รีวิวโครงการ
พาชมตึกเสร็จ Ashton Chula – Silom คอนโดใกล้ MRT สามย่าน พร้อมสระว่ายน้ำ Olympic ที่ชั้น 49 รับวิวเมือง จาก Ananda
30 มิถุนายน 2018
รีวิวฉบับที่ 858 … สวัสดีค่ะ หลังจากที่เราพาไปดูทำเลกันมาแล้ว วันนี้ก็ได้เวลาที่เราจะพาไปดูโครงการ Ashton จุฬา-สีลม คอนโด High Rise 56 ชั้น หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเพราะเปิดตัวมาได้สักพักแล้วค่ะ โครงการตั้งอยู่ห่างจาก Mrt สามย่าน ประมาณ 180 เมตรในระยะเดินถึง ที่แม้จะมียูนิตหนาแน่นถึง 1,182 ยูนิต แต่ก็จัดเต็มด้วย Facilities 2 ชั้น สระว่ายน้ำยาวถึง 53 เมตร มองเห็นวิวเมืองได้ทั้งเมือง เกริ่นมาขนาดนี้คงอยากไปดูกันแล้ว งั้นเราไปเจาะลึกโครงการพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่าา ^^
อ่านรีวิวทำเล Ashton จุฬา-สีลม (คลิกที่นี่)
Fact @ 4 June 2015
- Ashton Chula-Silom (แอชตัน จุฬา-สีลม)
- บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
- SUPER LUXURY (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : พระราม 4 เขตบางรัก
- คอนโด High Rise 56 ชั้น 1 อาคาร 1,180 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต รวม 1,182 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 6 ชั้น
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 28 ยูนิต ที่ชั้น 22, 27, 32, 42
- ที่จอดรถประมาณ 560 คันคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 4-0-88.30 ไร่
- Studioขนาด 24.5-34.5 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท
- 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 30.5-34.5 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 2 Bathroom ขนาด 55-66 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.99 ล้านบาทหรือประมาณ 200,000 บาทต่อตารางเมตร
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างยื่นขออนุญาต
- ปีที่เริ่มก่อสร้าง กรกฎาคม 2558
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ กันยายน 2561
- Wedsite :http://www.ananda.co.th/register/ashton/chula-silom/
- Call Center : 02 316 2222
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.731102, 100.531009
เนื่องจากตัวรีวิวทำเลได้ทำไปแล้วดังนั้นจะขอเริ่มในส่วนของโครงการเลยนะคะ สามารถอ่านรีวิวทำเล Ashton จุฬา-สีลม ได้โดย (คลิกที่นี่) เลยค่ะ
แผนที่จากทางโครงการค่ะ จะเห็นว่าโครงการอยู่บนถนนพระราม 4 ห่างกับ MRT สามย่าน ประมาณ 100 เมตร ซึ่งสถานี MRT ที่อยู่ใกล้เคียงคือ MRT หัวลำโพง ซึ่งเป็นสถานีสุดสาย สามารถนั่งรถไปต่อในย่านพระนคร อย่างโซนสนามหลวง ท่าพระจันทร์ วังหลังได้ ส่วนอีกสถานีคือ MRT ศาลาแดง ซึ่งเป็นสถานี Interchange กับ BTS สีลม สามารถนั่งไปต่อยังเส้นทางของ BTS สถานีต่อๆไปได้
หากเดินทางด้วยรถยนต์สามารถ เข้า-ออกได้ทางเดียว คือ เข้าทางถนนพระราม 4 ค่ะ ถ้าใครที่ขับรถมาจากสาทรแล้วขึ้นสะพานไทย-ญี่ปุ่น ทางลงจะอยู่เลยโครงการมาแล้วต้องไปอ้อมนิดหน่อย โดยเข้าถนนสี่พระยาแล้วเข้าซอยทรัพย์มาออกสุรวงศ์อีกที สำหรับคนที่ไม่อยากอ้อมก็วิ่งด้านล่างเอานะคะแต่รถอาจจะติดหน่อย
บริบทโดยรอบโครงการ ทิศเหนือ ติดกับ ถนนพระราม 4 ซึ่งเป้นทางเข้า – ออก หลักของโครงการ และจามจุรีสแควร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ทิศตะวันออก ติดกับโรงแรมมณเฑียร เป็นอาคารสูง 20 ชั้น ซึ่งคนที่อยู่ทิศนี้ในชั้น 1-20 จะโดนบังวิว ส่วนชั้นสูงกว่านี้ก็ไม่มีปัญหาค่ะ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้จนถึงทิศใต้ ติดกับ โรงแรมมณเฑียรเช่นกัน แต่เป็นอาคารสูง 8 ชั้น คนที่อยู่ในทิศนี้จึงโดนบังวิวแค่ชั้นที่ 1-8 ค่ะ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ อาคารพาณิชย์ประมาณ 2-3 ชั้น ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนในละแวกนี้ โดยด้านนี้จะติดกับถนนหน้าวัดหัวลำโพงด้วย ซึ่งเป็นซอยที่ไม่ได้วุ่นวายนักแต่อาจจะมีความพลุกพล่านบ้าง เช่น ช่วงกลางวัน ที่คนที่ทำงานในละแวกนี้มากินข้าวที่ร้านอาหารในซอยนี้ เป็นต้น
ทิศตะวันตก ติดกับ Too fast to sleep ซึ่งเป็นร้านกาแฟ 2 ชั้น ที่นิสิตจุฬาฯ มานั่งทานของว่างและทำงานกันเยอะ ซึ่งด้านหน้า Too fast to sleep จะมีป้ายรถเมล์จึงทำให้ตรงนี้ค่อนข้างพลุกพล่านในช่วงเช้าและเย็น ส่วนห่างไปอีกหน่อยจะเป็นวัดหัวลำโพง ซึ่งเป็นวัดใหญ่ อาจมีเสียงรบกวนบ้างเวลาที่วัดมีงานบุญต่างๆและวันพระใหญ่ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ~800 เมตร
- จามจุรี สแควร์ ~1.4 กิโลเมตร
- โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ~1.5 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลเวิลด์ ~2.3 กิโลเมตร
- สยามพารากอน ~2.4 กิโลเมตร
- สยามเซ็นเตอร์ ~2.4 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลจุฬาฯ ~ 2.5 กิโลเมตร
- มาบุญครอง ~2.6 กิโลเมตร
- สวนลุมพินี ~3.3 กิโลเมตร
โครงการ Ashton จุฬา-สีลม มาในสไตล์ Modern Luxury & Electric มีการออกแบบห้องพักโดยใช้กระจกสูงเข้ามุมโค้ง ทำให้เมื่ออยู่ภายในอาคารจะได้พื้นที่ที่แปลกตาเสมือนยื่นไปในอากาศ ตัวอาคารใช้โทนสีเรียบขรึม เช่นสีน้ำตาลเทาและดำ สลับการการใช้ Facade ที่เป็นกระจกโดยการเพิ่มกระจกบานเลื่อนที่ระเบียงห้องอีกชั้นหนึ่ง ตัวอาคารจึงดูเรียบและล้ำสมัย
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้อาคารเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด Eco Urban Living ใช้หลอดประหยัดไฟทั้งอาคาร และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมจุดจอดจักรยานรองรับ Eco-Friendly Lifestyle
ภาพจำลองทางเข้าโครงการมีการออกแบบกำแพงทางเข้าสีขาวให้เป็นเส้นโค้งนำสายตา และมีการเล่นลายที่พื้นให้ดูมี Gimmick เล็กๆ
ภาพจำลองสวนหน้าโครงการ เป็นสวนที่มีทางเดินและสนามหญ้าแบบเล่นระดับ ต่อเนื่องกับสวนขึ้นบันไดด้านบนอาคารในชั้น 2-6 ที่เป็น Green wall และปลูกต้นไม้ไล่ระดับขึ้นไป สร้างพื้นที่สีเขียวทั้งแนวตั้งและแนวราบให้กลมกลืนกัน
ภาพจำลอง Lobby ของโครงการ มีการใช้พื้นลายหินอ่อน และตกแต่งด้วยไฟสีเหลืองนวลให้ความรู้สึกหรูหรา
ภาพจำลอง Panoramic Sky Facilities อาทิ สระว่ายน้ำระบบโอโซน , สระออนเซ็น, Double Floor Sky Fitness, Life Style Club & Wine Bar พร้อมด้วย Panoramic View Library และ Panoramic Exclusive Business Lounge นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น ภายใต้แนวคิด Concept Urban Oasis
ภาพจำลองสระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 53 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร ซึ่งมีส่วน Onsen และ Jacuzzi ให้ด้วย การจัดพื้นที่รอบสระว่ายน้ำมีการปลูกต้นไม้ มีทางเดิน และมีการไล่ระดับอ่าง Onsen และอ่าง Jacuzzi ทำให้สามารถใช้งานในแต่ละส่วนได้พร้อมกัน
ภาพจำลอง Double Floor Sky Fitness ในชั้น 49 มีห้อง Fitness ให้ 2 ชั้นแบบจัดเต็ม ผนังห้องเป็นกระจกเต็มบานจึงสามารถออกกำลังกายไปชมวิวเมืองไปได้ ด้านหนึ่งของห้องเป็นบันไดขึ้นไปชั้น 2 ได้ จึงสามารถเลือกเล่นได้ทั้งชั้น 1 และชั้น 2 โดยมีเครื่องออกกำลังกายให้ชั้นละ 10 เครื่อง
ภาพจำลอง Life Style Club & Wine Bar เป็นห้องที่สามารถมองวิวสูงกรุงเทพได้แบบพาโนรามา พื้นที่แบบ Double space ให้ความรู้สึกโอ่โถง มีการตกแต่งโดยใช้พื้นลายหินอ่อน ฝ้าเพดานซ่อนไฟสีเหลือง และแชนเดอเลียสีทอง สไตล์ Modern and Luxury
มาดูที่ Master Plan กันบ้างค่ะ โครงการมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 7 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 169 : 1 ซึ่งถือว่ายังค่อนข้างหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วนนะ ลิฟต์เซอร์วิสมีให้ 1 ตัวติดกับส่วนทิ้งขยะ ทำให้แม่บ้านขนย้ายขยะลงมาทางนี้ได้ง่าย ไม่กวนส่วนลิฟต์โดยสาร
ทางเข้าโครงการติดกับถนนพระราม 4 ผ่านซุ้มประตูทางเข้าจะมี Drop off 1 จุด หลังจากส่งคนลงแล้วก็สามารถวนรถไปจอดด้านข้างอาคารที่มีทั้งที่จอดรถขนาดปกติ และที่จอดรถ Super Car ที่ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่หากต้องการขึ้นชั้นจอดรถก็สามารถขึ้นทางด้านหลังอาคารได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีจุดให้ชาร์ทรถไฟฟ้าอีกด้วย
เมื่อเราเข้าไปในอาคารจะเจอ Lobby ซึ่งด้านหลัง Lobby จะมีห้องประชุมนั่งคุยงาน ข้างๆกันเป็นห้องนิติบุคคล และห้องจดหมาย ซีกซ้ายในแปลนของอาคารจะเป็นร้านค้าซึ่งทางเดินไปร้านจะต้องเดินผ่านวิวสวนหน้าโครงการด้วย ส่วนซีกขวาเป็น Service zone ประกอบด้วยโถงลิฟต์ทั้งหมด 7 ตัว ห้องน้ำ ห้องพักขยะ และห้องงานระบบ ส่วนทางด้านหลังเป็นที่จอดรถทั้งหมดจนถึงชั้น 6 ค่ะ
พอขึ้นมาชั้น 7 จะเริ่มเป็นชั้นของห้องพักอาศัยแล้วค่ะ มีห้องพักทั้งหมด 15 ยูนิต ห้องสีน้ำตาลอ่อนในทิศตะวันออกของอาคาร คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.5 – 32.5 ตารางเมตร ห้องสีน้ำตาลเข้มทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นห้อง 2 Bedrooms ขนาด 57.5 ตารางเมตร ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของอาคารเป็นห้อง Studio สีม่วงขนาด 24.5-26 ตารางเมตร ห้องสีน้ำตาลเข้มสุดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 63 เมตรค่ะ ซึ่งห้องนี้ตอนบ่ายจะร้อนเลยนะโดยเฉพาะห้องรับแขกที่มีกระจกรอบ รับแดดไปเต็มๆ 270 องศา แต่ยังดีที่เป็นแดดจากทิศเหนือเสียพอควรนะคะ
ทางเดินตรงส่วนห้องพักเป็นแบบ Double loaded corridor มีช่องเปิดเป็นบานกระจกใสที่สุดปลายทาง เดินช่วยให้แสงและลมเข้าอาคาร ส่วนตรงโถงลิฟต์ออกมาทางด้านทิศตะวันตกจะเป็น Single loaded corridor มีทางเดินออกมาสู่สวนที่มีการตกแต่งภูมิทัศน์ให้สวยงาม มีการสร้างทางเดิน ที่นั่งเล่นและปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา สามารถมาเดินเล่นพักผ่อนได้ มองลงไปจะเป็นสวนขั้นบันไดค่ะ ส่วนถ้าเดินออกจากโถงลิฟต์ตรงไปจะเป็นห้องงานระบบที่ค่อนข้างใหญ่มีลิฟต์ด้านในให้ช่างขึ้นมา Service ได้
ในชั้นนี้จะมีห้องแบบ Studio Type E1M, E1 ห้อง 07-01 ถึง 07-05 ที่อยู่ติดกับสวน ซึ่งเป็นยูนิตที่จะเจอเสียงรบกวนและคนที่พลุกพล่านอยู่บ้างเวลาที่มีคนมาเดินเล่นที่สวน ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัว ซึ่งโครงการได้แก้ปัญหาให้โดยการปลูกต้นไม้ เพื่อเป็น Buffer ป้องกันไว้ให้ค่ะ
ชั้น 8 มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 16 ยูนิต ผังของส่วนห้องพักอาศัยจะไม่ต่างกับชั้น 7 เพียงแต่ห้องงานระบบจะเปลี่ยนเป็นที่ว่าง เพราะเป็น Double space ให้กับชั้น 7 ค่ะ อยู่ในชั้นนี้ก็เงียบสงบดี ไม่มีชั้น Service และไม่มี Facilities จึงไม่มีคนอื่นมาเดินวุ่นวาย นอกจากลูกบ้านที่พักอาศัยในชั้นนี้เท่านั้น
ชี่น 9-10, 11, 13-16,18-21 จะเป็นชั้นพักอาศัยเต็มตัวแล้วค่ะ มีห้องพักทั้งหมด 27 ยูนิต ตรงห้องพักทางเดินเป็น Double loaded corridor ทั้งหมด ยกเว้นทางเดินจากโถงลิฟต์มาสู่ห้องพักในโซนทิศตะวันตกนิดเดียวที่เป็น Single loaded corridor ห้องสีเทาอ่อนเป็นเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 34.5 ตารางเมตรทั้งหมด ส่วนห้องสีเทาเข้มตรงห้องมุม จะเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 66 ตารางเมตร ซึ่งห้องนี้จะไม่ติดกับอาคารสูงใดๆจึงไม่โดนบังวิว แต่เป็นห้องที่มองลงไปจะเป็นวิววัดหัวลำโพง ส่วนชั้นสูงๆจะเป็นมุมมองโล่งๆและเห็นวิวทางย่านเมืองเก่า แต่จะร้อนกว่าห้องฝั่งอื่นหน่อยเนื่องจากอยู่ทางทิศตะวันตก ส่วนห้องทางด้านทิศตะวันออกของอาคารมีการวางผังไม่ต่างจากชั้น 7 และ 8 ค่ะ
ชั้น 12, 17 มีห้องพักทั้งหมด 27 ห้อง การวางผังไม่ต่างกับชั้น 9-10, 11, 13-16,18-21 แต่มีเพิ่มมาก็ตรงส่วน Atrium ตรง Single corridor เมื่อเดินออกมาจากโถงลิฟต์ ให้สามารถออกไปยืนรับลมข้างนอกได้
ชั้น 22, 27, 32, 42 เป็น 4 ชั้นที่มียูนิตของห้องพักสูงสุด อยู่ที่ 28 ยูนิต การวางผังห้องพักเหมือนชั้น 12, 17 ที่มี Atrium เพิ่มขึ้นมา และมีห้องแบบ 2Bedroom Type B1 ห้อง 22-07 ขนาด 55 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นมาค่ะ
ชั้น 49 เป็น Facilities เต็มชั้น โดยออกจากลิฟต์มาจะสามารถเดินออกไปยังสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 53 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นส่วน Onsen 2 จุด และ Jacuzzi ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็น Outdoor deck ที่นั่งพักผ่อนกลางแจ้ง มีการจัดที่นั่งแบ่งแยกกันเป็นสัดส่วนด้วยไม้พุ่มสีเขียว มีฟิตเนสให้ 2 ชั้น โดยใน 1 ชั้นมีขนาด 5 x 15 เมตร สามารถใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง มีบันไดขึ้นไปชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องฟิตเนสเหมือนกัน
ถัดมาเป็น Social Club & Wine Bar เป็นห้อง Double space โอ่โถงที่สามารถมานั่งดื่มเบาๆ นั่งคุยกันพร้อมมองวิว 360 องศาได้ หน้าห้องมีโถงลิฟต์ซึ่งเป็นทางขึ้นลงอาคารได้อีกทาง
ชั้น 49M เดินขึ้นมาจากห้อง Fitness ที่ชั้นล่าง จะเจอห้อง Business Center ซึ่งจัดเป็นห้องนั่งเล่น หรือนั่งทำงานได้ ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่บนสระว่ายน้ำชั้น 49 จึ่งมีวิวที่ค่อนข้างพิเศษ สามารถมองวิวสูงได้ 360 องศา และมองลงมาเป็นสระวายน้ำ เป็นห้องที่มุมมองดีมากห้องหนึ่งของอาคารนี้เลย อีกด้านหนึ่งของลิฟต์จะเป็นห้องสมุด ที่เชื่อมต่อกับห้องฟิตเนสชั้น 2 ถัดไปจะเป็นโถงลิฟต์อีกจุดที่ใช้ขึ้นลงอาคารได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งตรงข้ามโถงลิฟต์นี้จะเป็น Double space ของห้อง Social Club & Wine Bar ค่ะ
เห็นภาพจำลองและผังโครงการกันไปแล้ว เนื่องจากตัวโครงการตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับพื้นที่เตรียมการก่อสร้าง เราจึงจะพามาดูห้องตัวอย่างที่ Sale Office กันก่อนนะคะ^^ ตัว Sales Office ตั้งอยู่หน้าโครงการเลย ส่วนทางเข้าโครงการเองก็อยู่ข้างๆกัน
ในวันที่เราไปเก็บข้อมูล พื้นที่โครงการกำลังล้อมรั้วปรับพื้นที่เตรียมก่อสร้างกันอยู่เลย งั้นก่อนจะไปดูห้องตัวอย่าง เราจะพาไปแอบดูพื้นที่ในโครงการกันก่อนนะคะว่าเป็นอย่างไรบ้าง
พอเดินเข้าไปในโครงการ จะเห็นว่ามีทั้งเครน ทั้งรถแมคโครอยู่กันครบเลยเย็นๆแบบนี้พี่ๆเค้าเลิกงานแล้ว เราเลยขอแชะภาพมาซะหน่อยนะ^^ มุมมองอาคารด้านนี้จะเป็นด้านทิศใต้นะคะ มีตึกสูงที่บังสายตาคือ ตึกของโรงแรมมณเฑียร สูง 8 ชั้นและตึกของโรงแรมเลอ เมอริเดียน สูง 24 ชั้น ซึ่งจะบังอยู่แค่ซีกซ้ายเท่านั้นเอง ส่วนด้านอื่นก็สามารถมองเห็นวิวได้โล่งๆสายตาค่ะ
มองไปในด้านทิศตะวันออก จะเห็นตึกของโรงแรมมณเฑียรทั้ง 2 ตึก ตึกหนึ่งสูง 20 ชั้น และอีกตึกหนึ่งสูง 8 ชั้น ฝั้งนี้จะโดนบล็อกวิวเยอะหน่อยในห้องที่อยุ่ชั้น 1-20 ส่วนประมาณชั้นที่ 21 ขึ้นไปก็สบายๆแล้วค่ะ
มองไปด้านทิศตะวันตกจะมองเห็น Too fast to sleep และวัดหัวลำโพงค่ะ ซึ่งถ้าอยู่บนตึกสูงด้านนี้จะไม่โดนบังวิวเลย
ส่วนทางทิศเหนือจะเห็นจามจุรีสแควร์ ตึกสูง 40 ชั้นเต็มๆ หน้าโครงการเป็นถนนพระราม 4 และสะพานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น
ออกมาจากไซส์ก่อสร้างโครงการ ข้างๆกันเป็นสำนักงานขายของ Ashton Chula-Silom ตัวสำนักงานขายมีการตกแต่ง Facade อาคารเป็นเส้นๆเรียบๆใช้โทนสีขรึมๆเข้ากับ concept ของตัวอาคาร และมีการปลูกต้นไม้สอดแทรกเข้าไปในอาคารให้ความร่มรื่น เราเข้าไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าค่ะ
เดินเข้ามาในตัวสำนักงานขาย ส่วนต้อนรับจะจำลองตัว lobby ของโครงการมา ซึ่งยังคงให้ความรู้สึก Modern Luxury ตาม Concept ทั้งการใช้สี และการตกแต่ง Mood and Tone จะเป็นสีออกน้ำตาลขรึมๆ ใช้พื้นลายหินอ่อนโทนน้ำตาล ด้วยเนื้อสัมผัสของพื้นที่มันเงาทำให้ดูเรียบหรูและใช้ไฟสีทองมาตกแต่งในส่วนหลักๆค่ะ
อีกด้านจะเป็นส่วนของ Model โครงการ และหน้าจอ Presentation ตัว Model ที่นี่จะมีให้ดู 2 ตัวนะคะ เป็น Model จำลองทั้งโครงการ และ Model จำลองเฉพาะ Facilities ตั้งแต่ชั้น 49-56
มาดูตัวอย่าง Model โครงการกันดีกว่าค่ะ มุมมองจากถนนพระราม 4 เมื่อโครงการสร้างเสร็จจะได้ประมาณนี้
อาคารทางทิศเหนือ หรือด้านหน้าของโครงการ ตัวอาคารมีการ Set back เข้าไปในที่ดินพอสมควรเพื่อผลักอาคารให้ไปอยู่ด้านหลัง ทำให้พื้นที่ด้านหน้าเหลือพอที่จะใส่ Function เข้าไปได้หลายอย่าง ห้องที่เด่นๆทางทิศนี้ คือห้อง 2 Bedroom ขนาด 63 ตารางเมตร ที่เป็นห้องกระจกโค้ง ยื่นออกมาทำให้เห็นวิวด้านนี้เต็มๆแบบพาโนรามา ซึ่งห้องด้านนี้จะได้เปรียบตรงที่เป็นห้องด้านทิศเหนือจึงไม่ร้อนมากสักเท่าไหร่
ซูม Function ด้านหน้าให้เห็นกันแบบชัดๆ พอเข้ามาในโครงการจะเจอกับประตูทางเข้าที่มีถนนกว้าง 6 เมตร จากนั้นจะมี Drop Off ให้จอดส่งคนลงที่หน้า Lobby จากนั้นก็วนไปจอดรถที่ด้านหลังโครงการ ซึ่งถนนรอบโครงการก็กว้าง 6 เมตรเช่นกันเพื่อให้สามารถขับขี่สวนกันได้สะดวก
ด้านหน้าจะมีสวนให้เดินเล่น โดยมีการปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและ Design สนามหญ้าให้ดูแปลกตา เมื่อมองจากมุมนี้จะเห็นว่าตัวสวนด้านล่างจะมี Design ที่กลมกลืนกับสวนขั้นบันไดด้านบนโครงการในชั้น 7
ด้วยแนวคิด Eco Urban Living ใช้หลอดประหยัดไฟทั้งอาคาร และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สะท้อนออกมาผ่านอาคารด้านนอก ที่มองเผินๆจะเหมือนอาคารที่มี Green Wall ขนาดใหญ่ถึงตั้งแต่ชั้น 2 – ชั้น 7 ซึ่ง Green Wall นี้ก็คือสวนขั้นบันไดสีเขียว ที่มีการปลูกต้นไม้ในแต่ละขึ้น คิดเป็นพื้นที่รวมทั้งหมด 6 ชั้น เป็นสนามหญ้าแนวตั้งผืนย่อมเลยทีเดียวค่ะ
ซูมประตูทางเข้าให้ดูอีกทีค่ะ มีการเล่นเส้นสายที่สวยงามตามท้องเรื่อง โทนสีหลักคือสีขาวที่ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ ทางเดินเท้าเข้าโครงการด้านหนึ่งเป็นกำแพงโค้งและอีกด้านหนึ่งเป็นชั้นน้ำตกแนวราบ ที่มีการลดระดับเตี้ยๆ ให้น้ำไหลลงมาตามขั้นที่ออกแบบให้มี Element ที่หยึกหยัก แซมด้วยการปลูกไม้พุ่มเตี้ยเป็นจุดๆ
อาคารทางด้านทิศตะวันตก ข้อดีของการเลือกห้องฝั่งนี้คือไม่มีมีตึกสูงบังวิวอะไร โดยห้องที่อยู่ไม่สูงมากนักจะเห็นวัดหัวลำโพงที่อยู่ใกล้กัน ส่วนห้องที่อยู่ชั้นสูงๆก็จะได้มุมมองโล่งๆและมองไปเห็นวิวทางฝั่งเมืองเก่า ห้องที่เด่นๆทางทิศนี้ คือห้อง 2 Bedroom ขนาด 66 ตารางเมตร ที่เป็นห้องกระจกโค้งยื่นออกมา จึงเห็นวิวด้านนี้เต็มๆแบบพาโนรามา แต่ด้านนี้อยู่ทางทิศตะวันตก แน่นอนว่าร้อนแน่ๆโดยเฉพาะตอนบ่าย แต่จริงๆก็สามารถแก้ได้โดยการใช้ผ้าม่าน 2 ชั้น กรองแสง กรองความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ฉะนั้นใครสนใจห้องด้านนี้ก็ต้องลองชั่งน้ำหนัก วัดข้อดีข้อเสียกันดูนะคะ
ซูมด้านล่างอาคารให้ดู หากมองจากด้านนี้จะเห็นว่า อาคารจะมี Design ของ Green wall ทะลุไปถึงด้านหลังอาคารที่เป็นส่วนจอดรถ
โดยที่จอดรถจะมีทั้งที่จอดรถแบบเข้าซอง Facade เป็น Green wall และเป็นแบบราวกันตกโล่งๆปกติ ด้านล่างมีช่องจอดที่ใหญ่หน่อย สำหรับจอดรถ Super car ใต้อาคาร
อาคารด้านบนที่เห็นเป็นช่องแสงกว้างๆนั้นคือชั้น Facilities ที่มีให้ 2 ชั้น คือชั้น 49 – 49M และชั้นบนสุดที่เห็นเป็น Facade เหมือนระแนงตรงนั้นจะเป็นสวนดาดฟ้าค่ะ
อาคารในด้านทิศตะวันออก ด้านนี้จะเป็นห้องพักขนาดคละไซส์กันไป และด้านล่างอาคารชั้น 1-6 เป็นส่วนอาคารจอดรถทั้งหมด และบนชั้น 49 ของอาคารด้านนี้จะเป็นสระว่ายน้ำด้านยาว 53 เมตร ซึ่งการเอาสระว่ายน้ำไว้ไนด้านนี้เป็นทิศที่เจอกับความร้อนน้อยที่สุด และการอยู่บนชั้น 49 ก็สามารถมองวิวได้สูงแบบพาโนรามา
แต่ข้อเสียของอาคารในด้านนี้คือ ด้วยบริบทข้างๆที่ติดกับโรงแรมมณเฑียร คนที่อยู่ในชั้น 1-20 จะโดนบังวิวแบบเต็มๆ แต่ชั้น 21 ขึ้นไปก็สบายค่ะ ซึ่งข้อดีของด้านนี้คืออยู่ในทิศตะวันออกทำให้ไม่ร้อนมาก ดังนั้นการเลือกชั้น 21 ขึ้นไปในด้านนี้ก็ค่อนข้างน่าสนใจ
เรามาดูที่ Model ของส่วน Facilities กันบ้าง โดยแบบจำลองนี้จะหั่นอาคารในชั้น 49-56 มาให้ดูค่ะ ซึ่ง Facilities หลักของที่นี่จะอยู่ในชั้น 49-49M ให้มาเต็ม 2 ชั้น เพราะจำนวนยูนิตพักอาศัยไม่รวมร้านค้าที่ค่อนข้างเยอะถึง 1,180 ยูนิต ดังนั้นการให้ส่วนกลางที่ใหญ่จึงจำเป็นเพื่อรองรับคนจำนวนมาก ส่วนกลางที่นี่จึงดูจัดเต็มได้ใจค่ะ ทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส,โซเชียลคลับ/ไวน์บาร์, ห้องสมุด, ห้องอเนกประสงค์ ,ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, ห้องซักรีด, ห้องซาวน่า, ห้องอบไอน้ำ ไปดูแต่ละส่วนแบบเจาะลึกกันค่ะ
สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 53 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร ซึ่งมีการจัดพื้นที่ส่วน Onsen ให้ 2 จุดเผื่อการใช้งานพร้อมกัน และมี Jacuzzi ให้ 1 จุด พื้นที่ส่วนสระว่ายน้ำที่ใหญ่ มีฟังก์ชั่นและมีการเล่นระดับ ทำให้ทัศนียภาพของสระว่ายนำ้ที่ได้ค่อนข้างแปลกตากว่าสระว่ายน้ำที่เห็นทั่วไป
พื้นที่ส่วน Panoramic View Library และ Panoramic Exclusive Business Lounge จะเป็นกระจกสูงเต็มบาน ผนังโค้งได้วิวพาโนรามาและได้มุมมองที่เห็นสระว่ายน้ำรอบด้านแบบนี้เลยค่ะ ด้านล่าง Business Lounge เป็นโถงลิฟต์ที่พอขึ้นลิฟต์มาก็สามารถออกมาใช้งานสระว่ายน้ำได้เลยค่ะ
Facilities ทางหน้าอาคาร ในด้านทิศเหนือ จะเห็น Outdoor deck ซึ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่น ด้านหลังเป็น Double Floor Sky Fitness และ Life Style Club & Wine Bar
ส่วนของ Life Style Club & Wine Bar เป็นส่วนที่ได้วิวแบบ 360 องศา ผนังใช้กระจกโค้งเต็มบาน พื้นที่เป็น Double space ฝ้าเพดานสูงประมาณ 6 เมตร ส่วนนี้จึงค่อนข้างโออ่า เหมาะแก่การมานั่งพูดคุยสังสรรค์ชมวิวเมืองในตอนกลางคืนเป็นอย่างมาก
ส่วนของ Double Floor Sky Fitness จากมุมมองของตึกในด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นด้านหลังโครงการ พื้นที่ Fitness ให้มา 2 ชั้น โดยใน 1 ชั้นมีขนาด 5 x 15 เมตร สามารถใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง ดังนั้นพื้นที่ Fitness 2 ชั้น จึงมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 20 เครื่อง ผนังของอาคารเป็นกระจกเต็มบานทั้งหมด จึงออกกำลังกายไปพร้อมมองวิวเมืองไปได้ค่ะ
ส่วนของชั้นบนสุด เป็นสวนดาดฟ้ามีการปูสนามหญ้า จัดสวน และปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เวลาแดดร่มลมตกก็มาเดินเล่นได้ค่ะ
ถัดจากส่วนของ Model อาคารไปก็จะเป็นส่วนของที่นั่งรับแขก มีการใส่ไฟสีทองใต้พื้น ให้อารมณ์ Electric สุดๆ ส่วนการตกแต่งก็ตามสไตล์ Modern Luxury เรียบหรู
จากตรงนี้จะมีทางแยก เพื่อไปดูห้องตัวอย่างกันค่ะ
ต่อมาเราจะพาไปดูวิวจากตึกของ Ashton จุฬา-สีลม โดยเริ่มจาก จุด A, B, C ไปจนถึง D ค่ะ และปิดท้ายด้วยวิวแบบพาโนรามาในความสูงตั้งแต่ 80 – 160 เมตร
จุด A วิวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโครงการ จะเห็นวิวเมืองทางฝั่งสาทร ตึกใหญ่ๆด้านหน้าคือ จามจุรีสแคว์ (40 ชั้น) และตึกสีขาวๆถัดไปนั้นคือ จามจุรีเรสซิเดนซ์ (24 ชั้น) ค่อนไปทางทิศตะวันตกจะเห็นวัดหัวลำโพงและวิวฝั่งเมืองเก่า
จุด B วิวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโครงการ จะเห็นสวนลุมและวิวเมืองฝั่งรัชดาภิเษก, สุขุมวิท
จุด C วิวทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโครงการ จะเห็นวิวเมืองฝั่งสีลม
จุด D วิวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโครงการ จะเห็นวิวในฝั่งธนบุรี
วิวพาโนรามา จากความสูง 160 เมตร หรือประมาณชั้นที่ 53
วิวพาโนรามา จากความสูง 100 เมตร หรือประมาณชั้นที่ 33
วิวพาโนรามา จากความสูง 80 เมตร หรือประมาณชั้นที่ 26
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 53 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตรโดยมีพื้นที่จากุซซี่และออนเซ็น ในชั้น 49
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด 5 x 15 ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง ในชั้น 49
- โซเชียลคลับ/ไวน์บาร์, ห้องสมุด, ห้องอเนกประสงค์ ,ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, ห้องซักรีด, ห้องซาวน่า, ห้องอบไอน้ำ ในชั้น 49 และ 49M
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ห้องจดหมาย ในชั้น 1
- สำนักงานนิติบุคคล ในชั้น 1
- ห้องฝากสัมภาระ, ร้านค้า ในชั้น 1
- ที่จอดรถจักรยาน, ที่จอดรถ Super Car, ที่ชาร์ตรถไฟฟ้าในชั้น 1
- ลิฟท์โดยสาร 7 ตัวต่อ 1 อาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 169 : 1
- Fireman Lifts 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 560 คันคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
- ห้อง 1 Bedroom ได้ Key Card 3 ใบ มีสิทธิ์จอดรถ 1 สิทธิ์ แบบไม่ Fix
- ห้อง 2 Bedroom ได้ Key Card 5 ใบ มีสิทธิ์จอดรถ 2 สิทธิ์ แบบไม่ Fix
Product Walkthrough
โครงการจะมีห้องตัวอย่างให้เราดูทั้งหมด 3 แบบ คือ ห้อง Type C1M-1 แบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 34.5 ตารางเมตร, ห้อง Type D1 แบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 30.5 ตารางเมตร และห้อง Type A1 แบบ 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 63 ตารางเมตรค่ะ ซึ่งเราจะเน้นเจาะลึกห้อง Type C1M-1 แบบ 1 Bed และห้อง Type A1 แบบ 2 Bedroom ให้ดูกันนะคะ
โครงการขายแบบ Fully Fitted โดยให้ชุดเคาท์เตอร์ครัวที่มีเตาไฟฟ้าและที่ดูดควัน, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, ฉากกั้นอาบน้ำ, แอร์แบบฝังบนฝ้าเพดาน และผ้าม่านแบบทึบแสงค่ะ
เรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom พื้นที่ 34.5 ตารางเมตร ขนาด 5.475 x 6.815 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร ห้องนี้จะมีขนาดกลางๆ พอดีกับการอยู่อาศัย 2 คน โดยเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับห้องครัวซึ่งโครงการ Built-in ชุดครัวมาให้ พอเดินเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่น พื้นที่ระหว่างครัวและห้องนั่งเล่นสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้ ถัดไปเป็นระเบียงที่มีประตูบานเลื่อนติดกับราวกันตกให้ด้วย จึงทำให้ Facade ของตึกนี้จึงเป็นกระจกทั้งอาคาร ส่วนของห้องนอนจะถูกกั้นด้วยฉากแบบฝังในผนัง สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ ทำให้เมื่อเราเปิดประตูออก ก็จะได้พื้นที่เหมือนห้อง Studio กว้างๆ แต่พอปิดประตูแล้วห้องจะดูแคบขึ้น แต่ก็ได้ประโยชน์ตรงที่หากต้องการใช้งานทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอนในช่วงเวลาเดียวกัน ก็เป็นการแบ่งการใช้งานทั้งสองฟังก์ชั่นไปพร้อมๆกันได้
เรามาดูห้องตัวอย่างจากทางโครงการกันค่ะ ประตูห้องมีขนาด 1 x 2 เมตร ประตูของจริงจะเป็นบานสำเร็จรูปกรุวีเนียร์ ซึ่งห้องตัวอย่างโครงการไม่ได้ติดตั้งมาให้ดูนะคะ
กลอนประตูจะให้เป็น Digital Door Lock ของ Yale เข้าห้องโดยใช้คีย์การ์ด ห้อง 1 Bedroom ได้คีย์การ์ด 3 ใบ ส่วนห้อง 2 Bedroom จะได้คีย์การ์ด 5 ใบ
พื้นมีการลดระดับแบบ Slope เล็กน้อย โดยในส่วนของห้องครัวนี้จะได้เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
โดยเข้าห้องมา ส่วนแรกที่เราจะเจอคือห้องครัว ที่มีส่วนต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่น โดยโครงการได้จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งไว้ให้เป็นไอเดียตัวอย่าง ให้เห็นว่าพื้นที่ตรงนี้สามารถนั่งรับประทานได้ด้วยค่ะ
มองย้อนกลับไปที่หน้าห้องจะเห็นพื้นที่ส่วนครัวทั้งหมด ซึ่งมีขนาด 1.50 x 2.25 เมตร โครงการได้ Built-in ชุดครัวมาให้ ส่วนตู้เย็นและตู้ใส่ของไม่ได้ให้ แต่วางมาให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ ซึ่งพอวางชุดครัวและวางตู้เย็นแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินประมาณ 1.30 เมตรค่ะ
ตู้เย็นกับตู้ที่โครงการไม่ได้แถม แต่วางมาให้ดูเป็นไอเดีย โดยตู้นี้มีขนาด 0.6 x 1 เมตรสูงจรดฝ้าเพดาน พื้นที่ข้างๆกันสามารถวางตู้เย็นลักษณะนี้ หรือจะเป็นตู้ใส่ของได้ตามไลฟ์สไตล์เลยค่ะ
ส่วนฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นชุดครัว Built-in ที่โครงการให้มาด้วยค่ะ
ชุดครัวด้านล่างมีขนาด 0.6 x 1.50 เมตร สูง 0.9 เมตร หน้าบานกรุผิวลามิเนต บานพับเป็นแบบ Soft closed ลิ้นชักในส่วนใต้ซิ้งค์ล้างจานจะติดตั้งถังขยะให้ มีลิ้นชักใส่ช้อน ส้อม รวมทั้งลิ้นชักอเนกประสงค์ ส่วนเครื่องซักผ้าไม่ได้มีให้นะคะ แต่จะเว้นช่องว่างขนาด 0.64 x 0.85 เมตร ไว้ให้ สามารถใส่เครื่องซักผ้าฝาหน้าได้
บานพับเป็นแบบ Soft Closed ทั้งหมด
ส่วนเวลาเราเปิดจะมีช่องให้จับในลักษณะนี้เพื่อเปิดตู้ ทำให้บานเปิดดูเรียบ ไร้มือจับค่ะ
ท็อปเคาท์เตอร์เป็น Synthetic stone ส่วนนี้โครงการติดตั้งให้ทั้ง Hob and Hood และ ซิ้งค์ล้างจานแบบมีฝาครอบให้ ผนังด้านหลังเคาท์เตอร์ครัวมีการติดกระเบื้องเซรามิคไว้ให้ เพื่อกันเปื้อน รวมทั้งติดตั้งเต้ารับไว้เผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ ระยะการทำครัวไม่กว้างมาก แต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัด
Hob and Hood ของ Mex เป็นเตา ระบบ induction ซึ่งเป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้า ข้อดีของเตาชนิดนี้คือ ประหยัดพลังงานกว่าเตาธรรมดา 40-50% ส่วนข้อเสียคือไม่สามารถใช้กับภาชนะที่เป็นแก้วหรือเซรามิคได้
อ่างล้างมือเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม โครงการให้แบบมีฝาครอบขนาดกลางๆกำลังดีซึ่งถ้าเปิดออกมาก็จะได้ลักษณะแบบนี้นะคะ
ก็อกน้ำสแตนเลสรูปทรงโค้ง หมุนได้ซ้ายขวา
ชุดครัวด้านบนจะได้ลักษณะประมาณนี้ มีที่วางของอเนประสงค์ให้ ตู้ซ่อนเมนบอร์ดไฟ ส่วนไมโครเวฟไม่ได้มีให้ แต่จะเว้นช่องว่างที่พอดีไว้ให้แทนค่ะ ซึ่งด้านล่างชั้นมีเต้ารับสำหรับ Stand by เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่แล้ว
ตรงพื้นที่ด้านข้างเคาท์เตอร์ครัว โครงการได้วางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง ขนาด 0.8 x 0.8 เมตร ระยะก็เต็มแล้วค่ะ
พื้นที่ถัดจากส่วนครัวไปจะเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอน ซึ่งพื้นจะเป็น Engineering Wood ส่วนของรอยต่อมีการปิดด้วยคิ้วสแตนเลส
พื้นที่ห้องนั่งเล่น มีขนาด 2.25 x 3.965 เมตร โครงการวางโซฟาขนาด 0.80 x 1.65 เมตร มาให้ดูเป็นไอเดีย หากแต่งห้องในลักษณะนี้จะเหลือระยะดูทีวีประมาณ 1.20 เมตร ซึ่งเหมาะกับการวางหรือติดตั้งทีวีขนาด 22-26 นิ้ว จะพอดีกับสายตาค่ะ ด้านหลังโซฟาเป็นผนังไม้ลามิเนต ซึ่ง…
แท๊นแทนน! ผนังนี้สามารถเปิดออกได้ เพราะมันคือประตูนั่นเอง..
พอเปิดออกมาก็จะทำให้ห้อง 1 Bedroom กลายเป็นห้อง Studio ไปในบัดนาวว พอห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับห้องนอนแล้ว พื้นที่ห้องเลยจะดูกว้างมากขึ้นค่ะ
ประตูกั้นห้องนอนกับห้องนั่งเล่นนี้จะเป็นประตูบานเลื่อน 2 บาน กรุวีเนียร์ลายไม้ หน้ากว้าง 1.48 เมตร
มือจับเป็นลักษณะนี้ค่ะ
พื้นที่ระหว่างโซฟากับเตียงนอน เหลือระยะ 0.40 เมตร ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าที่พื้นไม่มีรางเลื่อนด้วย
เนื่องจากโครงการติดตั้งรางเลื่อนไว้ให้ด้านบนฝ้าเพดานค่ะ ซึ่งพอเลื่อนไปจนสุดทางแล้วจะเป็นประตูรางเลื่อนที่ซ่อนในผนังแบบนี้ ทำให้เราสามารถใช้งานตรงผนังที่ซ่อนประตูได้ เช่น Built-in ตู้ติดผนัง, ตั้งโต๊ะทำงาน เป็นต้น
ด้วยระยะดูทีวีที่ไม่มากนัก อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามีระยะ 1.20 เมตร ทำให้ทีวีที่เหมาะสมที่จะนำมาติดตั้งควรเป็นทีวีขนาดเล็ก ประมาณ 22-26 นิ้วค่ะ แนะนำว่าควรเป็นทีวีติดผนัง หรือหาโต๊ะตั้งที่ขนาดหน้ากว้างไม่เกิน 0.50 เมตรนะคะ เพราะจะได้เหลือระยะดูทีวีมากขึ้น
ห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับระเบียง ซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำ บานประตูกว้าง 0.75 เมตร
ตัวล็อกประตูบานเลื่อนได้ลักษณะนี้นะคะ
ตรงทางออกระเบียงมีการ Drop ฝ้าเพดาน เพื่อติดตั้งผ้าม่านให้ด้วยค่ะ ซึ่งตรงนี้โครงการจะให้ผ้าม่านแบบทึบมาด้วย
ที่พื้นระเบียงมีการลดระดับประมาณ 5 เซนติเมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.20 x 2.25 เมตร สามารถวางโต๊ะ – เก้าอี้นั่งเล่นประมาณ 2 ที่ได้ค่ะ ราวระเบียงโปร่งทาสีดำ ความสูง 1.14 เมตร โดยระเบียงนี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อนคู่ให้อีกชั้นหนึ่ง ความกว้างของบาน 50 เมตร ทำให้เมื่อเปิดออกแล้วเราจะได้ช่องเปิดที่มองวิวโปร่งๆ ประมาณ 1 เมตร ตัวประตูบานเลื่อนใช้กระจกลามิเนตตัดแสง ซึ่งเป็นกระจกนิรภัยชนิดหนึ่ง ที่เวลาแตก เศษกระจกยังคงยึดติดกันอยู่ด้วยฟิล์มที่ยึดอยู่ระหว่างแผ่นกระจก เหมือนใยแมงมุม ตัวกระจกมีการกรองแสงและความร้อนให้ในระดับนึงค่ะ
จากระเบียงมองเข้าไปจะเห็นฟังก์ชั่นของห้องทั้งหมดมุมมองเหมือนห้อง Studio ทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ
แต่เมื่อปิดประตูกั้นแล้ว ก็จะเห็นแค่ห้องรับแขกกับห้องครัวอย่างเดียว เหมาะกับเวลาสมมุติมีแขกมาห้อง คนหนึ่งสามารถนั่งคุยเล่นกับแขกที่ห้องรับแขกได้ ส่วนอีกคนก็อยู่ในห้องนอน แบบนี้ก็ทำให้สามารถใช้งาน 2 ฟังก์ชั่นไปพร้อมๆกันได้ค่ะ
มองไปที่ฝ้าเพดานจะเห็นว่าทางโครงการติดแอร์แบบฝั่งฝ้ามาให้ทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน ซึ่งของจริงจะได้แบบนี้เลยนะคะ
ส่วนห้องนอนมีขนาด 2.75 x 4.47 เมตร เตียงนี้โครงการไม่ได้ให้นะคะ แต่เป็นตัวอย่างได้ว่าห้องค่อนมีพื้นที่ ไม่อึดอัด สามารถวางเตียงขนาด 4 ฟุตครึ่งประมาณนี้ได้สบายๆ ด้านซ้ายมือโครงการ Built-in เก้าอี้นั่งไว้ให้ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำค่ะ
เปรียบเทียบบรรยากาศห้องนอนแบบเปิดประตูกั้นกับปิดประตูให้ดู จะเห็นว่าเปิดกับปิดนี่ให้อารมณ์แตกต่างกันเลยนะคะ ผนังด้านนี้โครงการติดตั้งทีวีไว้ให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่าง เนื่องจากพื้นที่ปลายเตียงของห้องนอนนี้เป็นประตูบานเลื่อน จึงไม่สามารถติดตั้งทีวีที่ปลายเตียงได้ ในกรณีเผื่อว่าเรานอนโดยปิดประตูกั้น ก็สามารถติดตั้งทีวีแบบนี้ได้หรือสามารถเปลี่ยนเป็นเปิดประตูกั้นแล้วดูทีวีจากห้องรับแขกแทนก็ได้ค่ะ ข้างๆกับพื้นที่ที่ติดตั้งทีวี เป็นหน้าต่างซึ่งโครงการ Built-in โซฟานั่งเล่นมาให้ด้วย
โซฟานี้มีขนาด 0.9 x 1.15 เมตร สามารถนั่งได้ 1 คนค่ะ ผนังด้านนี้เป็นหน้าต่าง มีการ Drop ฝ้าเพดานเพื่อให้ติดผ้าม่านได้ด้วย ซึ่งโครงการจะมีผ้าม่านทึบให้ตรงนี้
หน้าต่างเป็นกระจกลามิเนตตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ หน้ากว้าง 0.5 เมตร บานขวามือเป็นบานกระทุ้งมือจับก้านโยก ส่วนด้านขวามือเป็นบาน Fix ค่ะ
หัวเตียงทั้งสองด้านโครงการติดตั้งปลั๊กไฟไว้ให้เผื่อเสียบโคมไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายมือเหลือระยะ 1.05 เมตร ส่วนพื้นที่ด้านขวามือเหลือระยะ 1.95 เมตร เป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆค่ะ
อีกด้านเชื่อมต่อกับห้องน้ำ ซึ่งโครงการ Built-in โต๊ะเขียนหนังสือ และตู้เสื้อผ้ามาเป็นไอเดียให้ดูเท่านั้น ของจริงจะเป็นห้องโล่งๆนะคะ
หน้าห้องน้ำสามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้า ขนาด 0.6 x 0.9 เมตร ความสูงถึงฝ้าเพดาน จะได้ในลักษณะนี้ค่ะ
ส่วนโต๊ะเขียนหนังสือที่โครงการก็ไม่ได้มีให้เช่นกัน แต่ตรงนี้จะมีการติดตั้งเต้ารับให้ รวมทั้งตำแหน่งสวิตซ์ของห้องนอนและห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งตามภาพเลยค่ะ
ส่วนห้องน้ำมีขนาด 1.2 x 2.925 เมตร มีพื้นที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทา มีการลดระดับประมาณ 5 เซนติเมตร และมีการยกธรณีประตูอีก 5 เซนติเมตร ที่ส่วนของห้องอาบน้ำ
อ่างล้างมือของ Kohlor ทรงสี่เหลี่ยม ขนาดค่อนข้างใหญ่ ท็อปเคาท์เตอร์เป็นหินอ่อน
ก๊อกน้ำของ Grohe แบบหมุนซ้ายขวาได้
ส่วนของโถสุขภัณฑ์ มีพื้นที่ 0.8 x 0.8 เมตร ระยะพอดีๆไม่อึดอัด ผนังด้านข้างๆมีการติดตั้งราวแขวนผ้าเช็ดตัวให้
สายชำระ ของ Englefeld ส่วนที่แขวนกระดาษทิชชู่ ของ Haco Labelle
พื้นที่อาบน้ำ ขนาด 0.95 x 1.30 เมตร ฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Temper glass มีตัวกันกระแทกให้ มือจับตามภาพเลยค่ะ
ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Grohe มี Rain shower ให้ด้วย
ฝักบัวขนาดใหญ่ดี มีที่วางสบู่ให้ลักษณะตามภาพเลยค่ะ
โครงการติดตั้งไฟดาวน์ไลน์มาให้ 2 ดวง ส่วนเปียก 1 ดวง และส่วนแห้ง 1 ดวง และติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้ด้วยค่ะ
ห้อง Type D1 แบบ 1 Bedroom 1 Bathroom พื้นที่ 30.5 – 32.5 ตารางเมตร ขนาด 4.75 x 6.11 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร ผังอาคารของห้องนี้ไม่ต่างกับแบบแรก จะต่างกันก็เพียงแต่ห้องนั่งเล่นของห้องนี้ไม่มีระเบียงแต่จะเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่แทน ส่วนระเบียงจะไปอยู่ที่ห้องนอนเป็นระเบียงเล็กๆที่ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์เป่าลมร้อนออกนอกอาคาร เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปดูห้อง Type นี้พอเป็นน้ำจิ้มนะคะ หากใครสนใจสามารถไปดูที่สำนักงานขายได้เลยค่ะ
เข้าห้องมาปุ๊บเราจะเจอส่วนห้องครัว และโต๊ะรับประทานขนาด 2 ที่นั่ง พื้นส่วนครัวใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร และส่วนห้องรับแขกใช้ Engineering wood เหมือนห้อง Type แรกค่ะ
ถัดไปเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับห้องนอน ซึ่งห้องนั่งเล่นนี้ไม่มีระเบียงให้ แต่จะได้หน้าต่างกระจกลามิเนตตัดแสงบานใหญ่สามารถมองเห็นวิวจากห้องนั่งเล่นได้เลยค่ะ ตรงห้องนอนมีระเบียงให้ออกไปข้างนอกได้ มีประตูกระจกบานเลื่อนติดกับราวระเบียงให้เหมือนห้องแรก
ห้องนี้ก็มีประตูบานเลื่อนให้ พื้นที่แคบกว่าห้องแรกเล็กน้อยและไม่มีระเบียง
ห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 4 ฟุตครึ่งได้สบายๆ ระยะทางเดินเหลือพอสมควรทั้งทางซ้ายและขวาของเตียง ตรงประตูออกระเบียงโครงการจะแถมผ้าม่านให้ ซึ่งมีการ Drop ฝ้าเพื่อติดผ้าม่านให้ด้วยค่ะ
มองไปอีกด้านของเตียง โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งของจริงไม่มีให้นะคะ ตรงกลางเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำซึ่งจะมีรูปแบบเดียวกับห้องแรกทุกอย่างค่ะ
มาต่อกันที่ห้อง Type A1 กันนะคะ ห้องนี้เป็นห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom พื้นที่ 63 ตารางเมตร ขนาด 6.865 x 9.300 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร ห้องนี้จะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก มี Master Bedroom ที่มีห้องน้ำในตัวให้ 1 ห้อง เหมาะเป็นห้องพ่อแม่ และห้องนอนเล็กเป็นห้องลูก ไม่มีห้องน้ำในตัว แต่จะติดกับห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับห้องนั่งเล่น ส่วนฝั่งตรงข้ามก็มีระเบียง
ความพิเศษของห้องนี้คือการมีห้องนั่งเล่นที่มีพื้นและกระจกโค้ง พออยู่บนอาคารสูงแล้วจะทำให้เหมือนรู้สึกยื่นออกไปในอากาศ สร้าง Space ที่ค่อนข้างพิเศษให้ห้องนี้ค่ะ มีการออกแบบพื้นให้โค้ง และวาง Grid เสาไว้ด้านใน แล้วให้ส่วนผนังเป็นกระจกโค้งทั้งหมด ห้อง 2 Bed ที่มีพื้นที่แบบนี้จึงถูกเอาไว้ส่วนห้องมุมทำให้ได้วิวแบบพาโนรามา ในส่วนของพื้นที่ห้องนั่งเล่นนี้จะเป็นครัวเปิดให้ จึงสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารในส่วนนี้ได้เพื่อเชื่อมต่อการใช้งานกัน หรือจะใช้ฉากกั้นเพื่อแบ่งสัดส่วนก็ได้ตามความชอบ
มาเริ่มที่หน้าห้องกันค่ะ ห้องตัวอย่างของห้องนี้ไม่มีประตูให้เช่นกัน แต่จะเว้นช่องเปิดแบบนี้ให้ ประตูมือจับเป็น Digital Door Lock ของ Yale เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom ค่ะ
เข้าประตูมาเราจะเห็นผนังทางเข้าแบบนี้ค่ะ ซึ่งโครงการ Built-in ชั้นวางรองเท้ามาให้ดูเป็นไอเดียด้วย ของจริงไม่มีให้นะคะ ซึ่งถ้าเรา Built-in ชั้นวางรองเท้าตรงประตูทางเข้า-ออกแล้ว ก็สามารถหาเก้าอี้เล็กๆมาวางเผื่อนั่งเปลี่ยนรองเท้า และติดตั้งกระจกเงาตรงนี้ เพื่อตรวจเช็คลุคก่อนออกจากห้องได้ค่ะ
ทางเข้าห้องจะเป็น Corridor ทางเดินลักษณะนี้ ทางซ้ายมือจะเป็น Master Bedroom ถัดไปเป็นห้องน้ำ และห้องนอนเล็ก ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นระเบียง ส่วนตรงไปเป็นห้องนั่งเล่น เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องนั่งเล่นกันก่อนนะคะ
เดินเข้ามาในส่วนนี้จะมีห้องนั่งเล่น ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องครัวและส่วนรับประทานอาหาร ขนาดพื้นที่รวม 3 x 6.865 เมตร
ผนังของห้องนี้ด้านหน้าจะเป็นกระจกลามิเนตตัดแสงที่เวลาแตกจะเหมือนใยแมงมุม ดังนั้นถ้าแตกก็มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง วงกบเป็นอลูมิเนียมสีดำทั้งหมดนะคะ
โดยบานหน้าต่างจะเป็นบานกระทุ้ง หน้าบานกว้าง 0.50 เมตร มือจับตามภาพเลยค่ะ
พื้นที่ส่วนนั่งเล่น คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 3 x 3.94 เมตร โครงการวางโซฟาขนาด 0.7 x 2.0 เมตร นั่งได้ประมาณ 3-4 คน มาให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่างค่ะ โดยระยะดูทีวีประมาณ 1.80 เมตร แนะนำว่าหากวางทีวีขนาด 42″ – 44″ จะเป็นขนาดที่กำลังพอดีสายตาค่ะ
ด้านหลังโซฟาโครงการติดตั้งเต้ารับมาให้ 1 จุด 2 อัน
และด้านหลังทีวี ติดตั้งเต้ารับแบบฝังพื้นมาให้อีก 1 จุด จำนวน 2 อัน จุดนี้จึง stand by สำหรับการตั้งโต๊ะวางทีวีหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ค่ะ
ถัดจากส่วนรับแขกไปจะเป็นส่วนของห้องครัวและรับประทานอาหาร ซึ่งพื้นที่ 3 ส่วนนี้ค่อนข้างจะสัมพันธ์กัน เช่น ในขณะที่คุณแม่ทำกับข้าว คุณลูกนั่งวาดรูปเล่นรออยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร คุณพ่อก็นั่งดูทีวีที่โซฟา ซึ่งคนทั้งสามคนนี้ก็สามารถพูดคุยเล่นไปพร้อมๆกับการใช้งานฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไปได้ค่ะ
ส่วนของครัวและส่วนรับประทานอาหารมีขนาด 3.575 x 2.925 เมตร สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง ขนาด 0.75 x 1.50 เมตร นี้ได้พอดี
ระยะทางเดินข้างโต๊ะด้านซ้ายเหลือขนาด 0.73 เมตร ซึ่งเหลือพื้นที่พอให้ยืนทำครัวได้ไม่กว้างมากค่ะ ส่วนทางด้านขวามือเหลือพื้นที่ 0.80 เมตร ซึ่งหลังเก้าอี้ด้านนีมีหน้าต่างด้วย ซึ่งในระยะนี้สามารถเดินไปเปิด – ปิด หน้าต่างได้สบายๆค่ะ
ส่วนพื้นที่ด้านหัวโต๊ะมีระยะทางเดิน 0.70 เมตร ตรงนี้มีการติดตั้งเต้ารับแบบติดพื้นมาให้ด้วยค่ะ
เต้ารับติดพื้นได้ของ Schneider ลักษณะแบบนี้นะคะ
ระยะห่างระหว่างโต๊ะรับประทานอาหารกับโซฟาอยู่ที่ประมาณ 0.7 เมตร
มุมมองจริงเมื่อนั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารแล้วนั่งมองวิวข้างนอกหน้าต่างจะเป็นแบบนี้ ก็ชิวดีนะคะ
ชุกครัว Built-in ทางโครงการติดตั้งมาให้แบบครบชุดค่ะ โดยประกอบด้วยชุดครัวด้านบน เคาท์เตอร์ครัว อ่างล้างมือ เตาและที่ดูดควัน วัสดุปิดผิวด้านหน้าเป็นลามิเนตลายไม้ และบานพับเป็นแบบ Soft-closed ทั้งหมดค่ะ
เคาท์เตอร์ด้านล่าง โครงการติดตั้งมาให้ในลักษณะนี้ โดยใต้ซิ้งค์ล้างมือติดตั้งถังขยะมาให้ ช่องเปิดและชั้นวางด้านในตามนี้เลยค่ะ
ลิ้นชักที่วางช้อนเป็นบล็อกให้ลักษณะนี้
ผนังเคาท์เตอร์ปิดผิวด้วยกระเบื้องเซรามิคกันคราบเปื้อนและความเปียกชื้น ซิ้งค์ล้างจานของ Mex แบบมีฝาครอบให้มา 2 จุด วัสดุเป็นชนิดเดียวกับ Top เคาท์เตอร์คือ Synthetic stone นั่นเองค่ะ
เมื่อเปิดฝาครอบออกมาแล้ว ซิ้งค์ล้างจานจะเป็นลักษณะนี้ ลองเปรียบเทียบสเกลให้ดู โดยซิ้งค์ตัวที่ 1(ด้านซ้ายมือ) สามารถวางถ้วยน้ำจิ้มขนาดเล็กได้ 2 ถ้วยแบบหลวมๆ ส่วนซิ้งค์ตัวที่ 2 (ด้านขวามือ) จะเล็กกว่าอันแรก โดยวางถ้วยน้ำจิ้ม 2 ถ้วยได้ชิดกันพอดีเลยค่ะ
ก็อกน้ำทรงโค้ง หมุนได้ซ้าย – ขวา สามารถหมุนใช้งานได้ทั้งซิ้งค์ตัวที่ 1 และซิ้งค์ตัวที่ 2 ค่ะ
มีเตาและที่ดูดควันให้ โดยเตาให้ของ Mex ระบบ induction ซึ่งเป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom
เคาท์เตอร์ด้านบนเป็นบานเปิด – ปิด ชั้นวางของด้านในลักษณะตามภาพเลยค่ะ ส่วนไมโครเวฟไม่ได้มีให้นะคะ เพียงแต่โครงการจะเว้นช่องไว้ให้ และมีเต้ารับด้านล่างเผื่อเสียบใช้ด้วยเช่นกัน
ในส่วนของที่วางตู้เย็น โครงการไม่มีตู้เย็นให้ แต่จะเว้นช่องว่างไว้ให้ขนาด 0.60 x 0.67 เมตร ความสูง 1.86 เมตร ส่วนเคาท์เตอร์ด้านบนจะติดตั้งเมนบอร์ดไฟไว้ให้ค่ะ
จากส่วนครัว มองกลับไปจะเห็นห้องรับแขกทั้งห้อง กระจกโค้งให้ Space ที่แปลกตาดีค่ะ ด้วยความที่ห้องเป็นกระจกทั้งหมดแบบนี้ โครงการจึงแถมผ้าม่านมาให้ด้วยเป็นแบบทึบชั้นเดียวนะคะ แนะนำว่าให้หาผ้าม่านแบบโปร่งมาติดเพิ่มด้วย เพราะผ้าม่านโปร่งจะช่วยกรองแสงแต่ยังให้แสงสว่างผ่าน เผื่อเวลาไหนร้อน แต่เรายังต้องการแสงสว่างอยู่จะเป็นตัวช่วยที่ดีค่ะ
มองขึ้นไปข้างบนจะเห็นว่าทางโครงการมีการ Drop ฝ้าเพดานเพื่อซ่อนรางผ้าม่านให้แล้วค่ะ นอกจากนี้ช่องเล็กๆยาวๆที่เราเห็นบนฝ้านั้นคือแอร์แบบฝังฝ้า ตัวนี้โครงการก็ให้มาด้วยค่ะ
จากห้องรับแขก เราไปกลับไปที่ Corridor ทางเดินเพื่อไปดูส่วนต่อไปกันค่ะ
ถัดไปเป็นส่วนของระเบียงห้องขนาด 1.4 x 1.5 เมตร กั้นด้วยประตูกระจกลามิเนตตัดแสงบานเลื่อนคู่ 1 บานหน้ากว้าง 0.50 เมตร ดังนั้นช่องทางเดินเข้าระเบียงจึงมีขนาด 0.50 เมตรเช่นกัน ค่อนข้างแคบนะคะ
พื้นมีการลดระดับ 5 เซนติเมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
โครงการวางเก้าอี้ และโต๊ะอีก 1 ตัวมาให้ดูว่าพื้นที่ขนาดนี้สามารถวางได้ค่ะ เผื่อใครอยากทำพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆนอกระเบียง แม้ส่วนใหญ่แล้วคนจะนิยมใช้เป็นพื้นที่ตากผ้าก็ตาม
ราวกันตกใช้เหล็กทาสีดำ สูง 1.14 เมตร ลักษณะโปร่ง ซึ่งด้านนอกราวกันตกก็ติดตั้งประตูกระจกลามิเนตตัดแสงเป็นบานเลื่อนให้เหมือนกับห้อง 1 Bedroom ด้านนอกมีพื้นที่วาง Compressor แอร์ให้ ขนาดพื้นที่ 0.8 x 1.4 เมตร วางแบบหันลมร้อนออกนอกอาคาร
ตัวราวระเบียงกับประตูบานเลื่อนอยู่ห่างกันเล็กน้อยพอระยะเลื่อนประตูได้ แบบนี้ค่ะ
ออกจากระเบียงมา เราจะเจอโถงหน้าห้องนอนเล็ก ซึ่งทางขวามือจะเป็นห้องน้ำ
ห้องน้ำกลางมีขนาด 2.150 x 2.365 เมตร แบ่งเป็นส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน มีอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำให้
พื้นมีการลดระดับประมาณ 5 เซนติเมตร ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นหินอ่อนเข้ามุม อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าของ Kholor และก็อกน้ำของ Grohe เหมือนห้อง 1 Bedroom กระจกเงาติดตั้งให้แต่ไม่ใช่รุ่นนี้นะคะ ต้องสอบถามสเปคที่แน่นอนจากทางโครงการค่ะ
โถสุขภัณฑ์ ของ Kohlor สายชำระ ของ Englefeld ส่วนที่แขวนกระดาษทิชชู่ ของ Haco Labelle
ส่วนของที่อาบน้ำมีพื้นที่ 0.80 x 1.27 เมตร ใช้ฉากกั้นอาบน้ำเป็น Temper glass มีตัวกันกระแทกให้ และมือจับตามภาพเลยค่ะ
พื้นมีการยกธรณีประตู 5 เซนติเมตรเพื่อกันน้ำออก
ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Grohe มี Rain shower ให้ด้วยค่ะ
ถัดไปเป็นส่วนของห้องนอนเล็ก ขนาด 2.4 x 2.9 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 4 ฟุตครึ่งได้กำลังพอดี หรือใครจะใช้เตียง 3 ฟุตก็จะได้พื้นที่สำหรับจัดฟังก์ชั่นอย่างอื่นได้เพิ่มอีก ทางเข้าเป็น Corridor เล็กๆซึ่งโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ดูเป็นตัวอย่าง
โดยสามารถวางตู้ขนาด 0.6 x 0.9 เมตร ความสูงจรดฝ้าเพดานได้พอดีค่ะ ซึ่งตรงนี้โครงการไม่มีให้ แต่เราสามารถนำไอเดียไปประยุกต์ได้นะคะ
ซึ่งพื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้าทางมีระยะ 1.17 x 2 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่กว้างดี ยืนแต่งตัวสบายๆค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงเหลือระยะเดิน 0.4 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่ค่อนข้างแคบ
โครงการได้ติดตั้งทีวีติดผนังไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งควรจะเป็นแบบนั้นค่ะ เพราะพื้นที่เหลือน้อยมากก ไม่พอสำหรับชั้นวางทีวี หรือถ้าพอก็คงแทบไม่เหลือพื้นที่เดิน
ซึ่งที่โครงการติดทีวีมาให้ดูนี้ โครงการได้ติดตั้งเต้ารับและช่องเสียบสายเคเบิลมาให้ด้วย
ห้องนี้มีหน้าต่างให้เป็นกระจกเต็มบาน กรอบอลูมิเนียมสีดำเป็นบาน Fix รอบด้านและมีบานกระทุ้งให้บานเดียวตรงกลาง ตัวบานลักษณะเดียวกับห้องนั่งเล่นเลยค่ะ ซึ่งกระจกเต็มบานแบบนี้อาจจะร้อนได้ โครงการจึงได้ Drop ฝ้าเพดานและแถมผ้าม่านทึบไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
พื้นที่ทางเดินข้างหน้าต่างนี้ถึงเตียง มีระยะ 0.33 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่น้อยมากๆ อยู่บนเตียงนี่เอื้อมมือไปเปิด-ปิด หน้าต่างได้เลยนะ
จากเตียงนอน มองกลับไปที่ทางออกห้อง ข้างบนมีการติดตั้งแอร์ไว้ให้ด้วย จะได้แบบนี้เลยค่ะ ห้องตัวอย่างไม่ได้ติดตั้งประตูมาให้ดู ซึ่งของจริงจะเป็นปรุตูสำเร็จรูปกรุวีเนียร์นะคะ มองออกไปข้างนอกนั้นคืดโถงหน้าห้อง และประตูทางออกระเบียงที่เราพาไปดูมา เดี๋ยวเราจะออกไปดูห้องนอนใหญ่กันต่อค่ะ
มาถึง Master Bedroom หรือห้องนอนใหญ่ของเรากันแล้ว ห้องนี้มีขนาด 2.575 x 2.9 เมตร พอเข้ามาห้องเราจะเจอกับ Corridor เล็กๆ ตรงไปเป็นเตียงนอน ซ้ายมือเป็นห้องน้ำ และทางขวามือเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือ
พื้นที่ทางเข้าสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาด 0.57 x 1 เมตรและโต๊ะเขียนหนังสือขนาด 0.57 x 1 เมตร ลักษณะตามนี้ได้ค่ะ ซึ่งของจริงจะเป็นผนังเปล่าๆโครงการไม่ได้มีติดตั้งให้นะคะ
ถัดไปเป็นสวนของที่นอนสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้พอดีๆค่ะ ซ้ายมือเป็นกระจกห้องน้ำที่ทำแบบ Bay window เดี๋ยวเราจะพาไปดูกันในตอนท้ายค่ะ
ห้องนี้มีช่องแสงเป็นกระจกเต็มบาน ใช้กระจกลามิเนตตัดแสงกรอบอลูมิเนียมสีดำเหมือนห้องอื่นๆ กระจกมีทั้งบาน Fix และบานกระทุ้งจำนวน 1 บานอยู่ตรงกลางโครงการได้ Drop ฝ้าเพดานและมีผ้ามานทึบให้
พื้นที่ทางเดินข้างเตียงมีระยะ 0.75 เมตร ไปเดินเปิด-ปิดหน้าต่างได้ไม่ยาก
ปลายเตียงโครงการติดตั้งทีวีติดผนังไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง เพราะพื้นที่ปลายเตียงมีระยะ 0.55 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่กว้าง ใต้ทีวีมีเต้ารับ และที่เสียบสายเคเบิลให้เหมือนในห้องนอนเล็กค่ะ
Master Bedroom นี้จะมีห้องน้ำในตัวค่ะ ซึ่งห้องน้ำจะได้เป็น Bay window กระจกใสลามิเนต ที่เวลาแตกจะเป็นใยแมงมุม มีความปลอดภัยในเวลาแตกแต่ไม่ช่วยเรื่องกรองแสงเหมือนกระจกภายนอก ซึ่งเราจะได้กระจกเต็มบานแบบนี้เลย
ซึ่งถ้าใครกลัวโป๊โครงการก็มีการ Drop ฝ้าเพดานเผื่อใส่ผ้าม่านให้ด้วยค่ะ
ห้องน้ำขนาด 1.90 x 2.365 เมตร โครงการให้ชุดอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และมีอ่างอาบน้ำให้ค่ะ พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
สเปควัสดุของห้องนี้จะเหมือนกับห้องน้ำกลางค่ะ คือเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นหินอ่อน, ตัวอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Kohlor, ก็อกน้ำของ Grohe, สายชำระ ของ Englefeld, ที่แขวนกระดาษทิชชู่ ของ Haco Labelle และโถสุขภัณฑ์ของ Hohlor ส่วนกระจกเงาให้เต็มบานแบบนี้เลยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นส่วนอาบน้ำที่ผนังด้านนี้เป็นกระจกใสแบบ Bay window อาบน้ำไปสามารถมองเห็นภายในห้องนอนค่ะ อารมณ์อาบน้ำอยู่ก็นอนดูทีวีได้
อ่างอาบน้ำขนาด 0.75 x 1.90 เมตร ของ Cristina
ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Grohe
ฝักบัวอาบน้ำขนาดใหญ่ดี ก็อกน้ำของ Grohe สามารถหมุนซ้ายขวา และปรับความร้อนเย็นได้ค่ะ
มีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 จุด คือ ส่วนแห้ง ตรงอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ อีกจุดหนึ่งคือส่วนเปียก ตรงอ่างอาบน้ำ และมีพัดลมดูดอากาศให้ 1 จุดค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 3 June 2015
- Studio Type E1M ชั้น 14 ห้อง 14-03 เนื้อที่ 24.5 ตร.ม. ราคา 5.213,300 บาท หรือ 212,787 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Type C1 ชั้น 18 ห้อง 18-20 เนื้อที่ 34.5 ตร.ม. ราคา 7,521,000 บาท หรือ 218,000 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom Type B2 ชั้น 11 ห้อง 11-15 เนื้อที่ 57.5 ตร.ม. ราคา 13,367,500 บาท หรือ 232,478 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom Type A2 ชั้น 51 ห้อง 51-23 เนื้อที่ 66 ตร.ม. ราคา 16,531,900 บาท หรือ 250,483 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- ห้องแบบ Studio และ 2 Bedroom จอง 50,000 บาท, ห้องแบบ 2 Bedroom จอง 100,000 บาท
- ทำสัญญา 5 %
- ดาวน์ 10 % ผ่อนดาวน์ 33 งวด
- ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ Ashton จุฬา-สีลม เป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ในด้านอาหารการกิน สถานบันเทิง ช้อปปิ้ง การศึกษาครบ มีวัดหัวลำโพงอยู่ใกล้ๆ สามารถเดินไปทำบุญได้สบายๆ รวมทั้งการเดินทางใกล้ MRT สามย่านเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ที่ถือว่าสะดวกมาก นอกจากนี้ยังมีขนส่งสาธารณะอื่นๆทั้งรถเมล์ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซด์ รถตุ๊กๆ อีกทั้งยังเป็นย่านของชาวต่างชาติและคนญี่ปุ่นที่มีอาหารการกินหลากหลาย ข้อดีหลักๆคงเป็นเรื่องของทำเลที่ใกล้แหล่งความเจริญทั้งหลายแหล่ไม่ว่าจะเป็น สยาม สีลม สาทร แต่ข้อเสียของการไปสยามคือต้องไปต่อรถไฟฟ้า BTS อีกทีซึ่งก็ดูอ้อมไปหน่อยแต่ถ้าใช้รถก็ถือว่าใกล้อยู่แต่รถจะติดมากเป็นธรรมดา และความอุดมสมบูรณ์ทั้งหมดนั้นไม่ได้อยู่ใกล้ Ashton แบบติดโครงการเลยเสียทีเดียว ส่วนใหญ่จะต้องเดินราวๆ 200 – 500 เมตร และ/หรือ ต้องข้ามถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นถนนใหญ่ ซึ่งถ้ารับได้ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ
สำหรับ ทิศทาง วิวและบริบทรอบข้าง แน่นอนว่าตึกที่อยู่กลางเมืองในทำเลดีๆก็มักจะมีตึกอื่นรายล้อมอยู่รอบๆ สำหรับ Ashton จุฬา-สีลม ก็มีบางตำแหน่งที่ถูกบล็อกด้วยอาคารสูงทั้งโรงแรมมณเฑียร โรงแรมเลอ เมอริเดียนในระยะใกล้ บางตำแหน่งที่ถูกบล็อคด้วยอาคารจตุรัสจามจุรีในระยะกลาง บางชั้นที่อาจจะได้ยินเสียง กลิ่นและควันรถจากสะพานไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะไม่มากเพราะโครงการได้ทิ้งระยะห่างจากหน้าถนนใหญ่มาพอสมควรแล้ว และบางคนก็มีความคิดเห็นส่วนตัวว่าวิวที่หันไปทางวัดหัวลำโพงนั้นไม่สู้ดีเท่าไรก็จะไม่ชอบเช่นกัน ในมุมกลับกันบางห้องก็สามารถได้มุมมองที่เปิดโล่งมองเห็นไปได้ไกลๆโดยไม่มีตึกบัง อย่างชั้นที่มองข้ามโรงแรมมณเฑียรไปแล้ว หรือชั้นที่อยู่สูงจนสามารถมองข้ามไปเห็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือสวนลุมพินีบางส่วนได้ ตรงนี้ก็จะเพิ่มความน่าอยู่ให้ห้องนั้นอย่างมากเมื่อเทียบกับห้องที่ถูกบล็อกวิว ซึ่งก็จะมีปัจจัยเรื่องราคาห้องมาเกี่ยวข้องด้วยนะคะ ตรงนี้ต้องดูเป็นยูนิตๆไปค่ะทางเราคงจะไม่สามารถลงรายละเอียดได้ครบทุกห้อง
ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มาง่ายเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือ เข้าทางถนนพระราม 4 ได้เลย ถ้าใครที่ขับรถมาจากสาทรแล้วขึ้นสะพานไทย-ญี่ปุ่น ทางลงจะอยู่เลยโครงการมาแล้วต้องไปอ้อมนิดหน่อย โดยเข้าถนนสี่พระยาแล้วเข้าซอยทรัพย์มาออกสุรวงศ์อีกที คอนโดมิเนียมที่อยู่ใจกลางมหานครอย่างนี้แน่นอนว่าต้องมีประเด็นเรื่องรถติดในชั่วโมงเร่งด่วน เพราะถนนพระราม 4 เป็นถนนสายหลักของกรุงเทพมหานครที่เชื่อมโซน CBD แหล่งออฟฟิศและช้อปปิ้งหลักๆเข้าด้วยกัน อย่างสยาม สาทร วิทยุตลอดจนสุขุมวิท รวมไปถึงเป็นที่ตั้งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนสาธิตปทุมวัน สาธิตจุฬา เตรียมอุดมศึกษา ซึ่งนำมาด้วยปริมาณรถยนต์จำนวนมหาศาล การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินจะสะดวกกว่ามากค่ะ
วัสดุให้มาค่อนข้างดีตามมาตรฐานของคอนโดที่ขายใน Segment นี้ จริงๆแล้วสินค้าที่มีราคาเกิน 2 แสนบาทต่อตารางเมตรนั้น ราคาของวัสดุแทบจะไม่ได้เป็นปัจจัยของราคาห้องเลยค่ะ เพราะราคานั้นถูกกำหนดด้วยทำเลที่ตั้งและปริมาณพื้นที่รวมของตึกที่สามารถขายได้เป็นหลัก ดังนั้นหากเราเทียบวัสดุของคอนโดสมัยนี้ที่แพงกว่า 2 แสนบาทต่อตารางเมตรเทียบกับคอนโดสัก 5 ปีก่อนในราคา 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร ก็จะพบว่ามีคุณภาพไม่ได้ต่างกันมากนะคะ
พื้นครัว, ระเบียง และห้องน้ำปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ สวนพื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็น Engineering wood, กระจกภายนอกอาคารใช้กระจกลามิเนตตัดแสง โครงการขายแบบ Fully Fitted มีชุดครัวให้โดยประกอบด้วยท็อปเคาท์เตอร์ Synthetic stone, ซิ้งค์ล้างจานแบบมีฝาครอบเป็นวัสดุชนิดเดียวกับท็อปเคาท์เตอร์, เตาไฟฟ้าและที่ดูดควันของ Mex เป็นเตาระบบ induction, ติดตั้งแอร์แบบฝังในฝ้าให้, ส่วนในห้องน้ำ เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นท็อปหินอ่อน, อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ของ Kohlor, สายชำระ ของ Englefeld ส่วนที่แขวนกระดาษทิชชู่ ของ Haco Labelle, ชุดฝักบัวอาบน้ำและก็อกน้ำของ Grohe, ฉากกั้นอาบน้ำเป็น Temper glass ส่วนอ่างอาบน้ำให้ของ Cristina, มีการ Drop ฝ้าเพดานเพื่อติดรางผ้าม่านให้และแถมผ้าม่านแบบทึบแสงให้ด้วยค่ะ
การออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury and Electric หน้าตาของอาคารจะเป็นกระจก มุมของอาคารมีความโค้งมนเนื่องมาจากห้องแบบ 2 Bedroom ที่ใช้หน้าต่างเป็นกระจกโค้ง สร้าง Space ที่แตกต่างให้ห้องความรู้สึกจะเหมือนผนังยื่นออกไปในอากาศ สามารถมองวิวจากห้องได้แบบพาโนรามา ส่วนห้องพักแบบ 1 Bedroom ก็มีข้อดีตรงที่มีฉากกั้นแบบฝังในผนัง เปิดประตูออกมาก็จะทำให้ห้องนี้สามารถใช้งานห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทั้งสองฟังก์ชั่นได้ในเวลาเดียวกัน
อย่างหนึ่งที่เหมือนกันของห้องทุก Type คือการใช้ประตูระเบียง 2 ชั้น คือประตูทางออกระเบียงและประตูที่ติดกับราวระเบียงด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นพื้นที่ระเบียงเราจึงสามารถดัดแปลงเป็นห้องอเนกประสงค์เล็กๆได้ 1 ห้อง หรือจะใช้เป็นที่นั่งเล่น หรือราวตากผ้าได้ แต่ที่แน่ๆข้อดีของเจ้าสิ่งนี้คือ ทำให้มุมมองจากภายนอกที่มองเข้าไปในอาคาร ไม่ต้องติดขัดสายตากับผ้าที่แขวนอยู่ที่ระเบียงเหมือนคอนโดทั่วไป แต่จะมองเข้ามาเป็นอาคารผนังกระจกแทนนั่งเอง
สำหรับเรื่องพื้นที่ใช้สอยก็ต้องดูกันละเอียดๆหน่อยนะคะ เพราะตารางเมตรหนึ่งนั้นตกราวสองแสนบาท แค่พื้นที่เดินสามก้าว 3-4 ตารางเมตรก็ซื้อ Honda Jazz สดได้แล้วค่ะ ดังนั้นการเลือกคอนโดใจกลางเมืองแบบนี้ถ้าใครมีงบประมาณจำกัดก็ต้องดูให้ถ้วนถี่ว่าเราอยู่ได้ไหม อยู่ไหวไหม กับพื้นที่ Studio ขนาด 24.5 ตารางเมตร หรือควรจะเพิ่มไปเป็น 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตรดีกว่ากัน แต่ถ้าไม่ได้คิดว่าจะอยู่อาศัยเป็นบ้านหลัก เน้นว่าเป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราว บ้านหลังที่สอง ให้ลูกพักขณะไปรับไปส่งจากโรงเรียน อย่างนี้ก็ไม่ยากเท่าไรค่ะ เพราะฟังก์ชั่นบางอย่างสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่แบบถาวรอาจจะแทบไม่ต้องมีเลยก็ได้ อาทิเช่น ครัว เครื่องซักผ้า หรือราวตากผ้า
สาธารณูปโภคของโครงการให้มาค่อนข้างเยอะ เพราะต้องให้เหมาะสมกับ 1,180 ยูนิตที่จะใช้งาน ซึ่งโครงการก็ให้มาจัดหนักจัดเต็มตั้งแต่ สวนหย่อมรอบโครงการ โดยเฉพาะสวนหน้าโครงการที่มี Design ให้เล่นระดับ สอดคล้องกับสวนขั้นบันไดในชั้น 2-7 ซึ่งบนอาคารชั้น 7 ก็มีสวนให้อีกจุดที่มีที่เดิน ที่นั่งเล่น และมีไม้ยืนต้นปลูกเพื่อให้ร่มเงา
Facilities หลักๆจะอยู่ในชั้น 49-49M ซึ่งค่อนข้างจะเน้นพื้นที่ที่ให้เห็นวิวมุมสูงแบบพาโนรามา มีสระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 53 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตรโดยมีพื้นที่จากุซซี่และออนเซ็นให้ 2 จุด เป็นพื้นที่แบบต่างระดับ โดยรวมแล้วสระว่ายน้ำให้มาใหญ่ดี ว่ายน้ำสนุกเลยแต่ถ้าแยกเป็น 2 สระ 2 โซนไปเลยก็จะดีนะ เพื่อคนทั้งคอนโดที่อยู่กันเป็นจำนวนมากจะได้ไม่ต้องมารวมว่ายน้ำกันอยู่ที่จุดเดียว, ห้องออกกำลังกายมีให้ 2 ชั้น โดย 1 ห้องใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง รวม 2 ชั้นก็มีเครื่องออกกำลังกาย 20 เครื่อง ถ้าคิดอัตราส่วนห้องพักต่อเครื่องเล่นคือ 59 : 1 นี่ต้องต่อคิวกันเล่นเลยทีเดียว ห้องออกกำลังกายมีผนังห้องเป็นกระจกสามารถออกกำลังกายไปมองวิวตึกสูงไปได้ นอกจากนี้ก็มีห้องโซเชียลคลับ/ไวน์บาร์, ห้องสมุด, ห้องอเนกประสงค์ ,ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, ห้องซักรีด, ห้องซาวน่า, ห้องอบไอน้ำ ครบครัน
ส่วนบริการอื่นๆก็อย่างเช่น ห้องฝากสัมภาระ, ร้านค้า ในชั้น 1 จำนวน 2 ร้าน,ที่จอดรถจักรยาน, ที่จอดรถ Super Car และที่ชาร์ตรถไฟฟ้าในชั้น 1 แต่สำหรับที่จอดรถยนต์ประมาณ 560 คันคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าน้อยไปมากสำหรับคอนโดราคานี้ และหากเทียบกับมาตรฐานกับ Ashton สุขุมวิท 38 จากค่ายเดียวก็จะพบว่าต่างกันลิบลับ ส่วนลิฟต์โดยสารมีให้ทั้งหมด 7 ตัว กับเซอร์วิสอีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 169 : 1 ดูแล้วค่อนข้างจะหนาแน่นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน โดยรวมแล้วให้ส่วนกลางเยอะ ครบครัน เพื่อให้สอดคล้องกับยูนิตพักอาศัยตั้ง 1180 ยูนิต ซึ่งต้องแบ่งๆกันใช้ … แน่นอนแถมถ้าบวกลบคูณหารค่าส่วนกลางดูแล้ว ก็ถือว่าจ่ายสูงอยู่นะ แต่อย่าลืมว่า เมื่อส่วนกลางเยอะ ค่าดูแลรักษา ค่าซ่อมแซม บำรุง ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็เยอะไปตามกัน ดังนั้นเพื่อความสวยงามที่ยั่งยืนก็สมเหตุสมผลที่เราจะยอมจ่ายค่ะ แหม่ … ถ้ากระเป๋าหนักระดับซื้อคอนโดตารางเมตรละ 2 แสนได้ ก็ต้องจ่ายค่าส่วนกลางตารางเมตรละ 65 บาทได้นะคะ
Judgement
ราคาของคอนโดระดับ SUPER LUXURY ความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดในระดับนี้คงต้องมีความพึงพอใจและความชอบจนมองข้ามราคาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ จึงมิอาจให้คะแนนได้ค่ะ
BOTTOM LINE
Ashton จุฬา-สีลม เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดพร้อมอยู่ในย่านจุฬา สามย่าน ที่มีความต้องการหาคอนโดสไตล์ Modern ที่มีความหรูหรา ชอบความหวือหวา Facilities จัดเต็ม แต่ไม่ได้เน้นใช้บ่อยนัก ชอบเพื่อนบ้านเยอะๆ ไม่ซีเรียสเรื่องความวุ่นวาย ใช้รถส่วนตัวพอๆกับใช้รถไฟฟ้า ชอบทั้งยี่ห้อและ Product ที่ดูดี มีงบประมาณ 4.99 – 13 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนเดือนละประมาณ 35,000-91,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )