รีวิวฉบับที่ 850 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ บ้านกลางเมือง วิภาวดี ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5 เมตร ตั้งอยู่ในซอยวิภาวดี 64 แยก 13 สามารถเข้าได้จากทั้งถนนวิภาวดีขาเข้า หรือถนนแจ้งวัฒนะแล้วเข้าที่ซอย 1 ก็ได้ โครงการมีทาวน์โฮมทั้งหมด 2 แบบ ดีไซน์ในคอนเสป Sense of Natural บนที่ดินเริ่มต้น 20 ตารางวา ในราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท
Facts @ 26 May 2015
- Baan Klang Muang Vibhavadi (บ้านกลางเมือง วิภาวดี)
- บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพ
- เนื้อที่โครงการ 19-0-86.4 ไร่ จำนวน 207 ยูนิต
- ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5 เมตร
- Design A ที่ดินเร่ิมต้น 20 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- Design B ที่ดินเร่ิมต้น 20 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 20 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาทหรือ 299,500 บาท/ตร.วา
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ต้นปี 57
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปลายปี 2558 (Phase 1 เสร็จแล้ว) (Phase 2 ดำเนินการแล้ว 80%)
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร 1623
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.871521949768, 100.58659362793
ที่ตั้งของโครงการ บ้านกลางเมือง วิภาวดี สามารถเข้าได้จากถนนสองเส้นใหญ่ คือถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า มุ่งหน้าลาดพร้าว เข้าซอยวิภาวดี 64 ทางซ้ายมือ เข้าซอยมาประมาณ 1.5 กิโลเมตร และถนนแจ้งวัฒนะขามุ่งหน้าหลักสี่ก่อนจะขึ้นสะพานข้ามแยก ซอยแจ้งวัฒนะอยู่ซ้ายมือเช่นกัน เข้าซอยประมาณ 1.3 กิโลเมตร
แม้ว่าที่ตั้งของโครงการ บ้านกลางเมือง วิภาวดี จะลึกเข้าไปในซอยมากกว่า 1 กิโลเมตร แต่ก็สามารถเข้าจากถนนใหญ่ได้ทั้งสองสายคือถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า และถนนแจ้งวัฒนะ ที่ถือว่าเป็นข้อดีข้อหนึ่งเลยของการเข้าสู่โครงการ เพราะพื้นที่ทำเลบริเวณรอบๆโครงการถือว่าเป็นพื้นที่ชานเมืองทางตอนเหนือของกรุงเทพ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ตั้งการรองรับการขยายเมืองอย่างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่หลายแห่ง, โรงเรียน รวมไปถึงสนามบินดอนเมือง โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ บนถนนวิภาวดีรังสิตทั้งขาเข้า-ออกรถจะติดมากเนื่องจากเป็นถนนสายเส้นยาวหลักเข้า-ออกเมือง ทำให้เราสามารถเลี่ยงไปเข้ายังถนนแจ้งวัฒนะได้
ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบวิภาวดี-นนทบุรี-มีนบุรี จะถือว่าเป็นทำเลที่มีความสะดวก เพราะมีสะพานกลับรถจากถนนวิภาวดีขาออกมายังขาเข้า ผ่านแยกเลี้ยวซ้ายเข้ารามอินทรามาไม่ไกล ซอยวิภาวดี 64 จะอยู่ทางซ้ายมือ รวมไปถึงสามารถทะลุไปออกยังถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อขึ้นสะพานข้ามแยกไปยังถนนแจ้งวัฒนะฝั่งที่เป็นศูนย์ราชการ หรือจะเลยไปยังแถบปากเกร็ด-รัตนาธิเบศร์ที่มีศูนย์การค้าเรียงกันเป็นแถบ หรือจะกลับรถใต้สะพานข้ามแยกไปยังรามอินทรา-มีนบุรีที่มีเซนทรัล รามอินทราอยู่ไม่ไกล ส่วนทางขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์เข้าเมืองจะต้องออกไปที่ซอยแจ้งวัฒนะ 1 บนถนนแจ้งวัฒนะ เลี้ยวซ้ายเข้าที่ถนนวิภาวดีขาเข้า จะมีด่านทางขึ้นอยู่ไม่ไกล แต่ถ้าออกทางถนนวิภาวดีต้องไปอ้อมไกลเลยทีเดียว
ชานเมืองตอนเหนือของกรุงเทพ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร ปะปนกับสิ่งปลูกสร้างที่เกื้อกูลในการใช้ชีวิตประจำวัน ภายในซอยวิภาวดี 64 ส่วนหน้าซอยจะเป็นตลาด มี 7-11 มีร้านสะดวกซื้อ รวมถึงคนนิยมมาจอดรถสองข้างทางชั่วคราวกัน ภายในซอยเป็นทางเดินรถทางเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย และมีเปิดเป็นบริษัทเล็กๆบ้างนิดหน่อย ลึกเข้าไปในซอยวิภาวดี 64 แยก 13 ก็จะเร่ิมมีพื้นที่ว่างเปล่า พื้นที่พักอาศัยแปลงเล็กลงบ้าง
ส่วนในเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ตัดมาจากสถานีศูนย์ราชการตรงรัตนาธิเบศร์เป็นสถานี Interchange สายสีชมพู-ม่วง-น้ำตาล สายสีชมพูจะจัดตรงมาเรื่อยๆบนถนนแจ้งวัฒนะข้ามทางรถไฟ และเลยไปถึงถนนรามอินทรา สถานีใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นสถานีราษภัฏพระนครก่อนถึงแยกรามอินทรา และอีกสายหนึ่งคือสายสีเขียวต่อขยายช่วงห้าแยกลาดพร้าว-คูคต บ้างบอกว่าสถานีวัดพระศรีมหาธาตุและสถานีอนุสาวรีย์เป็นสถานีที่เดินเชื่อมต่อกันได้ แต่ไม่ใช่สถานีเดียวกัน บ้างบอกว่าสถานีอนุสาวรีย์หลักสี่เป็นจุดเชื่อมต่อเดียว ทำให้ภายในอีก 5 ปี เราคงจะเร่ิมเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ไปในทางที่ดีขึ้น เข้าถึงง่ายมาขึ้นนะคะ
ตัดกลับมาสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีสถานีรถไฟฟ้าใดๆในระยะ 5 กิโลเมตร เราก็ยังคงจะต้องพึ่งพารถตู้บนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ รวมถึงรถเมล์ และแท๊กซี่ แต่การเรียกแท๊กซี่จากโครงการก็ดูจะยากเพราะอยู่ในซอยลึก ไม่อยู่ในระยะเดิน และขนาดซอยก็ไม่ใหญ่มาก ส่วนการเข้าถึงโครงการอย่างพี่วินก็จะมีอยู่หน้าตลาดวิภาวดี 64 และหน้าซอยแจ้งวัฒนะ 1
เส้นทางแรกที่จะพาไปชมกัน คือเส้นทางจากถนนวิภาวดีรังสิตขาออก ช่วงก่อนเลี้ยวซ้ายไปยังปากเกร็ด ตรงมาเรื่อยๆจะเจอสะพานกลับรถเพื่อข้ามฝั่งไปยังถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านด่านทางด่วนโทลล์เวย์ ชิดซ้ายและเลี้ยวเข้าซอยที่ซอยวิภาวดี 64 ผ่านตลาดตรงเข้ามาประมาณ 450 เมตร เลี้ยวซ้ายตามทางโค้งที่เป็นเดินรถทางเดียวจนถึงซอยวิภาวดี 64 แยก 13 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาอีก 330 เมตร เลี้ยวขวาอีกประมาณ 100 เมตร ซุ้มทางเข้าโครงการจะอยู่ด้านหน้า
เริ่มต้นการเดินทางกันที่ถนนวิภาวดีรังสิตขาออก มุ่งหน้ารังสิต ก่อนจะถึงแยกเลี้ยวซ้ายเข้างามวงศ์วาน-ปากเกร็ด เราจะตรงไปเลยแยก เพื่อมุ่งหน้าหาสะพานกลับรถไปยังถนนวิภาวดีขาเข้า
ผ่านแยกมาก็จะเจอป้ายบอกทางไปยังสะพานกลับรถให้ชิดซ้าย ส่วนชิดขวาคือทางเข้าของสนามบินดอนเมือง ตรงกลางสองเลนจะกั้นไว้สำหรับทด่านทางขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ออกนอกเมืองไปรังสิต-บางปะอิน
เลยมาไม่ไกลจะเจอสะพานกลับรถจากถนนวิภาวดีขาออกไปยังขาเข้า
แล้วเราก็มาลงที่ถนนวิภาวดีขาเข้า
บนถนนวิภาวดีขาเข้าทางค่อนข้างจะคดเคี้ยวและความกว้างไม่เท่ากันตลอดเส้น บางทีจะแคบลงเนื่องจากมีสถานีระบายน้ำสำหรับคลองที่อยู่ข้างๆทางซ้ายมือ บางทีก็จะกว้างเป็นถนน 4 เลน
ตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอแยกเลี้ยวซ้ายไปยังถนนรามอินทรา มุ่งหน้ามีนบุรี ซึ่งความจริงเราก็สามารถเลี้ยวซ้าย แล้วไปกลับรถเข้าเข้าที่ซอยแจ้งวัฒนะ 1 ก็ได้ แต่ก็จะยุ่งยากกว่า เส้นทางเลี้ยวซ้ายจะแนะนำเป็นช่วงเย็นๆเวลาเลิกงานที่ถนนวิภาวดีติดมากๆนะคะ ตอนนี้เราจะตรงไปเรื่อยๆผ่านแยกไปบนถนนวิภาวดีก่อน
ตรงมาเรื่อยๆก็จะมีทางขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์อยู่ตรงกลาง 2 เลน ทางขวาเป็นทางเข้าไปใต้สะพานสำหรับรถที่วิ่งตรงยาวๆ ต้องการเร่งความเร็วนิดนึง ส่วนเราที่ใกล้จะเลี้ยวซ้ายก็ชิดซ้ายเลยค่ะ สองข้างทางของถนนวิภาวดีก็จะมีป้ายรถเมล์ มีสะพานลอยข้ามยาวๆ และมีรถตู้วิ่งผ่านตลอดๆ
ตรงมาเรื่อยๆทางซ้ายมือก็จะเป็นเขตโรงเรียนของโรงเรียนไผทอุดมศึกษา ที่จะมีการแบ่งช่องตั้งกรวยจราจรกั้นไว้เลย เผื่อการหยุดรถเป็นเวลาสั้นๆ รถตามหลังจะได้ไม่หงุดหงิดกัน ผ่านตรงนี้เราก็จะชะลอและเร่ิมชิดซ้ายนะคะ ซอยวิภาวดี 64 อยู่ห่างไปไม่ไกลแล้ว
สะพานลอยข้ามถนนวิภาวดีกว้างประมาณ 10 เลนก็จะเป็นทางวนๆที่สามารถลากจักรยานขึ้น-ลงได้ด้วย ทางซ้ายก็จะเป็นป้าย Billboard โครงการสีฟ้าขนาดใหญ่ใกล้กับทางเข้า
เลยสะพานลอยมานิดเดียวก็จะเจอซอยวิภาวดี 64 อยู่ทางซ้ายมือ โดยมีจุดสังเกตคือมี 7-11 อยู่หน้าปากซ้าย มีรถสัญจรเข้า-ออกเยอะ
เข้าซอยมาแล้วก็จะเจอทางม้าลายข้าม และเจอรถจอดอยู่บริเวณหน้าซอยทั้งสองข้างเยอะมาก ทั้งคนที่ผ่านไปมาและคนในพื้นที่ เพราะจะมีตลาดอยู่ทางซ้าย รวมถึงร้าน 7-11 ทางซ้ายมือนี่ก็ไม่ใช่ร้านที่อยู่หน้าปากซอยนะคะ ในระยะไม่ถึง 500 เมตรเท่าที่นับได้มีร้านสะดวกซื้อประมาณ 6 ร้าน ลองดูกันไปเรื่อยๆ ส่วนทางเดินเท้าทางขวามือก็จะเป็นรถจอดขายของ ขายผลไม้ รวมถึงร้านอาหารแบบชั่วคราว
รถจอดเยอะ รถเข้า-ออกมากมาย คึกคักดีนะคะ เลยไปทางเต้นท์ผ้าใบสีฟ้าทางซ้ายมือจะเป็นตลาดที่ขายของแห้ง ของสด อาหารถุง และอาหารทำสดต่างๆ จากตรงนี้ถึงโครงการระยะจะอยู่ที่ 1.5 กิโลเมตร ถ้าขับรถหรือใช้บริการพี่วิน แต่ในระยะเดินจะอยู่ที่ 1.2 กิโลเมตร เพราะในซอยจะเป็นการเดินรถทางเดียว
เลยช่วงคึกคักมาจะเจอซอยทางซ้ายมือ ถ้าตรงเข้าไปจะเป็นซอยตัน แต่ก็มีทางแยกเลี้ยวขวาเพื่อออกซอยวิภาวดี 64 แยก 1 หรือจะตรงไปธรรมดาเพื่อเลี้ยวซ้ายก็เหมือนๆกัน
ถ่ายให้ดูซอยทางซ้ายมือก็ยังเป็นพื้นที่จอดรถของตลาดด้านหน้า และรถขายของต่างๆ
ตรงมาอีกหลังจากเป็นช่วงบ้านพักอาศัยใหญ่ๆ 1 หลังก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ที่สองข้างทางก็เป็นร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านสะดวกซื้อทั้งหมด ก็มีรถจอดอยู่เยอะ แต่ไม่เท่าช่วงต้นซอย
เราตรงมาจนสุดก็จะเจอทางแยกทั้งตรงไปเข้าซอยวิภาวดีแยก 6 หรือเลี้ยวซ้ายเข้าแยก 4 ส่วนเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยทางแยกเลขคี่ค่ะ
เลี้ยวซ้ายเข้ามาพื้นที่ก็จะเร่ิมเงียบลง มีบ้านพักอาศัยทั้งแบบทาวน์โฮม และะบ้านเดี่ยวพักอาศัยที่เป็นบ้านแบบมีบริเวณ เราจะตรงไปเรื่อยๆตามทางที่เป็นซอยเดินรถทางเดียวแล้วนะคะ ส่วนเส้นทางก็จะเป็นทางโค้งๆต่างจากซอยปกติที่จะมีซอยหลักตรงๆแล้วก็แยกซ้ายขวา
ตรงเข้ามา 130 เมตรจากทางแยกซ้าย-ขวาเมื่อกี้ก็จะเป็นทางแยกที่ตรงไปจะเป็นทางแยกเลขคี่ ส่วนทางขวามือจะเป็นซอยวิภาวดี 64 แยก 8 ที่เป็นการเดินรถจากอีกทางหนึ่ง เหมือนที่เห็นในภาพว่าจะเป็นการสวนกัน แต่ถ้าเราขับรถมาจากโครงการแล้วจะออกที่ต้นซอยวิภาวดี 64 หรือจะเดินออกก็จะตัดมาทางแยก 8 ได้ค่ะ
ทางซ้ายมือจะเป็นซอยวิภาวดี 64 แยกเลขคี่เรียงไปเรื่อยๆตั้งแต่แยก 1
สองข้างทางของภายในซอยก็จะร่มรื่นใช้ได้ มีต้นไม้เยอะ มีทางเดินเท้าบ้างเป็นช่วงๆ แต่ในช่วงฝนตกก็น่าหวั่นอยู่เหมือนกัน ระหว่างแยก 7 และ 9 จะมีซอยแจ้งวัฒนะ 1 ที่สามารถออกไปยังถนนใหญ่แจ้งวัฒนะได้ และก็สามารถใช้เป็นทางเข้าโครงการได้อีกทางหนึ่งเหมือนกัน
ตรงมาเรื่อยๆจากปากซอยวิภาวดี 64 ประมาณ 1 กิโลเมตร จะเจอป้ายซอยแยก 13 ทางซ้ายมือ เราจะเลี้ยวซ้ายกันตรงนี้นะคะ
ในซอยวิภาวดี 64 แยก 13 เป็นซอยที่เป็นทางเดินรถได้ทั้งสองทาง ความกว้างสวนกันได้สบายๆ มีรถจอดหน้าบ้านบ้างประปราย แต่ตั้งแต่เข้ามาในซอยก็จะเงียบลงเรื่อยๆอยู่แล้ว
ตรงมาก็จะมีซอยแยกที่เป็นซอยตันบ้างอย่างทางขวามือ ภายในซอยก็จะมีบ้านเดี่ยวแบบมีบริเวณ ที่ปรับเป็นสำนักงานบ้าง บริษัทบ้าง และที่ดินว่างเปล่าหลายแปลง แต่เราจะตรงไปเรื่อยๆ
ตรงมาเรื่อยๆจะมีทางแยกสองทาง ทั้งสองทางจะเป็นซอยตันทั้งคู่ มีป้ายเล็กๆของโครงการติดอยู่ที่เสาไฟฟ้าบอกทางเข้าโครงการว่าไปเลี้ยวขวา
ตรงไปจนสุดทางก็จะเป็นทางเข้า-ออกโครงการพอดี
ซุ้มโครงการด้านหนัาสามารถต้อนรับลูกบ้านที่เข้าพักอาศัยแล้ว ผู้มาติดต่อ รวมถึงเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ มีแบ่งช่องทางเข้า-ออกเรียบร้อยดี
เส้นทางที่สองสั้นๆที่จะพาไปดูกันคือเส้นทางที่เชื่อมกับระหว่างซอยวิภาวดี 64 และซอยแจ้งวัฒนะ 1 ที่มีทางลัดออกไปยังถนนแจ้งวัฒนะได้ โดยซอยแจ้งวัฒนะ 1 จะอยู่ระหว่างซอยวิภาวดี แยก 7 และแยก 9 ตรงไปเรื่อยๆจะไปออกยังปากซอยบนถนนแจ้งวัฒนะมุ่งหน้าหลักสี่ สามารถเข้าขวาเพื่อเข้าเลนขึ้นสะพานข้ามแยกได้
กลับมาตั้งต้นกันใหม่ที่ภายในซอยวิภาวดี 64 เราเข้ามาจากส่วนตลาดด้านหน้าที่คึกคัก และเลี้ยวซ้ายผ่านซอยแยกเลขคี่กันมาบ้างแล้ว ตอนนี้เราจะไปออกที่ซอยทางลัด ซอยแจ้งวัฒนะ 1 ทางซ้ายมือเพื่อออกไปยังถนนแจ้งวัฒนะ ตัวซอยแจ้งวัฒนะ 1 จะอยู่ระหว่างซอยวิภาวดี 64 แยก 7 และแยก 9 จะมีป้ายบอกทางอยู่ค่ะ
เลี้ยวซ้ายเข้ามาอยู่ภายในซอยแจ้งวัฒนะ 1 ส่วนปลายซอยแล้วก็จะมีป้ายนำทางไปเรื่อยๆ ภายในซอยเป็นแบบ 2 เลน สวนกันได้ สองข้างทางก็จะเป็นบ้านพักอาศัย พื้นที่ว่างเปล่า และบางพื้นที่ปรับเป็นบริษัท มีทางเดินเท้า และปลูกต้นไม้ไปได้เรื่อยๆ
อย่างทางขวามือใกล้แยกไปซอยย่อยๆก็จะมีร้านอาหารเปิดให้บริการบ้าง เพราะถือว่าไม่เป็นซอยลึกเท่าไรจากถนนใหญ่ ทำให้ค่อนข้างเดินทางสะดวก และอย่างทางอาคารด้านซ้ายมือก็มีเปิดเป็นอพาร์ตเมนท์แบบ Low rise ให้เช่าไป
ตรงมาเรื่อยๆทางขวาจะเป็นพื้นที่บริษัทกึ่งโรงงานขนาดใหญ่ใช้ได้เลยสำหรับพื้นที่ที่อยู่ภายในกรุงเทพ ทางขวามือเป็นพื้นที่ว่างเปล่า เราจะตรงกันไปอีกนิดเดียวก็จะถึงต้นซอย
ถึงปากซอยแจ้งวัฒนะ 1 กันแล้ว ด้านหน้าเป็นถนนแจ้งวัฒนะที่บังคับเลี้ยวซ้าย
หน้าปากซอยก็จะมีสะพานลอยข้ามถนนแจ้งวัฒนะที่กว้าง 8 เลน ไม่มีเกาะกลางเท่าไร มีแค่แท่นคอนกรีตกั้นสองฝั่งและเสาไฟสูงๆเว้นระยะ
ตรงมาอีกก็จะมีสะพานลอยอีกจุดหนึ่ง และมีสะพานข้ามแยก ขึ้นไปเพื่อไปลงถนนแจ้งวัฒนะฝั่งที่เป็นศูนย์ราชการ ถ้าตรงไปก็จะเป็นรัตนาธิเบศร์-เรวดี หรือจะกลับรถใต้สะพานข้ามแยกไปยังถนนแจ้งวัฒนะมุ่งหน้ารามอินทรา-มีนบุรี หรือชิดซ้ายรอสัญญาณไฟนิดหน่อยเพื่อเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า
มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ อย่างที่กล่าวไปว่าในซอยวิภาวดี 64 ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ 2-3 ชั้น มีที่ปรับปรุงเป็นบริษัทเล็กๆบ้าง ยิ่งซอยลึกจะยิ่งเงียบ เข้ามาในแยก 13 ก็จะมีพื้นที่ว่างเปล่าเป็นจุดๆ เลี้ยวขวาอีกทีโครงการจะอยู่ด้านหน้าเลย ทางทิศตะวันออกของโครงการจะเป็นคลองยาวที่วิ่งเหนือ-ใต้ ทำให้ทางโครงการทำรั้วสูงขึ้นมาจากปกติ 2 เมตร เพื่อรักษาความสวยงามและป้องกันกลิ่น ส่วนทิศอื่นๆก็จะเป็นบ้านพักอาศัยปกติทั่วไป
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดหน้าซอยวิภาวดี 64 1.2 กิโลเมตร
- โรงเรียนไผทอุดมศึกษา 1.4 กิโลเมตร
- ม.ศรีปทุม 2.4 กิโลเมตร
- สถานีรถไฟหลักสี่ 2.7 กิโลเมตร
- วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร 2.7 กิโลเมตร
- สำนักงานเขตบางเขน 3 กิโลเมตร
- สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ 3 กิโลเมตร
- โรงเรียนสารวิทยา 3.1 กิโลเมตร
- เทสโก้ โลตัส 3.1 กิโลเมตร
- เซ็นทรัล รามอินทรา 3.3 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 3.3 กิโลเมตร
- โรงแรม Miracle Grand 3.4 กิโลเมตร
- ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 3.6 กิโลเมตร
- กรมทหารราบที่ 11 4 กิโลเมตร
- สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ 4.1 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยเนอรัล 4.2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลวิภาวดี 5 กิโลเมตร
- สนามบินดอนเมือง 5.8 กิโลเมตร
โครงการ บ้านกลางเมือง วิภาวดี เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง 207 ยูนิต แบ่งออกเป็น Phase 1 ที่กำลังเปิดขายกันอยู่ และมีลูกบ้านบางส่วนย้ายเข้าอยู่แล้ว และ Phase 2 ที่กำลังจะเสร็จภายในปลายปีนี้ บนเนื้อที่โครงการ 19-0-86.4 ไร่ โดยสามารถเข้าถึงได้จากทั้งซอยวิภาวดี 64 และซอยแจ้งวัฒนะ 1 ที่ก็ต้องมาบรรจบกัน ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวิภาวดี 64 แยก 13 ถนนหน้าโครงการเป็นถนนภาระจำยอมกว้าง 9 เมตร ผ่านซุ้มโครงการเข้ามาถึงจะเข้าถนนหลักของโครงการกว้าง 12 เมตร ที่จะเจอ Club house ที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียวอยู่ส่วนหน้าของโครงการ แตกซอยย่อยภายในโครงการซ้ายขวาตัดผ่านหน้ายูนิตทุกยูนิตกว้าง 9 เมตร ความยาวอาคารมีจำนวนยูนิตมากน้อยไม่เท่ากัน แบ่งแบบทาวน์โฮม Design A และ Design B สลับกันไปเรื่อยๆไม่ได้เจาะจงในอัตราส่วนเท่าๆกัน มีพื้นที่ว่างระหว่างอาคาร 4 เมตร ขนาดที่ดินแปลงมาตรฐานคือ 20 ตร.วา
การวางตัวบ้านของทาวน์โฮมมีทั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือ และหันไปทางทิศใต้ หน้าบ้านหันออกไปถนนโครงการ และหันหลังบ้านชนกัน ใครที่ชอบแสงธรรมชาติ อยู่แล้วสบายๆทั้งวันก็น่าจะเลือกทาวน์โฮมที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ใครที่ชอบแดดแรงหน่อย เข้าถึงตัวบ้านได้ทั้งวันแนะนำหน้าบ้านหันไปทางทิศใต้ ส่วนหลังบ้าน ก็จะได้รับแสงตามช่องแสงที่มีให้หลังบ้าน
และเนื่องจากโครงการได้แบ่งการขายออกเป็น Phase 1 และ Phase 2 และแปลงที่ดินเป็นแบบหน้ากว้างจากทางเข้า และวางตำแหน่ง Facility ไว้ส่วนหน้า ทางหลักเป็นทางตรง และเลี้ยวเข้าซอยย่อยซ้าย-ขวา ลึกนิดหน่อย ทำให้คนที่ซื้อทาวน์โฮม Phase ที่ 1 จะได้การเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ดีกว่า แต่ Phase 2 ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า ไม่มีเพื่อนบ้านเดินผ่านหน้าบ้านหรือขับรถผ่านบ่อยๆ
ทางเข้าโครงการเป็นถนนภาระจำยอมขวาอยู่ด้านหน้ากว้าง 8 เมตร ซุ้มโครงการสูงมากกว่า 5 เมตร ฝั่งขวาของซุ้มทางเข้าโครงการ คือป้ายชื่อโครงการ ส่วนฝั่งซ้ายคือทางเข้า-ออกรถ แบ่งช่องทางเดินรถชัดเจน มีป้อมพี่ยามคั่นอยู่ตรงกลางเพื่อดูแลระบบรักษาความปลอดภัย
ถนนภาระจำยอมจะยาวตั้งแต่หน้าโครงการทางขวาไปทางซ้าย แม้ว่าการก่อสร้างส่วน Phase ที่ 2 จะยังดำเนินการไม่เสร็จ แต่ก็จะใช้ช่องทางด้านข้างในการขนของใหญ่ๆ แทนการตัดผ่านเข้าโครงการตรงๆ เพื่อเป็นการไม่รบกวนลูกบ้านที่ได้เข้าไปอยู่อาศัยแล้ว
ถนนภาระจำยอมทางซ้ายมือ รั้วรอบโครงการเป็นรั้วทึบสูง 3.5 เมตร บางจุดจะต่อรั้วสูงขึ้นอีก 2 เมตร อย่างฝั่งที่ติดกับคลองและชุมชนบางส่วน
กลับมาที่ป้อมยามกันนะคะ ซุ้มทางเข้าเป็นเแบบเรียบๆสีขาว-เทาเข้ม ทางเข้ารถมีจุดสแกนบัตร Key Card Access ระยะใกล้ เพื่อเลื่อนเปิดประตูเปิดอัตโนมัติแบบ 2 ตอน และข้างๆของประตูรั้วเลื่อนก็จะมีประตูเล็กสำหรับคนเดินเข้าธรรมดาด้วย
จุดสแกนบัตร Key Card Access ระยะใกล้ สำหรับการเข้าโครงการของลูกบ้าน จะติดอยู่ข้างๆป้อมพี่ยาม
กล้องวงจรปิดที่จับไปที่ทะเบียนรถและหน้าต่างคนขับ
รั้วประตูเลื่อนเป็นแบบ 2 ชั้น สามารถเลื่อนเก็บไว้ที่ด้านข้างด้านหลังของป้อมยาม มีประตูเล็กอยู่ทางซ้ายมือ โครงการนี้ใช้บัตรแสกนเข้า-ออกกับประตูเลื่อนตลอดนะคะ ไม่ว่าจะช่วงกลางวันหรือกลางคืน บางโครงการจะใช้ไม้กระตกอัตโนมัติในช่วงกลางวัน และช่วงที่มีคนเข้าออกน้อยถึงจะเปลี่ยนไปใช้ประตูเลื่อนอัตโนมัติ แบบโครงการนี้จะดูปลอดภัยกว่านิดนึง เพราะรู้สึกถึงความมิดชิดมากกว่า
เข้ามาภายในโครงการก็จะเจอถนนหลักอยู่ด้านหน้ากว้าง 12 เมตร ตรงยาวไปเรื่อยๆ โดยมีซอยย่อยแยกออกไปซ้าย-ขวา
อย่างทางซอยซ้ายมือก็จะเป็นที่ตั้งของ Sales Office ที่ให้ลูกค้าเข้าไปติดต่อ และส่วนของบ้านตัวอย่างทั้งที่ตกแต่งเรียบร้อยให้ดู และส่วนที่เป็นบ้านมาตรฐานตอนขาย ดังนั้นทั้งซอยนี้จะเป็นซอยที่คนเข้ามาติดต่อเยอะที่สุด ทางโครงการเลยยังไม่ได้ขายยูนิตที่อยู่ภายในซอยที่ทั้งหมดนะคะ ส่วนทางขวามือใกล้ๆนี่คือสวน และส่วน Facility ที่เราจะพาไปชมกันทีหลังสุด
เดินลึกเข้ามาก็จะเจอรถกอล์ฟจอดอยู่หน้า Sales Office ที่จะพาผู้สนใจเข้าไปชมบรรยากาศโครงการจริงๆกันด้านใน จะสังเกตว่าบ้านแถบนี้ยังไม่ติดประตูเล็กทางเข้าทาวน์โฮมแบบจริงจัง แต่จะเปิดออกแล้วใส่พื้นที่สีเขียวเข้าไปเยอะๆทั้งต้นไม่ใหญ่ และสวนดอกไม้
เดินเข้าไปด้านในซอยหน่อยก็จะเป็นทาวน์โฮมแบบมีรั้วปิดเรียบร้อย แต่ยังถูกใช้เป็นพื้นที่จอดรถของพนักงานบ้าง ผู้มาติดต่อโครงการบ้าง ช่างตกแต่งบ้าง ดังนั้นส่วนนี้ก็ยังไม่เปิดขายค่ะ มองไปสุดกำแพงฝั่งนี้ด้านนอกจะเป็นคลองยาวตลอดแนวแปลง จากกำแพงสูง 3.5 เมตร ทางโครงการเลยต่อขึ้นไปอีกเป็น 5.5 เมตร
พาไปดูส่วนที่เปิดขายจริงกันบ้างนะคะกับพื้นที่ภายในโครงการซอย 1 ที่เป็นซอยแรกทางขวามือหลังจากผ่านซุ้มหน้าโครงการเข้ามา ด้านในซอยก็จะเป็นทาวน์โฮม Design A แถวหนึ่งสลับกับ Design B ไป ตรงกลางเป็นถนนกว้าง 9 เมตร
หน้าตาด้านหน้าของทาวน์โฮมก็จะออกสไตล์โมเดิร์นหน่อย ด้านล่างจอดรถได้ 2 คัน มีชั้นลอยก่อนขึ้นไปยังชั้น 2 และ 3 มีรั้วโปร่งเตี้ยๆกั้น
เสาไฟฟ้าก็จะวางอยู่ตรงตำแหน่งบ้านเข้าซอยมาทางซ้ายมือ แล้วโยงเข้าทาวน์โฮมฝั่งขวามือทีละหลังๆไป
ระหว่างอาคารแต่ละอาคารก็จะมีช่องว่างตามกฎหมายคืออย่างน้อย 4 เมตร ช่วยลดความแออัดของพื้นที่ และการเข้าถึงของระบบรักษาความปลอดภัยและอัคคีภัย ก็เลยใช้พื้นที่ปลูกต้นไม้ ใส่พื้นที่สีเขียว แล้วก็มีป้ายกำกับว่าห้ามจอดรถ ได้แค่เป็นจุดกลับรถเท่านั้น ถ้าเป็นหลังกลางๆก็จะสามารถเดินทะลุไปอีกซอยหนึ่งได้เลย
แต่ถ้าเป็นซอยที่ติดรั้วโครงการก็จะเป็นพื้นที่สีเขียวเล็กๆ แบบเดินต่อไปไหนไม่ได้ มีรั้วพุ่มไม้กั้นอยู่
สุดซอยก็จะเป็นรั้วโครงการสูง 3.5 เมตร ฝั่งนี้จะไม่ได้มีต่อความสูงกำแพงขึ้นไปอีก ริมรั้วก็จะมีการปลูกไม้พุ่ม และวางต้นไม้ใหญ่เป็นระยะๆ
กลับมาที่ถนนหลักภายในโครงการที่ยิงยาวเข้าไปถึงโครงการด้านใน ทางซ้ายมือเป็นส่วนของ Facility ส่วนกลาง
Clubhouse และสนามหญ้าเขียวๆทางซ้ายมือ ขออนุญาติเก็บไว้ดูที่หลังสุดนะคะ ขอพาไปชมพื้นที่รอบๆกันก่อนละกัน
ริมทางเดินถนนหลักก็จะมีพื้นที่ปลูกหญ้าและต้นไม้ใหญ่ ที่เหมือนจะเป็นทางเดินเท้า แต่ก็ไม่สามารถเดินได้ ต้องลงมาเดินบนถนนอยู่ดี ริมทางก็จะมีรถลูกบ้านจอดอยู่บ้างนิดหน่อย
พามาแอบชะโงกดูส่วนหลังบ้านของบ้านมาตรฐาน ก็จะมีการต่อเติมของกันสาดบ้างสำหรับบ้านที่ย้ายเข้าอยู่แล้ว เพื่อให้พื้นที่ด้านหลังสามารถใช้งานได้อย่างไม่ร้อนมากในสภาพอากาศเหงื่อตกแบบนี้ นอกจากนั้นก็จะเป็นพื้นที่วางของปั้มน้ำและแท๊งค์น้ำ
ผ่านมา 1 บล็อคก็จะเจอซอยแยกซ้าย-ขวาอีก ลึกเข้าไปก็จะเป็นพื้นที่ Phase 2 ที่ยังไม่เปิดให้เข้า รวมแล้ว Phase 1 ก็จะมีเพียง 4 ซอยย่อย ที่ 1 ซอยส่วน Sales Office ก็ยังไม่เปิดขาย ถือว่าเป็นโครงการที่จัดพื้นที่ในโครงการไม่ซับซ้อน หน้าแปลงกว้าง เข้าถึงได้ง่ายหน่อย
ซอยทางขวามือก็เริ่มมีลูกบ้านย้ายเข้ามาอยู่เรื่อยๆ บางหลังก็ยังมีการตกแต่งต่อเติมให้ช่างเข้ามาเรื่อยๆ
ส่วนซอยทางซ้ายหลัง Clubhouse ก็เช่นกัน มีการย้ายเข้าอยู่บ้างแล้ว ฝั่งนี้ก็จะได้การเข้าถึงส่วนกลางที่ง่ายกว่าหน่อย แต่ก็อาจจะพลุกพล่านกว่านิดนึง
เดินมาตรงๆก็จะเจอประตูกั้นระหว่าง Phase 1 และ Phase 2 ที่ดำเนินการไปแล้ว 80% ถ้ายังไงมีความคืบหน้าหรือโครงการเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดแล้วอาจจะมีโอกาสเข้ามาเก็บภาพให้ชมกันอีก
กลับมาที่เราติดกันไว้คือส่วน Facility ของโครงการ ทั้งส่วนภายในพื้นที่อาคารของ Clubhose และส่วนสวนสาธารณะด้านหน้าขนาด 252.6 ตารางวา ที่วางลูกเล่นไว้ตามจุดต่างๆให้ลูกบ้านได้ใช้งานกัน อย่างหน้าอาคารนี้ก็จะมีบ่อน้ำพุพร้อมหัวฉีดเรียบร้อย แต่ไม่ได้เปิดใช้ช่วงเวลาที่เข้าไปโครงการ
หันมาทางซ้ายมือก็จะเจอลานพื้นที่สีเขียวกว้างๆ มีการทำลวดลายตัดด้วยเส้นแนวยาว เป็น Outdoor เปิดโล่งที่ดี แต่ลูกบ้านส่วนใหญ่ก็น่าจะมาใช้พื้นที่ในช่วงเย็นๆมากกว่านะคะ สุดสนามจะมีพื้นที่ในร่มให้นั่งเล่น นั่งพักผ่อนได้หน่อยนึง
เก้าอี้นั่งเล่นในร่มมีสองตัวถ้วน
เลยออกมาจากเก้าอี้นั่งเล่นก็จะมีพื้นที่ที่เหมือนไว้ให้สำหรับเด็กผู้ชายซนๆวิ่งไปมา เพราะจะมีทางเดินลาดยกจาพื้นสูงขึ้นมาเรื่อยๆจนกลางเป็นความสูงเท่าเก้าอี้
เดินมาส่วนด้านหลังหันหน้าเข้า Clubhouse อีกทางหนึ่งก็จะมีสนามเด็กเล่น ที่มีเครื่องเล่นประมาณ 3 เครื่อง พื้นปูด้วยหญ้าเทียมกันเจ็บให้ แล้วก็มีไฟสนาม เก้าอี้ยาวสำหรับพ่อแม่นั่งรอลูกๆในระยะใกล้ๆ
ต่อมาเราจะเร่ิมเข้าไปดูภายใน Clubhouse กันบ้างนะคะ จากภายนอกจะเห็นอาคารเป็นรูปทรงตัว U สูง 2 ชั้น ด้านล่างข้างหน้าก็จะมีสระว่ายน้ำ และสองฝั่งที่ปิดมืดหน่อยก็จะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง ตรงกลางเป็นบันไดขึ้นไปชั้นสอง ที่จะมีห้องนิติบุคคล ห้องฟิตเนส และห้องอ่านหนังสือ
ทางเข้า Clubhouse จะมาแอบอยู่ด้านข้างถนนหลักโครงการ ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ ดูพรางตัวได้ดี
ทางเข้าเป็นทางเดินขึ้นบันได้เล็กๆ
เดินขึ้นมาก็จะเจอสระว่ายน้ำรูปตัว L ขนาด 5 x 15 เมตร อยู่ทางซ้ายมือ ข้อดีของอาคารรูปตัว U คือแม้สระว่ายน้ำจะอยู่กลางแจ้ง แต่ก็จะมีเงาช่วยลดอุณหภูมิเยอะมาก ทำให้เด็กๆ พ่อแม่ มาเล่นน้ำด้วยกันได้เกือบจะทั้งวัน แต่ด้วยขนาดสระที่ไม่ใหญ่มาก อาจจะทำให้ออกกำลังกายจริงจังไม่ได้
ข้างทางเข้าก็จะมีเก้าอี้นั่ง ป้ายบอร์ดประชาสัมพันธ์ และถังดับเพลิง นอกจากนั้นก็ยังมีทางเดินเข้าห้องน้ำหญิงอยู่ทางซ้ายมือ
ประตูทางเข้าห้องน้ำหญิง
ภายในก็จะมีอ่างล้างหน้า 2 อ่าง ตู้ล็อกเกอร์ประมาณ 9 ตู้ให้ได้เก็บของระหว่างใช้งาน
ด้านหลังก็จะมีห้องน้ำ 2 ห้อง, ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง และหลังประตูริมสุดจะเป็นห้องแม่บ้าน
ออกมาจากห้องน้ำหญิง เราจะไปดูอีกฝั่งของอาคารตัว U ที่เป็นทางลงสระว่ายน้ำ และห้องน้ำชายกันบ้าง
ทางลงสระว่ายน้ำก็จะเป็นบันไดลงไป แต่ไม่มีราวจับมาให้ ความลึกอยู่ที่ 1.2 เมตร
ทางขวาจะแบ่งช่องเป็นตู้ล็อกเกอร์เหมือนที่อยู่ภายในห้องน้ำหญิง
และห้องน้ำชายทางขวามือ ใกล้กับบันไดทางขึ้นชั้น 2
บันไดขึ้นชั้น 2 จะอยู่ตรงกลางของอาคารรูปตัว U ไม่มีจมูกกันลื่น ถ้าเดินมามีน้ำก็เดินระวังกันนิดนึงนะคะ ส่วนราวจับก็เป็นแบบซี่ๆโปร่งๆแต่ก็ต้องระวังเด็กเล็กๆเช่นกัน
เดินขึ้นมาห้องแรกเลยที่จะเจอคือห้องนิติบุคคล ขนาดไม่ใหญ่มาก และมีทางเดินแยกไปทางขวาเป็นห้องอ่านหนังสือ ส่วนปีกตัว U ด้านหลังจะเป็นห้องฟิตเนส
ทางเข้าห้องอ่านหนังสือบนชั้น 2
ภายในก็จะมีชุดเก้าอี้วางไว้ ด้วยชื่อแล้วจะเรียกว่าห้องอ่านหนังสือ แต่ก็วางเฟอร์นิเจอร์เหมือนเป็นห้องนั่งเล่นส่วนกลาง ที่สามารถเข้ามานั่งเล่นได้สบายๆ แต่ด้วยผนังเป็นกระจกแม้จะติดกันแสง แต่ก็จะมีความร้อนเข้ามาในห้องอยู่ดี ทำให้แอร์ส่วนกลางห้องนี้อาจจะทำงานหนักหน่อย
ภายในห้องอ่านหนังสืออีกมุมหนึ่งก็จะมีชั้นวางหนังสือแบบติดแน่นถาวร
วิวที่ได้จากห้องอ่านหนังสือคือวิวส่วนหน้าโครงการ เผื่อใครมานั่งเล่นรอระหว่างมีเพื่อนมารับก็จะได้เห็นสะดวกๆ ด้านหน้าก็เป็นวิวสวนสาธารณะๆ
เดินออกมาจากห้องอ่านหนังสือก็จะเจอทางเดินตรงไปยังห้องฟิตเนส อาคาร Clubhouse นี่ถ้าวันฝนตกก็จะเดินลำบากหน่อยนะคะ แม้นะมีกันสาดมาบังแต่ก็เหมือจะไม่บังครอบคลุมทั้งทางเดิน
ภายในห้องออกกำลังกายก็จะมีเครื่องออกกำลังกายวางอยู่ประมาณ 5 เครื่อง มีเสื่อโยคะ แต่ส่วนใหญ่ผนังจะเป็นกระจกใสมองวิว ไม่ใช่กระจกสะท้อน ใครจะโยคะ แอโรบิก ทำให้อาจจะใช้งานได้ยากนิดนึง
กระจกสะท้อนจะมีอยู่แค่มุมเดียว มีลูกบอลออกกำลังกายวางอยู่ที่มุมห้อง
วิวที่ได้ก็มีทั้งส่วนหน้าโครงการ แต่ส่วนเครื่องเล่นทุกเครื่องก็จะหันไปยังส่วนสนามข้างๆที่มีเก้าอี้ในร่ม ที่ทางขวามีสนามเด็กเล่นด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 15 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง
- สวนสาธารณะ 252.6 ตารางวา
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 14 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3.5 เมตรและมีรั้วทึบโปร่งต่อเพิ่มอีก 2 เมตรรอบโครงการฝั่งคลองและที่ติดกับที่อยู่อาศัย
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน และประตูเล็กสำหรับคนเดิน
- ถนนหน้าโครงการเป็นถนนภาระจำยอมกว้าง 8 เมตร ถนนหลักภายในโครงการกว้าง 12 เมตร และถนนภายในซอยกว้าง 9 เมตร
โครงการ บ้านกลางเมือง วิภาวดี มีแบบบ้านทั้งหมด 2 แบบคือ Design A และ Design B ซึ่งโดยรวมแล้วทุกอย่างคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ที่ดินมาตรฐานคือ 20 ตารางวา ในโครงการมีทั้งหมด 207 ยูนิต ที่ต่างกันจะเป็นเพียงการสลับพื้นที่ใช้สอนชั้น 3-4 เท่านั้นค่ะ
บ้านตัวอย่างแบบตกแต่งเสร็จแล้วมีแบบเดียวคือแบบ Design B หน้ากว้าง 5 เมตร ผ่านรั้วเตี้ยเข้ามาจะเป็นพื้นที่จอดรถ 2 คัน ส่วนหน้าบ้านที่เปิดประตูเลื่อนเข้าไปห้องรับแขก ด้านซ้ายเป็นบันไดขึ้นชั้นลอย และห้องน้ำใต้บันได ลึกเข้าไปด้านซ้ายเป็นห้องครัวเปลือยๆ ไม่ได้กั้นพื้นที่ปิดไว้ให้ ส่วนด้านขวาเป็นพื้นที่ทานอาหาร สุดทางมีประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปยังพื้นที่หลังบ้าน
ขึ้นบันไดมาที่ชั้นลอย ตกแต่งไว้เป็นพื้นที่ทำงานและพื้นที่นั่งเล่น เป็นห้องเปิดโล่งที่ต่อกับพื้นที่ชั้น 1 จากชั้นลอยขึ้นบันได้มาที่ชั้น 2 ดีไซน์ไว้ให้เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่สุดของบ้าน มีระเบียงอยู่ด้านหน้าบ้าน และห้องน้ำในตัว นอกจากนั้นยังมีห้องเล็กๆ เหมือนเป็นห้องเก็บของอยู่ข้างๆด้วย บนชั้น 3 จัดเป็นห้องนอนเล็ก 1 ห้องอยู่ส่วนหน้าบ้าน และห้องทำงาน 1 ห้องอยู่ส่วนหลังบ้าน หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนทั้งหมดเลยก็ได้ ห้องนอนบนชั้น 3 ไม่มีระเบียง แต่จะมีห้องน้ำในตัวขนาดเท่ากับครบทั้งคู่
ภายนอกของทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง รูปร่างของทาวน์โฮมเป็นแบบสี่เหลี่ยมทรงสูงโทนสีภายนอกเน้นขาว-น้ำตาลเข้ม-เทา แซมด้วยกระจกสีออกเขียวๆจากการติดฟิล์มตัดแสง ชั้น 1 เป็นที่จอดรถและส่วน Living ตกแต่งด้วยช่องแสงแบบกระจก ทั้งบานเลื่อน บานเปิด และบาน Fix ทาวน์โฮมแปลงที่อยู่ริมทั้งสองด้านของอาคาร จะได้พื้นที่ข้างบ้านเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย จากภายนอกจะดูเป็นอาคาร 3 ชั้น แต่จะมีชั้นลอยอยู่ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ชั้น 2-3 เป็นส่วนอยู่อาศัย ทั้งหลังสามารถปรับเป็นห้องนอนได้มากที่สุดจำนวน 3 ห้อง มีระเบียงอยู่หน้าบ้านที่ชั้น 2 ส่วนหน้าบ้านของห้องนอนใหญ่
ตัดมาดูที่บ้านเปล่ากันนิดนึงนะคะ จะได้เห็นภาพส่วนหน้าบ้านได้ดียิ่งขึ้น พื้นที่ส่วนหน้าบ้านกว้าง 5 เมตร แบ่งออกเป็นที่จอดรถ 2 คัน พื้นเป็นเทคอนกรีตเรียบ ส่วนด้านหน้าสามารถวางกระถางต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวได้นิดหน่อย
กั้นพื้นที่ด้วยประตูรั้วโปร่งๆแบบลงกลอนพับหลายจุด ไม่ได้ทำประตูไว้เผื่อการติดตั้งประตูเปิด-ปิดอัตโนมัตินะคะ และส่วนพื้นที่จอดรถก็จะไม่มีกันสาดยื่นมากัน ดังนั้นไม่ว่าจะแดดจะลมจะฝนก็จะโดนตัวรถเข้าจังๆ
ทางซ้ายของรั้วบ้านก็จะมีตู้จดหมายติดไว้หน้าบ้าน
ทางขวาก็จะมีกริ่งบ้าน และปั้มน้ำ พื้นที่จอดรถที่มีการเทคอนกรีตเรียบ ด้านข้างและด้านหลังก็จะมีการเว้นร่องลงไปไม่ลึกมาก เพื่อให้น้ำฝนหรือน้ำจากการล้างรถหรือซักล้างสามารถปล่อยผ่านมายังส่วนหน้าบ้านที่จะมีท่อน้ำทิ้งวางให้เป็นจุดๆ
ก่อนส่วนเข้าไปยังตัวบ้านก็จะมีเฉลียงหน้าบ้านกว้างประมาณเมตรกว่าๆ บ้านตัวอย่างปูพื้นด้วยทรายล้างสลับสีตั้งแต่ส่วนที่เป็นพื้นที่จอดรถจนถึงพื้นที่ระเบียง
ส่วนแบบบ้านมาตรฐานจริงๆจะดูพื้นส่วนเฉลียงหน้าบ้านให้เป็นกระเบื้องสีอ่อนแบบด้านขนาด 30 x 30 เซนติเมตร เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดขึ้นมาหน่อย
ส่วนหน้าบ้านของชั้น 1 และชั้นลอยรวมสูง 5.5 เมตร กรุผนังด้านหน้าด้วยกระเบื้องเคนไซเล็กๆปูขึ้นไปให้คล้ายกับอิฐก้อนสีส้ม แต่จะออกโมเดิร์นและเรียบหรูกว่า ทางขวาเป็นประตูเลื่อนเข้าบ้านไปในส่วนพื้นที่รับแขก เป็นประตูบานเลื่อนกระจำตัดแสง 2 ตอน ด้านบนเป็นกระจกแบบบาน Fix กรอบอลูมิเนียมทาสีดำ สองฝั่งตกแต่งด้วยไม้พุ่ม
สภาพด้านหน้าของชั้น 1 และชั้นลอยของบ้านมาตรฐานจะคล้ายกับบ้านตัวอย่างไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องเคนไซกรุผนัง ประตูเลื่อนกระจกตัดแสง แต่ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือประตูห้องเก็บของทางซ้ายมือ ที่บ้านตัวอย่างเอาไม้พุ่มกั้นบังไว้ นอกจากนั้นก็จะมีไฟติดผนังสองด้าน ฝั่งละดวงแต่ขนาดเล็กๆ แนะนำให้ติดเพิ่มเป็นไฟติดผนังที่แรงขึ้นมาหน่อยนะคะ เพราะถ้าติดจากเพดานที่สูง 5.5 เมตรแล้วคงจะไม่ได้ส่งผลอะไรมาก
ประตูห้องเก็บของเล็กๆ สามารถเปิด-ปิดเก็บพวกไม้กวาด อุปกรณ์ทำความสะอาด เครื่องมือดูแลรถยนต์หรือตัดแต่งต้นไม้บ้าง ไม่ต้องกลัวว่าจะอับชื้นเนื่องจากประตูเป็นแบบโปร่งซี่ๆ ทำให้ระบายอากาศได้
พื้นบนชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต้สีอ่อน 60 x 60 เซนติเมตร กรอบประตูเป็นแบบบานเลื่อนได้ 2 ทางทำจากอลูมิเนียมทาสี ตรงกลางเป็นกระจกตัดแสงสีออกเขียวๆ กรอบประตูวางอยู่บนพื้นของชั้น 1 ยกพื้นขึ้นจากส่วนระเบียงที่ปูด้วยทรายล้างและกระเบื้องแบบด้าน 5 เซนติเมตร
ที่เปิด-ปิดประตูเป็นแบบที่จับผลักไปทางขวาสำหรับด้านนอก และแบบเป็นที่ดึงสำหรับด้านในและมีตัวล็อกเป็นแบบหมุนปัดไปทางซ้าย
ส่วนตัวล็อกอีกจุดที่ปัจจุบันนิยมใช้กันหลายโครงการคือหมุนบิดเพื่อล็อกจากระหว่างประตูทั้งสองบาน เป็นการเกี่ยวที่ยึดไว้ด้วยกัน บางสเปกที่แข็งแรงหน่อยที่เกี่ยวจะหมุนได้ลงล็อกพอดี แต่บางที่ที่ใช้วัสดุนิ่มหน่อยการบิดเกี่ยวแรงๆ หรือบิดไม่ตรงล็อกอาจจะทำให้ตัวเกี่ยวเสียรูปได้
เปิดประตูเข้าไปด้านใน ส่วนแรกที่เจอคือห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่น ที่วางโซฟารูปตัว L ไว้ทางขวามือ พร้อมโต๊ะกลางขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ด้านขวาเป็นบันไดขึ้นชั้นลอย และมีชั้นวางทีวีอยู่ด้านข้าง ลึกเข้าไปเป็นห้องน้ำใต้บันไดของชั้น 1 ลึกเข้าไปที่กั้นเป็นห้องปิดคือห้องครัวที่กั้นด้วยผนังขุ่น เปิดปิดด้วยบานเลื่อน ส่วนทางขวาเป็นพื้นที่ทานข้าวแบบ 4 ที่นั่ง ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปยังพื้นที่หลังบ้าน
บ้านมาตรฐานจะเป็นบ้านเปล่าที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ แต่จะแถม Wallpaper ให้ในส่วนของผนังทุกๆชั้น ห้องครัวด้านในที่ห้องตัวอย่างกั้นเป็นส่วนปิด ที่จริงแล้วก็จะเป็นพื้นที่ที่ต่อเนื่องกันหมด แต่จะมีท่อน้ำ ปลั๊กไฟเตรียมไว้ให้ในแต่ละจุด แอร์บนชั้น 1 เป็นแบบแอร์ฝั่งผนังเข้าไปด้านใน โดย Compressor แอร์จะติดอยู่ที่ผนังหลังบ้าน
ด้านบนจะเป็นส่วนของชั้นลอยเล็กๆ ขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของชั้น 1 ความสูงรวมทั้งชั้น 1 และชั้นลอยอยู่ที่ 5.5 เมตร บ้านตัวอย่างมีการใช้ Indirect Light ตามขอบของฝ้า
มาถึงบ้านมาตรฐานกันก็จะเป็นไฟตวงเล็กๆเป็นจุดๆ ความสูงเท่ากันคือ 5.5 เมตร แต่บ้านตัวอย่างจะดูโปร่งกว่านิดนึงเพียงส่วนราวจับบันไดใช้เป็นกระจกขุ่น และมีกระจกเงาสะท้อนบางส่วน แต่ในบ้านเปล่าจะเป็นผนังก่อทึบขึ้นมาเลย
ทางขวามือของพื้นที่ชั้น 1 ก็จะวางเป็นโซฟารูปตัว L สามารถขยับขยายวางตัวที่ใหญ่ขึ้นได้ เพราะพื้นที่ข้างๆยังเหลืออยู่เยอะ หรือจะวางโต๊ะด้านข้างอีกสองตัวไว้วางของก็ได้ ผนังมีการติดของตกแต่งเล่นกับความสูงของผนัง
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาตัวยาวจะเป็นชั้นวางทีวี มีการตกแต่งผนังด้วยกระจกเงา ทำให้บ้านดูกว้างและมีมิติมากยิ่งขึ้น ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร ด้านล่างสามารถวางเป็นที่เก็บของได้เล็กน้อย หรือจะก่อเป็นตู้ใหญ่ๆขึ้นมาเป็นตู้วางโชว์ไปด้วยก็ได้ แต่จะทำให้ความโปร่งของบ้านลดลง
ด้านข้างชั้นวางทีวีจะเป็นห้องน้ำใต้บันได แม้จะไม่สะดวกเท่าห้องน้ำปกติ แต่ก็ไว้สำหรับการใช้ทั่วไปของแขกก็ได้
บ้านมาตรฐานในส่วนของชั้นวางทีวีก็จะมีการเตรียมช่องเสียบทีวีรวมถึงปลั๊กไฟไว้ให้เพียงพอ ด้านขวาที่เป็นประตูห้องน้ำก็คือบานประตูสำเร็จรูป HDF พร้อมที่จับมือบิดดึงออกมา
มีข้อเสียนิดหน่อยของประตูห้องน้ำที่อยู่ใต้บันได เนื่องจากพื้นที่จะแคบด้วยขนาดของตัวมันเองแล้ว จะเป็นการบังคับเปิดประตูแบบดึงด้วย ทำให้เวลาดึงเปิดประตูห้องน้ำ ถ้าไม่มี Doorstop จะทำให้ลูกบิดมือจับกระแทกกับส่วนของผนังที่ติด Wallpaper ทำให้ชำรุดบุบเป็นรอยได้ง่ายนะคะ
พื้นที่ห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรสีอ่อน มีการลดระดับลงไปประมาณ 5 เซนติเมตร
พื้นที่ห้องน้ำขนาด 1.3 x 1.6 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือโถสุขภัณฑ์ และฝั่งตรงข้ามคืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจก ไม่มีตู้เก็บของหรืออุปกรณ์ในห้องน้ำใดๆ ตัดพื้นที่การใช้งานอย่างพื้นที่ส่วนเปียกสำหรับการอาบน้ำออก เป็นห้องน้ำที่ใช้เบาๆเท่านั้น
โถสุขภัณฑ์อยู่ในส่วนที่เพดานแคบสุดด้านซ้ายมือ พร้อมสายฉีดชำระและที่ใส่ทิชชู มีท่อระบายน้ำอยู่ที่มุมซ้าย
ฝั่งขวามีอ่างล้างมือขนาดเล็กที่ถ้าล้างหน้าอาจจะทำให้น้ำกระเด็นได้ พร้อมกระจกบานขนาดเท่าความกว้าง มีที่เกี่ยวสำหรับผ้าเช็ดมือ 1 ชุด ถือว่าเป็นการเลือกชิ้นสุขภัณฑ์แบบง่ายๆและชั่วคราวที่สุด
ส่วนด้านบนเนื่องจากเป็นห้องน้ำที่ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศเป็นของตัวเอง เลยจะมีที่ดูดควันไว้ให้ รวมถึงมีไฟฝั่งฝ้า 1 จุด
มองออกมาจากห้องน้ำก็จะอยู่ตำแหน่งตรงกลางระหว่างพื้นที่ 2 ส่วนก็คือพื้นที่รับแขกที่วางโซฟา และพื้นที่ทานข้าวทางซ้ายมือ
พื้นที่ทานข้าวเป็นการวางโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้เอาไว้ให้ อันที่จริงก็สามารถเพิ่มได้เป็นแบบที่ยาวขึ้น 6 ตัว สำหรับการวางของโน่นนี่ด้วยก้ได้
บ้านมาตรฐานก็จะเป็นพื้นที่ว่างๆให้ ทางซ้ายเว้นเผื่อไว้สำหรับกั้นห้องครัว ไม่ว่าจะเป็นแบบเปิดหรือจะกั้นปิด ก็จะมีหน้าต่างบานเลื่อนเล็กๆในส่วนหลังบ้านให้ระบายอากาศได้นิดหน่อย
แต่สำหรับห้องครัวของบ้านตัวอย่างจะกั้นปิดเต็มตั้งแต่พื้นที่ถึงฝ้า โดยใช้กระจกขุ่นกั้นพื้นที่ ทั้งยังทำเป็นแบบประตูบานเลื่อนที่ไม่มีรางล่าง ทำให้ง่ายต่อการเข้าออก แต่ถ้าต้องการความโปร่งของพื้นที่มากกว่านี้ แนะนำเป็นกระจำขุ่นด้านล่างและกระจกใส่ด้านบน ทั้งครอบครัวจะได้มองเห็นสภาพภายใน-นอกได้ตลอดเวลา
กระจกบานขุ่นทำเป็นประตูเลื่อนบานเดี่ยว แบบไม่มีรางล่าง ทำให้ง่ายต่อการขนย้ายอาหารด้วย
เคาท์เตอร์รูปตัว L ฝั่งหลังบ้านวางเป็นส่วนของอ่างล้างจาน และที่พักจานทางด้านขวานิดหน่อย ด้านล่างทำเป็นตู้เก็บข้าวของเครื่องใช้ภายในครัว
ส่วนที่เป็นข้างบ้านก่อขึ้นมาเต็ม ทั้งเคาท์เตอร์ล่างและพื้นที่เก็บของด้านบน ด้านล่างมีทั้งลิ้นบชัก และที่วางไมโครเวฟ ด้านบนเป็น Hob and Hood แบบ 2 ตัวอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยพื้นที่เตรียมอาคาร ด้านบนเป็นพื้นที่เก็บอาหารแห้งหรืออุปกรณ์ต่างๆ
ซ้ายมือสุดเป็นที่วางตู้เย็นแบบฝาเดียว แต่บางบ้านของในตู้เย็นอาจจะเยอะก็ต้องเผื่อพื้นที่กว้างๆไว้ ยังไงก่อนจะตัดสินใจ Build ครัวใหม่ก็ต้องวัดระยะวางตู้เย็น รวมถึงพื้นที่ใช้งานต่างๆให้ครบถ้วนนะคะ
พื้นที่ครัวในบ้านมาตรฐาน
สุดส่วนหลังบ้านจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจก กรอบอลูมิเนียมสีดำแบบเต็มบาน เพื่อออกไปยังพื้นที่หลังบ้าน
ตัวกรอบประตูก็จะมีล็อกที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้จากด้านในปกติ
ส่วนหลังบ้านปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร รวมขนาด 0.6 x 2.2 เมตร และพื้นที่ส่วนหลังเทด้วยหินกรวดก้อนใหญ่หน่อยเพื่อรองรับน้ำฝน
พื้นที่ด้านหลังของบ้านลึก 2.5 เมตร บ้านตัวอย่างจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้ มีชุดเก้าอี้สนามวางไว้ แต่เวลาใช้งานจริงแน่นอนว่าก็ต้องปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ซักล้างอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ก็จะไม่นิยมมานั่งเล่นกันที่หลังบ้าน
พื้นที่ทางด้านขวาก็จะจัดเป็นสวนเล็กๆ สลับระหว่างพุ่มไม้และหินกรวด
ทางซ้ายก็เช่นกัน แต่บ้านจริงๆจะมีการกั้นรั้วบ้าน บ้านใครบ้านมัน ก็จะทำให้พื้นที่ดูแคบลงเป็นปกติ
ส่วนช่องเปิดหลังบ้านอย่างชั้นที่ 1 ก็จะมีบานประตูเลื่อนที่ด้านในเป็นพื้นที่ทานข้าว และบานเลื่อนเปิดขวามือจากห้องครัว
มองขึ้นไปด้านบนก็จะเป็นพื้นที่วาง Compressor แอร์อยู่ตามหน้าต่างของบ้าน อย่างส่วนหลังของหน้าต่างบานเลื่อนของพื้นที่ชั้นลอย หรือหน้าต่างของห้องนอนต่างๆ รวมถึงเป็นช่องแสงธรรมชาติให้กับชานพักบันได
จากพื้นที่หลังบ้านมองเข้ามาภายในตัวบ้านของบ้านตัวอย่าง
จากพื้นที่หลังบ้านมองเข้ามาภายในตัวบ้านของบ้านมาตรฐาน
เราจะมาต่อกันที่บันไดทางขึ้นชั้นลอยนะคะ ลูกนอนจะเป็นไม้สำเร็จรูปสีอ่อน ส่วนราวจับบันไดเป็นกระจกขุ่นยาวไปตลอด ผนังด้านข้างทำเป็นกระจกเงาสีปรอท ทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น
ส่วนบ้านมาตรฐานลูกนอนจะปูด้วยพื้นไม้สำเร็จรูปสีเข้ม ราวบันไดก้เป็นแบบก่อทึบปูด้วยสี Wallpaper เดียวกัน ราวจับก็เป็นสีเดียวกับไม้ของลูกนอน
เดินขึ้นไปได้ 4 ขั้นก็จะมีชิ้นสามเหลี่ยมก่อนจะเลี้ยวขวาขึ้นไปไดไปถึงชั้นลอยอีกที
ราวบันไดแบบอลูมิเนียม พื้นชั้นลอย ปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตหน้า 8 มม. เทียบสีแล้วก็จะออกแดงกว่าไม้สำเร็จรูปของลูกนอนบันไดอยู่พอสมควร
ส่วนบัานมาตรฐานลูกนอนเป็นไม้สีเข้มกว่าพื้นลามิเนตบนชั้นลอยอยู่เยอะทีเดียว
มองลงไปให้เห็นรูปร่างของบันไดจากชั้น 1 มายังชั้นลอย
พื้นที่ชั้นลอยขนาด 3.0 x 3.3 เมตร จัดเป็นพื้นที่ Living สบายๆ มีส่วนตั้งโต๊ะทำงานหันหน้าออกไปยังหน้าบ้าน และมีโซฟาขนาดกลางนั่งได้ประมาณ 2 คนอยู่ด้านหลัง พื้นที่ผนังข้างบ้านก็จัดเป็นชั้นวางของ รวมถึงใส่รูปภาพเข้าไปด้วย แอร์ในบ้านตัวอย่างเป็นแบบฝังฝ้า
ในบ้านมาตรฐานแอร์ก็จะเป็นแบบติดผนังธรรมดาทั่วไป วางอยู่เหนือหน้าต่างบานเลื่อนส่วนหลังบ้าน
เมื่อนั่งบนโซฟาด้านหลังหันไปยังหน้าบ้านก็จะตรงกับตำแหน่งของโต๊ะทำงานพอดี
ชะโงกลงมาให้ดูสำหรับวิวโต๊ะทำงาน กว้างขวางดูสบายตาดีนะคะ อาจจะเป็นเพราะประตูบานเลื่อนบานใหญ่หน้าบ้านชั้น 1 ที่มีหน้าต่างบาน Fix ขนาดใหญ่เพิ่มเข้ามาด้านบน รวมถึงหน้าต่างบานเลื่อนส่วนของพื้นที่หลังบ้านชั้น 2 ทำให้โดยรวมแล้วบรรยากาศกำลังดี แสงเข้าได้พอเหมาะ ไม่ต้องเปิดไฟในช่วงเวลากลางวัน รับแสงธรรมชาติเอา
ก่อนจะขึ้นไปบันไดไปชั้น 3 ด้านข้างจะมีห้องเก็บของใต้บันไดเล็กๆอยู่อีก 1 จุด ประตูบานเปิดเป็นบานสำเร็จรูป HDF และที่จับแบบลูกบิดธรรมดา
ภายในเปิดเข้าไปก็จะมีพื้นที่เก็บกว้างประมาณหนึ่ง แต่ด้วยความสูงที่ตามไปกับรูปร่างบันได ทำให้ดูเข้าถึงยาก พื้นปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีสวิสซ์ไฟเปิด-ปิดอยู่ด้านข้าง
บันไดทางขึ้นชั้น 3 ก็จะเป็นแบบธรรมดาคือมีชานพักอยู่ตรงกลาง รูปร่างการวางเป็นรูปตัว U มีแสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานเลื่อนส่วนหลังบ้านที่อยู่ตรงชานพัก ทำให้ไม่ค่อยมืดเท่าไร
เดินมาถึงบนชั้น 3 พื้นก็จะปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. เหมือนกับพื้นของชั้นลอย ประกอบไปด้วยห้อง 2 ห้องหลักๆ ห้องทางขวามือเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนทางซ้ายจัดเป็นห้องเก็บของรูปร่างห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ
ประตูห้องนอนใหญ่คือประตูสำเร็จรูปบาน HDF เหมือนกับห้องอื่นๆ ที่เปิดประตูเป็นด้ามจับผลักเข้าไป
ด้านหน้าห้องทาวขวามือก็จะมีช่องเปิด-ปิดเป็นที่เก็บเบรคเกอร์ และระบบต่างๆ
เปิดประตูห้องนอนใหญ่เข้ามาก็จะชนกับเสาระหว่างบ้าน แต่เพื่อกันการกระแทกทั้งส่วนประตู และ Wallpaper ก็ควรจะติด Doorstop ด้วยนะคะ
พื้นภายในห้องนอนใหญ่ก็จะเป็นพื้นไม้ลามิเนต 8 มม. เข้าไปตั้งแต่ส่วนที่ขึ้นบันไดมายาวไปเรื่อยๆ
ภายในห้องนอนใหญ่ก็จะกั้นส่วนทางเข้าในระยะประมาณ 1.8 เมตร ทางด้านซ้ายสามารถจัดเป็นโต๊ะวางของ วางแจกันดอกไม้ตกแต่ง หรือจะวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะใส่เครื่องประดับก็ได้ ผนังกรุเป็นกระจกสะท้อนทำให้ห้องดูมีมิติและหรูหราขึ้น
ทางขวามือจัดเป็นที่วางกรอบรูป ลิ้นชักเก็บของต่างๆ ความจริงตรงนี้สามารถจัดพื้นที่ให้ใช้ประโยชน์ได้เยอะเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางกระเป๋าของผู้หญิง ที่วางหมวก หรือจะเป็นชั้นวางหนังสือก็ดี
พอผ่านความลึกเข้ามา 1.8 เมตรก็จะเข้าถึงส่วนที่เป็นพื้นที่ห้องนอนด้านใน
ด้านในห้องนอนใหญ่วางเตียงไว้ตรงกลางชิดผนัง ประกบข้างโคมไฟข้างเตียง ปลายเตียงมีโซฟาแบบไม่มีพนักยาวออกมา ฝั่งตรงข้ามเตียงเป็นทีวี ทางขวาเป็นระเบียงหน้าบ้านหนึ่งเดียวของบ้าน และทางซ้ายเป็น Walk-in Closet และลึกเข้าไปเป็นห้องน้ำ
พื้นที่ห้องจริงๆขนาด 5.0 x 5.5 เมตร ไม่มีการกั้นห้องใดๆให้อย่างบ้านตัวอย่างที่มีส่วนแรกก่อนจะเข้าห้องนอน และส่วน Walk-in Closet ก่อนเข้าห้องน้ำในตัว
เตียงนอนขนาดใหญ่ สองข้างคือชั้นที่ยื่นออกมาวางโคมไฟหัวเตียง สามารถนำโต๊ะข้างเตียงมาใส่ได้ เพื่อวางของจุกจิกอย่างมือถือ แหวน สร้อย หนังสือ หรือ Ipad ที่ชอบหยิบมาเล่นกันก่อนนอน ปลายเตียงสามารถวางเป็นโซฟาแบบมีพนักก็ได้ เพื่อย่นระยะการดูทีวีให้ใกล้ขึ้น เนื่องจากระยะดูทีวีจากหัวนอนอยู่ที่ประมาณเกือบ 5 เมตร
ถ้านอนที่สุดหัวเตียงแล้วมองไปยังทีวี จะทำให้ทีวีดูเล็กลงถนัดตา ใครที่ชอบความอลังการก็สามารถใส่ทีวีจอใหญ่ยักษ์ รวมไปถึงระบบเสียงกระหึ่มทั่วห้องเลยก็ได้ หรือใครอยากจะดูทีวีเงียบๆเครื่องใหญ่พอประมาณก็ไปนั่งดูที่โซฟาปลายเตียง
มองจากพื้นที่ข้างเตียงด้านในไปยังส่วนประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่ จะเห็นว่าในบ้านตัวอย่างทำเป็นประตูบานเลื่อน ที่สามารถเลื่อนปิดแยกส่วนหน้าของห้องนอนที่วางของ วางแจกันจากส่วนห้องนอนด้านใน ผนังกรุด้วยกระจกสะท้อน
และประตูบานเลื่อนบานเดิมก็สามารถเลื่อนมาปิดทางเข้า Walk-in Closet ก่อนจะเข้าไปยังห้องน้ำในตัวได้ด้วย แอร์ในห้องนอนใหญ่เป็นแบบฝังเข้าผนัง และจัดไฟเป็นแบบ Indirect Light รอบห้องนอน
ส่วนบ้านมาตรฐานจะเป็นแอร์ธรรมดาติดผนัง แต่ด้วยห้องขนาดใหญ่กว่า 25 ตารางเมตร แถมยังอยู่ส่วนหน้าบ้านที่มีประตูบานเลื่อนเป็นกระจก แอร์ตัวนี้อาจจะต้องเป็นเครื่องที่ใหญ่หน่อย และอาจจะทำงานหนัก เพราะพื้นที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว ในบ้านมาตรฐานจะดูเรียบกว่าบ้านตัวอย่างเยอะ เนื่องจากซับซ้อนน้อยกว่า แต่งน้อยกว่า จากบานประตูเข้าห้องนอนใหญ่ทางด้านซ้าย เข้ามาก็เจอห้องนอน ส่วนประตูทางขวาก็เป็นประตูห้องน้ำที่เป็นบานสำเร็จรูป HDF
ต่อกันที่ส่วน Walk-in Closet ที่ทั้งทำเต็มพื้นที่ทั้งสองฝั่ง ปิดหน้าบานด้วยกระจกสะท้อน สามารถวางลิ้นชักเก็บเสื้อผ้า และราวแขวนผ้าได้ทั้งสองด้าน หากพื้นที่เหลือจะจัดมุมเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเต็มตัว โต๊ะเก็บเครื่องประดับ และตู้เก็บกระเป๋าด้วยก็ได้ หรือจะแบ่งส่วนบางการใช้งานไปอยู่ส่วนหน้าของห้องนอนใหญ่บ้าง
ถัดจากตู้เสื้อผ้าเข้ามาก็เป็นห้องน้ำในตัวของห้องนอนใหญ่ พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีอ่อนขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ลดระดับลงจากพื้นห้องนอนนิดหน่อย
ห้องน้ำขนาด 1.6 x 3.2 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน จากด้านนอกเข้าไปด้านในคืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์ ส่วนอาบน้ำส่วนเปียกไม่มีฉากกั้นมาให้ ผนังปูด้วยกระเบื้องขนาด 20 x 40 เซนติเมตร
เร่ิมจากทางขวาสุดข้างประตูห้องน้ำ เป็นอ่างล้างหน้าขนาดที่ใหญ่ขึ้นมา มีลิ้นชักแบบเปิดได้อยู่ด้านล่าง และกระจกส่องความกว้างไปถึงส่วนโถสุขภัณฑ์ รอบตัวอ่างล้างหน้าก่อเคาท์เตอร์ขึ้นมามีพื้นที่วางข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำติดกับผนัง วางได้เยอะพอสมควร
ตรงกลางเป็นโถสุขภัณฑ์ พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ทิชชู มีท่อระบายน้ำอยู่มุมข้างๆ
ด้านในสุดเป็นพื้นที่เปียกขนาด 1.2 x 1.6 ถือว่าขนาดใหญ่พอสมควร ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมากให้ ฝักบัวมีทั้งแบบ Shower และแบบด้ามมือจับ ด้านข้างมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดเล็กที่เปิดออกไปเป็นพื้นที่หลังบ้าน สำหรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศได้พอสมควร
พื้นที่เปียกปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบด้านสีอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร แม้พื้นส่วนเปียกจะไม่ได้ลดระดับลง แต่ก็ก่อปูนกั้นขึ้นมาสูงประมาณ 8 เซนติเมตร มีท่อน้ำทิ้งอยู่ที่มุมด้านใน
ฝักบัว
Shower แบบ Fix จากด้านบน
กลับมาที่ห้องนอนใหญ่นะคะ ต่อไปจะพาไปชมระเบียงหน้าบ้านหนึ่งเดียวของทาวน์โฮมหลังนี้ เป็นกระจกตัดแสงทั้งบาน กรอบประตูคืออลูมิเนียมสีดำ
พื้นด้านนอกปูเป็นหญ้าเทียม แต่บ้านตัวอย่างจะเป็นพื้นประเบื้องธรรมดา ตัวกรอบประตูเลื่อนฝั่งลงไปด้านล่าง ทำให้เวลาเดินจะเรียบขึ้นมาหน่อย
ระเบียงห้องนอนใหญ่กว้าง 1.2 เมตร สามารถวางกระถางต้นไม้ให้ดูสดใสขึ้นได้ บนผนังทั้งสองด้านจะมีไฟสนามติดให้เหมือนกับพื้นที่จอดรถตรงเฉลียงหน้าบ้าน
มองไปทางด้านซ้ายมือก็จะคล้ายกับทางขวามือคือโล่งๆ ไม่มี Compressor แอร์ร้อยมาคอยกวนใจ เพราะได้ย้ายไปติดไว้ที่ส่วนหลังบ้านหมดแล้ว ดังนั้นพื้นที่หน้าบ้านตรงนี้ก็จะสามารถใช้ได้เต็มที่ ตัวราวระเบียงเป็นแบบกรอบอลูมิเนียม ตรงกลางเป็นกระจกใส
ออกมาดูที่ห้องเก็บของบนชั้น 2 ที่ทางเข้าอยู่ข้างๆห้องนอนใหญ่กันบ้าง เป็นบานประตูสำเร็จรูป HDF ที่จับเป็นแบบลูกบิดธรรมดาไม่ใช่แบบด้ามจับเหมือนอย่างห้องนอน
ภายในปูด้วยพื้นกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
ขนาดของห้องเก็บของอยู่ที่ 1.0 x 3.5 เมตร มีหน้าต่างบานกระทุ้งอยู่ที่ส่วนหลังบ้าน อย่างในห้องนี้ก็จะ Build เป็นชั้นวางของแบบเปลือยๆไม่มีบานบิด
ตั้งต้นกันต่อที่บันไดชั้น 2 ขึ้นไปยังชั้น 3 รูปร่างบันไดเป็นแบบตัว U ธรรมดา มีช่องแสงธรรมชาติอยู่ทางขวามือของชานพัก เป็นช่องแสงจากส่วนหลังบ้านที่เป็นจุดวาง Compressor แอร์
ช่องแสงส่วนชานพักเป็นแบบบานกระทุ้ง ด้านนอกเป็นตำแหน่งวาง Compressor แอร์
ขึ้นมาบนชั้น 3 อีกเช่นกัน ประตูทางเข้า 2 ห้องซ้ายขวา บานประตูเป็นแบบบานสำเร็จรูป HDF เป็นแบบก้านโยกเปิดแบบผลักเข้าห้อง ประตูทางด้านขวาเป็นประตูทางเข้าห้องนอนเล็กที่มีห้องน้ำในตัว ที่อยู่ส่วนหน้าบ้าน ส่วนประตูทางซ้ายเป็นประตูทางเข้าห้องทำงาน มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน
เข้ามาที่ห้องนอนเล็กกันก่อน เข้ามาด้านในทางขวามือจะเป็น Walk-in Closet แบบบานปิดเป็นกระจก ทางซ้ายมือเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำในตัว และตรงไปเป็นส่วนของพื้นที่ห้องนอน
บ้านมาตรฐานก็จะออกมาคล้ายๆกัน แต่ไม่มี Walk-in Closet ทางขวามือเท่านั้น
เรามาดูที่ห้องน้ำในตัวของห้องนอนกันก่อน พื้นคือพื้นแกรนิตโต้สีเข้มขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ลดระดับห้องน้ำลงนิดเดียว
ห้องน้ำขนาด 1.3 x 3.0 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน จากด้านนอกเข้าไปด้านในคืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์ ส่วนอาบน้ำส่วนเปียกไม่มีฉากกั้นมาให้ ผนังปูด้วยกระเบื้องขนาด 20 x 40 เซนติเมตร
อ่างล้างหน้าขนาดกลาง ไม่มีการก่อปูนหรือใส่ตู้เก็บของเล็กๆใต้อ่างให้เหมือนกับห้องนอนใหญ่ แต่ขนาดอ่างล้างหน้าก็ไม่เล็ก มีที่วางของอยู่ริมกระจกส่องเป็นแนวยาว กระจกส่องความกว้างไปถึงส่วนโถสุขภัณฑ์
ตรงกลางเป็นโถสุขภัณฑ์ที่รุ่นจะต่ำลงมาจากชิ้นสุขภัณฑ์ของห้องนอนใหญ่นิดนึง มาพร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ทิชชู มีท่อระบายน้ำอยู่มุมข้างๆ
ด้านในสุดเป็นพื้นที่เปียกขนาด 0.9 x 1.3 เมตร ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมากให้ มีฝักบัวแบบมือจับอย่างเดียว ไม่มีหน้าต่างหรือช่องแสงธรรมชาติมาให้เพราะอยู่ส่วนข้างบ้าน ทำให้ห้องน้ำห้องนี้จะต้องติดเครื่องระบายอากาศเหมือนกับห้องน้ำใต้บันไดชั้น 1
พื้นที่เปียกปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบด้านสีอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร แม้พื้นส่วนเปียกจะไม่ได้ลดระดับลง แต่ก็ก่อปูนกั้นขึ้นมาสูงประมาณ 8 เซนติเมตร มีท่อน้ำทิ้งอยู่ที่มุมด้านใน
ฝักบัวแบบด้ามจับ สเปคต่ำกว่าห้องนอนใหญ่เหมือนกัน
เดินออกมาจากห้องน้ำในตัวของห้องนอนเล็ก มายังห้องนอนที่มีขนาด 3.3 x 4.8 เมตร วางเตียงไว้ตรงกลางระหว่างโต๊ะข้างเตียง ด้านข้างแทนที่ระเบียงด้วยหน้าต่างบานใหญ่ ที่แบ่งซอยช่องออกเป็นหน้าต่างบานเล็กๆ มีทั้งแบบบานเปิดได้ทั้งสองด้านและแบบบาน Fix
ห้องนอนเล็ภภายในบ้านตัวอย่างคล้ายกัน ต่างกันแค่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์
แม้จะเป็นห้องนอนที่มีขนาดเล็กกว่า แต่ก็สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ และมีพื้นที่ข้างเตียงขึ้น-ลงได้สบายๆ
ปลายเตียงหันหน้าออกหน้าบ้านก็จะมีโต๊ะทำงานขนาดเล็กวางอยู่ภายในห้องนอน
ภาพรวมของช่องแสงภายในห้องนอนเล็กฝั่งหน้าบ้าน ด้านขวามือที่ใกล้กับโต๊ะทำงานจะเป็นบานกระทุ้งด้านบน และด้านล่างเป็นบาน Fix เหมือนบานอื่นๆ
มองจากพื้นที่ข้างเตียงออกไปยังพื้นที่ปลายเตียง ระยะดูทีวีอยู่ที่เกือบๆ 5 เมตร อาจจะต้องใช้ทีวีที่ใหญ่หน่อย หรือไม่ก็เพิ่มโซฟาเข้าไปที่ปลายเตียงได้เลย ส่วนปลายเตียงรอบทีวี ความจริงก็สามารถใส่ชั้นวางของ ตู้โชว์หรือชั้นวางหนังสือเข้าไปได้แบบเต็มๆ
มุมจากบ้านมาตรฐาน ตำแหน่งแอร์ก็จะอยู่ส่วนข้างเตียง พัดเข้าหาเตียงข้างๆก็ถือว่าอยู่ในจุดที่ดี ปลายเตียงก็จะมีสายไฟ ช่องเสียบไฟต่างๆสำหรับทีวีเตรียมให้พร้อม
ต่อมาเป็นห้องสุดท้ายของบ้าน นั้นก็คือห้องทำงาน ที่สามารถปรับเป็นห้องนอนเล็กได้ แต่จะอยู่ในส่วนหลังบ้านเท่านั้น ด้านในมีห้องน้ำในตัวขนานเท่ากับห้องนอนเล็กๆ สเปกทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมด
แบบบ้านเปล่าจริงๆก็จะมีห้องน้ำอยู่ทางขวาของทางเข้าเหมือนกัน แต่การดีไซน์ที่เอาประตูบานเปิดแบบผลักเปิดเข้าไปทางด้านขวามือ ทำให้บังในส่วนของทางเข้าห้องน้ำเต็มๆ ทำให้การใช้งานต้องเปิดใช้ทีละอย่างๆไป
ภายในจัดพื้นที่เป็นห้องทำงาน มีโต๊ะทำงานอยู่ทางซ้ายมือ ทางขวาเป็นชั้นวางของที่มีดีไซน์ กรุผนังด้วยผนังสะท้อนสีเข้มเลย
ห้องจริงก็จะเป็นผนังเรียบๆ ปูด้วย Wallpaper มีหน้าต่างบานเลื่อนในส่วนของหลังบ้าน และมีแอร์ติดผนังวางอยู่เหนือหน้าต่าง
มองจากโต๊ะทำงานหันหน้าเข้าทางเข้าห้องน้ำในบ้านตัวอย่าง
มองจากโต๊ะทำงานหันหน้าเข้าทางเข้าห้องน้ำในตัวของบ้านมาตรฐาน
แบบที่ 2 คือแบบ Design A ที่โดยรวมแล้วทุกอย่างเหมือนกับบ้านตัวอย่าง Design B ที่ผ่านมา คือเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ที่ดินมาตรฐานคือ 20 ตารางวา ต่างกันจะเป็นเพียงการสลับพื้นที่ใช้สอนชั้น 3-4 เท่านั้น
เร่ิมตั้งแต่หน้าประตู ผ่านรั้วเตี้ยเข้ามาจะเป็นพื้นที่จอดรถ 2 คัน ส่วนหน้าบ้านที่เปิดประตูเลื่อนเข้าไปห้องรับแขก ด้านซ้ายเป็นบันไดขึ้นชั้นลอย และห้องน้ำใต้บันได ลึกเข้าไปด้านซ้ายเป็นห้องครัวเปลือยๆ ไม่ได้กั้นพื้นที่ปิดไว้ให้ ส่วนด้านขวาเป็นพื้นที่ทานอาหาร สุดทางมีประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปยังพื้นที่หลังบ้าน
ขึ้นบันไดมาที่ชั้นลอย ตกแต่งไว้เป็นพื้นที่ทำงานและพื้นที่นั่งเล่น เป็นห้องเปิดโล่งที่ต่อกับพื้นที่ชั้น 1 ขึ้นบันได้มาที่ชั้น 2 จะแบ่งห้องออกเป็น 2 ห้องเล็ก คือสามารถจัดเป็นห้องนอนทั้งสองห้อง หรือเป็นห้องทำงานด้วยก็ได้ แล้วชั้น 3 จึงจะเป็นพื้นที่ของห้องนอนใหญ่ที่มีระเบียงและห้องน้ำเป็นของตัวเองอยู่ชั้นบนสุดของบ้าน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26 May 2015
- Design A แปลงขาย 002-02 พื้นที่ 20 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร ราคา 5.99 ล้านบาท
- Design A แปลงขาย 002-04 พื้นที่ 29.3 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร ราคา 7.306 ล้านบาท
- โปรโมชั่น เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ขนาด 24,000 ติดห้องนอนใหญ่ และห้องนอนกลาง
- Wallpaper ทั้งหลังพร้อมติดตั้ง สีและลายตามมาตรฐานโครงการ
- ปั้มน้ำพร้อมแทงค์น้ำ ขนาดตามมาตรฐานโครงการ
- จอง 20,000 บาท
- ทำสัญญา 80,000 บาท ภายใน 7 วันหลังจากวันจอง
- หรือ จองพร้อมทำสัญญา จาก 100,000 บาท เหลือ 50,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 120,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 80 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง 1% ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าโอนสิทธิ์เปลี่ยนมือ จำนวนเงิน 100,000 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ บ้านกลางเมือง วิภาวดี ตั้งอยู่ในซอยวิภาวดี 64 แยก 13 อยู่ชานเมืองตอนเหนือของกรุงเทพ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร ปะปนกับสิ่งปลูกสร้างที่เกื้อกูลในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างสนามบินดอนเมือง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนต่างๆ รวมไปถึงศูนย์การค้าอย่าง Tesco Lotus, Central รามอินทรา และมีเยอะแยะแถวรัตนาธิเบศร์ ใกล้เข้ามาหน่อยภายในซอยวิภาวดี 64 ส่วนหน้าซอยจะเป็นตลาด มี 7-11 มีร้านสะดวกซื้อ ภายในซอยเป็นทางเดินรถทางเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย และมีเปิดเป็นบริษัทเล็กๆบ้างนิดหน่อย ลึกเข้าไปในซอยวิภาวดี 64 แยก 13 ก็จะเร่ิมมีพื้นที่ว่างเปล่า พื้นที่พักอาศัยแปลงเล็ก
การเดินทางโดยใช้รถ สามารถเข้าได้จากถนนสองเส้นใหญ่ คือถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า มุ่งหน้าลาดพร้าว เข้าซอยวิภาวดี 64 ทางซ้ายมือ เข้าซอยมาประมาณ 1.5 กิโลเมตร และถนนแจ้งวัฒนะขามุ่งหน้าหลักสี่ก่อนจะขึ้นสะพานข้ามแยก เข้าซอยแจ้งวัฒนะ 1 ประมาณ 1.3 กิโลเมตร ถือว่าเป็นข้อดีข้อหนึ่งเลยของการเข้าสู่โครงการ โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ บนถนนวิภาวดีรังสิตทั้งขาเข้า-ออกรถจะติดมากเนื่องจากเป็นถนนสายเส้นยาวหลักเข้า-ออกเมือง ทำให้เราสามารถเลี่ยงไปเข้ายังถนนแจ้งวัฒนะได้ ส่วนการทางขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์เข้าเมืองอยู่ไม่ไกล จะต้องออกไปที่ซอยแจ้งวัฒนะ 1 บนถนนแจ้งวัฒนะ เลี้ยวซ้ายเข้าที่ถนนวิภาวดีขาเข้า จะมีด่านทางขึ้นอยู่ และขาออกนอกเมืองจะต้องไปอ้อมกลับรถไปยังถนนวิภาวดีขาออก เลยแยกที่จะเลี้ยวซ้ายไปปากเกร็ดหน่อยนึง
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ในอนาคตจะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ตัดมาจากสถานีศูนย์ราชการตรงรัตนาธิเบศร์เป็นสถานี Interchange สายสีชมพู-ม่วง-น้ำตาล สายสีชมพูจะจัดตรงมาเรื่อยๆบนถนนแจ้งวัฒนะข้ามทางรถไฟ และเลยไปถึงถนนรามอินทรา สถานีใกล้ที่สุดคือสถานีราษภัฏพระนครก่อนถึงแยกรามอินทรา และอีกสายหนึ่งคือสายสีเขียวต่อขยายช่วงห้าแยกลาดพร้าว-คูคต ภายในอีก 5 ปี เราคงจะเร่ิมเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ไปในทางที่ดีขึ้น เข้าถึงง่ายมาขึ้นนะคะ ส่วนปัจจุบันก็ยังคงต้องใช้บริการรถตู้บนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ รวมถึงรถเมล์ และแท๊กซี่ แต่การเรียกแท๊กซี่จากโครงการก็ดูจะยากเพราะอยู่ในซอยลึก ไม่อยู่ในระยะเดิน และขนาดซอยก็ไม่ใหญ่มาก ส่วนการเข้าถึงโครงการอย่างพี่วินก็จะมีอยู่หน้าตลาดวิภาวดี 64 และหน้าซอยแจ้งวัฒนะ 1
การออกแบบโครงการด้วยนรูปร่างแปลงพื้นที่ที่หน้ากว้าง และวาง Facility อยู่ตรงกลาง ทำให้ทุกๆบ้านเข้าถึงได้ง่าย มีผังโครงการเรียบๆอย่างการวางถนนหลักเป็นเส้นกลางตัดเข้าไปด้านใน แล้วมีซอยแยกสองด้าน ถือว่าเป็นการวางผังโครงการได้ดี ในแต่ละซอยจำนวนยูนิตไม่เยอะมาก และความลึกก็ไม่มาก ทำให้เข้าถึงได้ง่ายและดูแลความปลอดภัยได้ดี เนื่องจากโครงการได้แบ่งการขายออกเป็น Phase 1 ที่อยู่ด้านหน้าและ Phase 2 ที่อยู่ลึกเข้าไปทำให้คนที่ซื้อทาวน์โฮม Phase ที่ 1 จะได้การเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ดีกว่า แต่ Phase 2 ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า ไม่มีเพื่อนบ้านเดินผ่านหน้าบ้านหรือขับรถผ่านบ่อยๆ ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละครอบครัว
ส่วนการออกแบบทาวน์โฮมยูนิตหนึ่ง ถือว่ามีตัวเลือกให้น้อย สำหรับการมีแบบบ้านแค่ 2 แบบคือแบบ Design A และ Design B ทั้งยังต่างกันแค่สลับพื้นที่การใช้งานชั้น 2-3 จากห้องนอนใหญ่มีระเบียง และห้องนอนเล็ก 2 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว แต่ตัวดีไซน์เองถือว่ามีพื้นที่ใช้งานเพียงพอในทุกๆจุด แต่ก็ควรมีแบบบ้านเผื่อไว้สำหรับลูกบ้านที่มี Lifestyle ต่างกัน พื้นที่จอดรถ 2 คันหน้าบ้านก็ยังแอบจอดได้นิดหน่อย ด้านในเป็นพื้นที่รับแขกรวมความสูงชั้นลอยอยู่ที่ 5.5 เมตร โปร่งโล่งดี ด้านในตินิดหน่อยที่มีครัวแบบไม่ได้กั้นปิดมาให้ พื้นที่หลังบ้านลึก 2.5 เมตร ชั้นลอยปรับเป็นห้องทำงานได้ ห้องนั่งเล่นก็ได้ ทั้งยังมีห้องนอนมากที่สุดได้ถึงสามห้องพร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง ก็ถือว่าเป็นแบบที่ครอบครัว 4 คนสามารถอยู่ได้สบายๆเลย
วัสดุที่ให้มาก็สมควรจะอยู่ในระดับราคานี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นไฟฝังฝ้า, พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาดใหญ่, พื้นลามิเนตหน้า 8 มม. ที่บนชั้นลอยและชั้น 2-3 ผนังปูทับด้วย Wallpaper มีการต่อท่อให้เรียบร้อยในทุกๆจุด วัสดุของบ้านตัวอย่างและบ้านเปล่าจะมีจุดที่ต่างกันบ้างโดยเฉพาะที่ชั้น 1 และชั้นลอย อย่างราวบันไดที่เป็นแบบทึบ ห้องครัวที่ไม่ได้ทำแบบปิดบานเลื่อนมาให้ ซึ่งยังไงเป็นบ้านพักอาศัยถาวร ไม่ใช่คอนโด ทำให้ยังไงก็ต้องมีการทำครัวที่จริงจัง แต่ภายในห้องน้ำทุกๆห้องของบ้านมาตรฐานและบ้านตัวอย่างก็ออกมาเหมือนกันเป๊ะๆ สุขภัณฑ์จาก Cotto แต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ บานประตูเปิด-ปิดด้วยประตูบานสำเร็จ HDF
สาธารณูปโภค อยู่ในระดับโอเค เมื่อเทียบกับขนาดโครงการที่ไม่ใหญ่มาก Club House และสวนสาธารณะตรงกลางขนาด 252.6 ตารางวา มีการแบ่งสัดส่วนการใช้งานอย่างพื้นที่นั่งเล่นในร่ม พื้นที่สนามเด็กเล่น ภายใน Clubhouse รูปตัว U ที่ถือช่วยบังแดดได้ดี ที่ชั้น 1 มีสระว่ายน้ำขนาด 5 x 15 เมตร และห้องน้ำแยกชาย-หญิงพร้อมล็อกเกอร์ ชั้น 2 เป็นห้องนิติบุคคล ห้องอ่านหนังสือ รวมถึงห้องฟิตเนสที่มีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง ฟังก์ชั้นการใช้งานถือว่าครบในระดับหนึ่ง แต่น่าจะมีเนื้อที่สำหรับกิจกรรมนั้นๆมากขึ้นหน่อย หรือการเพิ่มห้องต่างๆไปยังพื้นที่ส่วนหย่อมด้านหน้าที่เป็นพื้นที่กลางแจ้ง เพราะหากไม่ใช่เวลาช่วงเย็น แดดหลบไปแล้ว จะไม่ค่อยได้ถูกใช้งานมากนัก อาทิ พื้นที่กิจกรรมเพิ่มง่ายๆ เช่น วางโต๊ะปิงปอง หรือเพิ่มชุดเก้าอี้สนามเข้าไป เรื่องระบบรักษาความปลอดภัย เข้าประตูรั้วโครงการเป็นแบบประตูเลื่อนอัตโนมัติด้วย Key Card Access ระยะใกล้ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 14 จุด แต่ไม่มีสัญญาณกันขโมย
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 5 – 8 ล้านบาท, 26 May 2015
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – สามารถเข้าได้จากทั้งถนนวิภาวดีขาเข้าและถนนแจ้งวัฒนะมุ่งหน้าหลักสี่ แต่เข้าซอยลึกหน่อย
- ความปลอดภัย 7.25/10 – Keycard Access เพื่อเปิดประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ ไม่ติดสัญญาณกันขโมยแต่ละบ้านให้
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.25/10 – มีให้เลือกแค่ 2 แบบซึ่งแตกต่างกันที่การสลับการใช้งานชั้น 3-4 มีระเบียงแค่ชั้นเดียว
- วัสดุ 7.25/10 – บ้านมาตรฐานพื้นลามิเนต 8 มม. สุขภัณฑ์ Cotto ไม่มีครัว ดีที่ยังมีโปรโมชั่น Wallpaper และแอร์ 2 ตัว
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – โครงการขนาดกลาง แต่แปลงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้าง ทำให้ดูไม่ลึก เข้าถึง Facility ตรงกลางง่ายหน่อย
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – Clubhouse พร้อมสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และห้องอ่านหนังสือ ด้านหน้ามีสวนสาธารณะ น้ำพุพร้อมพื้นที่นั่งพักผ่อนและสนามเด็กเล่น แต่ขนาดเล็กไปหน่อยสำหรับ ลูกบ้าน 200 กว่าหลัง
- 7.40 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการบ้านกลางเมือง วิภาวดี เหมาะกับคนวัยทำงานหรือวันกลางคนขึ้นไปที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านชานเมืองหน่อย เพื่อขยายครอบครัว หรืออยู่ใกล้แหล่งทำงาน ในราคา 5-8 ล้านบาทหรือในงบผ่อนชำระประมาณ 40,000 บาทต่อเดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/