รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.329 – รีวิวคอนโด H2 Chrome
13 สิงหาคม 2017
รีวิวฉบับที่ 701 … ขึ้นหลัก 700 รีวิวกันแล้วพร้อมกับรีวิว H2 รามอินทรา 21 ที่มาพร้อมกับ 2 ตึกใหม่ที่ชื่อว่า Glass and Chrome ซึ่งเป็นคอนโด 8 ชั้น จำนวนตึกละ 79 ห้อง มาพร้อมกับห้องขนาดเริ่มต้นที่ 20.87 ตารางเมตร … จะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันนะครับ
Fact @ 27 October 2014
- H2 Glass and Chrome (เอชทู กลาส และ โครม)
- บริษัท เอสเตท คิว จำกัด
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางเขน
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ตึกละ 79 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิตที่อาคาร A
- ที่จอดรถประมาณ 50% รวมจอดซ้อนคัน ต่ออาคาร
- ที่ดินประมาณ 199 ตารางวา ต่ออาคาร
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2559
- 1 Bedroom 20.87 – 38 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท
- 2 Bedroom 44.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.82 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.29 ล้านบาทหรือประมาณ 62,000 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 67,000 บาท
- H2-Condo.com
- โทร 085-106-2121
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด Stone & Steel : 13.864388,100.616945
พิกัด Wood & Metal : 13.865179,100.616615
พิกัด Glass & Chrome : 13.864615, 100.617550
โครงการ H2 รามอินทรา 21 Glass and Chrome จัดเป็นตึกที่ 5 และ 6 ของโครงการนี้นะครับ โดย 4 ตึกแรกชื่อว่า Stone & Steel, Wood & Metal ซึ่งเปิดการขายเป็นคู่ๆ เนื่องจากที่ดินอยู่ติดกัน แยกเป็นสองโปรเจคที่อยู่ใกล้กัน และเราได้รีวิวไปแล้ว 4 ตึก ในรีวิวฉบับที่ 549 โดยคุณยศวัฒน์นะครับ
ทำเลของโครงการนั้นคุณยศวัฒน์ได้กล่าวไปแล้วอย่างละเอียด ผมคงจะไม่เอามาพูดใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่จะคัดลอกบทความบางส่วนมาวางไว้ที่รีวิวฉบับนี้ ส่วนถ้าใครสนใจอ่านอย่างละเอียดก็สามารถกดเข้าไปอ่านรีวิว H2 รามอินทรา 21 ฉบับที่ 549 ได้ที่นี่
มาดูความอุดมสมบูรณ์ในละแวกนี้กันบ้าง บนถนนรามอินทราช่วงต้นๆจะมีเซ็นทรัลรามอินทราตั้งอยู่ ถึงแม้จะเป็นห้างที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็มีร้านค้าให้พอเดินได้และคนก็ไม่เยอะเกินไปเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเดินห้างแบบเบียดเสียดกับคนเยอะๆครับ ถ้านับระยะห่างจากหน้าเซ็นทรัลมายังโครงการจะอยู่ที่ 1.9 กม. แต่ถ้าจากโครงการจะไปเซ็นทรัลระยะจะเพิ่มเติมอีกหน่อยเพราะต้องไปกลับรถ 2 ครั้ง ส่วนฝั่งตรงข้ามจะมี BigC ให้เดินจับจ่ายใช้สอยและที่กลับรถก็อยู่ไม่ไกลด้วยครับ ระยะทางจากหน้าโครงการไปถึง Big C จะอยู่ที่ 1.1 กม. เลย Big C ไปไม่ไกลจะเจอซอยลาดปลาเค้าและมีตลาดอยู่ช่วงต้นซอยเลยครับ
ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีชมพูนั้น ตัวสถานีที่มาตั้งคือสถานีที่ 18 หรือ สถานีลาดปลาเค้า ตำแหน่งที่ตั้งก็เรียกว่าตั้งอยู่บริเวณหน้าปากซอยรามอินทรา 21 กับ 19 พอดีๆ แต่…..กว่าจะได้ใช้งานจริงคงอีกนานครับ ตามกำหนดการจะสร้างเสร็จปี 2562 แต่ถ้ามีความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือเหตุปัจจัยอื่นๆมากระทบตัวโครงการก็อาจต้องเลื่อนไปอีก ยังไงก็ต้องอดทนรอกันต่อไปนะครับ
ต่อจากเรื่องทำเลผมจะพาไป Update การก่อสร้างของ H2 รามอินทรา 21 สองตึกแรก … Steel and Stone กันแบบเร็วๆนิดนึง
ปัจจุบันก็ลงฐานรากไปแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างชั้น 1 กับชั้น 2 นะครับ คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2558 อย่างแน่นอน โดยตึก Steel and Stone จะเสร็จก่อน Wood and Metal ไม่กี่เดือน และ Glass and Chrome ซึ่งเป็นสองตึกใหม่ก็จะเสร็จต่อๆกันมาในช่วงต้นปี 2559
โดยทำเลของโปรเจคใหม่ Glass and Chrome อยู่ติดถนนซอยรามอินทรา 21 ตรงข้ามกับสำนักงานขาย ผมเห็นว่าเป็นทำเลที่ดีไม่แพ้ Stone and Steel สองตึกแรกที่อยู่ด้านหน้าเลย
โดยตึก Glass จะเข้าออกจากเส้นถนนซอยหลัก และตึก Chrome จะเข้าออกจากซอยข้างๆนะครับ
ปัจจุบันที่ดินของ Glass and Chrome ยังทำเป็นพื้นที่วางของ รอการก่อสร้างหลังจากเปิดขายไปได้ส่วนหนึ่งครับ
โปรเจค H2 นี้เป็นโปรเจคที่ค่อนข้างแปลก เนื่องจากจัดเป็นอาคารขนาดเล็ก ขนาดไม่เกิน 4,000 ตารางเมตรและมีจำนวนห้องไม่ถึง 80 ห้อง จึงไม่ต้องขออนุญาตสิ่งแวดล้อมหรือที่เรียกกันว่า EIA นะครับ แค่ทางโครงการเปิดขายก็สามารถก่อสร้างตึกได้ทันทีหลังจากที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง โดยไม่ต้องรอช้าแบบตึกที่ต้องขอ EIA ซึ่งจะทำให้เพิ่มขั้นตอน ต้องก่อสร้างล่าช้าไปกว่า 6 เดือน – 1 ปี
สำนักงานขายของ H2 Glass and Chrome ก็ทำใหม่ขึ้นมาเชื่อมกับสำนักงานขายเก่า โดยจะเป็นตึกสีขาวที่มีเก้าอี้ห้อยสีแดง แรงฤทธิ์ แบบนี้
ตัวตึกทั้ง Glass และ Chrome ทั้งสองตึกจะมีส่วนที่ติดกับถนนซอยรามอินทรา 21 ด้วยกันทั้งคู่ โดยแต่ละตึกจะแบ่งที่ดินไปประมาณเท่ากันที่ 200 ตารางวา จากมุมนี้จะเห็นว่าทางเข้าออกของ Glass อยู่ติดถนนซอยหลัก
ส่วนของ Chrome จะต้องใช้ซอยเล็กๆด้านข้างอย่างนี้นะครับ
ทั้ง Glass และ Chrome เป็นตึก 8 ชั้นทั้งคู่ มีระยะห่างระหว่างกันตรงกลาง 6 เมตร
โดยจุดเด่นของดีไซน์ก็คือการเจาะช่องตึกเป็นสระว่ายน้ำและสวนแบบเหลื่อมกัน แต่ละตึกจะเจาะพื้นที่ 3 ชั้นทำเป็นสระว่ายน้ำ โดยของ Chrome จะอยู่ที่ชั้น 3F-5F
ของ Glass อยู่ที่ชั้น 2F-4F
พร้อมกับสวนที่ชั้น 7F-8F ซึ่งจะทำให้ได้รับวิวสระว่ายน้ำของกันและกัน ตลอดจนไม่ “ชิด” และ “แน่น” จนเกินไป แต่ก็ยังมีบางห้องที่หันหน้าระเบียงเข้าหากันอยู่นะครับ ในมุมที่หลบเหลื่อมกันไม่พ้น
มาดูภาพจำลองกันบ้างกับรูป Perspective ของคอนโดทั้งสองตึก จากที่เห็นนี้เป็นตึก Glass นะครับ
Plan ที่จะให้ดูนี้เป็นของตึก Chrome ทางซ้ายและ Glass ทางขวา โดยชั้นล่างสุดของทั้งสองตึกเป็นที่จอดรถ ชั้น 2F-4F ของตึก Glass มีส่วนที่ตัดออกไปเป็นสระว่ายน้ำ และฟิตเนสที่ชั้น 2F
โดยสระว่ายน้ำจะมีความสูงโดยรวม 3 ชั้น ซึ่งพอถึงชั้น 5F ของตึก Glass ก็จะเป็น Full Floor Plan ที่มีทั้งหมด 13 ห้องต่อชั้น ส่วนสระว่ายน้ำตึก Chrome ก็จะเริ่มจากชั้น 4F ขึ้นไปถึง 6F
ห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดเล็ก (สีเหลือง) จำนวน 8 ห้องต่อชั้น รองลงมาเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดกลาง 4 ห้องต่อชั้น และห้อง 2 Bedrooms มีอย่างมากเพียง 1 ห้องต่อชั้น (สีฟ้า)
สุดท้ายที่ชั้น 7F-8F ของตึก Glass ก็จะมีพื้นที่อีก 1 ห้อง ถูกตัดไปทำพื้นที่สวน Pocket Garden ก่อนที่จะถึงชั้นดาดฟ้าที่มีส่วนหนึ่งเป็นสวนของตึก Chrome ครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ต่อ 1 อาคาร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ขนาดประมาณ 15 ตารางเมตร ต่อ 1 อาคาร
- รวมพื้นที่ส่วนกลางบริเวณสระว่ายน้ำและฟิตเนสมีขนาดประมาณ 85 – 90 ตารางเมตร
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 79 : 1
- Service Lift ไม่มี
- ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50%
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูนี้เป็นห้องขนาด 22.27 ตารางเมตร ซึ่งแปลนจะคล้ายกับห้อง 20.87 ตารางเมตรซึ่งเป็นห้องที่เล็กที่สุดของโครงการนี้ ต่างกันเพียงความกว้างของห้องเท่านั้นที่ถูกดันให้แคบลง ตัวห้องเป็นแบบ 1 Bedroom ที่มีพื้นที่กั้นห้องระหว่างกลางด้วยกระจก และแบ่งพื้นที่ปลายเตียงเป็นส่วนของระเบียงครับ
เล็กๆน้อยๆกับห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย ด้วยความที่เป็นตึก Glass & Chrome ทาง Designer จึงทำพื้นเป็นกระจก ปลูกต้นไม้ด้านล่างให้มองทะลุลงไปได้ ตรงนี้ทำสวยๆเฉยๆไม่เกี่ยวอะไรกับตึกนะครับ
จุดแรกที่จะให้ดูเป็นประตูที่มีอุปกรณ์ Digital Doorlock ของ SAMSUNG ติดมาให้ด้วย ซึ่งปกติโครงการในระดับ ECONOMY จะไม่ค่อยให้กันนะครับ จะได้เป็นลูกบิดประตูเฉยๆ
พอเข้ามาแล้วก็จะมี Counter Pantry ขนาดกะทัดรัดจัดให้อยู่หน้าประตู ชุดนี้ยกเว้น Prop และ Microwave ก็จะได้ไปด้วย
ซึ่งห้องขนาดนี้แน่นอนว่าไม่มีพื้นที่ให้วางเตา ทำให้ต้องใช้ Microwave เป็นหลัก หรือถ้าใครจะใช้เตาก็ต้องเป็นแบบเคลื่อนที่ได้ครับ
จากพื้นที่บริเวณหน้าห้อง ด้านซ้ายเป็นครัวและตู้เย็น ด้านขวาเป็นห้องน้ำ จัดพื้นที่ทุกส่วนเอามาใช้ให้หมด
บริเวณ Counter ครัว ก็จะต่อเนื่องกับตู้เย็นและชั้นวางทีวี เป็นฟังก์ชั่นติดกัน แต่ก่อนที่เราจะไปดูส่วนนั่งเล่นและห้องนอน … เราไปดูห้องน้ำกันก่อนครับ
ห้องน้ำที่นี่ขนาดกะทัดรัดอีกเช่นเคย แต่ก็สามารถใส่ทุกฟังก์ชั่นได้จนครบ ทั้งตู้อาบน้ำ อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ โดยกระเบื้องพื้นและผนังจะปูให้เป็นลายนี้เลยครับ
อ่างล้างหน้าของ Mogen รุ่นนี้พื้นที่ซิงก์จะเล็กหน่อยเพราะแบ่งพื้นที่ด้านข้างไปทำที่วางของด้วย ทำให้ไม่ต้องสร้าง Counter มาเพิ่ม เป็นการประหยัดพื้นที่ลง ส่วนด้านล่างก็ทำช่องสามารถเก็บผ้าผืนเล็กๆได้ครับ
ตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์นี้อาจจะโหดไปหน่อย ตรงที่เข้าออกลำบาก ต้องเตะที่วางทิชชู่เอาแน่ๆ
ตู้อาบน้ำเปิด-ปิดสองทาง โดยใช้กระจกบานเลื่อนสองบานเลื่อนเข้ามาหากันที่มุมรูปตัว V
เวลาอาบน้ำก็ถือว่าพออาบได้นะครับ แต่จะหมุนตัวยากๆหน่อย อย่างที่ผมเดินเข้าไปให้ดูนี้
ฝักบัวสวยงาม มีก๊อกด้านล่างให้ด้วย ผ่านครับ แต่จะติดตรงไม่เป็นก๊อกผสมและไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น/น้ำร้อนมาให้ ต้องติดตั้งเพิ่มเอง
ออกจากห้องน้ำเราไปดูตัวห้องนั่งเล่นและห้องนอนกันดีกว่า … ซึ่งจริงๆแล้วภาพเดียวก็สามารถมองไปจนสุดห้องยูนิตนี้ได้เลย 😀
แหม่ แต่ถึงจะเล็ก ก็ต้องอธิบายหน่อยใช่ไหมครับ ตรงนี้เป็นส่วนห้องนั่งเล่นที่กั้นระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ มีโซฟาและฉากบานเลื่อนแถมมาให้กับตัวห้องอยู่แล้ว ฟังก์ชั่นที่ตัดออกไปเพื่อให้ได้ห้อง 20 ตารางเมตรมาก็คงจะหนีไม่พ้นโต๊ะกินข้าว ซึ่งต้องนั่งกินที่โซฟาโดยใช้โต๊ะลอยตัวเล็กๆแทนนะครับ ถ้าใครอยากได้พื้นที่เพิ่มขึ้นก็ต้องหาโต๊ะลอยที่พับได้มาใช้ เป็น Multi Function ทั้งนั่งเล่นคอมและนั่งกินข้าวไปในตัวเดียวกัน
พื้นที่จริงๆก็ต้องใช้ให้คุ้ม ผนังด้านบนแขวนได้ก็ต้องแขวน ทำชั้นวางของได้ก็ต้องทำ … ถ้ามาอยู่จริงๆผมแนะนำให้ทำเป็นตู้แขวนให้หมด เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของอีก
ระยะดูทีวีไม่ได้แคบอย่างที่คิด เพราะใช้พื้นที่เต็มขนาดห้อง … ประมาณนี้ถือว่าดีเลย แต่ถ้าจะให้ดีต้องเพิ่มตู้เหนือทีวีและตู้เย็นอีก ให้เก็บของได้มากขึ้น
ทีวีจะแขวนก็ได้ หรือวางก็ได้ ผมแนะนำให้แขวน แล้วตู้ด้านล่างใช้วางของจะดีกว่าครับ
สวิทช์เป็นสีเทาๆแบบนี้ โดยมีระบบเครื่องเสียงพร้อมกับ Bluetooth และลำโพงฝังฝ้ามาให้แล้ว
มาถึงส่วนของห้องนอนที่แต่งออกมาได้สวยงาม พื้นที่จริงๆสุดตรงกระจกกรอบสีดำๆนะครับ ต้นไม้และกรอบด้านนอกนั้นเป็นส่วนของสำนักงานขายไม่เกี่ยวกับห้องตัวอย่าง
เตียงนอนยังคงขนาดไว้ที่ 5 ฟุตแถมมมาพร้อมกับชุด Fully Furnished สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้สองข้าง … แต่ถ้าเป็นผมซื้อห้องขนาด 20.87 ตารางเมตรมาอยู่คนเดียว สิ่งที่จะทำสิ่งแรกคือการเอาเตียงนอน 5 ฟุตออกไป เปลี่ยนเป็น 3.5 ฟุต หรือวางฟูกชิดผนัง เพื่อที่จะได้พื้นที่วางโต๊ะทำงานกับชุดเก้าอี้มานั่งเล่นคอมได้ หรือถ้าเป็นผู้หญิงก็ใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วย ซึ่งคิดว่าฟังก์ชั่นดีกว่ามากครับ
ปลายเตียงเป็นพื้นที่โปร่งๆแบบนี้ ดูแล้วช่วยไม่ให้ห้องที่เล็กอยู่แล้วอึดอัด ซึ่งคิดว่าทำได้ดีนะครับ มีทั้งผนังกระจก ประตูกระจก และหน้าต่างล้อมรอบ
ด้านนอกถ้ามีต้นไม้แบบนี้ก็คงจะดี เพราะจะทำให้ห้องดูมีมิติและไม่แคบ แต่คอนโดจริงๆไม่มีให้นะครับ
มองกลับไปก็จะเห็นประตูทางเข้าห้อง อยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น
ตรงนี้ดีอย่างเวลาปิดบานเลื่อนเข้ามาก็จะช่วยประหยัดแอร์ได้ในเวลากลางคืน
พื้นที่ระเบียงมีให้ประมาณเท่านี้ เป็นระเบียงเข้ามุม ซึ่งเอาไว้ตากผ้า เท่าที่พอจะทำได้ครับ
ส่วนบนของระเบียงก็เป็นที่วาง Air Compressor ดังนั้นจะมีลมร้อนพ่นออกมาตลอด ถ้าจะใช้ระเบียงก็ต้องปิดแอร์นะครับ
อีกส่วนที่ขาดไม่ได้คือตำแหน่งติดตั้งแอร์และตู้เสื้อผ้า โดยแอร์ที่มีให้จะติดตั้งอยู่ในส่วนของห้องนอน ตัวเดียวกับพื้นที่ 20-22 ตารางเมตร และตู้เสื้อผ้าขนาดประมาณที่เห็นในภาพครับ
ระยะฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.45 เมตร มาพร้อมกับไฟ Downlight และลำโพงเครื่องเสียงให้สองจุด บริเวณแรกที่ห้องนั่งเล่น
บริเวณที่สองที่ห้องนอน
ม่านห้องตัวอย่างออกแบบมาใช้ทั้งม่านทึบและม่านโปร่ง ซึ่งอาจจะเปลืองที่ไปหน่อย ถ้าไม่ได้โดนทิศตะวันตกเต็มๆก็ใช้แค่ม่านทึบอย่างเดียวพอครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 27 October 2014
- 1 Bedroom 20.87 ตารางเมตร ราคา 1.29 ล้านบาท หรือประมาณ 62,000 บาท/ตรม.
- 1 Bedroom 31.40 ตารางเมตร ราคา 1.93 ล้านบาท หรือประมาณ 61,000 บาท/ตรม.
- 1 Bedroom Plus 33.43 ตารางเมตร ราคา 2.1 ล้านบาท หรือประมาณ 63,000 บาท/ตรม.
- 2 Bedrooms 44.5 ตารางเมตร ราคา 2.77 ล้านบาท หรือประมาณ 62,000 บาท/ตรม.
- ทั้งหมดนี้เป็นราคาเริ่มต้น
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.45 เมตร
- Kitchen & Sink
- ไม่มี Hob & Hood
- จอง 10,000 – 30,000 บาท
- ทำสัญญา 20,000 – 40,000 บาท
- ดาวน์ 10%
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทเจาะลึกรวบยอดนั้นคงจะไม่ได้ต่างอะไรจากเดิมเท่าไรนะครับ ผมจึงขอยกบทความสรุปของคุณยศวัฒน์ที่เคยทำรีวิวเอาไว้มาตรงนี้ก่อน จากนั้นจะเพิ่มเติมและอัพเดทในส่วนของ H2 Glass and Chrome เข้าไปครับ
โครงการนี้อยู่ในย่านรามอินทราและเป็นทำเลที่เป็นแหล่งอยู่อาศัย ตัวโครงการแบ่งเป็น 6 อาคาร 6 นิติ ตั้งอยู่ในที่ดิน 2 แปลงโดยแปลงแรกจะอยู่ในซอย รามอินทรา 21 ห่างจากปากซอยประมาณ 88 เมตรเท่านั้นเอง ที่ดินจะอยู่ตรงหัวมุมที่ตัดกับซอยรามอินทรา 19 แยก 2 พอดี ส่วนแปลงที่ 2 จะอยู่ในซอยรามอินทรา 19 แยก 4 ห่างจากปากซอยรามอินทรา 19 ประมาณ 230 เมตร และที่ดินแปลงที่ 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Glass and Chrome จะอยู่ตรงข้ามกับสำนักงานขาย ห่างจากปากถนนใหญ่ประมาณ 100 กว่าเมตร ทั้ง 3 แปลงถือว่าอยู่ในจุดที่เดินทางสะดวกทั้งใช้รถยนต์และไม่ใช้รถยนต์ เพราะตัวป้ายรถเมล์อยู่ห่างจากโครงการ(ในซอยรามอินมรา 21) ประมาณ 150 เมตร ส่วนถ้าวิ่งทะลุเข้าไปในซอยจะไปทะลุถนนตัดใหม่ ที่เชื่อมระหว่าง ถนนพหลโยธิน กับ วัชรพล และ ถนนสุขาภิบาล 5 ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการแต่ชาวบ้านก็ใช้กันไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีทางลัดไปพหลโยธิน 48 กับ 50 ได้อีกด้วย
ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินได้จะมีร้านอาหารอยู่ช่วงต้นซอยแต่ก็มีไม่กี่ร้าน ส่วนร้านสะดวกซื้อก็จะมี 7Eleven อยู่ที่ปากซอยรามอินทรา 19 และมีร้านขายยาด้วย ถ้าสะดวกใช้จักรยาน, มอเตอร์ไซด์ หรือ รถยนต์ ให้วิ่งเข้าไปด้านในซอยรามอินทรา 21 จะมีร้านกระจายตัวอยู่ในซอย และจะไปหนาแน่นตรงช่วงกลางๆซอยที่เป็น แฟลตตำรวจ ช่วงนั้นจะเป็นแหล่งชุมชนมีของกินให้เลือกเยอะ ร้านสะดวกซื้อก็มีทั้ง 7Eleven และ Tesco Lotus Express หรือถ้าอยากไปตลาดใหญ่หน่อยก็ออกไปด้านท้ายซอยจะไป ตลาดยิ่งเจริญ และ ตลาดถนอมมิตรได้ หรือถ้าจะไปแค่ตลาดสดก็เดินไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นตลาดลาดปลาเค้าระยะประมาณ 450 เมตรเอง ส่วนห้างที่มีให้เดินใกล้สุดจะเป็น Central รามอินทราcและ Big C รามอินทรา
การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็ถือว่าสะดวกอยู่เหมือนกันครับ เพราะระยะห่างจากโครงการไปป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกล Steel&Stone ประมาณ 150 เมตร Glass&Chrome ประมาณ 200 กว่าเมตร ส่วน Wood&Metal จะไกลกว่านิดหน่อยอยู่ที่ประมาณ 350 เมตร ที่ปากซอยทั้ง 2 ซอยมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ทั้งคู่ และในซอยรามอินทรา 19 กับ 21 จะรถสองแถววิ่งอยู่หลายสายสามารถนั่งไปออกถนนพหลโยธินได้ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพูถ้ามาขึ้นเมื่อไหร่นี่ถือว่าคุ้มสุดๆเลยครับเพราะตัวสถานีจะมาถึงบริเวณปากซอยพอดี แต่…กว่าจะได้นั่งจริงๆก็คงต้องรออีกนานเลยครับ (ตามแผนงานคือปี 2562)
วัสดุของโครงการนี้ถือว่าให้มาเยอะในราคาระดับนี้เพราะขายแบบ Fully Furnish ส่วนที่เป็นแบบ Built-in จะมีเคาน์เตอร์ครัว, ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางของในห้องนั่งเล่น ส่วนเฟอร์ลอยตัวก็มี โซฟา, โต๊ะกลาง, ชุดโต๊ะทานอาหาร (รายของแถมในห้องแบบ 1 Bedroom, 1 Beedroom Plus และ 2 Bedroom จะแตกต่างกันนิดหน่อย) พื้นห้องได้เป็นกระเบื้องยาง Vinyl ที่ทนความชื้นและรับแรงกระแทกได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนต ส่วนลวดลายก็เป็นแบบสมัยใหม่หน่อยเป็นลายไม้และมีพื้นผิวขรุขระให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริงมากขึ้น (แต่ถ้าใครไม่ชอบพื้นแบบนี้ก็+-คำแนนเพิ่มได้เลยครับ) ชุดสุขภัณฑ์ใช้ของ Mogen และอุปกรณ์ใช้ของ American Standard อ่างล้างหน้าเป็นแบบไฟเบอร์สำเร็จรูปมีชั้นวางของด้านล่าง มีฉากกั้นอาบน้ำ และสุดท้าย มี Digital Door Lock กับ Bluetooth Sound System มาด้วย
สำหรับ Glass & Chrome ก็จะถือว่าแพงกว่ารุ่นพี่ๆทั้ง 4 ตึกอยู่ประมาณ 5-10% นะครับ เนื่องจากเป็นตึกน้องใหม่มาทีหลังเลยขายแพงขึ้นขยับราคาไปอีกนิดหน่อย
การออกแบบของโครงการนี้ถือว่าทำได้ดีทั้งในแง่รูปลักษณ์ของอาคารภายนอกและการจัดผังภายในห้อง และมี Concept ที่ชัดเจนและให้รายละเอียดได้ดี ดูได้จากตัวสำนักงานขายที่มีการตกแต่งให้สะท้อนถึง Concept ของโครงการได้อย่างชัดเจน โครงการนี้ใช้ Concept Modern Loft และใช้ชื่อของ Material มาเป็นลูกเล่นให้กับทั้ง 6 อาคาร Stone&Steel, Wood&Metal, Glass&Chrome ถึงแม้นิติบุคคลที่บริหารจัดการจะแยกของใครของมัน (ทั้งหมด 6 นิติ) แต่การออกแบบตัวอาคารก็ใช้ส่วนที่เป็น Facility มาช่วยให้ดูเป็นโครงการเดียวกัน และช่วยให้ห้องที่เป็นวิวของอาคารได้วิวสระว่ายน้ำด้วย
การออกแบบ 1 ห้องนอนของที่นี่แบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆด้วยกันคือ 1 ห้องนอนธรรมดาที่มีฟังก์ชั่นครบถ้วยและขนาดพื้นที่มีจำกัดแบบพอดีๆกับแต่ละฟังก์ชั่น, 2 ห้องนอนแบบ Plus คือจะมีอีกห้องเพิ่มขึ้นมาอกี 1 ห้องแต่ขนาดพื้นที่จะเหมาะแก่การทำเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนเด็กเล็กมากกว่า และสุดท้ายส่วนที่ 3 ห้องนอนแบบ Exclusive คือห้องที่เป็นแบบห้องหน้ากว้างหรือห้องที่อยู่หัวมุม ส่วนแบบย่อยต่างๆจะต่างกันแค่เล็กน้อยขึ้นอยู่กับเหลี่ยมมุมของตัวอาคาร ผังภายในห้องก็จัดมาค่อนข้างดีและลงตัวใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ายกเว้นบางแบบที่มีมุมแปลกๆอยู่บ้าง
สาธารณูปโภคของโครงการนี้มีข้อดีในแง่ความหนาแน่นค่อนข้างต่ำถ้าเทียบกับระดับราคานี้โดยจำนวนยูนิตต่ออาคารเฉลี่ยนอยู่ที่ 77 – 79 ยูนิตได้ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวไม่มีลิฟท์ Service จำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 12, 13 และ 14 จุดเด่นอีกข้อคือทุกอาคารจะมีสระว่ายน้ำและ Fitness ให้ถึงแม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็สอดคล้องกับจำนวนยูนิตในแต่ละอาคาร แต่สวนหย่อมไม่มีมาให้นะครับ ส่วนที่จอดรถก็มีมาให้ประมาณครึ่งนึงถือว่าไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเกินไป แต่…ในส่วนนี้ผมยังไม่เห็นแปลนชั้นล่างสุดดังนั้นจึงยังสรุปไม่ได้ว่าจริงๆแล้วจะจอดได้ตามที่บอกหรือไม่และการเดินรถภายในโครงการเป็นอย่างไร ถ้าได้เห็นแปลนแล้วจะมาเพิ่มเติมในส่วนนี้ให้นะครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 67,000 บาทต่อตารางเมตร, 27 October 2014
โดยรวมคะแนนจะใกล้เคียงกับเดิมแต่จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ H2 สี่โปรเจคแรก เพราะราคาขายแพงขึ้นครับ
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลอยู่ในย่านชานเมือง ถ้ามีรถไฟฟ้าจะ+ให้อีก 0.5
- เดินทางด้วยรถ 7.0/10 – เดินทางสะดวกมีทางลัดทะลุไปสะพานใหม่, วัชรพล, สุขภิบาล 5 ได้
- ไม่ใช้รถ 7.0/10 – อยู่ห่างป้ายรถเมล์ 200 กว่าเมตรถ้ามีรถไฟฟ้าจะ+ให้อีก0.5เช่นกัน
- วัสดุ 8/10 – ให้มาเยอะและครบดีมี Digital Door Lock และBluetooth Sound System มาให้ด้วย
- แบบ 7.5/10 – จัดวางผังได้ลงตัวดีทำให้ใช้งานพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า มีห้องแบบหน้ากว้างให้เลือก
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีสระว่ายน้ำละ Fitness มาให้ทุกอาคาร และความหนาแน่นต่ออาคารต่ำ (คะแนนส่วนนี้รอ +- อีกทีหลังจากได้เห็น Planชั้นล่างสุด)
- ECONOMY CLASS
- 7.425 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำงานหรือตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ในย่านรามอินทรา อยากได้ห้องแบบเฟอร์นิเจอร์ครบไม่ต้องแต่งเพิ่ม ไม่เน้นทำครัวแบบจัดหนัก และชอบสไตล์ Modern เน้นการใช้ Facility ของโครงการไม่ชอบโครงการยูนิตเยอะ ไม่ค่อยใช้รถยนต์ส่วนตัว มีงบประมาณ 1.3 – 3 ล้าน มีกำลังผ่อนต่อเดือน 8,500 – 20,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ