..ใครกำลังมองหาบ้านคุ้มๆ พื้นที่ใช้สอยเยอะๆ ในซอยวัดส้มเกลี้ยงย่านพุทธมณฑล-ศาลายา วันนี้ผมจะพามารีวิวโครงการ คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน (Casa Ville Pinklao – Wongwaen) ที่มีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดให้เลือก โดยบ้านเดี่ยวหลังใหญ่สุดจะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดในซอยวัดส้มเกลี้ยงที่มีขายปัจจุบันอยู่ที่ 235 ตร.ม. เอาใจครอบครัวขนาดใหญ่และคนที่ชอบบ้านกว้างๆ ส่วนจุดเด่นอื่นๆที่น่าสนใจก็จะมีดังต่อไปนี้เลยครับ

  • ทำเลสามารถเข้า-ออกเมืองได้ง่าย เพราะใกล้กับถนนบรมราชชนนี ถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนประจิมรัถยา
  • ออกแบบเป็นสไตล์ Modern Farmhouse มีเอกลักษณ์ต่างจากเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ที่มักจะเป็นสไตล์ Modern เพียงอย่างเดียว ได้บรรยากาศอบอุ่นน่ารักเหมือนอยู่เมืองนอก
  • มีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดให้เลือก พร้อมขนาดบ้านที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน
  • ภายในบ้านออกแบบมาได้กว้างขวางโปร่งโล่ง พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ และบ้านเดี่ยวจะมีห้องนอนชั้นล่างทุกหลัง

ข้อมูลโครงการ

Casa Ville Pinklao – Wongwaen (คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน) ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566

 ชื่อโครงการ   Casa Ville Pinklao – Wongwaen (คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   MAIN – UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถ.อัจฉริยะพัฒนา ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
 ที่ดิน 38-2-69 ไร่
 จำนวนยูนิต ประมาณ 187 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Acasia (อะ-เค-เซีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน /4 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท
  • Chamomile (คา-โม-มาย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท
  • Iris (ไอ-ริส) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 166 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 6.59 ล้านบาท
  • Poppy (พอพ-พิ) บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 35 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 117 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   ชั้น 1 = 2.6 – 2.7 เมตร และชั้น 2 = 2.7 – 2.95 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ   80,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี n/a
 เว็บไซต์โครงการ   https://www.qh.co.th/project/Casa-Ville/CVPKW
 โทร   02-821-5922

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้ถนนบรมราชชนนี ถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนประจิมรัถยา ที่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ง่าย
  • ซอยวัดส้มเกลี้ยงมีความคึกคัก และอุดมสมบูรณ์พอสมควร เพราะภายในมีหมู่บ้านเยอะ หาของกินได้ไม่ยาก
  • ทำเลโซนเดียวกับซอยศาลาธรรมสพน์ แต่มีราคาจับต้องกว่าไม่ถึง 10 ล้าน แลกกับทะเบียนบ้านที่จะอยู่ในฝั่งของจังหวัดนนทบุรีแทน

พิกัด Google Maps : 13.811702, 100.346603
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

..โครงการ คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน (Casa Ville Pinklao – Wongwaen) ตั้งอยู่บนถนนอัจฉริยะพัฒนา หรือถ้าพูดชื่อ ‘ซอยวัดส้มเกลี้ยง’ หลายๆคนก็น่าจะคุ้นหูกันมากขึ้นนะครับ โดยจะเป็นซอยที่คู่ขนานไปกับซอยศาลาธรรมสพน์ ที่เต็มไปด้วยหมู่บ้านจัดสรรราคาแพงๆ และยังอยู่ในเขตกรุงเทพด้วย แต่ถ้าข้ามมาทางฝั่งถนนอัจฉริยะพัฒนา จะเป็นเขตของจังหวัดนนทบุรี จึงทำให้มีความแตกต่างของโปรดักส์ และระดับราคาบ้านในย่านพอสมควร ทั้งๆที่ยังอยู่โซนเดียวกันแบบนี้นั่นเอง

‘ซอยวัดส้มเกลี้ยง’ เป็นซอยที่มีความคึกคักมาก เพราะหมู่บ้านข้างในคือมีเยอะหลายโครงการเลย จึงทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นตลาดและร้านสะดวกซื้อก็มีครบครัน จุดเด่นของย่านนี้คือ จะสามารถเข้า-ออกเมืองได้ง่าย เพราะอยู่ใกล้ทั้งถนนบรมราชชนนี ถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนประจิมรัถยา รวมถึงยังเหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตทางฝั่งพุทธมณฑล-ศาลายา-นครปฐมด้วยครับ

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

Image 1/3
จุดขึ้นถนนลอยฟ้าบรมราชชนนี จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 6.3 km. โดยเราสามารถใช้ทางลัดจากซอยศาลาธรรมสพน์ 48 เพื่อมาออกทางพุทธมณฑลสาย 3 ได้ครับ เป็นหนึ่งในเส้นทางเข้าเมืองที่ง่ายและสะดวกที่สุด

จุดขึ้นถนนลอยฟ้าบรมราชชนนี จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 6.3 km. โดยเราสามารถใช้ทางลัดจากซอยศาลาธรรมสพน์ 48 เพื่อมาออกทางพุทธมณฑลสาย 3 ได้ครับ เป็นหนึ่งในเส้นทางเข้าเมืองที่ง่ายและสะดวกที่สุด

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่างและโครงการแนวราบอื่นๆ จึงทำให้มีบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะแก่การอยู่อาศัย สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างและชุมชนแนวราบ
  • ทิศใต้ : เป็นทางเข้า-ออกโครงการ ติดกับ ถนนอัจฉริยะพัฒนา
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่างและชุมชนแนวราบ
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่างและชุมชนแนวราบ

และนี่ก็เป็นบรรยากาศของถนนอัจฉริยะพัฒนา หรือซอยวัดส้มเกลี้ยงที่อยู่ด้านหน้าโครงการครับ เป็นถนนขนาด 2 เลน ที่รถสามารถขับสวนทางกันได้สบายๆ บรรยากาศเงียบสงบแต่ก็ไม่เปลี่ยวจนเกินไป เพราะมีรถสัญจรผ่านไป-มาตลอดเวลา

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • ตลาดศาลายา ~ 4.7 km.
  • ตลาดสดธนบุรี ~ 8.4 km.
  • เซ็นทรัล ศาลายา ~ 10 km.
  • เดอะพาซิโอ้ ~ 12 km.
  • ดีไซน์วิลเลจ (บุญถาวร) ~ 12.9 km.

โรงพยาบาล

  • ศูนย์การแพทย์-กาญจนาภิเษก ~ 7.2 km.
  • รพ.ราชพิพัฒน์ ~ 11.3 km.
  • รพ.ธนบุรี 2 ~ 12.8 km.
  • รพ.วิชัยเวช-อินเตอร์เนชั่นแนล ~ 18.5 km.

โรงเรียน

  • รร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม) ~ 3.2 km.
  • มหาวิทยาลัยมหิดล ~ 5.3 km.
  • รร.สตรีวิทยา 3 ~ 8.1 km.
  • รร.เพลินพัฒนา ~ 8.6 km.
  • รร.กสิณธร อาคาเดมี่ ~ 9.6 km.
  • รร.สารสาสน์วิเทศธนบุรี ~ 10.6 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • มีเพื่อนบ้านร่วมซอยเพียง 4 – 8 หลัง ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวาย
  • วางส่วนกลางอยู่ตรงกลางโครงการ ทำให้มาใช้งานได้ง่าย
  • บ้านทุกหลังหันหน้าทิศเหนือ-ใต้ สามารถรับลมได้ดี

..โครงการ คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน (Casa Ville Pinklao – Wongwaen) ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 38-2-69 ไร่ และมีเพื่อนบ้านประมาณ 187 ยูนิต มีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบคือ Modern Farmhouse ซึ่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยครับ

จึงมีความโดดเด่นต่างจากเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ ที่มักจะเป็นสไตล์โมเดิร์นปกติ ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาบ้านที่มีบรรยากาศน่ารักๆแบบนี้อยู่ล่ะก็ โครงการนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ

ผังโครงการนี้จะมีความน่าสนใจ 3 จุดหลักๆคือ

  1. ความเป็นส่วนตัวภายในซอย : เนื่องจากยูนิตของบ้านจะมีการแบ่งออกเป็นซอยแยกย่อยมากมาย และแต่ละซอยก็จะมีประมาณ 4 – 8 หลัง จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวายในการอยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นเฟสด้านในสุดที่จะเปิดในอนาคต ก็จะเป็นซอยเล็กๆที่มีเพียง 4 หลังเท่านั้นครับ แต่ถ้าใครต้องการความสะดวกไม่อยากขับรถเข้าไปลึกๆ ก็อาจเลือกบ้านในซอยแรกๆก็ได้เหมือนกัน
  2. จัดให้พื้นที่ส่วนกลางอยู่ตรงกลางโครงการ : ทำให้ลูกบ้านในแต่ละโซนจะมีความสะดวก ในการมาใช้งานที่พอๆกัน โดยจะมีทั้งพื้นที่สวนขนาด 1 ไร่ และอาคาร Clubhouse ให้ใช้งานครบ ยิ่งหากเป็นบ้านที่อยู่รอบๆสวนด้วยแล้ว จะสามารถเดินมาใช้งานได้ง่ายมากๆ เหมาะกับคนที่ชอบมาใช้ Facilities บ่อยๆครับ
  3. บ้านทุกหลังหันหน้าไปทิศเหนือ-ใต้ : เป็นทิศที่จะทำให้ตัวบ้านมีลมพัดผ่านได้ดี ช่วยในเรื่องการระบายอากาศและความร้อน แน่นอนว่าบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ จะได้เปรียบในเรื่องแดดที่จะไม่ค่อยส่องเข้าสู่ตัวบ้านโดยตรงเหมือนทิศใต้นั่นเอง

ทางเข้าโครงการจะมีสะพานข้ามคลองเล็กๆเข้าไปก่อน และมีการแยกทางเข้า-ออกชัดเจน

ตรงกลางเป็นป้อม รปภ. กั้นทางเข้าด้วยไม้กั้นกระดกระบบสัญญาณ Bluetooth ระยะไกล ทำให้เปิดอัตโนมัติได้สะดวก ส่วนถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนตามปกติ

เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับถนนหลักของโครงการ ซึ่งทั้ง 2 ข้างทางก็จะมีการปลูกต้นไม้ประดับเอาไว้พอให้ความสดชื่นได้อยู่บ้าง

ส่วนบรรยากาศภายในซอย จะมีการคละแบบบ้านกันภายในซอยเดียวค่อนข้างหลากหลายเลย ตั้งแต่บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวทั้ง 3 Type ซึ่งหากซอยไหนที่มีบ้านแฝดอยู่ด้วย ก็อาจมีเพื่อนบ้านเยอะขึ้นเป็นประมาณ 9 – 10 หลังนะครับ

ถัดเข้ามาบริเวณตรงกลางโครงการเราจะเจอกับวงเวียน ที่จะแบ่งโซนบ้านพักอาศัยออกเป็น 2 โซน และมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ตรงกลาง ซึ่งบ้านที่อยู่โซนด้านในลึกๆหน่อย เวลาขับรถเข้า-ออก ก็จะได้รับวิวพื้นที่สีเขียวสวยๆแบบนี้ให้ดูด้วยครับ

สำหรับพื้นที่สวนจะใช้คำว่า Farmville Life Park & Community Club ออกแบบมาให้เข้ากับบรรยากาศของคอนเซ็ปต์บ้าน ที่จะเป็นสไตล์ Modern Farmhouse หรือบ้านแบบโรงนาที่เมืองนอกนั่นเองครับ

ภายในสวนจะมีการทำ Jogging Track ให้เราสามารถเดินเล่น หรือวิ่งออกกำลังกายรอบๆได้ รวมถึงจะมีม้านั่งพักผ่อนเป็นระยะๆด้วย

พื้นที่ตรงกลางนอกจากจะมีการปลูกต้นไม้ + มีรูปปั้นกวางประดับเพื่อความสวยงามแล้ว ยังมีพื้นที่สนามหญ้าขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ให้เราสามารถใช้พื้นที่จัดกิจกรรมในอนาคตกันได้อีกด้วย

บริเวณด้านขวามือของ Clubhouse จะเป็นโซนของ Playground ให้น้องๆมาเล่นชิงช้า ม้าโยก หรือสไลด์เดอร์กันได้ รวมถึงที่พื้นยังปูหญ้าและพื้นยาง เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บเวลาหกล้มของน้องๆได้ครับ

ข้างๆกันจะเป็นโซนที่เรียกว่า Stretching Area เป็นจุดที่เราสามารถมายืดเส้นยืดสาย และออกกำลังกายกลางแจ้งกันได้ ส่วนทางเดินนี้ก็จะสามารถเชื่อมต่อไปยังอาคาร Clubhouse ได้เลยครับ

ทางด้านซ้ายของ Clubhouse จะมีที่จอดรถประมาณ 3 คัน ซึ่งใครที่บ้านอยู่ไกลๆหน่อย ก็สามารถขับรถมาใช้งานได้สะดวก รวมถึงยังมีทางลาดสำหรับรถเข็น ที่เป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design ด้วยครับ

ส่วนทางเข้าหลักของอาคารจะเป็นบันไดที่อยู่ทางด้านหน้าครับ

ภายในจะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume พร้อมกับช่องแสงโดยรอบ จึงทำให้ภายในมีความสว่างโปร่งโล่ง ซึ่งพื้นที่บริเวณด้านหน้าก็จะเป็น Lobby เอาไว้นั่งเล่นพักผ่อนหรือรับรองแขกได้

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Co-Working Space และ Kids Corner ที่มีการจัดเป็นโต๊ะเอาไว้ 2 – 3 ชุด ให้เราสามารถมานั่งทำงานอ่านหนังสือ หรือจะพาน้องๆมานั่งทำการบ้าน และเรียนพิเศษกันตรงนี้ได้ครับ

ทางด้านซ้ายของอาคารจะมีโถงทางเดินแยกออกไป ซึ่งจะทำเป็นทางลาดสำหรับรถเข็นได้ด้วย โดยจะเป็นเส้นทางไปสู่ห้องน้ำของผู้สูงอายุ และห้องสำนักงานนิติบุคคลครับ

ภายในห้องน้ำจะมีขนาดใหญ่ สามารถเข็นรถเข้ามาใช้งานได้ง่าย พร้อมกับมีราวจับต่างๆให้ใช้สะดวก

ส่วนทางด้านขวาของอาคารก็จะมีประตูกระจกแยกออกไปอีก 2 ช่องทางครับ

เริ่มจากฟังก์ชันภายในอาคารจะเป็น Fitness ที่ผนังทั้ง 2 ด้านจะเป็นกระจกทั้งหมด จึงทำให้มีความสว่างโปร่งโล่ง และมีเครื่องออกกำลังกายให้ใช้งานครบ

โดยถ้าเป็นเครื่อง Cardio จะสามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับชมวิวสระว่ายน้ำ และสวนที่อยู่ภายนอกไปด้วยเพลินๆแบบนี้ครับ

โถงทางเดินริมสระภายนอกจะเป็นแบบในร่ม ซึ่งจะมีที่นั่งเล่นพักผ่อนอยู่ 2 – 3 ชุด รวมถึงอีกด้านก็จะมี Shower ให้ล้างตัวก่อนลงสระ และมีห้องน้ำให้ใช้งานสะดวกอยู่ใกล้ๆด้วย

ภายในห้องน้ำจะแยกชาย-หญิงชัดเจน พร้อมกับมีห้องอาบน้ำให้ใช้งานแบบนี้

บริเวณตอนต้นของสระจะเป็น Kids Pool หรือสระน้ำตื้นสำหรับเด็ก ซึ่งจะอยู่ใกล้กับจุดที่พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถนั่งดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิดได้แบบนี้เลย

ส่วนสระว่ายน้ำหลักจะมีขนาดกว้าง 8.5 x 19.5 m.* ที่สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง และเป็นสระแบบกลางแจ้งที่ผมแนะนำให้มาใช้งานตอนแดดร่มๆหน่อยจะดีกว่า

แต่ที่ชอบก็คือเราจะสามารถว่ายน้ำไป และชมวิวสวนสาธารณะที่อยู่ด้านข้างไปด้วยแบบนี้ได้ครับ ซึ่งโดยรวมก็ดูสวยงามและน่าใช้งานดีทีเดียว

สุดท้ายคือบริเวณปลายสระจะมีบันได ให้เราสามารถเดินลงเชื่อมต่อไปสู่สวนสาธารณะก่อนหน้านี้ได้อีกทางหนึ่งด้วยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Lobby
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 8.5 x 19.5 m.*
  • Kids Pool
  • Co-Working Space
  • Fitness
  • Kids Corner
  • Playground (Kids Park)
  • Jogging Track
  • Stretching Area
  • ห้องสันทนาการ
  • สวนสาธารณะขนาด 513 ตร.วา (ประมาณ 1 ไร่เศษ)
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
  • การเข้า-ออกโครงการระบบ RFID ใช้สัญญาณ Bluetooth ระยะไกล
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก และเลื่อนไฟฟ้า
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor บริเวณชั้น 1  และ IP Camera ที่โถงกลางชั้น 1 ทุกหลัง

แบบบ้าน

Highlights :

  • ตัวบ้านออกแบบเป็นสไตล์ Modern Farmhouse มีหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ต่างจากเพื่อนบ้านที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน
  • บ้านเดี่ยวพื้นที่ใช้สอยเยอะ มีห้องนอนชั้นล่างทุกยูนิต ภายในมีความกว้างขวาง และสว่างโปร่งโล่ง
  • บ้านไซส์เล็กจะมีการใช้เทคนิคของการลบมุมผนังออกบางส่วน เพื่อทำให้ภายในดูกว้างขวางขึ้น แต่ยังมีพื้นที่ใช้งานได้ดี
  • โครงสร้างบ้าน Precast มีความแข็งแรงและช่วยป้องกันเสียงได้ดี หมดปัญหาเสียงรบกวนของบ้านแฝดที่มีผนังติดกัน

โครงการ คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน (Casa Ville Pinklao – Wongwaen) จะมีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดให้เลือก โดยจะเป็นการออกแบบสไตล์ Modern Farmhouse คล้ายบ้านโรงนาในเมืองนอก ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนบ้านที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบันตอนนี้ และหากเทียบกับบ้านในระดับราคาเดียวกันแล้ว บ้านเดี่ยวที่นี่ถือว่าให้พื้นที่ใช้สอยมาเยอะ และดูคุ้มค่าโครงการหนึ่งเลยทีเดียว ประกอบด้วย

  • Acasia (อะ-เค-เซีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน /4 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ
  • Chamomile (คา-โม-มาย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • Iris (ไอ-ริส) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 166 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • Poppy (พอพ-พิ) บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 35 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 117 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

สำหรับโครงสร้างบ้านจะเป็นผนังคอนกรีตเสริมเหล็กหรือ Precast ในแบบบ้านไซส์เล็กทั้งบ้านเดี่ยว Iris และบ้านแฝด Poppy ซึ่งจะมีความแข็งแรงทนทาน และมีความสามารถในการเก็บเสียงได้ค่อนข้างดีมาก แต่ก็อาจทุบ/เจาะ/ต่อเติมได้ยากกว่าผนังแบบอื่นๆอยู่สักหน่อย เพราะผนังแต่ละชิ้นก็จะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักของบ้านด้วย ดังนั้นเวลาจะทำอะไรก็อาจต้องปรึกษาวิศวกร หรือช่างประจำโครงการก่อนนะครับ ส่วนถ้าเป็นบ้านไซส์ใหญ่ Acasia และ Chamomile จะเป็นโครงสร้างก่ออิฐมวลเบา ที่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

  • Iris (ไอ-ริส) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 166 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

เป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กสุดของโครงการ เหมาะกับครอบครัวขนาดเริ่มต้น หรือคนที่มีงบประมาณจำกัด แต่ก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัว และมีพื้นที่ใช้สอยรอบบ้านครับ จุดเด่นของบ้านที่ผมชอบมากๆก็คือ ‘ความกว้างขวาง และสว่างโปร่งโล่ง ‘โดยเฉพาะพื้นที่ชั้น 1 ที่มีขนาดใหญ่ และห้องนอน Master Bedroom ที่ได้ช่องแสงเยอะมากๆ ส่วนฟังก์ชันหลักๆก็จะมีดังต่อไปนี้

แปลนชั้น 1 สามารถจอดรถในร่มได้ 2 คัน และนอกจากจะได้ Common Area ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อพื้นที่หน้าบ้าน + หลังบ้าน + ข้างบ้านแล้ว ยังมีห้องนอนชั้นล่างให้เราใช้งานได้อีกด้วย โดยหากใครมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็เหมาะเลยครับ เพราะห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันอาบน้ำไว้รองรับแล้ว หรือเราอาจปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้เหมือนกัน และห้องครัวก็จะอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วน มีเพิ่มเติมในส่วนของช่องแสงภายในครัว ที่ช่วยทำให้สว่างโปร่งโล่ง และทำให้พื้นที่ดูกว้างขวางมากขึ้นได้อีกด้วย

แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอนหลักอยู่ 3 ห้อง เหมาะกับคนที่มีลูก 1 – 2 คน โดยที่ห้องนอนเล็กอาจต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันที่ด้านนอก ส่วนห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำและระเบียงส่วนตัวในห้องเลย จุดที่น่าสนใจคือ จะมีการลดเหลี่ยมมุมห้องน้ำออกบางส่วน เพื่อทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนดูกว้างขวางมากขึ้น และข้อจำกัดหนึ่งของโครงสร้าง Precast ก็คือ ผนังตรงกลางของห้องนอนเล็กจะไม่สามารถทุบ เพื่อเชื่อมต่อเป็นห้องใหญ่ได้นะครับ ดังนั้นถ้าใครมีลูกคนเดียวก็อาจปรับอีกห้องให้เป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆแทนได้

อีกหนึ่งสิ่งที่มีการอัพเกรดขึ้นมาจากบ้านแฝด Type ที่เล็กกว่านี้ก็คือ Facade บริเวณด้านหน้าบ้านจะมีการกรุด้วยกระเบื้อง จึงทำให้ตัวบ้านมีความสวยงาม และดูมีรายละเอียดมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้ผนังส่วนนี้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

ประตูรั้วหน้าบ้านจะเป็นเหล็กรางเลื่อนสีขาว ซึ่งจะเป็นแบบตอนเดียวที่สามารถเลื่อนได้จนสุด ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย หรือเราอาจติดตั้งเป็นประตูเลื่อนไฟฟ้าเพิ่มเติม ก็จะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นครับ

โดยที่จอดรถจะกว้างประมาณ 4.8 m.* สามารถจอดรถในร่ม 2 คันได้แบบพอดีๆ โดยจะเป็นโครงสร้างแบบ Slab on Beam และตัด Joint ตรงแนวเสา เผื่อเวลาพื้นเกิดการทรุดตัวในอนาคต ก็จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของบ้าน

ขวามือเป็นถังขยะและตู้จดหมาย ที่สามารถเปิดได้ 2 ด้านจากภายในและภายนอกตัวบ้าน ทำให้ใช้งานได้สะดวก

อีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่สวน โดยโครงการจะปูหญ้าและปลูกต้นไม้มาให้เป็นมาตรฐานเหมือนกับบ้านตัวอย่างหลังนี้เลยครับ

และถ้าเราเดินมาดูบริเวณข้างบ้าน ก็จะเจอกับห้องเก็บของใต้บันไดเล็กๆ ที่จะสามารถเก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้งานได้ครับ โดยเฉพาะอุปกรณ์ทำสวนหรืออุปกรณ์ล้างรถต่างๆ

ประตูทางเข้าบ้านหลักจะอยู่บริเวณด้านหน้า เป็นกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ กรอบ UPVC สีขาว พร้อมกระจกเขียวตัดแสง

รวมถึงจะมีการติดตั้งระบบ Magnetic Sensor ที่ประตูหน้าต่างบริเวณชั้น 1 ทุกจุดอีกด้วย ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยของบ้าน และเรายังสามารถเชื่อมต่อผ่าน Application เข้ามาในมือถือได้อีกด้วย

เข้ามาภายในเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อพื้นที่ตั้งแต่หน้าบ้านถึงหลังบ้าน อีกทั้งยังมีช่องแสงที่มองเห็นสวนข้างได้ตลอดแนวได้อีกด้วย จึงมีความสว่างโปร่งโล่งดีครับ

โดยพื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Living Area สามารถใช้นั่งเล่นหรือรับแขกได้ดี มีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 4 m.* สามารถใช้ทีวีขนาด 50 – 60 นิ้วได้สบายๆ รวมถึงยังใช้ชุดโซฟาตัวใหญ่ๆได้อีกด้วย

ส่วนความสูงฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.9 m.* และปูพื้นเป็นกระเบื้องยาง SPC หรือ Stone Plastic Composite ที่สามารถทนความชื้นและรอยขีดข่วนได้ดี

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ที่นั่ง หรือถ้าใครที่ใช้โต๊ะเล็กกว่านี้เราก็จะมีที่ข้างๆเหลือ ให้สามารถหาพวกตู้หรือโต๊ะอื่นๆ มาวางเก็บของได้นะครับ

แต่จุดเด่นของพื้นที่ส่วนนี้คือ ‘ช่องแสงขนาดใหญ่’ ที่สามารถชมวิวสวนข้างบ้านได้แบบเต็มที่ จึงทำให้เราสามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่งทำงานเล็กๆน้อยๆได้ รวมถึงบนฝ้าเพดานยังมีการติดตั้ง IP Camera มาให้เพื่อความปลอดภัยด้วยครับ

นอกจากนี้ยังสามารถเปิดประตู เพื่อออกมาใช้งานสวนภายนอกได้ ซึ่งเราสามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน หรือทำสวนแบบที่ชอบได้เต็มที่เลย เช่น ทำเป็นมุมน้ำตกไว้ฟังเสียงน้ำเพลินๆ หรือจะปลูกดอกไม้เพิ่มความสดชื่นก็ได้

อีกด้านหนึ่งของบ้านจะมีฟังก์ชันต่างๆอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วน

เริ่มกันที่ห้องนอนชั้นล่างที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ ‘ช่องแสง’ ที่มีถึง 2 ด้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้ภายในสว่างโปร่งโล่งแล้ว ยังช่วยในเรื่องการระบายอากาศที่ดีมากขึ้นอีกด้วย

ภายในมีขนาดประมาณ 3.8 x 2.5 m.* สามารถวางเตียง 5 ฟุตเพื่อทำเป็นห้องนอนได้สบายๆเลยครับ เหมาะมากสำหรับคนที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย หรืออาจปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้

ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันของชั้นล่าง โดยภายในจะมีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน และมีฟังก์ชันอาบน้ำรองรับ เผื่อทำห้องชั้นล่างเป็นห้องนอนด้วยครับ

สำหรับสุขภัณฑ์จะได้เป็นของ American Standard พื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.35 x 1.55 m.* และพื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 1.35 x 0.8 m.* ใช้งานได้พอดีๆ และอาจติดฉากกั้นหรือม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองได้

ถัดมาจะเป็นห้องครัวที่อยู่ทางขวามือ ซึ่งเราจะได้เป็นครัวปิดครับ ทำให้สามารถทำอาหารจริงจังได้เลย ภายในมีขนาดกว้างประมาณ 2.5 x 3.8 m.* สามารถใช้งานได้สบายๆ

โดยของจริงจะให้มาเป็นห้องโล่งๆ พร้อมกับท่องานระบบต่างๆ ซึ่งเราจะต้องมา Built-in เพิ่มเติมเอง ดังนั้นจึงอาจต้องเผื่องบประมาณในส่วนนี้ไว้ด้วยนะครับ

สิ่งที่ชอบก็คือ ห้องนี้เป็นครัวปิดที่มีช่องแสงถึง 4 ด้านเลย ซึ่งนอกจากหน้าต่างที่เปิดระบายอากาศสู่ภายนอกแล้ว ภายในบ้านก็ยังมีทั้งหน้าต่างและประตูที่มีช่องแสงด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะช่องหน้าต่างที่เชื่อมต่อกับพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารก่อนหน้านี้ เราสามารถใช้ประโยชน์ในการรับ-ส่งอาหารผ่านช่องทางนี้ได้สะดวก โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดิมอ้อมผ่านประตูเลย

ส่วนด้านหลังบ้านจะมีการเทพื้นปูนแบบ Slab on Ground เพื่อทำเป็นลานซักล้างแบบนี้ สามารถใช้ตากผ้าหรือทำครัวไทยด้านนอกเพิ่มเติมได้ครับ

บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน เวลาเดินขึ้นลงจะไม่มีเสียงดังรบกวน ปิดผิวด้วยไม้ยางประสานดูเป็นธรรมชาติ และมีราวจับให้ใช้งานเพื่อความปลอดภัยตลอดทาง

แต่จุดที่ต้องระวังนิดนึงก็คือ ตรงชานพักจะเป็นลักษณะขั้นบันไดสามเหลี่ยม ที่เราอาจเหยียบได้ไม่เต็มฝ่าเท้าดีนัก จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขึ้น-ลงสักนิดนึงนะครับ

โถงบันไดชั้น 2 จะมีห้องแยกออกไป 4 ประตู ถึงแม้ขนาดพื้นที่อาจไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็มีมากพอที่จะวางตะกร้าผ้าหรือตู้เล็กๆที่มุมขวาและซ้ายได้อยู่ครับ

โดยที่พื้นชั้นบนนี้จะเป็นไม้ลามิเนต ที่เค้าอาจไม่ค่อยถูกกับน้ำหรือความชื้นสักเท่าไหร่ เวลาใช้งานจึงต้องคอยเช็ดทำความสะอาดกันดีๆหน่อย ส่วนความสูงฝ้าคือ 2.9 m.* เท่าเดิม

เริ่มจากห้องแรกที่อยู่ทางซ้ายมือติดบันได จะเป็นห้องนอนเล็กที่มีขนาดกว้างประมาณ 3 x 4 m.* สามารถวางเตียง 3.5 – 5 ฟุต และยังมีพื้นที่เหลือพอให้ใช้งานรอบๆได้

และติดกันก็จะเป็นห้องที่มีขนาดเท่ากันเลย โดยหากใครที่มีลูกคนเดียวผมก็แนะนำให้ใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนหลักก็ได้ เพราะอยู่ติดกับห้องน้ำจะได้ใช้งานสะดวกๆ

ส่วนอีกห้องหนึ่งก็สามารถทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ เช่น ห้องพระ ห้องดูหนังเล่นเกมส์ หรือห้องทำงานไปก็ได้ครับ

ห้องน้ำนี้จะใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ภายในมีขนาดกว้างประมาณ 1.8 x 1.8 m.* โดยแบ่งเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้างประมาณ 1 x 0.8 m.* ให้ใช้งานพอดีๆ และเราสามารถติดม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองได้ครับ

มาถึง Highlight หลักของชั้น 2 ก็คือ Master Bedroom ที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน ขนาดกว้างประมาณ 3.7 x 7.9 m.* ซึ่งนอกจากจะกว้างเท่ากับตัวบ้านแล้ว ยังมีช่องแสงที่เยอะมากๆอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีระเบียงให้เราสามารถออกไปใช้งาน นั่งเล่น หรือยืนชมวิวได้ด้วยครับ โดยจะมีขนาดกว้างประมาณ 1.5 x 2.7 m.* แถมยังเป็นช่องแสงใหญ่ตรงปลายเตียง ที่ทำให้เรานอนชมวิวจากบนเตียงได้สบายๆอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet บริเวณหน้าห้องน้ำ ซึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ ผนังห้องน้ำจะมีการลบมุมบางส่วนออกไปด้วยแบบนี้

ทำให้ช่วยเพิ่มพื้นที่และมุมมองภายในห้องนอน ให้มีความกว้างขวางมากขึ้นได้ โดยเทคนิคนี้เรามักจะเห็นใช้กันบ่อยในคอนโดมิเนียม เพื่อช่วยแก้ปัญหาห้องพื้นที่น้อยๆนั่นเองครับ

ภายในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์จาก American Standard พื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.55 x 1.65 m.* และพื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 1.75 x 0.8 m.* ใช้งานได้พอดีๆ

และที่พิเศษกว่าห้องอื่นๆคือ จะมีการกั้นผนังกระจกนิรภัยบานเปลือยแบบครึ่งบานมาให้แบบนี้เลยด้วย ซึ่งจะช่วยกันน้ำไม่ให้กระเด็นมาได้บางส่วน ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาทำเพิ่มเองครับ

สำหรับภาพบ้านเปล่ามาตรฐานของจริงที่ได้จะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมได้ใน Gallery ด้านล่างนี้เลยครับ

Image 1/12

  • Poppy (พอพ-พิ) บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 35 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 117 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

หลังนี้จะเป็นบ้านแฝดเพียงหนึ่งเดียวของโครงการ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก หรือคนที่มีงบประมาณจำกัดเช่นกัน โดยฟังก์ชันพื้นฐานก็เรียกได้ว่าคล้ายกับตัวบ้านเดี่ยวเลยครับ เพียงแต่ตัดห้องนอนชั้นล่างออกไปเท่านั้น

จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือ ‘การวางตำแหน่งของฟังก์ชัน’ ที่มักจะนำบันได ครัว และห้องน้ำ มาอยู่ติดกับผนังฝั่งเพื่อนบ้านข้างๆ เพื่อช่วยเป็น Buffer กันเสียงที่อาจผ่านเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อรวมกับผนัง Precast ที่มีความสามารถในการกันเสียงที่ดีมากๆแล้ว จึงทำให้พื้นที่พักผ่อนอื่นๆมีความเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น

แปลนชั้น 1 มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือ Living Area ที่มีระยะดูทีวีกว้างกว่าบ้านเดี่ยวซะอีก รวมถึงห้องครัวและห้องน้ำยังมีการนำเทคนิคลบเหลี่ยมมุมห้องมาใช้มากขึ้น เพื่อที่จะช่วยทำให้ภายในบ้านดูกว้างขวาง และโปร่งโล่งมากขึ้นนั่นเองครับ

แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอน 3 ห้อง ซึ่งห้องนอนเล็กด้านหลังจะต้องแชร์ห้องน้ำด้วยกัน ส่วนห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำเป็นส่วนตัว ฟังก์ชันก็จะคล้ายๆกับของบ้านเดี่ยวเลยครับ เพียงแต่จะตัดในส่วนของพื้นที่ระเบียงออกไป เพื่อให้พื้นที่ใช้สอยภายมีขนาดใหญ่มากขึ้น

ที่จอดรถจะกว้างประมาณ 5.5 m.* (ไม่นับพื้นที่ปลูกต้นไม้ตามแนวรั้วขวามือ) สามารถจอดรถ 2 คันได้สบายๆ โดยจะเป็นพื้นปูนแบบ Slab on Ground และหากใครที่ไม่อยากจอดรถตากแดดก็อาจต้องต่อเติมหลังตาเพิ่มเองนะครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่ต่างจากบ้านเดี่ยวหลังอื่นก็คือ ‘ประตูรั้ว’ จะเป็นแบบบานเลื่อนที่โค้งเข้ามุมได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ให้เปิด-ปิดได้ดี เนื่องจากบ้านแฝดจะมีหน้ากว้างที่น้อยกว่าบ้านเดี่ยวนั่นเอง

ต้นไม้จะให้มาเหมือนบ้านตัวอย่างเลยนะครับ ซึ่งจะช่วยพรางสายตาจากรั้วเพื่อนบ้านได้ในระดับหนึ่ง ส่วนทางเข้าบ้านจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนเดิม

แต่จะมีการขยายเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่อง จึงช่วยทำให้บ้านแฝดที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้นได้นั่นเอง

เข้ามาภายในเราจะเจอกับพื้นที่ Common Area ที่บริเวณ Living ด้านหน้าจะกว้างขวางเป็นพิเศษ โดยมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 5.25 m.* (มากกว่าบ้านเดี่ยวซะอีก) จึงทำให้สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆได้สบายๆ

ถัดเข้ามาด้านในบ้านจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารได้ 4 ที่นั่งพอดีๆ และแน่นอนว่าจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ด้าน ที่เราสามารถชมวิวสวนข้างบ้านได้ หรือจะเปิดประตูออกไปภายนอกก็ได้ครับ

อีกด้านหนึ่งของบ้านจะเป็นห้องครัวและห้องน้ำ ซึ่งเราจะเห็นผนังที่มีการลบเหลี่ยมมุมออกไปชัดเจน เพื่อช่วยให้พื้นที่ภายในบ้านดูกว้างขวางมากขึ้นครับ

ห้องน้ำจะเป็นฟังก์ชันใช้งานรวมกันระหว่างโซนเปียกและโซนแห้ง โดยจะมีขนาดประมาณ 1.65 x 1.3 m.* ใช้งานได้พอดีๆ

ซึ่งหากใครที่มีลูก 2 คน ก็สามารถแบ่งลงมาอาบน้ำที่ชั้นล่างคนนึงได้ เพื่อให้ออกไปเข้าเรียนทันในตอนเช้า จะได้ไม่ต้องแย่งกันใช้ห้องน้ำเดียวที่อยู่ด้านบนครับ

ติดกันจะเป็นห้องครัวที่กว้างประมาณ 3.35 x 1.5 m.* สามารถใช้งานได้พอดีๆ โดยของจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆที่สามารถ Built-in เคาน์เตอร์เพิ่มเองได้ครับ

ส่วนลานซักล้างด้านหลังบ้านก็จะเทพื้นปูน Slab on Ground มาให้เราใช้งานตากผ้าได้เหมือนเดิม

บันไดทางขึ้นชั้น 2 จะอยู่บริเวณด้านหน้าบ้าน ซึ่งเวลาที่เราเข้า-ออกบ้าน ก็สามารถเดินขึ้น-ลงได้สะดวกเลย โดยไม่ต้องเดินผ่านหน้าทีวีรบกวนคนอื่นๆ

ตัวบันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเหมือนเดิม แต่ที่ผมชอบก็คือ บริเวณชานพักทั้ง 2 จุดจะมีขนาดใหญ่ ไม่ได้มีขั้นบันไดสามเหลี่ยมเหมือนบ้านเดี่ยว ทำให้ใช้งานได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น

โถงบันไดชั้น 2 จะมีขนาดเล็กใช้งานได้พอดีๆ ของจริงอาจมืดกว่านี้สักหน่อยนะครับ เพราะตรงนี้จะไม่มีช่องแสงใดๆเลย จึงอาจต้องเปิดไฟช่วยตลอดเวลาที่มีการใช้งาน

เริ่มกันที่ห้อง Master Bedroom ที่อยู่ทางขวามือ เป็นโซนด้านหน้าบ้านที่จะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ และมีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง 4.75 x 4.5 m.* สามารถใช้งานได้สะดวก

นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องหน้าต่างกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window เพื่อช่วยเพิ่มมุมมองและทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้นอีกด้วย

โดยระเบียงเล็กๆที่เห็นอยู่ด้านนอกนี้ จะเป็นจุดที่ไว้ติดตั้ง Condensing Unit ของแอร์เท่านั้น ไม่สามารถออกไปใช้งานได้นะครับ

นอกจากนี้พื้นที่ปลายเตียงยังเหลือกว้างมากๆ สามารถวางโซฟาทำเป็นโซนนั่งเล่นเพิ่มได้แบบบ้านเดี่ยวหลังใหญ่เลย รวมถึงจะมีห้องน้ำให้ใช้งานส่วนตัวด้วยนะครับ

ภายในห้องน้ำจะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน พร้อมติดตั้งฉากกั้นกระจกนิรภัยแบบครึ่งบานมาให้เหมือนบ้านตัวอย่าง พื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.35 x 1.5 m.* และพื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 1.35 x 0.8 m.* ใช้งานได้สะดวก

ถัดมาจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ติดบันได มีขนาดกว้างประมาณ 3.1 x 2.6 m.* และยังเป็นห้องเดียวที่อยู่ติดกับผนังของเพื่อนบ้านข้างๆด้วยครับ ดังนั้นเลยทำให้มีช่องแสงทางหลังบ้านเพียงด้านเดียวเท่านั้น

ซึ่งหากใครที่มีลูกคนเดียว ก็อาจปรับห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ หรือจะยังคงใช้เป็นห้องนอนก็ไม่ว่ากัน เพราะอย่างที่บอกว่าผนัง Precast มีความสามารถในการป้องกันเสียงได้ค่อนข้างดีกว่าผนังชนิดอื่นๆอยู่แล้วครับ

ติดกันจะเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอยู่ที่ 3.1 x 3.55 m.* ซึ่งจะมีช่องแสงด้านข้างเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่อง ทำให้มีความสว่างและสามารถระบายอากาศได้ดีมากขึ้น จึงเหมาะที่จะใช้เป็นห้องนอนหลักของลูกครับ

สุดท้ายคือห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน พื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.35 x 1.55 m.* และพื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 1.35 x 0.8 m.* ใช้งานได้พอดีๆ ซึ่งเราอาจติดฉากกั้นอาบน้ำหรือม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองได้

หมายเหตุ : (*) เป็นความกว้างโดยประมาณ เพื่อแนวทางในการพิจารณา สามารถดูรายละเอียดจริงได้ที่โครงการ

สำหรับบ้านเปล่ามาตรฐานของจริงที่ได้จะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมรูปใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/9

  • Iris (ไอ-ริส) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 166 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

บ้านเดี่ยวไซส์กลางของโครงการ ฟังก์ชันจะยังคงคล้ายกับบ้านเดี่ยวหลังเล็กที่เราได้รีวิวกันไปเลยครับ เพียงแต่พื้นที่ใช้สอยภายในจะมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งจะไม่มีการต้องลบเหลี่ยมมุมผนังเหมือนบ้านหลังเล็กที่ผ่านมาแล้ว จึงทำให้เราสามารถจัดพื้นที่และวางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนจุดเด่นที่น่าสนใจจะมีอยู่ 2 จุดหลักๆคือ

  1. พื้นที่ Common Area บริเวณชั้น 1 จะมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากกว่าแบบบ้านไซส์เล็ก โดยเฉพาะบริเวณด้านในตรงกลางบ้าน ซึ่งจะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับโถงหน้าบันได ที่ถึงแม้จะมีเสาโผล่มาตรงกลางอยู่ต้นหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูแคบลงเลยแม้แต่น้อย
  2. ภายในห้องน้ำของ Master Bedroom จะมีการเพิ่มพื้นที่ระเบียงเล็กๆเข้ามา ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้ภายในมีความสว่างโปร่งโล่งมากๆแล้ว ยังสามารถออกไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย เช่น ออกไปตากผ้า หรือปลูกต้นไม้เพิ่มบรรยากาศตอนอาบน้ำก็ได้ เป็นต้น

Image 1/15

  • Acasia (อะ-เค-เซีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน /4 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ

บ้านเดี่ยวหลังใหญ่สุดของโครงการ เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 3 – 4 คน ซึ่งหากเทียบกับเพื่อนบ้านที่มีขายอยู่บนถนนอัจฉริยะพัฒนา (หรือซอยวัดส้มเกลี้ยง) ถือว่าเป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ครับ

โดยจุดเด่นของบ้านหลังนี้ก็คือ สามารถจอดรถได้สูงสุดถึง 3 คัน และพื้นที่ Common Area ก็มีขนาดใหญ่มาก จนสามารถกั้นหรือแบ่งฟังก์ชันเพิ่มเติมได้สบายๆ นอกจากนี้ห้องนอนบนชั้น 2 ก็ยังมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ห้องนอนเล็กอาจยังต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันที่ด้านนอกอยู่นะครับ

Image 1/7

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะ

ราคา

คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน (Casa Ville Pinklao – Wongwaen) ราคา ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566

  • Acasia (อะ-เค-เซีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน /4 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท
  • Chamomile (คา-โม-มาย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 55 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท
  • Iris (ไอ-ริส) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 166 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 6.59 ล้านบาท
  • Poppy (พอพ-พิ) บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 35 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 117 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท
  • ค่าจอง บ้านแฝด = 20,000 บาท และบ้านเดี่ยว = 50,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา – บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 80,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตั้งอยู่บนถนนอัจฉริยะพัฒนา หรือซอยวัดส้มเกลี้ยง มีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์ระดับหนึ่ง สามารถเข้าเมืองได้ง่าย เพราะจะอยู่ใกล้กับถนนบรมราชชนนี ถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนประจิมรัถยา เหมาะกับทั้งคนที่ทำงานในเมือง และคนที่เน้นใช้ชีวิตอยู่แถวพุทธมณฑล-ศาลายา-นครปฐม

ในแง่ของตัว ‘โปรดักส์’ และ ‘ราคา’ ผมก็มองว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยครับ เพราะถ้าพูดถึงบ้านในโซนเดียวกันอย่างตรงถนนศาลาธรรมสพน์ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านแพงหลัก 10 – 30 ล้านขึ้นไป และเป็นบ้าน 100 ตร.วา ทั้งหมด แต่ถ้าเราเข้าซอยมาในทำเลรองที่ขนานกันนิดเดียว ก็จะเจอกับโครงการที่มีราคาจับต้องง่ายกว่าไม่ถึง 10 ล้าน ทั้งๆที่อยู่ในโซนเดียวกัน โดยแลกกับทะเบียนบ้านที่จะข้ามมายังฝั่งของจังหวัดนนทบุรีนะครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ด้านหน้ามีซุ้มประตูและ รปภ. ดูแลตลอด 24 ชม. เข้า-ออกด้วยระบบ RFID หรือสัญญาณ Bluetooth พร้อมทั้งยังมี CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านด้วยครับ ประกอบด้วย IP Camera ตรงโถงกลางบ้าน และระบบ Magnetic Sensor ที่บริเวณประตู-หน้าต่างชั้น 1 ทุกหลังเป็นมาตรฐาน

การออกแบบโครงการ : คอนเซ็ปต์ Modern Farmhouse ตัวอาคารและบ้านภายในโครงการจะให้บรรยากาศน่ารักๆแบบบ้านโรงนา เหมือนเราได้อยู่ที่เมืองนอกเลยครับ ซึ่งมีความแตกต่างจากเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ที่จะเน้นไปทาง Modern กันเพียงอย่างเดียว เลยทำให้มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองดี

และถือเป็นโครงการขนาดกลางๆ ที่มีเพื่อนบ้านประมาณ 187 ยูนิต จุดเด่นจริงๆจะอยู่ภายในซอย ที่จะมีเพื่อนร่วมซอยไม่มากเพียง 4 – 8 หลัง จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวาย และบ้านทุกหลังจะวางในทิศเหนือ-ใต้ที่รับลมได้ดี รวมถึงมีการวางส่วนกลางไว้ตรงกลางโครงการ เพื่อให้บ้านทุกโซนมาใช้งานได้สะดวกครับ

การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : มีทั้งบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวให้เลือก สามารถตอบโจทย์คนที่มีความต้องการและงบประมาณที่ต่างกันได้ จุดเด่นอยู่ที่ ‘ความกว้างขวาง’ และ ‘โปร่งโล่ง’ โดยเฉพาะพื้นที่ Common Area ของบ้านทุกหลังจะเห็นว่ามีระยะดูทีวีกว้างมากๆ อีกทั้งยังนำเทคนิคของการลบมุมผนังมาใช้ในบ้านไซส์เล็ก เพื่อช่วยให้พื้นที่ภายในมีความกว้างขวางมากขึ้น แต่ยังใช้งานได้ดี

และบ้านเดี่ยวก็จะมีห้องนอนชั้นล่างทุกแบบ เหมาะกับคนที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย หรือจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ อีกทั้งบ้านหลังใหญ่สุดก็ยังจะมีพื้นที่ใช้สอยภายในที่เยอะสุดในย่าน (หากเทียบกับคู่แข่งในซอยเดียวกัน และที่อยู่ใน Segment เดียวกัน) ซึ่งหากใครที่กำลังมองหาบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มๆแบบนี้อยู่ ก็ลองมองดูโครงการนี้เป็นตัวเลือกได้นะครับ

วัสดุ : โครงสร้างบ้านไซส์เล็ก 2 แบบ (Iris และ Poppy) จะเป็นผนังคอนกรีตเสริมเหล็กหรือ Precast จึงมีความแข็งแรงและสามารถป้องกันเสียงได้ดี ซึ่งเหมาะกับโปรดักส์บ้านแฝดที่มีผนังติดกัน จึงหมดกังวลเรื่องเสียงรบกวนไปได้เยอะเลยครับ แต่ข้อจำกัดก็คือ เวลาที่เราจะทุบ/เจาะ/ต่อเติม จะทำได้ยากกว่าผนังชนิดอื่นๆ เนื่องจากเป็นผนังรับน้ำหนักเหมือนโครงสร้างด้วยในตัว อย่างผนังตรงกลางของห้องนอนเล็กจะไม่สามารถทุบเชื่อมกันได้ครับ ส่วนถ้าเป็นบ้านไซส์ใหญ่ 2 แบบ (Acasia และ Chamomile) จะเปลี่ยนมาเป็น Conventional หรือการก่ออิฐมวลเบา ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถทุบผนังหรือต่อเติมได้ง่าย ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามต้องการ

วัสดุอื่นๆให้มาเป็นมาตรฐานตามระดับราคา พื้นที่จอดรถเป็น Slab on Beam แต่อาจต้องทำหลังคาเพิ่มหน่อยสำหรับตัวบ้านแฝด พื้นชั้นล่างเป็น SPC ใครชอบแต่งบ้านเป็นสไตล์มูจิแบบญี่ปุ่นหรือ cozy น่าจะชอบเลย ส่วนพื้นชั้นบนจะเป็นไม้ลามิเนตธรรมดาต้องระวังเรื่องเปียกน้ำสักนิดนึง และจะต้องเผื่อเงินทำครัวเพิ่มเองด้วยครับ ส่วนห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์จาก American Standard และประตูหน้าต่างเป็นกรอบ UPVC กระจกตัดแสงเป็นมาตรฐาน

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ปัจจุบันพื้นที่ส่วนกลางและสวนของโครงสร้างสร้างเสร็จ 100% และสามารถเข้าไปชมบรรยากาศของจริงกันได้แล้วนะครับ ซึ่งก็จะมีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่อยู่ตรงกลาง ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นต้นไม้ขนาดกลางและสนามหญ้าขนาดใหญ่ (เหมือนสวนสไตล์อังกฤษทั่วไป) ให้เราสามารถชมวิวได้กว้างๆ และนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อื่นๆในอนาคตได้ โดยถนนหลักก็จะมีการปลูกต้นไม้ประดับตลอดทาง พร้อมให้ต้นไม้และปูหญ้าในบ้านแต่ละหลังเป็นมาตรฐานด้วย ภาพรวมผมมองว่าดูเรียบร้อยและสวยงามตามท้องเรื่องดีครับ

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบทั้งแบบ Indoor และ Outdoor โดยภายในจะเป็น Lobby และ Co-Working Space ให้เราได้นั่งเล่นพักผ่อนกันได้ รวมถึงยังมีห้องออกกำลังกายและห้องสันทนาการให้ใช้งานด้วย

ส่วนภายนอกจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ให้เราว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง แถมยังชมวิวสวนสีเขียวกว้างๆไปด้วยได้อีก และข้างๆกันก็จะมีสนามเด็กเล่น + พื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้งให้ใช้งานด้วยครับ

เสริมอีกเล็กๆน้อยๆในเรื่อง Universal Design ที่โครงการจะมีการคำนึงถึงการใช้งานของเด็กและผู้สูงอายุด้วย ซึ่งเราจะเห็นได้จากการทำทางลาดตรงพื้นที่จอดรถ และทางไปห้องน้ำที่อยู่ในอาคาร จึงทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกทุกเพศทุกวัย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 4.69 – 8.9 ล้านบาท, 21 พฤศจิกายน 2566

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – ใกล้ถนนบรมราชชนนี เข้าเมืองได้ง่าย มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – ให้มาเป็นมาตรฐาน พร้อมระบบ Magnetic Sensor และ IP Camera ในบ้าน
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.25/10 – ดีไซน์ Modern Farmhouse พื้นที่ใช้สอยเยอะ ภายในกว้างขวาง เพื่อนบ้านร่วมซอยน้อย
  • วัสดุ 7.5/10 – โครงสร้าง Precast ช่วยกันเสียงได้ดี ที่จอดรถลงเสาเข็ม ส่วนอื่นๆให้เป็นมาตรฐาน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – มีสวนขนาด 1 ไร่ บรรยากาศดี พร้อมปลูกต้นไม้ในบ้าน
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ฟังก์ชันครบ เพียงพอต่อจำนวนยูนิต บรรยากาศดีน่าใช้งาน
  • 7.66 / 10.00

คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน เหมาะกับใคร

โครงการ คาซ่าวิลล์ ปิ่นเกล้า – วงแหวน (Casa Ville Pinklao – Wongwaen) เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด ในซอยวัดส้มเกลี้ยงใกล้ถนนบรมราชชนนี สามารถเข้าเมืองได้ง่าย โปรดักส์มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ Modern Farmhouse พื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวางโปร่งโล่ง บ้านเดี่ยวจะมีห้องนอนชั้นล่างและได้ครัวปิดทุกแบบ สามารถอยู่ร่วมกันได้ 3 – 4 คนสบายๆ มาพร้อมกับฟังก์ชันส่วนกลางให้ใช้งานครบ มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 4.69 – 8.9 ล้านบาท