไม้ด้านนอกไปพร้อมๆกันได้ ถือว่าเป็นมุมที่น่าใช้งานไม่น้อย และยังสามารถใช้ประโยชน์จากโถงทางเดินได้เต็มที่มากขึ้นอีกด้วยครับ
ภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดใหญ่ ได้ช่องแสงถึง 3 ด้าน และจะมีระเบียงให้ใช้งานในตัวด้วยนะครับ
ซึ่งระเบียงที่ว่านี้ก็ยังคงเป็นระเบียงแบบ 2 ชั้น เพียงแต่จะมีขนาดที่เล็กกว่าหลังใหญ่อยู่ที่ประมาณ 1 x 4.2 m. แต่ก็ยังสามารถออกมาใช้งานได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวร้อนเลยครับ
ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็น Walk-in Closet ที่มีขนาดใหญ่และเก็บของได้เยอะกว่าบ้านหลังใหญ่ซะอีกครับ คิดว่าสาวๆที่มีเสื้อผ้าเยอะก็อาจถูกใจบ้านหลังนี้ไม่น้อยเหมือนกันนะ
ส่วนภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันที่เหมือนๆกับ Master Bedroom ของบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้เลยครับ
สุขภัณฑ์ต่างๆเป็นของ American Standard ทั้งอ่างอาบน้ำ / อ่างล้างหน้าแบบ His&Her / Shower Box ที่กั้นกระจกมาให้พร้อมใช้งาน แต่ในส่วนของโถสุขภัณฑ์นั้นจะเป็นแบบกดปกตินะครับ เพราะมีแค่บ้านหลังใหญ่สุดเท่านั้นที่จะได้เป็นแบบอัตโนมัติ
Hickory (ฮิกคอรี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 229 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
แบบบ้านไซส์เล็กสุดของซีรีย์นี้ แต่ขนาดพื้นที่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ ซึ่งจุดเด่นของบ้านหลังนี้จะอยู่ที่ฝ้าเพดาน Double Volume สูงถึง 6.2 m. ตรงบริเวณ Foyer หน้าประตูทางเข้าบ้าน โดยเฉพาะแขกที่มาครั้งแรกเมื่อเปิดประตูเข้ามา เค้าก็จะต้องหยุด …หยุดโดยไม่มีอะไรกั้น แล้วถ้ามองขึ้นไปตามความสูงก็จะรู้สึกถึงความโอ่อ่าและโปร่งโล่งได้เป็นอย่างดี
และภายในบ้านก็จะมีพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ พร้อมมุมเตรียมอาหารครบเหมือนบ้านหลังอื่นเลยครับ เพียงแต่จะย่อขนาดลงมาให้กระทัดรัดมากขึ้น กับห้องนอนชั้นล่างจะไม่ได้มีห้องน้ำในตัวแล้วนะ แต่จะต้องมาใช้งานร่วมกันที่ด้านนอกแทน ซึ่งก็อยู่ติดกันเลยไม่ต้องเดินไกลครับ ถ้าใครที่จะทำเป็นห้องนอนก็ยังทำได้อยู่นะ หรือจะปรับเป็นห้องอื่นๆตาม Lifestyle ของครอบครัวก็ได้ เช่น ห้องทำงานช่วง WFH แบบนี้เป็นต้น
ส่วนชั้น 2 จะมีห้องนอน 3 ห้อง ซึ่งทีเด็ดจะอยู่ที่ห้อง Master Bedroom ที่เรียกได้ว่าใหญ่มากๆครับ เพราะกินพื้นที่เกือบครึ่งนึงของชั้น 2 ทั้งหมดเลยทีเดียว โดยเฉพาะระเบียงที่เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่มากที่สุดในบรรดาบ้านทั้ง 3 แบบเลยครับ มีขนาดประมาณ 3 x 3.6 m. เหมือนเป็นห้องอีกห้องหนึ่งในห้องนอนเลยก็ว่าได้ ซึ่งทางโครงการตั้งใจให้เป็นระเบียงที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เพียงออกไปยืนชมวิวสูดอากาศ หรือนั่งเล่นนิดๆหน่อยๆ แต่ต้องสามารถทำกิจกรรมจริงจังได้ด้วย อย่างในบ้านตัวอย่างเค้าก็ทำเป็นห้อง Fitness มาให้ดูเลยว่า เราสามารถมีห้องออกกำลังกายส่วนตัวในห้องนอนได้เลยทีเดียว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
บุราสิริ วัชรพล ราคา ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2564
- Hickory (ฮิกคอรี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 229 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาท (Promotion) - Daintree (เดนทรี) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 75 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 284 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 18.2 ล้านบาท (Promotion) - Valdivian (วาลดิเวียน) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 84.75 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 354 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 21.1 ล้านบาท (Promotion) - จอง 50,000 – 100,000 บาท
- ทำสัญญา 300,000 – 500,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ N/A บาท
- ค่าส่วนกลาง 43 บาท/ตร.วา/เดือน
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ/ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการตั้งอยู่ในย่านวัชรพล-สายไหม บนถนนสุขาภิบาล 5 ที่มีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะบริเวณหน้าปากซอยโครงการจะมีตลอดออเงินอยู่ใกล้ๆเพียงร้อยเมตร อีกทั้งยังเป็นทำเลที่ขับรถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกมาก เพราะจุดขึ้นทางด่วนฉลองรัชจะอยู่ห่างจากโครงการแค่ประมาณ 2.5 km. เท่านั้น
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ด้านหน้ามีป้อม รปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชม. โดยซุ้มประตูจะใช้ระบบ RFID หรือแบบ Easy Pass ค่อนข้างสะดวกดีครับ ส่วน Visitor จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามตามปกติ อีกทั้งยังมีกล้อง CCTV พร้อมกับระบบ LIV-24 แบบเรียลไทม์ 24 ชม. และถ้าเป็นระบบในบ้านก็จะมี Magnetic Sensor ทุกหลังเลยครับ
การออกแบบโครงการ : โดยรวมถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ครับ แต่สำหรับบ้านเฟส 2 กลับมีเพื่อนบ้านแค่ประมาณ 4 ยูนิต/ซอยเท่านั้น ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวมากเลย ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเป็นบ้านหน้ากว้างไซส์ใหญ่ด้วย แต่ที่สำคัญคือ บ้านในเฟส 2 นี้จะเป็นโซนใกล้สวนทั้งหมด จึงทำให้แต่ละหลังสามารถเดินมาใช้งานส่วนกลางได้สบายๆเลยครับ ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็สมน้ำสมเนื้อด้วยแน่นอน
แต่จุดที่ผมชอบมากๆคือ แนวคิดในการออกแบบโครงการ ที่จำลองพื้นที่ส่วนต่างๆให้เป็นลักษณะเหมือนผืนป่าขนาดใหญ่ ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า ซุ้มอุโมงค์ต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง บ้านต้นไม้ ทะเลสาบ น้ำตก และเนินเขา ทั้งหมดดูกลมกลืนและเข้ากันได้ดี บรรยากาศโดยรวมที่ออกมาค่อนข้างร่มรื่นดีมากๆครับ และเมื่อนำธีมผืนป่าของส่วนกลางมารวมกับบ้านหน้าตา Facade แบบใหม่ ก็เลยทำให้ได้อารมณ์สไตล์รีสอร์ทที่ดูร่มรื่นๆนั่นเอง
การออกแบบบ้านและพื้นที่ใช้สอย : เป็นแบบบ้านซีรีย์ใหม่ของแสนสิริ ที่มีการนำมาใช้ที่โครงการนี้เป็นแห่งแรก และก็คาดว่าจะมีการนำไปใช้ในบ้านแบรนด์บุราสิริรุ่นใหม่ๆต่อไปด้วยนะครับ ซึ่งบอกได้เลยว่าจุดยืนของบุราสิริโมเดลนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว คือเค้าต้องการจะเน้นบ้านที่มีบรรยากาศความโปร่งโล่ง สามารถเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอกได้ดี และทำให้เราที่เป็นผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติรอบๆตัวมากขึ้น โดยผ่านกระจกและช่องแสงต่างๆที่จัดมาให้ในหลายๆจุด กับเป็นแบบบ้านไซส์ใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ และสามารถอยู่ด้วยกันแบบ 3 Generation ได้สบายๆครับ
ซึ่งบ้านแต่ละแบบก็จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจและต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความชอบและงบในกระเป๋าของแต่ละคนแล้วนะครับ ได้แก่ แบบบ้าน Hickory หลังเล็กสุด จะมีจุดเด่นอยู่ที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume 6.2 m. ที่จะช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งของบ้าน และยังมีระเบียงห้องนอนขนาดใหญ่มาก จนสามารถจัดเป็นพื้นที่ใช้งานอีกห้องได้แบบจริงจังเลย ซึ่งระเบียงของโครงการนี้จะเป็นแบบ 2 ชั้นทั้งหมดอีกด้วย
ส่วนบ้านแบบ Daintree หรือแบบกลาง จะมีจุดเด่นอยู่ที่ Courtyard ตรงกลางบ้าน กับผังบ้านที่เป็นรูปตัว C ที่ทำให้เกือบทุกๆฟังก์ชันของบ้าน จะได้มองเห็นต้นไม้ที่อยู่ตรงกลาง อีกทั้งยังเป็นแบบบ้านที่จะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุดอีกด้วยครับ สุดท้ายคือบ้านแบบ Valdivian หรือหลังใหญ่ที่สุด จะมีฟังก์ชันที่เอื้อต่อการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะที่เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นทางลาดบริเวณพื้นที่จอดรถหน้าบ้าน หรือห้องนอนชั้นล่างที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานของผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
วัสดุ : โครงสร้างบ้านเป็นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปทั้งหลัง และมีช่องประตูหน้าต่างช่องใหญ่ๆที่เป็นกระจกเยอะมาก โดยภาพรวมให้วัสดุอื่นๆมาค่อนข้างมาตรฐานตามระดับราคา แต่ก็จะมีบางจุดที่บ้านแต่ละ Type จะได้วัสดุที่ไม่เหมือนกันด้วย เช่น พื้นชั้น 2 ของบ้านหลังใหญ่และกลางจะเป็น Engineered Wood แต่ของหลังเล็กจะเป็นไม้ลามิเนต และพื้นห้องนอนชั้นล่างของหลังใหญ่จะเป็นพื้นกันกระแทก (Absorption Floor) รวมถึงโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติก็จะมีให้เฉพาะในบ้านหลังใหญ่เพียง 2 จุดเท่านั้นครับ แต่ที่ชอบก็คือการทำเคาน์เตอร์ครัวมาให้พร้อมใช้งาน ทั้งในส่วนของครัวไทยและครัวฝรั่งครบเซ็ตเลยครับ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : พื้นที่สีเขียวทั้งหมดมีรวมกันประมาณ 5 ไร่ ซึ่งโครงการตอนนี้มีอายุประมาณ 3 – 4 ปี ต้นไม้ส่วนใหญ่ก็เติบโตและให้ร่มเงาได้เต็มที่แล้ว เราเลยได้เห็นบรรยากาศที่ค่อนข้างร่มรื่นในหลายๆจุดเลยครับ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ส่วนกลางที่มีการจำลองมาจากผืนป่า ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว
สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ และทำบรรยากาศออกมาได้น่าใช้งานมากครับ ซึ่งมีแนวคิดการออกแบบโดยจำลองบรรยากาศของผืนป่ามาไว้ในโครงการ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร Clubhouse ที่เป็นบ้านต้นไม้กลางป่าใหญ่ ซึ่งชั้นบนยังมี Fitness และ Co-Working Space ให้ใช้งานด้วย หรือจะเป็นสระว่ายน้ำอยู่รอบๆ ก็เป็นเหมือนกับทะเลสาบที่อยู่ท่ามกลางสวนและกลางป่าอีกที ส่วนบริเวณ Play Area ก็คิดว่าน้องๆน่าจะถูกใจไม่น้อยนะครับ เพราะทำมาใหญ่จริงจังและมีฐานกิจกรรมให้เล่นสนุกเยอะเลย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 10 – 20 ล้านบาท, 7 ตุลาคม 2564
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – อยู่บนถนนสุขาภิบาล 5 เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วนฉลองรัช และตลาดออเงิน หาของกินง่าย
- ความปลอดภัย 8/10 – รั้วกั้นไม้กระดก ระบบ RFID รปภ. 24 ชม. พร้อมระบบ LIV-24 และ Magnetic Sensor ในบ้านทุกหลัง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – แบบบ้านใหม่ เน้นโปร่งโล่ง ช่องแสงเยอะ มีความเป็นส่วนตัว อยู่ได้แบบ 3 Generation
- วัสดุ 8.25/10 – ให้วัสดุเหมาะสมกับราคา โครงสร้าง Precast ได้ชุดครัวครบจัดเต็ม มีประตูและหน้าต่างที่เป็นกระจกเยอะมาก
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 – มีแนวคิดเน้นพื้นที่สีเขียวแบบผืนป่า ต้นไม้ขนาดใหญ่เยอะ สวนรวมกันกว่า 5 ไร่
- สาธารณูปโภค 8/10 – ฟังก์ชันหลักๆครบ สวยงามน่าใช้งาน บรรยากาศสไตล์รีสอร์ท
- 8.15 / 10.00
บุราสิริ วัชรพล เหมาะกับใคร
โครงการ บุราสิริ วัชรพล เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่ บนถนนสุขาภิบาล 5 ที่เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วนฉลองรัช และตลาดออเงิน เป็นบ้านที่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ซึ่งอาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ร่วมด้วยก็ได้ และชอบบรรยากาศบ้านที่โปร่งโล่ง ช่องแสงเยอะๆ สามารถเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอก ทำให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและสวนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นคนที่ชอบบรรยากาศโครงการร่มรื่น ต้นไม้ใหญ่เยอะๆ และมีแนวคิดการออกแบบโครงการที่ชัดเจน ได้บรรยากาศร่มรื่นเหมือนอยู่รีสอร์ทกลางป่าใหญ่ มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 13.99 – 21.1 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 98,000-148,000 บาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc