RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ใจกลางเอกมัย โดยครั้งนี้ทาง AP ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ RHYTHM มาใหม่ให้ Luxury มากขึ้น จุดน่าสนใจของที่นี่ มีดังนี้ค่ะ
- ทำเล – ใจกลางเอกมัย ใกล้ทองหล่อซอย 10 (ดองกี้ มอลล์) ตรงนี้ถือว่าเป็นย่านไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อได้ง่ายทั้งเอกมัยและทองหล่อ นอกจากนี้โครงการยังจะมีรถรับ-ส่งที่สถานีรถไฟฟ้าเอกมัยมาให้ด้วย
- การออกแบบ – โครงการมาใน Concept “Feel like home” ได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านในโซนเอกมัยเก่า เน้นบรรยากาศที่ร่มรื่น ใกล้ชิดธรรมชาติ
- จำนวนยูนิตน้อย ห้องขนาดใหญ่ – ทั้งโครงการมีเพียง 303 ยูนิต และเน้นไปที่ห้องขนาดใหญ่ (เริ่มต้น 35 ตร.ม.) ซึ่งหมายความว่าโครงการนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่ละห้องพักอาศัยก็กว้าง อยู่สบายค่ะ
- พื้นที่ส่วนกลางเยอะ – ที่นี่จัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้ถึง 10 ชั้น ขนาดพื้นที่ใหญ่ ใช้งานด้วยกันได้ไม่หนาแน่น นอกจากนี้ยังมีการออกแบบที่น่าสนใจและฟังก์ชันสนุกๆ อย่าง Wellness spa ที่มี White ION Bath หรือ สระว่ายน้ำวนรอบอาคารแบบ 360 องศา
- ผสมผสานงานศิลปะเข้าไปภายในโครงการ – นอกจากงานออกแบบที่ Crafted แทบจะทุกจุดแล้ว เรายังจะได้เห็นงานศิลปะจากศิลปินชื่อดังภายในโครงการด้วย เช่น ภาพ Paint ผนังจาก Thai Artist, ลาย Graphic จาก Pomme Chan, Sculpture จาก Dong Sculpture, Wallpaper จาก MOOOI, หรือภาพที่ได้แรงบันดาลใจจาก Vincent Van Gogh
ส่วนราคาต้องบอกว่าโครงการนี้จะอยู่ในระดับ Luxury Class ซึ่งเทียบกับโครงการในโซนทองหล่อบางโครงการได้เลย ซึ่งราคาเริ่มต้นของที่นี่จะอยู่ที่ 7.3 6.19 ล้านบาท (update 28/8/2024) ถือว่าสูงกว่าคอนโดส่วนใหญ่ในซอยเอกมัย แต่ก็เป็นคอนโดที่ออกแบบมาได้ประทับใจ สวยจนอยากให้ทุกคนอ่านรีวิวโครงการนี้กันนะคะ
ข้อมูลโครงการ
RHYTHM เอกมัย เอสเตท ณ วันที่ 1 November 2022
ชื่อโครงการ | RHYTHM EKKAMAI ESTATE (ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย) |
ที่ดิน | 2 – 0 – 84.1 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 303 ยูนิต และ 1 ร้านค้า |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 15 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 202 คัน คิดเป็น 67% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) |
สถานะโครงการ | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.8 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ |
เว็บไซต์โครงการ | Click |
Call Center | 1623 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.7293071 , 100.5770984
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
RHYTHM เอกมัย เอสเตท ตั้งอยู่ติดถนนเอกมัย ห่างจากปากซอยหรือว่ารถไฟฟ้าประมาณ 1 km. ซึ่งเอกมัย-ทองหล่อนี้นับว่าเป็นย่าน Lifestyle All day all night ที่มีความเจริญเติบโตสูง เป็นแหล่ง Hang out ที่มีร้านชื่อดังมากมาย โดยตำแหน่งของโครงการจะใกล้กับซอยทองหล่อ 10 ซึ่งเป็นซอยหลักที่เชื่อมต่อระหว่างเอกมัยและทองหล่อ นอกจากนี้ก็ใกล้กับ Community Mall มากมาย เช่น เวิ้งโบราณที่อยู่ฝั่งตรงข้าม, Donki mall ทองหล่อ, และไม่ไกลจาก J-Avenue ทองหล่อซึ่งเป็น area ที่คึกคักมากที่สุดของทองหล่อด้วยค่ะ
ในแง่การเดินทางถือว่าค่อนข้างสะดวก สามารถเชื่อมต่อสุขุมวิทและเพชรบุรีตัดใหม่ได้ง่าย มีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ และทางโครงการมีรถรับ-ส่งให้บริการไปยังสถานีเอกมัยด้วย แต่ก็มีจุดที่ต้องคำนึงคือเอกมัยเป็นถนนอีกเส้นที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ถ้าใช้รถส่วนตัวอาจจะต้องวางแผน เผื่อเวลา หลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติดเอาไว้สักหน่อยนะคะ
ในส่วนของที่อยู่อาศัย แต่เดิมสองข้างทางของถนนเอกมัยจะเป็นอาคารพาณิชย์ มีบ้านเดี่ยวและสำนักงานอยู่บ้าง แต่หลังจากที่มีรถไฟฟ้าให้ใช้งานก็มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเยอะในช่วงต้นซอย ส่วนคอนโดที่อยู่ในซอยนั้นเริ่มมีสร้างมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาค่ะ จุดแข็งของทำเลนี้คือใกล้ทองหล่อ ในขณะที่ราคาที่ดินยังสูงไม่เท่าในทองหล่อ ทำให้โปรดักส์คอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้น ราคาต่อตร.ม.จะต่ำกว่า และมีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท นี้เป็นโครงการที่ลักษณะของคอนโด การดีไซน์ รวมไปถึงขนาดห้องออกแบบมาในระดับ Luxury ราคาเริ่มต้น ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 7.3 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าคอนโดในซอยเอกมัยด้วยกันเอง แต่ด้วยการออกแบบภายในต่างๆ เรามองว่าสามารถเทียบเคียงบางโครงการในทองหล่อได้นะคะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
ข้างโครงการจะติดกับเอกมัยซอย 1 ซึ่งเชื่อมกับสุขุมวิท 61 ได้ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
การเดินทาง
- BTS เอกมัย ~ 1 km.
สถานศึกษา
- Ekamai International School ~ 950 m.
- St.Andrew International School ~ 2 km.
- Wells International School ~ 2.3 km.
- ม.กรุงเทพ กล้วยน้ำไท~ 2.6 km.
- มศว.ประสานมิตร ~ 3.8 km.
ห้างสรรพสินค้า / ร้านค้า
- เวิ้งโบราณ ~ 10 m.
- Donki ทองหล่อ ~ 200 m.
- Big-C Ekamai ~ 250 m.
- J-avenue ทองหล่อ ~ 900 m.
- Major Ekamai ~ 1.2 km.
- Gateway Ekamai ~ 2 km.
- Rain Hill ~ 2.8 km.
- Emporium ~ 3 km.
- Emquartier ~ 3.1 km.
- Shinsen Fish Market ~ 3.9 km.
- K-village สุขุมวิท 24 ~ 4 km.
- Terminal 21 ~ 5.2 km.
โรงพยาบาล
- รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ~ 1.4 km.
- รพ.สุขุมวิท ~ 1.4 km.
- รพ.กรุงเทพ ~ 3 km.
- รพ.ปิยะเวท ~ 4.2 km.
- รพ.พระราม 9 ~ 4.8 km.
รายละเอียดโครงการ
RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 2 ไร่ ริมถนนเอกมัย ที่มาใน Concept “Feel like Home”
ก่อนที่จะเล่าถึง Concept โครงการ เราขอพูดถึงแบรนด์ RHYTHM กันก่อนเล็กน้อยค่ะ RHYTHM เป็นแบรนด์คอนโดสูงจาก AP ที่มีชื่อเสียงมานาน ทำเลโครงการมักจะอยู่ใจกลางเมืองเช่น สาทร, พระโขนง, อโศก, เอกมัย, รัชดา เป็นต้น แต่ก่อนที่ RHYTHM เอกมัย เอสเตท จะเปิดตัว ทาง AP ก็ห่างหายจากแบรนด์นี้ไปหลายปี จนมาถึงปัจจุบันที่ทาง AP นำแบรนด์นี้มาปัดฝุ่นใหม่ ให้กลายเป็น Luxury Condominium โดย RHYTHM เอกมัย เอสเตท เป็นโครงการแรกที่สร้างเสร็จ และ RHYTHM เจริญกรุง-พาวิลเลี่ยน จะเป็นโครงการต่อมาที่คาดว่าจะสร้างเสร็จตามในปีหน้าค่ะ
RHYTHM รูปแบบใหม่นี้ถือว่าตีโจทย์มาแตกต่างจากตัวเก่าๆ พอสมควร เราเองเคยไปชม RHYTHM เอกมัยโครงการก่อนหน้ามาก่อน บอกได้ว่าโครงการใหม่นี้ออกแบบมาคนละระดับเลย ด้วยราคาเริ่มต้น (ปัจจุบัน) ของ RHYTHM เอกมัย เอสเตท อยู่ที่ 7.3 ล้านบาท ถือว่าสูงกว่าโครงการอื่นในโซนเอกมัยก็ว่าได้ แต่แลกกับทำเลกลางเอกมัย ใกล้ทองหล่อ ห้องขนาดพื้นที่ใหญ่ แต่จำนวนยูนิตที่น้อย เพียง 303 ยูนิต บวกกับการออกแบบที่ Luxury ไม่แพ้โครงการใจกลางทองหล่อเลยค่ะ ซึ่งเราจะพาไปดูกันทีละส่วนอย่างละเอียดเลยนะ
RHYTHM เอกมัย เอสเตท นี้ให้ความสำคัญในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งจัดมาให้ถึง 10 ชั้น จากความสูงทั้งหมดของอาคารที่มี 33 ชั้น และมีการนำเอา art pieces จากศิลปินที่มีชื่อเสียงต่างๆ มาตกแต่งภายในโครงการ เช่น
- Crafted sculpture ที่ได้แรงบันดาลใจจากต้นจามจุรี ผลงานจาก Dong Sculpture
- งาน Hand-painted ต้นจามจุรี บนผนังภายใน Tea Pavillion โดย ศิลปินไทย
- Counter bar ภายใน Tea Pavillion ที่สื่อถึงรากของต้นจามจุรี
- Artwork inspired by Vincent van Gogh works ตกแต่งที่ผนังภายในส่วนกลาง
- Wallpaper จาก MOOOI ที่ Meeting Room
- Cabinet และ ปลอกหมอนตกแต่งภายในส่วนกลาง จาก Pomme Chan
นอกจากนี้ก็ยังมีการเลือกเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์สวย การตกแต่งภายใน การเลือกใช้วัสดุ เช่น Rainforest Green Marble หรือ Platinum Sand Marble มาใช้ภายในส่วนกลางต่างๆ ทุกส่วนกลางจึงเหมือนงาน Craft ที่ผ่านการคิด detail ต่างๆ ทั้งการใช้งาน และ ความสวยงามมาเรียบร้อย ถือว่าสร้างความประทับใจให้กับเรามากพอสมควรค่ะ
RHYTHM เอกมัย เอสเตท มากับ Concept “Feel like home” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านในเอกมัย ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ออกแบบให้มีครีบแนวตั้งเป็นช่วงๆ เพื่อใช้กันแดด บรรยากาศบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างๆ มองออกไปเจอต้นไม้ ใกล้ชิดธรรมชาติ พื้นที่ภายในบ้านที่ดูสบาย ปลอดโปร่ง ซึ่งทาง AP หยิบเอาจุดเด่นนี้ของเอกมัยมาออกแบบ และได้ให้บริษัทสถาปนิกชื่อดังอย่าง OPENBOX มาช่วยออกแบบตัวสถาปัตยกรรมของโครงการนี้ค่ะ
ทำให้ตัวอาคารเราจะเห็นการใช้เส้นตั้งมาออกแบบ และมีบันไดขึ้นลงพื้นที่ส่วนกลางในโซนที่อยู่ทางด้านหน้า ให้ได้บรรยากาศเหมือนเราเดินขึ้นลงภายในบ้านด้วย
เข้ามาภายในโครงการ จะมีการแยกทางเดินคนและทางเดินรถออกจากกัน รถที่เข้าออกจะต้องผ่านรปภ.ทางด้านหน้า เพื่อแลกบัตรหรือ bluetooth เพื่อเข้าไปภายใน
ตัวอาคารจะเว้นระยะห่างจากถนนใหญ่ และมีการจัดสวนขนาดใหญ่ทางด้านหน้า มีต้นไม้เดิมที่อยู่ภายในที่ดินทำให้สวนทางด้านหน้าดูร่มรื่น
มีการจัดมุมพักผ่อนข้างรั้วทางเข้า บรรยากาศใต้ร่มต้นไม้ ดูสงบตัดกับความวุ่นวายของถนนเอกมัยทางด้านหน้า
ชั้น 1
ที่ชั้น 1 นั้นจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดค่ะ โดยจะมีที่จอดรถรอบๆโครงการเล็กน้อย รถส่วนใหญ่จะต้องวนขึ้นจอดที่ชั้น 2-6 ซึ่งสัดส่วนที่จอดรถของโครงการนี้อยู่ที่ 67% และเป็นระบบ conventional หรือว่าวนจอดแบบปกติ แตกต่างจากโครงการใหม่ๆ ที่เป็น auto parking (ซึ่งในระยะยาว auto parking จะต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องการ maintenance ด้วยนะ)
ส่วนฟังก์ชันส่วนกลางภายในอาคารของชั้นนี้จะแยกเป็น 2 เส้นทางค่ะ
- บันไดทางขึ้นหน้าอาคาร – จะพาไปฟังก์ชันส่วนกลางที่ชั้น 2-7 สามารถเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ และมีลิฟต์ให้ใช้งาน
- เข้ามาภายในตัวอาคาร จะเจอกับ Welcome Lounge และ Feature Mail ตั้งอยู่ขนาบกับโถงลิฟต์
สำหรับพื้นที่ของนิติบุคคลจะอยู่ที่ชั้นนี้เช่นกัน อยู่ทางด้านหน้าโครงการเลยค่ะ และมี Smart locker อยู่ใกล้ๆ ใครที่สั่งของ online ต่างๆ ก็มารับเอาที่ Smart Locker หรือรับกับทางนิติบุคคลที่ชั้นนี้ได้นะ
จุด Drop-off ของอาคารค่ะ ตรงนี้ทางซ้ายมือจะมีบันไดแยกขึ้นไปยังส่วนกลางที่อยู่ชั้น 2-7 ส่วนทางขวามือจะเป็นทางเดินเข้าอาคารชั้น 1
ส่วนที่เป็นฟังก์ชันต่างๆ เช่น ลิฟต์ไปยังชั้น 2-6 , ห้องนิติบุคคล , ห้องน้ำชั้นล่าง จะถูกซ่อนไว้หลังผนังทางซ้ายมือนี้ค่ะ ทำให้ทางเดินเข้าอาคารนั้นดูสวยงาม หรูหรา และดูอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านจากลวดลายของไม้และหินที่นำมาใช้เป็นวัสดุพื้น ผนัง และ ฝ้าเพดาน
ส่วนทางเดินเข้าอาคารนี้ก็จะได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านเอกมัยอย่างที่บอกไป pattern ของแผงกันแดดแนวตั้งภายในบ้าน ถูกมาทำซ้ำให้เกินจังหวะ (rhythm) ผสมกับการออกแบบ lighting ทำให้ทางเข้าดูหรูหรา และ น่าสนใจเลยทีเดียว
ส่วนห้องน้ำก็ไม่ได้เป็นห้องน้ำอยู่ติดทางเดินเลย แต่จะมีโถงอยู่หน้าห้องน้ำก่อน แล้วถึงแบกเป็นห้องน้ำชาย หญิง คนพิการและผู้สูงอายุค่ะ
ห้องน้ำชาย
Welcome lounge
เข้ามาภายในอาคารจะเจอกับ welcome lounge ขนาดใหญ่ มีมุมนั่งรอหลากหลายจุด จากตรงนี้ โถงลิฟต์จะอยู่ทางซ้ายมือ และ Feature mail จะอยู่ตรงกลางทางด้านในค่ะ
บริเวณนี้จะมีเคาน์เตอร์ reception อยู่ ปัจจุบันจะมี sale ประจำอยู่นะคะ
รายละเอียดการใช้วัสดุและการเลือกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทำออกมาได้ละเอียดสวยงามเลย
Feature mail
ส่วนห้องจดหมายหรือ feature mail ของที่นี่ก็ไม่ธรรมดา มี sculture ตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากต้นจามจุรี ผลงานชิ้นนี้เป็นของ Dong sculture ติดกับผนังด้านหลังที่กรุด้วย Platinum Sand Marble และฝ้าเพดานที่ใช้วัสดุเป็นกระจกทำให้เกิดเงาสะท้อน ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของชั้นนี้ก็ว่าได้ค่ะ
Crafted sculpture ที่ได้แรงบันดาลใจจากต้นจามจุรี ผลงานจาก Dong Sculpture
ชั้น 2 – 6
ชั้น 2 – 6 ฟังก์ชันหลักจะเป็นที่จอดรถค่ะ คอนโดทั่วไปชั้นที่จอดรถก็จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด อาจจะมีการดีไซน์หน้าตาของอาคารส่วนนี้ให้แตกต่างจากชั้นพักอาศัยบ้าง แต่ว่าโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท นี้มีการจัดฟังก์ชันส่วนกลางไว้ทางฝั่งหน้าอาคาร และออกแบบให้หน้าตาอาคารดูสวยงามอีกด้วย
เมื่อมองจากด้านหน้าเราไม่สามารถเดาได้ว่าพื้นที่ชั้น 2-6 นี้เป็นที่จอดรถเลยค่ะ โดยฟังก์ชันส่วนกลางตรงนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน เรียกว่า Social zone และ Quiet zone โดยมีบันไดเชื่อมอยู่ตรงกลาง โดย Social Zone จะเป็นเหมือนห้องนั่งเล่น ชวนเพื่อนหรือครอบครัวมาพูดคุยกันได้ ส่วน Quiet Zone จะเป็นมุมที่เหมาะกับการมานั่งทำงาน หรือ อ่านหนังสือที่ต้องใช้สมาธิมากกว่า
Social zone
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับ Social zone ที่สูง 9.7 เมตร เป็นมุมนั่งพักผ่อนที่มองออกไปเห็นสวนที่อยู่ทางด้านหน้าโครงการ ผนังด้านหลังถูกตกแต่งด้วย Rainforest Green Marble ที่มีสีเขียวและลวดลายธรรมชาติ เป็นจุดเด่นของโซนนี้
Social zone
มุมนั่งเล่นจะมองออกไปเห็นสวนที่อยู่ทางด้านหน้าพอดี บรรยากาศร่มรื่น เห็นพื้นที่สีเขียว และท้องฟ้า ดูปลอดโปร่งดีค่ะ
Quiet Zone
Quiet zone จะกินพื้นที่ชั้น 3 และ ชั้น 4 ของฝั่งนี้เข้าไว้ด้วยกัน
เดินขึ้นมาชั้น 3 ชั้นนี้จะมี meeting room อยู่ 2 ห้อง เหมาะกับคนที่อยากนัดประชุมงาน หรือ ทำงานแบบเงียบสงบ ไม่ต้องการให้มีใครรบกวน สามารถจองเพื่อใช้งานห้องนี้ได้ค่ะ
Meeting room เป็นห้องที่มีอุปกรณ์ให้พร้อม ทั้ง TV เผื่อไว้ใช้คุยหรือ present งาน มีโต๊ะประชุม และมีการใช้ Rainforest Green Marble มาตกแต่งภายในห้องด้วย (เราจะเห็นการใช้ Rainforest Green Marble อีกในส่วนกลางอื่นๆ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ ด้วยการ link กันของวัสดุ แต่ดัดแปลงไว้ในองค์ประกอบที่แตกต่างกัน เช่น พื้น ผนัง งานตกแต่ง)
แต่จุดที่เป็นไฮไลท์ไม่พูดถึงไม่ได้คือผนังของ Meeting room ค่ะ Wallpaper ชิ้นนี้เป็นผลงานจาก MOOOI นักออกแบบจากเนเธอร์แลนด์เลย ดีไซน์ได้แรงบันดาลใจมาจากขนของ Leopard เป็นแผ่นฟอยล์สีทอง สลับกับเนื้อ วอลล์เปเปอร์สีดำ
ขึ้นมาที่ชั้น 4 จะเป็น Vertical Co-working ซึ่งอยู่ใน quiet zone เช่นกัน โดยพื้นที่ตรงนี้จะได้ฝ้าเพดานที่สูงโปร่ง มีมุมนั่งทำงานหลากหลายจุด
จุดเด่นของพื้นที่ส่วนนี้น่าจะเป็น ภาพติดผนังชิ้นนี้ที่ได้แรงบันดาลใจมากจาก ผลงานแนว impressionist จาก Vincent van Gogh
มุมทำงานต่างๆ ที่โปร่งโล่ง และมองออกไปเห็นต้นไม้ใหญ่ในโครงการ
บรรยากาศภายใน vertical co-working เราจะเห็นการออกแบบผนัง ที่ผสมระหว่างลายไม้และหินอ่อน Rainforest Green Marble
จากตรงนี้มองออกไปจะเจอกับถนนเอกมัย ซึ่งตรงข้ามคือ community zone อย่างเวิ้งโบราณ ทำให้ไม่มีตึกสูงตั้งอยู่ในระยะประชิดทางด้านหน้า
ลิฟต์สามารถขึ้นมาถึงชั้น 4 ได้เช่นกันค่ะ
ชั้น 7
ขึ้นมาที่ชั้น 7 ค่ะ ชั้นนี้นับว่าเป็น Main Lobby ก็ว่าได้นะคะ โดยสามารถมาใช้งานได้ผ่านทางลิฟต์หลักที่ใช้ขึ้นลงห้องพักอาศัย หรือจะเดินขึ้นมาจาก Facilities ที่อยู่ทางด้านหน้าก็ได้ โดยชั้นนี้ก็จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัยเช่นกัน
แนวความคิดในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางชั้นนี้เหมือนกับการออกแบบบ้านค่ะ ตัวอาคารที่มีลักษณะเป็นรูปตัว L จะโอบล้อม Court ที่อยู่ตรงกลางเอาไว้ มีต้นไม้ มีน้ำ มีพื้นที่นั่งเล่นในสวน มีห้องรับแขกภายใน ที่เปิดประตูรับลม เชื่อมต่อกับภายนอกบ้านได้ มีชานบ้านขนาดใหญ่ นั่งพักผ่อนชมสวน นอกจากนี้ก็จะมีฟังก์ชันอย่าง Tea pavillion เอาไว้เป็นเหมือนห้องรับรองแขก และมี Theater pavillion ที่เหมือน entertainment room ส่วนตัว ดูหนัง นั่งเล่น ซึ่งเราสามารถจองห้องเหล่านี้ได้ เพื่อเวลาใช้งานจะได้มีความเป็นส่วนตัว ไม่มีลูกบ้านท่านอื่นมาใช้ด้วยค่ะ
จากส่วนกลางอย่าง Social zone และ Quiet zone ที่อยู่ด้านหน้า เราสามารถเดินขึ้นมายังชั้น 7 ได้ ผ่าน landscape ที่เล่นระดับ โดยจะมีการจัดต้นไม้ใหญ่รายล้อม ดูร่มรื่นเหมือนสวนภายในบ้าน
โครงการนี้ถือว่าให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวเลยนะคะ ฟังก์ชันส่วนกลางมักจะมองเห็นวิวท้องฟ้า หรือสวนสีเขียวตลอด
พื้นที่ตรงกลางที่เปรียบดัง courtyard ใจกลางบ้าน โดยจะมี water feature หรือธารน้ำประกอบ สร้างบรรยากาศธรรมชาติให้กับพื้นที่ชั้นนี้
ที่นี่จะมีการออกแบบมุมนั่งพักผ่อนไว้หลากหลายจุด ทั้ง Sunken area กลางคอร์ท หรือจะเป็นมุมนั่ง Semi-outdoor เลียบทางเดินข้างอาคาร
บรรยากาศยามเย็นดูสวย น่ามาใช้งานนะคะ
พื้นที่ใช้งานเรามองว่าค่อนข้างใหญ่เลย ยิ่งเทียบกับจำนวนยูนิตภายในโครงการที่มีเพียง 303 ห้อง การใช้งานส่วนกลางน่าจะไม่หนาแน่น เลือกมุมส่วนตัวได้ไม่ยาก
มุมนั่งเล่นที่ชั้น 7 ของโครงการ เราจะเห็นว่าโครงการมีการหยิบเอาหินอ่อน forest green marble มาออกแบบเป็นองค์ประกอบของเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะคะ
อีกโซนในร่ม (Semi-outdoor) ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ แต่นั่งอยู่ในร่ม มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋ เรานึกภาพคนทำงานหรือนักเรียน หยิบ laptop หรือหนังสือมานั่งที่มุมนี้ได้เลยนะคะ
Flexible Lobby
เข้ามาภายในอาคาร ส่วนนี้จะเรียกว่า Flexible Lobby ค่ะ ซึ่งตรงกลางนี้จะมีภาพประดับอยู่หนึ่งภาพ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากงานศิลปะแนว impressionist ของ Vincent Van Gogh
เข้ามาทางด้านใน มุมนี้จะค่อนข้าง Private มากขึ้น มองออกไปจะเห็นวิวฝั่งถนนสุขุมวิท
มีมุมนั่งเล่นที่หลากหลาย มี Cabinet ตกแต่งเป็นลายของ Pomme Chan
มีโต๊ะยาวแบบเคาน์เตอร์ที่เราสามารถหยิบงานมานั่งทำไปด้วย ชมวิวเมืองไปด้วยก็ได้ หรือจะมีนั่งตอนกลางคืนก็ไม่ร้อนค่ะ
Feature Lobby ที่อยู่ตรงกลาง บรรยากาศเปิดโล่ง ผนังด้านข้างสามารถปรับปิดหรือเปิดเชื่อมกับพื้นที่ภายนอกฝั่งที่เป็น court ได้
บรรยากาศ Feature Lobby ช่วงเวลากลางคืน
ภายใน Feature Lobby นอกจากโซฟานั่งพักผ่อนแล้วก็มีการจัดวางโต๊ะขนาดใหญ่ หรือมุมพักผ่อนส่วนตัว และมีเกมส์ให้เล่นด้วย
Theater Pavillion
Theater pavillion เป็นอีกพื้นที่ที่เราสามารถมาใช้งานได้ค่ะ โดยห้องนี้จะมี Projector ติดตั้งอยู่ ซึ่งเราสามารถจองและมาใช้งานนั่งดูหนังได้นะ
Tea pavillion
สำหรับห้องนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจากต้นจามจุรีเลยค่ะ ผนังทางด้านหลังก็จะมีศิลปินมา paint เป็นรูปต้นจามจุรี นอกจากนี้ทางด้านขวามือก็จะมีเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ สื่อถึงรากต้นไม้ใหญ่เช่นกัน นอกจากนี้ปลอกหมอนที่ใช้ตกแต่งภายในห้องก็เป็นลายของ Pomme Chan ส่วนหินอ่อนอย่าง Rainforest green marble นั้นจะถูกนำมาใช้เป็นวัสดุพื้นภายในห้อง ถือว่าเป็นอีกห้องที่มีดีเทลน่าสนใจเยอะเลยนะคะ
Tea pavillion
บรรยากาศของ Courtyard ชั้น 7
ชั้น 31
ขึ้นมาที่ high zone 3 ชั้นบนสุดของโครงการกันค่ะ โดยชั้นที่ 31 นี้จะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำแบบ 360 องศา สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริง จุดที่ยาวสุดจะอยู่ที่ 28 เมตร กว้าง 4.4 เมตร และมีสระเด็กแยก พร้อมกับมุมนั่งเล่นรอบๆ
บรรยากาศของสระว่ายน้ำเวลากลางคืน มีส่วนที่อยู่กลางแจ้งและในร่ม ซึ่งเราสามารถมาใช้งานช่วงกลางวันได้ไม่ต้องกลัวแดดนะคะ
ส่วนที่อยู่กลางแจ้งก็ได้บรรยากาศที่ดี ตัวสระเป็นขอบน้ำล้น ไม่เห็นราวกันตก ได้วิวแบบเต็มตาขณะใช้งาน
เดินลงมา 1 ระดับเราจะเจอกับ Crystal hallway เป็นทางเดินกระจกลอดใต้สระว่ายน้ำ ซึ่งตัวฝ้าของทางเดินนี้ถูกออกแบบให้เป็นกระจกใส เห็นสระว่ายน้ำด้านบน เป็นอีกมุมไฮไลท์ที่น่ามาถ่ายรูปเล่นเลยค่ะ
ทางเดินไป Crystal Hallway ก็กรุพื้นผนังด้วยวัสดุลายหินอ่อน
ออกมาจาก Crystal Hallway จะมีทางแยกไปสองฝั่ง ทางซ้าย(ภาพ)จะเป็น Observation Deck ส่วนทางขวาเป็นโซน Honeymoon sunken seat
Observation Deck
จุดชมวิวที่ออกแบบให้พื้นและราวกันตกเป็นกระจก สามารถยืนชมวิวได้รอบๆ วิวค่อนข้างเปิดโล่งเลยค่ะ ใครที่กลัวความสูงอาจจะต้องขอผ่านจุดนี้นะ เพราะมองลงไปความสูงเท่ากับอาคาร 30 ชั้น หวิวๆ อยู่นะ
วิวจากชั้น 31 หันไปทางทิศตะวันออก
อีกฝั่งทางเดินไปยัง Honeymoon sunken seat มีโซฟานั่งเล่นอยู่อีกจุดค่ะ นั่งชมวิวเมืองได้นะ
ส่วนของ Honeymoon sunken seat จะอยู่อีกฟากหนึ่งค่ะ โดยจะมีทางเดินยกระดับขึ้นไป ซึ่งด้านข้างจะมีมุมนั่งชมวิวเป็นระยะ ให้เรามาชมวิวได้รอบอาคารเลยนะ
ส่วนของ Honeymoon sunken seat ก็จะเป็นโซนนั่งชมวิวที่ลดระดับจากทางเดิน มีลักษณะเป็นคู่ มานอนชมวิวพักผ่อนได้ค่ะ
เราจะเห็นว่าโครงการเล่นกับระดับต่างๆ ไว้ค่อนข้างเยอะนะ เวลาใช้งานสระ หรือมุมนั่งเล่นต่างๆ แต่ละฟังก์ชันแม้จะอยู่ติดกัน แต่ก็จะมีระดับที่แตกต่างกัน ได้ความเป็นส่วนตัวในทุกจุดค่ะ
ชั้น 32 – 33
ขึ้นมาที่ชั้น 32 ฟังก์ชันส่วนกลางของชั้นนี้จะอยู่ในร่มหมดเลยค่ะ มี Sky Lounge, Sky Library, Fitness และจุดที่น่าสนใจคือห้องน้ำแยกชาย-หญิงที่มี Wellness spa อยู่ภายใน ซึ่งห้องนี้จะมี White ION Bath ผลิตฟองอากาศขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน เล็กกว่ารูขุมขน ช่วยทำความสะอาดผิวเราได้ค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 32 เปิดลิฟต์ออกมาจะเป็น Sky Lounge มุมพักผ่อนที่ High zone ชมวิวได้เต็มที่ โดยพื้นที่ตรงนี้จะมีโซฟาขนาดใหญ่หนึ่งชุด พร้อมโคมไฟระย้าตกแต่งดูหรูหราสวยงาม
Sky Lounge
Sky Library
Sky Library เป็นอีกห้องด้านในที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ประตูที่ใช้เชื่อมต่อสามารถหมุนเปิดปิดกั้นแยกพื้นที่ออกจากกันได้ ซึ่งดีไซน์แบบนี้ก็เข้ากับ concept ของบ้านเอกมัยที่เล่าไปนะคะ
ห้อง Sky Library เป็นห้องพักผ่อน รับแขกอีกจุด โดยห้องนี้จะมีภาพตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจาก Vincent Van Gogh มาแขวนไว้ที่ผนังเช่นกัน
Sky Library
ห้องน้ำและ Wellness spa
ส่วนห้องน้ำและ Wellness Spa จะอยู่ที่ชั้น 32 นี้ค่ะ แยกชาย-หญิงจากกัน
ขอพามาดูในห้องน้ำหญิงก่อน ภายในจะแยกโซนต่างๆออกจากกันชัดเจน จุดแรกที่เราเจอจะเป็นมุมล้างมือ แต่งหน้า ที่ได้ฝ้าเพดานสูง และมีตู้ locker ให้ใช้บริการด้วย
บรรยากาศห้องนี้ไม่ต่างจากห้องแต่งตัวของศิลปินเลยค่ะ ใครที่อยากจ้างช่างแต่งหน้าส่วนตัว เรามองว่ามาใช้พื้นที่ส่วนนี้ได้นะ
ส่วนโซนที่เป็นห้องสุขาและห้องอาบน้ำก็จะแยกไปอีกจุด
ส่วนโซนที่เป็นไฮไลท์ก็จะแยกไปอีกมุมค่ะ ตรงนี้จะเป็น Wellness Spa และมีห้อง Steam อยู่ในห้องน้ำหญิง ส่วนห้องน้ำชายจะได้เป็น Sauna นะ
White ION Bath เป็นนวัตกรรมที่ผลิต Micro Bubble ขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน ซึ่งสามารถชำระสิ่งสกปรกที่อยู่ตามรูขุมขนได้ นอกจากนี้ภายในน้ำก็จะมีอุณหภูมิสูงกว่า 36 องศา ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีอีกด้วยค่ะ แถมยังได้ชมวิวสวยๆ ใจกลางเมืองด้วย เป็นอีกฟังก์ชันที่ไม่เหมือนคอนโดอื่นนะคะ
Wellness Spa
ภายในห้องน้ำชายก็จะมีฟังก์ชันไม่ต่างจากห้องน้ำหญิงเลยค่ะ
Fitness
ห้องฟิตเนสภายในโครงการเป็นห้องกระจกที่ชมวิวได้โดยรอบ ที่สำคัญคืออุปกรณ์ที่ให้มาจะเป็นเครื่องเล่นจาก Techno Gym หลากหลายชนิดให้ใช้งาน
มุมนี้เน้น Body weight เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
Private Fitness
นอกจากห้องฟิตเนสหลักที่มีเครื่องเล่นให้ใช้งานแล้ว ทางโครงการมีการจัดห้องเปล่าไว้ 1 ห้องเผื่อใครนัด Trainer มาช่วยดูแลการออกกำลังกาย ก็สามารถใช้งานห้องนี้ได้เลยค่ะ หรืออยากจะจัด Private Yoga พร้อมกับเพื่อนหรือครอบครัวก็ booking ห้องแล้วมาใช้ได้นะ
ห้องนี้ก็จะเชื่อมต่อกับ Fitness ที่อยู่ข้างๆค่ะ
Rooftop Garden
ขึ้นมาที่ชั้นบนสุด ชั้น 33 หรือว่า Rooftop ของโครงการกันค่ะ ตรงนี้จะเป็นพื้นที่สวน เพียงแต่สวนของที่นี่ไม่ได้แบนราบนะ มีการออกแบบให้มีบันไดสำหรับเดินขึ้น-ลง วนรอบได้ โดยที่สองข้างทางก็จะมี landscape จัดไว้ร่มรื่นเลย
นอกจากนี้ก็ยังมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนอีก วันไหนอากาศดี กลางคืนเราก็ขึ้นมานั่งรับลมที่ชั้นนี้ได้ค่ะ
บรรยากาศของ Rooftop Garden มีการเล่นระดับของ landscape ดูน่าสนใจเลยนะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
Ground Floor
- Welcome foyer
- Feature mail room
- Chamchuri outdoor terrace
2nd Floor
- Multi-storey – Social zone
3rd Floor
- Meeting room
4th Floor
- Multi-storey – Quiet zone
6th Floor
- Terrace Garden
7th Floor
- Feature lobby
- Grand terrace
- Tea pavillion
- Flexible lobby
- Theatre pavillion
- Floating garden
- Sunken seat
31st Floor
- Infinity Edge Pool
- Crystal Hallway
- Honeymoon sunken seat
- Observation deck
32nd Floor
- Sky lounge
- Sky library
- Sky fitness (อุปกรณ์จาก Techno Gym)
- Private fitness
- Sky wellness spa (ระบบ White ION Bath)
- Sauna
- Steam
Rooftop
- Rooftop garden
ระบบรักษาความปลอดภัย
- ประตูทางเข้าออกแบบไม้กั้นกระดก
- ระบบในการเข้าออกรถยนต์ – จดจำป้ายทะเบียน , License Plate Recognition (LPR)
- ระบบในการเข้าออกและขึ้นลงอาคาร – Face Scan
- CCTV ส่วนกลาง – จำนวน 153 จุด
- รั้วรอบโครงการ สูง 3 เมตร (ทึบสลับโปร่ง)
Plan ชั้นพักอาศัย
เนื่องจากห้องขนาดใหญ่ที่เป็น Duplex, Sky Villa และ Penthouse ขายหมดไปแล้ว เราเลยขออธิบายเฉพาะ Typical Floor plan หรือชั้นพักอาศัยหลักของอาคารแทนนะคะ
จำนวนห้องพักต่อชั้นสูงสุดจะอยู่ที่ 15 ยูนิต ถือว่าไม่เยอะมาก โดยจะมีลิฟต์โดยสารอยู่ 3 ตัว และมีลิฟต์บริการ (Service) อีก 1 ตัว ถือว่าความหนาแน่นค่อนข้างต่ำเลย ส่วนทางเดินหน้าห้องพักก็จะมีส่วนที่เป็น Single corridor และ double corridor คละๆ กันไป จุดที่น่าสนใจคือการออกแบบประตูเข้าห้องของแต่ละยูนิตจะไม่เปิดออกมาชนกันพอดี ตรงนี้ก็จะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับแต่ละห้องได้ค่ะ
การจัดวางตำแหน่งห้อง ห้อง 2 Bedroom จะถูกวางไว้ที่มุมอาคารเป็นหลัก ห้อง 1 Bedroom จะถูกวางไว้ฝั่งที่หันหน้าไปยังถนนสุขุมวิท หรือทิศใต้ซึ่งอาจจะได้รับแดดช่วงบ่ายๆ เย็นๆมากหน่อย ส่วน 1 Bedroom Plus ก็จะมีทั้งตำแหน่งที่หันไปยังทองหล่อ, มุมอาคารเห็นถนนเอกมัย และมีตรงกลางอาคารมองลงไปยัง Court ที่เป็นสวนชั้น 7 ด้วยค่ะ
บรรยากาศโถงลิฟต์และทางเดินชั้นพักอาศัย
ชั้นที่เรามานี้จะเป็นชั้น 12A ซึ่งออกมาจากลิฟต์ก็จะเจอกับผนังกระจก มีต้นไม้อยู่ด้านนอกดูร่มรื่น
แบบห้อง
รูปแบบห้องพักอาศัยของโครงการนี้จะเน้นไปที่ห้องที่พื้นที่ขนาดใหญ่ มีหลายหลายแบบให้เลือก ตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ไปจนถึงห้อง Penthouse ขนาด 177 ตร.ม.ค่ะ รายละเอียดของห้องมีดังนี้
- 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 39.5 – 40 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 74.5 – 86.5 ตร.ม.
- 2 Bedroom Duplex ขนาด 64 – 129.5 ตร.ม. (Sold Out)
- SKY Villa ขนาด 109 – 121 ตร.ม. (Sold Out)
- Penthouse ขนาด 100 – 177 ตร.ม. (Sold Out)
สังเกตได้ว่าห้องขนาดใหญ่จะขายดีนะ เพราะได้ขนาดที่เหมือนบ้านจริงๆ แต่เป็นบ้านที่อยู่บนทำเลเอกมัย-ทองหล่อ และเป็นโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่มากด้วยค่ะ โดยราคาเริ่มต้นปัจจุบันของห้อง 1 Bedroom จะอยู่ที่ 7.3 ล้านบาท ห้อง 1 Bedroom plus อยู่ที่ 7.9 ล้านบาท และ ห้อง 2 Bedroom ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 17.9 ล้านบาทค่ะ
สำหรับห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูในรีวิวนี้จะมีอยู่ 2 ห้องค่ะ เป็น 1 Bedroom Plus ขนาด 40 ตร.ม. และ ห้อง 2 Bedroom ขนาด 85.5 ตร.ม. จัดว่าเป็นห้องไซส์ใหญ่ทั้งคู่เลยค่ะ เราไปดูกันดีกว่าว่าภายในห้องจะเป็นอย่างไร
รายละเอียดวัสดุภายในห้อง
- รูปแบบการขาย Fully Fitted (ได้ชุดครัวและห้องน้ำ)
- ความสูงภายในห้อง 2.8 เมตร
- พื้นห้อง Hybrid Engineering Wood
- Top ครัวหิน Quartz แบบ Food grade
- เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ไมโครเวฟของ Franke
- ห้องน้ำสำเร็จรูป
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ของ Kohler
- ฉากกั้นอาบน้ำ ของ Bath & Spa
- อ่างอาบน้ำ ของ Kasch
- จุดติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น และ จุดติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน(เฉพาะห้องที่มีอ่างอาบน้ำ)
- กรอบบานประตู/หน้าต่างอลูมิเนียม กระจกลามิเนตเขียวตัดแสงหนา 2 ชั้น
- ระเบียงได้กระจกแบบ Double skin (ห้องทิศใต้และตะวันตก)
- เครื่องปรับอาการ 2-3 ตัว แบบ Wall type (ขึ้นอยู่กับรูปแบบห้อง)
- Home Automation ควบคุมการเปิดปิด ไฟ/แอร์ ผ่าน Application
- ประตูห้องติดตั้ง Digital Dool Lock
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
1 Bedroom Plus
ห้องตัวอย่างแรกที่จะไปดูกัน เป็นห้อง 1 Bedroom plus ขนาด 40 ตร.ม. รูปแบบการขายของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Fitted หรือว่าห้องเปล่านะคะ แต่ก็จะได้ชุดครัว และ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำให้มาเรียบร้อย เรามาดูจุดเด่นของห้องแบบนี้กันค่ะ
- ห้องหน้ากว้าง – พื้นที่ห้องนอนและ Living area แยกออกจากกัน ทำให้ได้ห้องนอนเป็นห้องปิด แยกเป็นสัดส่วน ใครที่อยู่กัน 2 คน คนหนึ่งจะทำงาน คนหนึ่งจะนอนก็ไม่มีแสงหรือเสียงดังมารบกวนกันมาก
- ห้องน้ำเข้าออก 2 ทาง – ห้องน้ำออกแบบมาให้เข้าได้ทั้งจากห้องนอน และ Living area ค่ะ ทำให้ได้ทั้งความสะดวกของเจ้าของห้อง อาบน้ำเสร็จอยากแต่งตัวก็เดินเข้าห้องนอนได้เลย ในขณะที่ถ้ามีแขกมาเยือน ก็เข้าห้องน้ำได้ โดยไม่ต้องผ่านห้องนอนเช่นกัน
- ห้องอเนกประสงค์ – ห้องนี้เรามองว่าเป็น Extra area ที่เติมเต็มบุคลิกหรือความต้องการเฉพาะของเจ้าของห้องได้ ใครที่ Work from home บ่อยๆ ก็สามารถจัดไว้เป็นห้องทำงาน หรือจะกั้นเป็นชั้นวางของ เก็บกระเป๋า / เสื้อผ้าเพิ่มเติมก็ได้ แม้กระทั่งจะเป็นห้องออกกำลังกายส่วนตัวก็ทำได้สบายเลยค่ะ
- ระเบียง 2 ชั้น – พื้นที่ระเบียงโดยทั่วไปแล้วจะเป็นระเบียงเปิดโล่งมีราวกันตก แต่ระเบียงของโครงการนี้จะออกแบบให้มีประตูบานเลื่อนเพิ่มอีก 1 ชั้น ทำให้พื้นที่ระเบียงกลายเป็นพื้นที่ indoor ได้ 100% ตรงนี้ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้นะคะ หรือเวลาที่เราตากผ้า แล้วมีธุระต้องออกจากบ้าน ก็ปิดหน้าประตูเอาไว้ ไม่ต้องห่วงว่าฝนจะตก ผ้าจะเปียกค่ะ
มาดูห้องจริงกัน เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าห้องเลย บานประตูจะทำผิวลายไม้เอาไว้ ดูสวยงาม และมีติดตั้ง Digital Door Lock เอาไว้ให้ เข้าออกได้จาก Keycard, Password, finger scan
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วน Dining ก่อน โดยจะมีห้องนอนอยู่ด้านในทางขวามือ (ปิดประตูก็ได้ความเป็นส่วนตัวแล้ว)
ภายในห้องถือว่าสูงโปร่งเลยค่ะ ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.8 เมตร วัสดุภายในห้องก็ถือว่าสมราคา พื้นห้องเป็น Hybrid engineering wood ชุดประตูหน้าต่างที่เป็นกระจกจะได้กรอบบานอลูมิเนียม + กระจกเขียวตัดแสง ซึ่งถือว่าเป็นกระจกที่ได้แสงสว่างที่ดีในขณะที่นำความร้อนเข้าน้อยค่ะ (กระจกชนิดอื่นอาจจะกันความร้อนได้มากกว่า แต่ก็จะมืดไป หรือว่าถ้ากระจกใสมาก ความร้อนก็จะเข้ามาเยอะ ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเลือกใช้กระจกเขียวตัดแสงกันค่ะ)
อีกฝั่งของประตูทางเข้าจะเป็นห้องน้ำนะ ซึ่งห้องน้ำนี้เข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งจากห้องนอนและพื้นที่กินข้าวตรงนี้
ครัว
ครัวที่ให้มาจะเป็นครัวเปิดค่ะ โดยทางโครงการตีโจทย์คนที่อยู่อาศัยในโซนนี้ว่าเป็นครอบครัวขยาย คนทำงานที่ไม่ค่อยได้ทำอาหารกินเองแบบจริงจังมากนัก อาจจะไปกินข้าวกับที่บ้าน แล้วกลับมานอนที่คอนโด หรือหาซื้ออะไรในโซนนี้กินมากกว่า (ตรงข้ามโครงการก็มีร้าน “เฮียให้” Premium street food ที่แนะนำใน มิชลิน ไกด์ด้วยนะ) ดังนั้นครัวที่เปิดโล่งเชื่อมกับพื้นที่กินข้าว นั่งเล่น ก็ช่วยให้ space ภายในห้องดูโปร่ง โล่ง สบายขึ้นค่ะ
ชุดครัวที่ให้มาจะได้เคาน์เตอร์หน้าตาแบบนี้ Top เคาน์เตอร์เป็นหิน Quartz food grade มีชั้นเก็บของให้มาครบ หน้าบานตู้จะสลับลายกัน ลดทอนความซ้ำและน่าเบื่อได้ค่ะ
พื้นที่กินข้าว
พื้นที่กินข้าวจะอยู่ตำแหน่งหน้าเคาน์เตอร์ค่ะ โดยขนาดพื้นที่จะอยู่ที่ประมาณ 2.5 x 2 เมตร วางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งได้นะคะ
ในห้องตัวอย่างจะจัดโต๊ะกินข้าวแบบ 2 ที่นั่งให้ดูเป็นไอเดีย น่าจะเหมาะกับปริมาณผู้อยู่อาศัยในห้อง 1 Bedroom มากกว่า แต่จะเน้นพื้นที่โต๊ะที่ใหญ่ขึ้น สามารถวางกับข้าว หม้อสุกี้ได้สบายนะคะไซส์นี้ เป็นไอเดียที่น่าสนใจดีเลย สามารถเดินรอบโต๊ะได้ และไม่เกะกะทางเดินด้วย
พื้นที่นั่งเล่น
ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ตรงนี้มีหน้ากว้างประมาณ 2.4 และลึก 2.7 จัดวางโซฟายาว 2 เมตรได้สบาย หาโคมไฟหรือต้นไม้มาวางข้างๆ โซฟาก็ได้ค่ะ โดยพื้นที่ตรงนี้จะไม่ได้อยู่ติดกับผนังภายนอก ซึ่งเรามองว่าดีค่ะ เพราะจะลดเงาสะท้อนที่ส่องไปยังทีวีได้ และสามารถติดม่านไม่ให้แสงเข้าเวลาดูหนังได้ด้วย
เราสามารถจัด Coffee table เล็กๆ ไว้ข้างหน้าโซฟาได้นะคะ
ห้องอเนกประสงค์
ระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและห้องอเนกประสงค์จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนค่ะ ซึ่งชุดประตูบานเลื่อนนี้ก็ออกแบบมาเต็มความกว้างและความสูงของห้องพอดี พื้นที่ทั้งสองส่วนเลยเชื่อมต่อกันได้เต็มที่ (การสั่งให้พอดีพื้นที่ราคาจะสูงกว่าขนาดมาตรฐานที่ขายทั่วไปด้วยนะคะ)
ส่วนห้องอเนกประสงค์เป็นห้องที่มีขนาดประมาณ 2.1 x 2.3 เมตร ในห้องตัวอย่างจัดเป็นมุมทำงานให้ดู บรรยากาศก็ดูกว้างขวาง ทำงานสบายอยู่นะคะ
จุดที่น่าสนใจคือการออกแบบผนังกระจกเข้ามุมตรงนี้ค่ะ โดยผนังด้านข้างนี้ก็จะติดกับระเบียงที่เชื่อมต่อกับห้องนอน ทำให้ห้องอเนกประสงค์ดูกว้างมากขึ้น เห็นวิวได้มากขึ้นด้วยนะ
โดยรวมแล้วห้อง 1 Bedroom plus นี้มีพื้นที่ที่สามารถจัดวางฟังก์ชันได้ครบครันเลยค่ะ ขนาดพื้นที่ก็กำลังพอดีนะ
ห้องน้ำ
ห้องน้ำของห้องนี้สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางนะคะ
ห้องนอน
ภายในห้องนอนนี้จะมีหน้ากว้างประมาณ 2.65 และมีความลึกประมาณ 3.6 เมตร ถือว่ามีขนาดใหญ่เลยค่ะ
เป็นห้องนอนที่สามารถเข้าห้องน้ำได้โดยตรง ไม่ต้องเดินออกจากห้องนะ สะดวกเวลาใช้งานตอนกลางคืน หรือว่าอาบน้ำแต่งตัวค่ะ
ตู้เสื้อผ้าเราสามารถจัดวางไว้แบบในห้องตัวอย่างได้เลย เลือกขนาด 1.2 – 1.5 เมตรได้เลยนะคะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดเตียงที่เราต้องการด้วยนะ
ปลายเตียงจะเหลือขนาดทางเดินแบบพอดีๆ ถ้าอยากติดทีวีในห้องนอนให้เลือกแบบแขวนผนังดีกว่าค่ะ
อีกจุดที่น่าสนใจของห้องนอนจะเป็นผนังที่เชื่อมกับระเบียง ซึ่งจะมีส่วนที่เป็นผนังทึบอยู่ตรงหัวเตียงพอดี ทำให้ส่วนที่นอนไม่ร้อนจนเกินไปด้วยนะ นอนหลับสบาย
ส่วนระเบียงของโครงการนี้ก็ออกแบบมาพิเศษค่ะ เรียกว่า Double skin มีชุดประตูบานเลื่อน 2 ชั้น ซึ่งตัวชั้นในที่ติดกับห้องนอนก็สามารถเลื่อนเปิดได้สุด ไปซ่อนที่ผนังทึบได้เลย ทำให้พื้นที่เชื่อมต่อเต็มที่จริงๆ ไม่มีบานกระจกมาเกะกะ
ขนาดระเบียงจะอยู่ที่ 1.6 x 1 เมตร ดูแล้วเป็นได้ทั้ง indoor และ semi-outdoor เป็นพื้นที่ตากผ้าได้ หรือจะเก็บของ ปลูกต้นไม้ ได้หมดเลยค่ะ
วิวก็ค่อนข้างเปิดกว้าง เพราะผนังด้านข้างจะเป็นกระจกใส เชื่อมต่อกับห้องอเนกประสงค์ได้นะ
ส่วน Service อย่างพื้นที่วาง CDU ของแอร์ก็จะแยกพื้นที่ไว้อีกส่วนเรียบร้อย มีประตูทึบปิดบังสายตา
วิวภายในห้องจากชั้น 12A ค่ะ ชั้นไม่ได้สูงมาก แต่ไม่มีอาคารสูงมาบังวิวในระยะประชิดนะ
2 Bedroom
ห้องตัวอย่างต่อมาเป็นแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ตำแหน่งมุมอาคาร ห้องนี้มีขนาด 85.5 ตร.ม. ถือว่ามีขนาดใหญ่เลยค่ะ โดยราคาห้องนี้จะเริ่มต้นที่ 17.9 ล้านบาท เป็นห้องที่อยู่เป็นครอบครัวได้สบาย แทนบ้านเลย แต่เป็นบ้านที่อยู่บนอาคารสูง มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ครบ ทำเลใจกลางเมือง โดยห้องนี้มีจุดที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ
- Foyer – เข้ามาจากประตูห้องจะเจอกับ Foyer เล็กๆ เป็นจุดต้อนรับ ซึ่งเราสามารถวางของตกแต่งที่ผนังบริเวณนี้ได้ โดยส่วนนี้มีประโยชน์คือจะเป็นจุดบังสายตา ให้คนที่อยู่บริเวณทางเดินไม่สามารถมองเข้ามาเห็นภายในห้องได้โดยตรง เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยได้
- ครัวใหญ่ มี island ตรงกลาง – ซึ่งจะแตกต่างจากครัวของ 1 Bedroom plus ที่ไปดูก่อนหน้า ทำให้พื้นที่ส่วนครัวเชื่อมต่อกับส่วนกินข้าวและนั่งเล่น บรรยากาศเหมือนบ้านค่ะ
- ห้องนั่งเล่นเข้ามุม – ตำแหน่งห้องนั่งเล่นจะอยู่ที่มุมอาคารพอดี ทำให้ได้วิวเปิดโล่ง และแสงสว่างเข้ามายังใจกลางห้องได้เต็มที่
- ห้องน้ำ 2 ห้อง – โดยห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวค่ะ ฟังก์ชันแบบนี้ไม่ต่างจากบ้านขนาดเริ่มต้นเลยนะ
- ห้องนอนรองขนาดใหญ่ – พื้นที่ภายในห้องนอนรองถือว่ากว้าง วางเตียง Queen size หรือ King size ได้เลย
- แนวทางเดินข้างห้องครัว เป็นมุมเก็บของขนาดใหญ่ – ทางเดินข้างครัวไปยังห้องนอนรองจะมีผนังทึบยาว ซึ่งเราสามารถ Built-in เพิ่มเป็นตู้เก็บของขนาดใหญ่ได้ เพิ่มเป็นพื้นที่เก็บรองเท้า ชั้นวางหนังสือ หรือเก็บข้าวของอื่นๆ ได้เต็มที่
- Master Bedroom มี Sexy bath – ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะออกแบบให้เป็น Sexy Bath ที่มีอ่างอาบน้ำให้มาด้วยค่ะ
Foyer
เข้าห้องมา เราจะเจอกับ Foyer เล็กๆก่อนนะคะ เป็นแนวทางเดินกว้าง 1.1 เมตร เล็กๆ มีผนังทึบที่เราสามารถหางานศิลป์สวยๆ มาแขวนตกแต่งได้
เข้ามาจะเป็น Common Area ของห้อง ประกอบไปด้วย ครัว พื้นที่กินข้าว และพื้นที่นั่งเล่น เป็น open plan เชื่อมต่อกัน จุดที่เราว่าน่าสนใจคือการออกแบบให้มีผนังทึบ โปร่ง สลับกันค่ะ แม้จะเป็นห้องตำแหน่งมุมที่สามารถเป็นผนังกระจกได้ทั้งหมด แต่ก็ออกแบบมาให้มีส่วนที่เป็นผนังทึบเอาไว้ ไม่ให้ภายในห้องร้อนเกินไป และมีผนังให้เราจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ด้วย
ครัว
ครัวของห้องนี้จะเป็นครัวเปิด ที่มีเคาน์เตอร์ยาวตรงกลางเป็นแบบ Island ได้บรรยากาศเหมือนบ้านเลยค่ะ เป็นครัวที่ออกแบบไว้โชว์ แขกที่มาเยี่ยมเยือนได้ด้วย
ตัวเคาน์เตอร์จะมีความยาวถึง 3.1 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่เลยค่ะ และมีทางเดินตรงกลางราวๆ 1 เมตร นับว่าเดินใช้งานได้สะดวกนะ โดยภายในครัวก็จะมีเตาไฟฟ้า พร้อมเครื่องดูดควัน ไมโครเวฟ และอ่างล้างจานมาให้ครบชุด ของ FRANKE นอกจากนี้ Top ของเคาน์เตอร์ครัวก็จะได้เป็นหิน Qaurtz food grade ที่ทนและปลอดภัยด้วยค่ะ
ทางเดินตรงกลางกว้าง ใช้งานได้ง่าย
พื้นที่กินข้าว
สำหรับพื้นที่กินข้าวตรงนี้มีขนาดประมาณ 4 x 3 เมตรได้ โดยห้องตัวอย่างจะจัดไว้เป็นโต๊ะกินข้าวแบบ 6 ที่นั่งซึ่งรองรับได้ทั้งครอบครัวและเผื่อเชิญแขกมาที่บ้านก็สามารถเติมเก้าอีกเพิ่มอีกได้ค่ะ
โต๊ะกินข้าวเชื่อมต่อกับครัวต่อเนื่องกัน
พื้นที่นั่งเล่น
ส่วนพื้นที่นั่งเล่นตรงนี้มีขนาดประมาณ 3 x 3 เมตร อยู่ที่มุมห้องพอดี ทำให้การออกแบบพื้นที่ตรงนี้เป็นกระจกเข้ามุม สามารถนั่งเล่นพักผ่อนและชมวิวไปได้ในตัว (ห้องนี้จะหันไปทางทองหล่อพอดีนะคะ)
เป็นมุมพักผ่อนที่บรรยากาศดีเลยค่ะ นั่งเล่น ชมวิวได้
วิวจากห้องตัวอย่างชั้น 12A
วิวจากห้องตัวอย่างชั้น 12A
พื้นที่ Common area และห้องนอนจะใช้ห้องน้ำเดียวกันค่ะ โดยตำแหน่งของห้องน้ำนั้นจะอยู่หน้าห้องนอนรองพอดี ซึ่งทางเดินด้านข้างจะมีพื้นที่อยู่ สามารถจัดเป็นชั้นวางของ ชั้นวางรองเท้าได้ ซึ่งผนังตรงนี้จะยาวกว่า 4 เมตรเลย ซึ่งเรามองว่าพื้นที่แบบนี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่ซื้อคอนโดอยู่แทนการอยู่บ้านมาก เพราะสมาชิกแต่ละคนต้องการพื้นที่เก็บของเยอะค่ะ
ห้องน้ำ
ส่วนห้องน้ำนี้ก็จะแยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ให้ มีหน้าต่างอยู่ด้านข้างช่วยให้ห้องน้ำดูสว่างน่าใช้งานเลย โดยสุขภัณฑ์ต่างๆ ภายในห้องจะใช้เป็นของ Kohler ค่ะ
กระจกเงาได้บานใหญ่เลย ทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นด้วยนะ
ห้องนอนรอง
ตัวห้องนอนรองถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ ขนาดประมาณ 2.8 x 5 เมตรได้ เรียกว่ากว้างกว่า master bedroom ของห้องบาง type เลยค่ะ
ภายในห้องจัดวางเตียง King size ได้เลยค่ะ เป็นห้องที่นับว่าอยู่กัน 2 คนสบาย
อีกฝั่งสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เต็มผนังเลย
โดยที่ยังเหลือพื้นที่จัดเป็นโต๊ะทำงานหรือว่าโต๊ะเครื่องแป้งส่วนตัวภายในห้องได้ด้วยนะ
เป็นห้องนอนรองที่มีขนาดใหญ่อยู่สบาย 1-2 คนเลยค่ะ
มาที่ส่วนถัดไปค่ะ ประตูทางซ้ายจะเป็นห้องนอนใหญ่ และก็มีประตูทางด้านขวาไปยังระเบียงค่ะ
Balcony
พื้นที่ตรงนี้จะเรียกว่าระเบียงก็ไม่เต็มปากเหมือนกันค่ะ เป็นห้องอเนกประสงค์ที่ได้ Double Skin หรือประตูบานเลื่อนอีกชั้นที่ราวกันตก ทำให้ห้องนี้สามารถจัดเป็นห้องซักรีด หรือห้องเก็บของได้
โดยพื้นที่ตรงนี้มีขนาด 2 x 1.95 เมตร เรามองว่าวางเครื่องซักผ้าตรงนี้ก็ได้ หรือใครที่ห้องนอนเก็บเสื้อผ้าไม่พอก็เพิ่มตู้เสื้อผ้าไว้ตรงนี้ก็ได้นะคะ
ส่วนพื้นที่วาง CDU แอร์ก็จะมีประตูทึบแยกไปอีกชั้น ไม่รวมกับพื้นที่ใช้งานที่อยู่ด้านในค่ะ
Master Bedroom
เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนใหญ่เราจะไม่เจอกับเตียงนอนโดยตรงนะคะ ซึ่งเราจะเจอกับตู้เสื้อผ้าทางซ้ายมือก่อน และห้องน้ำที่อยู่ด้านใน
พื้นที่ข้างประตูทางเข้าห้องนอนนี้มีความยาว 2.15 เมตร เราสามารถ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าได้เต็มผนังเลยค่ะ
ส่วนห้องน้ำนี้ก็จะได้แบบ Sexy Bath เป็นกระจกใสเข้ามุม ช่วยให้พื้นที่ภายในห้องนอนดูกว้างขึ้นด้วยค่ะ
ห้องน้ำนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น แยกฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน สุขภัณฑ์ต่างๆ ใช้ของ Kohler เป็นหลัก มีดีเทลการออกแบบช่องเก็บของเล็กๆ บริเวณผนังไว้ค่อนข้างเยอะ และด้วยการที่ออกแบบให้ห้องน้ำเป็นแบบ Sexy Bath ทำให้ห้องดูสว่างน่าใช้งานด้วยค่ะ
อ่างล้างหน้ามีชั้นวางของใต้อ่าง และมีผนัง Low wall ทางด้านหลัง วางของใช้ได้ และมีปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบเอาไว้ให้ใช้เครื่องเป่าผมได้ด้วยนะคะ
ส่วนห้องนอนจะมีพื้นที่ 3.2 x 3 เมตร จัดวางเตียงขนาด King Size ได้สบายค่ะ
ปลายเตียงเหลือทางเดินค่อนข้างกว้าง เดินได้สบายเลยนะ
จุดที่น่าสนใจคือผนังกระจกเข้ามุม ที่ช่วยเปิดมุมมองหรือวิวให้กับห้องนอน ได้วิวเต็มตาเลยค่ะ
เป็นห้องที่ออกแบบฟังก์ชันมาได้พอดิบพอดีกับรูปร่างของห้องเลยนะคะ พื้นที่อาจจะไม่ได้กว้างเหลือๆ แบบในห้องนอนรอง แต่จะได้ฟังก์ชันครบครัน ได้ความสะดวกเพราะได้ห้องน้ำในตัว และได้วิวที่ดีด้วยค่ะ
ห้อง 2 Bedroom นี้เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่หาคอนโดอยู่แทนบ้าน อยากได้ห้องใหญ่อยู่สบาย ทำเลใจกลางเมือง ห้องนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยนะคะ
ราคา
RHYTHM เอกมัย เอสเตท ราคา ณ วันที่ 1 November 2022
- 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม.
ราคา 7.3 ล้านบาท หรือ 208,571 บาท/ตร.ม. - 1 Bedroom plus ขนาด 40 ตร.ม.
ราคา 7.9 ล้านบาท หรือ 197,500 บาท/ตร.ม. - 2 Bedroom ขนาด 85.5 ตร.ม.
ราคา 17.9 ล้านบาท หรือ 209,357 บาท/ตร.ม. - ราคาเริ่มต้น 6.19 ล้านบาท (update 28/8/2024)
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- มีรถรับ-ส่ง BTS เอกมัย
- จอง 50,000 บาท (1 Bedroom, 1 Bedroom plus) และ จอง 100,000 บาท (2 Bedroom)
- ทำสัญญา – ไม่มี
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
อยู่ติดกับถนนเอกมัย ห่างจากปากซอยประมาณ 1 กม. เป็นย่าน Lifestyle ใกล้ทองหล่อซอย 10 เชื่อมไปยังทองหล่อได้ง่าย ล้อมรอบด้วยห้างและ Community mall อย่าง เวิ้งโบราณ, Donki mall ทองหล่อ, Big-C เอกมัย, Tops market ฯลฯ ถือว่าความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นทำเลที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเดินทางโดยใช้รถ :
การจราจรภายในซอยค่อนข้างติด แต่เป็นซอยที่เชื่อมต่อไปหลากหลายเส้นทาง ไปถนนสุขุมวิท, ถนนเพชรบุรีตัดใหม่, ซอยทองหล่อ และถนนสุขุมวิท 71 ได้ง่าย อยู่ใจกลางเมือง
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
ทางโครงการมีรถรับส่งไปยังรถไฟฟ้าสถานีเอกมัยให้ นอกจากนั้นก็สามารถเรียกใช้งานรถสาธารณะต่างๆ เช่น วินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถวที่วิ่งภายในซอย หรือว่าแท็กซี่ได้ไม่ยาก ส่วนตัวมองว่าถ้ารถติด เราก็ยังสามารถเดินจากรถไฟฟ้ามาได้ แม้จะไกลหน่อย แต่ก็เป็นเส้นทางที่เดินได้ค่ะ (สมัยก่อนเราก็เดินจากรถไฟฟ้ามา Big-C เป็นประจำเลย)
วัสดุ :
ภายในโครงการมีการเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ วัสดุที่เห็นบ่อยๆ ก็จะเป็น Rainforest Green Marble หรือหินอ่อนสีเขียวที่ดูเป็นธรรมชาติมาก นอกจากนี้ก็มีการผสมผสานวัสดุอย่างหินและไม้อยู่ทั่วทั้งโครงการ
ส่วนภายในห้องถือว่าให้มาดีตามราคาที่จ่าย พื้นได้เป็น Hybrid Engineering Wood, Top ครัวหิน Quartz แบบ Food grade, เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ไมโครเวฟของ Franke, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ของ Kohler, ฉากกั้นอาบน้ำ ของ Bath & Spa, อ่างอาบน้ำ ของ Kasch, กรอบประตูหน้าต่างกระจกอลูมิเนียม บานกระจกสีเขียวตัดแสง
การออกแบบ :
Concept ของโครงการคือ “Feel like home” ดังนั้นภายในอาคารจะมีการออกแบบส่วนกลางที่ให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มีบันไดเชื่อมระหว่างส่วนกลางหลายๆ ชั้น มีชานบ้านกึ่งๆ outdoor นั่งเล่นรับลมในร่มได้ เห็นต้นไม้ มีน้ำล้อมรอบ รับลม ขนาดกว้างขวางและได้ความเป็นส่วนตัว
ส่วนภายในห้องพักจะเน้นพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อให้อยู่อาศัยสบาย จุดที่น่าสนใจคือระเบียง 2 ชั้นแบบ Double Skin เพิ่มพื้นที่ใช้งานภายในห้องได้ ส่วนห้องพักก็มีหลายแบบ ตอบโจทย์ทั้งคนที่แยกมาอยู่คนเดียว หรือคนที่อยากได้คอนโดแทนบ้าน อยู่กันทั้งครอบครัว
สาธารณูปโภค :
จุดเด่นที่สำคัญของโครงการนี้คือพื้นที่ส่วนกลาง ให้มามากถึง 10 ชั้น ขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับจำนวนห้องที่มี 303 ยูนิตแล้วถือว่าเยอะเลยทีเดียวค่ะ เวลาใช้งานไม่ต้องแย่งกันใช้ ในส่วนฟังก์ชันหลักๆ อย่างสระว่ายน้ำ สวน ฟิตเนส ก็ให้มาครบ และก็ยังมีมุมนั่งเล่นหลากหลายจุด หลากหลายบรรยากาศให้ได้มาใช้งานกัน ฟังก์ชันที่น่าสนใจก็มีอยู่เยอะค่ะ เช่น สระว่ายน้ำ 360 องศา ได้วิวรอบอาคาร, มีจุดชมวิว, Sunket seat ให้นั่งชมวิวตามมุมต่างๆแบบเป็นส่วนตัว, อุปกรณ์ภายในฟิตเนสได้ของ Techno Gym ที่มีชื่อเสียง และมี Wellness Spa ที่มี White ION Bath ไม่แพ้สปาภายนอกเลยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 220,00 190,000 บาท/ตร.ม. (update 28/8/2024)
- ทำเล 7.75/10 – ใจกลางเอกมัย ใกล้ทองหล่อ
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีรถรับส่งรถไฟฟ้า
- วัสดุ 7.25/10 – ได้เป็น Fully Fitted
- แบบ 9/10 – ออกแบบอาคารและห้องออกมาดี
- สาธารณูปโภค 9/10 – ให้มาถึง 10 ชั้น รายละเอียดการออกแบบดี
- LUXURY CLASS
- 7.888 / 10.00
RHYTHM เอกมัย เอสเตท เหมาะกับใคร?
โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท เหมาะสำหรับคนที่มองหาคอนโดระดับ Luxury อยู่ในโซนเอกมัย-ทองหล่อ มองหาโปรดักส์ที่ดีไซน์เด่น อยู่อาศัยได้สบายไม่ต่างกับการอยู่บ้าน ให้ความสำคัญกับการออกแบบ และ การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายแต่ได้ความเป็นส่วนตัว สำหรับคนที่อยู่คนเดียวหรืออยู่เป็นคู่อาจจะมีงบประมาณ 10 ล้านบาท (รวมตกแต่ง) ส่วนคนที่ต้องการห้องใหญ่อยู่เป็นครอบครัวควรจะมีงบประมาณ 20 ล้านบาทค่ะ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc